ตอนพิเศษ ตอนที่ 3
พี่คนรอง....กับน้องคนเล็ก
“น้องบู้ตื่นลูก.....น้องหนูของป๊า....ป๊าทอดไก่ให้ตั้งแยะแน่ะ...ของโปรดหนูไงลูก...เฮ้ย....บ๊ะแล้ว....น้องบู้ตัวร้อนจี๋เลยแฮะ”
ชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำเหมือนนักมวยปล้ำ....ในชุดเอี๊ยมทำครัวสีหวานแหวว ซึ่งดูแล้วขัดตาเป็นอย่างแรง ขึ้นมาปลุกลูกชายคนโต ที่วันนี้ดูจะขี้เซาเป็นพิเศษ ในตอนนี้ทั้งบ้านหลังน้อย เหลือแต่หนุ่ม ๆ อยู่เฝ้าบ้านกันตามลำพัง เพียงแค่สี่ชีวิต ขณะผู้เป็นภรรยา(คนที่สอง)นั้น กลับไปดูพ่อที่กำลังป่วยหนักที่ต่างจังหวัด ได้เป็นอาทิตย์แล้ว ดังนั้นในฐานะคุณพ่อยอดมนุษย์ ผู้นำครอบครัวหมายเลขหนึ่งของบ้าน จึงต้องทำทุกอย่างแทนเมีย ไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน ซักผ้า ถูบ้าน ล้างจาน หรือแม้กระทั่งหุงหาข้าวปลาอาหารให้ลูกชายทั้งสาม แถมยังต้องสอนการบ้านให้เด็กชายภัทร น้องเล็กของบ้านอีกต่างหาก
“เอาไงดีล่ะ แม่เจ้าเบียร์ก็ไม่อยู่แบบนี้....”
ชายหนุ่มอุ้มช้อนตัวเจ้าหมาเด็กที่นอนซมด้วยพิษไข้ เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่ย่ำลงมาจากชั้นสอง ทำให้เสียงงุ๊งงิ๊งแบบเด็กทะเลาะกัน จากห้องกินข้าวนั้นค่อย ๆ เงียบลง
“จะไว้ใจให้อยู่กันตามลำพังได้มั้ยนี่....เดี๋ยวฝากข้างบ้านช่วยดูก็แล้วกัน.....น้องเบียร์ลูก....หนูอยู่กับพี่บิ๊กที่บ้านนะ พ่อจะพาน้องบู้ไปหาหมอ....ไม่นานหรอกลูกเอ๊ย”
คุณพ่อยังหนุ่ม(ในตอนนั้น) เอ่ยกับตัวเอง ก่อนจะตะโกนบอกลูกน้อยอีกสองคนที่กำลังจัดการกับอาหารเช้า
แน่นอนว่าต้องมีการคัดค้าน เด็กชายกฤษณะวิ่งแซงเด็กชายภัทร ก่อนจะใช้มือใหญ่ ๆ นั้นดันหัวน้องคนเล็ก จนพ่อหนูน้อยนั้นเกือบหงายหลัง ก้นจ้ำบ้ำ ดำศรีในวัยเด็กเอ่ยแทรกเสียงเล็ก ๆ ที่กำลังละล่ำละลักอย่างหวาดผวา
“เบียร์ไปด้วย ไม่อยากอยู่กับพี่บิ๊กสองคน....”
“บิ๊กจะดูแลน้องเองครับ พ่อพาพี่บู้ไปหาหมอเถอะ บิ๊กอยู่ได้ เบียร์อยู่กับพี่นะ พี่จะสอนเล่นเกมส์โอเค๊”
“แต่พี่บิ๊กเค้า....”
“พี่จะเล่นกับเราเอง เบียร์อย่าทำให้พ่อไม่สบายใจสิ ถ้าพวกเราตามไปโรง’บาล พ่อก็จะต้องกังวลกับพวกเราด้วยนะ โรง’บาลน่ะไม่มีอะไรน่าสนุกหรอก อยู่เล่นกับพี่ดีกว่านะ”
คุณพ่อยิ้มเจื่อน คงไม่มีอะไรหรอกน่า ชายหนุ่มนึก ถึงแม้ว่าเจ้าเด็กตัวดำนั้น จะไม่ค่อยชอบขี้หน้าน้องคนเล็กสักเท่าไหร่ แต่เด็กก็คือเด็กนั่นแหละ จะอาฆาตพยาบาทได้นานแค่ไหนกัน โดยเฉพาะเด็กผู้ชายน่ะ สนิทกันง่ายจะตายไป อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ขี้คร้านจะซี้จนตัวติดกันน่ะสิไม่ว่า....
“อย่า....ป๊า.....อย่า....”
เจ้าหมาน้อยในอ้อมแขนของคุณพ่อ พยายามจะบอกบางอย่าง แต่ไม่มีใครสนใจเด็กป่วยที่กำลังไข้ขึ้นสูงจัด สิ่งที่ออกจากปากของเจ้าหมาน้อย จึงกลายเป็นอาการเพ้อไข้ทั่ว ๆ ไปเท่านั้น คุณพ่อกระชับเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ลูกชายคนโตนั้นตัวร้อนจัด ร้อนแม้แต่ลมหายใจที่รดต้นคอของคุณพ่อ แต่กระนั้นก็ยังสามารถรับรู้ได้ ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ที่ตรงนี้
“อย่าซนนะลูก เดี๋ยวพ่อจะให้คุณอาข้างบ้านเค้ามาช่วยดู ถ้าเค้าว่างน่ะนะ.....พ่อจะรีบไปรีบกลับ”
“พ่อไปเถอะ บิ๊กจะดูบ้าน ดูน้องเอง ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งนั้น”
เด็กตัวดำร่างใหญ่ โอบคอน้องน้อยด้วยความรักใคร่ ดำศรีในวัยเด็กฉีกยิ้มแฉ่งที่ดูแล้วไร้เดียงสาเหลือเกิน
.
.
.
.
.
“ชิส์.....ไอ้ลูกเมียน้อยน่ารำคาญเอ๊ย ทำไมชอบทำตัวมีปัญหานักวะ”
เด็กน้อยภัทร....หรือน้องเบียร์ ใช้ช้อนเขี่ยข้าวเปล่าในจานไปมา จนเกิดเสียงดังหนวกหู รบกวนใครอีกคนที่นั่งอยู่ด้วย กับข้าวส่วนใหญ่นั้นถูกดำศรีฟาดเสียเกลี้ยง เหลือก็แต่เศษผัก กับน้ำจิ้มไก่ที่ติดก้นถ้วย ในจานของหนูน้อยมีไก่ชิ้นเล็ก ๆ เพียงแค่หนึ่งชิ้นที่ช่วงชิงมาได้ แต่ก็ถูกกำปั้นหนัก ๆ ฟาดเข้าตุ้บใหญ่ ไหล่น้อย ๆ นั้นสั่นไหว แต่เด็กน้อยก็ยังสู้อุตส่าห์กลั้นน้ำตาเอาไว้ และส่งสายตาพยาบาทกลับไป
“แม่เค้าไม่ใช่เมียน้อย แล้วเค้าก็ไม่ใช่ลูกเมียน้อย!!!”
“ใช่สิ! แม่นายน่ะยั่วยวนพ่อของพวกเรา ที่แม่ของพวกเราต้องตายก็เพราะว่าตรอมใจเรื่องของแม่นาย แล้วเด็กอย่างนายน่ะ มันก็เป็นแค่เด็กที่เกิดขึ้นมาจากบาป ตราบาปติดตัวนายแล้ว แล้วมันก็จะติดไปตลอดชีวิต”
“ไม่ใช่นะ....แม่เค้ากับคุณพ่อ จดทะเบียนกันถูกต้องตามกฎหมาย ดำไม่รู้เรื่องอะไรก็เงียบไปเลย”
“ก็ใช่ไง ก็เพราะว่าพวกนายสองคนแม่ลูก กำจัดแม่ของพวกเราให้พ้นทางได้สำเร็จไงล่ะ นายมันก็เหมือนแม่นั่นแหละ แย่งทุกอย่างไปจากเรา แล้วนายก็ยังแย่งพี่ชายไปจากพี่”
“ฮะฮะฮะ”
“หัวเราะอะไร!!!”
“หึ....ก็นายไม่เห็นเราเป็นน้อง แล้วมาเรียกแทนตัวเองว่าพี่ทำไม”
ผลั้วะ!!!
ดำศรีเถียงไม่ออกหรอก ก็คำพูดของตัวเองมัดตัวเสียอย่างนั้น เจ้าเด็กเลือดร้อนจึงชกเข้าให้ที่ใบหน้าของพ่อหนูเบียร์ เลือดกำเดานั้นค่อย ๆ ไหลออกมา แต่ก็ช้ากว่าเสียงร้องไห้ที่ดังลั่นบ้าน
“ฮึก.....เค้าเกลียดนาย....นายมันใจร้าย เค้าจะฟ้องพ่อ ฟ้องพี่บู้ แง๊~”
“หยุดร้องนะ เดี๋ยวคุณอาข้างบ้านก็เข้ามาดูหรอก อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่สิวะ”
“ไปให้พ้น....จะไปไหนก็ไปเลย....เค้าจะร้อง จะร้องให้ดังเลย....ฮึกฮึก...”
“นี่มันบ้านของพี่.....อ่ะ.....ไม่สิ.....นี่มันบ้านของกูนะ มึงนั่นแหละที่มาอาศัยเค้าอยู่ กล้าดียังไงมาไล่วะ....ไอ้ลูกเมียน้อยเอ๊ย”
“พูดคำหยาบเค้าจะบอกพ่อด้วย....ไอ้ดำใจร้าย ไอ้ดำสารเลว เค้าจะบอกทุกอย่างที่นายพูด นายมันตีสองหน้า...ไอ้คนลวงโลก”
คนลวงโลก? สารเลว? ตีสองหน้างั้นเหรอ?....เด็กอย่างไอ้หมอนี่ไปจำคำพูดแบบนี้มาจากไหนน่ะ....
ไอ้ตัวดำกำลังจะเป็นบ้าตาย กับสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่กำลังแผดเสียงลั่นบ้าน....อยากจะซัดอีกสองหมัดด้วยซ้ำไป แต่ขืนทำแบบนั้นมีหวังได้ซวยแน่นอน
เสียงรถไอศกรีมเจ้าประจำดังขึ้นมาแต่ไกล ดำศรียืนนิ่งอย่างลังเล แล้วในที่สุดไอ้ตัวใหญ่ก็ตัดสินใจวิ่งออกไปจากห้องกินข้าว ทิ้งไว้เพียงเสียงสะอึกสะอื้นของเจ้าตัวเล็ก
.
.
.
.
.
“ห้ามบอกใครเด็ดขาดเลยนะ”
“เรื่อง....ยังไงเบียร์ก็จะฟ้องพ่อ”
“ฮะหน็อย....นี่กูอุตส่าห์เลี้ยงติมมึงนะเว้ย....แม็คนั่มเลยนะ ราคาตั้งหลายบาท กูยังนาน ๆ กินทีเลยนะ”
“พูดกู...เค้าจะฟ้องพ่อ”
“จะเอายังไงวะ อยากตายเหรอมึงน่ะ”
“ขอโทษเบียร์จิ”
รอยยิ้มนั้นดูชั่วร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ เด็กอายุขนาดนี้ รู้จักต่อรอง และรู้จักแบล็คเมล์เสียแล้ว ดำศรีรู้สึกกลัวน้องคนเล็กขึ้นมานิดหน่อย ตัวเองว่าตีสองหน้าเก่งแล้ว แต่ไอ้เด็กที่ชอบทำเป็นไร้เดียงสาอย่างเจ้าเด็กคนนี้เนี่ย...
มันน่าขนลุกชะมัด
“ขอโทษ”
“ดีดี”
“พี่ขอโทษ”
“กอดเค้าจิ....หอมแก้มเค้าด้วย”
“ฝันไปเหอะ”
“ฟ้องพ่อแน่ ถึงตัวไม่กลัวพ่อ แต่ตัวก็ต้องโดนหักค่าขนม แล้วตัวจะเอาเงินที่ไหนซื้อไพ่....หึหึหึ”
“ไอ้เด็กบ้านี่ มากไปแล้วนะ”
ถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ เข้าใจหัวอกของไอ้หมาน้อยขึ้นมาบ้างแล้ว เด็กชายกฤษณะทั้งกอดและหอมน้องคนเล็กอย่างจำใจ....หนึ่งฟอด.....สองฟอด
จะว่าไปแก้มมันก็นุ่มดีเหมือนกัน...
ว่าแล้วก็แถมไปอีกที...
อืม.....กลิ่นหัวก็หอมดีนะ...
แล้วพ่อหนูก็แถมไปอีกฟอด!!!
.
.
.
.
“กลับมาแล้ว....โดนไปเข็มนึงแหละ.....แต่ก็ค่อยยังชั่วขึ้นเยอะ น้องบิ๊ก....น้องเบียร์ พ่อซื้อหนมเค้กมาฝากด้วย เค้กช๊อคโกแล็ตของโปรดใครเอ่ย”
เสียงของคุณพ่อดังมาแต่ไกล เด็กน้อยทั้งสองรีบละทิ้งหน้าจอโทรทัศน์ และจอยเครื่องเล่นเกมส์ในมือ ก่อนจะแข่งกันวิ่งไปหาคุณพ่อ
“ของเบียร์”
“อย่าวิ่งเสียงดังสิวะ”
“ยุ่ง”
ผู้เป็นพ่อลูบหัวลูกชายทั้งสอง ส่วนมืออีกข้างก็ยังไม่ยอมปล่อยจากลูกชายคนโตของบ้านที่ยืนสูดน้ำมูกฟิดฟัด เจ้าหมาน้อยนั้นจ้องมองน้องชายทั้งสอง ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ มือเล็ก ๆ นั้นบีบคนเป็นพ่อเสียแน่น
“นั่นจมูกน้องเบียร์ไปโดนอะไรมาน่ะ เจ้าบิ๊ก!!!แกแกล้งอะไรน้องฮึ”
นั่นไง คุณพ่อเห็นจนได้ ลูกชายคนรองนั้นหน้าซีด ยืนกัดเล็บ ก่อนจะเดินถอยหลังไปหลบอยู่หลังเสา
น้องคนเล็กหันไปมองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างชั่วร้าย...รอยยิ้มที่เหมือนกับจะบอกกลาย ๆ ว่า 'ไอ้สัญญาเมื่อครู่ที่ผ่านมาน่ะ เป็นโมฆะนะพี่นะ'....
อย่านะเฮ้ย.....อย่าบอกเชียวนะ....
“เบียร์สะดุดล้มอ่ะ....แหะ ๆ เจ็บมากเลย พี่บู้ดูหมูกเบียร์จิ แดงเลย นี่พ่อครับ พี่บิ๊กน่ะเค้าสอนเบียร์เล่นเกมส์ด้วยนะ แถมยังเลี้ยงไอติมเบียร์ด้วย...”
“งั้นเหรอ...อ้าวแกน่ะ ไปเอาจานมาใส่เค้กซิ....ไปกินเค้กกันดีกว่าเด็ก ๆ ของพ่อ น้องเบียร์อย่าเอามือไปโดนมันสิลูก เดี๋ยวพ่อใส่ยาให้นะคนเก่ง”
ดำศรีถอดถอนใจอย่างโล่งอก แต่แล้วก็แปรเป็นความเกลียดชัง ลูกคนรองมักถูกละเลย ต่อให้ทำดีแค่ไหน คนเป็นพ่อก็ไม่เคยที่จะสนใจ....พ่อหนูเดินลากขาอย่างซังกะตายไปหยิบจานในครัว ชินแล้วล่ะ กับการแสดงออกที่พ่อมีให้ ต่อให้ทำเกรดดีแค่ไหน มันก็คงไม่น่าภูมิใจเท่ากับลูกอีกคน ที่สอบผ่านด้วยคะแนนคาบเส้น กับเด็กอีกคน ที่ชักจะแซงหน้าขึ้นมาทุก ๆ วัน
“ฝากไว้ก่อนเถอะ....ไอ้ลูกเมียน้อย”
ดำศรีตัวน้อย นายเองก็คงจะไม่รู้ตัวหรอก ว่าตัวเองก็ยิ้มชั่วร้ายได้น่ากลัวไม่แพ้ใคร....
.
.
.
.
End
ตอนหน้าจะขอเล่าถึงตอนที่สองแฝดกลับไปเยี่ยมบ้านนะคะ อาจมีโมเม้นท์สามพีเล็ก ๆ พอกรุบกริบ คงจะหื่นดีไม่น้อย ถ้าน้องหมาถูกรุม...หุหุหุ