Chapter1
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด...เสียงล้อเหล็กครูดไปกับพื้นซีเมนต์ดังเอี๊ยดอ๊าดชวนใช้รู้สึกเสียวฟันขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ มันมาอีกแล้ว.....มันมาอีกแล้ว.... ในใจของเขากู่ร้อง
หากมองลอดรั้วเหล็กสีขาวที่กั้นหน้าบ้านแล้วก็จะเห็นภาพที่คุ้นตาเกิดซ้ำๆประหนึ่งค่าอุบัติซ้ำในการเกิดแผ่นดินไหว.... เรติน่าสะท้อนภาพอันคุ้นเคย เด็กหนุ่มในชุดเสื้อช็อปสีกรมท่าอันเป็นเอกลักษณ์ประจำคณะกำลังเลื่อนรั้วเหล็กที่ขึ้นสนิมเกรอะกรังจนต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าทำไมไม่ทาสีทับหรือหยอดน้ำมันเสียบ้าง
.....ไม่รู้รึไง มันหนวกหูชาวบ้านน่ะ!!!!!.... พอเลื่อนประตูไปสุดจนแก้วหูแทบแตกแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็ถอยรถเข้าไปจอดในบ้านก่อนจะลงจากรถมาสแครชล้อรั้วให้ได้เสียวไปถึงแก้วหูขั้นในอีกครั้งจนคนที่มองอยู่ถึงกับเบ้หน้ายกมือขึ้นอุดหู.....
เขากำลังจับจ้องภาพนั้นผ่านรั้วบ้านโดยไม่มีอะไรกั้นขวาง รายงานงบประมาณที่อยู่บนโต๊ะถูกละเลยเมื่อมีบางสิ่งมาดึงความสนใจได้มากกว่า มือซ้ายควงปากกาลูกลื่นราคาแพงเล่นอย่างไม่รู้ตัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาหอบงานออกมานั่งอยู่บนม้านั่งในสวนหย่อมเล็กๆที่เขาเป็นคนบรรจงออกแบบเลือกสรรมาด้วยความภูมิใจ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานั่งมองภาพกิจกรรมง่ายๆที่เกิดขึ้นทุกวันอย่างนี้ด้วย
เหมือนมีจิตสัมผัสบางอย่างทำให้เด็กหนุ่มหันหน้าจากประตูเข้ามาสบประสานสายตาเข้ากับคนที่จ้องมองทุกการกระทำตลอดเวลาอยู่แล้ว ดวงตาสีดำคมลึกนั่นมีแววตาบางอย่างที่ทำให้ทุกคนที่ถูกจ้องต้องกลั้นหายใจด้วยความรู้สึกวาบโหวงในใจ.... เขาเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าอันหล่อเหลา.... โดยเฉพาะคิ้วหนาๆเข้มๆนั่นถือเป็นเสน่ห์เฉพาะตัว และในตอนนี้มันกำลังเลิกขึ้นสูงแสดงความสงสัยที่ไม่อาจปกปิดไว้....
“มองไรลุง” ไอ้-เด็ก-เปรต!!!!!!!!!!!!!!!!!! ชายวัยกลางคนแทบขว้างปากกาในมือ หมายมั่นให้มันปักลงกลางหัวไอ้หนุ่มปากหมาที่ยังคงลอยหน้าลอยตาขนอุปกรณ์การเรียนของมันลงจากรถอย่างไม่สนใจว่าเมื่อกี้ไปเหยียบเท้าใครเข้า...
…..เย็นไว้ชล.....เย็นไว้... มันกำลังทำให้เราดิ้นตามมัน อย่าไปหัวเสียกับไอ้เด็กเมื่อวานซืนเลย... ชลธีนับหนึ่งถึงร้อยในใจ และกำลังจะเพิ่มเป็นพันในไม่ช้าเมื่อไอ้หนุ่มเสื้อสีกรมท่ายังไม่ยอมเข้าบ้านเสียที เหมือนจะรอให้เขาเดือดแล้วก่อคดีฆาตกรรมขึ้น มันเดินไปเอาสายยางมารถน้ำต้นไม้ในยามเย็นพลางร้องเพลงผิวปากอย่างอารมณ์ดี
“ก็โสดโสด อยู่ทางนี้ยังโสดโสด อยากเอารักมาโหลดโหลด เธอใช่ไหมที่ฟ้ามาโปรดฟ้ามาโปรด....ฟ้ามาโปรด”
เขาผิวปากร้องเพลงอย่างอารมณ์ดี ถ้าไม่ติดว่ามือถือสายยางอยู่ล่ะก็รับรองได้ว่ามีเต้นโชว์กันบ้าง เด็กหนุ่มเดาะลิ้นในปากเป็นการยั่วโมโห ซึ่งคาดว่ามันได้ผลไม่ใช่น้อยเพราะมือของชลที่จับปากกาด้ามเงาวับอยู่นั่นเริ่มกำมันแน่นขึ้นเสียจนแทบหักคามือ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็เติมเชื้อเพลิงด้วยการแกล้งรดน้ำข้ามรั้วบ้านมันเสียเลย...
“อัค!!!!ไม่ต้องมารดน้ำเผื่อบ้านกู!!!!” ชายหนุ่มผิวปากอย่างผู้กำชัยที่สามารถทำใช้ชลลุกขึ้นมาด่าได้
“โห....คนอุตส่าห์มีน้ำใจ ทำไมลุงไม่เห็นค่าเลย”
“เลิกกวนตีนกูซะที ถ้ามึงจะรดขนาดนั้นไม่รดหน้ากูไปเลยล่ะ”
“เอ๊า!!! ไม่บอกแต่แรกล่ะลุง เดี๋ยวผมจัดให้” เห็นอีกฝ่ายยกสายยางสูงขึ้นแบบนั้น ชลได้แต่รีบลนลานรวบแฟ้มบนโต๊ะมากอดแล้ววิ่งออกไปให้ไกลจากรั้วกั้นสัตว์นรกนั่น
“ไอ้เด็กเวรเอ๊ย!!!!” พอตั้งสติได้เขาก็ไม่ลืมด่ามันด้วย “พ่อแม่ไม่สั่งสอนรึไงวะ”
“จุ๊ๆๆๆ...” อัคคีจุ๊ปากพลางส่ายหน้าเบาๆ “พ่อแม่ผมก็หุ้นส่วนลุงนั่นแหละครับ มีอะไรไม่พอใจบอกเล่ากันได้นี่”
มาถึงตรงนี้ชลธีได้แต่อ้าปากพะงาบๆมีแต่ลมไม่มีคำด่า.... ใช่แล้วมันเป็นเรื่องจริงที่ว่าพ่อแม่ไอ้เด็กนี่เป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ในบริษัทเขา และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมามีรั้วบ้านติดสิ่งมีชีวิตที่ไม่น่ามีชีวิตที่สุดอย่างไอ้เด็กอัคคีนี่ด้วย!!!
“ถึงกับอึ้งเลยเหรอลุง” อัคคีว่าขำๆแล้วเดินไปปิดก๊อกน้ำเป็นสัญญาณว่าวันนี้เขามีความสุขที่ได้แกล้งคนแก่เพียงพอแล้ว
“เลิกเรียกกูว่าลุงซะทีเถอะ ไม่ได้แก่ขนาดนั้นเว่ย”
“ห่างกัน14ปีนี่เรียกว่าไม่แก่เหรอลุง?” เด็กหนุ่มยักคิ้วหลิ่วตา “ระยะเวลาพอให้เด็กทารกโตเป็นสาวเลยนะนั่น”
“ไอ้อัค!!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆ หน้าลุงตอนนี้ตลกชะมัดเลยว่ะ แกล้งคนแก่แล้วมันอารมณ์ดีจริงจริ๊ง” ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ผิวปากเดินเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์ดี ผิดกับอารมณ์ของชลธีลิบลับทั้งๆที่พื้นที่ห่างกันเพียงรั้วกั้นเท่านั้น
ชายวัยกลางคนกระแทกแฟ้มเอกสารลงกับโต๊ะหินอ่อนแรงๆอย่างไม่กลัวบุบสลาย ตามมาด้วยการกระแทกตูดนั่งแรงๆเป็นการระบายอารมณ์เคียดแค้นที่ทำอะไรไม่ได้ ชลธีพยายามเอาน้ำเข้าลูบโดยบอกตัวเองว่ามันแค่เด็กน่าจะไปเอาอะไรกับมันล่ะ....
เขาถอนหายใจพลางใช้นิ้วมือคลึงที่หัวคิ้วเบาๆเพื่อผ่อนคลายด้วยเพราะอารมณ์แบบนี้คงไม่ทำให้เขาสะสางงานได้แน่ๆ แล้วถ้างบประมาณไม่เสร็จภายในวันนี้พรุ่งนี้เขาจะเอาอะไรไปเสนอที่ประชุมล่ะ คิดไปมือก็ลูบปลายคางทีเริ่มมีหนวดเคราขึ้นบางๆเพราะไม่มีเวลาดูแลตัวเอง พนักงานบริษัทเป็นอาชีพที่ไม่สร้างสรรค์อย่างที่มารดาเขาเคยพูดไว้จริงๆเสียด้วย แต่เมื่อเลือกเดินทางนี้แล้วยังไงก็ต้องเดินไปให้สุดถนนสายนี้เท่านั้นแหละ....
ชลธีเป็นชายหนุ่มวัย35ปี และเป็นมนุษย์เงินเดินในบริษัทผลิตเครื่องดื่มบรรจุขวดแห่งหนึ่ง.... ช่างเป็นชีวิตที่จืดชืด...ใครๆก็บอกเช่นนั้น และที่จืดชืดยิ่งกว่าก็คือชายวัย35ปีที่ยังโสด!!!!!!!!
‘เอาวะ....ผู้ชายแก่ใช่จะหาเมียไม่ได้นี่หว่า’ เขาพร่ำบอกตัวเองทุกวัน
อันที่จริงเขาไม่ใช่ผู้ชายไร้เสน่ห์อะไรหรอก ใบหน้าของชายหนุ่มหล่อเหลาไม่แพ้ใครในสมัยเรียนเลย เขามีโครงหน้าที่สมบูรณ์แบบเสียจนเพื่อนๆพากันอิจฉา มีรอยยิ้มที่เร้าอารมณ์หญิงสาว แถมยังเป็นนักกีฬาบาสของมหาลัยด้วยความสูง180เซ็นอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเขาเป็นเพอร์เฟคแมนเลยล่ะ
แต่แล้วก็เหมือนฟ้าเล่นตลก ความเพอร์เฟคของเขาเหมือนดาบสองคมที่ย้อนกลับมาทำลายตัวเขาเองช้าๆ...
‘กูไม่เอาคนนี้หรอก...แค่ควงเล่นๆน่า ชอบโทรจิกน่ารำคาญจะตาย’
‘คนนี้เหรอ...ไม่ไหวมั้ง ตาเขาโตไม่เท่ากันเกิดลูกกูออกมาแบบนั้นอายเขาตายเลย’
‘พอแอบจับมือแล้วมือสากว่ะ ไม่ไหวๆไม่ใช่สาวน้อยบอบบางจริงๆนี่หว่า’
‘เมาแล้วเลื้อย เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี คนนี้ตัดทิ้ง’ และอื่นๆอีกมากมายที่ทำให้สาวๆค่อยๆเก็บกระเป๋าลากออกไปจากชีวิตเขาทีละคนๆ แรกๆชลธีก็ยักไหล่ไม่แคร์สื่ออยู่หรอก แต่หลังๆเพื่อนเขาแต่งงานกันจนอุ้มลูกกันไปหมดแล้วถึงได้สำเหนียกว่าตัวเองได้ก้าวขึ้นคานไปแล้วครึ่งตัว!!!!!
ตอนแรก....อยากได้คนที่ดีพอ...
ต่อมา.....อยากได้คนที่พอดี.... แต่ตอนนี้......ขอแค่มีก็พอ!!!!!!!!! แล้วไอ้เพื่อนๆทั้งหลายก็ชอบอุ้มลูกมาอวดเขาอยู่เรื่อย แถมยังพูดจาเยาะเย้ยว่าไอ้นิสัยช่างเลือกของเขามันทำให้เขาเป็นโสดอยู่ถึงทุกวันนี้ นี่สินะที่เขาเรียกว่าหัวเราะทีหลังดังกว่า ไอ้ครั้นจะกลับไปรีเทิร์นกับสาวๆที่เคยคบกัน พวกเธอก็เล่นแต่งงานมีลูกมีผัวกันไปหมดแล้ว....
“เอาวะ เป็นหนุ่มโสดเท่จะตาย”
ชลธีพึมพำพลางพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อลุยงานต่อ เพราะตอนนี้ไม่มีสัตว์นรกตัวใดมาคอยกวนใจเขาแล้ว ใช่แล้ว...ไอ้เด็กข้างบ้านนั่นแหละตัวหายนะของชีวิตของชลธี!!!! ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหุ้นส่วนของเขาทั้งสองคนก็ออกจะเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ทำไมนะ...ทำไมถึงคลอดไอ้เด็กเวรนี่ออกมาได้!!!
อัคคี...แม้แต่ชื่อก็รู้ว่าเป็นศัตรูกับเขา มันเป็นเด็กเวรตะไลข้างบ้านเขาเอง เพราะเป็นหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่ใกล้กับบริษัทที่สุด ทำให้พนักงานจำนวนมาอาศัยอยู่ที่นี่ แต่น่าแปลกที่พ่อแม่ของอัคคีซื้อบ้านไว้แต่ดันไม่มาอยู่ แถมยังทิ้งระเบิดลูกยักษ์ให้อาศัยอยู่ในบ้านคนเดียวด้วย บางครั้งชลธีก็แอบวางแผนการฆาตกรรมในใจทุกครั้งที่หยิบโคนันขึ้นมาอ่าน อ๊อ...ว่าไปนี่เขาอายุขนาดนี้แล้วทำไมโคนันมันยังไม่โตอีกวะ....ชลธีไม่เข้าใจจริงๆ
แม้ว่าอัคคีจะเป็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาดีมากคนหนึ่งแต่นิสัยของเขากลบหน้าตาไปหมด เขากำลังศึกษาอยู่ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ในมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ด้วยวัย21ปี พูดง่ายๆก็คือตอนนี้เรียนอยู่ปี3นั่นแหละ แรกๆชลธีไม่เข้าใจว่าทำไมอัคคีถึงแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวในบ้านเดี่ยวหลังนี้.....แต่หลังจากได้ใช้ชีวิตรั้วติดกันมานานถึง8ปีแล้วก็ค้นพบความจริง...
.....พ่อแม่คงทนมันไม่ได้สินะ.....คงเป็นความอับอายของวงศ์ตระกูลที่มีลูกแบบนี้.... ตอนแรกที่ครอบครัวนั้นย้ายเข้ามาอัคคีมีอายุเพียง13ปีเท่านั้น ชลธียังจดจำแววตาซื่อใสของเด็กชายตัวผอมๆที่มาเกาะรั้วบ้านแล้วส่งยิ้มให้เขาชวนออกไปวิ่งเล่นด้วยกันทุกวัน
‘พี่ชลไปวิ่งเล่นกับอัคนะครับ’ แต่พออยู่กันไปได้สักพักอัคคีก็เริ่มโตเป็นวัยรุ่น ช่วงมัธยมปลายเนี้ยแหละเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ เมื่อคุณหุ้นส่วนที่รักทั้งสองย้ายไปอยู่ที่อื่นกันแต่กลับทิ้งเด็กนี่ไว้เป็นผีเฝ้าบ้านแทน
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่อัคคีกลายเป็นเด็กนรกที่ชลธีนึกอยากจะวางเพลิงข้างบ้านวันละหลายๆรอบ ถ้าไม่ติดว่ากลัวมันจะลามมาถึงบ้านเขาล่ะก็นะ
จาก‘พี่ชล’....กลายเป็น ‘ลุง’
มึงจะอัพอายุให้กูเร็วไปไหนวะ!!!! อัคคีกลายเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาในรอยยิ้มกวนๆกับคิ้วหนาๆที่ชวนให้เส้นประสาทที่เท้าชลธีกระตุกทุกครั้งไป เด็กนี่ชอบมาเล่นหน้าเล่นตาให้เขาประสาทเสียอยู่เรื่อย จากเด็กผอมๆแห้งๆกลายเป็นชายหนุ่มหุ่นนักกีฬาที่สูงกว่าเขาราว7-8เซ็นเห็นจะได้ มันเนี้ยแหละทำให้ชลธีได้รู้ซึ้งถึงพัฒนาการเด็กว่ามันเป็นเรื่องน่ากลัวขนาดไหน รู้อย่างนี้เขาชิ่งฆ่าปาดคอมันเสียตั้งแต่ยังเล็กก็ดี
เรื่องวีรกรรมไม่ต้องพูดถึง....ถ้ามีประกวดเรียงความเรื่องนี้ ชลธีมั่นใจมากกว่าเขาจะต้องสอยมาสักรางวัลแน่ๆ ไอ้เด็กไฟบรรลัยกัลป์ชอบขนกองทัพเพื่อนนรกของมันมาทุกๆวันศุกร์แล้วมากินเหล้าส่งเสียงดังอยู่ในบ้าน บางครั้งมีเปิดเพลงเต้นกันยังกับผับ ไอ้ครั้นชลธีจะไปปลุกระดมชาวบ้านมาด่าก็ทำไม่ได้เพราะบ้านหลังข้างๆในระแวกนั้นต่างเป็นบ้านที่เจ้าของซื้อทิ้งไว้แล้วไม่มาอยู่ บาปกรรมนี้จึงตกเป็นลิขสิทธิ์ของชลธีแต่เพียงผู้เดียว....
นอกจากเรื่องหลักๆทั่วไปแล้วยังมีเหตุการณ์เมื่อสี่ปีที่แล้วที่เขาเผลอทำกระต่ายที่เลี้ยงไว้หลุดออกจากกรง วิ่งหาซะทั่วบ้าน รู้อีกทีก็ตอนที่มีเสียงโหวกเหวกโวยวายหน้าบ้าน ภาพที่เห็นทำเอาชลธีอดข้าวไปหลายวัน....กระต่ายแสนรักของเขานอนแน่นิ่งอยู่ใต้ล้อรถคันงามของไอ้อัคคี...
ตอนนั้นมันเอาแต่ขอโทษขอโพยเขา แต่เขาเองก็ไม่ยอมตอบอะไรมันนอกจากอุ้มศพกระต่ายผู้โชคร้ายไปฝังเท่านั้น ชลธีสะเทือนใจกับเหตุการณ์ครั้งนั้นมากจนไม่กล้าเลี้ยงสัตว์อะไรอีกเลย เขาโทษตัวเองว่าเป็นคนประมาทปล่อยมันออกมาเอง แต่ลึกๆในใจก็นึกโกรธอัคคีที่ถอยรถไม่ดูตาม้าตาเรือนั่นแหละ...
ช่วงนั้นมันก็สำนึกไปช่วงหนึ่งถึงกับไม่กล้ามาเล่นหัวเขาอยู่สักพัก แต่พอเวลาผ่านไปนานๆก็กลับมาแหย่เขาใหม่อยู่ดี โดยเฉพาะช่วงเย็นของทุกวันที่เขาจะหอบงานออกไปนั่งทำในสวนเหมือนเช่นวันนี้ มันจะกลายเป็นไพร์มไทม์ให้ไอ้เด็กนี่ล้อเลียนเขาเล่นอยู่นั่นแหละ แรกๆชลธีก็ยึดคติเล่นกับหมาหมาเลียหน้าอยู่แหละ แต่ด้วยความสามารถในการทำลายล้างของอัคคีสูงเกินเขาจะรับไหวจริงๆ เลยกลายเป็นว่าต้องมีเรื่องกันทุกครั้งก่อนเข้าบ้าน นี่ถ้าลูกน้องในบริษัทมาเห็นก็ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเหมือนกัน.....
เสียงขูดขีดปากกาปลายแหลมกับกระดาษสีขาวหยุดลงแล้ว.... ชลธีปิดแฟ้มลงก่อนจะเอนตัวลงกับพนักพิงด้วยความเหนื่อยล้า.... ที่เหลือก็แค่นำเสนอแผนงานพรุ่งนี้เท่านั้น... หัวสมองของเขาทำงานอย่างเป็นระบบมันเริ่มวางแผนว่าจะไปนอนแช่น้ำอุ่นๆให้หายเมื่อย ตามด้วยหนังสักเรื่อง ดูไปกินข้าวไป แล้วก็ค่อยเข้านอน....
“อ้าว....ไม่เจอแป๊บเดียวแก่ตายแล้วเหรอลุง” แต่สมองไม่ได้ประมวลผลข้อนี้เอาไว้เสียด้วย....
อัคคียักคิ้วหนาๆนั่นให้พลางผิวปากล้อเลียน อ๊อ....ดูจากชุดแล้วน่าจะออกไปร่อนข้างนอก
“ไอ้เด็กใจแตก” ชลพึมพำ
“ใครจะอยู่ติดบ้านแห้งเหี่ยวเหมือนลุงล่ะ” เขาว่ากันว่าหูเด็กหนุ่มประสาทดีนี่ถ้าจะจริง “ลุงก็ออกไปเที่ยวด้วยสิ จะได้หาเมียกับเขาได้สักที”
“......” ชลเงียบเป็นคำตอบเพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด โดยเฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าไอ้เด็กนี่ที่ไรความสุขุมเป็นผู้ใหญ่ของเขาหายหมด
“เฮ้อออออออออออออ....เพิ่งจะสามสิบห้า หูตึงไปซะแล้วเหรอ น่าสงสารจัง”
“......................”
“เฮ้!!!!! ลุง!!!!!!” อัคคีไม่เคยย่อท้ออะไรง่ายๆอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องแกล้งเหยื่อข้างบ้านนี่ของชอบเขาเลยล่ะ ชายหนุ่มเดินไปเกาะรั้วบ้านที่สูงประมาณอกเขาแล้วยักคิ้วใส่อีกคน “ไปเที่ยวกันป่ะ”
“ไม่ไป....”
“อ๊อ....ผมลืมไป” เขาดีดนิ้ว “ลุงกลัวเขาตรวจบัตรแล้วอายุเกินใช่ป่ะ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
“ไอ้อัค!!!! อย่าอยู่เลยมึง!!!!!!!!!!!”
ความสุขุมสลายหายไปกับอากาศ เมื่อชลธีถลาเข้าไปบีบคอเพื่อนบ้านหมายมั่นว่าจะให้ตาย อัคคีหัวเราะเสียงดังลั่นแม้ว่าจะเกือบถูกปลิดลมหายใจก็ตาม เขาดิ้นหนีจนหลุดออกมาจากสองมือนั่นได้ไม่ยากนัก ก่อนจะเดินควงกุญแจรถผิวปากเป็นเพลงอย่าอารมณ์ดีที่ทำให้ชายวัยกลางคนหัวเสียได้...
.....ดีใจยิ่งกว่าได้ออสก้าอีกว่ะ..... เขาหัวเราะเบาๆตอนที่ปิดประตูรถแล้วออกสตาร์ทราตรีนี้ อัคคีถอยรถออกจากบ้านแต่ก็ยังมิวายขยับกระจกหลังดูอาการของเหยื่อที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนวางแผนจะขว้างก้อนหินเข้าไปในบ้านเขาแล้วอดขำไม่ได้....
....ไม่มีอะไรสนุกเท่าแกล้งคนแก่อีกแล้ว.... ชลธีเป็นตัวคลายเครียดชั้นดีสำหรับเขา ไม่รู้ว่าทำไมเวลาได้เห็นตาลุงใส่สูทผูกไทด์ข้างบ้านฟิวส์ขาดลุกขึ้นมาโวยวายเป็นเด็กยิ่งกระตุ้นเอ็นโดรฟินในตัวเขาเสียทุกทีเลย กลับมาจากมหาลัยเรียนเครียดๆ แต่พอเจอหน้าอำมหิตเหมือนจะขวิดคนตายของชลธีแล้วเป็นอันหายเครียดทุกที
เขาเสยผมลวกๆพลางกดเปิดกระจกรับลมผสมกลิ่นควันรถจากภายนอก มุมปากยกยิ้มเมื่อยังนึกถึงภาพใบหน้าเมื่อกี้ไม่หาย...
ชลธีเหรอ?
....น้ำอะไร....เดือดเป็นไฟเลยนะลุง.................................................................................
..................................................
.....................................
..................
ตั้งแต่จำความได้ชลคิดว่าเขาไม่เคยไปทำให้ใครเดือดร้อนมากมาย ส่วนมากก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่รู้ว่าในอดีตชาติปางไหนเขาไปทำบาปกรรมอะไรกับใครไว้.....มันถึงได้ย้อนกลับมาแทงเขาแบบนี้!!!!!!!
“อ้าวนั่น....ยกไหวมั้ยน่ะลุง”
“เงียบไปเลยนะไอ้อัค กูยกเองได้เว่ย!!!!!!”
ชลธีหันไปตวาดคู่กรณีที่ยังคงลอยหน้าลอยตาเดินตัวปลิวไปสนใจจะช่วยเขาเลยแถมยังมีผิวปากเป็นเพลงกินตับอีก.....โอ๊ย....อยากจะเอากระถางต้นไม้ในมือทุ่มกลางกบาลมันเสียจริง
นรกตกใส่กลางหัวแต่เช้า!!!! เมื่อคุณนายแม่ของอัคคีมาเคาะประตูเรียกเขาแต่เช้าด้วยมิตรไมตรีเอาของฝากจากสิงคโปร์มาให้ ชลกระดิกหางดีใจกับช็อกโกแลตยี่ห้อโปรดได้ไม่นานก็อยากจะเขวี้ยงกล่องขาวๆนั่นทิ้ง....
‘ชลจัดสวนเป็นใช่มั้ยจ๊ะ พี่ฝากช่วยไปจัดสวนที่บ้านพี่หน่อยนะ ตาอัคไม่ดูแลจนต้นไม้ตายไปหลายต้นเลย’
มันจะไม่ตายได้ไงครับ.... ลูกคุณนายเล่นรดน้ำกวนตีนผมทุกเย็นซะขนาดนี้ รากไม่เน่าก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว... แล้วที่พี่เอากล่องช็อกโกแลตยัดปากผมตั้งแต่เปิดประตูมานี่ไม่ใช่ว่าบังคับกันกลายๆแล้วหรือไง?.... ชลเลยต้องกล้ำกลืนฝืนทนพยักหน้าตอบรับไปทั้งๆที่ในใจส่ายหน้าจนหัวหลุดออกมาแล้ว
สภาพเหตุการณ์จึงเป็นดังที่เห็นนี้ ผู้ชายสองคนที่กำลังต่อสู้กับอากาศร้อนและของหนักในศูนย์กลางแหล่งจำหน่ายต้นไม้อย่างจตุจักร อ๋อ...ไม่สิ ที่กำลังต่อสู้อยู่น่ะมันแค่นายสายน้ำคนเดียว.....
“เฮ้ย!!!! เลิกเดินตัวปลิวแล้วมาช่วยยกเดี๋ยวนี้เลย ผู้ชายอะไรเรียนวิศวะซะเปล่า....ตุ๊ดเปล่าวะ”
“ลุงนั่นแหละตุ๊ด เป็นนักบาสเก่าไม่ใช่แบกแค่นี้ทำเป็นบ่นนะ”
คนรับใช้ชะงักไปนิดนึง....แอบตกใจที่เด็กหนุ่มจำได้ด้วยว่าเขาเคยเป็นนักบาสมาก่อน....ถ้าจำไม่ผิดเขาเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังตั้งแต่สมัยที่ยังญาติดีกันอยู่นี่นา..... ไม่น่าเชื่อว่าจะจำเรื่องของเขาได้....
“เอ๊า!!เหม่ออะไรน่ะลุง คนอุตส่าห์ช่วยถือเห็นทำหน้าเบ้จนตีนกาขึ้นมาหมดแล้วเนี้ย”
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย!!!!! เลิกกวนตีนกูซะทีคร้าบบบบบ คุณชาย!!!!!!” อัคคีหัวเราะแล้วสอดมือเข้าไปช่วยประคองกระถาง จนมือพวกเขาสัมผัสกันเบาๆ.....ชลสะดุ้งเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแถมยังเดินแร๊ฟเพลง ’กรุณาฟังให้จบ’ โชว์สาวๆที่เดินผ่านไปมาอีก..... ชลธีแทบเอาหัวมุดกระถางด้วยความอับอาย เข้าใจว่าวัยรุ่นชอบโชว์อ๊อฟ....แต่หนุ่มอ๊อฟฟิตอย่างเขามันเลยวัยแบบนั้นไปนานแล้ว...
แดดร้อนๆส่งผลให้มือของทั้งคู่เหนียวไปด้วยเหงื่อจนชลรู้สึกอึดอัดเพราะมือของไอ้เด็กนี่ทับเขาอยู่เต็มๆเลยน่ะสิ..
เขาขยับพยายามดึงมือออก “อัค...มึงถือคนเดียวละกันมือกูเป็นเหงื่อหมดแล้ว”
“ไม่!!!!!!” ไม่ว่าเปล่าอัคคียังคว้าหมับเข้าที่มืออีกฝ่ายเสียแน่น “ลุงห้ามเอามือออกนะ”
“เรื่องอะไร...กูถือมาตั้งไกลแล้วตามึงบ้างสิ” ชลธีดิ้นขืนมือออก ซึ่งไม่ยากเย็นเท่าไหร่นักเพราะเหงื่อที่ขับออกมาเป็นตัวหล่อลื่นชั้นดี แต่ที่เขาคาดไม่ถึงน่ะ.....
ตุบ!!!! อัคคีวางกระถางลงกับพื้นหน้าตาเฉย เขาจ้องหน้าคนเตี้ยกว่าอย่างท้าทาย “ถ้าลุงไม่ช่วยผมแบกงั้นเราก็ทิ้งกระถางไว้ที่นี่แหละ”
“เออ...สวนบ้านมึงกูไม่เกี่ยว”
“เออ...รับปากแม่ผมแล้ว ผมไม่เกี่ยว”
จึ๊ก!!! เข้าไปกลางใจคนแก่เลยทีเดียว หน้าที่การงานที่ค้ำคอทำให้เขายังต้องมาตามง้อคุณหุ้นส่วนนี้....ให้ตายเหอะ เขาอยากกลับไปเป็นเด็กมหาลัยที่ไม่พอใจใครก็ซัดหน้ามันซะเลย ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครจะโดนเป็นรายแรก
ฝ่ายอัคคีเห็นชลทำหน้างอเกินความจำเป็นจนเหมือนจะระเบิดออกมา เขาเลยต้องพลิกลิ้นไม่ให้เสียบรรยากาศ “ก็ผมแบกคนเดียวไม่ไหวอ่ะลุง กระถางเหี้ยไรโคตรหนักเลย”
“อย่ามาสำออยครับคุณชายอัค มึงเป็นนักกีฬาเหมือนกันไม่ใช่”
“โห....ลุงอ่ะ ผมยังหนุ่มๆนะครับ ใครจะไปถึก อึด ตึงแบบลุงล่ะ”
หนอย....ไอ้นี่มึงกล้าพูดนะ มึงตัวใหญ่กว่ากูอีกได้มั้ย แสรดดดดดดดดดดดดดดดด!!!! เมื่อเห็นว่าเถียงไปก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง สุดท้ายก็ได้ภาพผู้ชายสองคนช่วยกันยกกระถางในขณะที่มือกุมกันไว้ตลอดเวลา.... อัคคียิ้มอย่างผู้ชนะกับมืออุ่นๆในอุ้งมือเขา....
เขาก็แค่เห็นหน้าชลธีแล้วอยากจับมือ.....ไม่เห็นแปลกเลยนี่?TBC
แอบแวบมาลงเรื่องสั้นค่ะ จบภายในสามตอนนะคะ เพิ่งเคยเขียนเรื่องสั้นครั้งแรกไม่รู้ออกมาเป็นไงบ้าง
คราวนี้ลองเขียนแบบบรรยายโดยบุคคลที่สามดูบ้าง อ่านรู้เรื่องไม่รู้เรื่องบอกด้วยนะคะ จะนำไปปรับปรุงแก้ไขค่ะ

เราไม่ดองลุงแน่นอนค่ะ เพราะจะดองเด็กแทน เอ้ย!! ไม่ใช่!! ไว้เดี๋ยวจะมาทยอยลงให้จบนะคะ
หวังว่าทุกคนจะชอบลุงชลกับเด็กอัคนะ
ประกาศ!!! คนเขียนมีแฟนเพจแล้วนะคะ เข้าไปกดไลท์ด้วยล่ะ บังคับ!!
Indigo's Fan pagePS.คินไปป์รอแป๊บนะจ๊ะ ขอไปปั่นงานให้เสร็จก่อน ฟิ้ววววววววววววววววว