บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 70 “ณัฐวนิช”
อาจบางทีในเมืองกว้างใหญ่ หมอกและควันช่วยกันพรางตา มีขอบรั้วขอบกำแพงสร้างมา ตึกระฟ้าคอยบังเราอยู่ แต่เราก็หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา
ผมเดินไปเดินมาอยู่ในงานศพ ไม่เป็นอันกินอันนั่ง จนทุกๆ คนเอือมระอาที่จะพูดกับผม จึงปล่อยให้เดินพล่านไปทั่วบริเวณด้วยความเป็นกังวล ทั้งห่วงน้องหยกที่ต้องเดินทางไปกองปราบเพื่อให้เบาะแสเรื่องคนร้าย และพะวงเรื่องพี่พีทที่กำลังจะมาถึงในเวลาอันใกล้นี้แล้ว
“กฤษ...พลัส พลัส ไอ้พลัส มึงยังจำชื่อตัวเองไม่ได้เลยใช่ไหม” เสียงไอ้ทองดังอยู่ข้างหลังจนผมตกใจสะดุ้งสุดตัว ไม่ใช่ไม่ได้ยินเพราะจำชื่อใหม่ตัวเอง หรือชื่อเดิมที่พ่อแม่แท้ๆ ผมตั้งให้ตั้งแต่เกิดไม่ได้ แต่เพราะกำลังคิดเรื่องอื่นวุ่นวายอยู่ในหัวสมองจนยุ่งไปหมดต่างหาก
“อะไรวะ กูจำได้ว่ากูให้มึงเรียกกูว่พลัส แต่มึงจะตะโกนมาทำเชี้ยอะไร หูกูจะแตก” ผมหันไปด่าไอ้ทองด้วยความโมโห มันยืนหน้านิ่วมองผมด้วยความรำคาญเช่นกัน ทุกคนในงานศพก็ดูท่าทางเป็นห่วง หรือไม่ก็กังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นพอสมควร
“กูว่ามันแปลกๆ นะ เรียกมึงว่าพลัสยังไงก็ไม่ชิน ดูไฮโซเป็นบ้าเลยว่ะ ให้พวกกูเรียกไอ้กฤษบ้านนอกเหมือนเดิมไม่ได้เหรอวะ” ไอ้ทองหาเรื่องติผมเรื่องชื่อจนได้
“ไม่ได้ กูสัญญากับปู่แล้วว่าต้องกลับไปอยู่กับครอบครัวแท้ๆ ของกูให้ได้ พ่อแม่กูตั้งชื่อให้กูว่าพลัส พวกมึงก็ต้องเรียกกูว่าพลัส เข้าใจไหมไอ้ทองหล่อ อิจฉากูล่ะสิที่มีชื่อเล่นไฮโซ ชื่อกูดูดีกว่ามึงเยอะเลยว่ะ” ผมพยายามอธิบายสั้นๆ ให้ไอ้ทองมันเข้าใจ
“หนอย...ไอ้กิ้งก่า ไม่ทันไรชูคออวดชื่อไฮโซใส่กูซะแล้ว ถึงชื่อมึงจะไฮโซ แต่กูว่าหน้าตากับสันดานมึงก็ยังบ้านนอกอยู่ดีล่ะวะ คนเชี่ยอะไรนั่งโชว์ตูดขาวจั๊วะขี้ลงคลองหลังบ้าน รอให้มึงดังเมื่อไรกูจะเอารูปมึงตอนขี้ไปขายให้นักข่าว” ไอ้ทองมันขู่ผมเรื่องสมัยเด็กที่ผมไม่ชอบเข้าไปถ่ายในส้วมเพราะมันเหม็น จึงถอดกางเกงถ่ายลงคลองหลังบ้านในสวน ไม่นึกว่ามันจะมาหาผมที่บ้านแล้วเห็นผมในสภาพนั้นจนได้
“ไอ้ทอง...ถ้ามึงปล่อยให้รูปกูออกไปให้คนอื่นเห็นเมื่อไรกูจะ...กู...กูจะทำอะไรมึงดีวะ” ผมยังคิดไม่ออก แต่เริ่มโมโหมันขึ้นมา ไม่นึกว่ามันจะมีอารมณ์มาพูดกับผมเรื่องแบบนี้ ทำเอาตอนนี้ผมต้องลืมเรื่องน้องหยกกับพี่พีทออกไปก่อนจนได้ อยากจะเตะก้นมันแรงๆ สักป๊าบจริงๆ
