hello! SUNSHINE [ตะวันร้าย..ที่รัก]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณปลื้มตัวละครไหนมากที่สุด?

ซันนี่
ซินเซียร์
ไอ้เอี้ยฟ้า
ไอ้บ้ากาย
อิเมย์บี

ผู้เขียน หัวข้อ: hello! SUNSHINE [ตะวันร้าย..ที่รัก]  (อ่าน 1235280 ครั้ง)

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33
ฮามากก็ไอ้ตรง ก้าบ ก้าบ ก้าบ เนี่ย :m20: :m20:

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
น้องคลีออกเยอะๆ ได้มั้ย

ชอบอ่า น่ารักน่าฟัดมากกกกกก


ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
ฮ่าๆ  ลูกเป็ดตัวที่สามถูกงับจมูกเป็ด

ออฟไลน์ Panehove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-0
โคเนโร่คนนี้จะนำเรื่องดีหรือเรื่องร้ายมาให้เอี้ยฟ้ากับซันนี่กันแน่หนอ อยากรู้จังค่ะ ขอบคุณสำหรับตอนใหม่จ้า

a-o-pai

  • บุคคลทั่วไป
ชักอยากเป็น 1 ในคณะทัวส์ลูกเป็ดนี้แล้วอ่ะ อิอิอิิอิ

ว่าแ่ต่ ซินเซียร์(ซินดี้) หายไปเลยไม่ค่ิอยมีบทเลยอ่ะช่วงนี้

ออฟไลน์ phoenixa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 569
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ห๊ะ ปู่ของฟ้าประทาน น้องคลี~~ มาเกี่ยวมาดองกันยังไงล่ะนี่
แต่น้องคลีน่ารักนะ เอ็นดูลูกเป็ดอ่ะ

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ชอบ ชอบ ชอบ
คณะ ลูกเป็ด โดยเฉพาะน้องคลี โดนใจมาก
 o13 o13 o13

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
คลีน่ารักนะนั่น ฟ้าบอกพี่ชายแบบนั้นแล้วลงท้ายแบบนั้นพี่ชายฟ้าคงจะงงน่าดูนะนั่น

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 747
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
น้องคลี น่ารักจังเลย

ก๊าบๆๆๆ

ออฟไลน์ AllRiseApril

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
5555555555555555
นึกว่าฟ้าร้องก้าบก้าบ
ที่แท้ก็ลูกเป็ดยักษ์นี่เองงง
แล้วอีสองพี่น้องมันจะไม่พูดไม่จาไม่สื่อภาษาอะไรกันหน่อยเรอะ
หรือยังไงของเค้าวะ 
แล้วสรุปที่ฟ้ามันหายไปนี่ หายไปทำม๊ายยยยยยยยยยยยยย
งง =______=

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
ขอเดินตามด้วยคนสิ แอบรักแม่เป็ดมานานแล้วอ่ะ ฮ่าๆๆ

babynevercry

  • บุคคลทั่วไป
อิอิ ฟ้าอ่ะ แอบหวงไม่ให้ใครมาเรียกซันนี่ สินะ :-[

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
ตอนหน้าจะดราม่า? ลุ้นๆๆๆๆ

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป


    อืม เหมือนแม่เป็ดจริงๆด้วย
    แต่หน้าอย่างเอี้ยฟ้าเนี่ยนะรักเด็ก?




ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
เฮียคิเป็นพ่อลูกอ่อน(?)อ่ะ ลูกเป็ดน่ารัก กัดจมูกฟ้าด้วย แสบใช่ย่อย

ออฟไลน์ warnana001

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่ารัก~ :กอด1:
ฟ้าประทานอย่างฮาอ่ะ(แต่ก็น่ารัก)
คณะทัวร์ลูกเป็ด เข้าใจคิดแฮะ  :laugh:

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3
น้องคลีน่ารักอ่ะ 
เรื่องเคเนโรเนี่ย
นึกยังไงถึงมา
เมืองไทยได้เนี่ย
มันเกี่ยวกับเอี้ยฟ้า
แน่ ๆ

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
ทัวร์ลูกเป็ดของจริง  :jul3:
ฟ้าได้ฉายาใหม่ละ ปู่หัวหงอก  :laugh:

 :กอด1: :pig4: นะคะ

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
Chapter :: 36 :: สไนเปอร์?!







“เฮ้ย?!” ผมถึงกับสะดุ้ง ร้องเสียงหลง เมื่อจังหวะที่กลับเข้ามานั่งในรถกลับพบว่ามีใครบางคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ..ทั้งๆ ที่ก่อนลงไปส่งโคเนโรกลับขึ้นห้องพักผมจำได้ว่าล็อครถเรียบร้อยแล้วนะ!


..แล้วมันเข้ามาได้ไง? 


“เอี้ยฟ้า? ..มึงเข้ามาได้ไงเนี่ย?”


ถึงตอนอยู่ในห้างมันจะเดินตามผมเป็นขบวนลูกเป็ดก็เหอะ แต่หลังจากโคเนโรซื้อของที่ต้องการครบแล้ว เราก็แยกย้ายกันทางใครทางมัน ผมมาส่งโคเนโรที่โรงแรม ส่วนเอี้ยฟ้าก็กลับไปพร้อมกับไอ้มานะ โดยที่ผมนัดกับมันไว้ว่าจะไปหาที่คอนโดหลังเสร็จธุระแล้ว มันก็พยักหน้าเออออเหมือนว่าจะเข้าใจกันดีแล้ว


แล้วไหงมาโผล่นี่ได้เนี่ย?


“กูเก่ง” มันตอบสวนทันทีแบบหน้าตาเฉย ก็เลยโดนผมเสยกบาลจนผม(หงอกๆ)กระจุย


ผมมองมันนิ่งๆ นิดนึงก่อนถอนหายใจอย่างละเหี่ยจิต บิดกุญแจสตาร์ทรถ “เอาเหอะ กูจะไม่สนก็ได้ว่ามึงจะใช้วิชานินจาจากสำนักไหนมาเปิดประตูรถคันนี้ แต่ถ้ามันเกิดมีรอยขีดขวนหรือเสียหายแม้น้อยนิดล่ะก็.. กรุณาเอาตูดของมึงไปรับผิดกับตีนซินเองก็แล้วกัน งานนี้กูไม่เกี่ยว”


ใช่สิ ก็นี่มันรถซิน ยืมไปรับโคเนโร(กับซอลลี่)ตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ก็เลยยืมต่อเพื่อจะพาหมอนั่นเที่ยวอีก ..ส่วนรถผมน่ะเหรอ? ก็โดนคุณชายใหญ่นามแสงเหนือ ยึดยาวตลอดทิปเยือนไทยคราวนี้ไงล่ะพี่น้อง เหอๆ


“ไม่มีหรอก มือชั้นนี้แล้ว” มันหันมาบอกพลางยกนิ้วโป้งขึ้นด้วยหน้าที่ยังอึนอยู่เหมือนเดิม


ผมมองมันทางหางตา ขณะหักเลี้ยวออกจากโรงแรมพอดี “กูชักสงสัยแล้วดิว่ารถที่มึงขับอยู่ทุกวันนี้ได้มายังไงกันแน่?”


“กูไม่ได้ขโมยใครมาหรอกน่า” เอี้ยฟ้าตอบผม แต่สายตามองไปที่กระจกด้านข้างรถ


“เรอะ” ผมแกล้งทำเสียงสูง ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อเท่าไหร่


คราวนี้เอี้ยฟ้ามองผมทางหางตาบ้าง ก่อนกลับไปมองกระจกด้านนอกต่อ ปากก็พูด “กูเป็นคนดีนะ”


“ถ้างั้นโลกนี้ก็ไม่มีคนบ้าแล้ว” ผมสวนกลับยิ้มๆ เลยถูกมันผลักหัวเข้าให้ แต่ก็แค่เบาๆ แหล่ะ


“เออ แล้วมานะล่ะ?” ผมถามเมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ ..ก็ตอนแรกมันนั่งรถไปกับไอ้มานะ ก็แปลว่าไอ้มานะมาส่งมันที่นี่น่ะสิ? แล้ว..ไปไหน? กลับไปแล้ว? ..หรือยังไง?


“คงอยู่แถวนี้แหล่ะ” อีกฝ่ายตอบกลับมาเสียงเรียบ


“แถวนี้?” ผมทวนคำพลางเลิกคิ้ว ..แถวนี้? หมายความว่ายังไง? หรือมันจะขับตามมา? ..คิดได้แบบนั้นก็เลยเหลือบมองกระจกหลัง แต่ก็ไม่เห็นมีรถผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด


..ก็แล้วไอ้มานะมันจะต้องขับตามมาเพื่ออะไรล่ะ? เฮอะ ชักไปกันใหญ่แล้วแฮะผม นี่คงเป็นผลพวงจากการคบหากับคนบ้าสินะ เหอๆ


สุดท้ายก็เลยต้องตัดเรื่องนี้ออกไปจากสมองอีกเรื่อง รกๆๆ


แต่เรื่องอื่นก็ยังมีอยู่ เช่นว่า...


“รู้อะไรมั้ย ฟ้า..” ผมเกริ่นเพื่อดึงความสนใจของคนข้างๆ มาจากกระจกด้านข้างรถ


“ฮึ?” มันส่งเสียงให้รู้ว่าสนใจ แต่ก็ไม่ได้หันหน้ามามองผมหรอก


แต่ไม่เป็นไร ยังไงผมก็ถือว่ามันกำลังฟังอยู่ เลยพูดต่อ “ในโลกนี้น่ะ.. มึงจะหาแฟนที่ใจกว้างงงงง ..ยิ่งกว่าทะเลเดดซี..”


“ซันนี่.. เดดซีมันขึ้นชื่อเรื่องความเค็ม.. ไม่ใช่ความกว้าง” เสียงเรียบๆ ที่สอดขึ้นมาทำเอาผมต้องส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างขัดใจ 


“เออน่า! เอาเป็นว่ามึงจะหาแฟนที่ใจกว้างยิ่งกว่าทะเล..ท้องฟ้า..ทุ่งข้าวสาลี(?) ไม่เซ้าซี้ ไม่โทรจิกโทรตาม แม้ว่ามึงจะหายหัวไปนานๆ แบบไม่มีการชี้แจงแถลงไขอะไรเลย ..แล้วก็จะหาแฟนที่มีความอดทนสูงสุดยอดกับความกวนส้นตีนทะลุปรอทตลอดเวลาของมึงอย่างกูไม่ได้ง่ายๆ หรอกนะ”


เอี้ยฟ้ามองผมหน้างงๆ หน้าตาก่งก๊งได้ที่เลยล่ะ


“แล้ว..” มันพูดแล้วเว้นช่องว่างเพื่อให้ผมได้พูดต่อ


“พ้นจากกูแล้ว ไม่แน่ว่าชาตินี้มึงอาจจะหาแฟนที่แสนดี เพอร์เฟ็ค สเปคในฝันของคนส่วนใหญ่แบบนี้ไม่เจออีกเลยก็ได้ รู้รึเปล่า?” 
คุณเคยเห็นใครที่มั่นใจ(หรือหลงตัวเอง)ขนาดนี้มาก่อนไหม?


ถ้าไม่...ก็เห็นกันซะนะ คนนี้แหล่ะ คนนี้เลย ชื่อซันชายน์ ลูกป๊ะป๋าเซ็น น้องซินเซียร์ แฟนเอี้ยฟ้า หน้าตาดีแบบนี้เลย ดูไว้ๆ ฮ่าๆๆๆ ..เอาน่าๆ มันเป็นการพูดเพื่อหวังผลบางอย่าง ทนอ่านไปอีกหน่อยแล้วกัน อย่าเพิ่งสำรอก เสียดายของ กร๊ากกก


“ตกลงมึงจะหลอกด่ากูหรือจะยกหางตัวเองให้กูฟังกันแน่? ..เอาชัดๆ ซันนี่” เอี้ยฟ้าพูดด้วยหน้าตาที่เฉยสนิท


กูไม่มีหางเว้ย! ไอ้บ้า! ..แล้วกูแค่ว่านิดว่าหน่อยทำเป็น.. เดี๊ยะๆ


‘รมณ์เสียว่ะ!


“กูแค่จะบอกว่า...มึงควรจะซาบซึ้งบุญคุณกูที่ยอมทนคบกับมึงอย่างทุกวันนี้ซะบ้าง”


“เออ กูซาบซึ้งเอี้ยๆ แล้ว ที่รัก” มันพูดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์แบบสุดๆ สายตาก็เหลือบมองไปทางกระจกข้างรถเป็นระยะๆ


“ฟังดูจริงใจมาก” ผมแอบเหน็บเบาๆ ก่อนจะพูดสรุป “งั้นมึงก็ควรจะตอบแทนกูผู้ประเสริฐด้วยการเล่าความจริงมาซักที”


“เรื่องนี้ใช่มั้ยที่มึงอยากจะพูดจริงๆ?” มันถามพลางหรี่ตามองผม


แต่ผมยังลอยหน้าลอยตาขับรถต่อไม่แบบไม่รู้สึกรู้สา “ใช่”


“ฮื่ออออ” เสียงถอนหายใจของคนข้างๆ ดังยาวยืดไปจนเกือบถึงทิเบต(เว่อร์ไป!) แล้วพูดอะไรบางอย่างที่ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าใช่คำตอบของคำถามหรือเปล่าออกมา ..ด้วยเสียงเนิบๆ เฉื่อยๆ ไม่แตกต่างไปจากปกติ 


“...กูกำลังโดนหมายหัว” 


“ห๊ะ? หมายหัว?” ผมเลิกคิ้วสูง ไม่เข้าใจความหมายที่มันต้องการจะสื่อ


“หมาย...จะยิง..หัว..แบบนี้...” มันยกนิ้วชี้กับนิ้วกลางขึ้นจ่อขมับตัวเอง แล้วทำท่าเหมือนถูกยิง ปากก็ร้อง ‘ปิ้ว’ เบาๆ


“มึงดูละครมากไปแล้วรึเปล่า เอี้ยฟ้า? เอาจริงๆ ดิ กูซีเรียสอยู่นะเนี่ย” ผมขมวดคิ้วยุ่ง ชักมีน้ำโหขึ้นมาตงิดๆ “อย่าเพิ่งมากวนประสาทจะได้มั้ย? ที่มึงหายไปตั้งหลายวันโดยไม่อธิบายอะไรเลยมันก็มากเกินไปแล้วนะ ไม่มีใครเค้าจะมาทนมึงได้แบบกูหรอก จะบอกให้! ..และที่กูยอมทนดูเหมือนคนโง่งี่เง่า ยอมไม่เซ้าซี้อะไรมึงเลยทั้งที่กูก็อยากรู้ใจแทบขาดก็เพราะว่ากูเชื่อใจมึงไง! กูเชื่อว่าสุดท้ายแล้วมึงก็จะมาบอกกูเอง ..มึงคงไม่หลอกกู ..ใช่มั้ย?”


“..เพราะมึงชอบกู ..เหมือนที่กูก็ชอบมึง” ผมเว้นช่วงเพราะกลืนก้อนอะไรบางอย่างที่เริ่มขึ้นมาจุกตรงคอลงไป ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ล้าเต็มทน “จริงๆ นะฟ้า.. ความอดทนของกูก็มีขีดจำกัดเหมือนคนอื่นๆ ถ้ายังอยากจะคบกันอยู่ก็พูดความจริงออกมาซักทีเหอะ ..ขอร้องล่ะ”


“กูไม่เคยหลอกมึงซักครั้ง ซันนี่..” เสียงเรียบๆ ที่เอ่ยออกมาหลังจากเงียบไปพักนึง ทำให้ผมต้องละสายตาจากถนนเบื้องหน้าเพื่อหันไปมอง ..หันไปค้นหาคำยืนยันในแววตาสีดำที่แทบไม่เคยเผยอะไรให้ผมได้รู้เลย 


“กูไม่เคยหลอกมึง” เอี้ยฟ้าพูดย้ำอีกครั้ง “ทั้งก่อนหน้านี้..หรือต่อจากนี้...ทุกคำที่กูพูด..ทุกเรื่องที่กูบอก...มันคือความจริงทั้งหมด ซันนี่..”


“..........” ผมหันกลับไปมองถนนอีกครั้งโดยไม่พูดอะไร


ผมต้องการเวลาทบทวนสักหน่อย..


“ซันนี่?”


“มึงเคยหลอกกู..” ผมพูดออกมาด้วยเสียงที่เบากว่าปกติเล็กน้อยเมื่อนึกบางเรื่องขึ้นได้


“ตอนไหน?” มันถามสวนทันที


“มึงเคยหลอกว่าจะยอมให้กู..เอ่อ..กด...วันนั้นอ่ะ..” ยิ่งพูดเสียงผมก็ยิ่งเบาลงไปเรื่อยๆ “..แต่สุดท้ายมึงก็ไม่ยอม มึงหลอกกู!” 
คุณหลอกดาว!


“.........” เอี้ยฟ้านิ่งไป เหมือนว่ามันจะอึ้ง ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาลั่นรถ “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”


“ขำเอี้ยไร?!” ผมตวาดแว้ดกลบเกลื่อนความอายพร้อมกับทุบต้นแขนมันไปอีกที “หุบตูดมึงเดี๋ยวนี้เลยถ้าไม่อยากโดนถีบลงจากรถเหมือนวันนั้นอีก”


“โอเค..” มันรับคำแล้วก็หยุดขำแบบทันทีทันใด กลับมานั่งทำหน้าอึนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


เฮ้ย?! คือมึงจะปรับอารมณ์เร็วไปไหม เอี้ยฟ้า? กูตามไม่ทันว่ะแมร่ง


“มึงซีเรียส?” มันถามมา


“กูซีเรียส” ผมตอบไป


กูเป็นผู้ชายนะเว้ย! กูไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นวงกลมข้างซ้ายของใคร แล้วมันจะแปลกอะไรที่กูจะอยากเป็นนิ้วชี้ข้างขวาเยี่ยงผู้ชายทั่วไปบ้าง? อย่างน้อยก็เพื่อรักษาเสถียรภาพความเป็นชายที่ป๊ะป๋ากูอุตส่าห์ให้มาแบบไม่น้อยหน้าใครน่ะ ฮึ่ย..


“ก็ได้...งั้นกูจะบอกมึงไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลยว่า...ทำใจซะเหอะ...เพราะมึงคงไม่มีวันนั้น..โอ๊ะ” มันพูดยังไม่ทันจบดี ผมก็เอื้อมมือไปผลักหัวมันจนกระแทกกับกระจกรถดังโป๊ก 


“เจ็บนะ” มันบ่นพลางคลำหัวตัวเองป้อยๆ


“สม!” ผมเบ้ปากใส่ ปลายตามองมัน ในใจก็มาดหมาย...ระวังประตูหลังให้ดีเหอะ เอี้ยฟ้า เผลอเมื่อไหร่มึงได้เจอ ‘ซันชายน์’ ของกูแน่ หึๆ หึๆ


“..ถึงซอยข้างหน้าแล้วเลี้ยวเข้าไปเลยนะ” จู่ๆ เอี้ยฟ้าก็บอกพร้อมกับชี้ไปยังซอยเป้าหมาย ทำผมที่คิดอะไรเพลินๆ ถึงกับตั้งตัวไม่ติด


“ห๊ะ มึงจะไปไหน? ซอยนั่นไม่ได้ตัดไปโผล่ถนนเดียวกับคอนโดมึงหรอกนะ” ผมบอกงงๆ


“กูรู้น่า เลี้ยวเข้าไปเหอะ” เอี้ยฟ้าบอกเหมือนตัดรำคาญ ขณะที่สายตาก็จับจ้องกระจกด้านข้างรถ คิ้วขมวดแทบเป็นโบว์


ผมไม่ทันได้ถามอะไรอีกก็ถึงซอยที่มันว่าพอดี เลยต้องหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไป พอเหลือบมองกระจกส่องหลังก็เห็นว่ามีรถเบนซ์สีดำ ติดฟิล์มมืดสนิทหักเลี้ยวตามเข้ามาด้วย


?...


จะว่าไปแล้ว.. รถคันนี้มันขับตามหลังรถผมมาพักนึงแล้วหรือเปล่าวะ?


หรือจะคิดไปเอง? ..ลักษณะจะเป็นรถเช่าด้วยแฮะ ขับตามรถผมมาในระยะยี่สิบเมตรเห็นจะได้


“รถเบนซ์คันนั้น...ตามเรามารึเปล่าวะ?” สุดท้ายเลยตัดสินใจหันไปถามคนข้างตัว


“มึงเพิ่งรู้ตัวรึไง?” เอี้ยฟ้าพูดโดยไม่ได้ละสายตาไปจากกระจกข้าง


“แล้วมันจะตามมาทำไม?” ผมก็เหลือบตามองกระจกหลังเป็นระยะๆ เช่นกัน ทางนั้นยังคงรักษาระยะห่างไม่มากไม่น้อยไปกว่าเดิม


“กูว่ากูบอกมึงไปแล้วนะ...เลี้ยวซ้ายๆ”


“ห๊ะ ซ้ายเหรอ?” ผมหักพวงมาลัยแทบไม่ทัน เพราะมันเล่นมาบอกในระยะกระชั้นชิด ตอนนี้พวกเราเลยโผล่มาที่ถนนที่ผมไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ “ตามมายิงหัวมึงน่ะเหรอ? ..บ้าแล้ว นี่มันกรุงเทพเมืองฟ้าอมรนะเว้ย ไม่ใช่บางกอกแดนเจอรัชอย่างที่ต่างชาติมันเข้าใจ จะได้มีมาไล่ยิงกันกลางเมืองน่ะ” 


ผมก็พูดๆ บ่นๆ ไป ทั้งที่ใจเริ่มไม่ดีแล้วตอนนี้ ก็ไอ้รถเบนซ์คันนั้นมันยังตามมาแบบไม่ลดละเลยนี่หว่า ...นี่มันเรื่องจริงเหรอวะเนี่ย? กูไม่อยากจะเชื่อ!


แต่ท่าทางเอี้ยฟ้ามันดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลยนี่หว่า ตกลงมึงแค่อำกูเล่นหรือเปล่าเนี่ย? ชิลล์เกิ๊นนนน


“คราวนี้มึงไปทำอะไรใครเค้าไว้อีกล่ะ? คงไม่ได้ไปขโมยลูกสาวเจ้าพ่อ เชิดยามาเฟีย หรือโกงไพ่ในบ่อนนักการเมืองหรอกนะ” ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งอริของมันเคยบอกว่ามันโกงโต๊ะบอลด้วยนี่หว่า?


ไอ้ห่านี่ขยันสร้างเรื่องจริงๆ ให้ตายเหอะ!


“มึงเห็นกูเป็นคนยังไงเนี่ย?” มันขมวดคิ้วถามผม


“ใครจะรู้.. หน้ามึนอย่างมึงอ่ะมาเหนือความคาดหมายตลอดแหล่ะ ฮึ..อื้อ!..” จู่ๆ มันก็จับหน้าผมหันไปประกบปาก แล้วดูดแรงๆ คล้ายหมั่นไส้ทีนึงก่อนปล่อยออก


“เชี่ย! เดี๋ยวก็ได้ตายห่ากันทั้งคันหรอก” ผมรีบกลับมาบังคับรถที่แฉลบไปจนเกือบชนถังขยะให้มาวิ่งตรงทางตามเดิม


“ปากดี เดี๋ยวปล้ำตรงนี้เลยดีมั้ย?” เอี้ยฟ้าพูดยิ้มๆ พลางเอามือมาลูบต้นขาด้านในของผมแบบหยอกๆ เลยโดนผมดีดมะกอกดังป๊อก ชักมือกลับแทบไม่ทัน


“ทะลึ่งแล้ว เวลาแบบนี้ยังจะหื่นขึ้นอีกนะมึง”


“กูของขึ้นได้ตลอดแหล่ะ เวลาอยู่ใกล้มึง...แยกหน้าเลี้ยวขวานะ” มันชี้มือบอกเมื่อเราเจอทางแยกอีกครั้ง


“มึงจะขยันเลี้ยวไปไหนนักหนาเนี่ย?” ถึงปากบ่น แต่มือก็ทำตามที่มันบอกแหล่ะผม


!.. แต่พอเลี้ยวพ้นโค้งมาได้ไม่เท่าไหร่ ไอ้รถเบนซ์ที่หายไปเมื่อครู่ก็กลับเข้ามาอยู่ในระยะมองเห็นอีกครั้ง แถมยังดูเหมือนจะเร่งเครื่องเร็วขึ้นจนขยับเข้ามาประชิดรถผมมากกว่าเดิมด้วย


“..มันมาใกล้แล้วอ่ะ ฟ้า ..เอาไงดี?” ผมขับรถไปก็ระแวงหลังไป กังวลว่ามันจะชักปืนออกมาเมื่อไหร่? จะมีฉากยิงกันเปรี้ยงปร้างเหมือนในหนังไหม? แล้วตกลงกูกำลังขับรถหนีอะไรกันแน่เนี่ย? 


“แล้วนี่ถนนอะไร? กูไม่เห็นคุ้นเลย”   


“กูก็ไม่คุ้นเหมือนกัน” เอี้ยฟ้าตอบหน้าตาตาย


ทำเอาผมถึงกับอ้าปากค้าง ..ห่าแล้ว!


“ไอ้เอี้ยฟ้า!!” ผมตวาดลั่นรถ “ตกลงว่านี่เรากำลังจะไปไหน? แล้วหนีเชี่ยอะไรอยู่? เจ้าหนี้มึงเรอะ? มึงรีบบอกกูมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้เวรตะไล!” มือนึงบังคับพวงมาลัยไป อีกมือก็คว้าคอเสื้อเอี้ยฟ้ามาเขย่าๆ จนหัวสั่นหัวคอน ตาก็มองทางข้างหน้าบ้าง ข้างหลังบ้าง ..โอ๊ยยย สามารถจริงกู!


บอกได้เลยว่าตอนนี้ผมเริ่มจะสติแตกแล้ว ไอ้พวกเอี้ยข้างหลังก็สลัดไม่หลุดสักที แต่มันก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะลดกระจกลงแล้วยื่นปืนออกมายิงเหมือนที่เคยเห็นในหนังหรอกนะ ..ที่จริงแล้วพวกมันไม่ได้มีท่าทีอะไรเลยด้วยซ้ำ นอกจากขับรถไล่ตามมาอย่างเดียว และถนนนี้ก็ยังมีรถพลุกพล่านอยู่มากด้วย พวกมันคงไม่กล้าทำอะไรกระโตกกระตากหรอก...มั้ง?


“โอยๆๆ ซันนี่.. มึงปล่อยมือก่อน หัวกูจะหลุด..” เอี้ยฟ้าพูดไปก็พยายามแกะมือผมออกไป


ผมเลยสะบัดมือออกแบบโมโหๆ “ว่ามา! อย่าลีลา ไม่งั้นมึงได้ตายคามือกูก่อนจะถึงมือไอ้พวกบ้าข้างหลังแน่”


“โอเคๆ” เอี้ยฟ้ายกมือทั้งสองข้างขึ้นระดับไหล่เป็นเชิงยอมแพ้ “..ที่จริงกูก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนักหรอก...แต่คิดว่าน่าจะเป็นคนที่ลุงกูส่งมาน่ะ”


“ลุง?” ผมทวนคำ “ลุงเนี่ยนะ? แล้วลุง..จะส่งคนมายิงหัวทำไม???” ผมงงสุดๆ แล้วนาทีนี้


“อืม...มึงอาจจะพอรู้แล้วว่าครอบครัวกูไม่ค่อยปกติเหมือนครอบครัวอื่นเท่าไหร่”


“ถ้า ‘เรื่องอุบัติเหตุของคุณขลุ่ย’ กับ ‘เรื่องพ่อใจดี’ ที่มึงเคยเล่าให้กูฟังเป็นเรื่องจริงล่ะก็นะ” ผมว่าพลางพยักหน้า


“ก็ตามนั้นแหล่ะ กูบอกแล้วไงว่าไม่เคยหลอกมึง..”


“..........”


“ซันนี่?”


“พวกนั้น...จะฆ่ามึงจริงๆ เหรอ ฟ้า?”


“..........” คราวนี้เอี้ยฟ้าเป็นฝ่ายเงียบบ้าง


ทำไมถึงไม่พูดอะไร? ทำไมถึงไม่บอกว่าล้อเล่น? ..ถ้ามันบอกแบบนั้นผมก็จะไม่โกรธเลย ผมจะไม่ว่าอะไร จะยอมให้มันหลอกสักครั้งด้วยความเต็มใจ ขอเพียงแค่มัน...พูดว่าทั้งหมดนั่น...ไม่ใช่เรื่องจริง


“..นี่คือเหตุผลที่มึงไม่มาหากูเป็นวีค?”


“กูไม่อยากให้มึงพลอยโดนลูกหลงไปด้วยน่ะ”


“..........”


“แต่พอได้เห็นหน้ามึงวันนี้..กูก็ห้ามใจไม่ไหว...ตามมึงมาจนได้...พามึงมาซวยด้วยจนได้..”


“งั้นมึงก็เปิดประตูแล้วลงจากรถกูไปเดี๋ยวนี้เลย?” ผมจอดรถแล้วหันไปบอกมันด้วยสีหน้าจริงจัง


“ซันนี่?” มันหันมามองผมด้วยแววตากึ่งสับสนกึ่งผิดหวัง และยังไม่มีท่าทีว่าจะยอมลงไป


“ถ้ามึงไม่ไป..งั้นกูไปก่อนนะ จะนั่งรอให้ญาติพ่องตามมายิงหัวก็ตามใจ” ผมพูดแล้วเปิดประตูเตรียมลง “..ไม่เห็นรึไงว่ามันไม่มีทางให้รถไปแล้วน่ะ?”


“....?....” เอี้ยฟ้าหันไปมองทางข้างหน้าตามที่ผมพยักพเยิด


สิ่งที่มันเห็นก็คงจะเหมือนกับสิ่งที่ผมกำลังเห็น นั่นคือ...ทางตัน


ช่ายยยย เราเลี้ยวเข้ามาในซอยตัน! นี่มันยิ่งกว่าซื้อล็อตตาลี่ถูกรางวัลที่หนึ่งสองใบซ้อน แถมยังโดนเลขแจ็กพอตอีกยี่สิบล้านเลยนะเนี่ย! บร๊ะไหมๆ


ดังนั้นสิ่งที่พอจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้ก็เห็นจะมีแต่ตรอกเล็กตรอกน้อยสองสามเส้นที่น่าจะเชื่อมไปยังชุมชนแออัดซึ่งอยู่ด้านหลังนั่นแหล่ะ


“..แมร่ง บอกทางได้นรกชิบหาย กูไม่น่าโง่เชื่อมึงเลย สัด! ..แล้วจะไปทางไหนต่อดีล่ะเนี่ย?” ผมลงจากรถมายืนเท้าเอวหันซ้ายหันขวาเลือกไม่ถูกว่าจะไปทางไหน มือล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอบอกเวลาอีกไม่กี่นาทีก็จะสี่ทุ่มแล้ว ผมกดๆ จิ้มๆ โปรแกรมจีพีเอสจนสามารถหาพิกัดของตัวเองในขณะนี้ได้ ปากก็ก่นด่าไอ้หัวหงอกไปเรื่อย แก้หงุดหงิด ดีที่ว่าไอ้เบนซ์ดำคันนั้นมันยังตามมาไม่ทัน..


หรือไม่มันก็จงใจไม่ตามเข้ามา? หรือไม่มันก็อาจจะถอดใจเลิกตามไปแล้ว? หรือไม่ก็..โอ๊ยยยย ไม่รู้โว้ย! เอาเป็นว่าตอนนี้มันยังไม่โผล่เข้ามาแล้วกัน!


“มาทางนี้ดีกว่า” ไม่พูดเปล่า แต่มันฉวยข้อมือผมให้เดินตามไปอีกด้วย


“นี่มึงยังกล้าบอกทางกูอีกเรอะ? กูไม่ไปเว้ย! กูจะไปทางนี้” ผมสะบัดมือออกจากการเกาะกุม แล้วเลือกที่จะมาอีกทางแทน


เรากึ่งเดินกึ่งวิ่งจนมาถึงสะพานไม้เก่าๆ เล็กๆ ซึ่งพอข้ามไปแล้วก็เป็นพื้นที่ของชุมชนแออัดอย่างที่คิดไว้จริงๆ ..ผู้คนในนั้นพลุกพล่านพอสมควร ผมเลยสามารถเรียกถามคนที่คนเดินสวนไปมาเพื่อหาทางออกไปยังถนนที่ต้องการได้..


เราเดินกันมาพักใหญ่.. เดินไปเรื่อยๆ.. โดยที่ไม่มีใครปริปากพูดอะไร ผมก็เงียบ เอี้ยฟ้าก็เงียบ... เงียบจนกระทั่งผมเริ่มรู้สึกกังวลในใจ.. คนที่เดินตามผมมาเป็นใคร? ยังใช่เอี้ยฟ้าอยู่ไหม? มันแยกไปทางอื่นแล้วหรือเปล่า? เรายังเดินอยู่ด้วยกันหรือเปล่า? ผม..


“..........”


ปึก!!.. วินาทีที่ผมชะงักเท้า คนข้างหลังที่คงไม่ทันระวังก็เลยก้าวเข้ามาชนโดยไม่ได้ตั้งใจ


“ซันนี่..?” เอี้ยฟ้าส่งเสียงถามแบบงงๆ “มีอะไรรึเปล่า?”


“เปล่า.. ไม่มีอะไร” ผมตอบเสียงเรียบแล้วเริ่มออกเดินอีกครั้ง “แค่อยากแน่ใจว่าเราเดินมาด้วยกัน...แค่นั้นเอง” 


!!.. ผมชะงักเท้าอีกรอบเมื่อรับรู้ถึงอุณหภูมิที่แตกต่างของฝ่ามือที่เอื้อม มากอบกุมมือของผมเอาไว้ ..ทั้งที่มันเย็นเฉียบ...แต่ผมกลับรู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจ..


“ที่กูไม่ชอบเดินนำ...ก็เพราะไม่มั่นใจว่ามึงจะยอมเดินตาม...ที่กูไม่เดินข้างมึง...ก็เพราะมันทำให้กูมองเห็นมึงได้ไม่ถนัด...และที่กูชอบเดินตามมึง...เพราะมันทำให้กูมั่นใจ..ว่ามึงอยู่ตรงนี้..อยู่ในสายตาของกูตลอดเวลา” สำเนียงเนิบๆ ที่เอ่ยเรียบเรื่อยสม่ำเสมอพอๆ กับจังหวะเท้าที่ก้าวเดิน กำลังทำให้จังหวะหัวใจของผมเต้นนำไปเร็วกว่านั้นหลายบีท


“แล้วทำไมไม่คิดบ้าง..” ผมตอบโต้กลับไปโดยไม่ได้หันไปมองอีกฝ่าย ขายังก้าวเดิน และมือก็ยังเกี่ยวกุมกันอยู่อย่างนั้น.. 


“ว่ากูเองก็ไม่ได้ชอบเดินนำ...เพราะกูไม่รู้เลยว่ามึงจะหายไปตอนไหน..จะเลิกเดินตามกูเมื่อไหร่...แต่ก็ไม่ได้อยากเดินตาม...เพราะกลัวจะตามไม่ทัน...กลัวมึงลืม..กลัวมึงทำกูหล่นหาย..”


“ซันนี่?”


ผมหยุดเดินเป็นรอบที่สาม หยุดรอให้มันก้าวขึ้นมายืนในระดับเดียวกัน ก่อนจะเริ่มออกเดินอีกครั้ง ..ในย่างก้าวที่ไม่ได้มีเพียงผมลำพังอีกต่อไป 


“แต่ถ้าเราเดินข้างกัน...แม้ไม่ชัดในสายตา..แต่มันมั่นคงกว่าในความรู้สึก...มันทำให้กูอุ่นใจ..และมั่นใจที่จะก้าวต่อไป...ไปพร้อมมึง”


“ซันนี่..” เสียงเรียกที่ไม่ได้ดังมาจากข้างหลังเหมือนทุกที เพราะครั้งนี้มันดังมาจากด้านข้างตัว และพอผมหันไปหา คนเรียกก็โฉบเข้ามาจุ๊บริมฝีปากของผมแล้วผละออกด้วยความเร็ว


“อ่ะ!...เดี๋ยวเหอะ” ถึงจะเอ่ยปากคาดโทษ แต่กลับไม่รู้สึกโกรธแม้แต่นิดเดียว ที่สำคัญยังหันหนีไปแอบอมยิ้มคนเดียวเสียอีกแน่ะ
..แล้วกันสิ ซันชายน์ หึยยย~


เสียงหัวเราะเบาๆ กับมือที่กระชับแน่นของคนข้างตัวทำให้ผมรู้สึกอุ่นในหัวใจจริงๆ ..อุ่นมาก อุ่นจนเกินไป จนเกือบลืมไปสนิทว่าเรากำลังอยู่สถานการณ์แบบไหน? ถ้าสายตาไม่เหลือบไปเห็นถนนใหญ่ที่ห่างออกไปอีกไม่กี่เมตรถูกรถเบนซ์สีดำคันเดิมขับปาดมาปิดทางออกเสียสนิท ...!!!


กระจกที่ถูกลดลงพร้อมกับการปรากฏของวัตถุกลมๆ สีดำ..ซึ่งไม่น่าจะเป็นอะไรไปได้นอกจากปากกระบอกปืนทำให้ผมกับเอี้ยฟ้าหันหลังกลับและออกวิ่งมาตามทางเดิมแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด


“วิ่ง! ซันนี่ วิ่ง!!”


ปัง!!!!!


เสียงดังสนั่นหวั่นไหวทางเบื้องหลังทำให้ผมหยุดวิ่งและหันหลังกลับไปมองด้วยความตกใจ..


มันไม่ใช่เสียงปืนหรอก แต่เป็นเสียงคาดิแล็กคันงามอีกคันที่พุ่งเข้ามาชนท้ายเบนซ์เจ้าปัญหาจนแรงปะทะทำให้มันไหลไปอัดก๊อปปี้กับเสาไฟฟ้าด้านหน้า ผู้ชายสองคนในรถเบนซ์กระโดดออกไปทางประตูฝั่งติดถนนใหญ่และวิ่งหนีไป โดยมีผู้ชายรูปร่างผอมสูง ผมออกทองๆ ท่าทางคุ้นๆ(เห็นไม่ชัดเพราะไฟแถวนั้นมันไม่ค่อยสว่าง)กระโดดลงจากรถคาดิแล็กวิ่งไล่ตามไปอีกที


“เป็นอะไรรึเปล่าครับ คุณหนู?” ภาษาไทยสำเนียงแปร่งดังขึ้นพร้อมกับที่ผมเห็น เมรันดรี พ่อบ้านของเอี้ยฟ้าเปิดประตูฝั่งข้างคนขับของรถคาดิแล็กแล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาหาเอี้ยฟ้าที่ยืนพิงผนังตึกพลางกุมต้นแขนขวาอยู่


!!... เดี๋ยวนะ คงไม่ใช่ว่า..


ผมรีบวิ่งกลับไปหามันด้วยความร้อนใจ “ฟ้า?”


“ถูกยิงนี่ครับ” พอไปถึงก็เห็นเมรันดรีจับแขนเสื้อยืดสีขาวที่เริ่มชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงของมันขึ้นมาดู


ผมใจหายวาบทันทีที่เห็น “ฟ้า..มึง..” 


ตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมผมถึงไม่รู้สึกตัวเลย? ปืนเก็บเสียงงั้นเหรอ?


“ไม่เป็นไร แค่ถากๆ” คนเจ็บยิ้มบางราวกับจะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง


แต่มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไงเล่า!


“รีบกลับไปทำแผลก่อนเถอะครับ” พ่อบ้านบอกแล้วทำท่าจะช่วยพยุงเอี้ยฟ้าเดิน แต่มันโบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร มันเดินเองได้ พ่อบ้านก็เลยเดินนำเรากลับไปที่รถ เอี้ยฟ้ายื่นมือข้างที่ไม่ได้เจ็บมาคว้ามือผมไปกุมไว้ บีบเบาๆ ราวกับจะย้ำกับผมอีกครั้งว่ามันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ก่อนออกแรงดึงให้ผมตามไปขึ้นรถ


จากนั้นพวกเราทั้งสามคนจึงมุ่งหน้าไปยังคอนโดของเอี้ยฟ้าด้วยคาดิแล็กที่มีกันชนหน้าหลุดห้อยต่องแต่งไปตลอดทาง..   
 


(ต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2012 18:03:04 โดย White Raven »

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
(ต่อ)


ซิลวีโอ เวนโดลา คือเบื้องหลังเหตุการณ์ระทึกขวัญในครั้งนี้ และอาจจะรวมไปถึงก่อนหน้านี้ด้วย..


ฟ้าประทานเล่าให้ผมฟังว่า.. คนที่มันเรียกว่า ‘ลุง’ หรือชื่อจริงคือ ‘ซิลวีโอ เวนโดลา’ นั้นเป็นพี่ชายแท้ๆ ของ ‘เวนเนสซา เวนโดลา’ ภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของพ่อของมัน(..หรือก็คือแม่เลี้ยงของมันนั่นเอง) มันบอกผมว่า..จริงๆ แล้วคุณขลุ่ยเป็นภรรยานอกสมรส และตัวมันเองก็เป็นลูกนอกสมรส ..ทั้งคู่ถูกปฏิเสธการมีตัวตนและอยู่นอกสายตาของคนในตระกูลพ่อมันมาตลอด...แต่นั่นก็ทำให้มันมีช่วงเริ่มต้นของชีวิตที่สุขสงบดี


จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตระกูล...


เกิดการรวมตัวของกลุ่มอำนาจใหม่ขึ้นมาคานอำนาจกับกลุ่มเก่า โดยกลุ่มใหม่มี ‘ตระกูลคาวัวร์’ เป็นตัวชูโรง ส่วนกลุ่มเก่ามี ‘ตระกูลเวนโดลา’ เป็นตัวชูโรง เอี้ยฟ้าบอกผมว่าพวกนี้เป็นตระกูลสาขา(หรือกลุ่มเครือญาติ)ของตระกูลพ่อมันอีกที(..จะซับซ้อนไปไหน? ไปลำดับญาติกันเอาเองนะ ส่วนใครที่งงก็จงงงต่อไป อันนี้ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะผมเองก็มึนไม่แพ้พวกคุณหรอก) ขนบธรรมเนียมประเพณีในตระกูลที่มีการสืบทอดต่อๆ กันมาร่วมสี่ศตวรรษจึงมีการหยิบขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่


จากเดิมที่ผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลหลักจะต้องเป็นลูกชายคนโตของผู้นำคนเก่า และต้องเป็น ‘สายเลือดแท้’ เท่านั้น(..แมร่งแบ่งวรรณะกันหยั่งกะชนเผ่าแวมไพร์ ..แต่พวกผู้ดีเก่าแถบยุโรปก็มักจะเป็นแบบนี้แหล่ะ ที่อังกฤษก็มีเหมือนกันนะ ดูเหมือนคนพวกนั้นจะให้ความสำคัญกับที่มาของนามสกุลของคุณเหลือเกิน แค่แนะนำชื่อกับพวกเขาอย่าคิดว่าจบ กับบางคนคุณต้องไล่เรียงไปถึงโคตรเหง้าศักราชว่าวิวัฒนาการมาจากลิงพันธุ์ไหนเลยเชียว)


แต่พวกคาวัวร์กลับเสนอให้มีการคัดเลือกจากความสามารถมากกว่า ..ไม่เกี่ยวกับเป็นลูกคนโต ไม่เกี่ยวกับสายเลือด และไม่เกี่ยวกับเพศ.. ว่าที่ประมุขของตระกูลควรจะเป็นคนที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งมากที่สุด เพื่อที่จะรักษาและนำพาตระกูลไปสู่ความรุ่งเรืองได้ไม่น้อยหน้าบรรพบุรุษ(..ผมล่ะสงสัยว่าใครมันต้นคิดเรื่องที่คนอย่างเอี้ยฟ้าจะนำพาตระกูลได้? จะฉิบหายวายวอดกันทั้งตระกูลล่ะไม่ว่า เหอะๆ)


ซึ่งในกรณีพ่อของเอี้ยฟ้า(ผู้นำคนปัจจุบัน)นั้นมีลูกทั้งหมดสามคน(..สองคนเกิดจากเวนเนสซา) คนแรกเป็นผู้ชาย คนที่สองคือเอี้ยฟ้า ส่วนคนที่สามนั้นเป็นผู้หญิง แต่เอี้ยฟ้าบอกว่าน้องสาวมันเป็นเด็กพิเศษที่มีพัฒนาการช้ากว่าเด็กทั่วไป งานนี้ก็เลยถูกตัดสิทธิ์ไปโดยปริยาย


แน่นอนว่าพวกเวนโดลาต้องค้านข้อเสนอนี้แบบหัวชนฝา เพราะถ้ายอมรับก็หมายความว่า...ลูกชายคนโต..ที่มีเลือดของเวนโดลาอยู่ครึ่งหนึ่ง อาจมีสิทธิ์ไม่ได้รับตำแหน่งผู้นำคนต่อไปก็เป็นได้ ..หากผลการคัดเลือกออกมาว่าเอี้ยฟ้ามีความสามารถและเหมาะสมยิ่งกว่า


และนั่นก็หมายความไปได้อีกว่า...พวกเวนโดลาอาจถูกลดทอนอำนาจและความสำคัญภายในตระกูลลงไปอีก ..ซึ่งเป็นเรื่องที่พวกนั้นคงไม่ยอมง่ายๆ


สรุปก็คือ...มันเป็นเรื่องของผลประโยชน์และการเมืองภายในตระกูลล้วนๆ


พวกตระกูลคาวัวร์มีความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะพา ‘ทายาทลำดับสอง’ กลับคืนสู่เนเปิลส์ แต่อุปสรรคที่พวกนั้นต้องเจอไม่ใช่เพียงแค่ตระกูลเวนโดลาที่คอยขัดขวางเท่านั้น ก้างชิ้นเขื่องชิ้นสำคัญเลยก็คือ..คุณขลุ่ย!


คุณขลุ่ยไม่ต้องการให้เอี้ยฟ้าเข้าไปสู่วังวนแห่งมรดกเลือด คุณขลุ่ยต้องการให้มันเป็นเพียงเด็กชายธรรมดา ใช้ชีวิตแบบธรรมดา และอยู่ท่ามกลางเหล่าคนธรรมดาสามัญที่ไม่คิดจะฆ่าแกงกันเพียงเพราะผลประโยชน์และอำนาจที่จับต้องไม่ได้ และตราบใดที่เธอยังอยู่ เธอจะไม่มีวันปล่อยเอี้ยฟ้าออกจากอ้อมอกแน่ ..ซึ่งนั่นทำให้เธอถูกพวกคาวัวร์พิพากษาว่าเป็น ‘เสี้ยนหนาม’ ที่ต้องถูก ‘กำจัด’ (..เอี้ยฟ้าบอกว่าเรื่องนี้มันบังเอิญไปรู้หลังจากที่ย้ายไปอยู่อิตาลีได้เกือบสี่ปีแล้ว)


นั่นเป็นเพียงการเริ่มต้นของความเลวร้ายที่ยังหาจุดสิ้นสุดไม่ได้..


“พวกนั้นไม่ได้ต้องการกูจริงๆ หรอก ที่เค้าต้องการก็มีแค่ผลประโยชน์ของตระกูลเท่านั้น” เอี้ยฟ้าพูดด้วยเสียงเรียบเรื่อย


แต่กลับเศร้าลึกไปถึงก้นบึ้งหัวใจคนฟังอย่างผม..


และหลังจากที่ได้ย้ายไปอยู่อิตาลีสมใจพวกคาวัวร์ เอี้ยฟ้าก็ถูกพิพากษาว่าเป็น ‘เสี้ยนหนาม’ ที่ต้องถูก ‘กำจัด’ เช่นเดียวกับแม่ของมัน ..แต่ครั้งนี้ตัดสินโดยพวกเวนโดลา..


“จะอยู่..ก็ขัดตาฝ่ายหนึ่ง ..จะตาย..ก็ขัดใจอีกฝ่ายหนึ่ง ..ตลกดีมั้ย?” คนพูดพูดพลางยิ้มขื่น “ที่ใครเค้าว่า ‘ไม่มีอะไรเป็นของเรา’ นี่ท่าจะเป็นเรื่องจริง ..เพราะขนาดชีวิตกู ก็ยังไม่ใช่ของกูเลย”


ตลอดแปดปีที่อยู่อิตาลีพวกเวนโดลาไม่เคยละความพยายามแม้สักวินาทีที่จะเขี่ยเอี้ยฟ้าออกไปให้พ้นทาง แต่พวกนั้นก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะอย่างน้อยตอนนั้นเอี้ยฟ้าก็อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของพ่อของมันอย่างใกล้ชิด ..ปีกใหญ่ที่คอยปกป้องอันตรายช่วยยืดลมหายใจให้อยู่กับร่างกายมาได้อีกหลายปี


จนกระทั่งตอนที่มันมีอายุครบสิบหก เอี้ยฟ้าบอกว่าตอนนั้นมันถูกพวกแก๊งมาเฟียในพื้นที่จับตัวไป พอถูกช่วยกลับมาได้มันก็ล้มป่วย(แต่ป่วยเป็นอะไรมันไม่ยักเล่าแฮะ) คุณพิณ(หรือน้าของมัน)ก็เลยขอรับมันกลับมาดูแลรักษาด้วยตัวเองที่เมืองไทย
และนั่นก็เป็นการเปิดโอกาสให้พวกเวนโดลาเดินหน้าได้เต็มกำลัง..


ที่ผ่านมา.. พวกนั้นมีความความพยายามที่จะส่งคนมาลอบสังหารเอี้ยฟ้าหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีครั้งไหนที่จะสำเร็จเห็นผล(..แหงล่ะ ไม่งั้นมันคงไม่มีโอกาสได้มานั่งเล่าอัตชีวประวัติบัดซบนี่ให้ผมฟังหรอก) ส่วนใหญ่แล้ว..ถ้าไม่ถูกคนของพ่อมัน(ที่ส่งมาคอยคุ้มกันอยู่ห่างๆ)จับได้ก่อน ก็ถูกคนของพวกคาวัวร์(ที่คอยมาป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวมัน)จัดการหมด ..แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่พวกมันลอดหูลอดตาพวกการ์ดจนเข้ามาถึงตัวเอี้ยฟ้าได้ 


“ก็มีเจ็บบ้าง.. ยังแต่ไม่เคยตายซักที” เอี้ยฟ้าบอกด้วยท่าทางไม่รู้สึกรู้สาตามประสามัน


“มึงเคยนึกกลัวบ้างมั้ย ฟ้า ..ที่ต้องมีชีวิตอยู่แบบไม่รู้ว่าจะถูกยิงหัวเมื่อไหร่แบบนี้?” ผมอดถามไม่ได้เมื่อยังเห็นปฏิกิริยาเฉื่อยชาแม้วันมามาก(?)ของมัน


“กู...เคยกลัว..เมื่อนานมาแล้ว...กลัวมาก...กลัวจนชิน..จนลืมไปแล้วว่าความรู้สึกนั้นมันเป็นยังไง” ..นั่นแหล่ะ คำตอบที่ผมได้รับ
เอี้ยฟ้าว่า..ยิ่งมันอายุใกล้ครบยี่สิบมากเท่าไหร่ พวกเวนโดลาก็ยิ่งกระวนกระวายมากขึ้นเท่านั้น..


“ทำไมต้องยี่สิบ?” ผมแทรกถามขึ้น รู้สึกคุ้นๆ ว่าเคยได้ยินเรื่องทำนองนี้จากที่ไหนหรือเปล่า? หรือจะเป็นเดจาวู??


“เพราะถ้ากูอายุครบยี่สิบปีเมื่อไหร่...ทรัพย์สินหนึ่งในสี่ของตระกูลจะถูกโอนเป็นชื่อกูทันที..รวมทั้งบุคลากรในหน่วยต่างๆ ขององค์กรด้วย”


“..นั่นก็หมายความว่าการกำจัดมึงทิ้งก็จะทำได้ยากมากขึ้นไปด้วย?” ผมสรุปตามที่เข้าใจ


“ใช่” เจ้าของเรื่องพยักหน้า แล้วเริ่มเล่าต่อ..


ตอนนี้หน่วยข่าวจากทางอิตาลีรายงานมาว่าครั้งนี้พวกนั้นได้ส่งสไนเปอร์มือดีที่สุดเข้ามาในไทยเรียบร้อยแล้ว(..นี่พวกมึงเรียกใช้สไนเปอร์กันเลยเรอะ? ไม่เล่นกันแรงไปหน่อยเหรอวะ?) พวกการ์ดในไทยก็กำลังไล่ล่าตามหาตัวมันให้ควัก


แต่ก็ยังไม่เจอแม้เงา.. ยังไม่มีใครรู้ว่ามันไปกลบดานอยู่ในซอกหลืบไหนของกรุงเทพ และตราบใดที่ยังตามหาตัวมันไม่เจอ หัวเอี้ยฟ้าก็มีสิทธิ์ถูกระเบิดได้ตลอดเวลา(..แต่ไม่ใช่ไอ้สองตัวที่มากับเบนซ์สีดำหรอกนะ เอี้ยฟ้าบอกว่านั่นน่าจะเป็นพวกมือปืนระดับล่าง)


นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงนี้มันถึงไม่ไปหาผม.. หรืออันที่จริงแล้วมันแทบจะไม่ได้กระดิกตัวไปไหนเลยด้วยซ้ำ ..มันบอกว่าถึงมันอยากจะไป แต่คุณพิณกับเมรันดรีก็ไม่ยอมให้มันออกไปอยู่ดี และที่วันนี้ผมได้เจอมันที่ห้างก็เพราะว่ามันแค่อยากจะไปกินไอติมเท่านั้น


“นี่มึงห่วงกินมากกว่าห่วงหัวตัวเองอีกเรอะ?” ผมถามอย่างไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ก่อนถอนหายใจยืดยาวกับความคิดประหลาดๆ ของมัน “แล้วนี่พ่อมึงเค้าไม่คิดจะจัดการอะไรเลยเรอะ? ทั้งเรื่องมึง ทั้งเรื่องคุณขลุ่ยน่ะ ..เพราะเท่าที่กูฟังมาก็ไม่เห็นว่าเค้าจะพยายามทำอะไรเลย? เค้าไม่รู้รึไงว่ามันเป็นฝีมือของคนในตระกูลเอง? หรือรู้..แต่ไม่ยอมทำ?”


พูดก็พูดเถอะ ผมรู้สึกว่าพ่อเอี้ยฟ้าไม่ค่อยจะมีบทบาทอะไรเท่าไหร่เลย ทั้งที่เป็นถึงผู้นำตระกูลแท้ๆ ..แบบนี้ตำแหน่งมันจะไปมีความหมายอะไรล่ะ? เพราะยังไงก็ถูกพวกมากลากไปทางนู้นทีทางนี้ทีอยู่นั่นแล้ว


“กูก็ไม่รู้..” เอี้ยฟ้าตอบ “กูไม่เคยรู้เลยว่าผู้ชายคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่..”


“ไม่ใช่ว่านายใหญ่ไม่เคยพยายามจะทำอะไร..” เมรันดรีที่นั่งทำแผลให้เอี้ยฟ้าอย่างเงียบๆ มาพักใหญ่เอ่ยแทรกขึ้น “..แต่การจะล้มล้างพวกอำนาจเก่าอย่างเวนโดลา และการจะกำราบพวกหัวใหม่อวดดีอย่างคาวัวร์ แล้วนำพาอำนาจกลับคืนสู่ตระกูลหลักอย่างแท้จริงนั้น จำเป็นจะต้องอาศัยเวลาและวิธีการอัน   แยบยลเพื่อไม่ให้เกิดการนองเลือดภายในตระกูลขึ้น ..จริงๆ แล้วนายใหญ่กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะให้ทุกอย่างมันดีขึ้น..โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ ..หรือถ้าต้องเสีย..ก็ให้เสียน้อยที่สุด”


“ไม่มีพ่อคนไหน.. อยากเห็นลูกของตัวเองต้องอยู่ท่ามกลางอันตรายตลอดเวลาแบบนี้หรอกครับ” เมรันดรีพูดปิดท้ายแล้วก้มหน้าก้มตาทำแผลต่อไปเงียบๆ


“..........” ผมกับเอี้ยฟ้าก็เลยพลอยเงียบไปด้วย


“เออ ฟ้า.. ว่าแต่ครอบครัวมึงทำมาหากินอะไรวะ? ทำไมถึงได้มีผลประโยชน์มากมายที่ใครก็ไม่อยากจะเสียส่วนแบ่งแบบนี้น่ะ?” ผมยกหัวข้อใหม่มาพูด เมื่อเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศมันชักจะเงียบจนน่าอึดอัดเกินไปแล้ว


“ก็หลายๆ อย่าง.. ทั้งบนดิน...ใต้ดิน...ในน้ำ..” เอี้ยฟ้าหยุดชะงักนิดนึงเมื่อเห็นผมทำหน้างง


ก็นะ.. ไอ้บนดินกับใต้ดินน่ะพอเข้าใจ ก็พวกธุรกิจถูกกฎหมายกับผิดกฎหมายใช่ไหมล่ะ? แต่ไอ้ในน้ำนี่มันยังไงวะ? ทำประมงเหรอ? ..แต่ลักษณะไม่น่าจะใช่นะ เหอะๆ


เอี้ยฟ้าก็เหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไร เลยอธิบายเพิ่ม “คือ..เรามีท่าเรือ..แล้วก็มีบริการขนส่งทางเรือกับพวกเรือสำราญด้วยน่ะ”


ผมพยักหน้าหงึกๆ เข้าใจ ..อ้อ เนเปิลส์ก็เป็นเมืองท่าสำคัญในแถบยุโรปด้วยนี่นะ


“ธุรกิจส่วนใหญ่ในเนเปิลส์ก็มักจะมีชื่อของคนในตระกูลเข้าไปเอี่ยวด้วยทั้งนั้นแหล่ะ..” ไอ้คนมีพ่อรวยเว่อร์พูดเสริมอีกหน่อย


“งั้น..ไอ้หนึ่งส่วนสี่ของทรัพย์สินทั้งหมดนี่ก็คงจะเยอะน่าดูเลยสิ?” ตาวาวครับงานนี้ ฮ่าๆๆ (ทำเหมือนไปมีส่วนแบ่งกับเขาเนาะกู ฮ่ะๆๆ)


“..ก็คงพอจะทำให้กูกับมึงอยู่ได้แบบสบายๆ ไปอีกสองสามชาตินั่นล่ะ” เอี้ยฟ้าว่าเนิบๆ


“อ่อ.. แล้วทำไมต้องกับกูวะ?” ผมถามงงๆ เมื่อเพิ่งนึกได้


“หรือมึงจะให้กูหาเมียใหม่มาช่วยใช้ตังค์ล่ะ?” มันถามยิ้มๆ


“ถ้ากล้าก็ลองดู” ผมชูกำปั้นขู่มันโดยอัตโนมัติ ..แต่เอ๊ะ? เดี๋ยวนะ หาเมียใหม่? เมียใหม่? งั้นก็แปลว่า..ผม..เมียเก่า?


เมีย..เก่า? เมีย...เรอะ? เฮ้ย! เมีย?!


“หึหึหึหึ..”


“นี่มึง..?!” ผมเงื้อมือกะฟาดไอ้หน้ามึนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงหัวเราะสบายใจอยู่ ..หนอยแน่มึง! กล้ามาหาว่าสุดหล่อซันชายน์คนนี้เป็นเมียมึงงั้นเรอะ?!


ไม่เป็นเว้ย! กูไม่ใช่เมียใครทั้งนั้น! กูก็แค่..กูก็แค่...เอ่อ..กูเป็น..เป็นแฟน.. เออ!~ กูเป็นแฟนมึงเฉยๆ เว้ย! ไม่ใช่เมียสักหน่อย! 


!!.. แต่ยังไม่ทันได้ออกแรง แขนของผมก็ถูกมือแข็งปานคีมของเมรันดรีคว้าเอาไว้ก่อน


“คุณหนูกำลังเจ็บอยู่นะครับ คุณซันนี่” พ่อบ้านพูดเสียงเรียบ หน้านิ่ง ทำเอาผมสลดขึ้นมาทันที


“เอ้อ..โทษที...ลืมไป”  ผมบอกอึกอัก มองไอ้ ‘คุณหนู’ กับพ่อบ้านสลับกันไปมาด้วยท่าทางเจี๋ยมเจี้ยม เอามือข้างที่เงื้อขึ้นไปเกาหัวแก้เก้อ(..เอ่อ ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ แต่เมรันดรีโหมดนี้ดูน่ากลัวจริงๆ) “แล้วก็..ผมชื่อ..ซันชายน์...ไม่ใช่..ซันนี่..ซักหน่อย”


“ครับ” พ่อบ้านรับคำสั้นๆ แล้วเก็บอุปกรณ์ทำแผลกลับลงกล่องตามเดิม


ผมไล่สายตามองไปที่หัวไหล่ขวาของเอี้ยฟ้าก็เห็นมันถูกพันผ้าพันแผลไว้เรียบร้อยแล้ว


“เสร็จแล้วเหรอฮะ?” ผมถามพ่อบ้าน


“ครับ แผลไม่ได้ร้ายแรงเท่าไหร่ กระสุนแค่ถากๆ แขนไปเท่านั้น” พ่อบ้านทำท่าเหมือนจะเดินออกไป แต่จู่ๆ ก็ชะงักเท้าแล้วหันกลับมาถามพวกเรา “พวกคุณหิวกันรึเปล่าครับ? นี่ก็ดึกมากแล้ว ให้ผมไปหาอะไรเบาๆ มาให้ทานมั้ย?”


“นมปั่น” เอี้ยฟ้าตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด


“นมอุ่นดีกว่ามั้ยครับ? จะได้หลับสบาย” พ่อบ้านเสนอ ทำเอาหน้าเอี้ยฟ้าหงิกลงราวสองนิ้ว ฮ่ะๆ


“จะเอานมปั่น” มันยังยืนยันคำเดิม


“ครับ.. นมปั่นก็นมปั่น” สุดท้ายพ่อบ้านก็ต้องยอมแพ้ไอ้คุณหนูหน้ามึน จากนั้นเขาก็หันมาถามผมบ้าง “แล้วคุณซันนี่ล่ะครับ จะเอานมปั่นด้วยมั้ย?”


เอิ่ม.. จริงๆ แล้วก็หน้ามึนพอกันทั้งเจ้านายลูกน้องนั่นแหล่ะ! ให้ตายสิ..


“นมปั่นเมรันดรีอร่อยนะ ซันนี่” เอี้ยฟ้ารีบพรีเซนต์


ผมกลอกตาไปมาอย่างละเหี่ยใจ ก่อนหันไปปฏิเสธความหวังดีของพ่อบ้าน “ไม่เป็นไรฮะ ผมไม่ชอบกินอะไรตอนดึกๆ”


“ครับ” พ่อบ้านรับคำแล้วเดินออกไป(..ออกไปทางประตูอ่ะ ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าห้องนี้มันมีประตูทางออกอื่นนอกจากประตูลิฟต์ด้วย อยู่ข้างๆ ชั้นหนังสือที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงนอนมันเท่าไหร่ กลมกลืนกับผนังจนแทบมองไม่ออกเลยล่ะ)


ผมขยับไปนั่งใกล้ๆ เอี้ยฟ้าที่บนเตียง แตะแขนข้างที่เจ็บของมันเบาๆ ก่อนถาม “ยังเจ็บอยู่มั้ย?”


“เจ๊บบบบ..เจ็บ..”


“ตอแหลแล้วมึง” ผมหัวเราะกับความพยายามจะสำออยแต่ไม่ค่อยจะเนียนเอาซะเลยของมัน


“ก็อยากจะอ้อนเหมือนพระเอกในทีวีมั่งอ่ะ ..มึงก็ช่วยเอาใจกูหน่อยดิ...แบบนางเองไง..นางเอกน่ะ” 


“กูไม่ใช่นางเอก สัด! ..แล้วหน้ามึนอย่างมึงเนี่ยนะ จะเป็นพระเอก?” ผมตีหน้าผากมันเบาๆ พลางทำหน้าดูถูกเหยียดหยาม
เอี้ยฟ้าเลยทำหน้าตูมอย่างคนงอนเลยทีนี้ ..แหมมึง แอ๊บได้อีก


..จะว่าไปก็ดูน่ารักดีนะ แต่ไม่ชินอย่างแรงว่ะ ฮ่ะๆๆ


“กูหล่อนะ” มันเถียง


ชมตัวเองหน้าตาเฉยก็ทำได้เนาะมึง ..เออะ แต่ตัวกูเองก็ชอบทำแบบนี้บ่อยๆ นี่หว่า? ฮ่าๆๆ


“โอเค.. วันนี้กูจะยอมให้มึงเป็นพระเอกก็ได้” ผมบอกยิ้มๆ แล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้จนลมหายใจเราสัมผัสกัน “..ส่วนกูก็จะเป็นพระเอกอีกคนแล้วกัน”





“อืมมม.. เดี๋ยว..เดี๋ยว...ซันนี่” เอี้ยฟ้าดันตัวผมออกเมื่อเริ่มรู้สึกว่ามือของผมชักจะเลื้อยไปทั่วตัวมันแล้ว


“อือ.. อะไร?...หรือมึงไม่อยาก” ผมถามทั้งที่ยังคลอเคลียริมฝีปากอยู่ใกล้ๆ กับปากของมัน


“อยาก” มันตอบแบบไม่มีลังเลเลย ..ซึ่งผมก็คิดเอาไว้แล้วล่ะ


“งั้น...” ผมทำท่าจะต่อ แต่เอี้ยฟ้าก็เอามือมายันต้นแขนผมไว้อีก


“..แต่กูเจ็บอยู่นะ” มันมองไปที่ไหล่ขวาของตัวเอง


ผมก็มองตามไป ไล้มือแตะเบาๆ บนผ้าพันแผล “มึงเจ็บตรงนี้..” จบคำผมก็ลากปลายนิ้วลงมาตามแขนของมัน เลยไปจนถึงหน้าขาของมัน ก่อนจะไปหยุดที่กลางลำตัว และบีบสิ่งที่อยู่ตรงนั้นผ่านผ้าเนื้อบางของกางเกงบ็อกเซอร์ ผมนวดคลึงสิ่งนั้นเบาๆ พลางถามต่อ “..หรือเจ็บตรงนี้ล่ะ?”


“อืม.. ซันนี่..” ยิ่งผมเค้นคลึงน้องชายมัน มันก็ยิ่งมองผมตาเยิ้ม เริ่มเคลิ้มไปกับสัมผัส


!.. แต่สักพักก็เหมือนมันจะเรียกสติกลับมาได้ มันเอื้อมมือมาจับข้อมือผมไม่ให้ขยับต่อ 


“ฟ้า.. ถ้ามึงยังเรื่องมากมากเรื่องอยู่ กูจะเลิกสนใจมึงแล้วนะ” ผมบอกอย่างเริ่มเซ็ง ..และเริ่มอาย


เออ! กูยังอายเป็นอยู่นะเว้ย! หนังหน้ายังอยู่ในระดับสามัญธรรมดา ไม่ได้โบกซีเมนต์อย่างหนาตราช้างแต่อย่างใด! นี่ก็อุตส่าห์ทำใจกล้าหน้าด้านสุดๆ เพราะอยากปลอบใจและเอาใจคนเจ็บ(แถมไม่ได้เจอกันหลายวัน)สักหน่อย ..แต่ถ้ามึงยังทำสำออยอยู่แบบนี้ กูก็จะไปอาบน้ำนอนแล้วนะ


จิ๊! เสียยึก(?)หมด คนเขาอุตส่าห์ลงทุนยั่ว....เฮ้ย! หรือว่าสกิลยั่วยวนของผมมันไม่ชวนเซ็กส์ แต่ชวนเสื่อมมากกว่าวะ?


หึยยย.. เสียความมั่นใจอ่ะ


“แป๊บเดียว..” เอี้ยฟ้าบอกแบบนั้นก็หันไปหยิบมือถือมากดโทรออก


ผมได้แต่นั่งมองมันตาปริบๆ ไม่รู้ว่ามันโทรไปหาใคร?


และพอมีคนรับสายมันก็กรอกเสียงลงไปเป็นประโยคสั้นๆ ใจความว่า “ไม่เอานมปั่นแล้วนะ”


“.........” 


หลังจากวางสายมันก็เงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาอ้อนๆ จับมือผมไปลูบน้องชายมันต่อ


“..ต่อกันนะ ซันนี่~”




 

“.........” ผมออกจากห้องน้ำมาอีกที(หลังจากเข้าไปอาบน้ำ)ก็เห็นเอี้ยฟ้านอนหลับปุ๋ยสบายตัวอยู่บนเตียงไปเรียบร้อยแล้ว ทีแรกกะว่าจะปลุกมาเช็ดตัวให้สักหน่อย แต่เห็นแบบนี้ก็เลยคิดว่าเอาไว้ค่อยอาบตอนเช้าทีเดียวเลยแล้วกัน


“หืม..?” พ้นจากเอี้ยฟ้า สายตาผมก็เหลือบไปเห็นผ้าม่านตรงผนังกระจกที่ปกติมักจะเปิดทิ้งไว้ในช่วงเวลากลางคืน เพื่อที่จะได้มองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองกรุงยามค่ำคืนดึกดื่นได้ แต่คืนนี้กลับปิดสนิทจนผมรู้สึกแปลกหูแปลกตา เลยเดินเข้าไปหาหมายจะดึงให้มันเปิดออกเหมือนทุกที..


“ซันนี่!!!” และนาทีที่ผมแหวกผ้าม่านออก เสียงตะโกนอย่างตื่นตกใจจากคนที่น่าจะกำลังหลับฝันดีก็ดังลั่นห้อง


จังหวะที่ผมหันหลับไปมอง เอี้ยฟ้าก็กระโดดพุ่งเข้ามารวบตัวผมจนพากันล้มกลิ้งไปกับพื้นทั้งคู่ 




เพล้งงงงงงง!!!


เสี้ยววินาทีต่อจากนั้น ผนังกระจกที่ตอนนี้อยู่ตรงหัวเราพอดีก็แตกกระจายและพังครืนลงมา...









TBC.  :z2:

มีใครจับสังเกตได้มั่งว่าซันนี่มันลืมถามเรื่องอะไร?? .......................นามสกุลพ่อของเอี้ยฟ้าไง ฮ่ะๆๆ ซันนี่เอ๊ยซันนี่  o18
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2012 18:03:24 โดย White Raven »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
จิ้ม :z13:

-------------------------------------------------------------

เฮ้ยซันนี่เอาจริงดิ o22
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-07-2012 17:32:25 โดย Sky »

ryokame

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ aishiteru.

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ถ้าฟ้าจะไม่เชื่อใจซันนี่ขนาดนี้ก็ย้ายก้นลงไปจากรถเดี๋ยวนี้เลย
ประมาณนี้ป่ะซันนี่ ฮ่าๆๆๆๆ

อ่ะโธ่ เคะอย่างซันนี่อ่ะลุยไม่ถอยอยู่แล้ว ดูจากฉายาอดีตเมื่อก่อนสิเอี้ยฟ้า
ซันนี่อ่ะถึงไหนถึงกันอยู่แล้วว หึหึ

เอี้ยฟ้า มึนๆอึนๆอีกแล้ว เข้าซอยมั่วซั่ว ถ้าเกิดเจอทางตันขึ้นมาจะทำไงอ่ะ
สู้ขับบนถนนที่รถพลุกพล่านยังจะดีซะกว่ามาซอยมั่วๆแบบนี้น้า

อ่าจบแบบค้างคา เดาไปต่างๆนาๆ เคะอย่างซันนี่เค้าก็ว่ารั่วจริงๆนะ แต่ตอนบู้อ่ะเท่ห์มากเลย
ชอบเคะแบบที่ไม่อ่อนแอ ชอบเคะแบบเท่ห์ๆ
ชอบเคะที่นิสัยแบบเมะ แต่ยอมเป็นเคะให้กับเมะ ของตัวเองคนเดียว งงป่ะ ฮ่าๆๆ :P

รออ่านที่เหลือน้าา สู้ๆนะคนแต่ง เอี้ยฟ้าากับซันนี่สู้ๆ
 :impress2:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ไม่ทันแล้วมั้งซันนี่55555
เอี้ยฟ้าหน้ามึนจะตาย

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
 :z3: :z3: :z3:   



ซันนี่จะให้จอดรถแล้วลงไม่ฆ่าพวกที่ตามมาใช่ไหมมมมมมมม     
 o18 o18

ฟ้าก็ใจร้ายไปบอกซันนี่ว่าไม่มีทางได้เป็นคนกด น่าจะให้ความหวังกันบ้าง :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-07-2012 18:39:10 โดย Tiamo_jamsai »

o oxijan

  • บุคคลทั่วไป
ฉากนี้หวานจังเลยยยย

 :impress2:

ออฟไลน์ Mekaming

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ซันนี่  :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
รั่วตั้งแต่เปิดเรื่องเลยค่ะ 5555

ออฟไลน์ nokkie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-0
ชอบเอี้ยฟ้า มึนอึนได้โล่ห์  o13

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 747
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
ซันนี่ที่รัก มันรั่วมานานแล้วนะ




อิอิ  รีบๆมาต่อนะค่าา


เอี้ยฟ้า ตามมาจนได้ แถมพาความซวยมาให้ ซันนี่ ตู้มเบ่อเร้อ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด