สุดปลายทางของ...หัวใจ
71-85%ลาก่อนค่ะ...*
*
*
*
*
ภุมราลืมตาขึ้นในความมืด หยาดน้ำตายังคงถะถั่งหลังไหลไม่ขาด ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆของตัวเองแว่วๆ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความอุ่นซ่านตรงรอบเอว 'เขากำลังถูกโอบกอด'
"ฝันร้ายเหรอครับภู่?
เสียงทุ้มเปรยถามเสียงนุ่ม พร้อมปลายนิ้วกร้านคอยเกลี่ยหยาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ใบหน้าในความมืดนั้นภุมราเห็นไม่ชัดนัก แต่พอจะรับรู้ได้ว่าคนข้างกายกำลังเป็นห่วงเขาอยู่ไม่น้อย ทั้งปลายนิ้วที่ดูลนลานทั้งน้ำเสียงที่สั่นพร่าเล็กน้อยนั้นเป็นหลักฐานชั้นดีว่านคินทร์เป็นห่วงเขาขนาดเรื่องเล็กน้อยแค่นอนร้องไห้เพราะฝันร้ายคนรักคนนี้ของเขาก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน ความอุ่นซ่านปะทุขึ้นในหัวใจจนเอ่อล้น 'การเป็นคนถูกรักนี่มันดีมากจริงๆ'
"...เปล่าครับ...ภู...ภู่เปล่าฝันร้าย..."
"หืม? แล้วร้องไห้ทำไมกันครับ สะอื้นซะน่าสงสารเชียว"
"ภู่...ฝันถึงฝ้ายน่ะ...ฝัน...ว่าฝ้ายเขามาอโหสิกรรมให้..."
จบคำของภุมรา นคินทร์ก็ยกตัวขึ้นจากที่นอนนุ่ม เอื้อมมือเปิดโคมไฟตรงหัวนอนเพื่อเพิ่มความสว่างให้แก่ห้องจากนั้นก็ประคองภุมราที่ทำท่าจะลุกตามขึ้นนั่งพิงขอบเตียงพร้อมจัดหมอนฟูนุ่มหนุนหลังให้ได้นั่งสบายๆ ใบหน้าซูบเนื้อยังคงเปื้อนไปด้วยน้ำตาแม้ว่าจะหยุดร้องไห้ไปได้ครู่หนึ่งแล้ว ร่างผอมสะท้านเบาๆด้วยว่าก้อนสะอื้นยังคงค้างอยู่อีกสองสามระลอก ดวงตากลมแบ๊วที่ยังคงรื้นไปด้วยหยาดน้ำเล็กน้อยพร้อมกับปลายจมูกแดงแจ๋นั้น แลดูว่าน่าสงสารระคนน่าเอ็นดูไปพร้อมกัน จนนคินทร์อดไม่ไหวที่ต้องปลอบด้วยจุมพิตหวานตรงหน้าผากไปสองฟอดติดกัน
"ไหน...เล่าให้ภูฟังหน่อยสิ ฝันว่ายังไงบ้างเหรอ?"
นคินทร์ถามไถ่ขณะใช้สองมือตระกองสองข้างแก้มของภุมราขึ้นเพื่อใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยเช็ดหยาดน้ำตาที่ยังคงเปื้อนให้ ความอ่อนโยนจากคนรักทำให้ภุมราอดไม่ได้ที่จะเอนศีรษะลงซบไหล่หนาเป็นการอ้อนขอความอบอุ่นเพิ่มอีก เขารักคนตรงหน้านี้มากมายเหลือเกิน มากเสียจนตักตวงเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกพอ ยังอยากรักมากขึ้นอีก ยังอยากถูกรักมากขึ้นไปอีก
"ภู่ฝันถึงตอน...มหาลัย ที่ลานดิน...เรากินข้าวด้วยกัน...แล้ว...ฝ้ายก็ถามภู่ว่าเหนื่อยมั้ย แล้วฝ้าย...ก็บอกว่า...ฝ้ายอโหสิกรรมให้...ฝ้ายกอดภู่ด้วย...อุ่น...อุ่นมากเลยล่ะ..."
"ฝ้ายเขาคงรู้ว่าภู่รู้สึกผิดจริงๆ และภู่เจ็บปวดมามากแค่ไหน ฝ้ายเลยมาหาภู่เพื่อให้ภู่สบายใจสินะ..."
"ดีจัง...ที่ฝ้ายดูมีความสุข...ในฝัน...ฝ้ายยังคงสดใส...ภู่ดีใจที่สุดเลย..."
เล่าไปน้ำตาก็รื้นนัยตาคู่โศกขึ้นมาอีก เจ็บปวดระคนตื้นตัน ไปกับฝันแสนหวาน หากย้อนเวลากลับไปได้เขาจะไม่มีวันให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น แต่เพราะไม่สามารถย้อนอะไรได้ ดังนั้นจึงต้องกัดฟันเดินผ่านมันไปให้ได้ก็เท่านั้น แม้ไม่อาจคาดหวังถึงความสุขที่ปลายทาง แต่เขาก็ต้องเดินไปให้ถึงที่นั่นให้ได้
"ฝ้ายเองก็คงอยากให้ภู่มีความสุขเหมือนกันนะ ภู่ต้องสู้นะ มีความสุขให้ได้ ฝ้ายจะต้องดีใจมากแน่ๆ...ภูเองก็ดีใจเหมือนกัน"
นคินทร์กระชับอ้อมกอดพร้อมโยกกายเบาๆแทนเปลมนุษย์เพื่อปลอบขวัญคนในอ้อมแขนให้ได้รู้สึกทุเลาความสร้อยเศร้า ขับกล่อมให้คนรักหลับใหลอย่างมีความสุขในอ้อมกอดผ่านราตรีที่ยังอีกยาวไกล เพื่อตื่นมาพบกับวันใหม่อย่างมีพลัง
*
*
*
*
*
"ปกติพี่ก็จะไม่ยอมให้นิตยาสารเล่มไหนได้สัมภาษณ์น้องภู่ง่ายๆหรอกนะคะ แต่นิตยาสารของเจ้านี้น่ะ ไม่ว่ายังไงพี่ก็อยากให้ภู่ลองพิจรณาให้สัมภาษณ์เขาดูหน่อย"
แอน ผู้จัดการส่วนตัวของภุมราเดินทางมาเยี่ยมเยือนนายแบบหนุ่มคนสำคัญดังเช่นปกติ แต่คราวนี้สาวเจ้านำข่าวบางอย่างมาแจ้งด้วย
ตั้งแต่ที่ภุมราล้มป่วย ทั้งนักข่าวและนิตยาสารหลายสำนักก็คอยให้ความสนใจอยู่ไม่ขาด เพราะถึงแม้ว่าภุมราจะออกจากวงการมาได้พักใหญ่ๆ แต่การที่เขาเป็นถึงนายแบบที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในวงกว้างทำให้แม้ไม่ได้ทำงานแล้วก็ยังมีข่าวคราวอยู่เนืองๆให้พอได้อัพเดท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนีที่ภุมรากำลังพักรักษาตัวโดยมีคนรักหนุ่มที่เป็นถึงตากล้องมือหนึ่งของวงการคอยดูแลกระคบประหงมอย่างใกล้ชิดด้วยแล้ว สายข่าวตาไวยิ่งอยากได้ข่าวเรื่องราวของทั้งคู่มากขึ้นไปอีก ตั้งแต่แรกเริ่มก็ประโคมข่าวว่า 'นายแบบ ภ. แอ๊บเกย์แตกแอบอยู่กินกับตากล้อง น. ถ้าไม่ป่วยคงไม่มีใครรู้' พาดหัวข่าวบ้าบอนั้นสร้างความเสียหายโดยที่ภุมราไม่มีโอกาสได้โต้แย้งเพราะหลับไม่ฟื้นถึงสามเดือนหลังการผ่าตัด หลังจากข่าวเสียหายของภุมราแพร่ออกไป นคินทร์ก็ออกแถลงข่าวทันที ตากล้องหนุ่มยอมรับโดยดีว่าพวกตนรักกันและพร้อมจะยอมรับคำพิพากษาของสังคมทุกอย่าง ยืนยันว่าไม่ได้ปกปิดความสัมพันธ์เพราะเพิ่งจะได้คบกันเป็นเรื่องเป็นราวก็ตอนที่ภุมราล้มป่วย ขณะยังถ่ายแฟชั่นอยู่ที่มัลดีฟส์ นคินทร์ยืนยันหนักแน่นว่าที่ออกมาแถลงข่าวไม่ใช่เพื่อขอความสงสาร แต่อยากให้คนรักที่ยังไม่ยอมฟื้นลืมตาได้รับความเป็นธรรมบ้าง เขาสองคนรักกันอย่างบริสุทธิ์ใจ และพร้อมออกจากวงการเพื่อเป็นการรับผิดชอบในเรื่องนี้ นคินทร์กล่าวว่าขอแค่เพียงคนรักของตนฟื้นขึ้นมา แม้จะต้องแลกด้วยอะไรเขาก็ยอม
การแถลงข่าวครั้งนั้นส่งผลอย่างคาดไม่ถึง แม้จะยังมีคนแอนตี้อยู่บ้างแต่กระแสสังคมเข้าข้างและเห็นใจคนทั้งคู่อย่างเห็นได้ชัด จนเกิดกระแสกดดันสำนักข่าวที่ปล่อยข่าวเสียหายให้ต้องเร่งออกมาขอโทษต่อเรื่องที่เกิดขึ้นในที่สุด หลังจากนั้นนคินทร์ไม่เคยยอมให้ข่าวใดๆอีก แม้กระทั่งตอนที่ภุมราฟื้นขึ้นมาแล้วทั้งสองคนก็ไม่ยอมรับการขอสัมภาษณ์จากสำนักข่าวไหนทั้งนั้น โดยมีแอนและทีมงานคอยช่วยกันสกัดทุกดาวรุ่ง
แต่ดูเหมือนจะมีที่หนึ่งที่สามารถเจาะทะลวงผ่านแอนเข้ามาได้เสียแล้ว...
"... นิตยาสาร...ของใครเหรอครับ...พี่แอน?"
ภุมราถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะปกติ แอนจะมีแต่บ่นและต่อว่าพวกนักข่าวบันเทิงทั้งหลายที่ติดต่อเข้ามาขอสัมภาษณ์ จะมีก็แต่หนนี้ที่ดูเหมือนจะคล้อยตามกับอีกฝ่ายจนถึงกับมาขอให้ภุมราลองพิจรณาเรื่องการสัมภาษณ์ลงหนังสือครั้งนี้เลยทีเดียว ฝ่ายนั้นเป็นใครกันนะ...
"จำที่พี่เคยเล่าให้ฟังได้มั้ยคะ ว่าช่วงหลังผ่าตัดแล้วภู่ยังไม่ฟื้น พวกนักข่าวกับนิตยาสารบันเทิงส่วนใหญ่จะประโคมข่าวเรื่องที่น้องภู่กับคุณภูเป็นคู่เกย์แอ๊บแต๊บหลุด แอบอยู่กินโดยปิดบังสถานภาพของตัวเองหลอกลวงผู้บริโภคอะไรทำนองนั้น แต่มีอยู่สำนักข่าวนึงที่เสนอข่าวแตกต่างออกไป คือเขาเสนอข่าวส่งเสริมและเห็นใจเราอย่างสุดโต่ง ประมาณว่าศรัทธาแห่งรักแท้มีอยู่จริง ที่คุณภูคอยดูแลน้องภู่ไม่ห่างตั้งแต่ผ่าตัดเสร็จแม้จะยังไม่ยอมฟื้น เพราะเจ้านี้นี่แหละค่ะที่คอยประโคมเรื่องดีๆให้ทำให้มีคนให้ความเห็นใจและเข้าข้างเราเสียมากกว่าแอนตี้ เพราะฉะนั้น คราวนี้ที่เขาขอมาสัมภาษณ์เพิ่มเติม พี่เลยปฏิเสธไม่ออก..."
ได้ฟังรายละเอียดภุมราก็หันมาสบตากันเป็นเชิงปรึกษา เพราะจริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้อยากจะออกให้สัมภาษณ์อะไรที่ไหนอีกแล้ว แต่ในเมื่อผู้ที่เคยให้ข่าวที่เป็นเหมือนการช่วยเหลือพวกตนมาก่อนนั้นเป็นผู้ขอมาโดยตรง ก็คงยากที่จะปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ เพราะอย่างน้อยพวกเขาควรตอบแทนน้ำใจของฝ่ายนั้นเสียหน่อย
"...ได้ครับพี่แอน...ภู่...จะลองดู..."
ในที่สุดภุมราก็ตอบตกลง แอนยิ้มโล่งใจก่อนจะทำการโทรติดต่อสำนักข่าวนั้นเพื่อทำนัดอย่างเป็นทางการ
"ตกลงเดี๋ยววันศุกร์นี้ 10 โมงเช้า พวกเขาจะเข้ามากันนะคะน้องภู่ วันนั้นพี่ก็จะเข้ามาด้วยค่ะ"
"ขอบคุณครับ...พี่แอน"
"ทำใจให้สบายค่ะน้องภู่ ไม่ต้องกังวลนะคะ เดี๋ยววันนั้นพี่จะคอยดูแลทุกอย่างเอง จะเกณฑ์เจ้าซอมันมาเป็นบอดี้การ์ดด้วย แต่พี่มั่นใจนะว่าสำนักข่าวที่จะมาสัมภาษณ์เขาคงเป็นมิตรกับเรามากกว่าที่คิดแน่ๆ
"ฮะฮะ...โอเคครับพี่แอน...ภู่โอเคครับ"
คำปลอบโยนติดตลกเล็กๆของแอนเรียกกำลังใจของภุมราขึ้นมาได้หน่อย หลังจากนั้นราวๆครึ่งชั่วโมงแอนก็ขอตัวกลับไป เป็นเวลาบ่ายคล้อยพอดีกับเวลาเริ่มทำอาหารเย็นของนคินทร์ ชายหนุ่มจึงจัดแจงอุ้มภุมราที่ยังคงเดินไม่ถนัดไปวางไว้บนเก้าอี้นวมตัวน้อยที่ห้องครัว เพื่อจะได้ช่วยเขาหยิบนู่นจับนี่เล็กน้อยพร้อมทั้งวิจารณรสชาดอาหาร
"กังวลเหรอภู่? นั่งเงียบเชียว"
นคินทร์ทักขึ้นเมื่อเห็นว่าภุมราที่กำลังช่วยเด็ดใบกะเพราอยู่นั้นกำลังเหม่อสุดๆ
"...นิดหน่อยน่ะ ภู่ไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถาม...ของพวกเขายังไง..."
ความกังวลล่วงหน้าของภุมราทำเอานคินทร์ยกยิ้มเอ็นดู ชายหนุ่มละมือจากการสับหมู แล้วเดินเข้ามานั่งยองๆอยู่ตรงหน้าของคนรัก
"ภู่...ภู่รู้แล้วเหรอว่าเขาจะถามอะไรภู่บ้าง หืม?"
".......ไม่รู้..."
"นั่นไง ไม่รู้...หึหึ...แล้วภู่จะกังวลไปก่อนทำไมล่ะ? ค่อยไปคิดตอนโดนถามเถอะ"
"...แต่ถึงภู่จะไม่รู้...ภู่ก็พอเดาได้นี่...ว่าเขาอาจถาม...อะไรบ้าง..."
"...อ่ะ...แล้วภู่เดาว่าเขาจะถามอะไรบ้างล่ะ? ไหนว่ามาสิ"
เห็นว่าคนรักยังคงยืนยันว่าตัวเองจะต้องกังวลต่อไปให้ได้ดังนั้น นคินทร์จึงลองเลียบเคียงถามไถ่ว่าตรงไหนกันนะที่ภุมราเครียดนักเครียดหนา
"...ก็อย่างเช่น...รักกันได้ยังไง...คบกันตั้งแต่เมื่อไหร่...ทำไมถึงไม่ยอมเปิดตัว...แอบคบ...ปกปิด..."
"หึหึ...ภู่ครับ นี่ภู่เครียดกับคำถามง่ายๆแค่นั้นเองน่ะเหรอ?"
ได้ยินแต่ละคำถามที่คนรักกังวลนคินทร์ก็ถึงกับขำพรืด เอ็นดูเหลือเกินกับหน้านิ่วคิ้วขมวดของภุมรา จนแทบจะอดใจที่จะใช้มือขย้ำแก้มของอีกฝ่ายไม่ไหว แต่เพราะติดว่ามือเลอะจากการหั่นเนื้อหมูมานคินทร์เลยต้องเก็บไม้เก็บมือตัวเองไว้ก่อน
"...อย่าขำสิภู... ภู่ไม่อยากโกหกนักข่าวนี่...แต่ก็ไม่อยากให้ภูดูแย่ที่ต้องมาคบ...กับคนแบบภู่ด้วย...ภู่เครียดจริงๆนะ...อื้อ!? ภู!..."
ง่ำ!...
พูดไม่ทันจบ ภุมราก็ต้องร้องออกมาด้วยความเขินระคนขัดใจเล็กๆที่ถูกนคินทร์แกล้งงับเข้าที่แก้มโดยไม่ยอมสนใจฟังความกังวลของเขาเลยแม้แต่น้อย พอถลึงตาใส่เข้า อีกฝ่ายก็ดันยิ้มร่าน่าตีใส่อีก ภุมราถึงกับถอนใจเฮือก งอนกันไปเลยทีเดียว
"หึหึ...อย่าเพิ่งงอนสิภู่ ภูไม่ได้ไม่สนใจ แต่ภูว่าภู่คิดมากไปแล้วล่ะ ใจร่มๆแล้วเด็ดใบกะเพราเร็วๆดีกว่ามั้ย?"
นคินทร์กล่าวยิ้มๆ แล้วยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บแก้มของภุมราเบาๆหนึ่งครั้งเพื่อเป็นการปลอบขวัญที่เผลอไปกัดเข้าเพราะความหมั่นเขี้ยวเมื่อครู่
"ไม่ต้องกังวลนะภู่ ไม่ว่าเขาจะถามอะไรมาเราก็แค่ตอบไปตามความเป็นจริง ตอบออกไปเท่าที่เราอยากจะตอบ ตอบเท่าที่เราเต็มใจ ภูไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหา ภู่คิดมากไปหน่อยแล้วล่ะ ภู่ทำใจให้สบายเถอะถึงตอนนั้นเดี๋ยวภูจัดการเอง..."
"...แต่..."
"...ภู่เชื่อในตัวภูมั้ย?"
"เอ๊ะ?..."
"ถ้าภู่เชื่อในตัวของภู เชื่อในความรักของภูล่ะก็ ภู่ต้องเลิกกังวลได้แล้วนะ เอาล่ะ เด็ดใบกะเพราให้เสร็จได้แล้ว"
"...อืม...เข้าใจแล้ว..."
ภุมรายิ้มรับคำบางๆ ไม่ได้สบายใจขึ้นเท่าไหร่ แต่อุ่นใจพอที่จะลืมเรื่องการสัมภาษณ์ไปได้บ้างแล้วจึงได้ก้มหน้าก้มตาช่วยเด็ดใบกะเพราะต่ออย่างขมักเขม้นได้เสียที
พลบค่ำหลังทานอาหารเย็นกันเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงกิจกรรมอาบน้ำ กิจกรรมเดิมที่ต้องทำต่อเนื่องทุกวันเป็นกิจวัตร หลังทานอาหารเย็นทานยาหลังอาหารตอนหกโมงเย็น สองชั่วโมงจากนั้นนคินทร์ก็จะรองน้ำอุ่นใส่อ่างเอาไว้ อุ้มภุมราที่ถูกปอกเปลือกแล้วเข้าไปอาบน้ำสระผมให้ด้วยฝักบัวก่อนแล้วค่อยอุ้มลงไปหย่อนแช่ในอ่างน้ำอุ่น เพื่อให้ภุมราได้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อเล็กลีบแต่เครียดเกร็งเพราะการโหมออกแรงกายภาพบำบัด ระหว่างแช่น้ำอุ่นนั้นทุกครั้งนคินทร์ก็จะช่วยนวดเนื้อน่องเนื้อแขนไปให้ด้วยพลางๆ เป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดในร่างของภุมราไปในตัว เสร็จจากการแช่น้ำอุ่นนคินทร์ก็จะใช้ผ้าขนหนูผืนใหญ่ห่อตัวภุมราจนแทบเป็นแหนมแล้วอุ้มพาออกมาแต่งตัวที่ห้องนอน แล้วก็ถึงเวลานวดน้ำมันอโรมา จนถึงสี่ทุ่มก็ได้เวลาทานยาก่อนนอน แล้วปล่อยให้คนป่วยได้หลับพักผ่อน โดยนคินทร์จะคอยเฝ้าอยู่ข้างๆตลอดเวลาจนกว่าภุมราจะหลับ จากนั้นชายหนุ่มถึงจะได้ทำกิจกรรมส่วนตัวเช่นอาบน้ำ หรือทำงาน เสร็จสิ้นภารกิจส่วนตัวเมื่อไหร่นคินทร์ก็จะมานอนข้างๆภุมราและกอดร่างบอบบางของคนรักไว้จนเช้า
ทั้งคู่ใช้เวลาด้วยกันแบบนี้มาเกือบปีแล้ว การกายภาพบำบัดของภุมราดีขึ้นบ้าง แต่ชายหนุ่มก็ยังเดินเองไม่ได้ ถึงแม้ปัญหาเรื่องกล้ามเนื้ออ่อนแรงเล็กลีบหลังหลับอยู่นานสามเดือนจะดีขึ้นมากแล้ว ทว่าผลกระทบจากการผ่าตัดยังคงส่งผลมากอยู่ โดยเฉพาะกับกล้ามเนื้อในร่างกายซีกขวาที่อ่อนแรงและสั่งการลำบาก ทำให้จนถึงตอนนี้ภุมราก็ยังเดินเหินเองไม่ได้ แม้จะไม่ต้องอุ้มทุกอิริยาบถอย่างช่วงแรก แต่ก็ต้องมีคนช่วยพยุงเดินในระยะสั้นๆ และอุ้มเดินในทางยาวๆ นั่นเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ภุมรายังไม่อยากออกสื่อให้สัมภาษณ์ใดๆในตอนนี้ด้วย ไม่อยากให้ใครเห็นสภาพน่าสังเวชนี่เลย...
แต่ในเมื่อรับปากไปแล้ว...ก็คงต้องทำใจ
และแล้ววันศุกร์ก็มาถึง...
หกโมงเช้าเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือก็ดังขึ้น ภุมรางัวเงียตื่นขึ้นทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะพยายามสะกิดคนที่นอนกอดตัวเองอยู่ให้ตื่นขึ้นมาปิดเสียงปลุกสะเทือนแก้วหูให้ นคินทร์ตื่นขึ้นมาปิดเสียงปลุกให้จริง แต่พอปิดเสียงปลุกเสร็จก็พลิกตัวกลับมากอดภุมราไว้แล้วหลับต่อเสียอย่างนั้น
"...ฮื่อ...ภู...ตื่นเดี๋ยวนี้เลย..."
ภุมราบ่นเสียงอู้อี้ทั้งพยายามดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนคนขี้เซาข้างๆ ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าเมื่อคืนนคินทร์ท่าทางจะนอนดึกมากเพราะเจ้าตัวขนงานมาทำที่บ้านเป็นตั้งเต็มโต๊ะไปหมด อยากให้นอนต่อใจจะขาดถ้าไม่ติดว่าต้องเตรียมตัวต้อนรับกองถ่ายของนิตยาสารที่มาขอสัมภาษณ์ล่ะก็ภุมราจะปล่อยให้คนรักนอนไปถึงเย็นเลยทีเดียว
"ภู...ถ้าไม่ตื่น ภู่จะกัดให้ปลายจมูกแหว่งเลยนะ..."
"...อือ...ขออีกสิบนาทีนะครับภู่...ภูลืมตาไม่ขึ้นเลย..."
น้ำเสียงงัวเงียอ้อนต่อรองอย่างน่าสงสาร
"...เฮ้อ...ก็ได้...ภู่ให้ภูนอนต่อได้ถึง...เจ็ดโมงเท่านั้นนะ...เอาล่ะ...ปล่อยภู่ก่อน..."
ในที่สุดภุมราก็ใจอ่อนยอมให้นอนต่อได้อีกหนึ่งชั่วโมง แต่ร่างบางเองไม่ได้อยากนอนต่อด้วยดังนั้นจึงพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดเพื่อจะได้พยุงตัวเองไปห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆเตรียมตัวล้างหน้าล้างตา ทว่า...
"ฮื่อ...อย่าดิ้นสิภู่..."
ดูเหมือนนคินทร์จะไม่ยอมปล่อยหมอนข้างใบน้อยไปง่ายๆเสียแล้ว
เมื่อถูกฉุดรั้งภุมราได้แต่ถอนหายใจให้กับคนขี้เซาแถมติดหมอนข้างอย่างนคินทร์ ภุมรานิ่งอยู่ครู่ใหญ่ๆจนรู้สึกว่านคินทร์หลับสนิทไปอีกรอบแล้ว ร่างบางจึงขยับกายเล็กน้อย เพื่อจะลุกจากเตียงอีกครั้ง แต่เพียงแค่ขยับเพียงนิดเดียวก็ถูกวงแขนจากคนที่นอนแนบกายอยู่กอดเอวเอาไว้แน่นอีกจนได้
“...จะไปไหน?”
“ฮื่อ... ปล่อยภู่ก่อน...ได้มั้ยเนี่ย?”
“...จะไปไหน?”
“ห้องน้ำ...ภู่จะไปล้างหน้า”
“...อือ...ไม่เอา...ไม่ให้ไป...”
“งัวเงีย...ขนาดนี้...ยังจะดื้ออีก...ปล่อยเลยนะ...”
“ไม่เอา”
“ภู!...ปล่อยภู่นะ....ฮื่อออ!!”
ภุมราคำรามอย่างหัวเสีย พลางแกะมือหนาออกจากเอวของตัวเอง อยากลุกขึ้นไปเตรียมเรื่องต่างล่วงหน้าไว้ก่อนเสียหน่อย นคินทร์ดันดื้อไม่ยอมตื่น แถมมือยังเหนียวไม่ยอมปล่อยเขาง่ายๆอีก ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรั้ง จนภุมราไหลลงไปอยู่ใต้ร่างคนกวนโอ้ยในที่สุด
“ภู!...จะทำ...อะไรเนี่ย?”
“ดื้อจังนะเราเนี่ย...”
พลิกคนตัวเล็กลงอยู่ใต้ร่างได้ นคินทร์ก็เอ็ดออกไปเล็กน้อย ยิ่งเห็นคนรักหน้านิ่วคิ้วขมวดขัดใจ ก็ยิ่งแกล้งกดร่างบางนั้นไว้ไม่ยอมให้ขยับ
“...ฮึ้ย!!...ปล่อยนะ!!...ภู!!...”
และแน่นอนว่า...ภุมราเองก็เริ่มโมโหแล้ว เช่นกัน
มือบางผลักไสร่างที่คร่อมอยู่ด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดเกินทน ทั้งที่ไม่ได้อยากหงุดหงิดตั้งแต่เช้าเลยแท้ๆ หากแต่ยิ่งผลักไส คนตรงหน้าก็ยิ่งโถมทับลงมาราวกับกลั่นแกล้ง นคินทร์จ้องมองร่างเล็กที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน ร่างขาวนวลน่าหลงใหล โดยเฉพาะใบหน้าบูดบึ้งตูมจนแทบระเบิด ยิ่งดูก็ยิ่งน่ารักน่าใคร่ ที่จริงก็ไม่ได้จะตั้งใจแกล้งให้ต้องโมโหตั้งแต่เช้าหรอก เพียงแต่เขาไม่ต้องการให้ภุมราตื่นเต้นจนเกินไป เมื่อคืนก็ดูท่าจะนอนไม่ค่อยหลับเพราะเหมือนจะเครียดกับการสัมภาษณ์วันนี้อยู่ไม่น้อย นคินทร์จึงอยากให้เจ้าตัวดีของเขารีเล็กซ์ขึ้นหน่อย และเพราะไม่รู้จะทำยังไงดีชายหนุ่มเลยสร้างสถานการณ์หากำไรเข้าตัวเองขึ้น เริ่มด้วยซอกคอหอมๆกับแก้มนิ่มๆ
จุ๊บ...
“อ๊ะ! นี่! ปล่อยนะ...ภู!!”
ฟอด!
“อื้อ!... อย่านะ!!”
“จะดิ้นไปทำไม...หือ? ภูแค่หอมนิดเดียวเอง”
“...ภูบ้า..อื้อ...!!................อ๊ะ...”
ปากบอกว่าแค่นิดเดียว แต่ทั้งซุกทั้งไซร้ รุกรานจนภุมราหมดทางสู้
“อื้อ...ภู...อือ...”
เมื่อถูกรุกเร้าหนักขึ้นภุมราก็เริ่มโอนอ่อน หยุดดิ้นรน และตอบรับจุมพิตเร่าร้อนของนคินทร์อย่างหมดทางเลือก ร่างแบบบางถูกลูบไล้หนักหน่วงตามแรงอารมณ์ที่เพิ่มขึ้น ลมหายใจหอบหนักของทั้งคู่สะท้อนให้เห็นว่า กิจกรรมบางอย่างอาจเกิดขึ้น หากแต่สติที่ยังเหลืออยู่เพียงน้อยนิดของภุมราส่งเสียงร้องขึ้นมาว่า หากมีกิจกรรมนั้นเกิดขึ้นล่ะก็ คงไม่ต้องสัมภาษณ์กัน เพราะสภาพร่างกายเขาไม่ได้ปกติอย่างเมื่อก่อน ขืนโดนเข้าไปไม่ต้องลุกไปไหนทั้งวันแน่ ภุมราจึงจำเป็นต้องรีบหยุดกิจกรรมบันเทิงนี้ก่อนที่มันจะเลยเถิด...แม้ลึกๆก็แอบเสียดาย...
“...อย่า...ภู...อือ...ไม่เอานะ...”
“...ทำไมล่ะ?”
“เดี๋ยวจะ...สัมภาษณ์ไม่ไหว...เอาน่ะสิ”
ภุมรารีบเอ่ยปากห้ามเสียงสั่นพร่า ทั้งที่ใบหน้าแดงเห่อนั้นไม่ได้เป็นไปในทางเดียวกันเลยสักนิด
“ไม่ไหว?...แค่หอมเองนะ...หึหึ...คิดไปถึงไหนเอ่ย...”
ภุมราเบิกตาโพลงทันทีที่ถูกนคินทร์แกล้งเย้าเล่น ใบหน้าแดงซ่านด้วยแรงอารมณ์เปลี่ยนเป็นแดงก่ำเพราะความอายที่ถูกจับไต๋ได้ ความหวามไหวหายวับไปพร้อมกับความหงุดหงิดเจ้าเก่าที่พลุ่งพล่านขึ้นมาแทนที่
“มะ...ไม่ได้คิด!...หลบไปเลยนะ...ภู!!...ไม่ต้องมาจับเลย!!”
“หึหึ โอ๋ๆ ภูขอโทษ ภู่น่ารักอ่ะ ภูเลยเผลอแกล้งแรงไปหน่อย หึหึ”
“...ฮึ!...ภู่จะไปห้องน้ำ!”
“คร๊าบ พาไปเดี๋ยวนี้เลยครับเจ้าชายของภู”
นคินทร์ยิ้มหวานค่อยๆตระกองร่างคนรักพยุงกันไปเข้าห้องน้ำอย่างที่ภุมราต้องการ และแน่นอนว่าในห้องน้ำภุมราก็โดนแกล้งอย่างต่อเนื่อง
*******************************************
อย่าเพิ่งด่านะคะ ที่ไม่ยอมจบเสียที ครือว่า…มันยาวไปหน่อยน่ะค่ะ เลยต้องแยกลงเป็นต่อนๆค่ะ T^T
แต่ตอนหน้าไม่น่าพลาดแล้วค่ะ
ขอโทษนะคะ
ต่อนสุดท้าย เป็นฉากเซอร์ไพรซ์เล็กๆ
ฉากสัมภาษณ์แสนหวาน
และติ่งหมอธเนศกับหนูซอค๊า…