บาปรัก...บาปบริสุทธิ์♥นิยายรักหื่นเซ็กเศร้าเอาฮา ตอนพิเศษ (9) หน้า 89 (24-02-14)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บาปรัก...บาปบริสุทธิ์♥นิยายรักหื่นเซ็กเศร้าเอาฮา ตอนพิเศษ (9) หน้า 89 (24-02-14)  (อ่าน 914520 ครั้ง)

totoken

  • บุคคลทั่วไป
บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 29 “กรหยก”
«ตอบ #270 เมื่อ12-01-2012 19:25:56 »

บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 29 “กรหยก”
ตักบาตรคงใส่ด้วยข้าวหอม จึงสวยละม่อมละไม บุญทานที่ทำด้วยเต็มใจเธอจึงได้พรสี่ประการ อายุ วรรณะ สุขะ พละและปฏิภาณ เพียงพบเจ้านั้นไม่นานพี่ซมพี่ซานลุ่มหลง

          เช้านี้ผมตื่นมาทันใส่บาตรกับคุณตาคุณยายของพี่กฤษด้วย เราตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีห้าเพื่อช่วยกันเตรียมของใส่บาตร โดยคุณยายทำอาหารส่วนคุณตาช่วยเป็นลูกมือ ผมกับพี่กฤษเข้าไปในสวนเพื่อหาผลไม้ และดอกกล้วยไม้ที่แขวนไว้กับลูกมะพร้าวแห้งที่ลำต้นมะพร้าว คุณตาของพี่กฤษเป็นคนปลูกเองมาใส่บาตร ชีวิตที่นี่เรียบง่ายจนผมรู้สึกถึงความสงบ สันโดษ และพอเพียง ทุกอย่างหาได้ภายในบริเวณบ้าน

           “วันนี้หยกรู้สึกดีจังเลยครับ ที่ตื่นมาใส่บาตรกับครอบครัวพี่กฤษทันเสียที” ผมพูดให้คนข้างๆ ฟังเพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ จนเราเดินมานั่งที่แคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นชมพู่ ผมตัดดอกกล้วยไม้กับใบเตยมามัดด้วยยางเพื่อเข้าช่อ น่าจะได้สักสี่หรือห้าช่อ คงพอใส่บาตรวันนี้

           “พี่ก็ดีใจที่หยกมีความสุข แต่รู้ไหม...พี่มีความสุขมากกว่าหยกอีกนะ หยกไม่เคยรังเกียจบ้านพี่ให้เห็นหรือรู้สึกเลยสักนิด” พี่กฤษพูดพลางยิ้มให้ กำลังเอื้อมมือไปเด็ดลูกชมพู่สีแดงใส่ตะกร้า ฟ้ายังคงมืดอยู่มีเพียงแสงสีฟ้าลางๆ ที่พอมองเห็น หลานชายตัวสูงของบ้านนี้กลับเด็ดลูกชมพู่ด้วยความชำนาญเหลือเกิน เหมือนแค่มองดูก็รู้ว่าลูกไหนสุก ลูกไหนยังดิบอยู่

           “หึหึ...ทำไมหยกต้องรังเกียจด้วยละครับ” ผมขำด้วยความงงว่าทำไมพี่กฤษต้องดีใจขนาดนั้น พูดบ่อยๆ จนผมรู้สึกเขิน เพราะผมนั้นอยู่ง่ายกินง่าย ผมได้แต่คิดในใจว่ารู้สึกสนุกไปพร้อมกับความสงบที่ได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบนี้ ที่นี่มีแต่ความรัก ความห่วงใย ความอบอุ่น ผมเบื่อความฟุ้งเฟ้อในชีวิตที่ผ่านมา มันไม่เคยให้แม้แต่เวลา ความเอาใจใส่ หรือความสุขในชีวิตผมได้จริงๆ เอาเสียเลย

          ตอนผมเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยได้อยู่บ้านพูดคุย หรือเล่นกับผมเลย กลางวันท่านเอาแต่นอน ส่วนกลางคืนท่านออกไปเที่ยวข้างนอกกันทุกคืน คุณป้าเล่าว่าถ้าคุณปู่ไม่ดุก็ไม่คิดจะนอนกันที่บ้าน แม้เสาร์อาทิตย์ยังไม่เคยพาผมไปเที่ยวข้างนอกเลยด้วยซ้ำ

          ชีวิตผมดีขึ้นตอนที่พ่อแม่ผมย้ายไปอยู่กับคุณป้าที่อเมริกา คุณป้าเอาใจใส่และดูแลผมเหมือนเป็นแม่แท้ๆ ของผมถึงขั้นขอจดทะเบียนรับผมเป็นบุตรบุญธรรม แต่ท่านก็ทำงานหนักไม่ค่อยได้มีเวลาว่างมาดูแลผมอย่างจริงจัง ดีที่ยังมีพี่ๆ บางคนที่มาทำงานในร้านคอยเป็นเพื่อนเล่น พูดคุยได้บ้าง แต่พอสนิทกันจริงๆ พวกพี่ๆ เค้าก็ต้องกลับเมืองไทย หรือไม่ก็ไปเรียนต่อที่อื่น ผมก็ไม่ต่างอะไรกับพี่กฤษที่ไม่มีเพื่อนมากมายนักในชีวิต

           “ไม่เคยมีใครชอบเลย...ไม่เคยมีใครเหมือนหยก ไม่มี...ใคร...อดทนไปกับพี่เลยจริงๆ ไม่มีใครทนเหมือนหยก” พี่กฤษที่เงียบไปนานพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมเดาว่าใครๆ ของพี่กฤษคือคนที่เจ้าตัวเคยคบหาหรือพามาที่บ้านหลังนี้ ไม่แปลกใจเท่าไรที่จะมีใครมาที่นี่หลายคน เพียงเพราะคนตัวใหญ่ที่ยืนน้ำตาซึมอยู่ข้างหน้าผมตรงนี้ หน้าตาดีเหลือเกิน นิสัยก็ดีพร้อม ขาดก็เพียง...เค้าจน

           “หยกไม่เห็นจะต้องทนเลยนี่ครับ ที่นี่มีบ้านให้อยู่ มีน้ำฝนให้ดื่มตั้งหลายตุ่ม มีผักข้างรั้วให้ทำอาหาร  ในสวนมีผลไม้ให้กินแล้วก็ยังขายได้เงินอีก ในน้ำก็ยังจับปลาได้ มีคุณตาคุยสนุกกับคุณยายใจดีทำกับข้าวอร่อยอยู่ด้วย แถมหยกยังไม่ต้องจ่ายค่าเช่าอีกสบายจะตาย” ผมพูดให้ตลกนิดหน่อย

          ในใจของผมตอนนี้คิดว่าคนตรงหน้าคงไม่รู้หรอกว่า ชีวิตทุกวันนี้แค่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตให้ได้กินอิ่มนอนหลับมีคนคอยดูแลห่วงใยกันและกัน  ต่อให้ความเป็นอยู่จะยุ่งยากแค่ไหน ผมก็ไม่เคยคิดว่ามันลำบากเลย เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ขอเพียงแค่ผมได้อยู่กับคนรักอย่างพี่กฤษแค่นี้ผมก็พอใจแล้ว

           “หยก...พูดไม่ครบนะ ที่นี่ยังมีพี่อยู่อีกคน ไม่ได้มีแค่ตากับยาย แล้วก็...หยกลืมไปแล้วเหรอว่าพี่คิดค่าเช่านะ ไม่ได้ให้หยกอยู่ฟรี อีกอย่างเมื่อคืนหยกยังไม่ได้จ่ายค่าเช่า วันนี้ต้องจ่ายของเมื่อคืนให้พี่ด้วยนะ” พี่กฤษเอาตะกร้าที่มีชมพูอยู่ในนั้นถึงครึ่งมาตั้งบนแคร่ แล้วทรุดตัวลงนั่งติดกับผม ใบหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มส่งสายตาเจ้าชู้ใส่ผมมาด้วย

          คนบ้าอะไรเปลี่ยนโหมดเศร้ามาเป็นโหมดหื่นขึ้นมากระทันกันแบบนี้ อย่างนี้ผมก็ตั้งตัวไม่ทันสิ แล้วยังมีหน้ามาทวงค่าเช่าแบบนั้นอีก ตอนแรกตกลงกันว่าคืนละครั้ง แต่เอาเข้าจริงครั้งเดียวเคยจะพอเสียที่ไหน คนอะไรอารมณ์จัดชะมัด

           “จะบ้าเหรอพี่กฤษ...พูดอะไรทะลึ่งแต่เช้า...แล้ว...เอ่อ...เมื่อคืนก่อนพี่กฤษก็เก็บค่าเช่าเผื่อของเมื่อวานไปแล้วนี่ครับ” ผมก้มหน้าพูดไปแบบนั้นเพราะไม่กล้าสบตาคนตัวใหญ่ ช่วงหลังก็พูดเสียงเบาพอให้ได้ยินกันสองคนก็พอ มันน่าอายนี่นา

           “หึหึ...เดี๋ยวนี้เจ้าเล่ห์เหมือนกันนะ มีนับด้วยนะเนี่ย สงสัยพี่ต้องขึ้นค่าเช่าเป็นคืนละสองครั้งแล้วละมั้ง” พี่กฤษโน้มใบหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูผมที่ไม่ทันระวัง พร้อมใช้ปลายลิ้นสะกิดติ่งหูผมจนต้องสะดุ้งสุดตัว ตอนนี้รู้สึกเหมือนมีภูเขาไฟเตรียมระเบิดอยู่บนหัวพร้อมจะระเบิดออกมาทันที