“โถ...โถ...โถ...ไม่ทันไร ถึงกับด่ากูไม่ออก วิญญาณผู้ดีเข้าสิงมึงแล้วล่ะสิ กูไม่ได้มีแค่รูปมึงขี้นะไอ้คุณพลัส กูยังมีรูปมึงแอบดูหนังสือโป๊ รูปมึงแก้ผ้าอาบน้ำหลังบ้าน รูปมึงถกกางเกงเกาตูดไม่ใส่กางเกงใน รูปมึง...ว๊าย...” ไอ้ทองยังพูดไม่ทันจบผมก็ยกขาทำท่าจะเตะมัน ทำให้มันตกใจสาวแตก รีบวิ่งหนีผมออกไปนอกศาลา
“พี่พลัสคะ อย่าไปถือสาเจ๊เลยค่ะ เจ๊แค่อยากแหย่ให้พี่ไม่ต้องคิดมากเรื่องพี่หยกเท่านั้นเอง แต่หัวสมองแบบนั้นคงหาวิธีดีๆ ไม่ค่อยได้ เลยต้องมายั่วให้พี่โมโหแทน” น้องพลอยเข้ามาห้ามไม่ให้ผมวิงตามไปเตะอีตุ๊ดนั่น นี่ผมนึกไม่ถึงว่ามันจะแอบถ่ายรูปทุเรศๆ ของผมได้เยอะขนาดนั้น สงสัยต้องแอบย่องเข้าห้องมันไปทำลายหลักฐานสักวัน
“พี่พลัสใจเย็นๆ ก่อนนะคะ นั่งคุยกับพลอยตรงนี้ดีกว่า พี่หยกสบายดีแล้วใช่ไหมคะ หมอว่ายังไงบ้าง” น้องพลอยพยายามลากผมมานั่งที่โต๊ะเดียวกับเจ โตโต้ และพี่บาส ส่วนไอ้ทองไม่รู้วิ่งหนีไปถึงไหนแล้ว
“ใช่ครับ ตั้งแต่หยกกลับมาเรายังไม่ได้คุยอะไรเลย เห็นไปหาอาหนึ่งแล้วก็ออกไปข้างนอกกัน ว่าจะถามพลัสผมก็ไม่กล้า ตกลงมีเรื่องด่วนอะไรกันเหรอ” พี่บาสเอ่ยปากถามเรื่องที่น้องหยกคุยกับผม และอาหนึ่ง
“ก็เรื่องที่หยกถูกลักพาตัวไปครับ น้องหยกได้หลักฐานจากโทรศัพท์ที่พวกมันยึด เอามาถ่ายรูปเล่นจนเห็นว่าอยู่ในบ่อนใหญ่ มีสิ่งเสพติด กับหน้าพวกคนร้ายเต็มไปหมด รูปมาจากโทรศัพท์น้องหยก แต่มาโชว์ในเครื่องผม แล้วทำยังไงไม่รู้ถึงบอกได้ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน ทั้งที่พวกมันเปลี่ยนซิมโทรศัพท์ไปแล้ว แถมยังบอกจะแก้แค้นให้ตากับยายอีก ผมไม่สบายใจเลย” ผมอธิบายอย่างไม่เข้าใจเทคโนโลยี
“อ๋อ ระบบ iCloud น่ะครับมันโยนข้อมูลของอีกเครื่องมาสู่อีกเครื่องได้ทางการออนไลน์ แล้วก็มีระบบเช็คว่าเครื่องที่เราตั้งค่าเอาไว้อยู่ที่ไหน แม้จะปิดเครื่องไปมันก็หาเจอได้ครับ น้องหยกฉลาดมากเลยนะครับ อย่างนี้รับรองว่าตำรวจเจอที่ซ่อนของพวกมันแน่ๆ จะว่าไปน้องหยกนี่น่ากลัวนะพลัส” โตโต้อธิบายพร้อมชื่นชมคนรักผมแปลกๆ
“อุ้ย...อย่างนี้พี่พลัสคงหนีไปไหนไม่รอดแน่ พี่หยกฉลาดล้ำแบบนี้ แถมยังไม่ยอมใครอีกแบบนี้ ถ้าพี่พลัสทำอะไรไม่ดีนะมีหวัง หึหึ” น้องเจพูดขู่เสียจนผมเริ่มกลัว
“ได้ข่าวว่าวันก่อนหยกด่าซะมึงหงอยเลยนี่” เสียงไอ้ทองดังมาจากข้างหลัง ไอ้นี่มันชอบเข้ามาทางด้านหลังผมเสียจริง อยากจะลุกไปเตะมันให้สักที แต่เหมือนจะรู้ทันก็เลยรีบวิ่งไปหลบอีกฟาก พร้อมนั่งลงข้างพี่บาสทันที
“มึงพูดเรื่องอะไร กูไม่รู้เรื่อง” ผมใจหายวาบเหมือนกัน กลัวว่ามันจะรู้เรื่องที่ไปแกล้งให้น้องหยกหึงแล้วโดนด่าเสียจนพูดไม่ออก แถมยังไม่ยอมให้ผมแตะต้องตัวไปทั้งคืนอีก
“อย่ามาแกล้งโง่เลยครับคุณพลัส วันงานเลี้ยงที่โรงแรมกู คุณไปยั่วเด็กๆ ที่มาขอถ่ายรูปจนคุณน้องหยกหึงเข้าให้ กูสั่งให้เด็กพวกนั้นไปขอถ่ายรูปมึงเองล่ะ ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า อดเอากับเมียไปเลยคืนนั้น แถมยังโดนด่าจนหน้าเสียอีก ตัวใหญ่ซะเปล่า โดนเมียด่าตาละห้อยยังกับลูกหมา ฮ่าๆๆ นึกแล้วยังขำ” ไอ้ทองมันหัวเราะเสียงดังจนผมหน้าชา ที่แท้เป็นแผนการของมันนี่เอง
“ไอ้ตุ๊ดถึก ไอ้กระเทยควาย มึงเตรียมจองศาลาข้างๆ เอาไว้เลย กูจะฆ่ามึง” ผมรีบลุกขึ้นเตรียมจะไปหักคอมัน ไอ้ทองไหวตัวทันวิ่งพุ่งออกไปด้านหน้าศาลาจนชนใครคนหนึ่งที่เดินลากกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาในศาลางานศพของคุณตาคุณยายผม ทุกคนที่อยู่ละแวกบ้านใกล้เรือนเคียงของผมที่รู้จักกับคุณตาคุณยายในงาน มองชายคนนั้นเป็นตาเดียวกันแม้แต่ผมเองก็ต้องมองค้างอยู่แบบนั้น
“ว๊าย...กรี๊ด...ผีหลอก” ไอ้ทองตะโกนออกมาเสียงดังเมื่อเงยหน้าสบตาชายคนที่มันวิ่งไปชนเข้า ชายคนนั้นถึงกับสะดุ้งเพราะเสียงกรี๊ดของมัน โตโต้ที่หันไปเห็นชายคนนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาอย่างรวดเร็ว ทั้งสองทักทายกันอย่างสนิทสนม แล้วพากันเข้ามาด้านใน
“นาย...เอ่อ...พลัส พลัสใช่ไหม” พี่พีทถามผมออกมาอย่างไม่แน่ใจ ทั้งที่หน้าตาเราเหมือนกันขนาดนี้ เพียงแต่ความขาวที่ผมสู้ไม่ได้ พี่พีทมีผิวที่ขาวกระจ่างใสอมชมพูกว่าผมมาก เหมือนมีรัศมีเปล่งประกายออกมาจากร่าง ช่วงตัวดูแข็งแรงมีกล้ามเนื้อสมส่วน แต่ค่อนข้างบางกว่าผม ความสูงของเราเท่ากัน
“ครับ พี่...เอ่อ...พี่พีท” ผมไม่รู้จะตอบอะไรออกไปได้ดีกว่านี้ เพียงพยักหน้าเท่านั้น พี่พีทก็พุ่งตัวเข้ามากอดผมเอาไว้แน่นจนแทบหายใจไม่ออก ใจผมเต้นแรงจนรู้สึกว่ามันเหมือนจะทะลุออกมาจากอก ผมโดนพี่ชายกอด พี่ชายแท้ๆ ของผม พี่ชายที่มีใบหน้าเหมือนกันกับผมยังกับส่องกระจก พี่ชายฝาแฝดของผม
“ฮือ...ฮือ...พี่ดีใจ ดีใจที่สุดในชีวิต ในที่สุดพี่ก็เจอนายแล้ว พี่ขอโทษนะพลัส พี่อยากขอโทษนายมาตลอดยี่สิบปี นายยังมีชีวิต ขอบคุณมาก ขอบคุณที่นายยังมีชีวิตอยู่...ฮือออ” พี่พีทสะอื้นออกมาทั้งๆ ที่กอดผมเอาไว้แบบนั้น ผมได้แต่ยกมือมาลูบหลังให้พี่ชายเบาๆ รู้สึกว่าดวงตาตัวเองก็เริ่มร้อนผ่าว และพร่ามัวขึ้นมาทันที น้ำตาใสๆ ร้อนๆ หยดออกมาไหลลงอาบแก้มสองข้างตัวเอง
“ครับ...ฮือออ...พี่ ผมยังมีชีวิตครับ พี่ไม่ต้องขอโทษผมหรอก” แม้ว่าผมจะร้องไห้ออกมาจนตัวโยน แต่ในใจกลับพองโตด้วยความดีใจ ผมรู้สึกอบอุ่นไปทั้งร่างกาย พี่พีทผละออกจากร่างผม ใช้แขนทั้งสองข้างจับแขนผมไว้ เราสองคนสบตากัน
“พี่ต้องขอโทษ ยังไงพี่ก็ต้องพูดคำนี้กับนาย พี่รอวันนี้มานานจนคิดว่าไม่มีโอกาสนี้อีกแล้ว พี่มีเรื่องราวเยอะแยะมากมายจะบอกเล่าให้นายฟัง” พี่พีทบอกผมทั้งน้ำตา จนผมต้องยืนตัวแข็งแบบนั้นเพราะทำอะไรไม่ถูก
“พ่อกับแม่ของเราต้องร้องไห้เสียใจทุกครั้งที่ถึงวันเกิดของพี่ ทุกปีจะมีแต่พี่เท่านั้นที่ได้เค้กวันเกิด พี่ยังจำได้ดีแม้ว่าจะอายุน้อยมากก็ตาม เพราะมันเป็นภาพที่บาดใจเหลือเกิน วันเกิดที่ทุกคนควรจะดีใจ แต่กลับกลายเป็นวันที่ทุกคนในบ้านต้องมาเสียอกเสียใจกันทุกครั้งที่มีวันเกิดของพี่แต่ไม่มีนาย พลัส...พี่ขอโทษนะ ถ้านายรู้ความจริงนายต้องโกรธพี่มาก” พี่พีทกำลังพูดเรื่องอะไรผมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ผมคงไม่รู้สึกโกรธอะไรหรอก แค่เจอหน้าพี่ชายฝาแฝดคนนี้ ผมก็ดีใจจนบอกไม่ถูกแล้ว
“พี่พีทครับ ใจเย็นๆ นะครับ ผมไม่สนใจหรอกครับว่าอดีตจะเป็นยังไง มันผ่านมาแล้ว ปัจจุบันผมเจอพี่แล้วก็พอครับ ผมยังมีพ่อมีแม่เหมือนคนอื่น ผมก็ดีใจที่สุดแล้วครับ พี่อย่าคิดมากเลยครับ เชื่อผมนะ” ผมพยายามปลอบให้พี่พีทสงบสติอารมณ์
“นั่นสิพีท ค่อยๆ คุยกันดีกว่า นายเพิ่งมาถึงไปนั่งก่อนดีไหม” โตโต้เข้ามาช่วยพูดอีกคน เราจึงพากันมานั่งที่โต๊ะ น้องพลอยเอาน้ำมาให้พี่พีทดื่ม ไอ้ทองไปเอาขนมมาวางให้ตรงหน้า มันจ้องมองพี่พีทเหมือนไม่เชื่อสายตา ทุกๆ คนในงานต่างมองมาที่พวกเราอย่างสนอกสนใจ คงจะงงกันว่าทำไมถึงมีคนหน้าเหมือนผมโผล่เข้ามาในงานศพแบบนี้
“พี่ครับ ไปไหว้ตากับยายผมหน่อยดีไหมครับ ท่านเป็นคนเลี้ยงผมมาตลอดยี่สิบกว่าปีนี้ ท่านเหมือนพ่อแม่ของผมนะครับ” พอผมบอกออกไป พี่พีทก็พยักหน้าเราสองคนจึงลุกขึ้นมา ผมเดินนำไปหน้าโลงศพแล้วจุดธูปหนึ่งดอกส่งให้พี่พีทรับไป
“ขอบคุณคุณตาคุณยายนะครับ ที่ดูแลน้องชายผมให้มีชีวิตอยู่ ท่านเลี้ยงดูน้องชายผมให้แข็งแรงสุขสบายดีได้แบบนี้ ต่อไปก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมขอสัญญาว่าจะดูแลน้องพลัสไม่ให้หายไปไหนอีก ผมจะไม่ให้น้องต้องลำบาก ไม่ทำให้น้องต้องเจอกับเรื่องราวร้ายๆ อะไรในชีวิตอีกแล้ว ขอให้ท่านทั้งสองจงไปสู่สุขตินะครับ” พี่พีทพูดออกมาให้ผมได้ยินแบบนั้น ทำเอาน้ำตาของผมไหลพรากออกมาด้วยความตื้นตัน
“พลัส...พี่จะไม่ถามหรอกนะว่าที่ผ่านมานายลำบากมาขนาดไหน แต่พี่สัญญาว่าต่อไปนี้ นายจะต้องสุขสบาย และนายจะต้องมีความสุขที่สุด” พี่พีทหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมแววตาแน่วแน่ ทำเอาผมขนลุก ไม่นึกว่าชีวิตจะมีวันนี้เลยแม้แต่น้อย
“พี่พีท...ผม...เอ่อ ขอบคุณครับ” ไม่รู้จะตอบอะไรไปจึงได้แต่พูดไปแบบนั้น
“พี่มีเรื่องคาใจอยากบอกนาย พี่รอวันนี้มายี่สิบปี พี่รอต่อไปไม่ไหวแล้ว ถ้านายฟังพี่จบ นายจะโกรธจะเกลียด หรือจะด่าว่าอะไรพี่ไม่สน ขออย่างเดียว ขอให้นายยังเป็นน้องพี่เหมือนเดิม พี่ยินดีชดใช้ให้นายทุกอย่าง นายสัญญากับพี่ได้ไหมว่านายจะไปเป็นน้องชายพี่เหมือนเดิม” พี่พีทดูท่าทางขาดความมั่นใจกับเรื่องที่จะบอกเล่าให้ผมฟัง ทำให้ผมเริ่มระแวงว่ามันจะเลวรายแค่ไหน แต่ในเมื่อหน้าตาเราเป็นพิมพ์เดียวกันขนาดนี้ มีอะไรเลวร้ายแค่ไหนผมก็ไม่หวั่นอีกแล้ว
“ได้ครับ ผมสัญญา แต่พี่จงรู้ไว้เถอะครับ ว่าผมคิดว่าอดีตที่ผ่านมาคือกรรมที่ผมจะต้องชดใช้ ยังไงผมก็ไม่โกรธไม่เกลียดพี่หรอกครับ เพราะเรื่องมันก็ผ่านมานานมากจนผมจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” ผมบอกออกไปตามความจริง พี่พีทได้แต่ถอนใจมองหน้าผมนิ่ง ท่าทางเหมือนลังเลว่าจะเริ่มเรื่องยังไง
“ฟังพี่นะพลัส พี่เป็นคนเลวมาก พี่เป็นพี่ที่แย่ที่สุดในโลก เราเป็นฝาแฝดกันแต่พี่กับเห็นแก่ตัว ตอนเด็กๆ พี่ไม่ชอบการแบ่งปัน วันเกิดของเราตอนสองขวบ พี่เห็นกองของขวัญของพวกเราแล้วอยากได้เอาไว้คนเดียว พี่ยังเล็กมากก็เลยไม่ทันคิด นายนอนหลัวสนิทอยู่บนรถเข็น พี่แอบจูงรถเข็นนายออกไปจากในบ้าน ไม่มีใครสังเกตเลยเพราะมัวแต่วุ่นวายเรื่องงานวันเกิดของเรา พี่เข็นรถเข็นนายไปทิ้งไว้ข้างบ้านแบบนั้น แล้วแอบกลับเข้ามาในบ้าน” พี่พีทเล่าให้ผมฟังด้วยท่าทีหวาดระแวง
“ทั้งๆ ที่พาออกไปไม่ได้ไกล แต่กว่าที่ทุกคนจะรู้ตัวว่านายหายไป ก็หลายชั่วโมงอยู่ ไม่มีใครนึกว่าพี่เป็นคนทำ ยามที่หน้าบ้านเราก็เมาเพราะวันนั้นเป็นงานวันเกิด แขกจึงเยอะมากไม่มีใครสนใจใคร คุณพ่อไปเปิดกล้องวงจรปิดดูจึงรู้ว่าพี่พานายออกไปจากบ้าน บริเวณที่พี่ลากรถเข็นนายออกไปนั้นกล้องส่องไปไม่ถึง” พี่พีทเล่าเรื่องพร้อมมองหน้าผมด้วยสายตาเหมือนคนสำนึกผิด
“คุณพ่อรีบออกไปดูก็ไม่เห็นรถเข็นเด็กที่นายนอนอยู่แล้ว ท่านร้องโวยวายเหมือนคนบ้า ให้คนออกตามหาไปทั่ว คุณแม่ถึงกับเป็นลมเข้าโรงพยาบาล วันนั้นไม่มีใครตามหานายเจอเลย พี่อายุแค่สองขวบกลับทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นกับน้องชายฝาแฝดได้ลงคอ ฮึก...ฮึก...พี่มันเลว ฮือออ พี่ขอโทษ...พี่ผิดไปแล้ว” พี่พีทเล่ามาถึงตอนนี้ก็ร้องไห้ออกมา ผมไม่ได้ปลอบใจเพราะยังอึ้งกับเรื่องที่ได้ฟัง
