Chapter 3 [END]
สายน้ำเย็นๆไหลผ่านใบหน้าชะล้างโฟมสีขาวออกไปจนเกลี้ยงเกลา ชลธียกมือขึ้นสำรวจปลายคางของตัวเองช้าๆก็พบว่าหนวดแหลมๆที่เคยแทงออกมาถูกโกนออกไปหมดแล้ว เขาถอนหายใจกับความสับสนที่ตีกันวุ่นวายในอกตอนนี้.....
อัคชอบเขา.... เรื่องแบบนี้ต่อให้อมวัดมาพูดยังไม่เชื่อเลย.... แต่อัคไม่ได้อมวัดที่ไหนมา แถมยังพูดจังๆต่อหน้าเขาอีก พอคิดถึงใบหน้าของเด็กหนุ่มตอนสารภาพออกมาก็ทำให้ก้อนเนื้อที่อกซ้ายของเขาเต้นแรงขึ้น นิ้วเรียวที่กำลังสำรวจปลายคางค่อยๆไล้ขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากช้าๆ เขาหลับตาลงเพื่อคิดถึงความรู้สึกในตอนนั้น หัวสมองของเขาว่างเปล่าเหมือนถูกดึงขึ้นไปในอากาศ รู้สึกวูบโหวงในใจอย่างบอกไม่ถูก
แล้วเขาก็หวนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนบนรถคันนั้น... หลังจากที่ถูกเด็กรุ่นหลานจูบเอาแถมยังถูกบอกรักอีก ทำเอาผู้ชายมาดเท่อย่างชลธีทำอะไรไม่ถูก เขาอ้าปากค้างนั่งตัวแข็งอยู่ในรถโดยที่เด็กหนุ่มยังจ้องเขาไม่วางตา อัคคีเอือมมือมาเกลี่ยข้างแก้มเบาๆเหมือนปฏิบัติกับสาวน้อยอย่างนั้นแหละ และนั่นทำให้ชลธีหน้าแดงขึ้นมาทันที
‘กะ....กูเข้าบ้านละ’ เขาคิดออกแค่นั้นจริงๆ ชายหนุ่มรีบลุกพรวดแทบจะกระโดดออกประตูรถไป ถ้าไม่มีมือของหนุ่มคิ้วเข้มในรถมาคว้าไว้เสียก่อน
‘เดี๋ยวก่อนลุง’ อัคคีว่ายิ้มๆ ‘โกนหนวดซะนะ จูบแล้วจั๊กจี้ว่ะ’
ตัดภาพกลับมาที่ห้องน้ำสีขาวสว่างตาของชล เขามองมีดโกนหนวดในมือด้วยสายตาว่างเปล่า....ก่อนจะ...
เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง... ปามันลงกันพื้นด้วยความอับอาย ชลธีกรีดร้องในใจ.... อ้ากกกกกกกกกกกกกกกก!!!!เขาทำอะไรลงไปเนี้ย!!! ทำตามที่ไอ้เด็กบ้านั่นบอกรึไง!!!!
ชายหนุ่มซุกหน้าลงกับเข่าด้วยความสับสนในหัวสมอง เขาเป็นบ้าอะไรไปแล้ว ทำไมถึงได้โดนเด็กบ้านั่นล้างสมองแถมใส่การ์ดความจำใหม่ที่มีแต่ใบหน้าหล่อๆนั่นเต็มไปหมด..... ไม่นะ....เขาคงไม่ได้ชอบเด็กเวรนั่นเข้าจริงๆใช่มั้ย??
.....
ผู้ชายหน้าตาดีวัยสามสิบห้า นอกจากไม่มีเมียแล้วยังมีเด็กผู้ชายมาชอบอีก.... พระเจ้าจะเล่นตลกกับเขาไปถึงไหนกัน!!!!!!!
เขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย.... ชลไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไปดี อัคมาบอกเขาแบบนี้เพื่ออะไร?....โกหกงั้นเหรอ?....แต่มองจากแววตาเมื่อคืนยังไงๆนั่นก็ไม่ใช่คำโกหกแน่ๆ หมายความว่าอัคชอบเขาจริงๆ!!! ชอบลุงข้างบ้านที่วันๆเอาแต่แกล้งเนี้ยนะ!!! บ้าไปแล้ว!!!
แล้วคราวหน้าจะมองหน้ากันไม่ติดหรือเปล่าเนี้ย?..... จูบกันไปแล้วด้วย... ไม่ใช่ว่าชลธีไม่เคยจูบ สมัยเรียนเขาเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่สาวๆรุมล้อม... แต่นี่เขาเพิ่งเคยจูบกับผู้ชายเป็นครั้งแรก แถมยังเป็นเป็นคู่กัดกันมาตั้งหลายปีอีก...
แบบนี้มองหน้ากันไม่ติดแหงมๆ......................................................................
..................................................
..............................
................
“อ้าว!!!ลุงมางานนี้ด้วยเหรอ” อัคคีโบกมือกระโดดเหยงๆเรียกตอนที่เขาก้าวเท้าเข้าไปในงาน
ชลที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ชะงักไป แต่ก็ช้ากว่าเด็กหนุ่มที่เดินมาลากแขนเขาเข้าไปในงาน.... ชลยังไม่ได้เตรียมใจมาเจอหน้าแท้ๆ แต่เด็กนี่ดันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะนี่....
เมื่อเช้าตอนออกบ้านมาที่บริษัทเขาก็แอบโล่งใจที่เห็นรถคันข้างๆบ้านจอดแน่นิ่งอยู่โดยไม่มีชายหนุ่มคิ้วเข้มคอยกวนประสาทอยู่เหมือนทุกวัน คิดว่าวันนี้จะรอดแล้วเชียว.... แต่กลับผิดคาด!!! ช่วงเย็นเขาต้องเข้าไปงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มตัวใหม่ของบริษัทที่ห้าง ใครจะไปคิดว่าลูกชายคุณหุ้นส่วนใหญ่จะโผล่วาร์ปมาถึงที่นี่ได้
อัคคีลากแขนเขาไปหาแม่ของตน เขากล่าวทักทายกับคุณนายเล็กๆน้อยๆ พลางปรึกษาเรื่องแผนงานนิดๆหน่อยๆ แต่ไอ้เด็กตัวสูงนี่ก็ดึงแขนเสื้อหยุกหยิกๆอยู่ไม่สุข สุดท้ายทนไม่ได้อัคคีถึงได้เอ่ยปาก
“แม่!! เอาไว้คุยวันหลังนะ”
“เอ๊ะ....ตาอัคนี่ยังไง แม่คุยธุระกับพี่เขาอยู่นะลูก”
“เจอกันที่บริษัทก็คุยกันได้นี่นา” อัคคีทำหน้างอใส่ ซึ่งมันน่าเอ็นดูมากในสายตาผู้เป็นแม่ ในทางกลับกันก็น่าถีบมากในสายตาผู้เป็น ‘ลุง’
“น้องชลจ๊ะ งั้นเอาไว้เดี๋ยวพี่ส่งแผนงานเข้าเมลไปให้คืนนี้นะจ๊ะ”
“ครับผม ไม่มีปัญหาครับ”
“คุยกันเสร็จแล้วใช่มั้ยครับ” อัคคียืนกอดอกมอง เขารอเวลานี้มาได้สักพักแล้วล่ะ “ผมขอยืมตัวพนักงานหน่อยนะแม่”
“เอาไปยกของเหรอลูก แม่ให้เขายกลงมาหมดแล้วนะ” คุณนายแม่ของเด็กเชื้อเพลิงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แต่ลูกชายของเธอเดินคว้าแขนเสื้อคู่สนทนาเมื่อกี้แล้วออกแรงดึง
“ยืม ‘พี่ชล’ ไปเดินเล่นแป๊บนึงนะครับ” อัคคีจงใจเน้นเสียงคำว่าพี่ชลเป็นพิเศษ แล้วก็ได้ผลเมื่อคนถูกเรียกช็อกตายไปแล้ว เข้าจึงได้โอกาสลากออกมาซะเลย ชลธีพอรู้สึกตัวก็สะบัดแขนเสื้อออกจากการเกาะกุมทันที
“จะบ้าเรอะ กูต้องอยู่ในงานสิวะไม่งั้นโดนไล่ออกกันพอดี”
“ใครจะกล้าไล่ลุงออกห๊ะ มากับผมนะลุง” เขาตอบขำๆกับท่าทางลนลานจนปิดไม่มิดของอีกฝ่าย เฮ้อ...แบบนี้จะไม่ให้เขาอยากแกล้งได้ยังไงล่ะ “แต่ถ้าลุงไม่มาด้วยผมจะฟ้องแม่ว่าลุงแอบนินทาแม่ว่าเป็นคุณนายขี้วีน วันนั้นได้ยินคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้เสียงดังเชียวน๊า”
แล้วเขาจะทำอะไรได้?? สุดท้ายเลยต้องจำยอมเดินตามไอ้เด็กนรกนี่ต้อยๆเป็นหมาตามเจ้าของเลยแฮะ เสื้อเชิ้ตสีขาวที่อุตส่าห์รีดมาเรียบๆมีอันต้องยับเพราะโดนดึงเนี้ยแหละ
“ลุงอยากดูอะไรมั้ย”
“ดูงาน”
“โอเค...งั้นไปหาขนมกินกันดีกว่า” ชลยกมือขึ้นตบหน้าผากกับความกวนโอ๊ยไม่เลิกของเด็กตรงหน้า อัคคีลากเข้าลงบันไดเลื่อน จนไปๆมาๆก็ยอมปล่อยให้เขาเดินโดยไม่ต้องถูกจูงจมูกซะที
โซนอาหารและขนมอยู่ชั้นล่างสุดของห้าง พวกเขาเลยต้องลงบันไดเลื่อนกันไปหลายรอบ ระหว่างทางอัคคีก็ลอบมองคนที่เดินตามหลังมาด้วย เขาชอบแอบมองชลธีเวลาที่อีกฝ่ายหันไปสนใจดูร้านที่เดินผ่านเสมอ เวลาเจ้าตัวเจอของที่ถูกใจก็จะตาเป็นประกายเหมือนเด็กๆไปเสียทุกที
อย่าน่ารักเกินไปได้มั้ยลุง!!!!! เขาแอบชอบชลมานานแล้ว... ตอนเด็กๆก็แค่ปลื้มเพราะเป็นพี่ชายสุดเท่ข้างบ้านหรอก แต่พอโตขึ้นเขาก็เริ่มเห็นอะไรในตัวอีกฝ่ายมากขึ้น เขาชอบที่จะลอบมองอีกฝ่ายจากหน้าต่างบานเดิม ชลธีมักจะขนงานออกมานั่งทำทุกๆเย็นหลังกลับมาจากทำงาน เขาติดนิสัยชอบเบ้ปากเวลาเห็นตัวเลขมากๆ และเมื่อปิดแฟ้มเขาก็จะยิ้มอย่างเป็นสุขที่งานสำเร็จแล้ว
ไม่รู้ทำไมอัคคีถึงได้ชอบที่จะเห็นใบหน้าหล่อนี่ทุกๆวัน มองไปมองมาเขาก็ว่าชลธีน่ารักดีแฮะ เจ้าตัวชอบเผลอเผยตัวตนออกมาเวลาอยู่กับเขาเสมอ อยู่ต่อหน้าคนอื่นชลธีจะเป็นชายโสดสุดเท่ แต่พออยู่กับเขาทีไรกลายเป็นตาลุงขี้โวยวายทุกที แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาแกล้งแหย่ทุกวันได้ยังไงล่ะ...
“โอ๊ะๆ....ลุงอย่าเดินไปตรงนั้น!!!” อัคคีว่าพลางคว้าแขนแล้วดึงตัวอีกคนหลบให้พัดลมเครื่องใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างทางเป่าเขาแทน
“อะไรของมึงเนี้ยไอ้อัค”
“เดี๋ยววิกปลิวนะลุง คนอื่นเห็นหัวไข่ดาวพอดี กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
อัคคีหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งไปหมด ส่วนคนโดนด่าน่ะเหรอเขกหัวไอ้เด็กกวนประสาทจังๆก่อนจะเดินนำลิ่วไปไม่รอ ทำเอาเด็กคิ้วหนาต้องวิ่งตามมาแต่เขาก็หยุดหัวเราะไม่ได้สักที....ก็หน้าชลธีตอนโดนหลอกด่ามันตลกนี่นา
“โอ๋ๆๆๆ...ลุงงอนผมเหรอ อย่างอนน๊า เดี๋ยวเลี้ยงเค้กเลย”
“ไม่ได้งอนโว้ย!!! ไอ้เด็กนรก” ชลธีสบถ...ผู้ชายพอเริ่มแก่ตัวก็เริ่มเป็นห่วงสภาพผมเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ถึงเขาจะไม่ได้ผมร่วงอะไรมากอย่างที่มันว่าแต่พอโดนแซวหนักเข้ามันก็เครียดจริงๆนะเนี้ย
“ลุงเดินเลยร้านแล้ว เรามากินร้านนี้กัน” อัคคีว่าพลางเดินไปลากแขนอีกคนเข้าไปในร้านสีขาวสะอาดตา เป็นร้านเค้กที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นชวนให้รู้สึกสะอาดอย่างบอกไม่ถูก ชลธีเงยหน้าขึ้นมองโคมไฟทรงกระบอกของร้านด้วยความสนใจ ในขณะที่อัคกำลังจดๆจ้องๆเค้กในตู้ตาไม่กะพริบ
“เอา......บาน๊อฟฟี่กับสตรอเบอร์รี่ชีสเค้กครับ”
“สั่งมาทำไมเยอะวะกินหมดเหรอ”
“เปล่าสตรอเบอร์รี่ของลุงอ่ะ”
“เอามาทำไม!!! ไม่กินโว้ย!!!!!!” ชลธีเริ่มโวยวาย เขาไม่ใช่สาวน้อยนะโว้ยจะให้มาแดกสตรอเบอร์รี่เนี้ยบ้าเปล่าวะ!!!!!
“ไปนั่งเร็ว” อัคคีทำหูทวนลมเดินไปนั่งรอที่โต๊ะหน้าตาเฉย ลำบากถึงชลที่ต้องตะโกนบอกพนักงานว่าเปลี่ยนเป็นดาร์กช็อกเค้กแทน พนักงานที่ร้านดูจะขำๆกับท่าทีของเขาสองคน แน่ละ....ผู้ชายคนนึงอยู่ในชุดสูทเรียบแปล้เต็มยศ คอนทราสต์กับเด็กหนุ่มในเสื้อยืดสกรีนลายกับกางเกงยีนส์ แถมยังคล้องเฮดโฟนไว้ที่คออีกต่างหาก ที่น่าอนาถคือสองคนนี้ดันยืนเถียงกันไม่จบไม่สิ้นซะที...
“ลุงไม่น่าเปลี่ยนเลยอ่ะ.... สตรอเบอร์รีร้านนี้อร่อยนะ อุตส่าห์หวังดีสั่งให้”
“ฟังแล้วซาบซึ้งใจ แต่คราวหน้าไม่ต้องเว่ย!!!” ชลธีทำท่าจะโวยวายต่อ แต่สาวน้อยเอาเค้กมาเสิร์ฟเลยแกล้งเงียบไป ไม่อยากพูดให้เสียแก่...
จะว่าไปเค้กร้านนี้รสชาติดีอย่างที่อัคโฆษณาไว้ไม่มีผิดจริงๆ กินคำแรกก็รู้เลยว่าใช้ของมีคุณภาพทำ ชลหลับตาพริ้มคาบส้อมไว้ในปากอย่างมีความสุข สัมผัสถึงช็อกโกแลตที่ละลายในปาก...
อัคคีนั่งมองหน้าลุงข้างๆที่ทำหน้ามีความสุขเสียเต็มประดาแล้วก็นึกขำ บางทีชลก็ชอบเผลอทำอะไรน่ารักไม่รู้ตัวอยู่เรื่อยเลยนะ
“อร่อยจนฟินเลยล่ะสิลุง”
ชลธีหันไปทำตาเขียว “เสือกไร”
“เปล๊า....แค่ตื่นเต้น ได้เห็นคนแก่หัวใจเด็ก”
“มึงอยากได้ส้อมไปทิ่มในลูกตามั้ย” เขาว่าพลางง้างส้อมขึ้น
“ฮ่าๆๆๆๆ”
เขาเถียงกันเป็นธรรมชาติกว่าที่คิด จนชลธีรู้สึกวูบไหวในใจนิดหน่อย... อัคคีทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ เขาอาจจะเมาจนลืมเหตุการณ์เมื่อวานไปแล้วก็ได้ บ้าจริง...ทำไมถึงได้มีแต่เขาที่จำเรื่องบ้าๆนั่นได้นะ...
อัคคีจับสัมผัสบางอย่างบนใบหน้าของอีกฝ่ายก็พอเดาได้ว่าชลธีกำลังคิดมากอยู่แน่ๆ เขานั่งท้าวคางก่อนจะยื่นส้อมเข้าไปแย่งเค้กในจานอีกฝ่าย เด็กหนุ่มเอ่ยกล่าวบางอย่างขึ้นมาลอยๆ
“โกนหนวดแล้วดูดีขึ้นเยอะนี่” ชลธีทำตาโตใส่ ก่อนเลือดจะค่อยๆไหลเทมารวมกันบนใบหน้า ....ชิบหาย...มันเสือกจำได้....
เขาเริ่มหลุกหลิกหลบตาคนตรงหน้าเป็นพัลวัน หัวใจคนแก่ทำงานหนักขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ชลธีไม่กล้าแม้แต่จะด่าอัคคีที่แย่งเค้กเขากลบเกลื่อน ส่วนฝ่ายอัคคีที่นั่งรอเวลานี้มานานก็แกล้งเดาะลิ้นช่วยทวนความจำเมื่อคืนเสียหน่อย และเหมือนจะได้ผลดีเหลือเกินเพราะหน้าของคนตรงข้ามแดงจนถึงใบหูแล้ว....
“แหม...ชมว่าหน้าตาดีขึ้นนี่ถึงกับเขินเลยเหรอลุง”
“อะ....ไอ้เด็กเวร!!!” พอเจอแบบนี้เขาเลยต้องเงยหน้าขึ้นมาต่อปากต่อคำทั้งๆที่หน้ายังแดงอย่างนั้นแหละ อัคคีเห็นแล้วก็หัวเราะไปทุบโต๊ะไป
“โอ๊ย....มึงจะหัวเราะทำซากอะไรวะ”
“ก็ลุงแม่งน่ารักอ่ะ” อัคคีตอบไปหัวเราะไป แต่ไอ้ ‘ลุง’ที่ว่าเนี้ยแทบจะละลายกลายเป็นน้ำไปแล้ว....
“อัค....กะ...กูว่าผู้ชายสองคนในร้านเค้กนี่แม่งไม่น่าดูเลยว่ะ” ชลพึมพำ “กูจะกลับเข้างานละ”
“ไม่ได้!!!! ลุงมีธุระต้องไปทำกับผม”
“ธุระอะไรวะ”
“เออน่า” อัคเดินนำเขาเพื่อเอาเงินไปจ่าย “แม่ฝากผมมาน่ะ”
ชลเลยตกอยู่ในสถานการณ์จำยอมที่ต้องเดินตามไอ้เด็กนี่ต้อยๆ อัคบอกเขาว่าต้องขับรถออกไปติดต่องานกับฝ่ายอื่น พอเอางานมาอ้างแบบนี้ชลจะทำอะไรได้ล่ะ? เขามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้วนี่ อัคนำทางพาเขาไปที่รถปอร์เช่คันเดิมที่เพิ่งจะเกิดเหตุการณ์ไปสดๆร้อนๆเมื่อวาน ตอนทิ้งตูดลงนั่งชลธีอดจะรู้สึกเสียวสันหลังวูบๆไม่ได้ เขาเอื้อมมือไปดึงเข็มขัดมาคาดให้เรียบร้อย แล้วรอจนรถเคลื่อนที่
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าฝ่ายที่ต้องไปติดต่องานด้วยนี่มันไม่มีมือถือหรือยังไง?? แล้วบริษัทมันตั้งที่ไหนกัน?? ถนนเส้นนี้เขาไม่เคยมาเสียด้วยสิ เด็กหนุ่มข้างๆตัวเปิดเพลงเสียงดังลั่นกลบความเงียบที่ก่อตัวขึ้น จนมาถึงเพลงหนึ่งที่อยู่ๆไอ้เด็กข้างๆก็แหกปากร้องเพลงซะลั่น...
อายุเป็นพียงแค่สายลมผ่านพัดไป
เธออย่าคิดมากได้ไหม
ความรักเป็นเรื่องของหัวใจไม่ใช่เรื่องใด
อยากให้รู้เด็กกว่าแล้วไง มันร้องแล้วหันมันยักคิ้วให้เขา..... นายชลธีกำลังจะเป็นบ้าเพราะถูกเด็กปั่นหัวอยู่แล้ว!!!!!! อัคคีเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่ายก็ผิวปากอย่างอารมณ์ดีแล้วหักเลี้ยวรถเข้าไป....ใกล้ถึงจุดหมายแล้ว....
รอคันงามจอดสนิทแน่นิ่งอยู่หน้าสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่ตอนนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่แล้ว ชลธีเริ่มมองซ้ายมองขวาหาฝ่ายงานที่ว่า....ไม่ใช่ว่าโดนโจรดักตีหัวตายไปแล้วหรอกนะ....
“มองหาอะไรน่ะลุง”
“ก็งานที่คุณนายฝากมาไง”
“อ๋อ” อัคคีพยักหน้า
“เขาฝากให้ลุงมาเป็นแฟนผมอ่ะ” อึ้ง...อึ้ง....อึ้ง!!! ชายหนุ่มอ้าปากค้างกับคำตอบ..... เฮ้ยๆ นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกแล้วนะ....
“คะ....คุณนายบอกเหรอ”
“โอ๊ย...ผมพูดเล่นน่าลุง แม่ยังไม่รู้หรอกว่าผมมาไล่จีบลุงอยู่แบบนี้”
“ละ....ไล่จีบบ้าอะไรของมึงอัค กูเห็นมึงมากวนตีนได้ทุกวี่ทุกวัน”
“ลุงนี่ไม่รู้อะไรเลย” เด็กหนุ่มจุ๊ปากพลางส่ายหน้าเบาๆ “นั่นแหละผมจีบลุงอยู่”
เขามองคนตรงหน้าอย่างอึ้งๆ อัคจีบเขาอยู่???? ด้วยวิธีแบบนี้น่ะเหรอ?? ที่เข้ามากวนตีนได้ตลอดเวล่ำเวลาไม่มีวันหยุดเนี้ยน่ะเหรอ??....
“แสดงว่ามึงจะ....จีบกูมานานแล้ว??” พอลองคำนวณดูเขาก็พบว่าอัคคีเริ่มเข้ามากวนตีนเขาตั้งแต่สมัยขึ้นม.ปลายแล้ว.... เขายิ่งช็อกหนักกว่าเดิมเมื่อเด็กหนุ่มพยักหน้าตอบว่ามันคือเรื่องจริง “บ้าเหรอ!!! คนที่ไหนเขามาเรียกคนที่ชอบว่าลุงกันวะ!!”
“ก็เรียกพี่ชลแล้วมันซ้ำกับคนอื่นอ่ะ” อัคคีว่าพลางเอนตัวลงกับเบาะ “นี่ลุงดูไม่ออกจริงๆเหรอ ผมนะอุตส่าห์ยืนกรานไม่ยอมย้ายบ้านไปอยู่กับแม่เพราะจะได้อยู่บ้านใกล้ๆลุงเลยนะ ทำไมลุงไม่รู้ตัวบ้างเลย”
“ถ้ารู้ก็จิตไม่ปกติแล้วสิ!!! เล่นมากวนตีนทุกวันซะขนาดนี้!!!”
อัคคีหัวเราะกับการโวยวายของลุง เขาเอือมมือมาเชยคางชลธีขึ้นตามแบบฉบับการเกี้ยวสาว เด็กหนุ่มจ้องคนแก่กว่าด้วยแววตาระริก พอเห็นชลธีประหม่าเขาก็ยิ่งได้ใจ
“ตกลงเอาไง....เป็นแฟนกันนะลุง”
ชลธีแอบหยิกแขนตัวเองให้รู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไป หัวใจที่อกซ้ายเต้นตุบๆแรงขึ้นเรื่อยๆยิ่งตอกย้ำความคิดของเขาให้เด่นชัดขึ้น......แย่แล้ว.....
“ไหนลองบอกเหตุผลดีๆสักสามข้อที่จะมาเป็นแฟนกันหน่อยดิ๊”
“สามข้อเหรอ.... อืมมมมม” เด็กคิ้วเข้มใช้มือลูบคางตัวเองเบาๆอย่างใช้ความคิด
“ข้อแรก” เขายกนิ้วขึ้นนับ “ลุงก็แก่แล้วเมียก็ไม่มี มีผัวหล่อกว่าตัวเองนี่เวิร์คจะตาย”
“ไอ้อัค!!!!! ข้อแรกของมึงก็นรกแล้วโว้ย!!!!!!” ชลธีตั้งถ้าจะโวยวายทันทีแต่อัคคีรู้ทันเอามือปิดปากเอาไว้ก่อน
เขาชูนิ้วเพิ่มขึ้น “ข้อสอง....ลุงแก่กว่าผมตั้ง14ปี ดังนั้นลุงตายก่อนผมชัวๆ” อัคคียิ้มอย่างภูมิใจกับคำตอบหนักหนา “ดังนั้นลุงจะไม่ต้องเสียใจเวลาผมตาย เพราะยังไงลุงก็ตายก่อน”
“ข้อสุดท้าย” เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้างทำเอาคนมองใจเต้นแรงอย่างคุมไม่อยู่....
“เพราะว่าผมรักลุงไง” สิ้นเสียงอัคคีก็เชยคางชายหนุ่มเข้ามาประกบจูบทันที ชลเบิกตากว้างด้วยความตกใจกับการกระทำอันอุกอาจ อัคค่อยๆจูบเขาเบาๆช้าๆแต่เนิ่นนาน.... ตอนแรกก็ทำอะไรไม่ถูกแต่พอถูกอีกฝ่ายสัมผัสอย่างอ่อนโยนเขาก็เคลิบเคลิ้มไปกับการชักจูงเข้าสู่กับดักอันหอมหวาน เขาถูกโยนให้ล่องลอยอยู่บนฟ้าด้วยปลายลิ้นของเด็กหนุ่มที่ส่งเข้ามา ชลธีเองก็ตอบรับสัมผัสนั้นกลับคืนเช่นกัน เขาส่งเสียงครางในลำคอ มือทั้งสองข้างเกาะหลังของเด็กหนุ่มไว้เหมือนกลัวตกลงจากที่สูง
อัคคียิ้มมุมปากกับการตอบสนองของคนในอ้อมกอด นิ้วโป้งไล้ข้างแก้มของชลธีเบาๆ จูบคราวนี้ยาวนานกว่าครั้งแรกนัก แต่สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ยอมผละออกมาแต่โดยดี อัคคีจูบคลอเคลียกับสันจมูกของอีกฝ่ายเหมือนไม่อยากผละออก เขาใช้หน้าผากสัมผัสกันก่อนเสียงทุ้มๆจะเอ่ยบอก...
“ลุงเป็นแฟนผมแล้วนะ” ลมหายใจร้อนผ่าวเบารดใส่ทำเอาชลหน้าแดงวาบ...
“โธ่เว้ย!! เออ...เป็นก็เป็นวะ เคยคิดจะกินหญ้าอ่อนเหมือนกัน.....ไม่คิดว่าจะโดนเด็กถอนหงอกแบบนี้เลย” ชลธีบ่นพึมพำพลางเสหน้าหลบอีกคนที่ยังตามมาจุ๊บเขาไม่เลิก “เฮ้ย...พอแล้วน่าอัค”
อัคคีไม่ยี่หระกับมือที่พยายามดันใบหน้าเขาออก แถมยังร้องเพลงใส่จังหวะซะเต็มที่ “เพราะเธอสามสิบ สามสิบกำลังแจ๋ว แจ๋วซะจนน่าจีบ ผมก็ไม่ค่อยรีบแต่แต่งงานกันเลยมั้ย โอ๊ะ...ลืมไป ลุง35แล้วนี่นา ฮ่าๆๆๆ”
“ไอ้เด็กเวร!!!!” อ้าปากจะด่าแต่เด็กเวรนั่นดันจุ๊บเขาเบาๆจนเหวอไปซะอย่างนั้น...
“ลุงด่าผมก็จุ๊บทีนึงแหละ”
“ไอ้หื่น....”
เท่านั้นแหละเด็กเครื่องกลก็จุ๊บรัวๆที่ริมฝีปากบางนั่นติดต่อกัน ส่วนคนถูกกระทำก็ได้แต่ถลึงตาโตเขม่นใส่...
อัคคีผละออกมาแล้วยิ้มกว้างจนชลธีรู้สึกสว่างไสวไปทั้งหัวใจของเขา...
เด็กหนุ่มยิ้มกับคนตรงหน้าที่เขาเฝ้ามองมาตลอด งานนี้ชลธีคงต้องรับผิดชอบข้อหาที่ปล่อยให้เขารอมานานแล้วล่ะ....
.....
ก็ให้มันรู้ไปสิว่าน้ำจะดับไฟได้น่ะ......END
สรุปว่ามันเป็นเรื่องสั้นนะคะ ฮิ้วววววววววววววววววว
เพราะว่ามันถูกเขียนขึ้นมาเพื่อเป็นเรื่องสั้น ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องสั้นค่ะ ฮ่าๆๆๆ (ที่จริงคือการดำเนินเรื่องมันต่างกันค่ะ)
ใครคิดถึงน้องอัคกับลุงชลไว้เดี๋ยวว่างๆจะแต่งตอนพิเศษมาลงให้นะคะ ดีไม่ดีสองคนนี้อาจข้ามไปบู้กันอีกเรื่องได้ 5555
เพราะว่าคนเขียนเองก็ติดใจเคะลุงไม่แพ้กัน มันก๊าวใจจริงๆนะเออ
ลงตอนจบหวานๆให้เป็นของขวัญวันคริสต์มาสสำหรับทุกคนนะคะ หวังว่าคงชอบกันน้อออออออ
Merry Christmas ค่ะ

PS.ใครคิดถึงเรา(มีเรอะ)เอาลุงไปขัดดอกก่อนนะคะ DNDขอสอบเสร็จก่อนน๊าาาา