           “พี่กฤษ...ลามก...อี๋...ทุเรศที่สุด นี่...ไม่ใส่กางเกงในอีกแล้วเหรอ” ผมรีบถอยตัวออกห่างเอาช่อดอกไม้ที่กำอยู่ในมือฟาดเข้าให้ที่แขนคนตัวใหญ่ แล้วเอามืออีกข้างขยี้ติ่งหูตัวเอง พลันสายตาดันไปเห็นส่วนนูนโด่งตุงกางเกงผ้าร่มตัวบางที่คนตัวใหญ่ใช้ใส่นอนเมื่อคืน มัน...โด่งยังกับมีใครไปกางเสาเต๊นท์ค้ำอยู่ในนั้น ใบหน้าที่ร้อนอยู่แล้วก็วูบวาบเพิ่มเข้าไปอีก อะดรีนาลีนสูบฉีดให้พลุ้งพล่านกันแต่เช้าเชียว

           “หึหึ...มันเป็นแบบนี้ของมันทุกเช้าแหล่ะ เดี๋ยวก็ลง ถ้ารีบ...หยกก็ช่วยพี่เอามันลงหน่อยสิ” พี่กฤษยังไม่วายทะลึ่งเอามือไปกำมันต่อหน้าต่อตาผมอีก คนอะไรหน้าตาก็ดีแต่ลามกจริงๆ สงสัยที่พี่ทองพูดคงจะจริง ท่าทางพี่กฤษจะเป็นคนหื่นจัดมาก เวลามีอะไรกันครั้งเดียวก็ไม่เคยพอเสียด้วย

           “พี่กฤษ...เดี๋ยวคุณตาเดินมาเห็น” ผมรีบห้ามเพราะคนตรงหน้าดูมีอารมณ์จนเหมือนจะกู่ไม่กลับเสียแล้ว มือยังไม่ยอมปล่อยออกจากส่วนนูนโด่งตรงเป้าแถมยังเริ่มมีหยดน้ำเหนียวซึมผ่านเนื้อผ้าร่มขึ้นมาตรงปลายลำอีก ผมห้ามแล้วพี่กฤษยังจะโน้มหน้าตัวเองเข้ามาพร้อมเอามือเอื้อมมาคล้องคอผมเข้าไปใกล้จนริมฝีปากเราต้องบดเบียดกันอย่างแนบแน่น

           “พี่...กฤษ...แฮ่กๆ เดี๋ยวคุณตามาตามหรอก” ผมเผลอตัวแลกลิ้นกับพี่กฤษได้สักพักก็ได้สติจนต้องผลักใบหน้าคนตัวใหญ่ออก แล้วหอบหายใจเอาอ็อกซิเจนเข้าปอดเฮือกใหญ่ ในใจกลัวคุณตาจะเดินมาตามเพราะเราออกมากันนานแล้ว อีกอย่างผมกำลังจะไปทำบุญใส่บาตรแต่คนตรงหน้าดันมาทำเรื่องหื่นให้เป็นมลทิน...บ้าจริง

           “งั้นเราไปใส่บาตรกันเถอะ” พี่กฤษรีบลุกขึ้นไปทั้งที่เป้ายังโด่งนูนจนมันแกว่งไปมาตามจังหวะการเคลื่อนไหว จนผมรู้สึกว่าของผมมันจะแข็งตัวตามคนตรงหน้าเสียแล้ว เพียงแต่ผมยังมีกางเกงในรัดช่วยเอาไว้ไม่ให้มันโด่งน่าเกลียดเหมือนคนทะลึ่งที่ลุกขึ้นยื่นไม่ใส่ใจกับความแข็งขืนของตัวเอง

           “พี่กฤษ...มันยัง...เอ่อ...ไม่ลงเลย” ผมเตือนคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง เพราะกลัวผู้ใหญ่หรือใครจะมาเห็น จนเจ้าตัวต้องก้มลงมามองเป้ากางเกงที่ยื่นออกมาเป็นแท่งลำ ตรงส่วนปลายเริ่มเปียกเยิ้มชื้นแฉะเป็นวงใหญ่ขึ้น

           “ไม่เป็นไรขึ้นได้ก็ลงได้ พี่ไปเปลี่ยนกางเกงก่อนแล้วกันเยิ้มหมดแล้ว แฮ่ะๆ เดี๋ยวตาแซวอีก...ฮึบ...ฮึบ” พี่กฤษถือตะกร้าชมพู่แล้วทำท่าวิ่งเยาะๆ นำผมไปก่อน ท่าทางจะวิ่งให้เหงื่ออกจะได้หมดอารมณ์หื่น ผมได้แต่คิดว่ากลัวจะเป็นไส้เลื่อนเอาเสียก่อน คิดได้ก็ขำขึ้นมาในใจ ไม่นึกเลยว่าพี่กฤษจะหื่นและทะลึ่งได้ขนาดนี้

          ผมเดินหอบช่อดอกกล้วยไม้ข้ามร่องน้ำโดยใช้ไม้กระดานที่พาดอยู่ ออกมาจากสวนไปที่ท่าน้ำหลังบ้าน ที่เดินได้เร็วขึ้นเพราะเริ่มจะใช้สะพานไม้กระดานคล่องแล้ว เวลาจะเอาวัตถุดิบมาทำอาหาร หรือเข้ามาเก็บผลไม้เราจะต้องเดินผ่านไม้กระดานแผ่นนี้ข้ามร่องน้ำที่ขุดไว้รอบสวนแห่งนี้ทุกครั้ง

           “อ้าว...แล้วกฤษไปไหนเสียล่ะลูก” คุณยายที่กำลังนำยางมารัดปากถุงอาหาร ที่คุณตาเป็นคนตักแกงใส่ ทั้งสองนั่งอยู่กันใต้ถุนบ้านด้านหลังใกล้ลานอาบน้ำ อาหารใส่บาตรมีไม่กี่ชนิดเรียงอยู่ในถาดพร้อมข้าวสวยใส่ขันเงินใบใหญ่มีทัพพีวางอยู่ด้วย และดูเหมือนใกล้จะพร้อมใส่บาตรกันแล้ว

           “กำลังเอาชมพู่มาครับ คุณยายใช้ถุงพลาสติกด้วยเหรอครับ วันแรกหยกเห็นมีใบตองกับใบบัวห่ออยู่เลย” ผมตอบไปพร้อมกับถามเรื่องถุงอาหาร เพื่อหาเรื่องชวนคุยเบี่ยงประเด็นไปก่อน เพราะไม่กล้าบอกเหตุผลว่าพี่กฤษกำลังไปเปลี่ยนกางเกงเพราะอะไร

           “หึหึ...ปกติถ้ายายทำพวกผัดๆ ทอดๆ หรือของแห้ง ยายจะห่อใบตองหรือใบบัวตากแห้งเอาน่ะลูก วันนี้ยายทำต้มกะทิสายบัวใส่ปลาทูต้องใส่ถุงเอาลูก มันสะดวกดี” คุรยายตอบพลางขำในความซื่อของผม

           “ไอ้กฤษเอ็งไปเอาชมพู่สวนใครวะ นานเชียว เสร็จแล้วไปท่าน้ำกันจะได้เวลาพระมาแล้ว” คุณตาที่รับถุงแกงมาเรียงใส่ถาดอาหารเสร็จแล้ว เงยหน้ามาถามพี่กฤษที่เปลี่ยนกางเกงเพิ่งเสร็จ กำลังเดินมาพร้อมถือตะกร้าชมพู่ในมือพอดี ผมเห็นพี่กฤษยิ้มแล้วยักคิ้วทำหน้าเจ้าเล่ห์ให้ก็นึกหมั่นไส้ หาเรื่องทะลึ่งแต่เช้าจนต้องเดือดร้อนไปหากางเกงมาเปลี่ยน สมน้ำหน้านัก ยังจะมาทำหน้าทะเล้นใส่ผมอีก

          คุณตาคุณยายเดินถือถาดอาหาร และขันใส่ข้าวไปถึงท่าน้ำแล้ว ผมกับพี่กฤษก็เดินตามกันไป คุณยายบอกว่าพอยายตักข้าวเสร็จแล้ว คุณตาจะใส่กับข้าว และพี่กฤษจะส่งผลไม้ให้พระ รอพระท่านปิดฝาบาตรก่อนผมจึงวางดอกไม้บนฝาบาตรอีกที

           “ตกลงเอ็งไปเอาชมพู่ถึงไหนวะ ถ้าหยกไม่มาก่อนข้ายังนึกว่าเอ็งพากันหลงสวนมะพร้าวไปแล้ว” คุณตาไม่วายแซวกันแต่เช้า เพราะพระท่ายังไม่มาเราจึงชวนคุยกันไปก่อน

           “โธ่...ตา ผลไม้มันน้อยลง เก็บกันทุกวันมันจะโตทันให้เก็บได้ยังไง เดินจนทั่วดูว่าจะเอาอะไรมาใส่ดี ผมก็หามาได้เท่านี้ล่ะครับ” พี่กฤษชูตะกร้าผลไม้ให้ดู แล้วบ่นให้ฟัง

           “วันนี้กฤษไปตัดขนุนมาให้ยายนะลูก เห็นมันสุกแล้วยายจะแกะแช่เย็นไว้ใส่บาตรพรุ่งนี้ด้วย” คุณยายพูดเหมือนนึกขึ้นได้

           “ดีครับยาย ผมจะเอาไว้ทำรวมมิตรด้วย” พี่กฤษพูดจบจนคุณตาที่นั่งอยู่ข้างๆ ต้องหันขวับมามองหน้าพี่กฤษทันที

           “ข้าไม่ให้เอ็งไปขายของที่ตลาดฝั่งขะโน้นแล้วนะ เอ็งเลิกขายเสียเถอะ คิดเสียว่าสงสารตากับยาย เรื่องเก็บเงินซื้อที่ดินคืนเอ็งตัดใจเสียเถอะวะ เจ้าของมันไม่ยอมขายให้เราง่ายๆ หรอก ข้าตัดใจไปนานหลายปีแล้ว ขอแค่ข้ากับเมียข้าได้ตายที่นี่ก็พอใจแล้ว” คุณตาทำหน้าอ้อนวอนเหมือนจะร้องไห้ จนผมต้องหันไปมองหน้าพี่กฤษ เราหันมามองหน้าพอดีกัน จึงได้แต่สบตากันนิ่ง

           “ครับ...ผมก็คิดว่าจะไม่ไปขายของที่นั่นแล้วครับตา เอ่อ...เรื่องที่ดิน” ผมรู้ว่าพี่กฤษกำลังจะพูดอะไรออกไป จึงต้องรีบตัดบทเพราะเห็นพระท่านพายเรือมาพอดี

           “พระท่านพายเรือมาแล้วครับ” พอผมพูดจบทุกคนก็ปรับสีหน้าและเตรียมตัวใส่บาตรกัน ผมคิดว่าวันนี้ผมต้องจัดการเรื่องที่ดินผืนนี้ให้เสร็จก่อนที่จะเกิดเรื่องบานปลาย

           “นิมนต์เจ้าค่ะ” คุณยายร้องเรียกให้พระท่านที่พายเรือเข้ามาใกล้เทียบท่า เราทุกคนยกมือไหว้พระท่านพร้อมกัน แล้วเริ่มใส่บาตรจนเสร็จหนึ่งชุดก็ยกมือกราบ พระท่านให้พรก็พายเรือจากไป

           “ปกติจะมีพระมาบิณฑบาตกี่องค์ครับ”  ผมชวนคุยเพราะกลัวคุณตาจะวกเข้าเรื่องที่ดินอีก ระหว่างเรานั่งรอพระท่านพายเรือมาอีก

           “เราเรียกท่านเป็นรูปจ้ะหนูหยกไม่ใช่องค์ องค์ไว้ใช้กับพระพุทธรูป ปกติยายจะรอใส่สี่รูปทุกวัน” คุณยายตอบพร้อมสอนให้ผมเรียกลักษณะนามให้ถูกต้อง ผมรับคำก็พอดีกับพระท่านพายเรือมาอีกรูป เราจึงใส่บาตรกันต่อโดยไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นอีก

           “หยกลูก...มากรวดน้ำด้วยกันก่อน จะรีบไปไหน” คุณตาเรียกให้ผมหันกลับมา ผมรู้จักการกรวดน้ำจากที่คุณป้าสอนแต่ไม่ได้ทำบุญบ่อยก็เลยลืม เรานั่งกรวดน้ำกันตรงท่าน้ำแล้วให้พี่กฤษเป็นคนเอาไปเทที่ใต้ต้นมะม่วงใกล้ครัว

          วันนี้เราทานข้าวกันเสร็จพี่กฤษก็ชวนผมไปตัดขนุนในสวนมาให้คุณยาย เราสองคนขออนุญาตคุณตากับคุณยายไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ที่หัวหินสี่วัน คุณตายังไม่วายแซวว่าเราหาเรื่องไปฮันนีมูนเปลี่ยนบรรยากาศ พี่กฤษเขินจนขอตัวลากผมไปอาบน้ำเตรียมตัวไปโรงแรมกันต่อ เพื่อวางแผนปิดกิจการชั่วคราวสำหรับปรับปรุงส่วนร้านอาหาร และเตรียมไปเที่ยวหัวหินกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2012 02:20:02 โดย AxCiO@ToToKeN »

nightsza

  • บุคคลทั่วไป
ไม่เอามาม่าได้มั้ยอ่ะๆๆๆ

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
คาดว่าอีกไม่นานเรื่องต้องแดงขึ้นมาแน่ๆเลยอ่ะ
ว่าแต่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี๊ย

ออฟไลน์ vk_iupk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-2
ขอหวานๆ ก่อนหละกันเน้อ
มาม่าเดี๋ยวค่อยกินแล้วกัน
ตอนนี้นักอ่านยังอิ่มอยู่ o.O!!!

totoken

  • บุคคลทั่วไป
ชอบบบบบ
ไม่อยากซดมาม่าเลยอ่ะ  T^T

งั้นกินมาม่าเคล้าน้ำตาลสดไปก่อนน๊าาา  :-[

ไม่เอามาม่าได้มั้ยอ่ะๆๆๆ

เอาหน่อน่าาา น๊ดนึง น๊าาา น๊าาา  :o8:

คาดว่าอีกไม่นานเรื่องต้องแดงขึ้นมาแน่ๆเลยอ่ะ
ว่าแต่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี๊ย

อยากรู้เหมือนกัน อิอิ  :a5:

ขอหวานๆ ก่อนหละกันเน้อ
มาม่าเดี๋ยวค่อยกินแล้วกัน
ตอนนี้นักอ่านยังอิ่มอยู่ o.O!!!

กินไปพร้อมกันเลยได้ม๊าาา นะนะนะนะ  :sad4:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
แอร๊ยยยยยยยยย ยังไม่เอามาม่าได้มั้ยคะ ยังเก็บเกี่ยวความหวาน บวก หื่นไม่พอเลยอ่าส์

little_nok

  • บุคคลทั่วไป
นั่นไง มันต้องมีอะไรแน่ๆ เรื่องที่ดินนั่น
ตาคิดว่า ยังไงเจ้าของมันไม่ยอมขายคืน
พี่กฤษหื่นเกินไปแล้ว

ออฟไลน์ lidelia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
อยากกรุ้ เรืองทีดินมันเป็นยังไงกันเเน่  อยากรุ้ๆๆ 

เจ้ทอง จะมีผัวเเล้ว ของนอกซะด้วย

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป
พี่กฤษนี่หื่นได้ใจจริง พี่ทองหล่อของพวกเราก็มีท่าว่าจะได้คู่เหมือนกัน แล้วพี่พลอยสาววายสุดสวยของพวกเราล่ะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mini.tori

  • BOOM SHAKALAKA
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เย้ !!! อ่านทันแล้ว  :mc4: :mc4:

พี่กฤษหื่นได้อีก  :o8: :o8:
ไม่เอามาม่า แต่ขอ ....... :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: เยอะๆ

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

totoken

  • บุคคลทั่วไป
บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 30 “กรหยก”
«ตอบ #281 เมื่อ13-01-2012 10:18:29 »

บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 30 “กรหยก”
จะไม่มีใครมีความสำคัญและสูงค่า ให้คำพูดฉัน แทนคำสัญญาให้รู้ว่า (รักเธอ)

          วันนี้ก่อนที่ผมกับพี่กฤษจะไปที่โรงแรม คิดว่าจะไปทำธุระเรื่องโอนที่ดินให้พี่กฤษเสร็จก่อน หลังจากที่ผมโทรไปบอกตกลงเรื่องไปเที่ยวหัวหินกับพี่แชริมเรียบร้อยแล้ว จึงเข้าไปคุยกับพี่กฤษในห้องเพื่อตกลงอะไรกันบางอย่างในเรื่องที่ดินผืนนี้

           “พี่กฤษครับ หยกจะโอนที่ดินให้นะ พี่ห้ามปฏิเสธด้วย หลังจากโอนเสร็จแล้วพี่ค่อยบอกคุณตาได้ไหมครับ” ผมเอ่ยปากขอคนตัวใหญ่ที่ทำท่าจะพูดปฏิเสธแทรกขึ้นมา ผมจึงรีบเดินไปหยิบซองเอกสารที่ให้ทนายเตรียมไว้ให้ก่อนเดินทางมาเมืองไทยออกมาจากกระเป๋าเป้ ผมเปิดประตูออกไปลงไปข้างล่างรอพี่กฤษที่รถมอเตอไซด์คันเก่งของเจ้าตัว

           “พี่กฤษเอาเอกสารออกมาด้วยเลยเถอะครับ บัตรประชาชนกับสำเนาทะเบียนบ้าน เชื่อหยกนะครับ” ผมเห็นพี่กฤษเดินตามมาตัวเปล่า ก็เลยขอร้องให้เจ้าตัวกลับขึ้นไปเอามา ท่าทางดูไม่เต็มใจนักแต่ก็ยอมโดยดี จนเรามาถึงสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสงครามที่ไกลพอสมควร

           “หยกขอร้อง...โอนให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วเราค่อยคิดกันว่าจะทำอะไรต่อได้ไหมครับ หยกตั้งใจมาเมืองไทยก็เพราะเรื่องนี้นะครับ” ผมทำสีหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังออกไป เพื่อไม่อยากให้คนหน้าตึงถามอะไรมากนัก เพราะพี่กฤษที่ดึงแขนผมไว้เหมือนลังเล

           “พี่...ไม่อยากรับมันเฉยๆ หยกช่วยรับเงินค่าที่ดินไปด้วยได้ไหมล่ะ พี่ตั้งใจเก็บมาซื้อที่คืน แต่ทางโน้นเค้าไม่ยอมมาตลอด คนที่พี่ติดต่อไปอยู่อเมริกาชื่อคุณหยกเทพ เค้าบอกว่าติดที่ให้สัญญาเอาไว้กับภรรยาว่าจะไม่ขายคืนที่ดินให้กับทางเรา แต่จะคิดค่าเช่าแค่ปีละหมื่นเดียว” พี่กฤษเล่าให้ฟังอย่างลังเล

           “คุณหยกเทพคือป๊าหยกเองครับ พี่กฤษเก็บเงินเอาไว้เถอะครับ หยกไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปทำอะไร เงินที่บัญชีของป๊ากับม๊าทิ้งไว้ให้ชาตินี้หยกยังไม่รู้เลยว่าจะใช้หมดไหม” ผมสงสัยเรื่องที่ป๊าให้สัญญาอะไรกับม๊าไว้ ทำไมถึงไม่ยอมขายคืนที่ดินแห่งนี้ให้เจ้าของที่ดินเดิมเค้า มันมีอะไรกันแน่

           “หยก...พี่ลำบากใจนะ พี่เก็บสะสมเงินมาตั้งแต่สิบขวบตอนนี้ได้มาแค่สามล้านก็จริง แต่เพื่อจะมาซื้อที่ดินคืนนี่ล่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่าเคยถอนไปใช้หนี้ให้พ่อหลายครั้งคงได้อีกหลาย ถึงแม้มันจะน้อยสำหรับหยกแต่พี่เก็บมันมาทั้งชีวิตเลยนะ” พี่กฤษทำหน้าเป็นกังวลขึ้นมาจริงๆ เหมือนลังเลที่จะรับข้อเสนอผม

           “หยกไม่ได้ว่าเงินมันน้อย...สามล้านนี่ก็เยอะพอสมควร แต่เอาเถอะครับ พี่กฤษรับที่ดินเอาไว้ก่อน แล้วสัญญากับหยกว่าเราจะบอกคุณตากับคุณยายทีหลัง ขอหยกสืบให้รู้เองก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่” ผมบอกคนตรงหน้าไปอย่างนั้น เพราะว่าถ้าคุยกับคุณตาทันที แล้วอาจเป็นเรื่องไม่ดี ผมกลัวเหลือเกิน...กลัวจะเป็นอย่างที่คุณป้าบอก มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

           “พี่กฤษ...หยกขอร้องนะครับ หยกตั้งใจมาเพื่อโอนที่ให้กับคนเช่าจริงๆ ถึงยังไงหยกก็ต้องไปแจ้งเรื่องที่ดินเป็นมรดกของหยกที่กรมที่ดินอยู่แล้ว” ผมตัดบทเพราะคนรักทำท่าทางจะไม่ยอม แล้วยังจะเดินกลับไปที่รถอีก ทำไมถึงหัวดื้อได้ขนาดนี้ จนผมต้องหาเหตุผลอื่นมาอ้าง

           “เรารู้เรื่องก่อนแล้วค่อยโอนก็ได้นี่ หยกไม่เห็นต้องรีบเลย” พี่กฤษยังไม่ยอมรับข้อเสนอง่ายๆ แต่ก็เดินตามผมเข้ามาแล้ว

           “สวัสดีครับติดต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดครับผม” ผมแจ้งเจ้าหน้าที่ เค้าชี้ทางให้ผมขึ้นมาที่ชั้นสอง ผมกับพี่กฤษจึงเดินขึ้นมาด้านบน คุณป้าสั่งไว้ให้ถามหาคนที่อดีตทนายของคุณปู่ผมแนะนำมา ผมยื่นจดหมายฝากถึงหัวหน้าฝ่ายอำนวยการให้ผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วก็เดินกลับมานั่งรอตรงเก่าอี้ยาวที่ผนังด้านหนึ่ง

           “หยก...นี่ถ้าหยกเสร็จธุระแล้วจะรีบกลับอเมริกาหรือเปล่า มีอะไรปิดบังพี่อยู่ก็บอกพี่เถอะ พี่พร้อมจะยอมรับ แต่อย่ามาหลอกให้พี่รักแล้วก็ทิ้งพี่ไปเหมือนคนอื่นเลยนะ พี่...ทรมานมามากพอแล้ว” พี่กฤษทำหน้าละห้อยเดินถือเอกสารมานั่งข้างๆ ผมแบบไม่เต็มใจ แถมยังถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้ออ้อนวอนผมอีก

           “ไม่ครับ...หยกจะอยู่อีกนานจริงๆ หยกอยากอยู่ตลอดไปด้วยซ้ำ แค่หยกอยากทำความตั้งใจที่มาที่นี่ให้เสร็จเรียบร้อยเท่านั้นเอง ยิ่งมารู้ว่ามันคือที่ดินบ้านพี่กฤษก็อยากจะรีบคืนให้ พี่กฤษคิดเสียว่าเป็นของหมั้นที่หยกมอบให้สิครับ” ผมตังใจพูดให้ขำในตอนท้ายด้วยใจหายที่พี่กฤษกลัวว่าผมจะโอนที่แล้วทิ้งไป ท่าทางจะเข้าใจผิดเพราะเห็นผมกระตือรือร้นจนเกินไปหรือเปล่า

           “เฮ้ย...ไม่ได้ พี่เป็นสามีต้องเป็นฝ่ายไปหมั้นหยกสิ เรื่องที่ดินช่างมันไปก่อน ถึงแม้พี่จะจนอย่างนี้ แต่แบบนี้พี่ยิ่งรับไม่ได้ใหญ่เลย มีเมียรวยกว่าแล้วยังเอาที่ดินมาหมั้นพี่อีก” พี่กฤษพูดเสียงเข้มจนผมตกใจที่นอกจากจะไม่รับมุขแล้วยังทำให้เจ้าตัวเหมือนจะโกรธผมอีก

           “พี่จะถอนเงินไปหาป้าหยกที่อเมริกาแล้วไปขอหยกมาแต่งงานก่อนดีกว่า ถึงตอนนั้นพี่จะสร้างเรือนหอบนที่ดินของหยกตรงนี้ที่มันเคยเป็นบ้านที่พี่เติบโตมานี่ล่ะ พี่ให้สัญญาว่าจะไม่ทำให้หยกต้องลำบากไปกว่าตอนนี้ และจะไม่ใช้เงินหยกแม้แต่น้อยเลยจริงๆ พี่จะขยันทำงานเก็บเงินใหม่ หยกแต่งงานกับพี่นะ” พี่กฤษทำหน้าจริงจังขึ้นมา แต่สิ่งที่พูดทำให้ผมอึ้ง ไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่จริงจังอะไรกับผมได้ขนาดนี้ ทำเอาน้ำตาร่วงโดยไม่รู้ตัว

           “พี่...ฮื่อ...ฮื่อ...พี่กฤษ” ผมพูดไม่ออกเพราะซาบซึ้งในความคิดของคนรัก ผมเจอพี่กฤษเพียงไม่ถึงสัปดาห์แต่ทำไมผมถึงมั่นใจในความรักได้ถึงเพียงนี้ ผมโผเข้ากอดคนตัวใหญ่เต็มแรง โอบมือรัดร่างกายสูงล่ำด้วยความรู้สึกตื้นตัน มือพี่กฤษก็โอบผมเข้ามาแนบกับตัวเอง และลูบหัวลูบหลังปลอบใจผมที่กำลังร้องไห้อยู่

           “เอ่อ...ขอโทษค่ะ หัวหน้าให้มาเชิญคุณกรหยกเข้าไปในห้องค่ะ” ผู้หญิงที่ผมฝากจดหมายเดินเข้ามาเรียก ทำให้ผมรีบผละตัวออกมาจากอ้อมอกคนรัก บอกให้พี่กฤษนั่งรอก่อนแล้วรีบเช็ดน้ำตา ดูความเรียบร้อยแล้วเดินตามไป มีเรื่องให้อายกันได้ทุกวันจริงๆ เรามาถึงหน้าห้องก็ยืนรอให้ผู้หญิงที่พาผมมาเคาะประตู พอมีเสียงขานรับจากภายในห้องก็เปิดประตูเชิญให้ผมเข้าไปพบคนที่อยู่ในห้อง

           “สวัสดีครับ ผมกรหยกครับ” ผมรีบยกมือไหว้แนะนำตัว บนโต๊ะมีป้ายชื่อ นายธัชชัย... คนตรงหน้าผมท่าทางจะเป็นหัวหน้าแผนกที่นี่ คงได้อ่านจดหมายและเอกสารแล้ว เพราะเห็นยังถืออยู่ในมือ คุณธัชชัยเชิญผมนั่งไม่นานผู้หญิงคนเดิมก็เคาะประตูเอาน้ำดื่มมาให้ผมแล้วเดินออกไป

           “หนูหยกใช่ไหม ลุงรู้จักกับเจ้าสัว อ้อ...ปู่ของหนูให้เรียกลุงว่าลุงชัยแล้วกันนะ ลุงเสียใจด้วยนะเรื่องคุณพ่อคุณแม่...แล้ว...หลินสบายดีไหม” ลุงชัยแนะนำตัวกับผมบ้าง ดูท่าทางจะเป็นผู้ใหญ่ใจดี และอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับคุณป้าผม ท่าทางจะรู้จักครอบครัวผมทุกคน

           “คุณป้าหลินสบายดีครับ ท่านฝากผมให้มาหาลุงชัยช่วยดำเนินการเรื่องที่ดินที่อัมพวาของพ่อน่ะครับ” ผมตอบรับ แล้วเข้าเรื่องทันที

           “ปู่ของหนูมีที่ทางทั้งราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร เยอะไปหมดทำไมถึงให้หนูแค่ที่เดียวล่ะ” ลุงชัยคงไม่ทราบว่าพอคุณปู่เสีย คุณพ่อกับคุณแม่ก็ขายที่ดินทั้งหมดที่มีอยู่แล้วไปเมืองนอก แต่ผมก็สงสัยว่าทำไมยังเก็บที่ดินบ้านพี่กฤษเอาไว้

           “ท่านขายหมดแล้วล่ะครับ มีผืนนี้คงจะหลงมามั้งครับ ตอนนี้ผมอยากจะโอนให้ผู้เช่าอยู่น่ะครับ” ผมตอบสั้นๆ เพราะไม่ทราบเหตุผลเหมือนกัน

           “ไม่มีปัญหา...เอกสารฝ่ายหนูพร้อมหมดแล้ว หนูแค่เซ็นรับรองพินัยกรรมต่อหน้าลุงแล้วก็เอกสารโอนที่ให้ผู้รับตรงนี้ ที่ดินของคุณพ่อถูกครอบครองโดยผู้อื่นเกิน 10 ปี ที่จริงผู้ครอบครองมีสิทธิ์ในที่ดินของคุณพ่อโดยชอบธรรมอยู่แล้ว แค่เค้ามาร้องขอในสิทธิ์ครอบครองทางการก็ออกโฉนดใบใหม่เป็นชื่อเค้าได้นะ” ลุงชัยพูดจบผมก็งง มีแบบนี้ด้วยแฮะ

           “ในจดหมายแจ้งว่าพ่อของหนูตั้งใจให้เป็นแบบนั้นด้วย เทพเค้าทำลายเอกสารการเช่าที่ดินทิ้งไปนานแล้ว เพียงเกิดเหตุที่เทพกับนกต้องเสียชีวิตไปก่อน พินัยกรรมจึงต้องยกที่ดินให้เป็นของหนู ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากค่าธรรมเนียมก็แนบมาแล้ว แค่เอาผู้เช่ามาเซ็นชื่อก็จบ แล้วจะให้ลุงเป็นคนไปแจ้งเองไหม” ลุงชัยอธิบายให้ผมทราบพร้อมอาสาจะไปติดต่อให้อีก ท่าทางจะมีน้ำใจจริงๆ

           “ผมพาเค้ามาแล้วครับ รออยู่ข้างนอกนี้เองครับ” ผมแจ้งให้ลุงชัยทราบ ท่านเพียงพยักหน้าแล้วโทรศัพท์ให้ผู้หญิงคนเดิมไปตามพี่กฤษเดินเข้ามานั่งข้างผมในห้องทำงานของลุงชัย

           “สวัสดีครับ” พี่กฤษยกมือไหว้ลุงชัยที่รับไหว้ทันที แล้วก็เอาซองเอกสารสีน้ำตาลมาวางไว้บนโต๊ะ โดยทิ้งมือลงข้างตัวแอบจับมือผมไว้ใต้โต๊ะ ไม่ให้ลุงชัยได้เห็น ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นร้อนวาบไปทั้งตัว

           “เราเอาบัตรประจำตัวกับทะเบียนบ้าน พร้อมสำเนามาครบไหม เซ็นสำเนาถูกต้องแล้วก็เซ็นลงตรงนี้” ลุงชัยถามพี่กฤษพร้อมชี้ไปที่เอกสารตรงหน้าให้เซ็นต์ลงตรงช่องที่ชี้เอาไว้

           “เรียบร้อยแล้ว ผมจะออกโฉนดใบใหม่ให้แทนใบเก่านะ รอสักครู่...เราชื่ออะไรล่ะ” ลุงชัยยกสายโทรศัพท์สั่งงานแล้วชวนผมกับพี่กฤษคุย เพียงไม่นานผู้หญิงคนเดิมก็มาเอาเอกสารออกไปข้างนอก

           “ผมกฤษครับ เอ่อ...ทำไมมันง่ายแล้วก็เร็วจังเลยครับ” พี่กฤษที่คงจะงงว่าทำไมเราถึงไม่ทำธุระที่เคาเตอร์ด้านหน้า แต่มาทำให้ห้องนี้ แถมยังดูไม่ยุ่งยากวุ่นวายอีกด้วย

           “หึหึ...ป้าหนูหยกเค้าเส้นใหญ่ หลินเป็นเพื่อนลุง แถมทนายของปู่หนูก็เป็นคุณอาของลุงเอง ทางฝ่ายเจ้าของที่ดินเค้าเตรียมเอกสารมาครบพร้อมโอนอยู่แล้ว อีกอย่าง...หลินโทรมาหาลุงก่อนหน้าที่หนูหยกจะมาแล้วล่ะ” ลุงชัยเฉลยให้ทราบว่าครอบครัวผมนี่ก็เส้นใหญ่พอสมควร

           “ถ้างั้น...ลุงชัยก็รู้จักพ่อแม่ผมด้วยสิครับ” ผมถามออกไปเพื่อชวนคุยบ้าง ระหว่างรอเอกสาร

           “ก็ไม่สนิทหรอนะ รู้จักก่อนเทพจะแต่งงาน งานแต่งงานพ่อแม่หนูลุงก็ไป ครอบครัวหนูเป็นคนราชบุรี แต่ลุงอยู่สมุทรสาคร เวลาลุงไปจีบหลินที่โรงน้ำแข็งก็ไม่ค่อยได้เจอเทพ พอหลินแต่งงานไปอยู่อเมริกาแล้ว ลุงก็ไม่ได้ไปที่โรงน้ำแข็งอีกเลย” ลุงชัยเล่าความหลังให้ฟัง ที่แท้ก็เป็นแฟนเก่าคุณป้านี่เอง จะว่าไปสมัยสาวๆ คุณป้าก็คงสวยน่าดู ผมเคยเห็นรูปเก่าๆ ในห้องนอนของคุณป้าเหมือนกัน

          ลุงชัยเล่าอีกหลายเรื่องให้ฟัง มีทั้งเรื่องตลก เรื่องทั่วไปที่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของคุณป้า เวลาผ่านไปพอสมควรก็มีเสียงเคาะประตู แล้วผู้หญิงคนเดิมก็เอาเอกสารมาให้ลุงชัยเซ็นต์

           “กฤษเซ็นต์เอกสารตรงนี้นะ เท่านี้ที่ดินก็เป็นของกฤษแล้ว” ลุงชัยบอกจุดให้พี่กฤษพร้อมกับยิ้มให้

          แต่เจ้าของที่ดินคนใหม่กลับหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าลังเล จนผมต้องบีบมือที่จับอยู่ใต้โต๊ะให้แน่นขึ้น คนตัวใหญ่จึงยอมเซ็นต์ จากนั้นลุงชัยก็นำซองสีน้ำตาลใหม่เอี่ยมมาใส่โฉนดใบใหม่ให้พี่กฤษแล้วยื่นให้

           “งั้นพวกผมลาก่อนนะครับลุงชัย ขอบคุณมากครับที่มาให้รบกวนเป็นธุระคราวนี้” ผมกับพี่กฤษยกมือไหว้พร้อมกัน แล้วขอตัวออกมาจากห้องทำงานลุงชัย เราเดินกันไปเงียบๆ จนถึงรถพี่กฤษที่จอดไว้ที่เดิม

           “เราไปโรงแรมกันเถอะครับพี่กฤษ ป่านนี้พี่ทองคงรอแล้วล่ะ เห็นบอกจะให้ช่วยเลือกแบบร้านอาหารไม่ใช่เหรอครับ” ผมพูดขึ้นมาเพราะคนรักที่เดินนำหน้ามาหยุดนิ่งใกล้รถแล้วไม่ยอมพูดอะไรกับผมสักคำ

           “พี่ขอบคุณหยกมากนะครับ หยกกลับอเมริกาเมื่อไหร่พี่จะตามไปขอหยกมาแต่งงาน” พี่กฤษพูดด้วยสีหน้าจริงจังจนผมเขิน ได้แต่พยักหน้าแล้วก้มหน้าลงด้วยความอาย จนได้ยินเสียงพี่กฤษติดเครื่องยนต์ผมก็ปีนขึ้นไปนั่งแล้วกอดด้านหลังคนตรงหน้าเอาไว้ รู้สึกอบอุ่นมากมายที่สุดในชีวิต
 
          “หยกรักพี่กฤษนะครับ” ผมพูดออกไประหว่างที่พี่กฤษออกรถมาได้ไม่นาน แล้วผมก็รู้สึกถึงมือข้างซ้ายของพี่กฤษที่ปล่อยแฮนด์รถมาจับมือผมที่โอมกอดเอาไว้ ดึงให้ตัวผมแนบเข้ามาชิดแผ่นหลังตัวเองอย่างแนบสนิท จากนี้ไปเราจะไม่มีวันปล่อยมือจากกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2012 02:17:35 โดย AxCiO@ToToKeN »

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
โอนที่ดินเรียบร้อย
แล้วคุยกับคุณตา คุณยาย
หยกโดนตบหัวคว่ำเพราะเรื่องในอดีต
ถูกป่าว อ๊าาคคคค อะไรจะโหดป่านน้านนนน

เป็ดคนเขียน อัพถี่ได้ใจจริงๆๆ

ออฟไลน์ matilda.taon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อ๊ายยยย น่ารักอ่ะ อยากรู้เรื่องในอดีตจริงๆ
 :-[ :-[

chai235

  • บุคคลทั่วไป
เออจริงครอบครองปรปักษ์ก็ได้นี่นา เกิน10ปีเจ้าของไม่ดูดำดูดี ก็ได้แลแว แต่กฤษณ์ก็ไม่รู้นี่เนอะ
ดีใจจบลงด้วยดี  มาลุ้้นต่อไม่อย่กกินมาม่าอ่ะ

ออฟไลน์ vk_iupk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-2
โอนเสร็จแล้ว
ตอนหน้า เศร้าเคล้า น้ำตามาแล้วรึเปล่า
หรือยืดให้คู่นี้ เค้าหวาานกันอีกหน่อย
ตอนนี้หิวแล้วนะ อยากรู้ใจจะขาด จะลงแดงแล้ว  :dont2: :sad2:

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
ก่อนจะเมนท์อะไร


ขอบีบคอคุณป้าซะทีเถอะค่าาาาาาาาาาาาาา
 o12
เล่นเล่าค้างๆคาๆแบบนี้คนอ่านก็แย่สิค้า
ถึงหนูหยกจะรอได้แต่คนอ่านมันไม่อยากรอนี่
แต่ถ้ามาม่ามากก็ไม่ต้องรู้ก็ได้
555555555555
 :laugh:

แอบเดาๆว่าพี่กฤษกับน้องหยกอาจจะพี่น้องพ่อเดียวกัน
พ่อพี่กฤษความจริงอาจจะไม่ใช่คนนี้
อาจจะเป็นพ่อหยกที่รักกับแม่พี่กฤษ
แต่แม่น้องหยกไปแย่งมา
โอ๊ยตายจิ้นไปนอกจักรวาลแล้ว
 :jul3:
เอาเป็นว่าสนุกค่า
รอตอนหน้านะคะ
 :bye2:

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
ได้สิ่งบอกใบ้เพิ่มมาอีกนิด
ม๊าหยกไม่ให้โอนที่ดินให้ แต่ป๊าของหยกให้เช่าถือสิทธิ์แบบถ้าครอลที่ดินครบ10ปีจะมีสิทธิ์ในที่ดิน
อ๋า...ยังไงก็ขอหวานๆตอนไปทะเลต่อแล้วกันเน๊ออออ :z1:

PotaeMunmun

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งได้เข้ามาอ่านครั้งแรก ชอบมากครับ นั่งอ่านจนไม่ได้ทำงานเลยครับ 555  :o8:
สนุกมากเลยครับ ต้องขอชม แต่ดูแล้ว จะออกแนว ดราม่า น้ำตาท่วมจอกันหรือป่าว
ครับ มีลุ้นจริงๆ ก็ขอบคุณมากครับ ที่นำเสนอสิ่งดีๆ มาให้กันครับ จะติดตามตอนต่อ
ไปครับ รีบมาต่ออีกนะครับ "หัวใจพองโต เสียแล้วครับ"  :man1:

JipPy

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ IöLIKE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-6

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
สรุป พ่อหยกกับพ่อกฤษเป็นเพื่อนกัน

แล้วร่วมกันข่มขืนแม่กฤษจนท้อง แต่พ่อหยกโดนจับแต่งงานก่อน

ตารับไม่ได้เลยเกลียดฝ่ายพ่อหยก จ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
มันเรื่องอะไรกันนี่  มัน ตะหงิดๆในใจจังเลย

ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
อย่าเพิ่งปล่อยมาม่ามาเน้อ


T^T เค้ายังไม่พร้อมมมมมมมมมมมมมม

little_nok

  • บุคคลทั่วไป
มันต้องมีอะไรในอดีตรุ่นพ่อแม่แน่ๆ
ซึ่งมันจะต้องร้ายแรงเอาการ
เราเดาไปแล้ว รอต่อไปลุ้นๆ

totoken

  • บุคคลทั่วไป
บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 31 “กรหยก”
«ตอบ #295 เมื่อ14-01-2012 00:57:27 »

บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 31 “กรหยก”
ฉันโทรมาเพื่อจะบอกว่ารัก ถึงเวลาที่ต้องบอกสักที ไม่กลัวแล้วจะดูไม่ดี นาทีนี้ต้องพูดไป เสียงข้างในดังออกมา มันแสดงออกมา ว่ารักแล้วให้ทำไง วันนี้หัวใจ มันกำความลับไว้ไม่อยู่ซะแล้วเธอ

          เรามาถึงโรงแรม “บ้านขนม” ก็พบกับคนมากมาย ทุกคนดูท่าทางจะเป็นช่างเพราะกำลังใช้อุปกรณ์วัดพื้นที่จดลงบนกระดาษ บางคนก็ถ่ายรูปอยู่ ผมเห็นพี่ทองกับน้องพลอยนั่งคุยกับผู้รับเหมาและคนออกแบบอยู่ที่ชุดรับแขกจึงเดินเข้าไปหา

           “สวัสดีค่ะพี่กฤษพี่หยก...นั่งก่อนคะ นี่คุณส้มเป็นผู้ออกแบบ ส่วนนี่คุณบอยเป็นผู้รับเหมาค่ะ” น้องพลอยทักมาพร้อมแนะนำตัวแทนคนที่นั่งคุยด้วยอีกสองคน

           “สวัสดีครับ” ผมและพี่กฤษยกมือไหว้เพราะดูท่าทางสองคนนั้นจะแก่กว่า เราทักทายกันสักพักก็นั่งคุยงานกันต่อ เพียงสักครู่ป้านวลก็เอาน้ำมาเสิร์ฟผมกับพี่กฤษเพิ่ม

           “หากจะคงคอนเซปต์วินเทจดิฉันแนะนำเป็นแบบนี้นะคะ ดูร่วมสมัยหวานกลมกลืนเป็นธรรมชาติ” คุณส้มยื่นแบบที่ร่างไว้ให้พวกเราดู ผมว่ามันสวยดีเพียงแต่มันดูหวานไปหน่อย ลายลูกไม้ดอกไม้มันดูมากเกินไป แถมอุปกรณ์ตกแต่งมันค่อนข้างจะเป็นร้านขายดอกไม้ไปเสียแล้ว

           “เอ่อ...ถ้าเปลี่ยนจากลายวอลเปเปอร์ดอกไม้เป็นผนังพื้นสีฟ้าสด แล้วติดสติกเกอร์ลายลูกไม้สีขาวประดับเฉพาะมุมผนัง เปลี่ยนจากผ้าม่านลายลูกไม้มีระบายเป็นผ้าโปร่งลายลูกไม้ถักจะดูสบายกว่านะครับ หน้าต่างเป็นระแนงกับวงกบใช้สีขาวตัดกับสีพิ้นผนังก็จะโดดเด่นไม่น้อย” ผมอดไม่ได้ที่จะแนะนำออกไป เพราะไม่อยากให้ร้านอาหารเปลี่ยนเป็นร้านขายดอกไม้แทน

           “น้องพลอยว่าก็ดีเหมือนกันนะคะ มันดูลายเยอะเกินไป ถ้าเราเปลี่ยนกระเบื้องเป็นลายลูกไม้วินเทจแล้วผนังยังมีลายอีก มันจะหวานแล้วก็เยอะไปนะคะ” น้องพลอยเริ่มออกความเห็นบ้าง จนพี่ทองและพี่กฤษเริ่มพยักหน้าคล้อยตาม

           “ได้ค่ะ ดิฉันจะไปเปลี่ยนแบบมาให้อีกที เอาตามน้องหยกบอกแล้วกันนะคะ ใช้ผนังสีฟ้าเพิ่มลายตรงมุมสีขาว” คุณส้มจดรายละเอียดที่ต้องการแก้ไข

           “เอ่อ...ผมอยากได้ลายกิ่งไม้สีน้ำตาลติดผนังด้านที่ไม่มีหน้าต่างด้วยครับ แล้วก็ขอดอกลีลาวดีปลอมมาประดับบนลายกิ่งไม้จะได้ดูมีมิติมากขึ้น ดีไหมครับ” ผมเสนอเพิ่มไอเดียสำหรับผนังฝั่งร้านขนมที่เป็นผนังทึบ จะได้ดูมีสีสันมากขึ้น

           “สวยค่ะ เลิศมาก...พี่เคยเห็นในหนัง งามจนพี่อยากจะเอามาทำในห้องนอนตัวเองนี่ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นหนังผีนะ” พี่ทองที่ถูกใจความคิดผมปรบมือเสียงดัง แล้วพูดจาหลุดสาวทำเสียงเล็กเสียงน้อยขึ้นมาอีกแล้ว ทำเอาน้องพลอยต้องกระแอมเสียงดังจึงได้สติขึ้นมา

           “ทำได้ค่ะ ท่าทางจะเซฟเงินค่าวอลเปเปอร์ไปได้มากอยู่เหมือนกันค่ะ” คุณส้มที่แอบขำในท่าทางของพี่ทองพูดตอบรับในไอเดียของผมแล้วจดรายละเอียดเพิ่ม จากนั้นเราก็คุยกันเรื่องโคมไฟ และการตกแต่งตรงชานร้านอาหารที่ยื่นออกไปในน้ำ คุณบอยรับปากว่าจะเสริมคานเหล็กเคลือบกันสนิมไว้ด้านล่าง เพื่อความแข็งแรง แล้วก็เฟอร์นิเจอร์ที่สั่งทำใหม่ทั้งหมดให้เข้าชุดกัน

          เราคุยกันจนบ่ายก็พอดีช่างวัดพื้นที่เสร็จ คุณบอยและคุณส้มก็ขอตัวลากลับไปเตรียมงานแล้วรับปากจะส่งอีเมล์แบบที่แก้มาให้ดู พร้อมกับทำใบแจ้งค่าใช้จ่ายให้ใหม่ คาดว่าอาทิตย์นี้ก็ลงมือตกแต่งใหม่ได้ทันที ท่าทางพี่ทองดูจะรีบจัดการรายละเอียดพวกนี้อย่างรวดเร็วเหลือเกิน

           “หยกจ้ะ วันนี้พวกพี่จะไปห้างกัน ว่าจะหาซื้อของขวัญให้พี่แดนนี่กับพี่แชริมด้วยน่ะ” พี่ทองบีบเสียงพูดขึ้นมาหลังจากเรากลับมานั่งที่ชุดรับแขก ตอนนี้คงไม่ต้องแอ็บแมนอะไรกับผมอีกแล้ว จึงแสดงออกถึงความเป็นพี่สาวเต็มที่

           “อย่ามาอ้างค่ะเจ๊...คือเจ๊จะไปหาเสื้อผ้าชุดใหม่มาใส่ยั่วพี่มาร์ทต่างหากค่ะ แล้วก็ซื้อของขวัญนั้นเป็นเรื่องรอง” น้องพลอยพูดสวนขึ้นมาทันที พร้อมกับหันไปเชิดใส่อาการค้อนของเจ๊ทอง

           “พี่ไปด้วยสิ ไปหาอะไรกินที่นั่นด้วยเหอะ ตอนนี้หิวแล้ว” พี่กฤษพูดขึ้นมาบ้าง ตอนนี้ผมก็รู้สึกหิวเหมือนกัน ด้วยเป็นเวลาบ่ายแก่ๆ แล้วด้วย

           “ต๊ายยย...ฟ้าจะถล่ม แผ่นดินจะทลาย หิมะจะตกเมืองไทย อีกฤษขอไปเดินห้าง...แม่เจ้า” พี่ทองทำท่าทางเหมือนโลกกำลังถล่ม เอาฝ่ามือสองข้างนาบลงบนอกตัวเอง อ้าปากหวอมองพี่กฤษอย่างไม่เชื่อสายตา จนผมงงว่าทำไมต้องตกใจขนาดนั้น

           “พี่กฤษคะ...หนูกำลังจะให้พี่หยกช่วยชวนพี่ไปให้ได้ แต่...แต่พี่กลับเป็นคนบอกว่าจะไป ตายแล้ว...ความรักช่างมหัศจรรย์ เปลี่ยนแปลงคนได้ถึงเพียงนี้เชียว” น้องพลอยก็ร่วมด้วยอีกคน ทำท่าทางเหมือนกับว่าพี่กฤษไม่มีทางจะพูดสิ่งนี้ออกมาได้อย่างเด็ดขาดอย่างนั้นล่ะ

           “ทำไมเหรอครับ พี่กฤษไปห้างแล้วแปลกตรงไหนเหรอครับ หยกงง” ผมที่สงสัยว่าทำไมสองพี่น้องต้องมองพี่กฤษที่นั่งยิ้มเผล่แบบไม่เชื้อสายตาอยู่อย่างนี้ มันแปลกยังไงกัน ไม่เข้าใจ

           “พี่จะไปซื้อเสื้อผ้าไปเที่ยวทะเล แล้วก็ซื้อโทรศัพท์สักเครื่อง...” พี่กฤษที่นั่งยิ้มอยู่นาน พูดขึ้นมายังไม่ทันจบดี ผมก็ต้องสะดุ้งตกใจจนเกือบตกเก้าอี้ ด้วยเสียงกรี๊ดแหลมแทรกขึ้นมาของพี่น้องทั้งสอง

           “กรี๊ดดด...อีกฤษ แก...แกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า...” พี่ทองกรี๊ดเสียงดังแล้วมองหน้าพี่กฤษด้วยสีหน้าตกใจสุดขีดเหมือนเห็นผี จนผมงงอีกแล้ว

           “มีอะไรกันหรือคะ เกิดอะไรขึ้น...” ป้านวลวิ่งหน้าตื่นออกมาจากด้านหลัง ทำสีหน้าเลิกลักมองคนนั้นคนนี้ ถามพวกผมที่กำลังตกใจกับเหตุการณ์นี้อยู่เหมือนกัน

           “มะ...มะ...ไม่มีอะไรค่ะป้า เอ่อ...ป้านวลกลับเลยก็ได้ค่ะ ช่วงนี้จนถึงวันซ่อมร้านเสร็จหนูจะปิดห้าวันนะคะ” ป้านวลที่ยังงงอยู่พยักหน้าช้าๆ บอกลาแล้วก็เดินออกจากโรงแรมไป

           “พะ...พี่กฤษจะซื้อเสื้อใหม่ แล้วก็...เอ่อ...โทรศัพท์ พี่หยกบอกให้ซื้อเหรอคะ” น้องพลอยที่ถามพี่กฤษอยู่ดีๆ ก็หันขวับกลับมามองหน้าผมแล้วทำตาโตอ้าปากหวอ จนผมได้แต่ส่ายหน้าตอบเพราะไม่รู้เรื่อง

           “พี่จะซื้อเองล่ะ เสื้อผ้าพี่มีแต่ชุดเก่าๆ งานนี้เพื่อนน้องหยกชวนไปเที่ยวโรงแรมไฮโซจะทำให้หยกขายหน้าได้ยังไงเล่า แล้วก็ถ้ามีโทรศัพท์จะได้ติดต่อได้สะดวกยังไงล่ะ ไปเถอะทองกูหิวข้าวแล้ว” พี่กฤษที่ตอบด้วยความใจเย็นไม่สนใจสองพี่น้องที่ทำท่าเหมือนพี่กฤษไม่ใช่พี่กฤษยังไงอย่างนั้น

          พี่กฤษลุกจากเก้าอี้นำเป็นคนแรก เอื้อมมือมาดึงแขนผมที่ยังงงกับอาการของสองพี่น้องอยู่ให้ลุกขึ้นตาม เราทั้งคู่เดินนำออกไปที่จอดรถประจำของพี่ทอง ผมหันมามองสองพี่น้องที่เดินตามมา ทั้งคู่ก็ยังทำท่าแปลกๆ คอยชี้ชวนกันให้ดูผมที่เดินคู่กับพี่กฤษพร้อมยกมือป้องปากกระซิบกระซาบอะไรกันไปด้วย มันแปลกอะไรขนาดนั้นนะนี่ ยิ่งเห็นยิ่งไม่เข้าใจ

          ระหว่างที่อยู่บนรถพี่กฤษนั่งจับมือผมกันอยู่ที่เบาะด้านหลังคนขับกันสองคน ผมแอบเห็นน้องพลอยกับพี่ทองเอาแต่สลับกันหันหน้ามามอง พี่กฤษอย่างไม่ไว้วางใจอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเรามาถึงห้างใหญ่แถวถนนพระรามสอง พอจอดรถเสร็จพี่กฤษก็ให้พี่ทองพามาที่ร้านโทรศัพท์ก่อน

           “กฤษมึงจะเอารุ่นไหน กูแนะนำอันนี้ถูกสุดเก้าร้อยบาทหน้าจอสีด้วยนะมึง” พี่ทองพาเราทุกคนมาร้านมือถือประจำของตัวเอง เพราะเจ้าตัวบอกว่าเปลี่ยนมือถือทุกครั้งที่ออกรุ่นใหม่จนสนิทกับเจ้าของร้าน กำลังหยิบมือถือเครื่องเล็กที่ไม่มีฟังก์ชั่นอะไรมากมายนักมาให้พี่กฤษดู

           “ไม่อ่ะ เอาที่มีกล้องไว้คุยกันแบบเห็นหน้า แล้วก็ขอที่ส่งเมล์ได้ด้วยมีไหมวะ” พี่กฤษหยิบโทรศัพท์มือถือที่พี่ทองส่งให้มาดูแล้วส่ายหน้า พอผมที่ก้มมองโทรศัพท์ในมือพี่กฤษอยู่เงยหน้าไปหาพี่ทองก็ต้องตกใจ เพราะเจ้าตัวอ้าปากกว้างมากแถมยังทำตาค้างโตอีกต่างหาก

           “พี่ครับผมอยากได้รุ่นเดียวกับแฟนผมอ่ะครับ” พี่กฤษที่ไม่สนใจพี่ทอง หันมาหาผมแล้วหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าผมออกมาส่งให้เจ้าของร้านดู พร้อมบอกว่าจะเอารุ่นเดียวกันอีก นี่มันแพงพอสมควรเลยนะ ทำไมพี่กฤษที่ค่อนข้างประหยัดถึงดูลงทุนกับโทรศัพท์เครื่องแรกจัง

           “อ๋อ...ไอโฟนสี่เอส ตอนนี้เหลือแต่เครื่องศูนย์สิบหกจิ๊กแล้วนะ มีสีดำกับสีขาว น้องจะเอาสีอะไรล่ะ พี่ติดฟิล์มแล้วก็ลงแอพให้ฟรี ราคากันเองเพราะเป็นเพื่อนน้องทองนะเนี่ย” พี่คนขายรีบนำเสนอพร้อมกระดาษจดราคาให้ดูทันที

           “เอาสีขาวเหมือนแฟนผมครับ ผมไปกดตังค์ก่อนนะครับพี่ เดี๋ยวมาเอา” พี่กฤษพยักหน้าให้คนขายเมื่อเห็นราคาแล้วเดินออกไปหาตู้เอทีเอ็มทันที ไม่ได้สนใจใครเลย นอกจากบอกผมว่าไปไม่นาน เดี๋ยวก็มา

           “หยก...ไปบอกมันยังไงถึงยอมมาห้าง ซื้อเสื้อผ้าใหม่ แถมยังซื้อโทรศัพท์เครื่องเป็นหมื่นอีก” พี่ทองรีบลากผมออกมาห่างพอสมควร แล้วยิงคำถามรัวเร็วจนผมต้องตั้งสติเพราะฟังแทบไม่ทัน

           “เอ่อ...ผมยังไม่พูดอะไรเลยนะครับ แล้วก็ไม่ได้บอกให้พี่กฤษซื้อด้วย มีอะไรกันเหรอครับ แล้วพี่กฤษไม่ชอบมาห้างเหรอพี่ทอง” ผมบอกตามความจริงไป แล้วด้วยความสงสัยว่าทำไมสองพี่น้องถึงต้องแสดงอาการตกใจมากมายขนาดนี้

           “เจ๊ชวนมันทั้งชาตินะไม่เคยจะมาเลย มันบอกว่าเปลืองเวลาทำมาหากิน ถึงว่างมันก็ไม่ชอบเดินห้างมันบอกว่ามีแต่ของแพงๆ ไม่มีปัญญาซื้อ เสื้อผ้าตอนเด็กๆ มันก็หน้าด้านขอจากคนอื่นบ้าง มีคนแถวนั้นเอาของลูกชายตัวเองที่ไม่ใส่แล้วให้มันบ้าง โตมามันก็ไม่ยอมซื้อเสื้อผ้าใหม่กลับชอบขับรถไปตลาดนัดราชบุรีโน่น หาซื้อแต่เสื้อผ้ามือสองมาใส่ได้ตลอด ขนาดกางเกงในมันยังไม่ยอมซื้อมาใส่เลยไม่เห็นเหรอ” พี่ทองพูดเสียจนผมนึกภาพออกเลย

           “นี่ยิ่งมันบอกจะซื้อโทรศัพท์ สมัยเด็กๆ เจ๊เคยเอารุ่นเก่าที่เจ๊ไม่ใช้แล้วมาให้มันฟรีๆ เพราะติดต่อลำบากเหลือเกิน มันยังไม่ยอมรับเอาไว้เลย บอกว่าคุยโทรศัพท์เปลืองค่าโทรให้เขียนจดหมายคุยกันก็ได้ กรุงเทพฯ กับอัมพวาส่งจดหมายสามสี่วันก็ถึง ตอนนั้นเจ๊ก็ว่ามันคลาสสิคมาก เจ๊กับมันเขียนจดหมายหากันทุกอาทิตย์” เจ๊ทองที่เริ่มจะเคลิ้มถึงความหลังอีกแล้ว

           “แต่มาคิดได้ที่หลังว่าอีกฤษมันขี้เหนียวต่างหาก แล้วประทานโทษ อกอีเจ๊จะระเบิด...วันนี้มันซื้อไอโฟนจ้า...ไอโฟนสี่เอสเชียวนะค๊ะ แม่เจ้า...ชั้นยังใช้แค่ไอโฟนสี่ธรรมดาเลย อยากจะกรี๊ดออกมาเป็นภาษาอิตาเลี่ยน ผีเศรษฐีที่ไหนไปเข้าสิงมัน” ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมพี่ทองต้องกรี๊ดเป็นภาษาอิตาเลี่ยน เพราะตอนนี้กำลังตกหลุมรักหนุ่มอิตาเลี่ยนอยู่นี่นา ผมฟังแล้วก็ได้แต่ขำ

           “โน่น...กดเงินมาซื้อได้อย่างหน้าชื่นตาบาน เมื่อก่อนแทบจะไม่เคยเห็นมันควักเงินจ่ายอะไรสักบาท” พี่ทองชี้ชวนให้ผมดูพี่กฤษที่กำลังพูดคุยอยู่กับพี่เจ้าของร้านโทรศัพท์มือถือ ส่วนน้องพลอยเอาแต่มองพี่กฤษไม่วางตาอยู่เหมือนกัน สงสัยจะอาการเดียวกับพี่ทอง

           “ทอง...กูว่าเราไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะ หิวแล้ว พี่เค้าบอกว่าลงแอพติดฟิล์มอีกตั้งครึ่งชั่วโมง เค้าจะแถมกรอบให้กูด้วย ใจดีจังเลยว่ะ ท่าทางมึงจะซื้อกับเค้าไปเยอะเนาะ” พี่กฤษเดินนำน้องพลอยมาทางผมกับพี่ทอง ท่าทางจะอารมณ์ดีจนไม่ได้ดูเลยว่าสองพี่น้องยังคงตกใจกับพฤติกรรมของตัวเองอยู่

           “เฮ้ย...เป็นอะไรกัน ไปหาข้าวกินกันดีกว่า กูอยากกินพิซซ่า กูเลี้ยงเอง” พี่กฤษชวนจบ สองพี่น้องก็แสดงอาการเหมือนเห็นผีเข้าให้อีกครั้ง แต่คราวนี้น้องพลอยทำหน้าหลุดโลกจนหมดสวยกันเลยทีเดียว ผมพอเดาสาเหตุได้แล้วก็พลอยขำกับท่าทางของสองพี่น้องตามพี่กฤษไปด้วย

           “เอาชุดนี้แล้วกันครับเยอะดี น้องหยกเลือกหน้าให้พี่หน่อยพี่เลือกไม่เป็น” พอเรามาถึงร้านพิซซ่าพี่กฤษก็เลือกชุดโปรโมชั่นประจำเดือน แล้วก็มอบหน้าที่ให้ผมเลือกหน้าพิซซ่าอยู่คนเดียว เพราะสองพี่น้องยังทำหน้าตาตะลึงกับพี่กฤษค้างอยู่

           “เอาซูเปอร์สุพรีมแล้วกันครับ โค้กรีฟิวทุกคนครับ” ผมบอกพร้อมสั่งเครื่องดื่มให้เสร็จสรรพ แต่สองพี่น้องท่าทางจะยังไม่ได้สติ จนผมเริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะทั้งคู่เอาแต่เงียบมานาน พี่กฤษคงเดาออก เพราะผมเริ่มส่งสายตาวิงวอนให้พี่กฤษช่วยทำอะไรสักอย่าง

           “เฮ้อ...ไอ้ทอง...น้องพลอย...เลิกทำหน้าแบบนั้นได้ไหม” พี่กฤษก็เหมือนจะทนไม่ไหวจึงพูดออกมาจนน้องพลอยกับพี่ทองมองหน้ากันเอง แล้วทำท่าเหมือนจะถามอะไรแต่ไม่กล้าถาม และดูเหมือนพี่ทองจะไม่มีความอดทนเท่าไรจึงโพล่งออกมาก่อนจนได้

           “กฤษ...มึงตอบกูมาหน่อย มึงกำลังทำอะไรอยู่ หยกทำให้มึงเปลี่ยนอะไรได้มากมายขนาดนี้” พี่ทองถามพี่กฤษที่ยังคงยิ้มออกมาได้อยู่ หลังจากได้ยินคำถามที่ทำให้ผมต้องตั้งใจฟังเพราะความอยากรู้เหมือนกัน

           “หยกไม่ได้เปลี่ยนอะไรกู กูยังเป็นเหมือนเดิม มึงเคยถามกูว่าเมื่อไหร่กูถึงจะซื้อความสุขให้ตัวกูเองกับแฟนบ้างจำได้ไหม แต่กูบอกมึงแล้วว่าถ้ากูมีแฟน แล้วกูมั่นใจในตัวเค้าเมื่อไหร่ กูถึงจะพาเค้ามาเที่ยว กินข้าว ดูหนัง ซื้อของเหมือนคนอื่นไง กูไม่อยากมีความสุขคนเดียว กูอยากมีความสุขพร้อมๆ กับแฟนกู แล้วกูก็ไม่เคยรู้สึกว่ามีใครที่คู่ควรกับความรักของกูมากเท่าน้องหยกมาก่อน” พี่กฤษพูดกับพี่ทอง แต่ใบหน้าและดวงตากลับจ้องมาที่ผมจนต้องเกิดอาการเขินขึ้นมา

           “มึงบอกกูตอนไหนวะอีนี่ อ้อ...กูจำได้แล้ว ตอนที่มึงคบกับสาวราชภัฎคนนั้นแล้วเค้าชวนมึงไปดูหนัง แต่มึงไม่ยอมไปจนเค้ามาร้องไห้ระบายกับกู ตอนนั้นกูอยากจะหัวเราะใส่เพราะสมน้ำหน้าด้วยซ้ำ แต่ต้องแอ๊พสวยบอกว่าไว้จะถามมึงให้” พี่ทองเล่าพร้อมทำสีหน้าสะใจขึ้นมา

           “มึงยังบอกว่าดูหนังเปลืองเงิน สู้เอาเงินให้ยายไปทำบุญที่วัดจะมีคุณค่ากว่า โถ...ชะนีน้องนางมาแพ้ทางเก้งกวางจากอเมริกา” พี่ทองหันมาแขวะผมเข้าให้ แถมยังเบะปากใส่อีก ผมกับน้องพลอยจึงได้แต่ขำ เพราะเริ่มเข้าใจสถานการณ์มากขึ้นแล้ว

          “มึงน่ะจำแต่เรื่องอุบาทว์น่ะสิ เรื่องดีๆ ของกูไม่เคยจำ แล้ววันนี้กูจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ไว้ใส่ไปเที่ยวทะเล แล้วก็กางเกงในเอาไว้ใส่สักสองโหล ต่อไปนี้จะไม่ให้ใครได้เห็นน้องชายกูนอกจากเมียกูคนนี้คนเดียวอีกแล้วโว้ย”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2012 02:22:27 โดย AxCiO@ToToKeN »

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
ตอนแรกคิดว่าป้าทองจะเป็นตัวร้ายนะเนี่ย แต่ตอนนี้ป้าทองกลายเป็นดาวตลกไปแล้ว

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
อิจฉานังหยก อ่านไปอ่านมาแล้ว อย่าจะตบเธอ แล้วเข้าไปเป็นนางเอกแทน 555 จะหาที่ไหนได้เนี้ยผู้ชายแบบพี่กฤษ เนี้ย

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป
พี่หยกโดนพี่กฤษเก็บบิลเงินสดย้อนหลังแน่ๆ o13

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป
พี่หยกจะโดนพี่กฤษเก็บบิลเงินสดย้อนไหมนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด