มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (๑๐๐%) [๕ ม.ค. ๒๕๖๘]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (๑๐๐%) [๕ ม.ค. ๒๕๖๘]  (อ่าน 852270 ครั้ง)

ออฟไลน์ เกรียนเหมียว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

สวัสดีปีใหม่(ย้อนหลังนะคะ) ขอให้ผู้แต่งมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุขมากๆค่ะ
อยากขอบคุณสำหรับ นิยายดีๆ ประทับใจมากค่ะทั้งภาษา ทั้งเนื้อเรื่อง เรียกว่าอ่านแล้ว ฟินฮ่าๆ ถูกจริตอิฉัน..ถึงบางตอนอ่านแล้วอยากจะจับ อ.คนึงมาเขย่าๆ ทำไมๆ ถึงทำกับเล็กได้ดดดดดดดดด.... :beat: สงสารชายเล็กของบ่าวจริงๆ )
 :o12:

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
สมน้ำหน้าอาจารย์คนึง อยากทำร้ายร่างกายและจิตใจของหนูเล็กดีนัก
อยู่ทนไปก็เสียเวลาเปล่าๆ หนีกลับบ้านเป็นดีที่สุด ให้คนทางนี้ช้ำใจตายไปเลยยิ่งดี

ออฟไลน์ DATAs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เข้ามาดูทุกวัน  คิดถึงจ้อย  คิดถึงชายเล็ก  :mew2: :mew2:
 

รออยู่นะคะคุณดอกไม้   :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ watcharet

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 663
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-2
น่าสงสารแท้ แต่กำลังมันส์ มาต่อบ่อยๆนะครับ ติดตามอยู่

ออฟไลน์ zizits

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เราพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง เสียน้ำตาไปเป็นลิตรๆ
นี่พิมพ์เป็นเล่มใหรือยังคะ อยากได้มากกก :ling1:

ออฟไลน์ keinoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
 :ling1: :ling1: :ling1:
สนุกจังง่ะ !!! ทำไมได้ครบทุกอารมณ์ยังงี้!!
เค้าชอบพ่อสิงห์กับชายเล็กอ่ะ  :-[
พ่อสิงห์ช่าง โง่และเถื่อน ถ่อย ได้ใจมากค่ะ หายากนะเคอะ พระเอก โง่และเถื่อนเนี่ย ส่วนใหญ่จะเป็นเถื่อนไฮโซ 555+
อันนี้มาแบบโง่นำมาเลย 555+
ส่วนชายเล็กน่ารักใสซื่อตัวจริงเลย อิมพอร์ตด้วย วุ้ย!น่ารั๊กก  :o8:
แต่เรื่องนี้ประทับใจเราที่สุด คือ ตัวละครที่ ชื่อ 'ลอย'
อ่านนิยายในเล้ามาก้อเย้อ(นอกเล้ามาก้อมาก) ตัวร้ายในนิยายวายส่วนใหญ่จะไม่ค่อย
โดดเด่นในความรู้สึกเรานะ ต่อให้ก่อสารพัดเรื่องมากมายในเรื่องนั้นๆเลยก้อตาม
 แต่มาเจอ ลอย ในเรื่องนี้เราอ่านไปก้อแอบกลัวมัน แบบว่ากลัวมันจะทำนุ่น นี่ นั่น ให้ยุ่งกันใหญ่ไรงี้
แต่ปรากฎว่า ลอย ก้อไม่ค่อยก่อเรื่องนะ 555+ แบบว่าเหมือนมันดูไม่ใช่ตัวละครสำคัญอะไร
แต่อ่านๆไปต้องนึกถึงมันตลอดเรื่อง (ถึงแม้หลายตอนจะไม่มีมันโผล่มาเลยก้อตาม)
เอ๊ะ!หรือเราชอบมโนไปเยอะเอง เลยกลัวดราม่าจัดจนพาลระแวงตัวร้ายก่อเรื่อง
ให้บ่อน้ำตาคนอ่านแตกกระเจิง  :hao7:

ออฟไลน์ คนอ่าน

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-13
ครึ่งหลังอยู่หนายยยยยยย

ออฟไลน์ DATAs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai5: :katai5:   รอครึ่งหลังอยู่นะคะ   มาต่อไวไวน่ะ   :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ wavalove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :z6:

เห้อ  ความเอยความรัก....


ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PHA_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
คู่ของคนึงยังต้องซดมาม่าอีกนานแน่ๆ
แต่สิงห์กับจ้อยนี่เรารักเลย

ออฟไลน์ DATAs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:   มาส่องครึ่งหลังทู๊กกกกกกกวัน    :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ kittisak Intarasarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นิยายเนื่องนี้มีอายุกว่า 3 ปี  เขียนดี สนุกมากมายครับ

ตัวละครดูสัมผัสได้ ขอเขียนถึงตัวละครหน่อย
คะนึง เลอมาน   ความรักที่ไม่มีวันเป็นไปได้เลน  1.ศิษบ์รักกับครู 2รักต่างชนชั้น3รักเพศเดียวกัน     คือมันประเด็นหนักทั้งนั้น  ผมเป็น อ.คนึงก็คงทำแบบนั้น เพราะความผิดทั้งหมดเกิดจากตัวเอง อ่อนไหวง่าย แพ้ความใกล้ชิด

2จ้อย  สิงห์ ความรักมีโอกาสเป็นไปได้สูง เพราะต่างฝ่ายต่างมอบรักแท้ให้แก่กัน

จะรออ่านจนจบนะครับ  มาอัพบ่อยๆอย่าปล่อยเป็นนิยาย  อายุ4ปีเลย  สามปีก็มากโขแล้ว 555

ออฟไลน์ คนอ่าน

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-13
อยากอ่านเป็นการ์ตูนสั้นๆอ่าค่ะ  น่ารักดี >____<

ออฟไลน์ DATAs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :mew2: :mew2:   ยังรออยู่นะคะคุณดอกไม้    :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ benz-sirilada

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
รอ ร้อ รอ
อยากบอกว่าคิดถึงน้องจ้อย กับพี่สิงห์เหลือเกินเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
หัวเรื่องเปลี่ยนแล้ว รอจ๊า

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 159
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +327/-1

บทที่ ๓๑

คำสารภาพของชายโฉด

(ครึ่งหลังจ้า :L2:)


ลมทุ่งพัดมารวยริน  หอบเอากลิ่นมหาหงส์และดอกแก้วที่ปลูกไว้ชายน้ำโชยเข้ามาถึงในกระท่อม  บานเย็นคลี่ดอกสีสดจ้าออกรับแดดอ่อนที่กำลังจะลับลาทิวเขา  นกกระจิบกระจาบตลอดจนยางกรอกขยับปีกโบกโบยบินกลับรวงรัง  ต้นพุทราเนื้อดีข้างกระท่อมกำลังจอแจเซ็งแซ่ด้วยสำเนียงนกกระจอกที่กำลังจะเข้ารัง  กระดึงคอวัวกำลังกลับบ้านดังกังวานแว่วมาแต่ไกล  กลางความเงียบสงัดของชายทุ่งยามสายัณห์

   แม่เฒ่าช้อยวางมือจากกระด้งหมากที่แกเก็บเข้ามาไว้ข้างในหลังจากฝานตากแดดไว้เกือบทั้งวัน  ก่อนเข้าไปในครัว  ดูปลาดุกที่ปิ้งไว้จนเหลืองหอมน่ากิน  เหยาะน้ำปลาทำเองซึ่งหมักจากปลาสร้อยเนื้อหวานลงถ้วยตะไลใบจิ๋ว

   ห่วง ‘สมาชิกใหม่’ จะกินต้มกะทิหัวปลาช่อนแห้งกับใบมะขามที่เจ้าจ้อยมันทำไว้ไม่เป็น 

   “พ่อเล็ก!” แกออกไปป้องปากตะโกนหน้ากระท่อม  ต้องเรียกอีกสองหน  หนุ่มน้อยที่นั่งเดียวดายอยู่ที่ท่าน้ำจึงหันมา “มากินข้าวเถอะลูก”

   พิลึกคนจริง  ยังหนุ่มยังแน่น  นั่งเงื่องหงอยมองฟ้ามองน้ำอยู่ได้เป็นนานสองนาน

   มื้อเย็นผ่านไปอย่างเงียบเหงา  ยายช้อยเปิบข้าวเอร็ดอร่อย  ขณะที่เลอมานเอาแต่ใช้ช้อนสังกะสีเขี่ยข้าวเหม่อลอย  แสงตะเกียงนวลสะท้อนความระทมหม่นไหม้ฉาบใบหน้า    

กระท่อมนี้ไม่มีไฟฟ้า  มีแต่ตะเกียงกระป๋องใส่น้ำมันมะพร้าว  ไม่มีปล่องครอบ  ขนาดก็ไม่ใหญ่โตนัก  ไส้ตะเกียงใช้ด้ายดิบ  แสงไฟวอมแวมด้วยสายลมหนาวหวีดหวิว  ตะเกียงอย่างใหญ่ที่สุดของยายคือตะเกียงเจ้าพายุที่จ้อยเอาติดหัวเรือพายหายไปตั้งพักใหญ่แล้ว 

   พูดถึงแล้วยังต๊กกะใจไม่หาย  แกกะลังตะบันหมากอยู่ดีๆ  หลานรักก็พาหนุ่มน้อยหน้ามนมาถึงบ้าน  กระหืดกระหอบยังก๊ะหนีใครมา  หอบข้าวของมาพะเรอเกวียน  ให้เหตุผลเสร็จสรรพว่าหม่อมราชวงศ์อาสาสมัครจากอังกฤษอยากศึกษาวิถีชีวิตชาวบ้านอย่างใกล้ชิด  จึงอยากมาขออาศัยอยู่กับยายสักระยะไม่มีกำหนด  ยายก็ได้แต่ปาดน้ำหมากเออออ  มันก็ดีเหมือนกัน  เพราะอยู่คนเดียวยายก็เหงาปาก  จ้อยมันถูกคุณนายพูนทรัพย์ปล่อยตัวมาทั้งที  ยายก็นึกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนยายให้ชื่นใจ  ที่ไหนได้  ช่วงนี้พ่อไม่เคยอยู่ติดบ้าน  ร่อนไปร่อนมายังกะแมวหง่าว  ไม่รู้ไปติดสาวบ้านไหน  อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน  มันเอาคุณชายเล็กมาส่ง  อยู่ทำต้มส้มกะทิไว้หม้อ  เสร็จก็ตักโกยใส่หม้ออวย  เปิดแน่บหายไปไหนแล้วไม่รู้  ไม่ไปตัวเปล่า  เอาหมอนกับผ้าห่มไปด้วยสิหนอ

   ระหว่างมื้อ  พ่อเล็กแทบไม่พูดอะไร  ถามคำตอบคำ  แน่นอนยายเป็นคนถาม  อร่อยไหม  กินได้ไหม  ยายแกะปลาให้ไหม  และแน่นอน.. คำตอบที่ได้  มีแค่.. ครับ.. ครับ.. ไม่ครับ..

   คนอาบน้ำร้อนมาเจ็ดสิบกว่าปีพอจะมองออกว่าเจ้าหนุ่มคนนี้เป็นไข้ใจแสนสาหัส  เพียงแต่ไม่ถามเท่านั้น

   ลมกลางฤดูหนาวพัดแรงจัด  อากาศเย็นเยือก  ความมืดโรยตัวลงคลี่คลุมฟ้าอย่างรวดเร็ว  หญิงชราชาวนากับหม่อมราชวงศ์บุตรชายท่านทูตนอนร่วมมุ้งเดียวกัน  ยายช้อยนอนหัวค่ำจนชาชิน  แต่อีกคนดูจะตรงข้าม

   ในความเงียบงันอันมืดมิด  หญิงชราแว่วเสียงร้องไห้ดังแผ่วมา  แกนอนฟังอยู่อย่างนั้นสักพัก  ถอนใจและปลดปลง  สายตาที่เริ่มชินกับความมืดเห็นแผ่นหลังที่นอนตะแคงให้สั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้น

ยายช้อยลุกขึ้นจุดตะเกียง  แสงนวลทอทั่วกระท่อมคับแคบ  มือเหี่ยวย่นเอื้อมไปวางบนศีรษะราชนิกูลหนุ่มแผ่วเบา  คนถูกสัมผัสยิ่งสะอื้นหนักจนตัวโยน  และโดยไม่คาดคิด  เลอมานซุกหน้าเข้ามานอนหนุนตักยาย  กอดเอวผอมบางเอาไว้แน่นอย่างเด็กขวัญหาย

แม่เฒ่าทอดถอนใจ  จะยิ่งใหญ่ยืนยงมาจากไหน  พอร้องไห้แล้วก็เหมือนเด็กตัวเล็กๆ กันทุกคน 

“สวดมนต์กันไหม” เสียงนั้นปรานีนัก  มือข้างนั้นยังลูบเรือนผมนุ่มช้าๆ  เลอมานรู้สึกราวกับมีหยาดหยดเย็นชื่นชโลมลงมา 
หัวอกอันตรมไหม้ดั่งจะทุเลาลง “ยายมีหนังสือสวดมนต์  พระท่านให้มา  หนูอ่านออกไหม”

เขาสูดจมูกฟืด  พยักหน้ากับตัก  มือหยาบกร้านอย่างคนกรำงานหนักมาทั้งชีวิตประคองหน้านวลเอาไว้  พลางพิศ

“เอ๊อ..ตาสวยนะเรา” ยายทำเสียงเล็กยังกะพูดกับเด็กน้อย  เกลี่ยรอยน้ำตาบนแก้มให้ “แต่ชอบทำตาเศร้า  คิ้วก็ดก.. แต่ชอบขมวดคิ้ว  อย่างกับคนใจขุ่น” ทีนี้แกไล้หัวคิ้วอันมุ่นยุ่ง “คลายขมวดนั้นเสียลูก  ใจจะได้เย็นลง”

และแล้วคืนนี้.. เสียงบทสวดชุมนุมเทวดา  บทกรวดน้ำ  บทแผ่เมตตาก็แว่วคลอเสียงลมหนาวจากกระท่อมน้อยริมคลอง   
ที่ไหนได้  สัพเพสัตตายังไม่ทันจะจบดี  ผู้อ่อนวัยกว่าก็เงียบเสียง  ฟุบลงแน่นิ่งกับหมอน  บทสวดมนต์ดั่งยากล่อมจิตใจชั้นเลิศ  คลี่ปมหัวใจอันว้าวุ่นด้วยความง่วงงุนแทนที่  ยายช้อยอมยิ้มจาง  แกจัดท่าจัดทางเจ้าหนุ่มน้อยให้นอนเหยียดสบาย  โอ้โห.. ชุดนอนผ้าไหมเสียด้วย  แบบที่พวกฝรั่งมันใส่กันในหนังขายยา  ขัดกันเหลือเกินกับเสื่อผืนเก่าและมุ้งสีหม่น  ผิวหรือก็บางนุ่มนิ่มนัก  ตื่นเช้ามาจะเป็นรอยเสื่อหรือเปล่าก็ไม่รู้  ตะแกดึงผ้าผวยขึ้นห่มคลุมให้ถึงหน้าอก  ตบปุๆ ลงตรงตำแหน่งหัวใจแผ่วเบาอย่างที่เคยทำยามหลานตัวน้อยทั้งสองร้องโยเยครั้งยังเป็นทารก

หม่อมราชวงศ์หนุ่มครางอือในคอแผ่วเบา  แม่เฒ่าจับใจความได้แค่.. “อาจารย์..”

*****************************

ตะเพียนน้อยสองตัวที่แขวนไว้ขอบหน้าต่างกวัดไกวรุนแรงตามกระแสลมหนาว  คนึงเดินไปปลดมันออกเสียด้วยเกรงว่าลมจะพัดแรงจนมันร่วงหล่นลงไป  หาไม่.. เขาคงไม่มีอะไรไว้เป็นเครื่องแทนใจถึงความรักงดงามที่ครั้งหนึ่งเคยได้ครอบครองอีก

ความรักที่เกิดขึ้นแล้วจบลงอย่างง่ายดาย 

ห้องน้อยที่ไม่มีเลอมานอยู่ด้วยอ้างว้างนัก  ความอาดูรกลุ้มรุมเข้าจับจิตจนอาจารย์หนุ่มยากจะข่มตาหลับ  หนูเล็กไปอยู่กับยายช้อย  ไปอยู่กับจ้อย  ให้เหตุผลแก่อาจารย์ปรีชาอย่างน่าฟังว่าอยากใกล้ชิดวิถีชีวิตชาวบ้านเสียด้วย  ดีแล้ว.. เพราะยายช้อยก็เป็นคนดี  จ้อยก็ไว้ใจได้  อย่างน้อยคนึงก็หมดห่วง

เขาทำถูกแล้ว.. เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว.. ชายหนุ่มพร่ำบอกหัวใจตัวเองในค่ำคืนเงียบงัน  เตียงตัวเองก็มี  แต่เหตุใดเขาจึงย้ายมานอนเตียงของหม่อมราชวงศ์เลอมานก็ไม่อาจรู้ได้  ดูซิกลิ่นแป้งหอมอ่อนๆ ยังติดตรึงอยู่บนหมอน  เขาเพียรจูบแล้วจูบเล่า 

หมอนข้างที่เลอมานเคยใช้  เขาเอามากอดก่ายเต็มสองแขน  แค่นี้ครูคงฝันว่าได้กอดหนูเล็กไว้ในอ้อมอก

ป่านนี้คนดีของครูจะเป็นอย่างไรบ้าง  บ้านยายช้อยมีเพียงเสื่อกับมุ้งเก่าๆ  ผ้าผวยบางๆ นั่นจะคุ้มกันลมหนาวเจ้าได้ไหม 

คิดถึง.. คิดถึง.. คิดถึงสุดหัวใจ  อยากเห็นหน้า.. อยากได้ยินเสียงเหลือเกิน

แต่ต่อให้คิดถึงเจียนขาดใจแค่ไหน  เขาจะไม่เยื้องกรายเข้าไปใกล้บ้านหลังนั้น  จะไม่โผล่ไปให้เห็นหน้า  แค่เจอกันที่โรงเรียน  แค่ได้ลอบมองห่างๆ  แค่ได้รู้ว่าอยู่สุขสบายดี  แค่นี้คงพอหล่อเลี้ยงหัวใจอับเฉา  ตัดบัวต้องอย่าเหลือใย

คนึงผ่อนลมหายใจหนักจิต  หัวใจเอ๋ยจะทนทรมานได้ไหม  จะแข็งแกร่งอยู่ได้สักกี่วัน

*****************************

ในกระท่อมรจนา.. เอ๊ย! กระท่อมท้ายโรงสีเถ้าแก่ฮง  ครูจ้อยกำลังเล่านิทานก่อนนอนให้เด็กโค่งฟังอย่างออกรสออกชาติ

“เจอไอ้เข้!” หนุ่มน้อยประกาศชื่อเรื่อง  คนฟังร้องห๊าตกตะลึง 

ทีนี้ก็ถึงตอนสาธยายร่ายความ “กลางแม่น้ำนั่น  ขี้หมาของมันก้อนเบ้อเริ่มเทิ่มบนหัว  กางมือกางตีน แผ่หลาตัวยาวใหญ่” เจ้าตัวเล็กเล่าออกท่าออกทาง  กางมือจนสุดแขน  มีเสียงทุ้มห้าวอื้อหือเอ้อหาเป็นลูกคู่ “ขนหัวงี้ลุกซู่  สักพักมันจมบุ๋มลงในน้ำ  จ้อยรีบจ้ำเสียแทบตาย  กลัวมันจะมาหนุนท้องเรือ  ถ้ากลับไปมีหวังมันยังรอกินจ้อยอยู่แน่ๆ”

เล่าไปมือน้อยก็บรรจงแต้มไพลลงหลังไหล่ล่ำสันที่เกลื่อนไปด้วยรอยช้ำจากงานหนัก  บีบนวดให้ตามแนวบ่าแน่นตึง 

คนที่นั่งหันหลังให้หัวเราะหึ “พี่น่ากลัวกว่าไอ้เข้อีก  เอ็งไม่กลัวหรือ”

กระท่อมน้อยเกิดความเงียบงันขึ้นหนึ่งอึดใจ 

พี่หารู้ไม่  ในความเงียบ  น้องกำลังบรรจงก่ออิฐสร้างสะพานคอนกรีตเสริมใยเหล็กทอดไปให้  ไม่เดินข้ามมาก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว

“ถ้ากลัวก็คงไม่มา” 

   ไอ้สิงห์หันขวับไปมองหน้าน้อง  เห็นดวงตาลึกล้ำความหมายมองสบมาแน่วแน่  พุทโธ่เอ๋ย.. เทวดาอุ้มสมเสียละกระมัง  มองเข้าไปในตาพ่อเจ้าประคุณหนไรหัวใจมันเต้นตูมตามเลือดลมแล่นซู่ยังไงพิกล  ถ้าดูให้ดีก็หยั่งที่เขาว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจเห็นนัยๆ  ก็แทบจะโมเมเอาได้ว่าน้องไม่ได้รังเกียจอะไรพี่เลยแม้แต่น้อย 

   แสงตะเกียงนวลจับแก้มงามลออตา  นัยน์ตาคู่นั้นชวนให้อารมณ์พลุ่งพล่าน  ริมฝีปากเรื่อเผยอน้อยๆ  กลิ่นแป้งหอมอวลบนเนื้อนิ่ม  หัวอกแห้งแล้งของหนุ่มฉกรรจ์อดใจไม่ได้อีกต่อไป  มือหยาบใหญ่เหนี่ยวร่างเล็กเข้ามาหา  เขาทันเห็นความหวาดหวั่นในดวงตาคู่นั้นชั่วแวบ  ก่อนประทับจูบลงไปบนปากอิ่มแผ่วเบา  ค่อยแตะ.. ค่อยต้อง.. ดั่งกลัวน้องเจ้าจะช้ำ   

   สุภาพราวแสงพระจันทร์ในคืนเมฆจับกลีบ และอ่อนโยนราวสายลมที่เคล้ากลิ่นหอมดอกไม้โชยมา

   ลมหนาวเอย.. หาได้พัดมาเพียงกลิ่นดอกไม้ไม่  วูบนี้ลมมาแรงและเร็ว  พัดหม้ออวยที่เหน็บไว้กะข้างฝาหล่นเคร้ง  นักเลงหนุ่มสะดุ้งสุดตัว  ดั่งหม้ออวยเฮงซวยนั้นร่วงลงหัวกบาลหนักๆ 

   จู่ๆ พี่ก็ผลักน้องออกห่าง  ใบหน้ารกเคราตื่นตระหนกยังกะคนเพิ่งก่อคดีอุกฉกรรจ์  ร่างสูงทะมึนผลุนผลันลงกระท่อม  ยังแปลกใจว่าตัวเองดีหรือบ้า  ขนาดอยู่ด้วยกันสองต่อสองในบรรยากาศอย่างนี้แล้วยังไม่ได้น้อง  ถ้าหักโหมเอามีหรือเจ้าตัวเล็กจะไม่เรียบร้อยโรงเรียนไอ้สิงห์  แต่ไอ้นักเลงหนุ่มมันปักใจเอาไว้แล้ว  ต่อจากนี้เรื่องหักโหมน้ำใจกันจะไม่มีอีกต่อไป! 

“จะไปไหนน่ะ” คนถูกผลักไสเยี่ยมหน้ามาจากกระท่อม  แสงตะเกียงสลัวส่องหน้าขาวๆ ที่ยังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น  อย่าว่าแต่เอ็ง  ข้าเองก็สับสน!

“จะก่อไฟผิง!” พี่เสียงขุ่นใส่  ทึ้งหัวกบาลรุงรัง  เดินงุ่นง่านไปคว้าดุ้นฟืนมากองๆ หน้าแคร่  จุดไม้ขีดก่อไฟแป๊บเดียวก็สว่างโชน  อดีตอันธพาลไม่ได้หันไปมองน้องอีก  อาศัยฟังเสียงไม้ฟากลั่นออดก็พอจะเดาได้ว่าจ้อยมันยืนมองอยู่อย่างนั้นชั่วดูดยาเส้นหนึ่งมวน

ด้วยดวงตาที่ผิดหวังสุดแสน.. ซึ่งไอ้สิงห์หารู้ไม่ 

ร่างสูงใหญ่ปักหลักนั่งตรองไม่ตกอยู่เช่นนั้นจนน้ำค้างลง  ความทุกข์เทวษทิ่มแทงจนอกร้าวระบม 

ยินเสียงไม้ฟากลั่นเอียดอาด  จ้อยโผล่หน้าออกมาอีก “ไม่หนาวหรือ  ขึ้นมาเถอะ”

คนใจแข็งไม่แม้แต่จะมองหน้า  จ้องแต่เปลวไฟระริกเร่าราวกับจะเพ่งเตโชกสิณให้บรรลุ  มือใหญ่กระชับผ้าขาวม้าห่อร่างกำยำแน่นเข้า  หนาว.. หนาวฉิบหาย.. หนาวแบบนี้ถ้าได้กอดเนื้อตัวอุ่นๆ นิ่มๆ เนียนๆ สวรรค์ชั้นไหนจะลอยลงมารับกู

“เป็นอะไร” คำถามดังมาจากกระท่อม “รังเกียจอะไรกันนักหนา  หรือหน่ายกันแล้ว”

หัวใจแข็งเป็นหินเกิดเต้นระรัวขึ้นมาอีก “วะ!” เขาทำดุกลบเกลื่อน “เอ็งนี่ยังไง  ถามอะไรไม่เข้าเรื่อง”

“ไม่ยังไงหรอก” น้องตัดพ้อเสียงเครือ “รู้แล้วล่ะ  มันกรรมเวรแต่ชาติก่อนของจ้อยเอง  ถูกเขากินแล้วก็เขวี้ยงทิ้ง  บอกมาสักคำสิว่ารังเกียจ  จะหอบผ้าหนีไปให้พ้นหน้าคืนนี้เลย”

“พี่ไม่เคยคิดยังงั้น” คนตัวโตเถียงทันควัน 

“แล้วยังไงล่ะ!” เจ้าตัวเล็กขึ้นเสียงใส่  ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง  สิงห์ฮึดฮัดตัดสินใจไม่ถูกว่าจะกระชากคนช่างหาเรื่องมาตบกะโหลกเรียกสติสักทีดีหรือกระชากมาจูบให้รู้แล้วรู้รอดดี!

“เข้าใจแล้ว..” ไม่ทันขาดคำ  น้องผลุนผลันเข้ากระท่อม  เก็บข้าวของไม่ฟังเสียงใคร “ถ้าไอ้เข้ตัวนั้นมันยังอยู่ก็ปล่อยให้มันกินจ้อยไปเลย  เป็นอาหารไอ้เข้เสียยังมีประโยชน์กว่ามาอยู่ขวางหูขวางตาใคร”

พี่โจนพรวดเดียวถึงตัว  แขนน้อยๆ เท่าแขนลิงนี่ทำไมมันคว้ายากนัก  ฮึดฮัดปัดป้องไม่พอ  จ้อยมันตบเอาตีเอาตามแผงอกแลหลังไหล่  โธ่เอ๋ย.. เมื่อกี้เอ็งเพิ่งทายาให้พี่หยกๆ 

“ตอนแรกรึตามเรานักตามเราหนา” น้ำตาที่คลอเอ่อทำท่าจะหยดแหมะ  เก็บผ้าผ่อนผ้าผวยที่เพิ่งเอามามือเป็นระวิง  ปากก็พร่ำพ้อ “ไอ้เราเกือบจะใจอ่อนแล้วกลับทิ้งกันเฉยเลย!  ไอ้คนใจดำ!”

เจ้าตัวจ้อยหอบผ้าทำท่าจะลงกะได  พี่โจนเข้ารวบกอดไว้ทั้งตัว  มันพยศเหลือร้าย  ทั้งผลักทั้งตบทั้งทุบ  พี่ไม่รู้จะทำฉันใดก็กระชากร่างน้องตรึงไว้กับฝา  แรงไหวสั่นกระท่อมกระเทือน  เสียงภาชนะที่แขวนไว้กะฝาด้านนั้นหล่นกระทบพื้นดังเปรื่องปร่าง 
กล่องเหล็กใส่ซิกาแรตใบย่อมที่เหน็บไว้กะตับจากก็พลอยร่วงลงมาด้วย  ร่วงตรงไหนไม่ร่วง  ร่วงใส่กลางกบาลเจ้าตัวแสบ  เหมาะเหม็งดีแท้   

“โอ๊ย!”

“จ้อย!” สิงห์รี่เข้าประคองคนที่ทรุดลงกองสิ้นท่ากะพื้น  มือหยาบเที่ยวจับหัวหูดูว่าระคายตรงไหนมั่ง “เจ็บไหมหื๊อ!”

พี่มัวแต่เป่าเพี้ยงหาย  แต่สายตาน้องหยุดอยู่ที่พื้นไม้ฟาก  กล่องเหล็กเปิดอ้า  แบงค์สองสามใบยับยู่ยี่  เหรียญเล็กเหรียญน้อยประดามีกระจัดกระจาย   

น้องมองกองเหรียญกับหน้าพี่สลับกัน  คนตัวโตหันไปก้มเก็บเงินงุดๆ ไม่พูดไม่จา 

“เงินก็มีนี่” จ้อยถามพลางช่วยเก็บ แบงค์มูลค่าไม่มากนักหรอกมีแต่สีน้ำเงินสีเทา “ทำไมไม่เอาไปซื้อข้าวกิน  กินแต่มันต้มอยู่ได้ตั้งหลายวัน”

“ไม่ได้” เขาโพล่งแล้วนิ่งไปอย่างจะรวบรวมความกล้า จนเป็นนานจึงเฉลย “เงินนี่  พี่เก็บไว้ใช้หนี้ให้เอ็ง”

ถึงมาดแม้นตกยากต้องถากหญ้า  จะอาสาแทนน้องอย่าหมองศรี

จ้อยนิ่งงันไปชั่วขณะ  ดวงตาอันสื่อถึงดวงใจเต็มตื้นนั้นส่งผลให้คนหยาบช้าหัวอกเต้นโครมครามเหมือนเอากลองเภรีเข้าไปย่ำอยู่ในนั้นสักพันใบ  สิงห์กุมมือน้องไว้แน่น  จ้องแต่ดวงตาวาววามคู่นั้นด้วยความรู้สึกอันท่วมท้น

“อย่าไปเลย..” เขารวบร่างเล็กมากอดแน่นแนบอก  พรั่งพรูสิ่งที่อยู่ในหัวใจหมดสิ้น “พี่คิดถึงจ้อย.. คิดถึงแต่จ้อย.. จะทำอะไรก็เห็นแต่หน้าจ้อย” เขากดจมูกลงสูดกลิ่นผมนุ่ม “แต่พอจ้อยมายืนอยู่ตรงหน้า  พี่กลัว.. กลัวว่าคนเลวๆ อย่างพี่จะเผลอทำอะไรให้จ้อยเกลียดอีก”

เขาประคองใบหน้าน้องไว้  จ้องมองดวงตาที่ไม่เหลือเศษเสี้ยวความชิงชังราวกับอยู่ในห้วงฝัน 

จ้อยไม่เคยมองพี่ด้วยสายตานี้มานานแค่ไหนแล้ว..

“หนนี้ต่อให้จ้อยร้องจะกลับ พี่ก็ไม่ปล่อยให้กลับแล้ว” เสียงทุ้มกระซิบแผ่ว  เขากุมมือน้อยแนบลงตรงตำแหน่งหัวใจเต้น “เอ็นดูพี่เถิด..”

   พี่จูบ.. มันเป็นจูบที่อ่อนโยน.. ขลาดเขลา.. ก่อนทวีเป็นจูบที่หิวกระหาย  น้องเงยหน้ารับเหมือนรอคอยมาชั่วชีวิต  ทุกสัมผัสสะท้านสะเทือนตราตรึง 

ลมหนาวไม่หนาวอีกต่อไป  ใยรักถักทอล้อมร่างทั้งสองไว้เกิดเป็นสายใยอบอุ่นหวานล้ำ  หวาน.. หวานสุดหวาน.. เอาน้ำตาลทั้งโลกลงเคี่ยวแล้วตักป้อนจะหวานได้เท่าจูบนี้ไหม  น่าแปลก.. จ้อยคิดว่าจ้อยจะเกลียดกลัวพี่มากกว่านี้  แต่เหตุใดจึงยอมให้เขากอดจูบโดยง่าย  หรือแท้จริงแล้ว.. จ้อยไม่เคยเกลียดพี่เลยชั่วชีวิต 

(มีต่อจ้ะ :katai5:)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 159
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +327/-1
ราวกับจ้อยลืมสิ้นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในกระท่อมอัปรีย์นั่น  ส่วนลึกเร้นแห่งความทรงจำปริเปิดออก  จ้อยจำได้แต่พี่ชายที่ประคับประคองจ้อยเสมอไม่ว่าจะไปไหน  สายตาที่มองแต่จ้อย  สองมือที่คอยดูแลปกป้อง  และหัวใจที่จ้อยเชื่อมั่นเหลือเกินว่ามีแต่จ้อยเพียงคนเดียวเท่านั้นอยู่ภายใน 

   สิงห์ผละริมฝีปากออกเพื่อมองตาน้อง  ลูบแก้มขาวนั้นซ้ำๆ อย่างไม่รู้เบื่อ  ยิ่งกว่าเนื้อหนังมังสาตึงแน่นและหอมไปทั้งร่าง  คือสายตาอันเปี่ยมไปด้วยความรัก  คือหัวใจที่เปิดประตูกว้าง  เชื้อเชิญหัวใจอีกดวงเข้าไปอยู่ภายในอย่างยินดี  ริมฝีปากเหนือไรเคราครึ้มหยักยิ้ม  มองหน้านวลด้วยดวงตาพร่าพราย  ดีใจยิ่งกว่ามณีร่วงจากฟ้าลงมาให้คว้าเก็บ 
    
คนในอ้อมแขนส่งยิ้มให้  ใบหน้าขาว  ตากลมใส  แก้มแดงเรื่อ  ผิวเนื้อเนียนลื่น  กลิ่นสดชื่นรวยรินมา  ตาสะอาดเหมือนน้ำใสในลำธาร  มีแสงจันทร์หรือไร  ในความเยือกเย็นและอุ่นผ่าว  หรือเป็นดวงดาวกันแน่ทอประกายระยิบระยับส่องใส 

   ชายหนุ่มโหมจูบทั้งแก้ม คาง ซอกคอ  เรียกเสียงหัวเราะคิกอย่างจั๊กจี้  พอริมฝีปากเล็กเลื่อนมาประกบกับริมฝีปากเขา  สิงห์ก็ลืมตัวสิ้น  ประคองร่างน้องลงเอนกับเสื่อผืนเก่า  มือใหญ่ปลดกระดุมเสื้อตัวบางของน้องออก  แผ่นอกเปลือยเปล่าขาวผ่องช่างท้าทายเชื้อเชิญให้มือใหญ่ตะโบมโลมไล้  ลูบเอาด้วยฝ่ามืออันหยาบกร้าน  ร่างบอบบางแอ่นกายขึ้นรับอย่างรัญจวน  เสียงหวานครางเป็นสุขเมื่อคนตัวโตนาบริมฝีปากร้อนผ่าวลงบนหน้าท้อง  ต้นขาเกร็งเข้าหากัน  พี่คลายมันออกด้วยจูบแผ่วเบา  เขาเลื่อนริมฝีปากต่ำลงมาพร้อมกับมือดึงกางเกงขาสั้นออกจากกายเล็กกะทัดรัด  พริบตาเดียวร่างน้อยๆ นั้นก็เปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าต่อตา 

เสียงทุ้มครางต่ำในคออย่างสมปรารถนาเมื่อกายเปลือยเปล่าสีน้ำตาลทาบทับลงไปบนเรือนร่างขาวผ่องเหมือนกลีบมะลิสด  จ้อยผวาสะดุ้ง  แต่พี่ก็ปลอบประโลมด้วยจูบรับขวัญ  หอมเอา.. จูบเอา.. ไม่รู้เบื่อรู้หน่าย  แทบไม่มีส่วนไหนของร่างกายไม่ถูกแตะต้อง  ท่ามกลางลมหนาว  แต่ราวกับมีประจุไฟฟ้าแปลบปลาบลงมาทุกครั้ง.. ทุกจุด.. ที่ริมฝีปากคู่นั้นสัมผัส  บางจุดพี่ค่อยแตะเหมือนผีเสื้อร่อนลงเกาะดอกไม้  บางจุดพี่ดูดดึงเหมือนทารกหิวกระหาย  และบางจุด.. พี่ตะโบมกลืนกินตะกละตะกลาม  เหมือนเด็กอนาถาได้ลิ้มรสไอศกรีมเป็นครั้งแรกในชีวิต

ไม่ว่าจุดไหน.. ตำแหน่งใด.. น้องเต็มใจและเชื้อเชิญยิ่ง  ประเคนให้หมดจิตหมดใจ  ทั้งหยัดกายขึ้นรับ  ทั้งแยกขากว้างอย่างยินดี  บางทียังเรียกร้องเอาด้วยฝ่ามือสั่นเทาที่กดหัวพี่ลงมา

ร่างสูงใหญ่ผละออกมามองร่างขาวผุดผาดกลางแสงตะเกียงนวลอย่างละลานใจ  ปาดริมฝีปากฉ่ำหยาดเมือกด้วยท่อนแขนล่ำสั่น  แผ่นอกสะท้านถี่รัวไม่ต่างกัน  ตะเกียงน้ำมันมะพร้าวสะท้อนร่างขาวโพลนที่นอนหอบหายใจรัวบนผืนเสื่อ  รอยช้ำสีกลีบกุหลาบประทับทั่วเรือนกายฉ่ำชื้นด้วยหยาดเหงื่อและน้ำลาย  หนาวหรือไร.. ปลายมือปลายเท้าเจ้าแดงจัด  แม้แต่ปลายแกนกายที่ตื่นตัวเต็มที่นั่นก็แดงช้ำอย่างเลือดคั่ง  หรือพี่รุนแรงกับเจ้าเกินไป..

“เจ็บหรือเปล่า” เสียงทุ้มกระซิบถามขลาดเขลา  น้องส่ายหน้า  ดวงตาหวานฉ่ำที่ทอดมองมา  สุ้มเสียงเล่า.. หวาน.. ไม่แพ้กัน

“หนาว..” น้องยื่นมือมาหาอย่างจะไขว่คว้าไออุ่น  สิงห์ให้น้องนอนหนาวไม่ได้อีกต่อไป  ร่างกำยำโผเข้าใส่อย่างไม่รีรอ  สองกายกระหวัดรัดกันอย่างสุดรักสุดใคร่  ไฟแห่งความปรารถนาลุกลามไหม้  เปลือกเขรอะแห่งความชิงชังกะเทาะออก  เหลือเพียงเนื้อในแห่งรักอันสวยพิสุทธิ์ดั่งดวงแก้ว  เรียกวันคืนอันหวานชื่นกลับมาอีกคำรบหนึ่ง 

   สิงห์ให้น้ำหนักสะเทือนถี่รัว  ร่างจ้อยโยกโยน  แตกพลัดกระจัดกระจายยิ่งกว่าเรืออับปาง  แต่พี่ดั่งกอบกู้เรือนั้นไว้ด้วยสองมือที่ประคองใบหน้าเล็กอย่างทะนุถนอม  พรมจูบอ่อนหวานซ้ำๆ  เสียงเคียดเค้นแหบต่ำของพี่  เสียงครางหวานหูของน้อง  ไม่รู้ดังก้องถึงคุ้งน้ำไหน  ตัวตนไม่เหลือ สามัญสำนึกไม่เหลือ หัวใจลอยลิ่วไม่รู้แห่งหน ปล่อยตัวตามแรงโหมอารมณ์ ปาก มือ ลิ้น ขา สะโพก เอว แผ่นหลัง ทุกส่วนเริงระบำเหมือนมีชีวิตของมันเอง  จนถึงที่สุด  ข้างในกระตุกรัดแน่น  โอบอุ้บ.. รองรับ.. แต่ปลดปล่อยตัวเองเหมือนตาน้ำที่ถูกแซะ  ทะลักทะลาย 

   วินาทีนั้น  สิงห์เพิ่งรู้จริงๆ ว่าในอกยังมีหัวใจ  และในหัวใจยังมีดอกไม้สะพรั่งเพียงนี้ 

*****************************

   ฟ้าสาง  เสียงดุเหว่ากังวานแว่วหวานมา  ปลุกนายสิงห์ สีตลาให้ตื่นขึ้นในเช้าที่ลมหนาวโบยโบก  หนาวแค่เพียงกาย  แต่หัวใจหนุ่มนั้นอบอุ่นหวานซ่านยิ่งนัก  แม้จะตื่นมาพบเพียงผืนเสื่อว่างเปล่า  แต่กลิ่นข้าวหุงหอมที่โชยมา  บอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพังอีกต่อไป

ตะวันยังมิเผยดวง  เห็นเพียงแสงรำไรพอมองเห็นลายมือ  หากแผ่นหลังขาวๆ ที่นั่งอยู่ริมท่านั้นจับตานัก  ไอหมอกเย็น  กลิ่นดินหอม  น้ำค้างประตามใบหญ้าดั่งอัญมณีปูทางให้เขาเหยียบย่างไปหายอดดวงใจ  เสียงไก่ขันดังแว่วดั่งแตรประโคมรับขวัญอันอิ่มเอิบ

น้อง.. ไม่สิ.. เมีย.. เวลานี้คงเรียก ‘เมีย’ ได้แล้วสิหนอ  ร่างเล็กในผ้าขาวม้าผืนเดียวกำลังลงแรงขยี้ผ้าขะมักเขม้น  จ้อยคงรีบซักให้ทันแดด  มือแข็งแรงคลี่ผ้าขาวม้าที่ติดมือมาลงคลุมไหล่เล็กให้ก่อนนั่งลงเคียงข้าง  น้ำในคลองที่วักขึ้นล้างหน้าวันนี้เย็นชื่นกว่าทุกวัน  มันซ่านเข้าไปถึงหัวใจ 

   ชายหนุ่มแค่อยากมองหน้าน้องเงียบๆ อยู่อย่างนั้น  มองให้แน่ชัดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้ฝันไป  ค่ำคืนที่อ่อนหวาน.. ค่ำคืนที่ร้อนเร่า.. ค่ำคืนที่เจ้าสมัครใจทอดกายให้พี่เชยชม  ไม่มีการกุมเหงน้ำใจกันสักนิด  มีแต่ความรักความห่วงหา  แสงเงินแสงทองส่องพ้นขอบฟ้ามากระทบลงช่วงไหล่เล็ก  ผิวขาวๆ เกลื่อนไปด้วยรอยช้ำแดงเป็นจ้ำ

มองไปมองมาลูกกะตาเจ้ากรรมก็ไพล่ไปเห็นอะไรแว้บๆ ใต้ร่มผ้าเข้าให้  พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย  จ้อยมันจะรู้ตัวมั่งหรือเปล่าหนอว่าชายผ้าขาวม้าที่รั้งขึ้นไปถึงหน้าขามันนั้น  บัดนี้กำลังแหวกอ้าออกโชว์ขาอ่อนขาวเนียนอย่างชัดเจนแจ่มแจ๋วเสียนี่กระไรเลย  คอหอยนักเลงหนุ่มถึงกับแห้งผาก  จะกลืนน้ำลายสักอึกยังฝืดคอ

   มือเล็กที่กำลังขยี้ผ้าอยู่ชะงักกึก  พอเงยหน้าขึ้นมองเห็นสายตาฉ่ำเยิ้มชอนไชไปใต้ผ้านุ่งก็รีบหุบขาหมับ  คนตัวโตรีบกระแอมแก้เก้อคว้าสบู่มาถูตัวพัลวัน  อนิจจาดันคว้าสบู่กรดตราธงเสียนี่  รีบล้างน้ำออกแทบไม่ทัน  ดูเดชขาอ่อนมั่งเหอะ  อานุภาพมันร้ายแรงปานใด  ขาสวยจนเมื่อคืนอดเอาแก้มเข้าไปเคลียไม่ได้  ยิ่งนึกถึงรสรักอันตราตรึง  อะไรที่มันสงบอยู่ดีๆ ก็ทำท่าจะแผลงผงาดขึ้นมาอีกแล้วพุทโธ่เอ๋ย   

“จ้อย..” เสียงห้าวกระซิบแผ่ว  เบียดกระแซะเข้าไปหาน้อง  ยื่นหน้ายื่นตาทำท่าจะหอมสักฟอดให้ชื่นใจ

“ไม่เอา..” จ้อยซ่อนยิ้ม  เบี่ยงหน้าหลบพัลวัน “เดี๋ยวมีคนเห็น”

“ไม่มีใครหรอก” คราวนี้แขนกำยำโอบรัดน้องไว้ทั้งตัว  ดูหรือจะหนีไปไหนพ้น “เถอะน่า..นะ..”

“ฮื้ออ..” นักเรียนครูปัดป้องพอเป็นพิธี  และพอริมฝีปากกำลังจะแนบลงไปบนแก้มขาวๆ ให้ชื่นใจสักฟอด...

“เฮ้ย! ไอ้สิงห์โว้ย!” เสียงเอะอะมะเทิ่งดังมาจากด้านหลัง คู่ที่กำลังกอดกันดีๆ เมื่อกี้ดีดตัวจากกันหยั่งกะติดสปริง  ไอ้สิงห์แทบทุบกำปั้นลงพื้นอย่างมีมะโห

ไอ้ทิดปลั่ง กุลีโรงสีนี้ อาศัยนอนอยู่กระท่อมด้านหลังโน้น ไปมาหาสู่กันประจำ  แต่ปกติไม่เคยมาเช้าขนาดนี้นี่เฮ้ย!

“อ้าว.. เมื่อคืนครูนอนนี่เรอะ” หนุ่มรุ่นพี่ทักทายเมื่อเห็นจ้อย  ในมืออุ้มไอ้โต้งขนดำเป็นเงามาตัว

“มึงมาทำไม!” ลูกชายกำนันทักกลับไปบ้างด้วยความเคารพ

“กูพาไก่มาล้างหน้า”

   คนฟังทั้งสองสะอึกอึ้ก  ก้มหน้าซ่อนแก้มแดงซ่าน  หากทิดปลั่งเอาแต่แกว่งผ้าลงน้ำคลองเอามาเช็ดหน้าไอ้โต้ง  หาได้สนใจไม่  กระทั่งแกเงยหน้าขึ้นอีกที “ฮั่นแน่ะ” แกหรี่ตามองพ่อนักเลงตกยาก “ชักเอาใหญ่แล้วนะมึง  ไหนว่าจะทำงานเก็บเงิน  นี่ดอดไปตีหม้อที่ไหนมา”

   สิงห์หน้าร้อนฉ่า  ก้มลงสำรวจตัวเอง  ฉิบหาย!  รอยแดงเป็นจ้ำๆ ให้เกลื่อน

สายตาซอกแซ่กหันไปมองจ้อยมั่ง “ไปคนเดียวไม่ว่า  พาครูไปเสียเด็กด้วยนะมึง”

คู่วัวผัวเมียกระชับผ้าขาวม้าห่อตัวดังฟึ่บ  ปกป้องสันหลังหวะไม่ให้แร้งกาที่ไหนลงมาจิกกิน

“ยะ..ยุงกัดกูหรอก!” สิงห์เถียงปากคอสั่น 

“ยุงเหี้ยอะไร! ปากเท่าหอยโข่ง!” ทิดปลั่งตวาดใส่เข้าให้  เล่นเอาจ้อยคลำปากหมับ  สิงห์คว้ามือน้องลง  อย่ามีพิรุธสิทูนหัว  ปากเอ็งน่ารักกว่าปากหอยโข่งเยอะ  ไม่ต้องกังวล 

ตัวเสือกอุ้มไก่เดินกลับไป  สิงห์ถอนใจเฮือก  กอขอคอไปได้เสียที 

“ไอ้สิงห์!” คนที่เดินไปไกลแล้วอยู่ดีๆ ก็ตะโกนลั่น “กระท่อมมึงโย้!” ว่าพลางชี้โบ๊ชี้เบ๊  สิงห์หันมองตาม  ฉิบหาย! กระท่อมเอียงไปข้างจริงๆ ด้วย

“เมื่อคืนมีพายุเรอะวะ  ไอ้ข้าก็หลับไม่รู้เรื่อง” ว่าแล้วก็เกาหัวแกรกๆ เดินจากไป 

คู่ข้าวใหม่ปลามันลอบส่งยิ้มให้กัน 

พายุสวาทสิไม่ว่า..

*****************************

ท้ายตลาดซึ่งเป็นที่ตั้งของเรือนโคมเขียวอันเงียบสงบในตอนเช้า หากคึกคักครื้นเครงเหลือหลายในตอนตะวันตกดิน ทว่าเพลาสายโด่งเช่นวันนี้ผิดแผกกว่าทุกวัน

ไอ้อ้วนเลิศและไอ้หมาน  สองคู่หูสมุนไอ้ลอยนักเลงเขื่องประจำตลาด  พวกมันพากันเฮโลวิ่งขึ้นบันไดโครมคราม  ตรงเข้าเคาะประตูห้องนอนใหญ่ถี่รัวกัมปนาทดั่งระเบิดลงก็ไม่ปาน  ร้องเรียกพี่ลอยๆๆ กันให้ขรม  เคาะอยู่นานบานประตูก็ถูกกระชากเปิดผางออก

ร่างที่ก้าวออกมานั้นใหญ่บึกอย่างวัวเปลี่ยว สูงตระหง่าน อกแตกแผงกำยำ ใบหน้าทะมื่น หนวดเคราขึ้นเป็นไรเขียวครึ้ม ตาแดงดั่งแสงเพลิงฉายฉาน  ทั้งตัวมีเพียงผ้าขาวม้าพันท่อนล่างไว้หมิ่นเหม่ 

“เคาะหาเหี้ยอะไรแต่เช้า!” เสียงคำรามทะลักล้นออกมาจากลำคอ “กูเพิ่งได้นอนเมื่อตอนหัวรุ่ง”

สองสมุนหงอคอหด  ไอ้หมานเยี่ยมๆ มองๆ เข้าไปในห้อง  พบกะหรี่สะคราญสามนางนอนเกลือกอยู่บนเตียงยับย่น  ผ้าผ่อนหลุดลุ่ยไม่ติดตัว 

๓ คนเชียว  สงกะสัยช่วงนี้พี่ลอยจะหงุดหงิดเป็นพิเศษ 

ก็ไอ้พี่สิงห์มันลาออกจากการเป็นลูกคุณนายพูนทรัพย์แล้ว  รายได้ของกลุ่มก็พลอยหดหาย  พี่ลอยไม่รู้จะหันไปไถกะตังค์ใครน่ะซี้

ไอ้อ้วนเลิศเป็นคนเริ่มเรื่อง 

“เมื่อเช้าคุณนายทรัพย์แกให้พวกเราไปตามเก็บดอกที่กระท่อมยายช้อย”

“เกี่ยวอะไรกับกู” ไอ้ลอยจุดบุหรี่สูบ  เปลวไฟแดงวาบที่ปลายมวน  เฮ้อ.. น่าเบื่อหน่าย  ชีวิตช่วงนี้มันน่าเบื่อหน่าย  มันขี้คร้านจะระรานอะไรไอ้จ้อยอีก  ตอนนี้คู่นั้น..หมายถึงไอ้สิงห์กะไอ้จ้อย กลายเป็นของเบื่อสำหรับมันไปเสียแล้ว  หาความสนุกตื่นเต้นไม่ได้อีกต่อไป

“พวกมึงแหละไป” ร่างสูงใหญ่ยืนพิงกรอบประตู  เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง  พ่นควันเป็นสายคลุ้ง “แต่ระวังด้วยล่ะ  จินดามันชอบซ่อนพร้าไว้ใต้หมอน  ไม่รู้ไอ้จ้อยมันจะทำเหมือนพี่มันไหม”

“ไปก็ไม่เจอไอ้จ้อยหรอก  แต่จะเจอหลานคนใหม่ยายช้อยแทน” ไอ้เลิศว่า

“หือ?”

“เมื่อเช้าที่ตลาดเขาฮือฮากันใหญ่  ยายช้อยพาใครไปขายผักด้วยรู้ไหม”

“ไอ้ชายเล็กน่ะซี้!” ไอ้หมานตอบให้เสร็จสรรพ  ชื่อนั้นกระตุกความสนใจได้ชะงัดนัก “ยายเฒ่าก็เที่ยวโอ่ไปทั่ว  บอกว่าหลานคนใหม่มาขออยู่ด้วย  ผักงี้ขายดีแผล็บเดียวเกลี้ยงแผง  ทั้งสาวแก่แม่หม้ายต่อคิวกันเป็นหางว่าว”

“พี่ไม่ไปงั้นพวกฉันไปล่ะ” สองสหายร่ำลาก่อนหันหลังกลับ  ทว่ามือแข็งๆ คว้าไหล่ไว้ทันท่วงที   

“เดี๋ยว..” ลูกพี่ยิ้มมุมปากเหี้ยมเกรียม  แววตาเปล่งประกาย “กูไปเอง”

เรื่องสนุกกำลังรออยู่! 


โปรดติดตามตอนต่อไป


สวัสดีค่าคนอ่านที่รัก

กลับมาแร้ว ครบหนึ่งเดือนพอดีเลยคิคิ ช่วงนี้อากาศรวนเรเนอะ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว วันดีคืนดีมีฝนอี๊ก ฮ่วย! นี่ดอกไม้ก็เป็นหวัดอยู่นะคะนี่ นึกว่าจะมาปั่นครึ่งหลังอัพวันนี้ไม่ทันซะแล้ว พอดีลูกค้าไลน์มาเลื่อนนัดค่ะ เย้ๆ เลยมีเวลาปั่นนิยายต่อได้ฮึบๆๆ

รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ เป็นห่วงเน้อ

รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้
๒ ก.พ. ๕๘

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
สลับกันหวาน และเศร้าสินะ  :mew4: :mew4:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ดราม่าไม่จบไม่สิ้น  ชายเล็กเอ๊ยยยยยย

ออฟไลน์ uchikas

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ครึ่งหลัง ต้องยกให้กับคู่สิงห์จ้อย
หวานปานน้ำผึ้ง
 :o8:
ส่วนเล็กก็เจ็บไปรักไป

ออฟไลน์ ตัวเลข

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ในที่สุดสิงห์ก็ทลายกำแพงของจ้อยลงได้ซะที

ที่นี่ก็มาลุ้นคู่ของอาจารย์จะผ่านอุปสรรคกันได้หรือเปล่านะ

ออฟไลน์ Teddysdeath

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เกลียดไอ้ลอยมันจริงๆเลย :beat:


พี่สิงห์น้องจ้อยทำกระท่อมพังไปเลยน้ารอบหน้าน่ะ  :z1: :hao6: :pighaun:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ไอ้ลอยออกโรง ดูซิว่าอาจารย์คนึงจะนิ่งเฉยปล่อยให้ชายเล็กตกในมือโจร
หมั่นไส้แกมเอ็นดูไอ้คู่รักข้าวใหม่ปลามัน หนอย...เล่นซะกระท่อมโย้
คนเขียนช่างรจนาถ้อยคำได้สัมผัสอารมณ์ยิ่ง ไม่ว่าจะบทหวาน บทเศร้า บทโศก
ใช้เวลาอ่านนานมาก ค่อยละเลียดกับภาษาและอารมณ์ตัวละคร ไม่อยากให้จบ เพราะไม่รู้จะมาอีกเมื่อไหร่

ออฟไลน์ Julytastic

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
กรี๊ดดดดด เขารักกันจนกระท่อมเอียงเลยเรอะ :hao7:
คู่พี่สิงห์-จ้อยนี่บทจะหวานก็เอาซะอ่านไปเขินไปเลยเนี่ย
ชอบมากกกกกกค่า :ling1:
สงสารคุณชายเลอมานจริงๆ
ไม่รู้จะโดนไอ้ลอยทำอะไรมั้ยเนี่ย
อาจารย์คนึงรีบมาช่วยคุณชายด่วนๆเลยนะ :serius2:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ไม่อยากอ่านแล้ว คุณดอกไม้เขียนดราม่าและอาชญากรรมได้โหดร้ายต่อใจมาก นี่คือคำชมนะ ไม่ได้ต่อว่า อินจนไม่อยากอ่าน ตั้งแต่สมัยอุดหนุนหนังสือ คู่พี่น้องญี่ปุ่นอ่ะค่ะ ที่มีสองเล่ม เล่มแรกเราอ่านรอบเดียว ไม่เคยกลับไปอ่านซ้ำเลย มันเศร้า อ่านซ้ำแต่เล่มสอง

ออฟไลน์ DATAs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :hao6: :hao6:    น้องจ้อยกับพี่ฉิง หวานมากกกกก น่าร๊ากกกกก    :z1: :z1:

 :m15: :m15:   แต่คุณชายกับอาจารย์ นี่ยังอาการหนัก    :monkeysad: :monkeysad:

 :เฮ้อ: :เฮ้อ:   ไอ้ลอยจะไปทำอะไร ชายเล็กอีกล่ะเนี้ย   :hao3: :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด