“ผมก็คิดแบบนั้น...แต่พอเห็นหน้าเขาแล้ว ก็ถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่...ถ้าในชีวิตนี้จะไม่ได้เจอเขาอีกเลย ผมคงทำใจให้ตัวเองคิดแบบนั้นได้ แต่พอรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน รู้ว่าเขาเป็นยังไง แล้วยิ่งได้เจอหน้า...ผมก็คิดแบบนั้นไม่ได้อีกต่อไป ผมต้องการโทโมะ” ประโยคสุดท้ายหนักแน่น
“โลภมากจริงนะ ทั้งเรทสึทั้งยู นายแบบระดับท็อปไฟว์เกือบทุกคนเธอก็ได้มาหมดแล้วนี่ ยิ่งกับยูเนี่ย ติดเธอเต็มที่เลยไม่ใช่เหรอ ติดสัดขึ้นมาทีไรก็ต้องวิ่งไปหาเธอทุกทีไป หรือว่าเบื่อคนเชี่ยว ๆ แล้วเลยอยากจะสอนเด็กซิง ๆ บ้างล่ะ?” แม้จะเอ่ยเรียบ ๆ แต่มีความไม่พอใจอยู่ในน้ำเสียงนั้น
“ตอนแรกผมก็คิดแค่นั้นจริง ๆ นั่นแหละ แค่เด็กวายร้ายที่อยากจะดัดนิสัย แต่พอลองแล้วก็คิดว่าน่าจะปั้นให้เหมือนคิริยูได้เลยลองทำดู...แล้วมันก็แปลก ที่ไม่ว่ายังไงก็ทำไม่ได้ ทั้งที่ก็สอนเขาเหมือนกับที่สอนคิริยูทุกอย่าง แล้วสุดท้ายก็เป็นผมเองที่ใจอ่อน...เป็นผมเองที่ไม่กล้าหักดิบกับเขา อาจเพราะ...โทโมะเหมือนคนคนนั้นมากเกินไป...” หางเสียงแผ่วโหยทันทีที่ภาพของใครคนหนึ่งในความทรงจำหวนกลับมา
“แบบนี้...เธอก็แค่ต้องการโทโมกิไปเป็นตัวแทนของใครสักคนไม่ใช่เหรอ”
นั่นเป็นสิ่งที่วายะเองก็คิดมาตลอด และมันคงไม่ดีเลยถ้าจะยึดเด็กคนนั้นเอาไว้เพื่อเป็นตัวแทนของคนอื่น เขาจึงยอมปล่อยให้โทโมกิจากไป...แต่ในตอนที่พบเจอกันอีกครั้ง เขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่...
“ผมเคยสูญเสียครับ ท่านประธาน ครั้งแล้วครั้งเล่า คนที่ผมเคยเชื่อว่าจะเป็นของผม หลุดมือผมไปคนแล้วคนเล่า” ดวงตาของวายะเหม่อซึม กล่องแห่งความทรงจำค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ “ครั้งนี้ผมอยากจะเชื่อว่าโทโมะจะเป็นของผมจริง ๆ ไม่สิ...ผมคิดจะทำให้โทโมะเป็นของผมคนเดียวจริง ๆ ถึงได้สลักชื่อของผมลงไปบนตัวเขาแบบนั้น ผมไม่อยากจะสูญเสียเขาไปอีกแล้ว”
โอโนเสะจ้องคนตรงหน้า วายะในตอนนี้ไม่เหมือนวายะที่เขารู้จักเลย โฮสต์หนุ่มปากร้าย ขี้เล่น และไม่เคยมีท่าทีเกรงกลัวใคร แต่ตอนนี้กลับดูแสนเศร้า...ราวกับมีความหลังในอดีตที่แบกรับเอาไว้คนเดียวตามลำพัง ความลับที่ไม่เคยบอกใคร
“ผมแค่อยากให้โทโมะอยู่ข้าง ๆ ตอนกลับบ้านไปก็จะได้เจอเขาที่บ้านทุกวัน...แค่นั้นเอง”
“คนอย่างเธอก็วาดฝันถึงชีวิตครอบครัวด้วยเหรอเนี่ย?”
“หึ...ความหมายต่างกันนิดหน่อยมั้งครับ ผมไม่ศรัทธากับสถาบันครอบครัวอะไรแบบนั้นหรอกนะ” ในน้ำเสียงประชดประชันแฝงความรู้สึกอื่นเอาไว้ด้วย “ก็แค่...เหมือนกลับบ้านไปแล้วมีแมวสักตัวรอให้เราเอาข้าวให้กินอยู่ที่บ้านน่ะ”
โอโนเสะไม่ได้พูดอะไร คนที่มาทำงานกับเขามักจะมาจากครอบครัวที่มีปัญหาบางอย่าง ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป สำหรับวายะแล้วดูเหมือนว่าจะมีแต่แม่อยู่ที่บ้านเกิด ส่วนผู้เป็นพ่อนั้นไม่มีระบุอยู่ในเอกสาร คงเพราะแบบนี้ละมั้ง ที่ทำให้ผู้ชายคนนี้พูดว่าไม่ศรัทธาในครอบครัว
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ท่านประธานแห่งลูนาติก ลัสท์ก็เอ่ยปากออกมา “ถ้าเธอยังคิดอยู่แค่นั้น ฉันยอมให้เธอเข้าใกล้โทโมกิไม่ได้หรอกนะ วายะ”
โฮสต์หนุ่มเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย “พูดยังกับว่าถ้าผมไม่คิดแบบนี้แล้วคุณจะให้ผมเข้าใกล้เด็กคนนั้นงั้นแหละ”
“ก็คงงั้น...”
วายะขมวดคิ้ว “ที่คุณรับเขาไปเป็นลูกบุญธรรมก็เพื่อกันเขาให้ห่างจากผมไม่ใช่เหรอ? แล้วพูดอะไรออกมาน่ะ”
“ฉันรับเขาไปเพราะเขาขอร้องต่างหาก” โอโนเสะยักไหล่
“ขอร้อง?”
“เรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับเธอ”
วายะจิ๊ปากอย่างขัดใจ โอโนเสะก็แบบนี้ทุกครั้ง ชอบพูดอะไรออกมาให้อยากรู้แล้วก็อมพะนำเสีย กวนโมโหสิ้นดี แต่จะไปทำอะไรได้ ในเมื่อเขาเป็นเจ้านายสูงสุดของลูนาติก ลัสท์นี่นะ
“โทโมกิน่ะ เป็นมนุษย์...ไม่ใช่หมาแมวหรอกนะ”
“รู้แล้วละน่า”
“แต่ที่เธอพูดมาเมื่อกี้แปลว่าเธอรู้ แต่เธอไม่ได้คิดแบบนั้นแม้แต่นิดเดียว เธอเห็นโทโมกิเป็นแค่สัตว์เลี้ยงน่ารักที่เธออยากเลี้ยงไว้ใกล้ ๆ ตัวเท่านั้นเอง”
“อย่างคิริยูก็เป็นแค่แมวตัวนึงเหมือนกันแหละ” วายะเถียง
“แต่เธอก็คบหาเขาแบบมนุษย์คนนึง ใช่มั้ย?” โอโนเสะสวนกลับทันที “เธอพูดคุยเรื่องทั่วไปกับเขา ไปเที่ยวเล่นกับเขา ปฏิบัติต่อเขาอย่างมนุษย์คนนึง จริงมั้ย? แต่กับโทโมกิมันไม่ใช่ เธอไม่เคยทำกับเขาเหมือนมนุษย์ เธอบังคับเขา ใช้กำลังบังคับให้หวาดกลัว แบบเดียวกับการฝึกสัตว์ ใช้ยาทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงต่อต้านเพื่อที่จะกักขังเขาไว้ในบ้านไม่ให้หนีไปไหนได้ ควบคุมกระทั่งสติสัมปชัญญะ ขังเขาไว้ในกรงเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวนึง เธอทำแบบนั้น...ใช่มั้ย?”
โฮสต์หนุ่มนิ่งอึ้ง จริงทุกอย่าง...ที่โอโนเสะพูดมาจริงทุกอย่างเลย เขาทำกับโทโมกิอย่างนั้น ทำกระทั่งตีตราความเป็นเจ้าของเหมือนคนในฟาร์มทำกับปศุสัตว์ของตน
“เธอไม่เคยเห็นโทโมกิเป็นมนุษย์ แต่เธอกลับพูดเอาแต่ได้ว่าอยากให้เขาอยู่ข้าง ๆ เอาแต่พูดว่าต้องการเขา ทั้งที่การกระทำของเธอมันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด แล้วแบบนี้จะให้ฉันยอมให้เธอเข้าใกล้เขาได้ยังไงล่ะ?”
โอโนเสะแทบไม่ได้ใส่อารมณ์ในคำพูดเหล่านั้น แต่นั่นแหละที่ทำให้วายะรู้สึกว่ารับมือยาก ถ้าโอโนเสะโกรธไปเสียเลยยังจะเข้าใจง่ายกว่า อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าต้องขอโทษหรือต้องทะเลาะโต้เถียงยังไง แต่พูดมาเรื่อย ๆ แบบนี้ เขาเดาความหมายในสิ่งที่โอโนเสะพูดไม่ออกเลยจริง ๆ
วายะก้มหน้านิ่ง จริงอยู่ว่าเขามักจะมองคิริฮาระเหมือนแมวดื้อ ๆ ที่สวยงามตัวหนึ่ง แต่เขาก็ชื่นชมในสิ่งที่คิริฮาระเป็น อาจจะหมั่นไส้ในรสนิยมการเลือกเสื้อผ้าบ้าง แต่เคารพความคิดเห็นของนายแบบหนุ่มอยู่เสมอ ผิดกับตอนที่อยู่กับโทโมกิ เขากักเด็กหนุ่มเอาไว้ในโลกลวงตาของยากล่อมประสาท ขังเด็กหนุ่มเอาไว้ในห้องไม่ให้เจอแสงเดือนแสงตะวัน เอาแต่กอดและพยายามให้เด็กหนุ่มเป็นอย่างที่เขาอยากให้เป็น แม้กระทั่งเซ็กส์ก็ยังยัดเยียดแต่สิ่งที่เขาชอบให้...เขาเอาแต่บังคับให้โทโมกิเป็นอย่างคิริฮาระ เขาไม่เคยมองตัวตนที่แท้จริงของโทโมกิเลย ไม่เคยถามความต้องการหรือทำความเข้าใจความรู้สึกของเด็กหนุ่มเลย ไม่รู้กระทั่งความหมายของน้ำตาหรืออาการเบียดซุกที่มักจะมีเสมอ รู้แต่ว่าเมื่อโทโมกิกอดเขาอย่างเรียกร้อง...เขาก็ดีใจ
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมตนเองถึงดีใจขนาดนั้น
“ถ้า...ผมไม่คิดว่าเด็กคนนั้นเป็นแมวที่อยากเลี้ยง คุณจะยอมให้ผมเข้าใกล้เขางั้นเหรอ ท่านประธาน?” ในที่สุดชายหนุ่มก็เอ่ยถามแผ่วเบา
“ถ้าเธอเห็นเขาเป็นมนุษย์ เธอก็คงไม่คว้าตัวเขาไปเลี้ยงตามใจชอบใช่มั้ยล่ะ?”
วายะพยักหน้า...ก็ลองเอาคิริฮาระไปเลี้ยงแบบที่ทำกับโทโมกิสิ มีหวังโดนแหกอกแน่ ๆ
“ถ้าเธอปฏิบัติต่อเขาในฐานะมนุษย์ แล้วใครจะว่าเธอได้”
“คุณพูดเหมือนจะให้โอกาสผม...” โฮสต์หนุ่มแค่นหัวเราะ
“แล้วเธอจะรับโอกาสนั้นมั้ยล่ะ?”
ชายหนุ่มเงยหน้ามองโอโนเสะอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“ฉันอยากให้โอกาสเธอ แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเธอเองว่าจะรับหรือไม่รับ และก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะเปลี่ยนความคิดของตัวเองไปได้แค่ไหน ถ้าเธอพูดว่าเธอต้องการโทโมกิจริง ๆ ละก็นะ...”
วายะจ้องเข้าไปในดวงตาของโอโนเสะเพื่อค้นหาสิ่งที่อาจจะซ่อนอยู่ในนั้น แต่ก็ไม่พบวี่แววของคำโกหกใด ๆ
“...ทำไม...?”
“เธอ...ควรจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปกับชีวิตของเด็กคนนั้น เธอควรจะได้เห็นผลลัพธ์ของการกระทำของตัวเองว่ามันมีผลกระทบต่อชีวิตของคนคนนึงมากแค่ไหน เธอควรจะได้รู้ว่าเธอสร้างปัญหาให้เด็กคนนั้นมากมายแค่ไหน และ...เธอควรจะต้องเป็นคนแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านั้นด้วยตัวเธอเอง”
น้ำเสียงนั้นเด็ดขาดหนักแน่น แต่นั่นแสดงถึงประตูแห่งโอกาสที่เปิดรออยู่ตรงหน้า และอาจจะเป็นครั้งเดียวที่มันเปิดออก...หากวายะยังไม่รีบพรวดพราดเข้าไปในประตูบานนั้น
“...ผม...ทำอะไร...?” โฮสต์หนุ่มย้อนถาม พูดตามตรงแล้ว เขาจำช่วงเวลาก่อนที่โอโนเสะจะมาพาตัวโทโมกิไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ในตอนนั้นสติของเขาพร่าเลือนเต็มที่ ที่จำได้อย่างเลือนรางที่สุดคือโอโนเสะพรากโทโมกิไปต่อหน้าต่อตา...จำได้แค่นั้นเอง
“ตอนนี้โทโมกิเข้ารับการบำบัดยาเสพติดจนหายดีแล้ว แต่ยังมีผลด้านจิตใจอยู่บ้าง”
“ยาเสพติด?”
“ก็ไอ้ยากล่อมประสาทที่เธอบังคับให้เขากินทุกวันนั่นแหละ ไม่รู้หรือไงว่ามันเป็นยาเสพติด” คราวนี้โอโนเสะแว้ดเข้าให้อย่างนึกขัดใจกับสีหน้าโง่ ๆ ของโฮสต์หนุ่มเต็มที
วายะทำสีหน้าปั้นยาก เขาลืมนึกไปว่าไม่ว่ายาอะไร ถ้ากินต่อเนื่องเป็นเวลานานก็กลายเป็นยาเสพติดได้ทั้งนั้น และตอนช่วงที่โทโมกิทรมานกับพิษบาดแผล เขาก็ให้ยาไปค่อนข้างมากและเด็กหนุ่มก็ออกอาการเสพติดมันจริง ๆ เสียด้วย
“นอกจากนั้น โทโมกิยังเสพติดเซ็กส์” พูดแล้วโอโนเสะก็ถอนใจเฮือกใหญ่ “อาการคล้าย ๆ กับยูเมื่อก่อนนี้ พอเกิดความต้องการแล้วจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ยังดีกว่ายูตรงที่แค่ใช้มือก็พอบำบัดได้ ไม่จำเป็นต้องมีคู่นอน”
...ไม่หรอก...วายะเถียงอยู่ในใจ เขารู้จักโทโมกิในส่วนนั้นดีกว่าใคร โทโมกิจะไม่มีวันเสร็จสมได้ด้วยตัวเองถ้าไม่มีคนช่วย เพราะเขาเป็นคนฝึกให้โทโมกิเป็นแบบนั้น ถ้าอาการของโทโมกิลุกลามไปในลักษณะเดียวกับที่คิริฮาระเคยเป็นจนถึงขั้นต้องขายตัวก่อนที่จะได้มาเป็นนายแบบละก็...ไม่มีอะไรเลวร้ายมากไปกว่านั้นอีกแล้ว
“และสุดท้าย เขากลัวเธอถึงขั้นจิตหลอน”
“เอ๊ะ?”
“ไม่สังเกตเลยเหรอ ปฏิกิริยาตอนที่เธอกอดเขาน่ะ ทั้งตอนที่ยูกับโทคิโตะมาห้ามเอาไว้ แล้วก็ในวันนี้ด้วย”
วายะกลอกตาอย่างนึกทบทวนความจำ “เขา...กรีดร้อง...แล้วไม่นานก็...แน่นิ่งไป...”
“เขาขาดอากาศหายใจจนหมดสติ”
“อะไรนะ?”
“มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองกับความทรงจำในตอนนั้น ที่เธอบีบคอเขา”
“อะไรนะ!?” วายะตะโกนแล้วลุกพรวดขึ้นยืน โอโนเสะผงะถอยด้วยตกใจกับอาการนั้นของโฮสต์หนุ่มเช่นกัน “คุณว่าผมทำอะไรนะ!?”
โอโนเสะขมวดคิ้ว “เธอบีบคอเขา...จำไม่ได้งั้นเหรอ?”
“ผม...ผมเนี่ยนะ...” ดวงตาคมเบิกกว้าง มือที่กำแน่นสั่นระริก...โอโนเสะพูดบ้าอะไรออกมา...
ท่านประธานแห่งลูนาติก ลัสท์จ้องหน้าโฮสต์หนุ่ม ในดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสับสนต่อสิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกไป ทั้งที่เขายังจำภาพที่วายะบีบคอโทโมกิได้ติดตา และเขาเองที่เป็นคนไปกระชากวายะลงจากเตียง...แต่ตัววายะเองกลับจำไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ
“วายะ...ใจเย็น ๆ นั่งลงก่อน” โอโนเสะพยายามกล่อม
โฮสต์หนุ่มทิ้งตัวลงนั่งกับเตียงแล้วยกมือขึ้นกุมหัว ท่าทางสับสนและไม่เข้าใจในคำพูดของโอโนเสะอย่างเห็นได้ชัด
“...ผม...ผมบีบคอ...โทโมะ...ผมน่ะเหรอ...”
“ตอนที่ฉันพังประตูห้องนอนเข้าไป เธอกำลังจะฆ่าเด็กคนนั้น วายะ”
วายะจ้องมองมือที่สั่นระริกของตน นี่มันไม่จริง...เขาทำอย่างนั้นลงไปงั้นหรือ...
“แค่เสี้ยวนาทีจริง ๆ ถ้าฉันช้ากว่านั้นอีกนิด โทโมกิก็คง...”
“...ผม...ผมจำไม่ได้...เลย...” น้ำเสียงแหบโหยอย่างที่โอโนเสะไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งร่างสั่นสะท้าน...ไม่ใช่แค่สับสน แต่ยังดูหวาดกลัวอีกด้วย
เขาทำความผิดแบบเดิมซ้ำอีกแล้ว เขาเกือบจะฆ่าคนที่เขาต้องการที่สุดอีกคนหนึ่งแล้ว...และเขาก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำแบบนั้นลงไป
“...แล้ว...แล้ว...โทโมะ...?”
“โทโมกิกลัวเธอมาก เสี้ยววินาทีที่เฉียดตายในตอนนั้นยังตามหลอกหลอนเขาอยู่ แม้โดยปกติแล้วจะไม่มีอาการให้เห็น แต่มันจะถูกปลุกขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าเธอ ยิ่งเมื่อถูกเธอสัมผัส ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาโดยอัตโนมัติ หลอดลมจะปิด และหายใจไม่ออก แบบเดียวกับคนที่เกิดความเครียดสูง” โอโนเสะอธิบายตามที่เคยได้รับฟังจากจิตแพทย์มา
เพราะแบบนี้เองหรือ...โทโมกิถึงได้หวาดกลัวเขาถึงเพียงนั้น แค่แตะต้องก็ถึงกับแน่นิ่งไป...นั่นไม่ใช่เพราะสมยอม แต่เป็นความกลัวที่มีต่อมัจจุราชที่เคยหยิบยื่นความตายให้
โอโนเสะสังเกตอาการของโฮสต์หนุ่ม นั่นไม่ใช่การแกล้งทำ วายะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นไม่ได้จริง ๆ
“ดูท่า...นอกจากโทโมกิแล้ว คงต้องบำบัดเธอด้วยสินะ”
วายะไม่พูดอะไรนอกจากยกมือขึ้นปิดหน้า ตัวยังสั่นไม่หยุด
“จากนี้ไป ฉันจะให้คุณหมอซาคุมะมาบำบัดเธอจนกว่าอะไร ๆ จะดีขึ้น” โอโนเสะบอก
วายะนึกอยากจะเถียงว่าไม่เอามาซาฮิเดะ แต่ก็คงไม่มีคนที่เหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว จึงได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอม
“แล้วก็...ฉันจะปลดเธอออกจากการเป็นโฮสต์ซะ”
“หา!?” ชายหนุ่มรีบเงยหน้าขึ้นทันที
“เธอต้องรับการบำบัดจิต ไม่มีเวลาว่างมาเป็นโฮสต์อยู่หรอก” โอโนเสะพูดเรื่อย ๆ ราวกับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร
“เดี๋ยว...จะบ้าเหรอ? นั่นมันหน้าที่การงานของผมนะ! ผมยังต้องส่งเงินกลับไปที่บ้านเกิดทุกเดือนนะ” วายะโวยวาย หายสั่นหายสับสนในทันที
“ฉันจะให้งานใหม่เธอ รายได้อาจจะไม่ดีเท่าเป็นโฮสต์ แต่รับรองว่ามีพอส่งกลับบ้านแน่”
“จะบ้าเหรอ! คุณรู้หรือไงว่าผมส่งเงินกลับไปมากแค่ไหน ครึ่งนึงเชียวนะ! ครึ่งนึงของรายได้เชียวนะ!” วายะตะโกนใส่หน้าโอโนเสะ
ท่านประธานเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ทางบ้านของวายะมีธุระอะไรนักหนาถึงได้ต้องใช้เงินจำนวนมากขนาดนั้นทุกเดือน...หรือบางทีอาจจะเป็นหนี้หลายสิบล้านอยู่กระมัง
“เธอส่งเงินกลับบ้านไปหลายปีแล้วนี่ ลดจำนวนเงินลงหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง”
“ไม่ได้! เขายังเดินไม่ได้เลย...!” หลุดปากออกมาแค่นั้นแล้วก็นิ่งเงียบไป
“เขา...?”
“ไม่เกี่ยวกับคุณ” วายะบอกปัดสั้น ๆ นึกอยากตบปากตัวเองที่พูดออกไปเสียได้
โอโนเสะจ้องมองโฮสต์หนุ่มอย่างพิจารณาอีกครั้ง คราวนี้สิ่งที่แสดงออกมาคือความโกรธและเป็นกังวลแสนสาหัส วายะที่เขาเห็นอยู่เสมอเป็นคนเยือกเย็น ไม่คิดเลยว่าจะแปรปรวนมากขนาดนี้
“ทั้งเธอ ทั้งโทโมกิจะต้องได้รับการบำบัด” ผู้มากด้วยวัยกว่าพูดขึ้นในที่สุด “สิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำของเธอจะแก้ไขได้ก็ต่อเมื่อมีเธออยู่ด้วย และความคิดของเธอจะเปลี่ยนได้ก็ต่อเมื่ออยู่กับโทโมกิ เพราะงั้น บำบัดมันไปซะทั้งคู่พร้อม ๆ กันจะดีที่สุด”
วายะเหลือบมองโอโนเสะอย่างไม่แน่ใจนัก หากท่านประธานเพียงแต่ลุกจากเก้าอี้และทำท่าจะกลับ
“ฉันจะจ่ายเงินให้เธอเพียงพอกับที่ต้องส่งกลับบ้าน แต่ไม่มีเงินเดือนให้”
“แล้วผมจะกินอยู่ยังไง?” ไหนจะค่าเช่าห้อง ค่าเสื้อผ้าอีกเล่า
“เรื่องห้องเช่าของเธอ เตรียมตัวย้ายออกซะ เดี๋ยวฉันจัดการค่าธรรมเนียมย้ายออกให้เอง”
“แล้วจะให้ผมไปอยู่ที่ไหน?” วายะรุกถาม เขาไม่แน่ใจว่าโอโนเสะกำลังคิดอะไรอยู่
“เรือนใหญ่ของตระกูลโอโนเสะ”
โฮสต์หนุ่มถึงกับอึ้งกับคำตอบที่ไม่คาดว่าจะได้ยินนั้น
“เธอจะต้องรับการฝึกฝนในทุกด้าน และเข้าทำงานในฐานะบอดี้การ์ดของโทโมกิ”
(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ผลงานชิ้นอื่นๆครับ
Daylight
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31210.0Parallel Reality
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31255.msg1811578#msg1811578SINLESS
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18056.0ในค่ำคืนอันเงียบงัน
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17805.0Kiss of Ice-Scream
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18472.0Hilight & Deep shade
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=17315.0No word
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31467.0เธอไม่อยู่แล้วหรือ...
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31791.0Dark side Romance
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32265.0Incubus's Dream
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=29924.0;topicseenIncubus's Dream : Sweet Cake with Vodka
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30216.0ยังหาไม่เจออีกเรื่องนึง...ใครช่วยหาทีสิครับ เรื่อง Oyasumi