“เอ่อ...พี่พีทจำได้ยังไง ทั้งๆ ที่อายุเพิ่งจะสองขวบเอง ผมยังจำอะไรไม่ได้เลย” ผมถามออกไปด้วยความงง เพราะพยายามนึกถึงเรื่องราวของตัวเองตอนอายุสองขวบยังไง ก็นึกไม่ออกอยู่ดี เรายังคงนั่งคุกเข่าคุยกันอยู่หน้าโลงศพคุณตาคุณยายแบบนั้น ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้เราสองคนเลย เหมือนทราบว่าเรากำลังปรับความเข้าใจกันอยู่
“พี่จำเองคงจำไม่ได้หรอก มันมีภาพในกล้องวงจรปิดที่ปัจจุบันนี้ คุณพ่อท่านยังไม่ลบทิ้งไปเลย ท่านยังดูซ้ำๆ อยู่หลายปี ภาพจากกล้องมันตอกย้ำพี่ มันตอกย้ำว่าพี่เป็นคนเลว พี่เป็นพี่ที่เห็นแก่ตัว พี่ไม่รักน้องตัวเอง พอพี่สามขวบ งานวันเกิดของพี่มันแทบจะเหมือนงานศพของนาย มีแต่คนแอบไปร้องไห้ คุณแม่ช่วยพี่ตัดเค้กด้วยน้ำตานองหน้า คุณพ่อก็ตาบวมแดงเพราะการร้องไห้อย่างหนัก รูปถ่ายงานวันเกิดของพี่มีแต่พี่คนเดียวเท่านั้นที่ยิ้มออก” พี่พีทเล่าจนผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณโตโต้ถึงบอกว่าพี่พีทไม่ชอบให้ใครจัดงานวันเกิดให้
“งานวันเกิดทุกๆ ปีของพี่จะเหมือนการตอกย้ำให้คุณพ่อคุณแม่เสียใจกับการจากไปของนาย พี่ยิ่งโตขึ้นมาก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้นว่าตัวเองเป็นคนทำให้คุณพ่อคุณแม่เป็นแบบนั้น พี่สมใจที่มีงานวันเกิดของตัวเองแค่คนเดียว พี่สมใจที่ได้ของขวัญวันเกิดเพียงคนเดียว แต่นายรู้ไหมว่าตอนนั้นพี่ไม่รู้เลยว่ามันจะไม่มีความสุขแบบนี้” พี่พีทหยุดเล่าก้มหน้าสะอื้นจนตัวโยน ผมอยากเอื้อมมือไปปลอบแต่ยกมือไม่ขึ้นจริงๆ รู้สึกร่างกายหนักอึ้งไปหมด
“นาย...พลัส นายไม่รู้หรอกว่ากว่าพี่จะรู้สึกเสียใจที่ไม่มีนายก็ผ่านไปหลายปีแล้ว พอพี่มาแอบเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่คุณพ่อเก็บเอาไว้ ฮึก...พี่...พี่ถึงเข้าใจว่าตัวเองทำอะไรลงไป พี่ทำไปด้วยความไร้เดียงสา พี่ทำไปด้วยความบริสุทธิ์ พี่ยังเด็กนักจนไม่ทันคิด พี่ทำบาปกับนาย บาปที่นายไม่ควรให้อภัยเลย บาปบริสุทธิ์ที่พี่สร้างไว้กับนาย พี่ขอโทษ...ฮือออ” พี่พีททรุดตัวก้มลงร้องไห้ออกมาเสียงดัง มือสองข้างวางไว้ข้างหน้าเหมือนกราบผมอยู่แบบนั้น ในใจผมกระตุกกับเรื่องราวที่ได้ฟัง ได้หัวสมองขาวโพลนไปหมด ไม่นึกว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบนี้