hello! SUNSHINE [ตะวันร้าย..ที่รัก]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณปลื้มตัวละครไหนมากที่สุด?

ซันนี่
ซินเซียร์
ไอ้เอี้ยฟ้า
ไอ้บ้ากาย
อิเมย์บี

ผู้เขียน หัวข้อ: hello! SUNSHINE [ตะวันร้าย..ที่รัก]  (อ่าน 1235632 ครั้ง)

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
อ่านตอนนี้แล้วเราขัดใจนะ
 :3125:
ทำไมทุกเรื่องจะต้องมะรุมมะตุ้มอัดกันในตอนนี้ด้วย?
ทำไมน้องกายถึงยอมเลิกกับซินได้ทั้งๆที่รักซินออกขนาดนั้น?
ทำไมฟ้าถึงไม่กลับมาซะที?
ทำไม ทำไมและทำไม?
ตอนนี้ไม่มีอะไรจะบอกแล้ว
รู้แต่ว่าเคืองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
 :serius2:
คนเขียนทำร้ายน้องกายของเรา

missmemory

  • บุคคลทั่วไป
ฟ้าหายไปหนาย ซันนี่รอนานๆ ก็มีเหนื่อบ้าง ท้อบ้างนะ  เดี๋ยหาแฟนใหม่โลด

ออฟไลน์ BlackKnight09

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ใช่ ๆๆๆๆ หายไปนานขนาดนี้ จะเลิกกันแล้วเหรอ หว้า เสียดาย แต่ก็อาจจะดีจะได้ไม่ต้องเสี่ยงตาย ซันนี่

แต่ก็เสียใจนะ เอาเป็นว่ารอต่อไปดีกว่า เนอะ

ว่าแต่ กายกันซินเลิกกันแล้ว แล้วซินจะไปหาไท่หลัน ใช่ไหม แล้วยังไงอ่ะ

รอตอนต่อ ไป ๆๆๆๆๆ

ปล อดเล่นเกมส์อ่ะ เข้ามาก็หมดเวลาเล่นแหละ มีอีกไหมอ่ะ อยากเล่นด้วย ดีใจมาเห็นคำว่าเล่นเกมส์ พออ่านจบ หมดเขตไปแล้ว
โอ้ย อดๆๆๆๆ 

ออฟไลน์ honeyhoon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ถ้าจะจบแบบนี้ก้อฆ่ากันเลยดีกว่า อย่าใจร้ายตัดจบเลยนะค่ะ :sad4: ตกใจนึกว่าจะหนีตามกันจริงๆซะอีก โล่งไป555 สู้ต้อไปนะซันนี่และเอี้ยฟ้า :n1:

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
OMG อะไรวะคะ ทำไมมันเป็ยเเบบนี้วะค่ะ


ตกใจไปหน่อยเผลอ หยาบไปนิด เกินอะไรขึ้นนี้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! :a5: :a5: :a5: :sad4: o22

ออฟไลน์ tay028643904

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
เอ้ยยยยยยย!! ไม่เคลียร์อย่างเเรงอะไรกัน?
 ชิฮัวท้อง ซินเลิกกับสกายฟ้าไม่ยอมกลับมา
ซันต้องไปพอจิตเเพทย์คือคุณพิณเป็นประจำ
ซินกับซัน  ยัายไปเรียนต่ออังกฤษ  o22

โอ้มายก็อตตตตตตต!! :serius2:
เรื่องมันชักจะยังไงๆ เเล้วน้ะ
ขอร้องงงงง อย่ามามาเลยเหอะ :call:
ไม่เอาชีวิตจริงงงงงงงงงงงงงงงง!
นี้มันนิยายเฟ่ยยย!  :beat:




ขืนจบเเบบนี้ เราเจ็บ จึก! จึ้ก! น้ะT^T
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-09-2012 01:13:20 โดย tay028643904 »

Mitsu_sama

  • บุคคลทั่วไป
ฟ้าาาาา ถ้านายยังไม่กลับมา เราจะแช่งให้ซันนี่คบกับจี้นะ 5555 //โดนต่อย

รอตอนจบ+หนังสือค่ะ >< :L1:

ออฟไลน์ warnana001

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หึยยย สกายกับซินเลิกกันจริง อ่ะ!! :o12:
เอี้ยฟ้าหายหัวไปไหน? กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!!
ซันนี่ห้ามลืมเด็ดขาดต้องรอเอี้ยฟ้านะครับ :sad4:

netsu

  • บุคคลทั่วไป
ไม่นะ..........ฟ้าหายไปไหน
กลับมาเร็วๆเข้านะ
รู้ไหมว่าซันนี่คอยอยู่น่ะ

 :m15: :m15:

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
L a s t    C h a p t e r









ตึง! ตึง!! โครม!!!



เฮือก!.. เสียงเอะอะจากด้านนอกกระชากผมออกจากห้วงฝันอย่างไร้มารยาทถึงขีดสุด ผมผวาลืมตา หัวใจเต้นรัว เกร็งตัว และเหงื่อซึมอยู่ไม่กี่วินาทีก่อนจะระลึกได้ว่าตัวเองได้ตื่นขึ้นมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้งแล้ว...


“กาย..กลับมาแล้วเหรอ?” ผมพึมพำกับตัวเองขณะยันตัวลุกขึ้นนั่ง และนั่งแช่อยู่อย่างนั้นพักใหญ่กว่าจะตัดสินใจได้ว่าควรจะลุกไปอาบน้ำ


แล้วหลังจากนั้น...ค่อยว่ากันอีกที 


ปัง!


เสียงเดินตึงตัง เสียงโครมครามจากการกระแทกประตูปิดเปิดยังมีดังเข้ามาให้ได้ยินเป็นระยะ ขณะผมยืนสำรวจเงาตัวเองในกระจกและพบว่าหนวดเคราพรอมแพรมที่อุตส่าห์เลี้ยงไว้มันเริ่มชี้โด่เด่ไม่ค่อยสามัคคีกันแล้ว ผมเดินออกไปหากรรไกและกลับเข้ามาใหม่เพื่อตัดเล็มขนบนหน้าให้เข้ารูป ..อืม ผมได้ไอเดียนี้มาจากตอนที่เห็นซินไว้แหล่ะ มันดูเท่ห์ดี แล้วอีกอย่างเวลาที่เราต้องโกนหนวดโกนเคราทุกวันๆ มันก็ทำให้ผิวของเราหยาบกร้านด้วย เลยคิดว่าโกนเท่าที่จำเป็นดีกว่า


..นะ ก็เพราะขี้เกียจด้วยแหล่ะ


เสร็จจากหนวดก็มาสำรวจหัวตัวเองบ้าง.. เมื่อหลายวันก่อนนอนดู MTV เห็นทรงผมนักร้องนำวงร็อควงนึงแล้วชอบใจชะมัด เมื่อวานเลยลองไปให้ช่างตัดให้บ้าง ไถเอาผมด้านข้างทั้งสองข้างออกไปเลย แต่ปล่อยข้างบนเอาไว้เซ็ตให้มันตั้งๆ ..เท่ห์ซะ ฮ่ะๆๆ โชคดีที่บริษัทของผมค่อนข้างจะฟรีสไตล์เรื่องการแต่งตัว


ว่าแต่ตัดแบบนี้ก็เย็นสบายหัวดีเหมือนกันนะ เข้าใจเลยว่าทำไมยูริมันถึงได้ปลื้มสกินเฮดนัก


“อย่าหนีนะ! มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน” 


ผมถอนหายใจกับเสียงโวยวายที่ดังเล็ดลอดมาเข้าหู ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าไปในส่วนที่ใช้อาบน้ำ..


วันนี้วันหยุด ผมไม่ต้องไปทำงาน.. ปกติแล้วผมจะนอนอืดอยู่บนเตียงไปเรื่อยๆ กระทั่งหิวจนทนไม่ไหวนั่นล่ะถึงจะยอมลุกออกมา ซึ่งบางทีมันก็กินเวลาข้ามวันเลยทีเดียว


ปัง!! ตึง! ..แต่วันนี้คงนอนต่อไม่ไหวหรอก


เดี๋ยวนี้ผมทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่ในบริษัทผลิตเกมส์แห่งหนึ่ง สำนักงานอยู่แถวมารีลโบน(Marylebone)นี่เอง ทำมาได้ปีนึงแล้ว ซินพยายามชวนผมไปช่วยงานที่บริษัทนำเข้าส่งออกดอกไม้สดของมาร์ตินอยู่หลายครั้ง แต่ผมยังรู้สึกสนุกกับงานที่ทำอยู่ตอนนี้พอควร เลยขอผ่านไปก่อน


..ก็ใช่ ตอนนี้ซินทำงานอยู่ที่นั่น เริ่มทำตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ(ประมาณ 2 ปี) ปัจจุบันก็ขึ้นแท่นเป็นผู้บริหารแล้ว คงเพราะมาร์ตินเองก็อยากจะวางมือเต็มแก่แล้วเหมือนกัน ..ปีหน้าก็จะครบ 70 แล้วนี่นา คงหวังจะให้ซินรับช่วงต่อแหล่ะ


แต่อย่าคิดว่าท่านผู้บริหารหญ่ายอย่างซินเซียร์คนจริงจะใส่สูทเรียบเนี้ยบนิ้งดูภูมิฐานเหมือนผู้บริหารเมืองผู้ดีคนอื่นเขาหรอกนะ อย่างดีสุดก็แค่ใส่แจ็คเก็ตสูททับเสื้อยืด กางเกงสแลคบ้าง ยีนส์บ้าง แล้วแต่อารมณ์ แล้วก็รองเท้าผ้าใบ ..อะไรประมาณนั้น ทรงผมอาจไม่ได้หลอดหรอยสีทองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ก็เป็นเปียสีดำแทน ..อือ ก็เดทร็อคแบบถักเปียทั้งหัวนั่นล่ะ ไม่รู้สึกปวดหัวบ้างหรือไงก็ไม่รู้? แน่นซะ... ส่วนเรื่องหนวดเคราก็.. ถ้าหวานใจไม่มามันก็ไม่โกนหรอก ไว้เป็นปียังเคย.. คงเป็นผู้บริหารที่ดูถ่อยที่สุดในลอนดอนแล้วล่ะ (บริษัทของมาร์ตินก็เป็นผู้นำเข้าดอกไม้รายใหญ่สุดของลอนดอนด้วยสิ)


แต่ดูเหมือนสาวๆ เมืองนี้จะคลั่งกันมากมายเลยนะกับไอ้พ่อค้าขายดอกไม้ลุคโคตรพ่อแบดบอยชื่อ ซินเซียร์ เนี่ย..


หลังอาบน้ำเสร็จผมก็ออกมาหาเสื้อผ้าใส่อย่างไม่ค่อยกระตือรือร้นนัก.. จริงๆ แล้วผมไม่ค่อยชอบวันหยุดสักเท่าไหร่หรอก คงเพราะไม่รู้จะทำอะไร นั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ มันก็เบื่อ ไอ้ครั้นจะออกไปเตร็ดเตร่บริหารเสน่ห์ที่ข้างนอกอย่างที่  ซินชอบทำ..ผมมันก็ขี้เกียจเกินไป แม่เคยบอกว่าผมชักทำตัวเหมือนขอนไม้แห้งๆ ที่ลอยคอรอคอยให้น้ำพัดเข้าฝั่งเข้าไปทุกที ทั้งที่ผมเพิ่งจะอายุยี่สิบต้นๆ แท้ๆ ..ซึ่งมันก็อาจจะจริง บางทีผมก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างอะไรจากขอนไม้แห้งๆ กลวงๆ รอวันผุพังเลยจริงๆ ทุกวันนี้ผมก็แค่ตื่นขึ้นมา ทำกิจวัตรประจำวัน ออกไปทำงาน เลิกงานแล้วก็กลับมานอนบ้าน(..บ่อยครั้งที่ต้องหอบงานกลับมาทำที่บ้านด้วย)


วันไหนเปลี่ยวๆ หน่อยก็อาจจะออกไปดื่มที่บาร์ มองหาสาวขี้เหงาสักคนมาใช้เวลายามค่ำคืนด้วยกัน แล้วก็แยกย้ายกันก่อนที่พระอาทิตย์ของวันใหม่จะโผล่ขึ้นมา.. เป็นวัฏจักรซ้ำๆ ซากๆ อยู่แค่นั้นเอง ความตื่นเต้นในชีวิตผมมันหดหายไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้


ให้ตายสิ แค่คิดว่าต้องอยู่แบบนี้ไปอีก 80 ปี ผมก็ขี้เกียจหายใจแล้ว(..อืม เห็นซินบอกกะจะอยู่สัก 100 ปีน่ะ ผมก็เลยต้องอยู่เป็นเพื่อนมันน่ะ)


!!.. แรงสั่นสะเทือนที่ดังครืดๆ อยู่บนหัวเตียงทำให้ผมต้องผละจากกระจกตรงหน้า แล้วไปคว้ามือถือขึ้นมากดรับแทน


“ว่าไง?” ผมกรอกวลีสั้นๆ ลงไปด้วยความคุ้นเคย


“วันนี้หยุดใช่รึเปล่า? มีโปรแกรมอะไรรึยัง?” ถามเกริ่นนำมาแบบนี้แสดงว่างานกำลังจะเข้าผมอย่างไม่ต้องสงสัย


“ไม่มี.. จะให้ช่วยอะไรล่ะ?” ผมถามทั้งที่พอจะเดาได้ลางๆ บ้างแล้ว


“มาเล่นกับพวกตัวเล็กซักพักสิ พอดีต้องเอาของที่คุณซอลลืมไว้ไปให้ที่ค็อตสวอลด์สโน่นน่ะ ..วันนี้พี่เลี้ยงก็ลาหยุดด้วย เลยไม่มีใครดูเด็กๆ ให้”


“ซอลลี่ไปทำอะไรที่ค็อตสวอลด์ส?”


ค็อตสวอลด์ส(Cotswolds) เป็นแถบชนบทที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามสไตล์อังกฤษโบราณ(มีแต่บ้านที่สร้างด้วยหินปูน) อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของลอนดอน ห่างออกไปราวร้อยไมล์เห็นจะได้


อืม.. ก็ไม่ใช่ใกล้ๆ เลยนะ ถ้าขับรถเองคงใช้เวลาไปกลับไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง ..จะให้ผมดูเจ้าตัวยุ่งพวกนั้นตั้ง 3 ชั่วโมงเนี่ยนะ? จะรอดเหรอวะ?


“ไปถ่ายโฆษณาน้ำหอม”


“อืม.. เดี๋ยวไป” ถึงใจจะไม่อยากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็รับคำขอนั้น..


เอาเหอะ ยังไงก็ว่างอยู่แล้วนี่นะ


ซอลลี่กับยูริแต่งงานกันเมื่อปีก่อน พิธีถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายในโบสถ์เล็กๆ แถบเชลซี(Chelsea) แขกก็มีเฉพาะครอบครัวกับเพื่อนสนิทเท่านั้น หลังสาบานเป็นคู่ชีวิตต่อหน้าสักขีพยาน ทั้งคู่ก็ได้จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายอังกฤษด้วย ปัจจุบันจึงอยู่กินกันฉันสามีภรรยาอย่างเปิดเผย มีเบบี๋ด้วยกันแล้ว 2 คน เป็นเด็กแฝดสุดแสบที่เกิดจากการนำสเปิร์มของทั้งคู่มาผสมเทียมกับไข่และฝากไว้ในท้องแม่อุ้มบุญ


ผมเคยถามยูรินะว่านึกยังไงถึงยอมมาอยู่บ้านเลี้ยงลูกให้ซอลลี่?(คือมันไม่ใช่วิสัยปกติของผู้ชายทั่วไปไง) ไอ้ยูบอกตัวมันเองก็ไม่ได้มีอะไรที่อยากจะทำเป็นพิเศษอยู่แล้ว ลองอยู่บ้านให้ผู้ชายหาเลี้ยงดูก็คงไม่เลวนัก.. เฉื่อยสนิทจริงๆ ผู้ชายคนนี้


แกร่ก.. ผมเปิดประตูห้องส่วนตัว เดินลงบันไดมาสี่ห้าขั้นก็พบกับห้องนั่งเล่นที่ใจกลางมีคนสองคนกำลังยืนเผชิญหน้ากันอยู่ หนึ่งในนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่ชายฝาแฝดของผม.. มันกำลังยืนก้มหน้า กัดปาก กำหมัดแน่นอยู่ต่อหน้าใครอีกคน ..ท่าทางแบบนี้ ดูก็รู้ว่าคงไปทำอะไรผิดมาสักอย่าง ถูกจับได้ และกำลังเถียงไม่ออก


ว่าแต่..โกนหนวดออกแล้วนี่นา


“ไง? ผมทรงใหม่เท่ห์ดีนะ” คนที่ยืนกอดอกตีหน้านิ่งอยู่ตรงข้ามซินพยัก พเยิดถามผมทันทีที่เหลือบมาเห็น


“แหงล่ะ” ผมยักไหล่ตามประสาคนมั่นใจในตัวเอง(ฮ่ะๆ) “แล้วนี่มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่?”


“ตีสองกว่า” อีกฝ่ายตอบสั้นๆ


ผมพยักหน้าเข้าใจ ..เข้าใจแล้วว่าเช้านี้มันเกิดโลกาวินาศอะไร ถ้าจำไม่ผิดเมื่อคืนวานซินบอกว่าลูกค้าชวนไปปาร์ตี้(แน่นอนว่าต้องเป็นลูกค้าสาวๆ) แต่ผมจำไม่เห็นได้ว่ามันกลับมาตอนไหน ..ถ้าให้เดาจากบรรยากาศคุกรุ่นรอบตัวตอนนี้ก็คงมีแค่ช้อยส์เดียว...เช้า..ชัวร์


“วันหยุดแบบนี้จะออกไปไหนแต่เช้า?” ไอ้ตัวดีขมวดคิ้วถามหลังสังเกตเห็นผมอยู่ในชุดเตรียมพร้อมออกไปข้างนอกเต็มที่ มือข้างหนึ่งมีถุงมือ ผ้าพันคอ และร่ม ส่วนมืออีกข้างมีโทรศัพท์มือถือกับโค้ทหนังตัวยาว


..ก็ช่วงนี้อุณหภูมิที่ลอนดอนไม่ถึงสามองศาด้วยซ้ำ ไม่รู้เมื่อไหร่จะผ่านพ้นเดือนกุมภาฯไปสักที ..แต่ฝนน่ะตกตลอดปีตลอดชาติอยู่แล้ว


ส่วนหิมะน่ะเหรอ? ...ยาก ไม่ใช่ของที่จะหาดูได้ทุกปีสำหรับเมืองนี้แน่ๆ


“ไปดูพวกตัวแสบน่ะ ยูริมันจะออกไปทำธุระข้างนอก”


“แล้วพี่เลี้ยงเด็กไปไหนหมด?”


“ลาหยุด” ผมตอบขณะเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น


“ตกลงว่าไง?” ได้ยินเสียงสองคนนั้นเริ่มปะทะคารมกันต่อ


ผมหยิบรองเท้าจากชั้นวางมาใส่.. ใส่ถุงมือ..


“ก็บอกว่าขอโทษแล้วไง! จะเซ้าซี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา?”


เหวี่ยงโค้ทคลุมตัว มัดสายคาดเอว ผูกผ้าพันคอ ..เป็นอันเสร็จพิธี แค่นี้ก็ออกจากบ้านได้


“ให้ได้ ‘สำนึก’ ไง เคยมีซักครั้งมั้ยที่..”


ปัง.. เดินออกมาแล้วก็งับประตูปิดอย่างเบามือ ลมหนาวและละอองฝนเย็นเฉียบจู่โจมเข้ามาปะทะใบหน้าก่อนจะทันได้ทันกางร่มเสียอีก


ดูเหมือนผู้คนในละแวกนี้จะยังหลับฝันดีกับเช้าที่ไม่ต้องรีบออกไปทำงาน


“Taxi!” ผมโบกมือเรียกรถแท็กซี่ที่วิ่งผ่านเข้ามาพอดี ..มันจอด และผมก็เสือกไสตัวเองหนีอากาศเหน็บหนาวเข้าไปในนั้น บอกชื่อเขตและถนนที่ต้องการจะไปเรียบร้อย


ผมมาอยู่บ้านหลังนี้ตั้งแต่อพยพมาลอนดอนได้ราวสี่เดือน มันอยู่ในเขตเมย์แฟร์(Mayfair) ย่านกรุงเก่าสุดหรูหราใจกลางมหานครลอนดอนนี่ล่ะ แม่เป็นคนแนะนำให้ เห็นว่าเป็นบ้านของคนรู้จัก ส่วนตัวเจ้าของบ้านนั้นย้ายหนีความวุ่นวายออกไปอยู่แถบชานเมืองแทน


ผมชอบบ้านหลังนี้ตรงที่มันค่อนข้างจะกว้างขวาง(อย่างน้อยก็กว้างกว่าคอนโดเก่าที่กรุงเทพล่ะ) ถึงตัวตึกภายนอกจะดูเก่าๆ ตามสภาพบ้านเมืองแถบนี้(แต่ก็ให้อารมณ์คลาสสิกแบบอังกฤษแท้ๆ) แต่ภายในนี่ใหม่มากเลยนะ ตกแต่งสไตล์วินเทจ ดูเก๋ดี.. ทำเลก็ดี อยู่ใกล้กับไฮด์ปาร์คด้วย ที่สำคัญคือมันอยู่กึ่งกลางระหว่างที่ทำงานของผมกับซินพอดี เรียกว่าลงตัวสุดๆ เลยแหล่ะ


เสียอยู่อย่างคือมันไม่มีโรงจอดรถเป็นของตัวเอง(แต่บ้านส่วนใหญ่ในละแวกนี้ก็ไม่มีกันหรอก) และโรงจอดรถเอกชนที่เปิดขายหรือให้เช่าในแถบนี้ก็แพงระยับ ขนาดที่ว่าราคาโรงจอดรถสำหรับ 1 คัน นั้นสูงกว่าราคาบ้าน 1 หลัง 2-3 เท่าตัวเลยทีเดียว(แค่ที่จอดรถตามริมถนนยังคิดราคากันตั้งวันละ 40-50 ปอนด์แน่ะ แพงเวอร์ไหมล่ะ?) ..เพราะงี้แหล่ะผมถึงยังไม่ซื้อรถมาใช้ ค่าใช้จ่ายมันออกจะสูงเกินมนุษย์เงินเดือนอย่างผมไปหน่อย


อีกอย่าง.. ขนส่งมวลชนของที่นี่ก็ค่อนข้างสะดวกสบายอยู่แล้ว เลยคิดว่ารถยนต์ส่วนตัวคงยังไม่จำเป็นเท่าไหร่(อย่างน้อยก็ในตอนนี้)


แต่ซินเพิ่งถอย  Aston Martin DBS สีเงินเมทาลิค แบบของ เจมส์ บอนด์ มาคันนึง เช่าโรงเก็บอยู่ถนนถัดไปนี่เอง ..ก็อย่างว่าแหล่ะ ต้องให้มันดูสมฐานะทั่นผู้บริหารหญ่ายหน่อย ฮ่ะๆๆ


พูดถึงไอ้ผู้บริหารหญ่าย สงสัยงานนี้จะโดนมิใช่น้อย เพราะดูจากสีหน้าท่าทางของสกายเมื่อกี๊แล้วท่าจะโมโหเอาเรื่องอยู่(..ถึงจะตีหน้านิ่งก็เหอะ) แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น มันมีมาเรื่อยๆ แหล่ะ ตั้งแต่ทั้งคู่ตัดสินใจเริ่มต้นกันใหม่ที่ลอนดอนเนี่ย..


ก็หลังจากที่เลิกร้างและแยกย้ายทางใครทางมันเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซินกับสกายก็ขาดการติดต่อกันไปเลย ผมเองก็พลอยห่างเหินจากมันไปด้วย มารู้ข่าวอีกทีก็ตอนที่เมย์บีโทรมาบอกว่าสกายจะบวชนั่นแหล่ะ เมย์มันโทรมาปรึกษาผม กลัวว่าไอ้กายจะบวชไม่สึก ไม่ใช่ว่าซึ้งในรสพระธรรม แต่อกหักชีช้ำไม่สมหวังในรักมากกว่า(ได้ยินว่าตั้งแต่กายมันเลิกกับซิน ป๊ากับม้าก็พยายามหาสาวๆ มานำเสนอให้มันตลอด)


แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เมย์บีกลัว จริงๆ แล้วสกายตั้งใจจะบวชให้ป๊ากับม้าอยู่แล้วต่างหาก ..และหลังจากบวชทดแทนบุญคุณครบหนึ่งพรรษาถ้วน(ราวๆ 3 เดือน) สึกออกมาไอ้ทิดกายผู้ประเสริฐก็เนรคุณด้วยการหอบผ้าหอบผ่อนพร้อมหัวโล้นๆ หนีมาตามหาผู้ชายที่ลอนดอนทันที(ฮ่ะๆ)


จนถึงตอนนี้ก็ปีนึงแล้ว.. ป๊ากับม้ามันก็เหมือนจะเริ่มทำใจยอมรับได้บ้างแล้วล่ะ ไม่งั้นคงไม่โทรมาชวนให้กายพาซินกลับไปเที่ยวบ้านช่วงสงกรานต์ที่จะถึงนี่หรอก


แล้วตอนที่สกายจะมาที่นี่น่ะไม่มีใครรู้เลยนะ รู้กันอีกทีก็ตอนที่แม่ไหว้วานให้ซินไปรับนายแบบคนใหม่ในสังกัดที่สนามบินนั่นแหล่ะ ..ก็อึ้งกันไป เจอ เซอร์ไพรส์เด็ดจากมาดามริต้าผู้ยังเปรี้ยวซ่าส์ได้แม้วัยจะเลยเลข 5 มาแล้วก็ตาม


ปัจจุบันสกายก็เป็นนายแบบที่กำลังไต่อันดับในแรงกิ้งนายแบบอยู่ นี่ก็ไปทำงานที่มิลานตั้งแต่สามวันก่อน เพิ่งกลับมาถึงตอนตีสองกว่าอย่างที่บอก ..และคงจะมาเจอว่าสุดที่รักของมันไม่ได้นอนรออยู่ในห้อง แต่ออกไปลั้ลลากับลูกค้าสาวจนกลับมาเช้านั่นล่ะ


แต่เรื่องนี้ผมไม่โทษซินหรอก.. ไม่ใช่ว่าเข้าข้าง เรียกว่า ‘เข้าใจ’ จะถูกต้องกว่า ก็ตลอดมาซินมันมั่นใจจะตายกับไอ้เรื่องเสน่ห์ทางเพศกับลีลาบนเตียงของตัวเองเนี่ย ..ที่สุดของความภูมิใจในชีวิตมันแล้ว แต่วันดีคืนร้ายดันต้องกลายไปเป็น ‘วงกลมซ้าย’ ให้สกายซะงั้น..


ผมก็ไม่รู้ล่ะนะว่ามันตกลงกันยังไง(ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นี่หว่า) รู้แต่ว่าเรื่องนี้ทำเอาซินสูญเสียความมั่นใจไปมหาศาลเลยทีเดียว บางครั้งถึงได้แสดงอาการต่อต้านออกมาในรูปแบบของการแอบไปกิ๊กกั๊กกับสาวๆ ยังไงล่ะ อย่างน้อยก็เพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมาบ้าง ..ซึ่งก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักหรอก ถ้าสกายมันไม่รู้ก็แล้วไป แต่ถ้ารู้เมื่อไหร่ก็จะเกิดเหตุการณ์ประมาณเช้านี้แหล่ะ


แต่ไม่ต้องห่วงนะ กายมันไม่เคยลงไม้ลงมือกับซิน(ขืนทำแบบนั้นก็อาจจะโดนสวนกลับให้เจ็บหนักได้) แล้วซินมันก็มีวิธีง้อแบบเฉพาะตัวของมันด้วย ..เชื่อเหอะ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวก็เรียบร้อย ..เอิ่ม คือผมหมายถึง ‘เคลียร์’ กันเรียบร้อยน่ะ


ผมว่าทั้งคู่รู้อยู่แก่ใจดีแหล่ะว่าต่างฝ่ายต่างก็ขาดกันไม่ได้ ช่วงระยะหนึ่งปีเต็มที่เลิกกันไปนั่นคงทำให้มีเวลาได้หยุดทบทวนความรู้สึกและคิดอะไรต่อมิอะไรได้เยอะพอควรเชียวล่ะ โดยเฉพาะซิน.. หมอนั่นทำตัวเหี่ยวเฉาจนเกือบจะแห้งตายด้วยซ้ำในตอนที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ สาเหตุมาจากอะไรพวกเราต่างก็รู้กันดี


ส่วนสกาย.. ผมว่ามันนิ่งขึ้นเยอะเลยนะ ต่างจากสองสามปีที่แล้วมาก อาจจะเพราะโตขึ้นด้วย แล้วก็ผ่านการบวชเรียนมาแล้วด้วยมั้ง เลยดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นจมหูเลย ให้นึกภาพ ‘ไอ้บ้ากาย’ ตอนนี้ผมก็นึกไม่ค่อยออกแล้วล่ะ


อ้อ.. แต่มีอยู่อย่างที่ผมว่ามันออกจะบ้าไปนิด ก็สกายมันเล่นสักคำว่า ‘Sincere’ แบบตัวเขียนไว้บนคอ แถวๆ ใต้หูด้านซ้ายเลยน่ะสิ นี่คงกะผูกขาดซินไปตลอดชีวิตเลยมั้งเนี่ย ..ซวยแล้วพี่ผม ฮ่ะๆๆ


อะไรนะ? ไท่หลัน? ทำไม? ...อ๋อ ที่ซินติดต่อกับหมอนั่นน่ะเหรอ? ก็ตามประสาคนรู้จักทั่วไป ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เพราะถึงจะดีกันแล้วก็ใช่ว่าความรู้สึกมันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นได้นี่นา ที่มันเป็นปัญหาเมื่อก่อนก็เพราะสกายมันชอบคิดมากไงล่ะ ..ส่วนตัวผมเองทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้คุยกับหมอนั่นเลย แล้วก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะพร้อมที่จะคุยด้วย


เอ้อ.. ไหนๆ ก็เอ่ยถึงเมย์บีแล้ว ขอเล่าสักหน่อยแล้วกัน.. พักหลังๆ มานี้มันชอบสไกป์(Skype)มานำเสนอพัฒนาการของ ‘เมย์เดย์’ ซะเหลือเกิน เห่อลูกสาวยิ่งกว่าอะไรดี ตั้งแต่แรกเกิดจนปีนี้ก็อายุครบ 2 ขวบแล้ว..ก็ยังไม่เลิกเห่อ ฮ่ะๆ แต่เห็นหน้าเมย์เดย์แล้วก็รู้เลยว่าลูกใคร ทั้งรูปหน้า ตา จมูก ปาก ถอดแบบยัยชิฮัวมาเป๊ะๆ เรียกว่าสำเนาถูกต้องเชียวแหล่ะ ..ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะถ้าถอดแบบคนอื่นมาคงได้แสลงใจกันไม่รู้จบ


เมื่อวานเห็นบอกว่าพาลูกไปเล่นที่สวนธารณะแถวบ้าน ปล่อยให้ลูกวิ่งไล่จับนกไล่จับแมวแถวนั้นไป ส่วนพ่อกับแม่ก็ชี้ชวนกันดูผู้ชายหล่อๆ ล่ำๆ ที่มาออกกำลังกายไปพลางๆ ..เออนะ ก็คิดกันได้ ฮ่ะๆๆ


เห็นครอบครัวมันดูสุขสันต์ดีแบบนี้ ผมก็พลอยดีใจไปด้วย ..มันทำให้ผมนึกถึงคำพูดของใครสักคนที่เคยผ่านเข้ามาในหัว ..คู่แท้ บางทีก็ไม่จำเป็นต้องเป็น คู่รัก.. อืม.. ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ของแบบนี้มันต้องดูกันยาวๆ


นี่เห็นว่าจะรอให้เมย์เดย์โตกว่านี้อีกสักหน่อย แล้วค่อยพามาเยี่ยมพวกเราที่ลอนดอน ..จริงๆ ไม่ใช่อะไรหรอก แค่อยากจะพามาอวดเฉยๆ ..ตามประสาคนขี้เห่อแหล่ะ ฮ่ะๆๆ ท่าทางมันจะหลงลูกสาวคนนี้มากจริงๆ นะ


!!..


ระหว่างที่รถซึ่งขับเลียบไฮด์ปาร์คมากำลังจะเลี้ยวเข้าสู่ถนนสโลนเพื่อมุ่งหน้าไปเชลซี(บ้านซอลลี่)นั้น พลันสายตาของผมก็ไปปะทะเข้ากับผมสีเงินแวววาวของใครบางคนที่เดินอยู่แถวนั้นเข้า..


“..........”


ผมเกลียด... เกลียดตัวเองที่ยังหัวใจกระตุกทุกครั้งเวลาได้เห็นอะไรแบบนี้ เพราะมันยิ่งตอกย้ำว่าผมไม่เคยลืมเขาคนนั้นได้เลย ..แม้สักวินาที


ใช่.. แม้สี่เดือนที่เรารู้จักและคบหากัน มันเทียบอะไรไม่ได้เลยกับสี่ปีที่ผมถูกทิ้งให้เฝ้ารออย่างไม่มีจุดหมาย ..เขาใจร้ายกับผมขนาดนั้น


แต่ทุกวันนี้ผมยังคอยติดตามข่าวคราวความเป็นไปของเขาอยู่เสมอ.. ผมรับรู้เรื่องราวของเขาจากคุณพิณบ้าง(เดี๋ยวนี้ผมก็ยังโทรไปคุยกับคุณพิณเดือนละครั้ง) จากจี้บ้าง(เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว แต่ไอ้จี้มันชอบทำท่าเหมือนเขินผมอยู่บ่อยๆ ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ..แต่น่ารักดี ฮ่ะๆๆ) และนานๆ ทีก็มีข่าวจากซอลลี่บ้างเหมือนกัน(ซึ่งคงฟังมาจากโคเนโรอีกที)


มันน่าเจ็บใจอยู่ไม่น้อยที่ผมต้องคอยฟังข่าวของเขาจากปากของคนอื่น ..แต่ผมไม่มีทางเลือก เพราะเขาไม่ยอมติดต่อผม ผมรู้ว่าเขาติดต่อทุกคนยกเว้นผม เขาบ่นคิดถึงผมให้ทุกคนฟัง แต่คนเดียวที่ไม่ได้ฟังก็คือผม ผมไม่เข้าใจว่าเขาจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร? ถ้าคิดถึงผมจริงทำไมไม่มาหา?(อังกฤษกับอิตาลีก็อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง) หรืออย่างน้อยก็น่าจะติดต่อกันมาบ้าง ส่งข่าวบอกให้ผมรู้ว่าเขายังสบายดี แต่มีเหตุจำเป็นบางอย่างจึงมาหาผมไม่ได้ ผมจะได้มีข้ออ้างให้รอต่อไปโดยไม่รู้สึกสมเพชตัวเองอย่างที่เป็นอยู่ และไม่ต้องคิดมากกับความสัมพันธ์ที่คาราคาซังไร้บทสรุปแบบนี้


เขาจะเอายังไงกับผมแน่? ...ผมไม่มีทางเดาได้เลย


จริงๆ ผมว่าจะตัดใจตั้งหลายครั้งแล้วนะ อุตส่าห์ตั้งปณิธานแน่วแน่ตั้งแต่สองปีแรกที่เขาจากไปและผมย้ายมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ ..แต่สุดท้ายก็เหลวไม่เป็นท่า ผมทำไม่ได้.. ทั้งนี้ก็เพราะไอ้หัวใจไม่รักดีของผมนี่แหล่ะ ยิ่งเวลาเห็นซินกับ  สกายอยู่ด้วยกันทีไร ผมก็ยิ่งคิดถึงเขา คิดถึงวันเวลาเก่าๆ ของเรา ถึงมันจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ แต่ผมก็ยังจำได้ไม่เคยลืม ยิ่งได้ยิน(จากคนอื่น)ว่าเขาเองก็ยังคิดถึงผม  ผมก็ยิ่งตัดใจไม่ลง ..ผมยอมรับว่ามีหลายครั้งที่รู้สึกเหงา ..และบางครั้งความเหงามันก็ทำให้ผมแทบอยากจะหยุดหายใจ


แต่... เฮ้ย! แล้วผมจะมาคร่ำครวญหวนไห้อาลัยดราม่าไปทำไมเนี่ย? ไม่ๆๆๆ ผมไม่ใช่พระเอกนิยายโศกสักหน่อย พอที! อย่างผมต้องเป็นพระเอกนิยายบู๊ต่างหาก คอยดูนะ เจอหน้าเมื่อไหร่จะตั๊นให้ดั้งเบี้ยวเลยเชียว เฮอะ!


ล่าสุดนี้ผมเห็นข่าวของเขาอยู่บนหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ในหน้าแวดวงธุรกิจเมื่อสองสามเดือนก่อน เนื้อหาข่าวขึ้นต้นประมาณว่า ‘ฟ้าประทาน เทอร์ซี แบร์ลุสโคนี บุตรชายคนที่สองของ เทอร์ซิโอ แบร์ลุสโคนี ขึ้นแท่นเป็นผู้บริหารอาณาจักรธุรกิจแบร์ลุสโคนีคนใหม่’ (ใช่.. เขาไม่ใช่ ‘ฟ้าประทาน ทามิยะ’ ที่ผมรู้จักอีกแล้ว) ..มีการลงรายละเอียดเล็กน้อยๆ เล็กๆ เกี่ยวกับตัวคนเป็นข่าว เช่นว่าเกิดที่ไหน อายุเท่าไหร่ จบการศึกษาอะไร แต่ไม่มีการลงรูปแต่อย่างใด


จากนั้นก็เขียนถึงธุรกิจของครอบครัวเขา ว่ามีทั้งนำเข้าส่งออกรถยนต์หรู สายการบินท้องถิ่น ท่าเรือ เรือสำราญ เรือขนส่งสินค้า อสังหาริมทรัพย์ บลาๆๆ เอาเป็นว่าไอ้ตระกูลนี้มันแทบจะยึดครองอิตาลีตอนใต้ไว้ได้หมดแล้วล่ะ(นี่แค่ธุรกิจที่ออกสื่อได้นะ หึ!) ..นอกจากนี้ก็มีเขียนชื่นชมความใจดีมีเมตตา ทั้งบริจาคเงินช่วยเหลือสังคม อุปถัมภ์องค์กรการกุศล จัดตั้งมูลนิธิเพื่อนู่นนั่นนี่(สร้างภาพสิ้นดี!)


..แต่ไม่มีข่าวศึกสายเลือดอย่างที่หลายคนหวั่นใจ ทั้งนี้คงเป็นเพราะลูกชายคนโตอย่างโคเนโรได้หายสาบสูญไปตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้ว


ใช่แล้ว.. ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า โคเนโร แบร์ลุสโคนี หายตัวไปอย่างลึกลับ หลังข่าวการเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวของพ่อของเขาเพียงแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น แน่นอนว่าคนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยของสังคมคงหนีไม่พ้นผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้นำอีกคนอย่าง ฟ้าประทาน..


ผมเองก็เคยหวั่นใจว่าเขาอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้(หรืออย่างน้อยก็เป็นสาเหตุ) จนต้องวิ่งโร่ไปถามซอลลี่ แต่ซอลลี่กลับหัวเราะและบอกว่าอย่างฟ้าจะมีปัญญาไปทำอะไรคนอย่างโคเนโรได้? ตอนนั้นผมสับสนมาก แล้วงั้นโคเนโรหายตัวไปได้ยังไง? เขายังมีศัตรูที่ไหนอยู่อีกงั้นเหรอ?


คำบอกเล่าจากซอลลี่ทำเอาผมถึงกับอ้าปากค้าง.. โคเนโรจงใจทำให้ตัวเองหายสาบสูบ! ซอลลี่บอกว่าหมอนั่นวางแผนเรื่องนี้มานานมากแล้ว เพราะโคเนโรเกลียดแบร์ลุสโคนี เขาเกลียดทุกอย่างที่เป็นของตระกูลนี้ ไม่ว่าจะชื่อเสียง เงินทอง หรือผู้คนในตระกูล...รวมทั้งตัวเขาเองด้วย


ใช่ เขาเกลียดที่ตัวเองมีเลือดของแบร์ลุสโคนีอยู่เต็มเปี่ยม


ตั้งแต่เด็กโคเนโรถูกกดดันด้วยความคาดหวังจากบรรดาเครือญาติ(โดยเฉพาะญาติทางฝ่ายแม่)ว่าจะต้องขึ้นเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป เขาจะต้องยิ่งใหญ่กว่าพ่อของเขา โดยไม่มีใครคิดจะถามความสมัครใจของเจ้าตัวแม้แต่คนเดียว และความกดดันนั้นยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อจู่ๆ เขาก็มีน้องชายโผล่มาจากไหนไม่รู้อีกคน ..แน่นอนว่าในบรรดาสิ่งที่โคเนโรเกลียดนั้น น้องชายคนใหม่ของเขาถูกยกไว้เป็นอันดับหนึ่ง


ในขณะที่เขาถูกโจมตีด้วยความกดดันจนร่างแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ น้องชายผู้ถูกอุปโลกน์ให้เป็นคู่แข่งกลับทำตัวเหมือนไม่แยแสต่อสิ่งใดในโลก นึกอยากทำอะไรก็ทำตามใจโดยไม่สนใจที่จะทำตัวให้สมกับเป็นคู่แข่งของเขาเลยแม้แต่น้อย ..นั่นยิ่งทำให้โคเนโรรู้สึกเกลียดน้องชายมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า


แต่เหนือสิ่งอื่นใด.. เขาอิจฉาน้องชาย ..ไม่มีใครคาดหวังในตัวน้องชาย ไม่มีใครมาคอยพร่ำบอกน้องชายว่าจะต้องยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า ไม่ว่าน้องชายจะคิดจะทำอะไรก็ไม่มีใครสนใจเขา ..น้องชายมีอิสระอย่างเต็มที่


..ใจจริงแล้วโคเนโรอยากเป็นเหมือนน้องชายต่างหาก


เพราะเหตุนี้เขาจึงคิดวางแผนปลดปล่อยตัวเองออกจากความเป็นแบร์ลุสโคนี แม้รู้ดีว่าตราบใดที่เลือดในกายยังไหลเวียนอยู่เขาจะไม่มีวันหลุดพ้น ..เขาจึงจำเป็นต้องหาตัวตายตัวแทน และคนคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้องชายที่เขาเกลียดมากกว่าทุกคน


แม้เบื้องหน้าโคเนโรจะทำเหมือนอยากได้ตำแหน่ง ทำเหมือนอยากจะแข่งกับคนเป็นน้อง เหมือนเขายังแบกรับความคาดหวังจากแม่และลุงเอาไว้(ทั้งที่เขาเขวี้ยงมันทิ้งไปนานแล้ว) ..แต่ลับหลังเขากลับพยายามทำทุกอย่างเพื่อผลักดันให้ฟ้าประทานมีโอกาสขึ้นมารับตำแหน่ง เขาแอบสนับสนุนพวกคาวัวร์ แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็สนับสนุนพวกเวนโดลาด้วย โคเนโรใช้ทุกคนรอบตัวเขาให้เป็นประโยชน์ ทั้งคาวัวร์ทั้งเวนโดลาต่างก็เป็นหมากในกระดานของเขา ทุกคนวิ่งไปตามเกมของเขาโดยไม่รู้เลยว่าฉากจบนั้นถูกเตรียมเอาไว้ให้แต่ละคนแล้ว


สุดท้ายโคเนโรก็ตลบหลังพวกนั้นตามคำบัญชาของพ่อของเขา..


ใช่.. มันเป็นข้อตกลงระหว่างพวกเขาพ่อลูก ว่าถ้าโคเนโรอยากจะบินหนีไปจากแบร์ลุสโคนีจริงๆ เขาจะต้องเด็ดปีกพวกที่คิดจะขวางทางบินทั้งของเขาและของฟ้าประทานที่จะขึ้นมารับตำแหน่งแทนเขาเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเขาก็จะไม่มีวันสมปรารถนา ..และถ้าเขาทำสำเร็จ พ่อก็จะไม่คัดค้านหากเขาอยากไปตามทางของตัวเอง


แล้วก็อย่างที่คุณหรือผมรู้ ..โคเนโรทำมันสำเร็จ เขาสามารถตัดกำลังหลักของพวกคาวัวร์ ลดทอนอำนาจของเวนโดลา(ซึ่งเป็นลุงแท้ๆ ของเขาเอง) ..จากนั้นจึงเนรเทศตัวเองไปเป็นบุคคลสาบสูญ ซอลลี่บอกผมว่าปัจจุบันเขาสุขสบายดีอยู่ที่ไหนสักที่บนโลกใบนี้แหล่ะ


สรุปว่าทุกคนถูกหลอก.. ถูกโคเนโรกับพ่อผู้ล่วงลับของเขาหลอกต้มจนเปื่อย พวกเขาทั้งคู่ถีบตัวเองให้หลุดพ้นจากบ่วงของแบร์ลุสโคนี ..พวกเขาได้รับอิสระ ในขณะที่ฟ้าประทานยังต้องแบกรับคำสาปแห่งสายเลือดนั้นต่อไปเพียงลำพัง


ไม่รู้ว่าป่านนี้ฟ้าจะเป็นยังไงบ้าง? จะมีใครคอยกดดันเขาเหมือนที่เคยกดดันโคเนโรไหม? แล้วยังมีใครคอยจ้องจะเขี่ยเขาออกไปให้พ้นทางอยู่อีกหรือเปล่า? ..ผมคิดกังวลไปหมด


ทั้งที่เขาทิ้งผมเอาไว้ข้างหลังอย่างไม่คิดจะเหลียวแล แต่ผมก็ยังอดเป็นห่วงเขาไม่ได้อยู่ดี ..ผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้จริงๆ



“Hello! Sunshine.”


(ต่อ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
(ต่อ)


“ฮะ? ฮึ?” ผมหลุดออกจากภวังค์อย่างไม่ตั้งใจ เผลอส่งเสียงครางสงสัยในลำคอ ..เหมือนเมื่อกี๊จะได้ยินคนขับแท็กซี่พูดอะไรหรือเปล่า? หรือเขาจะทักผม?


ไม่น่าใช่.. เขาจะรู้จักชื่อผมได้ไง? ผมยังไม่รู้จักเขาเลย..


“I haven't seen sunshine in a week.” โชเฟอร์พูดยิ้มๆ ขณะสายตามองตรงไปยังทางข้างหน้า ..มันเป็นเพียงประโยคบอกเล่าที่ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ


ผมเลิกคิ้วนิดหน่อย ทั้งที่นั่งมองอยู่นานแต่กลับเพิ่งสังเกตเห็นว่านอกหน้าต่างรถไม่มีปอยฝนที่จู่โจมผมเมื่อครู่แล้ว เมฆหมอกก็เริ่มจางหาย ท้องฟ้าเริ่มเปิด และแสงแดดเริ่มสาดส่องผ่านชั้นบรรยากาศขมุกขมัวของกรุงลอนดอนลงมาสู่เหล่าประชากรผู้หม่นหมองที่เบื้องล่าง


“Me either.” ผมพึมพำพลางเหม่อมองแสงแดดแรกของสัปดาห์ด้วยความรู้สึกราวกับกำลังมองเห็นแสงแห่งความหวัง ..นั่นสินะ ไม่ได้เห็นกันนานเลย


Hello! Sunshine. ..ขอให้วันนี้มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นบ้างเถอะ...


“ฮึ” ผมหัวเราะในคอเบาๆ นึกขำความคิดของตัวเองไม่น้อย นี่ผมกำลังขอพรจากแสงแดดงั้นเหรอ? ..ท่าจะถูกทิ้งไว้นานจนเพี้ยนไปแล้วมั้งเนี่ย 


รถเริ่มขับเข้ามาในเขตเชลซี.. ย่านอันเป็นที่รู้กันดีว่าพวกเศรษฐีเขาชอบมาซื้อบ้านอยู่ ร้านรวงริมทางเริ่มบางตาลงทุกขณะ ความสงบเงียบเข้ามาแทนที่ความจอแจวุ่นวาย เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเราได้เข้ามาถึงเขตชุมชนของคนมีอันจะกินแล้ว ..จริงๆ ผมก็ชอบบรรยากาศส่วนตัวของที่นี่มากเลยนะ เป็นไปได้ก็อยากจะมีบ้านอยู่แถวนี้สักหลังเหมือนกัน แต่มันติดตรงที่ผมไม่ใช่เศรษฐี ไม่ค่อยมีตังค์ เลยไม่มีปัญญามาซื้อบ้านพร้อมที่ดินแพงๆ แถวนี้ไงล่ะ ..เศร้าไป ฮ่ะๆๆ 


รถมาจอดที่หน้าบ้านเดี่ยวขนาดกลางหลังหนึ่ง ตัวบ้านถูกทาเป็นสีขาว รั้วระแนงก็ถูกทาเป็นสีขาว ติดตู้ไปรษณีย์สีชมพู ..ทำไมต้องสีชมพู? อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ไม่เคยถาม เจ้าของบ้านมันคงจะเบื่อสีแดงล่ะมั้ง ..ก็เดาไปเรื่อย


ผมจ่ายเงินแล้วลงจากรถ ตั้งใจจะกดกริ่งก็พอดีกับที่ยูริเปิดประตูออกมาเสียก่อน..


“มาแล้วๆ” ยูในชุดเตรียมพร้อมออกไปข้างนอกกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาเปิดประตูรั้วให้ผม มันหยุดยืนพิจารณาหน้าหนวดๆ กับผมแนวๆ ของผมนิดหนึ่งก่อนจะพูดกลั้วหัวเราะ “ว้าว~ ลุคใหม่นี่เท่ห์น่าดู..”


“กูร็อค” ผมชูนิ้วก้อยกับนิ้วชี้พร้อมยักคิ้วให้ ยูริหัวเราะชอบใจ ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินนำเข้าบ้าน


“วันนี้มีแดดให้ตากผ้าด้วยล่ะ ดีจังเนอะ” ยูพูดขึ้นมาลอยๆ เหมือนเป็นการชวนคุย(แต่เรื่องที่มันคุยนี่โคตรจะแม่บ้านเลยว่ะ) ผมก็ได้แต่พยักหน้าอือออส่งเดชไป(..ใครจะไปสนใจเรื่องตากผ้ากันล่ะ)


เราเดินผ่านสนามหญ้าขนาดเล็กที่หน้าบ้าน มีมุมกระบะทรายมุมโปรดของเจ้าแฝด แปลงลาเวนเดอร์เล็กๆ สองแปลง และกระถางดอกไม้หน้าตาแปลกๆ ที่ผมไม่รู้จักอีกหลายกระถาง เรียงรายตามขั้นบันได(สี่ขั้น)ขึ้นไปจนถึงระเบียงบ้าน


“ฝีมือเบบี๋?” ผมเลิกคิ้วประหลาดใจเมื่อเหลือบไปเห็นเศษซากกระถางแตกๆ กองอยู่มุมระเบียง


แต่เจ้าของบ้านส่ายหัว “ป๊ะป๋าของเบเบี๋ต่างหาก ไม่รู้เมื่อคืนเดินกลับมาท่าไหน เตะร่วงลงไปเฉยเลย แตกทั้งกระถางทั้งนิ้วคนเดินไม่ดูตาม้าตาเรือนั่นล่ะ ..นี่ยังไม่มีเวลาเก็บไปทิ้งเลย”


ที่บ้านนี้ ซอลลี่คือ ‘ป๊ะป๋า’ ส่วนยูริ.. ไม่.. ไม่ใช่ ‘หม่ามี้’ ฮ่ะๆๆ ยูริมันเป็น ‘พ่อ’ น่ะ เห็นบอกตั้งใจจะให้ลูกเรียกแบบนั้น แต่ปัจจุบันยังเรียกไม่ได้หรอก เจ้าแฝดเพิ่งจะ 11 เดือนเอง อีกสองวีคถึงจะครบ 1 ขวบเต็ม ..แต่เดินกันเก่งแล้วนะ


“อ่อ” ผมพยักหน้าขณะก้าวตามเข้ามามาในตัวบ้าน ถอดโค้ทกับผ้าพันคอแขวนไว้กับที่แขวนข้างประตูพร้อมกับร่มที่ถือมา แล้วเดินผ่านโถงแคบๆ ด้านหน้าจนมาโผล่ที่ห้องนั่งเล่น


..เงียบกริบ ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตใด ไม่รู้ทั้งเจ้าหนูทั้งเจ้าแมวหายไปไหนกันหมด?


“เด็กๆ ยังหลับอยู่น่ะ” เจ้าของบ้านหันมาบอกเมื่อเห็นผมหันซ้ายหันขวาหาตัวต้นเหตุที่ทำให้ต้องมาที่นี่ “แสงดาวก็นอนอยู่ในห้องนั้นด้วย มันไม่เคยยอมอยู่ห่างจากพวกเด็กๆ เลยรู้มั้ย ไม่ว่าเบบี๋ของเราจะร้องไห้โยเยหรือเล่นกันเสียงดังเอะอะแค่ไหนมันก็ไม่เคยเดินหนี ทั้งที่ปกติมันขี้รำคาญจะตาย ..บางทีมันอาจจะคิดว่าเป็นหน้าที่ของมันที่ต้องคอยจับตาดูพวกเด็กๆ ไว้ไม่ให้คาดสายตาล่ะมั้ง” แล้วมันก็เล่าอะไรไปเรื่อยเปื่อย


ผมว่านับวันยูริมันจะยิ่งทำนิสัยเหมือนพวกแม่บ้านจริงๆ เข้าไปทุกทีนะ สงสัยเป็นเพราะยามว่างมันชอบไปปาร์ตี้น้ำชากับสมาคมแม่บ้านย่านนี้แน่ๆ(ซอลลี่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังน่ะ แต่ยูริแก้ตัวว่ามันไปปรึกษาแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการเลี้ยงดูลูกจากผู้มีประสบการณ์ต่างหาก ฮ่ะๆๆ เหตุผลน่ารักจริงๆ ให้ดิ้นตาย)


“หลับอุตุเลย..” ยูพูดยิ้มๆ เมื่อเราเข้ามาในห้องนอนของเบบี๋


ตอนนี้เจ้าแฝดกำลังหลับสนิทอยู่ในท่านอนคว่ำหมอบตูดโด่งทั้งคู่เลย ..ท่าจะลมเย็น ฮ่ะๆ ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าพวกมันนอนหลับด้วยท่าทางแบบนั้นได้ยังไง? แล้วไม่มีปัญหาเรื่องการหายใจกันเหรอวะ?


“เมื่อเช้าเล่นตื่นมาโวยวายกันตั้งแต่ตีห้า ร้องตามป๊ะป๋าจะไปด้วยให้ได้ ..เพิ่งจะแบ็ตฯหมดไปเมื่อต้นชั่วโมงนี่เอง คงอีกสักพักใหญ่แหล่ะกว่าจะตื่น”


“เมี้ยว~” แสงดาวที่นอนเฝ้าอยู่ข้างเตียงเด็กเงยหน้ามาส่งเสียงเหมือนทักทายผมเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปซบขาหน้าของตัวเองด้วยท่าทางไม่ค่อยอยากจะสนใจมนุษย์หน้าไหนนัก


ไอ้นี่มันเป็นแมวตัวโปรดของซอลลี่ เก็บได้ในวันฝนพรำ(ซอลลี่ว่างั้น)เมื่อหลายปีที่แล้ว เห็นชื่อแบบนี้แต่เป็นตัวผู้นะ เป็นแมวไทยแท้แต่โกอินเตอร์ สายพันธุ์วิเชียรมาศ(ไอ้ที่หุ่นเพรียวๆ ตัวสีขาวๆ ครีมๆ แต่หน้าดำๆ น่ะ) ตาสีน้ำเงินอมเทาแบบเดียวกับเจ้าของมันเปี๊ยบเลย.. ท่าทางหยิ่งๆ เชิดๆ แถมยังชอบมองคนด้วยหางตาตามแบบฉบับแมวสยามนั่นล่ะ ..เห็นทีไรก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ทุกที


“ยังไม่ได้กินอะไรมาใช่มั้ย? มีข้าวต้มทรงเครื่องอยู่ในครัวนะ เปิดไฟอุ่นหน่อยก็กินได้” ยูว่า จากนั้นก็ก้มมองนาฬิกาข้อมือ “..ต้องรีบไปแล้วล่ะ ยังไงฝากลูกด้วยนะ ..เอ้อ กับข้าวสำหรับมื้อเที่ยงก็อยู่บนโต๊ะนั่นล่ะ จะกินก็เวฟซะก่อน ส่วนนมของเด็กๆ อยู่ในตะกร้า ชงไว้ให้แล้ว เอามาใช้ได้เลย”


แหม.. มันสั่งเสียอย่างกับจะไปทั้งวันเลย สามชั่วโมงเว้ย สามชั่วโมงเท่านั้น มากกว่านั้นไม่รับฝาก ไม่ใช่เนอร์เซอรี่ ..ว่าแต่มันดีตรงที่เวลามาบ้านหลังนี้ก็มักจะได้กินอาหารไทยอร่อยๆ แถมยังไม่ต้องจ่ายสักบาทนี่ล่ะ ..อ้ะ งั้นจะยอมให้เลทสักครึ่งชั่วโมงก็ได้


“ไปดีมาดีล่ะ” ผมบอกขณะเดินตามมันออกมาเพื่อปิดประตูบ้าน


เห็นยูริเอารถ Mini Cooper 50s Camden ที่จอดอยู่ในโรงจอดข้างบ้านออกไปใช้ นั่นเป็นรถคันแรกที่ซอลลี่ซื้อหลังจากซื้อบ้านหลังนี้ ส่วนคันที่สองเป็น Audi RS4 Avant รถครอบครัวมหาโหด(โหดยังไง? ก็มันเล่นพกมาตั้ง 450 แรงม้า เหยียบได้สูงสุดถึง 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยน่ะสิ ..คิดดูเอาเถิด ถ้ารถครอบครัวจะแรงขนาดนี้ ก็พาลูกเมียไปถึงสวรรค์ได้ง่ายๆ เลยนะเนี่ย หึยย..)ที่เพิ่งจะถอยมาใช้เมื่อไม่กี่เดือนนี้เอง ..ก็คนมันมีครอบครัวแล้วนี่นะ


ตอนเดินกลับเข้าบ้านมาก็ลังเลว่าจะไปกินข้าวต้มก่อนหรือจะไปดูเจ้าตัวเล็กอีกสักรอบก่อน ..แต่พอคิดว่าอีกพักใหญ่กว่าเจ้าพวกนั้นจะตื่นเลยตัดใจไปหาเสบียงใส่ท้องก่อนไปสู้รบปรบมือกับเจ้าพวกนั้นดีกว่า..





“ต๊า~!!” กลับเข้าห้องเด็กมาอีกที่ก็เห็นเจ้าหนู ‘ชิพ’ หรือ ‘เด็กชายชีรภัทร เฮย์เดน’ แฝดผู้พี่ลุกขึ้นมานั่งยิ้มคล้ายดีใจที่ได้เห็นหน้าผม “แอ๊ะ ..หิหิ”


..สวรรค์ ผมยังนึกหวั่นๆ อยู่ว่ามันจะตื่นขึ้นมาแหกปากเพราะไม่เห็นหน้าพ่อมันซะอีก


“ตาตาต๊า~” เจ้าหนูนั่นยื่นไม้ยื่นมือมาเหมือนอยากให้อุ้มออกจากเตียงที่มีราวกั้นรอบด้าน ..แต่แล้วจู่ๆ มันก็หันไปหา ‘เดล’ หรือ ‘เด็กชายดลภัทร เฮย์เดน’ น้องชายฝาแฝดที่ยังนอนดูดนิ้วหลับอุตุอยู่ข้างกันเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้


“ต่าต๊า~” ตอนแรกเหมือนมันจะพยายามปลุกน้องด้วยการเรียก “ตาตาตาต๊า!” แต่แผดเสียงดังขึ้นก็แล้ว น้องก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น สุดท้ายเจ้าชิพเลยเงื้อมือขึ้น และก่อนที่ผมจะทันได้ห้ามเจ้าตัวแสบนั่นก็ฟาดมืออูมๆ ลงไปบนแก้มแดงๆ ของน้องดัง เพี้ยะ!


“แอ๊~!!!” ..ได้เรื่อง เจ้าหนูเดลแหกปากร้องลั่นทั้งที่ยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ     


“โอ๋ๆๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมา” ผมรีบเข้าไปจกหลานคนเล็กออกจากเตียงทันที ท่าทางจะตกใจมากกว่าเจ็บนะเนี่ย ดูสิ สะอื้นฮักเลย โอ๋ๆ นะ โอ๋ๆ


“เอิ๊ก..หิหิ” หลังจากทำน้องร้องไห้จ้า เจ้าวายร้ายชิพก็ยิ้มแป้นคล้ายกำลังภูมิใจในผลงานตัวเอง “หิหิหิ ..ต๊า หิหิ” มันหัวเราะแล้วชี้มาที่เจ้าเดลน้อยคล้ายกับจะอวดผมว่า ‘ผมทำเอง อาซัน ผมทำมันร้องเองแหล่ะ’


เจ้าหนูน้อยพวกนี้ไม่ใช่แฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกันเหมือนผมกับซินหรอก เป็นแฝดคนละฝาน่ะ หน้าตาก็เลยไม่เหมือนกันเท่าไหร่(แต่ก็คล้ายๆ) เจ้าแสบชิพตัวใหญ่กว่าเจ้าหนูเดลอย่างเห็นได้ชัด แถมยังชอบแกล้งน้องประจำ แล้วเจ้าเดล เดอะสตาร์ ก็ขยันแหกปากร้องเหลือเกินด้วย เล่นกันแป๊บๆ เดี๋ยวก็ ‘แอ๊’ ขึ้นมาอีกแล้ว วันนึงๆ ต้องปลอบกันไม่รู้กี่รอบ แต่พอลองจับแยกกันพวกมันก็อยู่ไม่ได้นะ ต่างคนต่างร้องโวยวายจะไปหาอีกฝ่ายให้ได้ แล้วพอกลับมาได้ก็...เหมือนเดิม


คนนึงชอบแกล้ง อีกคนนึงก็ชอบให้แกล้ง ..คู่แฝด SM โดยแท้ เหอๆ


แต่แปลกอยู่อย่าง.. ถึงเจ้าชิพมันจะชอบแกล้งน้องตัวเอง แต่ถ้ามีคนอื่นมาแกล้งน้องมันมันสู้ขาดใจเหอะ(สงสัยจะเก็บไว้แกล้งเองคนเดียว ไอ้งก!)


เมื่อวีคที่แล้วมันก็เพิ่งไปตีกับเด็ก 2 ขวบในซุปเปอร์ฯมา(ตัวมันน่ะยังไม่ถึงขวบด้วยซ้ำ เปรี้ยวไหมล่ะหลานผม?)..ชนะด้วยนะเออ! ธรรมดาซะที่ไหน


เรื่องมันเริ่มประมาณว่า..จู่ๆ เด็ก 2 ขวบคนนั้นก็มาแย่งของเล่นในมือไอ้หนูเดล แล้วไอ้หนูเดล เดอะสตาร์ ก็ไม่พลาดที่จะโชว์พลังเสียงเหมือนอย่างทุกที พอไอ้แสบชิพ ศิษย์เดอะร็อค หันมาเห็นเข้าก็พุ่งเข้าแท็กเด็ก 2 ขวบจนล้มกลิ้งกันไปทั้งคู่ เมื่อเห็นศัตรูเพลี่ยงพร้ำไอ้หนูเดลเลยหยุดทำหน้าที่เดอะสตาร์ชั่วคราวแล้วเปลี่ยนมาเป็นกองหนุนให้พี่ชายมันแทน สองแรงแข็งขันช่วยกันรุมตื้บลูกชาวบ้านจนแหกปากร้องลั่นซุปเปอร์ฯ


วุ่นวายพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายต้องมาไกล่เกลี่ยกันอีก ..เอวัง นี่ขนาดพวกมันยังไม่ถึงขวบนะเนี่ย มองเห็นอนาคตหลานรำไรเลยล่ะผม เหอๆ


ซอลลี่เป็นคนเล่าเรื่องนี้เพราะเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น ผมก็ถามนะว่าเห็นแล้วทำไมไม่เข้าไปห้าม?(ยูริเองก็เคยโวยเรื่องนี้เหมือนกัน) คำตอบคือ..‘ลูกพี่กำลังได้เปรียบ’ ...อืมนะ นี่ก็เปรยๆ ว่าปีหน้าอยากจะได้ลูกสาวอีกสักคน ก็ไม่รู้ว่าได้ปรึกษาคนเลี้ยงแล้วหรือยัง เพราะเท่าที่มีอยู่นี่ผมก็เห็นไอ้ยูมันปวดหัววันละหลายรอบแล้ว


“เดี๋ยวเหอะ!” ผมชี้หน้าคาดโทษเจ้าตัวดีพร้อมทั้งแยกเขี้ยวใส่ แต่ดันลืมไปว่าเจ้านี่มันเป็นผู้ชายอ่อนไหว..


“แอ๊~!!” ..นั่นไง ไม่น่าเลยกู


จะบอกให้ว่า ต่อให้ทะเลาะตบตีกับลูกคนอื่นจนโดนเขาข่วนหน้ามา ไอ้ชิพคนซ่าส์ก็ไม่เคยร้องสักแอะ แต่ถ้ามีใครเผลอไปชี้หน้ามันแบบไม่รักษามารยาทผู้ดีเหมือนที่ผมทำเมื่อกี๊ล่ะก็....ชิพปี้รับไม่ด้ายยยยย เหอะ! 


“แอ๊~!!!” แล้วจากนั้นมันสองตัวก็โก่งคอแหกปากประสานเสียงพร้อมเพรียงสามัคคี ..โอยยย ปวดหัว เมื่อไหร่ไอ้ยูจะกลับมา~





“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ผมกึ่งนั่งกึ่งนอนหัวเราะท้องคัดท้องแข็งอยู่บนโซฟา ขณะดูเจ้าแฝดชิพแอนด์เดลกำลังพยายามเต้นตามเกมส์ Just Dance บนเครื่อง Xbox 360 ที่ผมเปิดให้อย่างเอาเป็นเอาตาย ..แสงดาวก็นั่งดูอยู่กับผมด้วย


หลังจากทั้งปลอบทั้งขู่จนสามารถทำให้ชิพและเดลหุบปากได้แล้ว ผมก็ต้องคิดหากิจกรรมอะไรมาทำเพื่อฆ่าเวลา เพราะกว่ายูริจะกลับมาก็อีกตั้งสองชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ผมคงประสาทกินถ้ายังปล่อยให้เบบี๋พวกนี้มาเดินเตาะแตะส่งเสียง ‘ต๊าต๊า’ อยู่รอบตัว พอเบื่อก็ปีนขึ้นมาทึ้งหัวทึ้งหนวดผมเล่นแบบนี้(..มันเจ็บนะเว้ยเฮ้ย! ทำไมไม่ไปเล่นของเล่นกันว้า? ไอ้แสงดาวก็ไม่ช่วยกันบ้างเลย)


ระหว่างที่พยายามแงะเจ้าแฝดตังเมออกจากตัว ผมก็เหลือบไปเห็นเครื่อง Xbox อยู่ชั้นใต้ทีวีในห้องนั่งเล่นพอดี จำได้ว่ามันเป็นเครื่องที่ยูริซื้อมาไว้เล่นเองยามว่าง(มันชอบเล่นพวกเกมส์บู๊ล้างผลาญ) แต่สามีของมันก็ชอบเอามาเล่นเกมส์เต้นอยู่บ่อยๆ(เป็นการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่งของซอลลี่น่ะ) แล้วพอเปิดทีไรเจ้าแฝดก็มักจะชอบใจเข้ามาร่วมแจมด้วยตลอด ..ผมยิ้มพรายออกมาเมื่อเห็นทางสว่าง รีบจัดการไปต่อเครื่องเกมส์เข้ากับทีวีทันที


ด้วยสีสันที่ฉูดฉาดสดใสของภาพเคลื่อนไหวในเกมส์ พร้อมกับจังหวะเพลงมันส์ๆ ที่อัดเข้ามาให้เลือกจนตาลาย แม้ภาพจะไม่สมจริงอย่างที่ผู้ใหญ่หลายคนชอบ แต่สำหรับเจ้าแฝดแล้วมันจอร์จมาก เกมส์นั้นสามารถดึงดูดความสนใจของแฝดจอมวุ่นวายได้อยู่หมัด..


ผมเอาจอยสติ๊กให้หลานถือคนละอัน จะเข้าใจว่ามันคืออะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่พวกแฝดก็ไว้ถือแน่นไม่ยอมปล่อยล่ะ สองตาจับจ้องหน้าจออย่างจดจ่อ แขนขาก็พยายามจะเหวี่ยงไปทางนั้นทีทางนี้ทีตามตัวอย่างภาพที่ได้เห็น(เหมือนพวกมันจะเคยถูกสอนมาแล้วว่าควรทำยังไง)


..เป็นอะไรที่ฮามากขอบอก ก็ลำพังแค่เดินปกติพวกมันยังไปไม่ค่อยตรงทางเลยด้วยซ้ำ แล้วนี่...กำลังเต้น? จริงจังด้วยนะเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า จี้ชะมัด!


!!..


จู่ๆ โทรศัพท์บ้านก็แผดเสียงร้องขึ้นกะทันหัน ผมต้องหยุดฮาหลานตัวเองเอาไว้แค่นั้นก่อน แล้วลุกเดินไปรับสาย ..แต่เพียงแค่ยกหู ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก อีกฟากของปลายสายก็รีบโพล่งขึ้นมา


“ยูจางงงงงง~”


เสียงแบบนี้นี่มัน...?!


“ว่าไง ป๊ะป๋า?” ผมกรอกเสียงตัวเองลงไป


“ซันนี่? ..ทำไมเป็นซันนี่ล่ะ?” เสียงทางนั้นแปลกใจน่าดู


“แล้วเป็นซันไม่ได้รึไง?” ผมแกล้งทำเสียงหาเรื่องนิดๆ


“ไม่.. คือ..ป๊ะป๋าโทรผิดเหรอ?” ได้ยินทางนั้นพึมพรำเหมือนถามตัวเองมากกว่า


“ไม่ผิดหรอกน่า.. ซันมาดูเบบี๋แทนยูริที่ออกไปธุระข้างนอกน่ะ”


“โอ้ ดีมาก มายซันชายน์ รู้จักทำตัวให้มีประโยชน์เหมือนกันนี่นา ป๊ะป๋าภูมิใจในตัวลูกจัง” ป๊ะป๋าแซวกลั้วหัวเราะ ผมเลยพลอยหัวเราะไปด้วย


“แล้วตกลงป๊ะป๋ามีอะไรกับไอ้ยูล่ะ? ฝากซันไว้ได้มะ?”


“ไม่มีหรอก ป๊ะป๋าแค่กะจะไปเซอร์ไพรส์หลานๆ ซักหน่อย คิดถึ๊งคิดถึง~ ..แล้วตอนนี้ชิพกับเดลหลานรักของแกรนด์ปาปากำลังทำอะไรกันอยู่เอ่ย?”


“เล่นเกมส์เต้นน่ะ” ผมหันไปมองไอ้เปี๊ยกสองตัวที่ยังเต้นเหยงๆ แถมไม่ได้สัมพันธ์กับจังหวะแม้แต่น้อยแล้วก็อดฮาขึ้นมาอีกไม่ได้


แมร่งรุ่นนี้ใส่ถ่านกี่ก้อนวะ? แรงดีไม่มีตกจริงๆ


“อยากเห็นจัง~” เสียงป๊ะป๋าเพ้อมาตามสาย


ตั้งแต่เจ้าแฝดคู่นี้คลอด ป๊ะป๋าก็บินมาลอนดอนเป็นว่าเล่น ขนาดรับงานยังเลือกรับแต่ในโซนยุโรป(แทบจะปักหลักอยู่อิตาลีแล้วด้วยซ้ำ) บอกว่าจะได้มาหาหลานได้สะดวก เห่อแค่ไหนคิดดูเถอะ


แต่มาดามริต้าก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกันนะเรื่องนี้ นี่ขนาดเคยประกาศว่าไม่ใช่นางงามไม่รักเด็กนะ แต่พอมีหลานขึ้นมาจริงๆ ..โอยยยย แว่บมาหากันแทบจะวันเว้นวัน ยิ่งคฤหาสน์แอนเดอร์สันอยู่ห่างจากที่นี่ไปแค่สองถนนก็ยิ่งสะดวกโยธินมาดามแกเลย


“จะมาตอนไหนล่ะ? ให้ออกไปรับหรือเปล่า?” ผมดึงความสนใจกลับมาที่คู่สายอีกครั้ง


“ไม่ต้องๆ ออกมาแล้วใครจะดูหลาน ..เดี๋ยวป๊ะป๋าไปเองดีกว่า”


“งั้นตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว?” ผมถามอีก


“ที่ไหนซักแห่ง.. บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ” ว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจเอง


“แล้วโทรมาบอกก่อนว่าจะมานี่เซอร์ไพรส์มากเลยนะ คุณปู่”


“ฮ่าๆๆ เอาน่า เดี๋ยวเจอกัน มายซัน”


“ฮะ เจอกัน”


“ตาต่าต๊า” พอวางหูจากป๊ะป๋า เจ้าชิพก็เดินมาตีขาผมแปะๆ แล้วชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปทางทีวี “ต่าต๊า”


เจ้าเดลที่ยืนแทะจอยฯอยู่ตรงนั้นรีบรับไม้รายงานสถานการณ์ต่อ “ตาตาตาต่า ตาตาต่า”


“อ่อ..” ผมพยักหน้าเข้าใจ ..ไม่ใช่ว่าฟังรู้เรื่อง แต่เพราะเห็นหน้าจอมันกำลังโชว์คะแนน มันไม่มีคนมาเต้นนำให้เจ้าแฝดแล้วต่างหาก


“Go! Go!” ผมไล่ต้อนเจ้าหนูชิพกลับไปหน้าทีวีอีกครั้ง ก่อนจัดการทำให้พวกมันได้แดนซ์กันต่อ


!!.. แต่พอจะกลับมาหย่อนก้นนั่งบนโซฟา เสียงกริ่งจากหน้าประตูรั้วก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียอีก..


“ป๊ะป๋ามาถึงแล้วเหรอ?” ผมพึมพำกับตัวเองพลางรีบเดินออกมาเปิดประตู “อย่าบอกนะว่าโทรมาตอนอยู่หน้าบ้านน่ะ? ให้ตายสิ เล่นอะไรของเค้า..” 


??..


แล้วก็ต้องชะงักไป เมื่อออกมาเห็นว่าคนที่ยืนสูงเด่นเป็นสง่าอยู่นอกรั้วนั่นไม่ใช่ป๊ะป๋าของผม แต่ก็แต่งตัวดูดีมีระดับเกินกว่าจะมาเสนอขายปั๊มน้ำหรือคัมภีร์ไบเบิ้ล ..แถมข้างหลังยังมีลีมูซีนจอดนิ่งเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากเสียด้วยสิ


ผมหยุดยืนมองอยู่ตรงระเบียงบ้านอย่างไม่ค่อยแน่ใจ.. เพราะแสงแดดที่สาดแยงตาเข้ามาทำให้เห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดนัก รู้แต่ว่าเขาคนนั้นสวมโค้ทตัวยาว สีดำเรียบหรูสไตล์ Inverness coat (คล้ายๆ เสื้อคลุมพ่อมด)ปิดหมดทุกส่วนจนถึงลำคอ ผมสีน้ำตาลถูกจัดทรงมาอย่างดี ท่าทางไฮโซโก้หรูจนนึกไม่ออกว่าจะมีธุระอะไรกับบ้านหลังนี้?


ญาติยูริน่ะคงไม่ใช่แน่ๆ เพราะหมอนั่นมีแค่ยายคนเดียว จะว่าเพื่อน  ซอลลี่ก็...อืม เพื่อนซอลลี่ส่วนใหญ่เป็นนายแบบนี่นะ สูงยาวเข่าดีแบบนั้นก็อาจจะใช่ ...ว่าแต่รูปร่างเค้าโครงแบบนี้เหมือนจะคลับคล้ายคลับคลายังไงชอบกลแฮะ?


ขณะที่ผมกำลังลังเลว่าจะตะโกนถามเขาดีไหม? ว่ามีธุระอะไร? ..ผู้ชายคนนั้นก็ตะโกนแทรกขึ้นมาก่อน


“ซันนี่!”



?!!..


เสียงนี่มัน... ไม่จริงน่า...


“..........” ผมได้แต่ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น


ก็ไม่ได้อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองมากนัก ..แต่เสียงเมื่อกี๊มัน...ไม่ผิดแน่!


ถึงเขาจะไม่ได้มีผมยุ่งๆ สีเงินเหมือนเมื่อก่อน ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสีขาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ได้ขับรถสปอร์ตจากอิตาลี และที่สำคัญ...ไม่ได้ดูเป็นผู้เป็นคนขนาดนี้


แต่..


“ซันนี่~ ออกมาเปิดประตูให้หน่อยสิ”


แต่น้ำเสียงคุ้นหูนั้นยังคงรักษาระดับความเนิบเฉื่อยเหมือนเมื่อสี่ปีก่อนไม่มีผิดเพี้ยน!


“ฟ้า!” ผมรีบถลาลงจากระเบียงมายังประตูรั้วทั้งที่ใส่แค่สเวตเตอร์คอเต่ากับรองเท้าแตะ อากาศหนาวภายนอกดูจะไม่มีผลอะไรต่ออุณหภูมิในร่างกายของผมตอนนี้เลย


“ซันนี่..”


ยิ่งเข้ามาใกล้ก็ยิ่งแน่ใจ ..เป็นเขาจริงๆ นั่นแหล่ะ


“ฟ้า..” ผมลนลานรีบเปิดประตูรั้วโดยไม่ยอมละสายตาไปจากใบหน้าของอีกฝ่าย ..แม้แต่กระพริบตาผมก็ยังไม่กล้าทำ กลัวว่าเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่ทำแบบนั้นคนตรงหน้านี้จะหายไป ผมกลัวว่ามันจะกลายเป็นเพียงภาพลวงตา กลายเป็นว่าผมหลอนไปเอง ..ไม่ ผมไม่อยากให้มันกลายเป็นแบบนั้น


ผมไม่อยากให้เขาหายไปไหนอีก!


“ฟ้า..” ผมดึงประตูเปิด แล้วก้าวออกมาหา ..มายืนเผชิญหน้ากับคนที่ปล่อยให้ผมรอมาถึงสี่ปีเต็ม


“ซันนี่..” เขาเรียกชื่อผมอีกครั้ง ..ด้วยน้ำเสียงที่ผมอยากจะได้ยินมาตลอด


น้ำเสียงที่แสนคิดถึง..


ใบหน้าที่แสนคิดถึง..


แววตาที่แสนคิดถึง... ของคนที่ผมแสนคิดถึง


“ฟ้า..” ผมค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้อีกก้าวหนึ่ง


เขากางแขนทั้งสองข้างออกเตรียมรอรับผมเข้าสู่อ้อมกอด ปากก็เอ่ยเอื้อนประโยคที่สมควรจะพูดมาตั้งแต่สามปีที่แล้ว..


“กลับมาละ..อั้ก!!”


คนถูกหมัดขวาตรงกระแทกปากก่อนพูดจบถึงกับเซถอยหลังสองก้าวครึ่ง


ใช่!! เขาควรจะพูดมันตั้งแต่สามปีที่แล้ว ไม่ใช่มาพูดเอาจนป่านนี้!


“ซันนี่?” ฟ้ามองผมอย่างอึ้งๆ สีหน้าแววตาบอกออกมาหมดว่าเขาไม่เข้าใจการกระทำของผม มุมปากสีชมพูค่อยๆ มีเลือดสีแดงไหลซึมออกมา..


แต่มันก็ยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่เขาทำกับผม!


เขาทิ้งให้ผมรออยู่ตั้งสี่ปีโดยไม่มีความหวังอะไรให้เลย ปล่อยให้ผมค้างเติ่งอยู่กับความทรงจำที่ไม่ว่าจะหลับตาลงกี่ครั้งมันก็ยังชัดเจน ..เขาทรมานผม!


แล้วยังมีหน้ากลับมาเรียกหาผมราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เขาทำราวกับว่าช่วงเวลาสี่ปีที่หายไปนั้นเป็นเพียงแค่สี่วันที่ไม่น่าสนใจ เขาก็ทำเหมือนกับทุกครั้งเวลาที่เขาหายไป ..เขาไม่เคยเห็นใจผมบ้างเลย!


“....!!....”


มีผู้ชายชุดดำสองคนรีบลงจากรถลีมูซีน คนหนึ่งเข้าไปดูฟ้า อีกคนหนึ่งทำท่าจะถลามาหาผม แต่ถูกฟ้ายกมือเป็นเชิงห้ามก่อน เขาหันไปพูดอะไรบางอย่างกับสองคนนั้นก่อนที่ทั้งคู่จะยอมถอยกลับไปขึ้นรถด้วยสีหน้าไม่เต็มใจนัก หนึ่งในนั้นมองมาที่ผมด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจ


“เดี๋ยว! ซันนี่..”


เพราะความรู้สึกที่ประเดประดังถาโถมเข้ามาในชั่วเวลาไม่กี่วินาทีนี้ทำให้ผมสับสนกดดันจนรับแทบไม่ไหว ทั้งความรู้สึกเก่าๆ ความรู้สึกใหม่ๆ ดีใจ เศร้าใจ ผสมผเสปนเปกันให้มั่วไปหมด สุดท้ายผมจึงตัดสินใจหันหลังกลับเข้าบ้าน แต่ก็ถูกอีกคนตามมาคว้าแขนเอาไว้ก่อน


“เดี๋ยว..” ผมหันกลับไปปล่อยหมัดใส่เจ้าของมืออีกรอบ แต่คราวนี้เขาหลบทันและคว้าข้อมือผมไปกำไว้แน่น “รู้นะว่าโกรธ ..แต่จะไม่ฟังคำอธิบายก่อนซักหน่อยเหรอ?”


“..........” ผมเงียบ ไม่ตอบรับอะไรกับคำเสนอนั้น ทำเพียงแค่พยายามบิดข้อมือตัวเองออกจากการเกาะกุม ..แต่แน่นอนแหล่ะว่ามันไม่สำเสร็จ เขายังยื้อผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย


“ซันนี่.. ขอร้องล่ะ” ทั้งน้ำเสียงทั้งแววตาของเขากำลังอ้อนวอนผม


“กู..ควรจะฟังอะไร?” ผม..พยายามจะเปล่งเสียงออกไป แต่มันก็ยากเย็นเหลือเกินเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างมาจุกอยู่ที่คอ “..จากผู้ชายที่สัญญาว่าจะกลับมาตั้งแต่สามปีที่แล้ว?”


“ขอโทษ.. ขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้...มันมีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นที่โน่น กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็เลยสัญญามาสองปีครึ่งแล้ว ..ที่จริงกูควรจะมาหามึงตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้ว แต่เพราะโคเน่ทิ้งระเบิดไว้หลายลูกก่อนจะหายตัวไป.. กว่าจะเก็บกวาดทุกอย่างได้เรียบร้อย..กูก็เสียเวลาไปอีกครึ่งปี..”


“ถึงมาตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้วมันก็ยังช้าไปอยู่ดี!!” ผมแผดเสียงใส่เขาด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย มันมีทั้งส่วนผสมของความน้อยใจ เสียใจ โมโห โกรธ รวมอยู่ในนั้น ..ผมอยากจะร้องไห้ ทำไมเขาถึงมีอิทธิพลต่อจิตใจของผมขนาดนี้นะ


“มึงไม่..ติดต่อมา..เลย..”


“ขอโทษ.. เพราะกูทำแบบนั้นไม่ได้...ยิ่งได้ยินเสียงมึงทางโทรศัพท์.. ได้เห็นหน้ามึงผ่านวีดิโอคอล..กูก็ยิ่งอยากจะมาหา อยากทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังแล้วมาพามึงหนีไปด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอด ..แต่เพราะกูรู้ว่ามึงไม่ต้องการแบบนั้น ..กูก็เลยหักดิบด้วยการไม่ติดต่อมึงแล้วก้มหน้าก้มตาทำสิ่งที่ควรทำให้สำเร็จก่อน”


“อีเมลมาก็ได้นี่ โซเชี่ยลเนตเวิร์คอื่นๆ ก็มี หรือจะข้อความสั้นๆ มาก็ได้! มีอีกตั้งหลายช่องทางที่มึงจะส่งข่าวให้กูรู้ แต่มึงก็ไม่ทำ!”


ผมพยายามจะบิดข้อมือออกจากมือเขาอีกรอบ แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยเหมือนเดิม แถมยังเลื่อนมาจับมือที่เย็นจนเริ่มชาของผมไปถูกับมือตัวเองราวกับต้องการให้มันอุ่นขึ้น ..นี่เขาไม่รู้ตัวหรือไงว่ามือของเขามันเย็นจะตาย!


แต่ก็น่าแปลกที่มันสามารถทำให้ผมรู้สึกอุ่นขึ้นได้จริงๆ ..ไม่ใช่แค่มือ แต่ลามมาถึงอกข้างซ้ายด้วย


“กูทำนะ” เขาพูดแบบนั้นหลังจากเป่าลมอุ่นๆ รดมือผมอยู่หลายที


“ไม่เห็นมีอะไรซักอย่าง!” แต่ผมค้าน ..ก็ผมไม่เห็นจะมีอะไรส่งถึงผมเลยสักตัวอักษร “กูต้องคอยถามหาข่าวมึงจากคุณพิณจากไอ้จี้เองตลอด”


“ก็สองคนนั้นไง ..เป็นคนส่งข่าวให้กู” เขาพูดออกมาหน้าตาเฉย “สองคนนั้นรับฝากคำคิดถึงของกูมาให้มึง และส่งความคิดถึงของมึงกลับไปให้กู ..ทำให้กูแน่ใจว่าจะไม่ถูกลืม ..นี่ไงวิธีของกู”


“..........”


“ซันนี่..”


“..........” ผมว่าไม่ใช่แค่ภายนอกแล้วที่เขาเปลี่ยนไป


“กูต้องทำยังไง ซันนี่? ..ต้องทำยังไงมึงถึงจะยอมยกโทษให้”


“..........” วิธีการคิดของเขาก็เปลี่ยนไป


“กูเสียใจกับความไร้ความสามารถของตัวเองจนปล่อยให้มึงต้องรอนานขนาดนี้ ..แต่..กูขอโอกาสอีกซักครั้งได้มั้ย?”


“..........” และวิธีการพูดของเขาก็เปลี่ยนไปด้วย(ถึงจะยังสำเนียงเนิบเหมือนเดิมก็เหอะ)


“..นะ ซันนี่? สงสารคนที่หลงรักมึงหัวปักหัวปำหน่อยเถอะ”


“..........” เขาไม่เคยพูดอะไรที่มันเลี่ยนแบบนี้


“นี่มันเกินลิมิตของกูแล้ว ..กูอยู่โดยที่ไม่มีมึงต่อไปอีกไม่ได้แล้ว”


“..........” หรือการกินแต่มักกะโรนีกับพิซซ่าจะทำให้สมองของเขาเพี้ยนไป?


“ได้โปรดเถอะ ที่รัก..”



(ต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2012 08:38:46 โดย White Raven »

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
(ต่อ)


“ตาตาตาตาตาตาตาต่าต๊า” เสียงตะแบงรัวๆ คล้ายกำลังเรียกถามของหนึ่งในหลานแฝดของผมดึงความสนใจของเราให้คู่ให้หันไปมอง แล้วก็เห็นว่าเจ้าหนูสองคนนั้นกำลังเกาะราวระเบียง ชะเง้อคอมองหาผมด้วยความสงสัย เสื้อผ้าที่ใส่ก็ไม่ได้พร้อมจะออกมาข้างนอกเลยแม้แต่น้อย ..และในมือก็ยังถือจอยฯเอาไว้คนละอัน


!!.. ผมอาศัยจังหวะที่ฟ้าเผลอมองเด็กพวกนั้นกระชากมือของตัวเองกลับคืนมา พอเขาผวาจะมาคว้าตัวผมผมก็ถีบส่งไปอีกที แต่เขากระโดดหนีได้อย่างฉิวเฉียด ผมรีบวิ่งกลับมาที่ระเบียงบ้าน คว้าเจ้าแฝดเหน็บเอวได้คนละข้างได้ก็หนีเข้าบ้านมาปิดประตูเงียบ



“ซันนี่! ซันนี่!”


ผมไม่ได้สนใจเสียงร้องเรียกและทุบประตูจากข้างนอก รีบต้อนเจ้าหนูชิพแอนด์เดลกลับไปที่ห้องของตัวเอง รื้อค้นเสื้อผ้าที่น่าจะใส่อุ่นมาแต่งองค์ทรงเครื่องให้พวกมันใหม่ ทั้งเสื้อกันหนาว ถุงเท้า รองเท้า ถุงมือ แล้วก็หมวกไหมพรม เห็นแสงดาวเดินตามเข้ามาอีกตัว ผมก็เลยจับมันใส่เสื้อกับเขาด้วย ก่อนจะเดินไปหยิบขวดนมที่ยูริเตรียมไว้ให้มาแจกคนละขวด เจ้าแฝดท่าทางดีใจจนลืมจอยฯที่ถือไม่ปล่อยเมื่อกี๊ไปเลย


ระหว่างนั่งรอเจ้าสองคนนั้นเติมพลัง ผมก็ครุ่นคิดว่าควรจะทำยังไงกับคนที่อยู่ข้างนอกดี ..ผมดีใจที่เขากลับมา ใช่! ถึงเขาจะทิ้งผมไปตั้งสี่ปี แต่ก็ช่างหัวมันประไร ในเมื่อสุดท้ายแล้วเขาก็กลับมา


ถูก! ..มันไม่ใช่เรื่องของศักดิ์ศรีหรืออะไร แต่นี่มันเป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ และผมก็จะไม่ทรมานใจตัวเองด้วยตั้งแง่กับเขาหรอก ผมอุตส่าห์รอเขามาตั้งนานแล้วจะไล่เขาไปง่ายๆ เพราะทิฐิได้ยังไง ผมไม่ใช่พระเอกละครไทยที่เอาแต่งอนกันไป ประชดกันมา กว่าจะได้กันสักทีก็จบเรื่องพอดี ..ไม่! ชีวิตนี้แสนสั้นนัก และพวกเราก็ข้ามขั้นไปไกลกว่านั้นเยอะแล้ว


ส่วนเหตุผลของเขาจะพอยอมรับได้หรือเปล่าผมก็ไม่รู้ ผมไม่ได้ตั้งใจฟังนัก หูของผมได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเอง ส่วนตาของผมก็จับจ้องอยู่แต่ใบหน้าเขา ใจของผมก็มีแต่เขา และสมองของผมก็เลิกงานก่อนเวลา.. ผมรู้แต่ว่าผมใจอ่อนตั้งแต่ปล่อยหมัดแรกไปกระแทกหน้าขาวๆ ของเขาแล้ว ตอนนี้มันเป็นสีแดงช้ำ แต่เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะกลายเป็นสีม่วง แล้วก็เป็นสีเขียว ตามลำดับ ..แต่ใครจะสน


ผมลุกขึ้นเมื่อเห็นเจ้าแฝดซัดนมจนพร่องไปเกือบครึ่งขวดแล้ว ..ได้เวลาชำระความกันสักที


!.. กำลังจะเดินออกไปก็พอดีโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้นซะก่อน


“มีอะไร?” กดรับสายผมก็ยิงคำถามทันที เพราะไม่ตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครยาวๆ ..ผมมีเรื่องสำคัญกว่านั้นจะต้องไปทำ


“กายบอกกูว่าไอ้ลูกเป็ดมันกลับมาแล้ว มันมาถามหามึงที่นี่ แต่กูไม่ทันเห็นมันหรอกนะเพราะเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ว่าแต่ตอนนี้มันไปหามึงที่บ้านซอลลี่แล้วยัง?”


“อือ ตอนนี้มันอยู่ข้างนอกนั่น”


“แล้วมึงจะเอาไง?”


“ไว้จะเล่าให้ฟัง” ผมบอกแล้วกดตัดสายทิ้งโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรอีก(..ก็บอกแล้วไงว่ายังไม่มีอารมณ์คุย) ก่อนจะก้มมองลูกสมุนที่ปากยังดูดนมแต่แหงนหน้ามองผมราวกับจะถามว่า ‘เอาไงเพ่?’


“ไป แฝด.. ไปต้อนรับแขกหน่อย” ผมบอกและเดินนำไปหยิบเสื้อโค้ท มีเบบี๋ดูดขวดนมเดินเตาะแตะตามหลังมา พร้อมทั้งแมวอีกหนึ่งตัว




“ซันนี่!” ฟ้ามีท่าทางดีใจที่เห็นผมเปิดประตูออกมาอีกครั้ง


ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินเบียดเขาออกมา ลงจากระเบียงได้ก็ไม่ลืมที่จะหันไปยกเจ้าแฝดลงตามมาทีละคน ตอนนี้เราทั้งหมดจึงมายืนอยู่บนสนามหญ้าหน้าบ้าน(ยกเว้นแสงดาวที่นั่งสังเกตการณ์อยู่บนราวระเบียง) 


“แล้วนี่..” ฟ้าเป็นคนเอ่ยปากขึ้นก่อน เขามองมาอย่างกับจะถามว่านี่เจ้าเปี๊ยกพวกนี้มันคือตัวอะไร?


เจ้าแฝดก็เหมือนจะรู้ตัวว่าเป็นที่สนใจของอีกฝ่าย มันเลยมายืนจังก้าขนาบข้างผมราวกับต้องการประกาศตัว ในมือถือขวดนม ส่วนปากก็ยังงับจุกนมแน่นไม่ปล่อย ขณะที่สายตาจับจ้องคนแปลกหน้าราวกับกำลังตรวจสอบ


“กองหนุน” ผมตอบอย่างมั่นใจ เหลือบไปมองนอกรั้วก็เห็นลูกสมุนชุดดำของฟ้าออกจากรถมายืนตีหน้านิ่งอยู่หน้าประตูรั้วแล้ว


“มึงมีมาสอง กูก็มีมาสองเหมือนกัน”


ฟ้ายกมือขึ้นกุมหน้าผากแล้วหันเลี่ยงไปทางอื่น ผมรู้ว่าเขาอยากจะหัวเราะ แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้เพราะรู้ว่ามันไม่ใช่เวลา ..โอเค เขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ นั่นแหล่ะ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้จักคำว่า ‘กาลเทศะ’ มากขึ้น


แต่อย่ามาดูถูกนะเว้ย! เบบี๋พวกนี้เคยตีชนะเด็ก 2 ขวบมาแล้วนะ ชิชะ!


“แล้ว...จะยกโทษให้รึยัง?” ฟ้าที่สงบสติอารมณ์ได้แล้วขยับเข้ามาคว้ามือข้างหนึ่งของผมไปกุมไว้อีกครั้ง(ตอนนี้ใส่ถุงมือแล้ว)


“ง่ายไปรึเปล่า?” ผมถามกลับ แต่ไม่ได้ชักมือกลับแต่อย่างใด


“แล้วจะให้ทำยังไง?”


“คิดเองไม่เป็นรึไง?”


ฟ้านิ่งไปเหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะยอมปล่อยมือจากผม แล้วถอยห่างออกไปหนึ่งก้าว ก่อนพูดเชิญชวน(?) “อ้ะ จะอัดกูก็ได้นะ ถ้ามึงต้องการ ..ถ้ามึงอยากได้แบบนั้นกูก็ยินดะ..อั้ก!!”


ผมชิงทำให้เขาสมปรารถนาก่อนที่เขาจะทันขอพรเสร็จด้วยซ้ำ ..อยากได้ก็จัดให้ ดูซิจะกล้าขออีกไหม?


“ซี้ดดด..” ฟ้าที่เซถอยหลังไปสองก้าวร้องครางเบาๆ ขณะเช็ดเลือดตรงมุมปากออก ..ท่าจะเจ็บไม่น้อยอยู่ล่ะ ก็ผมจงใจซ้ำแผลเก่าแบบเน้นๆ เลยนี่นา


“แอ๊ะ หิหิหิหิ ..เอิ๊ก” เจ้าแสบชิพคายจุกนมออกจากปากมาหัวเราะ ตบมือกับขวดนมแปะๆ อย่างชอบอกชอบใจ ส่วนเจ้าหนูเดลเพียงแค่ยืนมองตาปริบๆ ปากก็ยังมุ่งมั่นกับการดูดนมต่อไปอย่างไม่ลดละ(สงสัยจะรีบโตให้ทันพี่มัน)


ขณะที่กองหนุนของฟ้าก็ได้แต่ยืนเกาะรั้วกระสับกระส่ายด้วยความเป็นห่วงเจ้านายอยู่ตรงนั้น(สงสัยว่าฟ้าจะห้ามเข้ามา)
ดีล่ะ งานนี้เบบี๋ของผมมีประโยชน์กว่าเห็นๆ


“พอใจรึยัง?” ฟ้าถามผม


“แค่นี้เองเนี่ยนะ? สองหมัดกับสี่ปีเนี่ยนะ? คุ้มสุดๆ!” ผมประชด


“โอเค ก็ได้..” ฟ้าที่ยืนมองหน้าผมนิ่งๆ อยู่พักนึง จู่ๆ ก็ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหญ้า จากนั้นก็นอนราบลงไปเฉยเลย เขาผงกหัวขึ้นมามองผมเล็กน้อยก่อนว่า


“งั้นเอาเลย ..กระทืบมาเลย เอาซะให้พอใจ”


“อย่ามาท้านะ!” ผมชักปรี๊ดขึ้นมาอีกรอบ ก็กะขอสักห้าหมัดเท่ากับจำนวนปีที่เสียเวลารอ บวกดอกเบี้ยแค่เนี้ย ถึงกับต้องประชดประชันกันแบบนี้เลยเรอะ?! เดี๋ยวเหอะ อย่าคิดว่าไม่กล้านะ!


“ไม่ได้ท้า.. อนุญาต ..เอาให้สบายใจแล้วค่อยหยุด” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าท่าทางของฟ้าบอกหมดว่าเอาจริง “แต่มีข้อแม้ว่าถ้าพอใจแล้วต้องหายโกรธกันนะ”


“ก็ได้!” ผมรับคำ ก่อนย่างสามขุมไปหา ..ขอมาก็จัดให้ จัดหนักจัดเต็มด้วย อย่ามานึกเสียใจทีหลังแล้วกัน ซันชายน์ก็คนจริง ไม่แพ้ซินเซียร์นะขอบอก!


“เดี๋ยวๆๆๆ” แต่พอผมเตรียมเงื้อเท้า เขาก็รีบยกมือร้องห้ามก่อน


หรือว่าจะเปลี่ยนใจ? ป๊อดอ่ะดิ โถ่ว.. ไม่แน่จริงนี่หว่า


“มีอีกเรื่องที่อยากจะขอ..”


“มีอะไรจะสั่งเสียก็รีบว่ามา” ผมอนุญาต


ขนาดนักโทษประหารยังมีโอกาสได้ขอคำขอสุดท้าย แล้วนี่กับคนที่ผมรักหมดหัวใจ..ทำไมผมจะให้โอกาสนั้นไม่ได้ จริงไหม?


“ถ้ากระทืบเสร็จแล้ว..”


“....?....”



“มีเซ็กส์กันนะ”



โอเค ผมยอมรับก็ได้ว่าผมเข้าใจผิดไปทั้งหมด เขาไม่ได้เปลี่ยนไป ไม่เลยสักนิด! ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ยังเป็นเขา ยังเป็น ‘เอี้ยฟ้า’ คนเดิมที่ผมเคยรู้จัก และหลงรักนั่นล่ะ!



“ถ้ามึงยังไหว” ผมพูดพลางยิ้มเหี้ยม


“สู้ตาย..” เขาทำใจดีสู้เสือแถมยังชูสองนิ้วให้ผมด้วยด้วย




ผมก็ไม่รู้หรอกว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือเปล่าจะที่เกิดเรื่องแบบนี้ วันข้างหน้าเขาอาจจะทิ้งผมไปอีกก็ได้ใครจะรู้ ..แต่ก็นั่นแหล่ะ เพราะมันไม่มีใครรู้ งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องไปคิดมากกับเรื่องที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้ เวลานี้ ผมมีเขาอยู่ตรงหน้าแล้ว เรามีโอกาสได้กลับมามีกันและกันอีกครั้ง ดังนั้นสิ่งที่ควรจะทำตอนนี้ก็คือการเก็บรักษาช่วงเวลาแบบนี้เอาไว้ให้ยาวนานที่สุด


จนกว่าจะถึงวันที่เราต้องแยกจากกันไปตลอดกาล..


ผมจะรักเขาอย่างสุดความสามารถเท่าที่คนคนหนึ่งจะรักใครอีกคนหนึ่งได้ ..ผมสัญญา




“แฝด จัดการ!!” ผมสั่งสมุนที่เตรียมพร้อมรออยู่แล้ว


“ต๊าต้า!!”









" จบ "



The End.     
 




Every end is a new beginning.







----------------------------------



ขอบคุณทุกคนที่อุตส่าห์ติดตามอ่านนิยายที่เกิดจากความว่างจัดของเรามาจนถึงตอนสุดท้าย

ขอบคุณเล้าเป็ดที่เปิดโอกาสให้เรามาใช้พื้นที่แห่งนี้ระบายความฟุ้งซ่านเว้อเวิ่นของตัวเอง

ขอบคุณคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตที่ทำให้เราส่งต่อความเพ้อเจ้อสู่นักอ่านในโลกไซเบอร์ได้

ขอบคุณพ่อแม่ที่ให้สติปัญญาระดับปั้นน้ำเป็นตัว เป็นเรื่องเป็นราวได้ยาวเป็นมหากาพย์ขนาดนี้

ขอบคุณครูสอนภาษาไทย

ขอบคุณ ก – ฮ

ขอบคุณ...

และขอบคุณ



ขอบคุณมากค่ะ

-ไวท์ เรเวน-





ติดตามความเคลื่อนไหวอื่นๆ ได้ที่ http://www.facebook.com/WhittyRaven
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2013 08:34:05 โดย White Raven »

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
 :pig4: :pig4:  ขอบคุณสำหรับนิยายที่ดีเรื่องหนึ่งค่ะ   จะติดตามผลงานต่อไปนะค่ะ ส่วนตัวคิดว่านิยายเรื่องนี้ ลงตัวและสนุกน่าประทับใจมากค่ะ   เป็นกำลังใจให้คนเขียนต่อไป  o13 o13 o13 o13 :bye2: :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2012 15:21:13 โดย Tiamo_jamsai »

pahpai

  • บุคคลทั่วไป
้อ๊าาาาาาา จบแล้ววววววววว นี่เค้าจะอดอ่านตอนพิเศษสกายซินด้วยหรอเนี่ย T^T

ขอบคุณ ที่ส่งเอี้ยฟ้าพระเอกมึน หลุดกรอบ มาแหวกแนวตลาด
ขอบคุณ ที่ส่งคนหล่ออย่างสกายมาบ้าๆบอๆใ้ห้ได้ฮา
ขอบคุณ ที่ส่งกะเทยหล่อล่ำอย่างอิเมย์บีมาให้ถูกใจ
และสุดท้าย ขอขอบคุณส่งคู่แฝดมาให้หลงรักนะครับ

เรื่องนี้ผมไม่ได้เมนต์เท่าไหร่ เพราะมาสมัครสมาชิกทีหลัง แล้วก็มีช่วงยุ่งๆทำให้หยุดอ่านช่วงท้ายๆเรื่องไป เดี๋ยวจะไปไล่อ่านให้จบ
แต่ตามข่าวคราวใน fb เสมอ แค่อาจไม่รู้ว่าเป็นคนไหนที่คุณไวท์เคยคุยเท่านั้นเอง 55 ขอโทษด้วยนะครับ

สุดท้าย...รอพระรถ-เมรี กะคุณแสงเหนืออยู่นะครับ มาต่อไวๆเน้อ สัญญาว่าจะตามเม้นท์ตลอดแล้วเน้

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
สามตอนสุดท้ายกระชากมากค่ะ
จากที่ขำแตก บู๊ ตื่นเต้น กลายเป็นเศร้าซึม

อยากได้รายละเอียดช่วงที่เป็นวิธีเล่า แต่คิดเอาเองว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
ตอนที่เศร้าเราไม่อยากจำเท่าไหร่หรอก
5555 เป็นมนุษย์สุขคติอย่างแรง

ปล.เตรียมโอนเงินรวมเล่มดีก่า

ออฟไลน์ sulsul

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
อ้ากกกก
อยากรู้ว่าฟ้าจะเป็นยังไง
อยากอ่านตอนซนๆของชิพกับเดลด้วยย (ประมาณสัก10ขวบ) น่าจะน่ารักน่า...ดู 555

4ปี สมควรแล้วฟ้า นานโคตรรร
คนรอจะตายก่อน ถ้าไม่รักมากทำยากนะเทอ

สุดท้าย อยากบอกคนแต่งว่า ชอบมากก
เวลามาอัพทีไร กดอ่านตลอด
เค้าชอบแฝดด้วยแหละ แถมเรื่องก็บู๊ๆ ไม่ตุ๊ดดี ชอบบบบ
ไว้จะตามผลงานต่อไปนะค่ะ จุ๊ฟ *กอด*

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
แฝดน้อง..แสบพอๆกับซินนี่ซันนี่เลย
 :z3:

อยากเห็นเมย์เดย์  :o8:

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
ซินไหนบอกว่าจะให้กายเป็นภรรยาไง แล้วอะไรกันนั่น ซันนี่คิดได้ให้ชิพกับเดลจัดการฟ้าเนี่ยนะ ยูแม่บ้านมาก ๆ ซอลลี่เป็นป๊ะป๋าหรือนั่น ชิพไม่ค่อยเลยนะ ทำไมแกล้งเดลแบบนั้น แต่ชิพกับเดลคงจะเป็นพี่น้องที่รักกันน่าดู

ออฟไลน์ moobarpalang

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-6

ออฟไลน์ my pumpkin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จบแล้ว~~~ ชอบมากกกกกกกก ขอบคุณไวท์ที่แต่งนิยายดี ๆ อย่างนี้ให้อ่าน จะติดตามทุกเรื่องแน่นอนค่ะ

เรื่องต่อไป~~ ยูริจังน้า~~~ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Pigstar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆๆครับ
นิยายเรื่องนี้ทำให้ผมยิ้มได้ตลอด อาจมีเศร้าซึมไปเพราะอินกับเนื้อเรื่องไปบ้าง
ก็คนเขียน เขียนได้ดีนี่นา  o13

คนเรามุมมองแตกต่างกันครับ ใครจะมองว่ามันรวบรัด
ให้จบเร็วยังไง ก็แล้วแต่ ผมกับคิดว่า เนื้อเรื่อง
จบได้ดีมาก อ่านได้ไม่สะดุด ทุกการกระทำของตัวละคร
ก็อธิบายถึงสาเหตุการกระทำได้ดี สรุปผมชอบครับ!!
เสียดายนะครับที่จะไม่ลงตอนพิเศษต่อ ผมว่าคงมีอีก
หลายคนที่อยากอ่านเหมือนผม เสียดายๆๆ

เอาเป็นว่าจะรออ่านผลงานชิ้นต่อไปครับ
เด๋วผมไปรอในเรื่องของซอลลี่นะ //แอบทวง 55

ปล. มีเรื่องใหม่อย่าลืมมาสะกิดบอกกันบ้างนะครับ

จะตามไปอ่านแน่นอน ไว้เจอกันครับ
 :bye2: :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2012 16:36:22 โดย Pigstar »

ออฟไลน์ BBnuna

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 299
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
จบแล้วอ่า  ม่ายยยย หนูจะเอาตอนพิเศษ(ดิ้นๆ) :z3: :z2:
ปล.อย่าไปสนใจตัวที่เวิ่นอยู่นั้นเลย คืออยากจะบอกว่าขอบคุณเหมือนกันสำหรับเรื่องสนุกๆ อย่างนี้ ขอบคุณมากค่ะ :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ abcee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ยังไม่ได้อ่านนะครับ แต่ขอมาขอบคุณนักเขียนเรื่องนี้ก่อน ขอบคุณมากๆนะครับ ที่มาแต่งนิยายให้เราได้อ่านกัน เป็นกำลังใจให้กับเรื่องต่อๆไปด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆครับ.....ซีซี :L1:

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
รอหนังสืออยู่นะคะ ^^

ออฟไลน์ PoP~Pu

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-5
อืมม ฟ้าพูดเก่งขึ้นนะ พูดมากซะด้วย ฮ่าๆ
แต่มึนเหมือนเดิม ขอมีเซ็กส์หน้าตายมากก ก ก!
อัดให้น่วมเลยนะซันนี่และเจ้าหนูแฝดดด!!
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ ชอบมากกเรื่องนี้ :กอด1:

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ช่างเต็มไปด้วยบทบรรยาย มากมาย ล้านแปด
เหมือนโดนตัดจบเลยอ่ะ

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก ปัญหาคือเราไม่อาจตัดใจได้อ่ะ
อยากอ่านต่อยาวๆ อยากอ่านอีกไปเรื่อยๆ ไม่อยากให้จบเร็วอ่ะค่ะ
เพราะฉะนั้น ขอตอนพิเศษที่นอกเหนือจากในหนังสืออีกเหอะนะคะ

แต่แค่ตอนนี้ก็รอหนังสือไม่ไหวแล้ว
อยากอ่านตอนพิเศษแล้ว แค่ชื่อตอนก็ใช่เลย
มีมานะเข้ามาแล้ว ก็แอบโลภอยากได้เมย์บีชิฮัวด้วยอ่ะ มันคงเฮฮาร่าเริงอ่ะ

เราว่าแฝดชิพเดล SM นี่ตอนโตก็น่าสนใจนะ
ออกแนว incest ได้มากกว่าซันซินซะอีก กร๊ากกกกก

Ari

  • บุคคลทั่วไป
แล้วหลังจากนี้อะ

ตอนพิเศษๆๆๆๆ รอๆๆๆ รุนะว่าต้องมา อิอิ

armmyrine

  • บุคคลทั่วไป
 :L2:  ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ. แอบฮากับภาพเอี้ยฟ้าตอนจบ. เราเป็นคนนึงที่รแตอนพิเศษน๊าาาาาาาาาาาาา :laugh: :m20: :jul3:

ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
 :m23: :m26: :m1: :m14: :m14:

ดอนที่อ่านครั้งที่แล้ว

ผมมีความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

แต่บทส่งท้ายช่วยกู้ความรู้สึกที่ดีๆมาให้

และยอมรับว่าจะกลับมาอ่านเรื่องนี้อีก

เพราะเป็นเรี่องทีดีเรื่องหนึ่ง

 ( ไม่ใช่ดีแต่ " เยี่ยม " ต่างหาก )

ผมจะติดตามผลงานของคุณต่อไป

ด้วยรัก/ เล็ก จอมพล


 :mc4: :mc4: :mc4: :L1: :L1: :L1: :z9: :z9: :laugh5:

คำสนทนากัน ถ้าในเชิง negative

ผู้ฟังมีความเห็นสอดคล้อง

จะใช้ me either (adv) มากกว่า me too

ดูจะสวยกว่า

ออฟไลน์ sunwars

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จบแล้วหรอคะ
ยังไม่หายคิดถึงฟ้าเลยอ่ะ
หายไปตั้งหลายปี กลับมาแค่ให้ซันนี่ตื๊บ?
ยังคิดถึงอยู่เลย ฮาๆ
ฝาแฝดชิพกะเดลน่ารักมากเลยอ่ะ
มีภาคต่อไปของสองคนนี้ป่ะคะ
น่ารักน่าหยิกมากกกกกกก

ปล.คำที่เขียนว่าซินผู้ยิ่งหย่าย เหมือนจะเห็นแว๊บๆว่าเป็นตัว ญ
อยู่ที่นึง ไม่แน่ใจนะคะลองดู เรารีบอ่านเพราะคิดถึงฟ้าอ่ะ
ยังไม่หายคิดถึงเลยน้า รอหนังสือนะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอ
เราว่าส่วนของคอมเมนท์ให้เทียบเป็นเปอร์เซนให้เป็น ร้อยเปอร์เซนต์ดู
จะเห็นว่า ส่วนที่เป็นคอมเมนท์ที่บอกให้ปรับปรุงเทียบเป็นสัดส่วนกับที่ชื่นชมมันต่างกันนะคะ
มองในแง่ลบแค่ไหนก็ให้ยอมรับในความคิดเห็นนะคะ เพราะความคิดของคนเรามันต่างกัน
ถ้าเราทำไม่ดีจริงๆให้เอาไปปรับปรุง ดูให้แน่ใจก่อนนะคะ
แล้วอย่าลืมคิดถึงคนที่ให้การสนับสนุนด้วยคะ สงสารทางนี้บ้างนะ เราเชียร์สุดใจ
แต่คนเขียนคิดถึงคนอื่นก่อน เราน้อยใจเป็นนะ  :o12: ฮาๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด