Lesson 90
( Pop Part )
วันนี้ผมรีบตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวและเริ่มการออกตามหาพรหมทันที ไปทุกทีถึงแม้ว่าบางที่จะไปสามสี่รอบแล้วก็ตาม เผื่อบังเอิญว่ามันจะผ่านไปแถวนั้น ผมขับรถวนไปวนมาเรื่อยๆจนเกือบเย็น ผมรู้สึกท้อทำไมไม่เจอสักที....หรือว่ามันจะอยู่ต่างจังหวัด.....แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ ผมคิดไปคิดมาจนหัวจะเบิด และผมก็นึกได้ว่าพ่อมีเพื่อนเป็นนักสืบนี่หว่า ผมรีบต่อสายหาเพื่อนพ่อทันที
“ฮัลโหล สวัสดีครับคุณอาปกรณ์” ผมกล่าวทักทายอย่างสุภาพ
“อ้าว ป๊อปหรอลูก หายหน้าหายตาไปเลยนะ ว่างๆก็แวะมาทานข้าวกับเตยมันหน่อยสิ” เตยที่พูดถึงคือลูกสาวแกครับ เป็นผู้หญิงค่อนข้างแกร่งๆเล่นกีฬาแทบทุกชนิด ถือว่าเป็นผู้หญิงมีความสามารถคนนึงครับ
“ไว้ผมว่างจะแวะไปนะครับ....คุณอาครับผมมีเรื่องจะขอให้คุณอาช่วยหน่อย”
“หรอๆ มีเรื่องอะไรล่ะ” คุณอาถาม
“คือผมกำลังตามหาเพื่อนคนนึงอยู่น่ะครับ คุณอาพอจะมีลูกน้องที่ตามรอยคนเก่งๆไหมครับ” จริงๆแล้วคุณอาแกก็เก่งครับ แต่ส่วนมากแกจะสั่งให้ลูกน้องคอยสืบเรื่องต่างๆที่ผู้ว่าจ้างต้องการรู้ ถ้าไม่ใช่งานใหญ่จริงๆคุณอาจะไม่ลงสนามเองครับ
“อื้มๆ มีอยู่ว่าแต่มีข้อมูลอะไรให้อาบ้าง” ผมก็บอกไปว่ามีรูปถ่ายแค่นั้นคุณอาก็ไม่ถามอะไรต่ออีกเลยแต่บอกว่าพรุ่งนี้ให้เข้าไปที่สำนักงาน ผมก็รับคำแกแล้ววางสายทันที
ผมขับรถออกจากกรุงเทพเริ่มหาจากแทบปริมณฑลก่อน ตอนนี้ผมอยู่นนทบุรีครับกำลังขับรถวนตามผับต่างๆ แต่ก็ไม่ยักเจอ ผมจึงขับไปตามร้านอาหาร จนสะดุดกับร้านอาหารร้านหนึ่งเข้า...นั้นมันร้านพ่อผมนี่หว่า ไหนๆก็มาแล้ว แวะเข้าไปดูความเรียบร้อยหน่อยก็แล้วกัน
“คุณสุรชัยสวัสดีครับ วันนี้มาแทนคุณพ่อหรอครับ” พี่แบงค์ออกมาต้อนรับผมเลยครับ พ่อผมบอกว่าแกเป็นคนขยันและมีความเป็นผู้นำดีพ่อจึงรับแกเค้ามาทำงานในตำแหน่งผู้จัดการร้าน ทั้งๆที่อายุแค่ 26 เท่านั้น
“ไม่ต้องเรียกคุณหรอกพี่เขิลว่ะ เรียกป๊อปเฉยๆพอแล้ว” ผมไม่ชิยครับเวลามีใครมาเรียกคุณ คุณเนี่ย มันไม่ใช่แนวผมเลย
“ตามใจป๊อปแล้วกัน ว่าแต่วันนี้มาทำอะไรล่ะ มาซะดึกเชียวดูสิ สี่ทุ่มแล้วอีกสองชั่วโมงร้านก็ปิดแล้วครับ” พี่แบงค์พูดพร้อมกับชี้นาฬิกาที่ร้านให้ดู เออ จริงเว้ยลืมดูเวลาเลย
“ผ่านมาเฉยๆน่ะพี่เลยแวะมาดูความเรียบร้อยนิดหน่อย....ช่วงนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ” ผมเริ่มซักไซ้ถามครับ
“ก็ช่วงนี้ไม่มีอะไรขีดกข้องครับ กิจการดำเนินไปได้ด้วยดี ลูกค้าก็ติดกันเยอะเพราะบรรยากาศธรรมชาติ และรสชาติของอาหาร ส่วนกำไรมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นทุกวัน”
“อื้ม ก็ดีแล้วครับพี่ที่ไม่มีอะไรติดขัด”
“อ้อ ผมพึ่งรับเด็กเข้ามาร้านใหม่ไม่นานเพราะว่าคนไม่พอ ครั้งที่แล้วที่คุณท่านมาก็เรียนให้ทราบเรียบร้อยแล้วครับ” อื้อ มันหมายถึงความก้าวหน้าของกิจการนี่นะ รับเด็กเพิ่มงั้นหรอ ดีแล้วล่ะ
“มีอะไรอีกไหมพี่ เดี๋ยวผมต้องเข้ากรุงเทพอีกเดี๋ยวจะดึกไปมากกว่านี้” ผมถามพี่แบงค์อีกครั้ง
“ไม่มีอะไรแล้วครับ” เมื่อพี่แบงค์พูดจบผมก็กล่าวลาแล้วขับรถกลับเข้ากรุงเทพ...แต่ผมไม่ได้กลับบ้านหรอกนะ ผมกลับไปที่คอนโดของพรหมเผื่อว่าจะเจอ...ถึงจะเป็นแค่ความหวังลมๆแล้งๆ ผมก็จะขอไปที่นั่น และเมื่อมาถึงห้องก็พบแต่ความว่างเปล่าอีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมหวังจะได้เห็นหน้าพรหมอยู่ในห้องนี้....
เช้านี้ผมก็ตื่นเช้าเช่นเคยครับเพราะวันนี้คุณอาปกรณ์นัดให้ผมเอารูปถ่ายไปให้ พร้อมกับชื่อของพรหม เมื่อผมเอาไปให้เสร็จก็ขอตัวทันทีเพราะวันนี้ผมจะบุกไปให้ถึงบ้านพรหมที่สระบุรีเลยคอยดู!!!!!!!
ผมขับรถประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงสระบุรีแต่ปัญหาต่อมาเนี่ยสิ คือผมไม่รู้ที่อยู่ของบ้านพรหม เอ๊ะ แต่ผมมีโทรศัพท์พรหมอยู่นี่นา ผมก็ค้นเบอร์ในเครื่องซึ่งมีเบอร์พ่อกับเบอร์แม่ แต่จะให้โทรไปหาพ่อแม่เลยมันคงจะแปลกๆ ผมจึงตัดสินใจโทรเข้าเบอร์บ้านเลยครับ เพราะเบอร์บ้านคนอื่นอาจจะรับก็ได้
“ฮัลโหลครับ ใช่บ้านพรหมหรือเปล่าครับ” ผมถามอย่างสุภาพ
“อ๋อ ใช่ค่ะบ้านน้องพรหมค่ะ ไม่ทราบว่าใครคะ” ผู้หญิงคนนั้นถามผม
“อ๋อ พอดีเป็นเพื่อนตอนมัธยมน่ะครับ....ไม่ทราบว่าพรหมอยู่บ้านหรือเปล่าครับ” ผมลองถามหยั่งเชิงดูก่อนครับ
“อ๋อ ไม่อยู่หรอกค่ะ น้องพรหมไม่อยู่บ้าน เห็นบอกว่าจะไปต่างจังหวัดกับเพื่อนช่วงปิดเทอม แม่ก็อยากให้กลับมาบ้านเหมือนกันแหละลูก” แม่รับนี่หว่า ฟังจากเสียงแล้วคงจะใจดีอยู่
“อ้าว หรอครับ...แล้วคุณแม่พอจะทราบไหมครับว่าพรหมเค้าไปจังหวัดอะไร” ผมเริ่มมีความหวังขึ้นมานิดนึง เพราะถ้ารู้จังหวัดแล้วล่ะก็ การตามหามันก็จะง่ายขึ้น
“ไม่รู้สิลูก เค้าไม่ได้บอกแม่ไว้น่ะสิ....เอ้อ แม่ขอวางก่อนนะลูกพอดีลูกค้ามาน่ะ” พูดจบแกก็ตัดสายไปเลยครับ.....ไม่อยู่บ้านแถมยังไม่บอกที่บ้านไว้อีกว่าไปไหนแล้วผมขับรถมาทำไมให้เหนื่อยวะเนี่ย เสียเวลาจริงๆเลยครับ ผมก็ต้องขับกลับเข้าไปในกรุงเทพใหม่
หลายวันผ่านไปผมก็ยังตามหาพรหมไม่เจอ ข่าวทางนักสืบของคุณอาก็บอกว่าไม่มีวี่แววเลยสักนิดเดียว ผมแทบจะไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้ว และผมก็คิดถึงพรหมใจจะขาดแล้วด้วย ผมไม่มีทางเลือกอื่น มีทางเดียวที่ผมจะรู้ว่าพรหมอยู่ที่ไหน....อัท-วิน
ผมขับรถมุ่งหน้ามาหาไอ้วินกับอัทที่คอนโดในช่วงเย็นครับ เมื่อผมมาถึงห้องวินมันก็ต้อนรับขับสู้ผมดีเหมือนเดิมแหละครับ แต่อัทนี่สิตอนเกิดเรื่องเป็นยังไงตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้นเลยครับ
“มึงกินข้าวกับพวกกูก่อนไหม” ไอ้วินถามผมครับ
“เออ ดีเหมือนกันว่ะกูไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า” ผมบอกมันมันก็หัวเราะแถมยังด่าผมอีกด้วยซ้ำ ไอ้เพื่อนเวร
“เดี๋ยวก็ตายห่าหรอกมึง...แล้วมึงไปทำเหี้ยไรมาวะช่วงนี้โซ้มโทรม” ไอ้วินถามผมจริงจัง ผมโทรมหรอเนี่ยไม่ได้สังเกตตัวเองเลย
“ก็ทำธุระนั้นแหละ” ผมพูดแล้วกำลังจะลุกเพราะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำครับ แต่พอลุกขึ้นภาพในหัวผมก็มืดมัวไปหมดมองอะไรก็เป็นสีดำไปหมดแล้วความรู้สึกผมก็ดับไป
ผมยืนอยู่ในห้องของพรหมนี่นาผมกวาดสายตาไปรอบห้องก็สะดุดกับร่างๆหนึ่ง ผมดีใจมากจึงวิ่งไปกอดเอาไว้ แต่เมื่อพลิกตัวของคนที่อยู่ในอ้อมกอดให้หันกลับ ใจผมก็ตกไปอยู่ตาตุ่ม เป็นภาพของพรหมครับที่หน้าเขียวบวมช้ำไปหมดถามหายใจรวยรินเหมือนคนใกล้จะสิ้นลมแล้วตัวผมก็เขียวขึ้นเรื่อยๆจนม่วงแล้วร่างพรหมก็แหลกสลายไปต่อหน้าต่อตาผม ผมร้องไห้อย่างบ้าคลั่งกับสิ่งที่เห็นทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะทำไมรีบไปจากกู
“เฮ้ย ไอ้ป๊อป เหี้ยเอ้ยมึงเป็นอะไรของมึงเนี่ยตื่นสิโว้ย!!!!!!” เสียงไอ้วินแทรกเข้าโสตประสาทผม ผมค่อยๆลืมตาขึ้น....ผมไม่ดีเอาซะเลย ผมกลัวกับสิ่งที่เห็นจัง
“มึงเป็นอะไรวะ” ผมร้องไห้อย่างไม่อายเลยครับมันเป็นเหมือนอาฟเตอร์ช็อกค์อ่ะครับ ที่ความรู้สึกอยากร้องไห้มันตามหลังมาหลังจากเหตุการณ์ในฝัน
“เฮ้ย มึงร้องไห้ทำไมวะ” ไอ้วินถามผม ผมก็กอดมันไว้แน่นเลยครับมันก็ตกใจนิดหน่อย ส่วนอัทยืนมองผมแบบงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น
“เอาล่ะๆ มึงใจเย็นมีอะไรวะ พูดดิ” ไอ้วินถามผมครับเมื่อเห็นผมเริ่มสงบ
“กูอยากเจอพรหม กูคิดถึงมัน กูฝันถึงมันไม่ดีเลยเมื่อกี้ กูฝันว่ามันสลายไปต่อหน้าต่อตากูเลย วินกูไม่รู้จะตามหามันที่ไหนมึงช่วยกูหน่อยเถอะ มึงบอกกูนะว่ามันอยู่ที่ไหน” ผมพูดจบอัทก็แย้งขึ้นเลยครับ
“ยังจะตอแยไม่เลิกอีกหรอ มึงจะตามหามันทำไม ทำกับมันไว้ขนาดนั้นมึงคิดว่าพรหมอยากจะเจอมึงหรอ ฮึ บอกมาได้คิดถึง ถ้ามึงคิดถึงเพราะอยากจะข่มเหงมันละก็มึงไม่ต้องไปคิดถึงมันหรอก!!!!!” อัทตวาดผมดังลั่น
“ไม่ใช่!!!!.....มันไม่ใช่แบบนั้น.....ถึงจะรู้ตัวช้าไปหน่อยแต่กูมั่นใจว่ากู รักมัน!!!!!”
ปล. เหอๆขยี้ป๊อปกันเร้ว 555555