“คราวนี้มันมากไปแล้วนะ โทโมะ”
น้ำเสียงนิ่งเย็นที่มักจะเคยได้ยินเสมอตอนที่วายะโกรธจัดกลับมาให้ได้ยินอีกครั้ง โทโมกิเบิกตากว้าง แล้วก็ถูกจิกผมดึงให้เงยหน้าขึ้น
“ฉันไม่เคย...สอนแก...ให้เป็นคนแบบนี้...ไม่เคยสอน...ให้ทำแบบนี้กับใคร” วายะพูดพร้อมกับประเคนฝ่ามือเข้าที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มตามจังหวะการพูด
โทโมกิรู้สึกเหมือนตกอยู่ในฝันร้ายอย่างกะทันหัน วายะทำร้ายเขา...ในเรือนใหญ่ของบ้านโอโนเสะนี่นะ!?
“แกกล้าดียังไง ถึงได้เหยียดหยามคนอื่นแบบนี้ได้! แกมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้กับฉัน! ฉันไม่เคยสอนแกให้ดูถูกใครแบบนี้! แล้วแกกล้าดียังไง!!”
รสสัมผัสของความรุนแรงที่ไม่เคยได้รับมานาน ทำให้โทโมกิจดจำได้ถึงความหวาดกลัวที่มีต่อผู้ชายคนนี้ และครั้งนี้มันรุนแรงกว่าทุกครั้งที่เคยเกิดขึ้น วายะทุบตีเขาไม่นับและไม่เลือกว่าจะหวดลงไปโดนตรงไหนบ้าง เจ็บไปหมดทั้งตัว คราวนี้วายะไม่ออมมือเลย...แล้วอีกเดี๋ยวคงจะฆ่าเขาให้ตาย
ตาย...? ไม่เอา...เขายังไม่อยากตาย...
“ชะ...ช่วยด้วย ช่วยด้วย!!” โทโมกิตะโกนออกมาสุดเสียง แล้วก็ถูกวายะตบสุดแรงจนถลาล้มไปกระแทกเสาห้อง
วายะเดินเข้าไปกระชากคอเชิ้ตของเด็กหนุ่มดึงขึ้น เสียงร้องของโทโมกิเรียกให้คนทั้งบ้านมุ่งหน้ามาที่นี่
“ฉันไม่เคยสอนแกให้ทำแบบนี้ ไม่เคย! อย่าทำแบบนี้กับใครอีก! ไม่ใช่ว่าแกมีท่านประธานคุ้มหัวอยู่แล้วแกจะดูถูกใครได้หรอกนะ จำไว้ด้วย! เข้าใจมั้ย โทโมะ!”
เสียงตะคอกของวายะแว่วผ่านเข้ามาในจิตใต้สำนึก ภาพของชายที่อยู่ตรงหน้าพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตาแห่งความกลัว...ใช่...ไม่ว่าจะเกลียดหรือกลัวสักแค่ไหน เขาก็ไม่เคยมีอำนาจเหนือวายะเลย ที่แล้วมาที่เขากล้าทำลงไปแบบนั้นก็เพราะวายะยอมลงให้เขามาตลอด...เขาไม่เคยมีอะไรเลย
เด็กหนุ่มพยักหน้าน้อย ๆ
“ขะ...ขอโทษ...ขอโทษ...ชุน...”
เสียงนั้นกระซิบเหมือนเพ้อ และนั่นทำให้วายะรู้สึกตัว เสียงฝีเท้าข้างนอกนั้นไม่ได้ทำให้เขาตกใจมากไปกว่าสภาพของโทโมกิที่ค่อย ๆ รูดลงไปนอนกับพื้นเมื่อเขาปล่อยมือ
“...โทโมะ...”
วายะรีบขยับจะรวบร่างนั้นขึ้นมา แต่ก็ถูกกระชากตัวออกห่างจากโทโมกิ
“วายะ! แกทำอะไรคุณหนู!? แกทำบ้าอะไรเนี่ย!?”
เสียงตะโกนสับสนวุ่นวาย แต่ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรออกไป เขาแทบไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้นเสียด้วยซ้ำ กำปั้นแข็ง ๆ กระหน่ำลงบนร่างของเขาในขณะที่ถูกลากออกห่างจากโทโมกิไปทุกที วายะไม่ได้ขัดขืนหรือป้องกันตัว...มันสมควรแล้วกับสิ่งที่เขาทำลงไป ทั้งที่สาบานกับตัวเองแล้วว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก...มันสมควรแล้ว...
...
วายะนั่งนิ่งอยู่ในคุกใต้ดินของบ้านโอโนเสะในเสื้อผ้าชุดเดิมที่มีรอยคราบเลือดของตัวเองเปรอะเปื้อนอยู่ แววตาทอดมองไปยังผนังเหม่อซึม เขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าอยู่ในนี้มากี่ชั่วโมงแล้ว รู้แค่ว่าสุดท้ายโอโนเสะจะมาพบเขาเพื่อพิพากษาโทษ
...และคงไม่พ้นโทษตาย...
เสียงฝีเท้าลอยมากระทบหู แต่วายะไม่ได้ขยับตัว กระทั่งเสียงนั้นมาหยุดลงตรงหน้าประตู
“ลองตัดหูสักข้างหรือตัดนิ้วสักนิ้วดีมั้ย วายะ?” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น
วายะไม่สนใจคำถามนั้น แต่ถามกลับไป “โทโมะ...เป็นอะไรมากมั้ย?”
“จะเหลือเรอะ” เสียงของโอโนเสะฟังดูหงุดหงิด “แต่ให้หมอจัดการแล้ว ปลอดภัยแล้วละ”
“งั้นก็ดี...”
“ดีบ้าอะไร! พวกแกนี่มัน...ให้ตายสิ ฉันคิดผิดใช่มั้ยที่ยอมเปิดโอกาสให้แกแก้ตัวน่ะ!” โอโนเสะตะโกนแล้วก็เดินไปลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าประตู “ไหน บอกมาซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น!?”
“เรื่องงี่เง่าน่ะ...” คิดดูแล้วมันงี่เง่าจนไม่น่าจะรับได้เสียด้วยซ้ำ
“จะงี่เง่าแค่ไหนก็เล่ามา ฉันจะได้รู้ว่าฉันควรจะฆ่าแกให้ตายอย่างทรมานแค่ไหนดี”
ฟังจากน้ำเสียงแล้ว วายะรู้ดีว่าโอโนเสะกำลังโกรธมาก เขาเคยได้ยินโอโนเสะพูดแบบนี้เพียงครั้งเดียวเมื่อตอนที่เกิดเรื่องร้ายขึ้นกับคิริฮาระเมื่อหลายปีก่อน...ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบัง วายะจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้โอโนเสะฟังทั้งหมด
หลังจากฟังจบแล้ว โอโนเสะก็นิ่งเงียบไปเป็นครู่
“...งี่เง่า แต่ก็มีเหตุผลพอที่จะงี่เง่า...”
วายะหัวเราะเบา ๆ กับคำพูดของผู้เป็นนาย
“แกผิด แต่โทโมกิผิดมากกว่า...ให้ตายสิ ฆ่าทิ้งเสียทั้งคู่ดีมั้ย” โอโนเสะขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิด
“โทโมะไม่ได้ผิดขนาดจะต้องเจ็บหนักแบบนั้นหรอก”
“อ้อ มาสำนึกได้เอาตอนนี้เรอะ ช้าไปมั้ง” น้ำเสียงนั้นช่างประชดประชัน
วายะเพียงแต่แค่นยิ้ม “มันโดนใจดำพอดีน่ะ...ถ้าอะไรที่ผมจะยอมไม่ได้จริง ๆ...ก็เรื่องโดนดูถูกนี่แหละ”
“แล้วไอ้ที่ผ่านมาแกไม่เคยโดนดูถูกหรือไง ที่ฉันจับขังไปคราวก่อนนี่เป็นเรื่องสนุกสินะ”
“ท่านประธาน...มันไม่เหมือนกัน ถ้าโดนดูถูกเพราะทำความผิดที่สมควรจะโดน ผมไม่ว่าอะไรหรอก แต่ที่โทโมะทำมันอีกเรื่อง ถ้าเด็กตัวแค่นั้นกล้าที่จะทำอะไรแบบนั้น พอโตขึ้นแล้วมันจะเป็นยังไง”
“แต่แกก็ไปฝึกจิตไปบำบัดมาแล้วตั้งเยอะ ทำไมถึงได้จิตหลุดแบบนั้นได้” สิ่งที่วายะทำลงไปมันไม่ใช่ลักษณะของบอดี้การ์ดมืออาชีพแม้แต่น้อย คนพวกนั้นจะต้องฝึกความอดทนกับความกดดันและการรับมือคุณหนูที่เอาแต่ใจขนาดหนักมาแล้วทั้งสิ้น จริงอยู่ว่าวายะไม่ใช่บอดี้การ์ดมืออาชีพที่ผ่านการฝึกมาหลายปีก็เถอะ
“นี่ผมทนมาครึ่งค่อนปีแล้วนะครับ ท่านประธาน...คุณไม่รู้หรอกว่าไอ้ลูกชายคนเล็กของคุณมันแสบแค่ไหน เป็นปกติละก็ผมเฆี่ยนตายไปนานแล้ว” ...เหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรกไม่มีผิด...ประโยคสุดท้ายนั้นเก็บงำไว้ในใจ ตั้งแต่ตอนที่โทโมกิเริ่มออกฤทธิ์กับเขานั้น เวลาได้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว และตอนนี้โทโมกิเองก็กำลังจะขึ้นมัธยมปลายปีสองแล้วด้วย
ที่วายะว่ามามันก็จริง รายงานการฝึกของวายะนั้นออกมาดีมากทีเดียว ถ้าโทโมกิไม่ไปจี้จุดอ่อนเข้าก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก
“แล้วที่แกเป็นโฮสต์ ไม่มีใครดูถูกแกว่าเป็นผู้ชายขายตัวหรือไง?”
“ไม่มีใครมาพูดใส่หน้าผมแบบนั้นนี่” ถ้าจะมี...ก็โทโมกินี่แหละ...
โอโนเสะมองหน้าอดีตโฮสต์หนุ่ม “วายะ...ทำไมคนอย่างแกถึงจะโดนดูถูกไม่ได้?”
“ไม่ใช่ไม่ได้ แต่มันต้องให้ถูกเรื่อง...ผมโดนคนดูถูกโดยที่ผมไม่ผิดมาเยอะแล้ว ผมจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นอีกแล้ว” พูดถึงตรงนี้แล้วดวงตาของชายหนุ่มก็เป็นประกายวาบขึ้นมา
“เพราะเรื่องชาติกำเนิดของแกใช่มั้ย?”
“หมอปากหมานั่นเล่าให้ฟังเหรอ?” คำพูดนั้นหมายถึงมาซาฮิเดะ ที่มีนัดบำบัดกันเมื่อไรเป็นต้องได้ทะเลาะกันทุกที
“เล่าบางเรื่อง ยังมีเรื่องที่ไม่รู้อีกเยอะ อยากเล่าให้ฟังมั้ยล่ะ?”
วายะกรอกตาอย่างลังเลนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “ก็ดี เล่าไว้เป็นตำนานก่อนตาย...ว่าแต่ท่านประธานได้ฟังถึงไหนล่ะ เรื่องผมไม่มีพ่อ เรื่องที่ผมเป็นอันธพาล หรือเรื่องที่ผมก่อคดีไว้ที่บ้านเกิด”
“ได้ฟังหมดแล้วทุกเรื่อง แต่ไม่ลงรายละเอียด...เล่าให้ฟังแบบละเอียด ๆ ได้มั้ย?”
“...ก็ได้”
แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็พรั่งพรูออกมาจากปากของชายหนุ่มเช่นเดียวกับตอนที่เล่าให้หมอมาซาฮิเดะฟัง ต่างกันแค่เพียงครั้งนี้เขาเล่าด้วยความสุขุมเยือกเย็นไม่ได้เต็มไปด้วยอารมณ์และความสับสนเท่าครั้งก่อน ซึ่งหลายเรื่องหลายตอนก็ทำให้คนฟังแทบจะลืมหายใจ
“...วายะ” โอโนเสะเอ่ยขึ้นหลังจากฟังเรื่องราวของวายะจบไปสักครู่หนึ่ง
“ครับ?”
“ตอนนี้แกคิดยังไงกับโทโมกิ?”
“เหมือนเดิม ยังอยากได้มาเป็นของตัวเองเหมือนเดิม”
“แล้วรันจังที่บ้านเกิดล่ะ?”
วายะนิ่งอึ้งไปเป็นครู่
“โทโมกิไม่ใช่ตัวแทนของรันจังของแกหรอกนะ”
“...ผมรู้ นั่นเป็นเรื่องเดียวที่ผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน”
โอโนเสะถอนใจแล้วยกมือขึ้นขยี้หัวคิ้ว มีแต่เรื่องวุ่นวายมาให้แก้ไม่หยุดหย่อน
“กลับไปเคลียร์ตัวเองมาซะ”
“เอ๊ะ?”
“กลับบ้านไปเคลียร์ความรู้สึกของแกซะ ถ้ายังเคลียร์ไม่ได้ไม่ต้องกลับมา เลือกเอาว่าแกจะเอารันจังหรือโทโมกิ ถ้าเลือกรันจังก็ไม่ต้องกลับมา ถ้าเลือกโทโมกิ...ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง”
“ก็ผมบอกไปแล้วไงว่ากับรันจังน่ะมันไม่...” วายะเถียง แต่ไม่ทันได้จบประโยคก็โดนดักคอขึ้นมาก่อน
“ขนาดไม่มีหวังแกยังยึดติดกับเขาขนาดนั้น แกอยากได้เขาพอ ๆ กับที่แกอยากได้โทโมกินั่นแหละ แบบนี้แล้วคิดจะจับปลาสองมือหรือไง แกยังหวังอยู่ วายะ...แกยังหวังว่าสักวันรันจังจะเป็นของแก แต่ในขณะเดียวกันอีกใจที่บอกว่าไม่มีหวังแล้วก็คิดจะยึดโทโมกิเอาไว้...ถ้าเป็นแบบนี้ฉันยอมรับไม่ได้หรอกนะ”
ยอมรับงั้นหรือ...โอโนเสะคิดจะยอมรับคนอย่างเขางั้นหรือ...
“...งั้นเหรอ จะกลับไปก็ได้สินะ...” วายะก้มหน้าลงมองมือของตัวเอง...มือนี้...ที่เคยทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
“ตอนนี้แกไม่อยู่สักพักน่าจะดีกว่า โทโมกิต้องการเวลาพักฟื้น”
“แล้วตอนที่ผมกลับมา...”
“ถ้าแกจะกลับมา แกต้องคิดแล้วว่าแกควรจะทำตัวยังไงกับโทโมกิ จะทำยังไงให้เขายอมรับแก...นี่มันเรื่องของแกทั้งนั้น ฉันไม่ยุ่งด้วยหรอก” โอโนเสะลุกจากเก้าอี้ การสนทนาจบลงแล้ว
“เดี๋ยว...แล้ว...จะให้ผมกลับไปแบบนี้เลยจริง ๆ เหรอ?”
โอโนเสะชะงักเท้าแล้วหันกลับมาพูดกับวายะด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ความผิดที่แกมาทำร้ายลูกชายฉัน แกต้องจ่ายแพงชนิดนึกเสียใจไปจนตายเลยละ วายะ”
...
หลังจากวันที่พลั้งมือทำร้ายโทโมกิไปคือนรก วายะต้องจ่ายค่าชดใช้ราคาแพงอย่างที่โอโนเสะบอกไว้จริง ๆ บางครั้งชายหนุ่มก็ยังนึกแปลกใจที่ตัวเองยังทนมาได้จนถึงตอนนี้...ตอนที่ปลายมีดกรีดลงบนผิวหนังที่แผ่นอก เพื่อจะลอกมันออกอย่างที่เขาเคยทำกับโทโมกิ!
เขาคิดว่าวันที่ผ่าน ๆ มาคือที่สุดแล้ว...แต่สิ่งที่ได้รับในวันถัด ๆ มายิ่งเลวร้ายยิ่งกว่า
วายะถูกนำตัวออกจากคุกใต้ดินไปยังลานหน้าหมู่เรือนเล็กอันเป็นที่พักของคนที่ทำงานให้ตระกูลโอโนเสะ ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงสายตาแค้นเคืองและอยากจะฆ่าเขามาจากรอบด้าน...ก็ไม่แปลก ในเมื่อเขาเป็นคนลงมือทำร้ายคุณหนูเล็กของตระกูลนี่นะ ไม่เคยมีใครกล้าทำเรื่องร้ายแรงแบบนี้ในบ้านมาก่อนเลยตลอดประวัติยาวนานของตระกูล
ข้อมือที่ถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยกุญแจมือถูกโยงยึดไว้กับสายโซ่ที่พันอยู่กับบาร์เหล็กที่ปกติเอาไว้ใช้ออกกำลังกาย เสื้อเชิ้ตตัวบางท่ามกลางอากาศเย็นต้นฤดูใบไม้ผลิบอกชัดว่าต่อจากนี้ไปคือการลงโทษ บนลานนั้นมีคนห้อมล้อมอยู่เต็ม ทุกคนมาเพื่อดูการลงทัณฑ์เจ้านักโทษอุกฉกรรจ์คนนี้
ดาบไม้คืออุปกรณ์ในการลงโทษ วายะถูกเฆี่ยนตีไม่นับจนแตกยับไปทั้งหลัง เลือดไหลซึมอาบเสื้อที่สวมอยู่จนแดงฉาน บทลงทัณฑ์อันรุนแรงทำให้ผู้ที่เฝ้าดูอยู่หลายคนถึงกับทำหน้าสยองพร้อมกับระแวงว่าวินาทีใดวินาทีหนึ่งข้างหน้าอาจจะได้ยินเสียงกระดูกของชายหนุ่มแตกก็ได้ แต่ผู้ทำการลงทัณฑ์คือมืออาชีพ ทุกดาบที่กระหน่ำลงไปล้วนแต่โดนจุดไม่อันตรายทั้งสิ้น
แต่ในขณะที่คนดูรู้สึกสยดสยองพร้อมทั้งซึมซับเข้าไปในสมองว่านี่คือโทษสำหรับการแตะต้องคนในตระกูลโอโนเสะ หากนักโทษไม่ปริปากร้องแม้แต่น้อย ไม่มีคำอุทธรณ์ขอให้ลดหย่อนโทษให้ ไม่มีคำร้องขอชีวิต...กระทั่งสติหลุดออกจากร่างไปด้วยไม่อาจทานทนต่อความเจ็บปวดได้อีกต่อไป
บาดแผลบนแผ่นหลังของร่างไร้สติของวายะได้รับการปฐมพยาบาลเพียงคร่าว ๆ และนำตัวเขากลับเข้าคุกใต้ดินไป เพื่อที่จะตื่นมาพบกับวันต่อมาที่โหดร้ายยิ่งกว่า
ถอดเล็บ...คือสิ่งที่เคยเห็นและเคยได้ยินจากในหนังสือหรือภาพยนตร์เท่านั้น หลายคนที่อยู่ ณ ลานหน้าเรือนเล็กนั้นไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นมันเกิดขึ้นจริง ๆ เสียด้วยซ้ำ แม้แต่วายะที่ถูกพันธนาการไว้บนอุปกรณ์ที่ล็อกแขนและขาของเขาไว้ก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเองเสียด้วยซ้ำ...แม้จะทำใจมาแล้วว่าไม่ว่าจะเป็นการลงทัณฑ์แบบไหนก็จะยอมรับไว้ก็ตาม
นิ้วแรก ชายหนุ่มกระตุกเฮือกสุดตัวและกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้องไว้จนเลือดไหลอาบ มันเจ็บ...เจ็บยิ่งกว่าที่เคยเจ็บมาทั้งชีวิต ตอนที่พลาดพลั้งถูกมีดของคู่อริแทงเข้าที่แขนยังไม่เจ็บเท่านี้เลย...ความเจ็บปวดที่ส่วนหนึ่งของร่างกายถูกกระชากออกไปสด ๆ แบบนี้ ถ้าจะมีอะไรเทียบเคียงได้...ก็คงเป็นความรู้สึกที่ถูกพรากโทโมกิไปเมื่อตอนนั้นกระมัง
เคนเดินเข้ามาตบหลังชายหนุ่มที่ฟุบสั่นระริกอยู่กับโต๊ะที่ตรึงมือของเขาไว้
“ร้องออกมาเถอะวะ ไอ้ของแบบนี้...ไม่ว่าใครเขาก็ร้องกันทั้งนั้นแหละ กลั้นไว้ก็ขาดใจตายเปล่าเท่านั้น ไม่ต้องกลัวเสียฟอร์มหรอก ฉันก็ร้องมาแล้ว”
วายะไม่มีอารมณ์มาขำกับคำปลอบติดตลกนั้น แต่อย่างน้อยมันก็เป็นคำแนะนำที่ดี
การถูกถอดเล็บมันทรมานตรงที่มีเวลาหยุดพักให้ความเจ็บปวดบรรเทาลง ดังนั้นแม้อยากจะหมดสติเพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับรู้ถึงความเจ็บปวดก็ทำไม่ได้ ชายหนุ่มยังรู้ตัวเต็มที่เมื่อเล็บเท้าเล็บสุดท้ายถูกกระชากออกไปพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของตน
สภาพของวายะทำให้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรกัน แม้จะรู้ว่าสาสมกันดีแล้วกับความผิดที่เขาก่อขึ้น แต่แค่คิดถึงความทรมานที่เกิดขึ้นนั้น ก็อดที่จะเห็นใจไม่ได้
ตอนที่ทำแผลและฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ มือและเท้าของวายะชาดิกจนแทบจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอะไรอีกแล้ว และจากนี้มันจะเจ็บไปอีกนานจนกว่าเล็บจะงอกออกมาใหม่ ผ้าพันแผลที่พันไว้ให้บาง ๆ ไม่เป็นอุปสรรคกับการเคลื่อนไหวมากนัก แต่ความเจ็บปวดต่างหากที่ขัดขวางเอาไว้ วายะถูกนำตัวกลับไปที่คุกใต้ดินและผ่านค่ำคืนนั้นมาโดยปราศจากยาระงับความเจ็บปวดใด ๆ ทั้งสิ้น
และตอนนี้...โอโนเสะจ้างหมอมาถลกหนังวายะให้เป็นรอยแผลเป็นแบบที่เขาเคยทำกับโทโมกิมาก่อน หากไม่ใช่ที่แผ่นหลัง แต่เป็นที่หน้าอก
“ทุกครั้งที่ส่องกระจก แกจะจำได้ถึงความผิดที่แกเคยก่อขึ้น” โอโนเสะบอกกับเขาอย่างนั้นก่อนที่จะส่งตัวเขาที่บอบช้ำจากการถูกเฆี่ยนและถูกถอดเล็บให้กับหมอ “แต่ไม่ต้องห่วงนะ...แกต้องชอบสิ่งที่ฉันจะสลักไว้ให้แกแน่”
“โทโมกิ” คือคำที่ถูกเขียนลงบนแผ่นอกด้านซ้ายของเขา วายะไม่นึกแปลกใจ...เพราะนามนั้นคือทั้งหมดแห่งความผิด...อย่างน้อยก็ที่เขาก่อขึ้นต่อหน้าโอโนเสะ และจากนี้ไปมันจะอยู่เตือนความจำเขาไปจนตาย
...แล้วเจ้าของชื่อนี้ล่ะ...จะอยู่กับเขาไปจนตายเหมือนบาดแผลนี้ไหม...
ทั้งร่างถูกพันธนาการไว้กับเตียงเพื่อไม่ให้ดิ้น ขลุมปากถูกสวมเพื่อป้องกันเสียงร้องอันจะทำให้หมอเสียสมาธิได้ การถลกหนังโดยไม่ใช้ยาสลบหรือยาชาใด ๆ ทั้งสิ้นนั้น ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะทานทนได้ด้วยจิตใจของตนเอง วายะไม่อาจทนต่อความเจ็บปวดและหมดสติไปหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็จะถูกน้ำเย็นจัดสาดเข้าที่ใบหน้าเรียกให้ตื่นมารับรู้ความทรมานนั้นต่อไป
กระทั่งมันจบสิ้นลง...โอโนเสะเข้ามาตรวจดูผลงานของหมอแล้วเอ่ยชมว่าขอบบาดแผลนั้นคมกริบและสวยงามทีเดียว
ก็ดี...แผลสวย ๆ เวลาใครเห็นจะได้ไม่ต้องอายเขา...
วายะได้พักฟื้นเพียงสองสามวันก็ถูกไล่กลับบ้านเกิด ตามสัญญาที่โอโนเสะให้ไว้ เขายังคงมีไข้สูงและเคลื่อนไหวไม่ถนัดจากการบาดเจ็บ แต่คำสั่งก็คือคำสั่ง ชายหนุ่มรับเงินค่าเดินทางและขอพบโทโมกิอีกสักครั้ง
“โทโมกิยังช็อคไม่หาย ตอนนี้หมอยังให้ยาระงับประสาทอยู่ ไม่รู้ว่าได้สติสมบูรณ์แค่ไหนนะ” โอโนเสะบอก
“แค่เห็นหน้าก็พอ” วายะบอก แล้วก็ได้รับอนุญาต
ร่างที่นอนนิ่งอยู่บนฟูกดูเล็กเหลือเกิน อย่างกับจะจมหายไปในผ้านวมนุ่มอย่างนั้นแหละ วายะค่อย ๆ เข้าไปนั่งใกล้ ๆ ยาคงจะยังออกฤทธิ์อยู่ โทโมกิถึงได้ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยทั้งที่เขาอยู่ข้าง ๆ แบบนี้...เด็กตัวเล็กแค่นี้เอง โทโมกิตัวเล็กกว่าเพื่อนวัยเดียวกันเยอะ หมอบอกว่าอาจเพราะยากล่อมประสาทที่เขาบังคับให้กินเข้าไปทำให้ฮอร์โมนด้านการเจริญเติบโตของเด็กหนุ่มผิดปกติ...แต่ทั้งที่โทโมกิตัวเล็กแค่นี้ เขายังลงไม้ลงมือได้เต็มแรง...เขามันบ้า!
วายะค่อย ๆ สอดมือเข้าไปใต้ร่างเล็กนั้นอย่างเงอะงะ ปลายนิ้วที่เจ็บปวดทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ถนัด แต่กระนั้นเขาก็ยังโอบร่างเล็กขึ้นมากอดไว้แนบอกจนได้
ดวงตาสีดำสนิทปรอยปรือขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงไออุ่นและเสียงต่ำ ๆ เนิบช้าเป็นจังหวะที่คุ้นเคย กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำหอมปะปนด้วยกลิ่นบุหรี่แบบนี้...ไม่มีใครอื่น...
“...ชุน...”
นี่คงจะเป็นความฝัน ชุนไม่มีวันโอบกอดเขาไว้อย่างนี้อีกได้หรอก คืนวันเช่นนั้นไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว...ดังนั้น นี่จึงเป็นความฝัน...โทโมกิบอกกับตัวเองแล้วเบียดกายเข้าหาไออุ่นนั้น...แค่ฝันก็ยังดี เขาอยากได้สัมผัสความอบอุ่นของชุนอีกสักครั้ง
“ขอโทษนะ โทโมะ”
สัมผัสนุ่มนวลบางอย่างแนบลงที่หน้าผาก แล้วร่างของเขาก็ถูกวางลงกับฟูกอีกครั้ง พร้อมกับกลิ่นอายที่ค่อย ๆ ถอยห่างออกไป โทโมกิอยากจะคว้ามือนั้นไว้แต่ร่างกายก็ไร้เรี่ยวแรง
...อย่าเพิ่งไปไม่ได้เหรอ...อยู่กับเขาให้นานกว่านี้อีกนิด...ในความฝันที่ไร้กาลเวลานี้...
หยาดน้ำอุ่น ๆ ไหลรินจากหางตา ริมฝีปากอิ่มขยับน้อย ๆ เอ่ยเรียกชื่อที่ฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ
“...ชุน...”
(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ผลงานชิ้นอื่นๆครับ
Come closer
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=28761.0Daylight
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31210.0Parallel Reality
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31255.msg1811578#msg1811578SINLESS
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18056.0ในค่ำคืนอันเงียบงัน
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17805.0Kiss of Ice-Scream
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18472.0Hilight & Deep shade
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17315.0No word
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31467.0เธอไม่อยู่แล้วหรือ...
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31791.0Dark side Romance
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32265.0Incubus's Dream
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29924.0Incubus's Dream : Sweet Cake with Vodka
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30216.0Oyasumi
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29563.0