สุดปลายทางของ...หัวใจ
จบบริบูรณ์
ส่วนที่ 51-70%
วัดใหญ่ชานเมืองหลวงสวยงามไปด้วยสถาปัตยกรรมอันวิจิตรตระการตา ทว่าก็เงียบสงัด โดยเฉพาะบริเวณหลังโบสก์ที่เป็นที่ตั้งของเจดีย์เก็บอัฐิของหลายคนหลายตระกูลเรียงรายเป็นทิวแถวยาวตามแนวกำแพงหลังวัด ท่ามกลางความร่มรื่นของต้นโพธิ์ต้นไทรขนาดใหญ่อายุยาวนาน แลดูสงบร่มเย็น แว่วเสียงกระดิ่งจากยอดช่อฟ้าและหลังคาโบสก์ดัง กรุ๊งกริ๊ง ยามต้องสายลมฟังแล้วช่างทำให้หัวใจสงบผ่อนคลาย
เสียงล้อรถวิลแชร์เคลื่อนผ่านใบไม้แห้งดังแกรกกรากขณะเคลื่อนผ่านใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อมุ่งหน้าสู่แนวเจดีย์เรียงราย และมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจดีย์อัฐิเจดีย์หนึ่งที่ติดรูปที่เคยคุ้นตาเอาไว้ พร้อมชื่อที่สลักใต้รูปนั้นว่า ‘นางสาวรมย์มณี วิจิตรศิลา’
“...ฝ้าย...ภู่มาเยี่ยม...นะ”
"ภู่ขอ...โทษนะ ที่ไม่ได้มาเยี่ยม...เลย...ขอโทษ...จริงๆ"
ภุมราค่อยๆเอื้อมมือเข้าหารูปถ่ายที่ติดไว้หน้าเจดีย์ แตะต้องมันอย่างเบามือ พลางเอ่ยทักทายเสียงอ่อนหวาน แม้จะยังพูดไม่ชัดถ้อยชัดคำนัก แต่ทุกคำก็เอื้อนเอ่ยออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
รูปหญิงสาวที่ปลายนิ้วของภุมราส่งยิ้มหวาน ดูเหมือนว่ากำลังยินดีที่จะรับคำทักทายของภุมราอย่างเต็มอกเต็มใจ ราวกับกับว่ารอคอยมายาวนานเหลือเกิน
"...ภู่...คิดถึงฝ้าย...มากนะ..."
"ฝ้าย...อยู่ที่ทาง...นั้น...สบายดีหรือเปล่า?...คิดถึงภู่...บ้างไหม?..."
เสียงแหบหวานเครือสั่น ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำอุ่นก่อนมันจะกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาอาบสองแก้มช้าๆ เขาเสียใจเหลือเกินกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฝ้าย ความรู้สึกผิดยังคงประเดประดังไม่เสื่อมคลาย รังเกียจตัวเองจนขนลุกอยู่เสมอที่เป็นต้นเหตุให้ฝ้ายต้องตาย เขาเองที่ทำให้ฝ้ายเสียใจจนเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เป็นเพราะเขาทั้งหมด...
"ฮี่ก...ฝ้าย...ภู่ขอโทษ...ภู่ขอโทษนะ....ฮือ..."
ภุมราหลั่งน้ำตาอย่างเจ็บร้าว ร่างทั้งร่างสะท้านคลอนด้วยไม่อาจห้ามใจไม่ให้เศร้าโศกได้ไหว เสียงสะอื้นฮั่กที่น่าสงสารนำพาให้นคินทร์อดสะเทือนใจตามไปด้วยไม่ได้
“ภู่...”
“ฝ้าย...ฝ้ายครับ...อโหสิกรรมให้ภู่ด้วยนะ...”
ภาพของร่างผอมกะปลกกะเปลี้ยที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนอยู่ตรงหน้านั้น ช่างบีบรัดหัวใจของนคินทร์ให้ต้องสะท้านวูบไหวไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเหตุการณ์ที่คนรักเผชิญอยู่นั้นตัวนคินทร์เองก็มีส่วนให้มันเกิดขึ้นด้วยเหมือนกัน เขาเองก็มีส่วนผิดกับเรื่องนี้ไม่น้อยไปกว่าใครเหมือนกัน
"ภู่..."
นคินทร์สวมกอดคนบนรถเข็ญอย่างอ่อนโยนเป็นการปลอบขวัญ เจ็บปวดระคนรู้สึกผิดไม่น่อยที่เป็นต้นเหตุให้ต้องเสียน้ำตามากมายขนาดนี้ เขาเห็นแก่ตัวเหลือเกินที่จนถึงตอนนี้ก็ไม่ยอมเปิดตาดูตัวเองว่าแท้จริงแล้วนั้นเขาต่างหากที่พลาด เขาต่างหากที่เป็นชนวน ความโง่งมของเขาทั้งนั้นที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เพิ่งมารู้ในวันที่มันสายจึงได้แต่ทรมาน
"ภู่ครับ...อย่าร้องเลยนะคนดี ภูเองที่ผิด ภูเองที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ภูต่างหากที่เลว ภู่อย่าร้องนะครับ...อย่าร้องไห้อีกเลยนะ..."
"ไม่ครับภู...ภูไม่ได้ผิดหรอก ภูแค่ซื่อ...ภูแค่ทำตามหัวใจ แต่ภู่เปล่า...ภู่หลอก...ใช้ฝ้ายเพื่อเป็น...สะพานไปหาภู รู้ว่า...ฝ้ายรัก...ภู่ก็เลยหลอกใช้ เพราะตอนนั้น...ภู่...รู้สึกตัวแล้วว่า...การเป็นแค่...เพื่อนรัก...มัน...ไม่พอสำหรับภู่..."
ภุมราสารภาพความในใจให้คนรักได้ฟังด้วยถ้อยคำตะกุกตะกัก พลางเคลียไล้ใบหน้าของตนไปกับข้างซอกแก้มของนคินทร์ที่โน้มตัวกอดมาจากด้านหลัง น้ำตาที่ไหลเอ่ออาบสองข้างแก้มตอบนั้นไม่ได้ช่วยชำระความผิดบาปในหัวใจได้เลยแม่แต่เศษเสี้ยว ยิ่งได้เห็นรูปถ่ายบนสถูปก็ยิ่งใจหาย ตั้งแต่ฝ้ายตายเขาก็ไม่เคยเหยียบไปที่ที่มีความทรงจำร่วมกันอีก เพราะเขาไม่อยากพบเจอกับความชิงชังความเจ็บร้าว เขาหนี เพราะเขาขี้ขลาดเกินกว่าจะรับความจริงว่า...
เขาคือต้นเหตุทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่รักเขาอย่างสุดหัวใจ...
...ต้องตายไปต่อหน้าต่อตา
"...ตอนนั้นภู่หน้ามืด...ตาบอด พอได้รู้ว่า...ภู...มีใจให้ฝ้าย...ภู่ก็...ภู่ก็ไม่พอใจกับความเป็นเพื่อนของเรา...อีกต่อไป...ภู่อยากเป็น...มากกว่านั้น...ภู่ไม่อยากเป็นแล้ว...เพื่อนที่ต้อง...ยินดีด้วยเมื่อเพื่อนมีแฟน...ภู่คงอ้าปากพูดยินดี...ออกไป...ไม่ไหว...หากภูจะเป็นแฟนกับ...ฝ้าย....จริงๆ...ดังนั้นภู่จึงทำทุกอย่างเพื่อให้ภูกับ...ฝ้าย...อยู่ห่างจากกันโดยสมบูรณ์..."
ประโยคบอกเล่าความในใจที่ไม่ชัดถ้อยชัดคำนัก ค่อยๆเปรยปราศรัยความในออกมาราวกับตาน้ำผุด นคินทร์โอบกอดคนช่างพูดในอ้อมแขนแน่นขึ้น เพราะร่างบอบบางนั้นสั่นระริกราวกับลูกนกตกจากรัง คำพูดเหล่านั้นของภุมราเขารู้ว่ามันจริงแต่ก็ไม่ได้รู้สึกชิงชังรังเกียจแต่กลับเจ็บปวดแทนเสียมากกว่า เจ็บปวดที่ภุมราต้องทรมานขนาดนั้นเพื่อที่จะได้รักเขา...
"โชคดีที่ฝ้าย...รักภู่ไม่ใช่ภู และโชคร้ายที่ฝ้ายกับภู่...เราเป็นคนประเภท...เดียวกัน...ที่จะไม่ยอมตัดใจ...จากคนที่เรารักอย่างเด็ดขาด...เพราะอย่างนั้นแหละ ภู่ถึงให้อภัยตัวเองไม่ได้เลย...จนกระทั่งรู้ว่าตัวเอง...ป่วย"
"พอเถอะภู่...พอแล้ว..."
ยิ่งได้ฟังนคินทร์ก็ยิ่งเจ็บปวด ทำไมเขาในตอนนั้นถึงได้โง่งมนัก ทำไมถึงไม่ยอมมองเห็นอะไรเลย ทั้งเรื่องของภุมรา ทั้งเรื่องของฝ้าย ทั้งที่คนหนึ่งคือเพื่อนที่เขารักสุดใจ และอีกคนก็คือหญิงสาวที่เขามีใจ ทำไมเขาถึงได้โง่เง่าตาบอดขนาดนั้น...
นคินทร์โอบรัดร่างของภุมราแน่นขึ้นอีก ปากพร่ำอ้อนวอนขอให้ภุมราเลิกพูดจาทำร้ายตัวเอง ชายหนุ่มยังไม่หายดี นิคนทร์จึงไม่ต้องการให้อะไรทั้งนั้นมากระทบกระเทือน โดยเฉพาะเรื่องอดีตที่แสนเลวร้าย ที่พาให้สามหัวใจต้องจ่อมจมอยู่ในวังวนแห่งความชิงชัง เขาไม่อยากให้ภุมราต้องพูดถึงมันอีกแล้ว แค่ฝ้ายตายไปคนเขาก็เสียใจจะแย่ แล้วหากต้องเสียภุมราไปอีกเขาต้องขาดใจตายอย่างแน่นอน...
"ขอภู่พูดเถอะภู...ให้ภู่ได้ระบายมันออกมา...ให้ภูได้สารภาพทุกอย่าง...ต่อหน้า...ฝ้าย..."
"...โธ่...ภู่..."
นคินทร์ทำได้แต่กัดฟันกลันหยาดน้ำที่รื้นคลอหน่วยขึ้นมาไม่หยุด แล้วฟังภุมราพูดเรื่องที่แสนเจ็บปวดต่อไป เพราะไม่อาจขัดขืนฝืนให้ภุมราเลิกพูดเรื่องราวต่างๆได้
"...ภูรู้มั้ย? ตอนที่รู้ว่าฝ้ายตาย ไม่ใช่แค่ภูหรอกที่เกลียดภู่...เพราะภู่เองก็เกลียดตัวเอง...มากเลยล่ะ...จริงอยู่ที่ฝ้าย...เป็นฝ่ายเริ่ม...เป็นคนไล่ต้อนให้ผมต้องลงมือทำเรื่องเลวร้าย...ตอนนั้นภู่ไม่คิดอะไรเลย...ไม่คิดถึงจิตใจของฝ้ายเลย...ภู่ทำทุกอย่าง...ตามอำเภอใจ...เพียงเพื่อ...ให้ได้เข้าใกล้...ภู...ไม่สนว่าฝ้ายจะเจ็บ...ไม่แคร์ว่าฝ้ายจะร้องไห้ ฝ้ายไม่ยอมปล่อยภู่...ภู่ไม่ยอมปล่อยภู...ภูห่วงใยฝ้าย...ภูเกลียดภู่ขึ้นทุกวัน...วันเป็นวังวนที่ภู่คิดว่า...เราคงไม่มีวันหลุดพ้น...จนกระทั่งวันที่ฝ้ายตาย..."
ยิ่งพูดเยอะขึ้นร่างกายของภุมราก็เหมือนจะสิ้นเรี่ยวสิ้นแรง ร่างบอบบางพิ่งอ่อนลงบนเก้าอี้วิลแชร์ ศีรษะเอนซบไปกับไปแผ่นบ่ากว้างด้านหลังอย่างอ่อนล้า ด้วยว่าร้องไห้จนเหนื่อยเหลือเกินแล้ว
"...วันนั้นเอง...ที่ทำให้ภู่สำนึกได้ว่า...วังวนนั่นมันไม่ได้ดึงเราเข้าไป แต่เรานี่แหละที่พยายามจะเข้าไป...อยู่ในนั้นเอง... วันที่ฝ้ายตาย...ภู่ถึงได้รู้...ว่าทั้งหมดที่ผ่านมา...ภู่...ภู่นี่แหละที่ทำร้ายตัวเอง...ภู่นี่แหละที่ทำร้ายฝ้าย...ภู่นี่แหละที่ทำร้าย...ภู..."
เสียงขาดห้วงลงทุกขณะ เปลือตาก็เริ่มปรือปรอยลงอย่างเหนื่อยอ่อน วันนี้ภุมราใช้แรงเยอะกว่าทุกๆวันจึงเหนื่อยเกินกว่าที่ร่างกายของชายหนุ่มในตอนนี้จะรับไหว แถมยังร้องห่มร้องไห้หนักหน่วงอีก พลังที่เหลือประคองตัวจึงหมดลงอย่างรวดเร็ว
และในที่สุด...ก็ถึงเฮือกสุดท้าย
"...ภู่รู้สึกผิดตลอดมาจนกระทั่ง...รู้ว่าตัวเองป่วย...ภู่ดีใจมากที่ในที่สุด...ตัวเองก็ได้รับผลกรรม...อย่างสาสม...เสียที..."
"...ภู่..."
"...ภู่...ดีใจมาก...ดีใจ...เหลือเกิน...ที่...ในที่สุด...ภู่ก็สามารถ...บอกรักภู...ได้..อย่างเต็มปาก....และ...ขอโทษ...ฝ้าย...ได้...อย่างเต็ม...ที่...เสีย...ที......................."
หลังจากจบประโยคสุดท้าย ในที่สุดภุมราก็ผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของนคินทร์...
ภุมราหลับไปพร้อมกับเสียงของสายลมที่พัดผ่านร่างกายให้เย็นฉ่ำ เสียงใบไม้ลู่ลม เสียงกระดิ่งตรงชายคาโบสถ์ สงบ...ราวกับเสียงเพลงแห่งสรวงสวรรค์ แม้หลับตาแต่ภุมราก็รู้สึกได้...เสียงนั้นแสนหวาน...เสียงนั้นแสนอ่อนโยน...
...ไม่เป็นไรนะคะภู่...
....ไม่เป็นไรแล้วค่ะ คนดีของฝ้าย....
*
*
*
*
*
"ภู่...ทางนี้จ๊ะ"
เสียงหวานเรียกภุมราให้มานั่นด้วยกัน "ลานดิน" โรงอาหารโรงใหญ่สุดของมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่หลังคณะมนุษย์ศาสตร์เป็นจุดนัดพบที่พวกเขาต้องมาเป็นปกติ เหตุเพราะโรงอาหารใหญ่สุดที่นั่งเยอะ และมีร้านอาหารตามสั่งป้าจงจิตต์ที่เป็นเจ้าประจำ จึงทำให้พวกเขาไปไหนไม่รอด ต้องจอดเปื่อยอยู่ที่นี่ตลอด
"นั่งเลยภู่ ฝ้ายจองเอาไว้แล้ว ตอนเที่ยงนี่คนเยอะตลอดเลยเนอะ"
หญิงสาวชี้พิกัดให้ภุมรานั่งลงฝั่งตรงข้ามอย่างกระตือรือร้นตามสไตล์ของสาวน้อยผู้ร่าเริง ดาวคณะคู่ขวัญเดือนคณะอย่างภุมรา คู่จิ้นที่ทุกคนยังต้องอิจฉาตาร้อนเพราะความสวยหล่อที่แสนจะเหมาะเจาะและโคตรจะเหมาะสมกันจนเกินไป
"เดี๋ยวภู่มาเหนื่อยๆ นั่งเฝ้าที่ไปก่อนก็แล้วกันนะ ฝ้ายจะไปซื้อน้ำมาให้ ส่วนข้าวน่ะภูเขาไปซื้อให้อยู่ อ่ะ นั่งรอนี่ก่อนนะ"
พูดจบสาวน้อยก็วิ่งออกจากโต๊ะไปเพื่อต่อแถวซื้อน้ำ ปล่อยให้ภุมราได้แต่นั่งมองตามตาปริบๆ
และเพียงครู่ต่อมา...นคินทร์และฝ้ายก็กลับมาถึงโต๊ะ จากนั้นก็ลงมือกินข้าวกัน แน่นอนว่าข้าวตามสั่งที่นคิทร์ซื้อมาให้เป็นของโปรดของภุมรา น้ำลำไยที่ฝ้ายซื้อมาให้ก็ตรงใจ ทว่า...ภุมรารู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะเข้าใจ มันแปลกในความรู้สึกแต่ก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร...
"อ้าว? ไม่ทานข้าวล่ะภู่ ไม่หิวเหรอ?"
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าทักออกมาเสียงหวาน เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมตักอาหารเข้าปากเสียที ดวงตากลมสวยฉายแววเป็นมิตรดูอบอุ่น ริมฝีปากอิ่มสวยสีชมพูฉ่ำวาวคลี่ยิ้มหวานให้ไม่ขาด ภาพนั้นชัดเจนติดตรึงตา ทว่า...เขากลับมองนคินทร์ที่นั่งอยู่ข้างๆนี้ไม่เห็น รู้สึกว่าอยู่ใกล้จนหัวไหล่เบียดกัน แต่กลับไม่รู้สึกถึงตัวตน เพราะอะไรกันนะ...
"...ภู่...ภู่เหนื่อยมั้ยคะ?"
"....เอ๊ะ?"
"ทรมานอยู่คนเดียวตั้งนาน ภู่เหนื่อยมากมั้ยคะ? ฝ้ายขอโทษนะ..."
"...ฝ...ฝ้าย?..."
จู่ๆสาวน้อยตรงหน้าก็พูดจาแปลกๆ ฝ้ายยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร พร้อมกับเอ่ยอะไรบางอย่างที่ทำให้ภุมราหัวใจเต้นระทึก
"ฝ้ายอโหสิกรรมทุกอย่างให้ภู่ค่ะ แล้วภู่ล่ะคะ? อโหสิกรรมให้ฝ้ายได้หรือเปล่า?"
หญิงสาวยังคงยิ้มหวาน ให้กับภุมรา...ที่ขณะนี้มีแต่คราบน้ำตาเอ่ออาบไปทั่วแก้ม
"ฝ้ายขอโทษนะคะ ที่เอาแต่ใจจนทำให้ภู่กับภูต้องเสียใจมากมาย ขอโทษค่ะที่ดึงดันจะทำร้ายความรู้สึกของภู่ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าภู่รักภูแค่ไหน และภูคิดยังไงกับภู่..."
"ภู่ต่างหากที่ต้องขอโทษ...ฝ้าย...ภู่ขอโทษ ขอโทษจริงๆที่เอาเปรียบความรักของฝ้าย ขอโทษจริงๆที่ทำให้ฝ้ายต้องเสียใจ ภู่มันเลว ภู่ขอโทษ...."
ภุมรารีบคว้ามือเรียวขาวของฝ้ายเอาไว้พร้อมระล่ำระลักเอ่ยขอโทษทั้งน้ำตาออกไปอย่างไม่นึกอาย เพราะความรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจมานานหนักหนาแล้วนั้นมันเต็มจนล้น แทบขาดใจ...
"...ฮือ...ภู่ขอโทษ...อึ่ก...."
"โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะคะเจ้าชายของฝ้าย...ฝ้ายไม่เคยโกรธภู่เลยนะรู้หรือเปล่า ฝ้ายรู้ว่าภู่ไม่มีวันรักฝ้ายแบบนั้นได้ ฝ้ายต่างหากที่ดึงดันเอง อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ...หึหึ...อย่าร้องสิคะคนเก่ง โอ๋โอ๋"
ฝ้ายโอบกอดภุมราไว้อย่างอ่อนโยน โรงอาหารหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แม้แต่โต๊ะข้างหน้าก็หายไปเหลือเพียงเก้าอี้ตัวน้อยที่ภุมรานั่งอยู่ตัวเดียวเท่านั้น หายไปเหลือเพียงลานหมอกขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา พร้อมทั้งความอุ่นซ่านจากอ้อมกอดที่แสนอ่อนโยน...
"...รู้มั้ย? ฝ้ายรอวันนี้มานานแค่ไหน วันที่จะได้อยู่กับภู่อีกครั้ง วันที่จะได้ขอโทษภู่ และได้กอดภู่อีกครั้งอย่างตอนนี้ ฝ้ายดีใจจังค่ะ คิกคิก"
“ฮึ่ก...ฝ้าย...”
“ฝ้ายไม่มีอะไรติดค้างแล้วค่ะภู่ ขอบคุณนะคะที่ในที่สุดภู่ก็มาเสียที...”
“...ภู่...ขอโทษ...”
“คิก คิก อย่าเอาแต่ร้องไห้กับขอโทษสิคะเดี๋ยวฝ้ายก็ไปไหนไม่ได้กันพอดี เอางี้ละกัน ฝ้ายมีอะไรจะบอกค่ะ ตั้งใจฟังนะ...”
สุดท้ายฝ้ายก็ทนความงอแงของภุมราไม่ไหว หญิงสาวใช้สองมือตระกองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของคนที่เธอมีใจขึ้นมาสบตาตรงๆ ฝ้ายยิ้มให้กับคนที่ทำหน้าฉงนทั้งที่ดวงตายังแดงก่ำ พลางกระซิบบางเบาว่า
“ภู่รู้หรือเปล่า...ตลอดเวลาที่ภู่คิดว่าภูเกลียดภู่น่ะ...จริงๆแล้ว...”
“ภู...เขารักภู่จะตาย แต่เขาโกหกตัวเองค่ะ...”
“...มะ...ไม่จริงหรอก...”
ภุมราพยายามจะเถียงแต่ก็ถูกฝ้ายใช้นิ้วเรียวปิดปากเอาไว้เสียก่อน หญิงสาวส่ายหน้าเล็กๆก่อนจะส่งยิ้มพราวสดใส
“จุ๊ๆ ไม่ต้องเถียงค่ะ ไม่เชื่อไปถามกับเจ้าตัวได้เลย”
พูดจบก็เปลี่ยนจากประคองใบหน้ามาเป็นโอบกอดภุมราอีกครั้ง พร้อมกล่าวลาด้วยเสียงที่อ่อนหวานที่สุด
“มีความสุขมากๆนะคะภู่...ฝ้ายจะคอยอธิฐานทุกวันให้ภู่มีชีวิตที่มีความสุขที่สุด...”
“ลาก่อนค่ะ...”
*
*
*
*
*
*******************************
ยังเหลืออีก 30% ค่ะ อาทิตย์หน้ามานะคะ จบแน่นอนแล้วค่ะ
ขอโทษที่ไม่จบเสียทีนะคะ
ขอโทษจริงๆค่ะ