hello! SUNSHINE [ตะวันร้าย..ที่รัก]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณปลื้มตัวละครไหนมากที่สุด?

ซันนี่
ซินเซียร์
ไอ้เอี้ยฟ้า
ไอ้บ้ากาย
อิเมย์บี

ผู้เขียน หัวข้อ: hello! SUNSHINE [ตะวันร้าย..ที่รัก]  (อ่าน 1237768 ครั้ง)

faratellll

  • บุคคลทั่วไป
เหอะๆๆ  :pighaun: ยั่วเอี้ยฟ้าหรอ ซันนี่
มันต้องยังนี้สิ การพัฒนาสกิลที่เริดมากคร้าาาา :laugh:

เอี้ยฟ้าของเจ๊ ชีวิตช่างรันทดดีแท้ ขอกระดาษเช็ดชู่สั่งขี้มูกหน่อย  :sad4:
P.S.  อะไรมันจะตามล่าฆ่ากันขนาดนี้ ระเหี่ยใจ

ออฟไลน์ jeeu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
จริงอย่างที่ซันนี่ว่านั่นแหละ
ตระกูลท่านฟ้าสับสนแล้วก็งงได้อีก 555+
แต่ เราไม่แคร์สิ่งนั้นเนอะ
วันนี้ซันนี่ทำตัวน่ารักมากๆ ยั่วก็เป็นเนอะคนเรา กิ้วๆ ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
น้องลูกเป็ด(<<พยายามจะเอ็นดู)น่าสงสารสุดกำลัง


 :กอด1: กอดกันๆนะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 746
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
มาเดิน ข้างกันแล้ว

แมเป็ด กับลูกเป็ด จะยังยุไหมเนี่ย



แต่ชอบ ประโยค แถวนั้นจัง ที่เกี่ยวกับการเดินตามอ่า โดนมาก

ออฟไลน์ BitterSweet~

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 788
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-0
เกือบไปแล้วนะซันนี่
หวังว่าคงไม่เป็นอะไรกันนะ

pangfullny

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ chisarachi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-1
ไม่รู้ทำไมทั้งๆที่มันตอนน่าตื่นเต้นนะ แต่กลับรู้สึกว่า ซันนี่น่ารักมากกกกกกกกกก

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



    ง่า. . . เกือบได้ทานกระสุนเป็นมื้อดึกเสิร์ฟตรงถึงศีรษะแล้วสินะซันนี่





ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
พี่ชายฟ้ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยไหมเนี่ย แล้วซันนี่ก็ยังไม่รู้ว่าพี่ชายฟ้าคือใครสินั่น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1758
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3
อยู่รอใช้ตังค์ก่อนนะ
ฟ้าซันนี่  แต่โคตรซวย
เลยที่เกิดมาในตระกูล
นี้ :3125:

pui32

  • บุคคลทั่วไป
เกิดอะไรขึ้นY^Y
ค้างๆๆอ่า

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
ซั่นนี่เกือบโดนเป่าแล้วมั้ยล่ะ

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
เฮ้ยย  ค้างนะ!!!!!!!!
วอทแฮพเพ่น!!!

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
กระจกน่าจะกันกระสุนนา

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ไม่มีคนคอยคุ้มกันเลย แบบนี้ก็แย่สิ
ซันนี่ของอิฉันพลอยเดือดร้อนไปด้วย

babynevercry

  • บุคคลทั่วไป
ชิ ข้มฉากนั้นไปอย่างน่าอารมณ์เสีย

แล้วเอาฉากระทึกใจมาแปะท้าย คิดว่าจะลืมรึไง ชิชิ :angry2:

ออฟไลน์ railay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 983
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0

ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
ขออนุญาตแปะก่อนมาอ่าน

ออฟไลน์ savada

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
เหอออ   ฟ้าเลิกกลัวแล้วหันมาเทพปนมึนแทนสินะ  55555+

ซันนี่เอาหัวไปรับตะกั่วเหรอคะ  เค้ากะอยู่ว่าสไนๆๆ  เหอๆๆ

แต่ชอบที่ซันนี่ปลอบอะ  ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ P.PAN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ประเด็นที่สนใจที่สุดตอนนี้คือ
งวด(?)นี้ใครเป็นวงกลม!!!!!!!!
/โฟกัสผิดประเด็นแล้วว๊อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย *โดนคนแต่งถีบ/
แต่ซันนี่ยั่วขนาดนี้ก็คงนะ อิอิอิอิอิอิอิ ><

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
ฟ้า ซันนี่ อย่าเป็นไรน้า  :monkeysad:

 :pig4: นะจ๊ะ

อากาศใต้ผ้าห่ม

  • บุคคลทั่วไป
 :a5: เกิดอะไรขึ้นนนนนนนนนอีก?
ชีวิตฟ้านี่แบบ เป็นฉันกัดลิ้นตายไปละ จะได้จบ ๆ

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
Chapter :: 37 :: บอดีการ์ด?







“..........” ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนผมไม่อาจจะเข้าใจได้ในทันที จนกระทั่งวินาทีที่ทุกอย่างสงบลง เหลือเพียงเสียงลมจากด้านนอกซึ่งพัดผ่านเข้ามาทางผนังกระจกที่เพิ่งถูกทำลาย จนผ้าม่านสีขาวหนาหนักถูกพัดสะบัดไหวไปตามแรงของลม...


กลิ่นคราวเลือดและกลิ่นเหม็นไหม้ที่ลอยมาแตะจมูกเพิ่งจะช่วยให้ผมเข้าใจ...ว่าได้ทำอะไรที่แสนโง่เง่าลงไปซะแล้ว


“ฟ้า?! ..โอ๊ย!” อารามตกใจทำให้ผมรีบผุดลุกขึ้นนั่งโดยไม่ทันระวัง มือก็เลยไปเท้าเอากับเศษกระจกชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ตกอยู่รอบตัวจนถูกมันบาดเข้า


“ไม่เป็นไรนะ ซันนี่?” คนที่นอนตะแคงหอบหายใจอยู่ข้างกันถามขึ้นเบาๆ ขณะมองมาที่มือของผม ก่อนมองเลยมายังใบหน้าผมด้วยสายตาเป็นห่วง


ผมก้มมองเลือดที่เริ่มไหลอาบไปตามง่ามนิ้วและข้อมือของตัวเอง.. แต่มันเทียบอะไรไม่ได้เลยกับเลือดที่สาดกระจายอยู่บนไหล่เปลือยเปล่าของฟ้าประทาน(ยังใส่แค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวอยู่)


“ฟ้า!..มึง..กูขอโทษ..โอ๊ยยย..กู..ทำอะไรลงไปเนี่ย?...ฟ้า..มึงเป็นไงมั่ง..?..เจ็บมากมั้ย?..ทำยังไงดี?...กูขอโทษนะ..ขอโทษจริงๆ...กูไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้..กูคิดน้อย...กูมันโง่!..ขอโทษนะฟ้า...” ผมจำไม่ได้ว่าตัวเองพร่ำพูดคำขอโทษไปกี่สิบครั้ง แต่ตอนนี้ผมสติแตก ผมทำอะไรไม่ถูก อีกฝ่ายก็นอนหายใจนิ่งๆ ไม่มีท่าทีว่าจะขยับตัว ไอ้ผมจะแตะมันก็ไม่กล้าอีก กลัวว่าจะไปทำให้มันเจ็บกว่าเดิม เพราะเท่าที่เป็นอยู่ก็น่าจะเจ็บปางตายอยู่แล้ว


แผลของมันน่ากลัวมาก.. ที่ตรงหัวไหล่ ข้างเดียวกับที่เพิ่งจะถูกยิงไปเมื่อหัวค่ำ แต่อยู่เหนือแผลเก่าราวหกถึงเจ็ดเซ็นต์ เห็นชัดเลยว่าถูกกระสุนพุ่งถากไป แต่คราวนี้มันดูใหญ่กว่าคราวที่แล้วมาก(อาจจะเป็นเพราะขนาดของหัวกระสุนที่ใหญ่กว่าเดิม) บริเวณที่เคยเป็นผิวหนังและกล้ามเนื้อตรงนั้นถูกฉีกกระจุยรุ่งริ่งหาชิ้นดีไม่ได้ กระดูกสีขาวโพลนโชกชุ่มไปด้วยน้ำเลือดสีแดงข้นโผล่พ้นออกมาจนเห็นได้ชัด ...ผมไม่เคยเห็นบาดแผลไหนที่ดูน่าสยดสยองเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิตจริง!     


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าเมื่อกี๊ฟ้าประทานไม่พุ่งเข้ามาชาร์จผม ป่านนี้หัวกลมๆ ของผมก็คงจะได้กลายสภาพเป็นเศษเนื้อไปแล้วเรียบร้อย


“ไม่...ซันนี่..ใจเย็น...กู..ไม่เป็นไร..” ฟ้าส่งยิ้มบางๆ มาให้ ทั้งที่ใบหน้าหล่อนั้นแทบจะไม่มีสีเลือดเหลืออยู่แล้ว


“ไม่เป็นไรอะไรเล่า! ไม่เป็นไรซะที่ไหนกัน!..”


“คุณหนูเป็น....โอ้..ไม่!” เมรันดรีโผล่พรวดพลาดเข้ามาด้วยความร้อนรน แล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นสภาพของคุณหนูคนดีของเขามีเลือดท่วม “โอ้พระเจ้า...”


“ตาแก่! คุณหนูเป็นอะไรรึเปล่า?!” น้ำเสียงคุ้นหูที่ฟังดูร้อนรนไม่แพ้พ่อบ้านดังขึ้นพร้อมๆ กับการปรากฏตัวแบบกระหอบกระหอบของ..มานะ..เพื่อนของฟ้าประทาน


“แกขึ้นมาทำไม? ทำไมไม่ตาม มัลเลอร์ ไป?” พ่อบ้านหันไปถามเสียงเข้มขณะช่วยผมประคองคนเจ็บขึ้นนั่ง “คุณหนูถูกยิง”


“พวกคาวัวร์อยู่ใกล้ตัวมันมากกว่า ผมเลยปล่อยให้พวกนั้นตามไป” อีกฝ่ายตอบโต้พลางสาวเท้าเข้ามาใกล้ “..บาดเจ็บหนักรึเปล่า?”


“กระสุนแค่ถากไป แต่แผลสาหัสน่าดู ..น่าจะเป็น .50” พ่อบ้านตอบมานะไปก็พยายามจะห้ามเลือดที่ไหลไม่ยอมหยุดของฟ้าประทานไปด้วย “..พวกปลายแถวแบบนั้นจะไปได้เรื่องอะไร แกน่าจะจัดการเอง”


“Barrett M82 A1** นั่นล่ะที่มันใช้.. ขนาดกระจกนิรภัยชั้นดียังแตกละเอียดได้ขนาดนี้เลยเหรอ? ..ให้ตายสิ!” มานะมีท่าทางหัวเสีย หันซ้ายหันขวาสำรวจความเสียหายของกระสุนมรณะ ที่ทำลายทั้งผนังกระจกหนา ไหล่ของเจ้าของห้อง รวมไปถึงชั้นหนังสือไม้ที่อยู่ห่างออกไปราวสิบเมตรก็หักพังลงมาจนหนังสือหล่นกระจัดกระจาย ( **เป็นชื่อของปืนไรเฟิลซุ่มยิง(Sniper rifle)ชนิดหนึ่ง นิยมนำมาใช้ในภารกิจซุ่มยิงขบวนรถหรือบุคคลสำคัญที่ชอบนั่งรถหุ้มเกราะหรือเฮลิคอปเตอร์ ระยะหวังผลอยู่ที่ 1,800 เมตร)


..ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นผลงานของกระสุนเพียงแค่นัดเดียว 


“ถ้าคืนนี้มันโชคดีรอดจากมือพวกคาวัวร์ได้ พรุ่งนี้ผมจะไปล่าหัวมันเอง” มานะไล่มองไปรอบห้อง ก่อนมาหยุดที่เจ้าของห้องอีกครั้ง “..แล้วทำไมเลือดไม่เห็นหยุดไหลซักที ตาแก่? มัวทำอะไรอยู่น่ะ?”


“โดนเส้นเลือดใหญ่ด้วย.. ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลก่อนที่คุณหนูจะเสียเลือดไปมากกว่านี้ ..แกสั่งคนให้เคลียร์เส้นทางเดี๋ยวนี้เลย” ทันทีที่พ่อบ้านสั่งจบ มานะก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก


ตลอดเวลานั่นผมได้แต่นั่งนิ่งงันราวคนใบ้ ฟังบทโต้ตอบของคุณทั้งคู่อย่างไร้ส่วนร่วมโดยสิ้นเชิง(และเหมือนพวกเขาเองก็ลืมผมไปแล้วด้วย) ..ผมไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร? ความสัมพันธ์ของคนพวกนี้แท้จริงคืออะไร? แล้วฟ้าประทานของผมจะเป็นอะไรมากไหม? จะตายหรือเปล่า? ..โอ้ ไม่นะ!   


“อดทนหน่อยนะครับ คุณหนู” พ่อบ้านเอาผ้ามากดแผลฟ้าไว้ แล้วพยุงหวังจะให้ลุกขึ้น “ลุกไหวรึเปล่า?”


“เหมือนขาจะแพง..” คนเจ็บบอกพลางขมวดคิ้วยุ่ง หลังจากพยายามจะลุกแล้วแต่ไม่สำเร็จ


“ผมเอง!” จู่ๆ มานะที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จก็เดินเข้ามาช้อนร่างฟ้าประทานของผมขึ้นจนตัวลอย แล้วอุ้มเดินนำออกจากห้องไปแบบไม่พูดพร่ำทำเพลงใดอีก


“คุณซันนี่ก็ต้องไปทำแผลด้วยนะครับ ..มาเถอะ” พ่อบ้านเข้ามาฉุดข้อมือผมที่นั่งเอ๋อแดก สับสนงุนงงกับทุกสิ่งอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้น(..สาบานว่าทั้งหมดนี่ไม่ถึงสิบนาทีแน่นอน)ให้ลุกตามออกจากห้องไปพร้อมกัน..
 





การรอคอยทำให้ผมทรมาน เวลาแต่ละวินาทีที่ผ่านพ้นไปแสนจะเชื่องช้าในความรู้สึก.. ฟ้าประทานหายเข้าไปในห้องฉุกเฉินพร้อมทีมแพทย์และพยาบาลพักใหญ่แล้ว แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นมีใครสักคนโผล่หัวกลับออกมา ..และนั่นก็ทำให้ผมใกล้จะเป็นบ้าเข้าไปทุกที


สิ่งเดียวที่ผมพอจะทำได้ในตอนนี้จึงมีแค่...ภาวนา


ระหว่างทางที่พวกเรานั่งรถมายังโรงพยาบาล อาการของฟ้าแย่ลงเรื่อยๆ อย่างน่าตกใจ ..เลือดจากบาดแผลไหลทะลักออกมามากจนน่ากลัว ทั้งผ้าที่พ่อบ้านเอามากดห้ามเลือดไว้ ผ้าขนหนู เสื้อเชิ้ตของมานะ เสื้อยืดของผมต่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดของคนเจ็บ กว่าจะถึงมือหมอฟ้าประทานก็หมดสติไปแล้วเรียบร้อย


ทำยังไงดี? ถ้าฟ้าเป็นอะไรไป..ผมจะทำยังไงดี?


มันเกิดขึ้นเพราะผม เป็นความผิดของผม


ผมต้องทำยังไง...ควรทำยังไง..?


พระเจ้าหรือใครก็ได้ช่วยบอกผมที...


ได้โปรด... ได้โปรด...


ขออย่าให้ฟ้าเป็นอะไรเลย..


ได้โปรด... อย่าเพิ่งพรากเขาไปจากผม..




ผมรักเขา





?!.. เสื้อคลุมที่ถูกวางลงบนไหล่ทั้งสองข้างทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นจากฝ่ามือตัวเอง ผมหันไปมองเจ้าของเสื้อตัวอุ่นอย่างแปลกใจ มานะส่งยิ้มบางอย่างต้องการให้กำลังใจพลางตบที่ไหล่ผมเบาๆ แล้วนั่งลงข้างกัน


หลังจากขับรถมาส่งฟ้าประทานจนถึงโรงพยาบาลแล้ว เมรันดรีก็ขอตัวกลับไปทันทีโดยบอกว่ามีธุระต้องรีบไปจัดการ และปล่อยให้ผมกับมานะยืนกระวนกระวายอยู่หน้าห้องฉุกเฉินกันเพียงสองคน


“..วางใจเถอะ ถึงมือหมอแล้ว ฟ้าต้องไม่เป็นอะไร?” มานะคงอยากจะพูดให้ผมสบายใจ


แต่มันไม่เป็นผลเลยสักนิดเดียว ..ไม่เลยจริงๆ


“แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครออกมาเลย...พวกเค้าทำอะไรกับฟ้า? ..แล้วฟ้าจะเป็นยังไงบ้าง?” ผมพูดเสียงแหบแห้งเจือสั่นเครือ เหหน้ากลับมามองมือที่ประสานกันไว้ของตัวเอง “กูกลัว..มานะ...ถ้าฟ้าเป็นอะไรไป..กูจะทำยังไงดี? มันเป็นความผิดของกู...ถ้ากูไม่เปิดม่านนั่น..”


“เฮ้ย! มึงอย่าโทษตัวเองดิ ซัน..” มานะเข้ามาจับมือผมที่บีบกันแน่นจนผ้าพันแผลสีขาวที่พยาบาลเพิ่งจะพันให้เริ่มมีเลือดสีแดงไหลซึมออกมาอีกรอบออกจากกัน เขาพูดพลางขมวดคิ้วยุ่ง “อย่าทำแบบนี้...มันไม่ใช่ความผิดของมึงซักหน่อย มึงไม่รู้ มึงไม่ผิดหรอก”


ผมส่ายหน้าไม่ยอมรับคำปลอบประโลมนั่น.. ผมจะไม่รู้ได้ยังไง? ในเมื่อฟ้าก็เล่าให้ผมฟังหมดแล้ว ฟ้าบอกผมแล้วว่ามีสไนเปอร์จ้องจะเล่นงานเขาอยู่


ใช่! เขาบอกผมแล้ว แต่ผมก็ยัง... ผมมัน.. โธ่โว้ย!!


“ถ้าเรื่องนี้จะมีใครซักคนที่ผิด..คนนั้นก็คงเป็นกูมากกว่า..” น้ำเสียงที่ฟังหม่นหมองลงถนัดใจของอีกฝ่ายทำให้ผมต้องหันไปมอง “..กูทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ.. คุณหนูก็เลยต้องมาเจ็บตัวแบบนี้”


“หน้าที่? คุณหนู??” ผมทวนคำอย่างงุนงง จะว่าไปแล้วหมอนี่ก็เรียกฟ้าว่า ‘คุณหนู’ มาตั้งแต่ตอนอยู่ที่คอนโดแล้ว..?


ตกลงหมอนี่เป็นใครกันแน่? เกี่ยวข้องยังไงกับฟ้าประทาน?


มานะปล่อยมือจากผม แล้วถอยไปนั่งเอาหัวพิงกำแพงด้วยท่าทางสบายๆ ขัดกับคิ้วที่ยังขมวดแน่นจนเป็นแทบปมนั่น “จริงๆ แล้วกูไม่ได้เป็นเพื่อนกับฟ้าหรอก กูเป็น...บอดีการ์ดของฟ้าน่ะ”


“บอดีการ์ด?” ผมเลิกคิ้วสูงอย่างประหลาดใจ


สาบานได้เลยว่าเรื่องนี้ไม่เคยมีอยู่ในหัวสมองผมมาก่อน..


ไอ้มานะหัวน้ำตาลทองที่ปกติก็ดูท่าทางชิลล์ๆ เพี้ยนๆ พอๆ กับไอ้บ้ากายเนี่ยนะ..เป็นบอดีการ์ด? ..แถมยังเป็นบอดีการ์ดของฟ้าประทานด้วย?


นี่มันเรื่องอะไรกัน?


“มึงเองก็ถูกส่งมาจากอิตาลีเหมือนเมรันดรีงั้นเหรอ?” ผมถามงงๆ อย่างไม่รู้จะถามอะไรที่ดีไปกว่านี้


“ไปก่อน..แล้วถึงกลับมา..” มานะตอบยิ้มๆ


“ยังไง?” ผมไม่เข้าใจ


“กูน่ะ.. ก่อนหน้านี้เคยเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีอะไรเลย ทั้งพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ที่ซุกหัวนอน หรือแม้แต่ ‘ชื่อ’ ..สัญลักษณ์ที่แสดงถึงการมีตัวตนบนโลกใบนี้ ..กูก็ไม่เคยมี” มานะแค่นหัวเราะ ขณะเล่าย้อนความหลังที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่อยากจดจำสักเท่าไหร่ “ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงอนาคตเลย.. แค่ลำพังจะเอาชีวิตรอดจากความหิวโหยในแต่ละวันก็อยากแสนยากจนนึกอยากจะตายวันละหลายๆ รอบแล้ว ..แต่เด็กก็คือเด็กนั่นแหล่ะ ไอ้จะให้ไปฆ่าตัวตายหนีความลำบากหรือทำร้ายตัวเองแบบผู้ใหญ่ก็คงไม่ทำหรอก.. กลัวเจ็บ ฮ่ะๆ ...ก็เลยต้องอยู่ต่อไป แม้จะไม่รู้ว่าอยู่ไปเพื่ออะไรก็เหอะ..”


มานะเงียบไป ตาคู่สีน้ำตาลเข้มทอดมองไปตามทางเดินยาวเหยียดและเงียบเหงาของโรงพยาบาลยามดึกอย่างไร้จุดหมาย ..เมื่อเสียงระบายลมหายใจอย่างแผ่วเบาสิ้นสุดลง เจ้าตัวจึงเริ่มเล่าต่อ..


“ตั้งแต่จำความได้ก็เป็นแบบนั้นมาตลอด.. จนกระทั่งวันหนึ่ง...กูก็ถูกตาแก่หน้าฝรั่งที่อยู่ดีๆ ก็มาบังคับให้กูเรียกว่า ‘พ่อ’ เก็บไปเลี้ยง”


“เมรันดรี?” ผมครางออกมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ก็จำได้ว่าหมอนี่มันเรียกพ่อบ้านว่า ‘ตาแก่’ นี่นา


“อือ..” คนเล่าพยักหน้า “วันนั้นพ่อพากูขึ้นรถกระป๋องคันเก่าๆ กลับไปบ้านด้วย ..เป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่อยู่บนเขา แยกห่างออกมาจากกลุ่มบ้านหลังอื่นๆ ไกลพอสมควร หลังจากที่พ่อหาข้าวให้กูกินจนอิ่มแปล้ เค้าก็จับกูอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณจนหนังกูแทบลอก ร่องรอยคราบไคลสกปรกด่างดำถูกขัดออกจนหมด แถมยังกล้อนผมที่พันกันจนแกะไม่ออกของกูซะเหี้ยน แล้วพ่อก็เอาเสื้อผ้าที่ทั้งสะอาดทั้งหอมที่กูจำไม่ได้ว่าเคยมีมาให้ใส่ กูแทบไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือกูหลังจากได้เห็นเงาของตัวเองในกระจกบานใหญ่อีกครั้ง”


มานะหัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตาที่ทอดมองอย่างไร้จุดหมายนั่นมีแววของความคิดถึง “..พ่อตั้งชื่อให้กูด้วย เป็นชื่อที่เอามาจากแบบเรียนภาษาไทยสมัยไหนก็ไม่รู้ ชื่อแรกที่เปิดเจอ ..ชื่อ ‘มานะ’ ..”   


“..........” ผมนั่งฟังอีกฝ่ายเล่าไปเงียบๆ เส้นประสาทตรึงเครียดเมื่อครู่ค่อยผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ตัว


“สิ่งที่ทำให้กูตัดสินใจยอมตามมาอยู่กับพ่อก็คือคำตอบของคำถาม ‘คนเรามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร?’ ... ‘คนเรามีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องสิ่งสำคัญ’ ... ‘แล้วสิ่งสำคัญในชีวิตคนเราคืออะไร?’ ... ‘อาจเป็นบุคคล สิ่งของ หรือความฝัน..นั่นเป็นเรื่องที่แต่ละคนจะต้องค้นหาด้วยตัวของตัวเอง’ ... ‘แล้วเมื่อไหร่ถึงจะเจอ?’ กูถามต่ออีก... ‘บางคนเจอเร็ว บางคนเจอช้า บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตก็หาไม่เจอ บางคนเจอแล้วแต่ไม่รู้ตัว..จนกระทั่งทำมันหล่นหายไป หรือบางคน..อาจจะเจอในวันสุดท้ายของชีวิต’ ..”


สำหรับผม...สิ่งสำคัญนั้นค้นพบตั้งแต่วินาทีแรกสุดของชีวิต


ซิน คือ สิ่งนั้น ..และผมไม่เคยคิดว่าจะมีอะไรสำคัญเกินกว่า


แต่ว่าตอนนี้ วินาทีนี้ ฟ้าประทานเป็นอีกสิ่งสำคัญสำหรับผม


เป็นสิ่งที่ผมอยากปกป้อง


เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากสูญเสียไป..


“ระยะเวลาปีกว่าๆ ที่กูอยู่กับพ่อที่เชียงใหม่ พ่อได้สอนหลายๆ อย่างให้กับกู ทั้งหนังสือ ภาษาไทย ภาษาอิตาเลี่ยน ทั้งงานบ้าน งานครัว ทั้งศิลปะการต่อสู้ การใช้อาวุธ และการเอาตัวรอด.. มีหลายครั้งที่กูเกิดความรู้สึกท้อ กูเหนื่อย กูไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องเรียนอะไรเยอะแยะมากมายขนาดนั้น กูก็แค่เด็ก อายุก็แค่แปดเก้าขวบเอง ทำไมกูถึงไม่ได้ออกไปเล่น? ไปโรงเรียน ไปมีเพื่อนเหมือนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันบ้าง? ..แต่พ่อบอกว่าคนพวกนั้นไม่จำเป็นสำหรับกูหรอก กูจะมีเพื่อนเล่น เพื่อนเรียน เพื่อนที่คอยอยู่ข้างๆ ด้วยแน่นอน ..ถ้ากูคู่ควร”


คู่ควร? เพื่อนพรรค์ไหนกันที่ต้องคู่ควรก่อนถึงจะคบกันได้?


“จนวันนึง.. พ่อก็เดินมาบอกให้กูเก็บกระเป๋า พวกเราจะไปอิตาลี..” คนพูดยกยิ้มที่ดูมีความสุขยามได้คิดถึง แล้วว่าต่อ “และที่นั่นกูได้ก็เจอ...สิ่งสำคัญในชีวิต...สิ่งที่กูมีชีวิตอยู่เพื่อปกป้อง...คนที่พ่อเรียกว่า ‘คุณหนู’ ..”


คุณหนู...คงหมายถึง ฟ้าประทาน สินะ..


“แต่ชีวิตมันก็ไม่ได้ง่าย.. กว่าที่กูจะ ‘คู่ควร’ ก็เล่นเอาเลือดตาแทบกระเด็น สิ่งที่กูเคยคิดว่าหนักหนาสาหัสตอนฝึกกับพ่อ มันเทียบไม่ได้เลยกับตอนที่เข้าไปฝึกในสำนักบอดีการ์ด ที่กูเคยคิดว่าเจ๋ง คิดว่าตัวเองแน่..แต่กลับแพ้ย่อยยับให้กับเด็กที่อายุอ่อนกว่าซะอีก” คราวนี้มานะหัวเราะคล้ายกำลังสมเพชตัวเอง


“เป็นจุดเริ่มต้นที่ค่อนข้างจะเลวร้ายเลยทีเดียว.. เพราะหลังจากนั้นกูก็ถูกพวกนักเรียนในคลาสล้อเลียน ดูถูก เหยียดหยาม รวมหัวกันกลั่นแกล้งอีกสารพัด จนเคยคิดอยากจะหนีไปตั้งหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่นึกถึงหน้าคุณหนู นึกถึงคำพูดของคุณหนู คำพูดที่บอกว่า ‘จะรอ’ ..รอวันที่กูคู่ควรที่จะไปยืนข้างๆ มันก็ทำให้กูมีแรงฮึดขึ้นมาได้ทุกครั้ง ...จนในที่สุดก็สามารถก้าวขึ้นมายืนข้างๆ ได้จริงๆ” คนเล่าหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง ..แล้วก็เงียบไป คล้ายกับว่ากำลังจมจ่อมอยู่ให้ห้วงอดีตที่อยู่ลึกเข้าไปในความทรงจำ


“แต่วันนี้...กูกลับทำได้ไม่ดีพอ” หมอนั่นเปิดปากพูดอีกครั้งหลังจากเงียบไปนาน พร้อมทั้งยิ้มขื่น


“ทำไม..” ผมถามขึ้นหลังจากที่นั่งฟังเสียงหายใจของตัวเองและคนข้างๆ มาอีกพักใหญ่ “ทำไมมึงถึง..ต้องทุ่มเทเพื่อฟ้าขนาดนั้น?”


มานะหันมายิ้มให้ผม ..แค่ยิ้มเท่านั้น โดยไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากของเขาอีก


“.........”


ผั้วะ!! ..ประตูห้องฉุกเฉินที่ถูกเปิดออกโดยแรงเรียกความสนใจของพวกเราทั้งคู่ให้หันไปมอง ก่อนจะรีบพุ่งตัวเข้าไปหาพยาบาลที่วิ่งออกมาด้วยท่าทางรีบร้อน


“เดี๋ยวๆ พี่สาว ..เพื่อนผมเป็นยังไงบ้าง?” ผมเข้าไปจับแขนพยาบาล ร้องถามด้วยความร้อนใจ


“คนไข้ช็อคเพราะเสียเลือดมาก ตอนนี้คุณหมอกำลังช่วยอยู่ค่ะ ขอตัวนะคะ ดิฉันรีบมาก!” พี่พยาบาลแกะมือผมออกแล้วรีบวิ่งต่อไปตามทางเดิน


อะไรนะ?!


อะไร? เมื่อกี๊พยาบาลว่ายังไงนะ?!


ไม่นะ..!!



(ต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2012 18:19:41 โดย White Raven »

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
(ต่อ)



“หมอมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายจะมาบอกนะครับ ..พวกคุณอยากฟังข่าวไหนก่อนเอ่ย?” คุณหมอหนุ่มหน้าตาดีท่าทางมีอารมณ์ขันแบบผิดสถานการณ์(จนน่าเตะ)เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินในชุดกราวนด์สีฟ้าพร้อมคำถามที่ชวนให้คนรอฟังข่าวอย่างใจจดจ่ออย่างผมถึงกับอึ้ง..


หมอเอี้ยไรวะเนี่ย?! มันมีด้วยเหรอไอ้บทพูดแบบนี้ ในสถานการณ์แบบนี้น่ะ? ..มึงจะมามีอารมณ์สุนทรีแบบผิดกาลเทศะเกินไปหน่อยไหมวะ? นี่มันเป็นช่วงนาทีแห่งความเป็นความตายของคนคนนึงเลยนะเว้ย มาพูดเหมือนกำลังล้อเล่นได้ไง? ไอ้บ้าเอ๊ย!!
ในขณะที่ผมได้แต่สบถสาปแช่งอยู่ในใจเงียบๆ ใครอีกคนที่อยู่ด้วยกันกลับไม่ทำแบบนั้น


“มันใช่เวลาเล่นมั้ยเนี่ย เชี่ยหมอ?!” มานะเข้ามากระชากคอเสื้อไอ้หมอบ้าโดยแรง


“โอ๊ะยะๆ ..ยังเป็นบอดีการ์ดเลือดร้อนเหมือนเดิมเลยนะครับ มานะคุง~” ไอ้หมอเวรพูดยิ้มๆ ด้วยท่าทางสบายๆ คล้ายกำลังยั่วโมโหอีกฝ่าย ส่วนมือก็แกะมือของมานะออกจากคอเสื้อตัวเองไปด้วย “แต่แบบนี้แหล่ะที่เร้าใจ~”


“ส่วนแกยิ่งแก่ก็ยิ่งโรคจิต ไอ้บ้าเคย์!” มานะกัดฟันพูดเสียงต่ำอย่างพยายามข่มอารมณ์


“เค้าเรียกว่ามีพัฒนาการไงจ๊ะ เบบี๋~” 


“เบบี๋พ่องดิ!”


“โอ๊ะยะ หยาบคาย~”


“..........” ผมขมวดคิ้วมองสองคนนั้นสลับไปมาก็ได้ข้อสรุปให้ตัวเองว่า.. พวกมันคงรู้จักกันมาก่อนแน่ๆ ..แต่นี่มันไม่ใช่เวลาจะมามัวยืนหยอกล้อกันหรอกนะเว้ย! ไอ้พวกบ้า!! อาการของฟ้าประทานของกูต่างหากที่พวกมึงควรจะให้ความสำคัญ!


“ฟ้าเป็นยังไงบ้างฮะ หมอ? เค้าปลอดภัยแล้วใช่มั้ย?” ผมโพล่งขึ้นเสียงดังด้วยความเป็นห่วงระคนโมโห(นิดหน่อย.. ก็มันใช่เวลาเล่นไหมล่ะ? พระเจ้าเหอะ!)


คนที่กำลังแง่งๆ ใส่กัน(คนแง่งคือไอ้มานะ ส่วนไอ้หมอเอี้ยนั่นดูดี๊ด๊าจนน่าตบกะโหลกมากมาย)เลยต้องหยุด และเริ่มเข้าเรื่องกันสักที


“อ้อ ใช่ครับ นั่นเป็นข่าวดี..” หมอบ้าหันมายิ้มให้ผมพลางจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง “ตอนนี้คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้ว”


“ขอบคุณพระเจ้า..” ผมพึมพำออกมาอย่างโล่งอกกับสิ่งที่ได้ยิน


“ต้องขอบคุณหมอสิครับ.. หมอเป็นคนช่วยเค้ากับมือ ไม่ใช่พระเจ้าที่ไหนหรอก หมอเองแหล่ะ” ไอ้หมอบ้าพูดแล้วยิ้มแฉ่ง 


“ขอบคุณมากกกกกกกฮะ คุณหมอ!” ผมพูดออกแนวประชดประชันเล็กน้อย(เรอะ?)


“ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว” แต่คนฟังกลับไม่มีสะทกสะท้าน ยิ้มรับหน้าชื่นตาบานเลยทีเดียว


ทำไมถึงได้เป็นคนที่โคตรน่าหมั่นไส้ขนาดนี้วะเนี่ย? เชื่อเขาเลย..


“เมื่อกี๊แกบอกว่ามีข่าวร้ายด้วย? ..แล้วข่าวร้ายคืออะไร?” โล่งใจได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกมานะสกัดดาวรุ่งซะแล้วสิผม


เฮ้ย! จริงด้วย! แล้วข่าวร้ายคืออะไรวะ? พ้นขีดอันตรายแล้วยังมีอะไรที่ไม่ดีอีก?


“อ้อ.. เมื่อสักครู่หมอได้ให้เลือดกรุ๊ป Rh – positive กับคนไข้ เพื่อช่วยให้อาการของคนไข้พ้นขีดอันตรายก่อน แต่ความจริงแล้วคนไข้มีกรุ๊ปเลือดเป็น Rh – negative ..เลือดที่ให้ไปจึงอยู่ได้เพียงชั่วคราวและสามารถให้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เนื่องจากร่างกายของคนไข้เป็นลบ พอรับเอาเลือดที่เป็นบวกเข้าไป มันก็จะมีการสร้างแอนติบอดี้ขึ้น ทำให้เม็ดเลือดแดงของคนไข้ถูกทำลาย ถ้ามีการให้ครั้งต่อไปอาจเป็นอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ..และเป็นที่เข้าใจกันว่าเลือดกรุ๊ป Rh- เป็นกรุ๊ปเลือดพิเศษ หรือกรุ๊ปเลือดหายากในไทย ประชากรไทยที่มีเลือดกรุ๊ปนี้มีเพียง 0.3 เปอร์เซ็นต์ของประชาการทั้งหมดเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วเราจะพบเลือดกรุ๊ปนี้ในชาวยุโรปมากกว่า แล้ว...”


“เอาเนื้อๆ เน้นๆ ดิ๊ ไอ้หมอโรคจิต” มานะเอ่ยแทรกการอธิบายยืดยาวนั่นด้วยท่าทางรำคาญ


“โอเค ข่าวร้ายที่หมอกำลังจะบอกพวกคุณก็คือ...ทางโรงพยาบาลของเรากำลังขาดแคลนเลือดกรุ๊ปนี้อยู่พอดีเลยน่ะสิ” ไอ้หมอกวนส้นตีนแจ้งข่าวร้ายทั้งที่ใบหน้ายังระยายด้วยรอยยิ้มไร้กังวล ..แต่คนรับสารอย่างผมแทบลมจับเมื่อฟังจบ


“หมายความว่าไงวะ?!” มานะโพล่งถามขึ้น


คือ.. ผมคิดว่ามันเข้าใจในสิ่งที่หมอพูดแหล่ะ แต่ไม่อยากจะยอมรับมากกว่า(..มันเรียนเภสัชไง คงพอรู้บ้างล่ะมั้งไอ้เรื่องกรุ๊ปเลือดห่าเหวอะไรเนี่ย ผิดกับวิศวะอย่างผมที่ฟังไปงงไป เพิ่งมาเข้าใจก็อีตอนท้ายที่บอกว่าจะไม่มีเลือดถ่ายให้ฟ้านี่แหล่ะ)


“ขาดแคลน..ก็หมายความว่า ‘ไม่มี’ ไงจ๊ะ บอดีการ์ดบอย ..ที่มหาลัยไม่เคยสอนหรือไง?” ไอ้หมอแหย่มานะพอหอมปากหอมคอ แล้วก็หันมาพูดกับผมต่อแบบไม่ทุกข์ร้อน “ตอนนี้ทางเราไม่มีเลือดกรุ๊ปนี้สำรองไว้เลย และเราก็ไม่สามารถเอาเลือดที่มีอยู่ให้กับคนไข้ได้อีกแล้ว ดังนั้น.. ถ้าคืนนี้คนไข้ไม่ได้รับบริจาคเลือด Rh- จากผู้ใจบุญ เค้าก็อาจจะมีชีวิตอยู่ไม่ทันได้เห็นพระอาทิตย์ของเช้าวันนี้ก็ได้”


เดี๋ยวสิ! อะไรกัน? ทำไมถึงเป็นแบบนี้?


“คุณพอจะมีเพื่อนหรือคนรู้จักที่มีเลือดกรุ๊ปเดียวกับคนไข้บ้างมั้ยล่ะครับ? จะเป็น O A B หรือ AB ก็ได้ ขอแค่เป็น Rh- ก็พอ เพราะคนไข้เองก็เป็น AB ที่รับได้ทุกกรุ๊ปอยู่แล้ว” 


เท่าที่ผมนึกออกตอนนี้คือ...ไม่มีเลย


หันไปมองมานะ ก็เห็นไอ้หมอนั่นมีสีหน้าจนปัญญาไม่แพ้กัน


“มานะคุง.. ทำไมเธอไม่ไปขอร้องคนคนนั้นล่ะ หมอได้ข่าวว่าตอนนี้เค้าอยู่ที่นี่แล้วนี่นา” หมอเพี้ยนพูดขึ้นลอยๆ แต่ทำเอาผมหูผึ่ง
ไอ้หมอจะพูดถึงใครผมไม่รู้หรอก แต่ผมรู้สึกเหมือนกำลังเห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดขึ้นมาทันทีเลย


ในขณะที่มานะเองก็ดูมีความหวังขึ้นมาเช่นกัน แต่คิ้วเข้มนั่นยังขมวดยุ่งคล้ายลำบากใจ


“หมอนั่น...จะยอมช่วยเหรอ?” มานะเปรยเสียงเบาคล้ายถามตัวเองมากกว่า


“ไม่ลองก็ไม่รู้” หมอว่าแบบนั้นแล้วยักไหล่


มานะเสียเวลาคิดอีกเพียงเล็กน้อย ก่อนจะควักโทรศัพท์ออกมาแล้วเดินออกไปคุยห่างจากที่ผมอยู่


ไม่ว่าคนที่มานะโทรไปหาจะเป็นใคร ผมขอภาวนาให้คนคนนั้นตอบรับคำขอร้องของพวกเราด้วยเถอะ...


“เดี๋ยวหมอขอตัวกลับเข้าไปดูคนไข้ก่อนนะครับ” 


“อ๊ะ เดี๋ยวครับ” ผมละสายตาจากแผ่นหลังของมานะ แล้วหันกลับมาที่หมอประหลาดแทน “ผมขอยืมโทรศัพท์หมอหน่อยได้มั้ย? พอดีผมไม่ได้พกติดตัวมา”


หมอพยักหน้า แล้วหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมายื่นให้ผม “นี่ครับ” ก่อนหายกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินอีกครั้ง


พอได้โทรศัพท์มาผมก็ออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ แล้วทวีตแจ้งความประสงค์ขอบริจาคเลือดกรุ๊ปที่ว่าทันที ..ไม่นานก็มีคนเข้ามาช่วยแชร์ช่วยไลค์ช่วยกันรีทวีต แต่ยังไม่มีใครสักคนที่สามารถตอบรับคำขอของผมได้


!.. จู่ๆ ก็มีคนส่งข้อความเข้ามาทางอินบ็อกซ์ของเฟซบุ๊ค แอ็คเคาน์ที่ใช้เป็นชื่อของไอ้ยูริ แต่ข้อความน่าจะมาจากซอลลี่มากกว่า


AB (Rh-)
Konelo Berlusconi

และบรรทัดสุดท้ายเป็นเบอร์โทรภายในประเทศไทยที่สามารถติดต่อหมอนั่นได้!


โอ้ ขอบคุณซอลลี่ พี่คือเทวดามาโปรดน้องแท้ๆ !!


ผมท่องจำเบอร์จนขึ้นใจ แต่จังหวะที่กำลังจะกดโทรออกก็ต้องสะดุ้งเฮือกกับเสียงสบถอย่างหัวเสียพร้อมกับเสียงแตกหักของอะไรบางอย่าง


“โธ่เว้ยยยยยย!!” 


หันไปมองก็เห็นมานะยืนขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด เศษซากมือถือแตกกระจายอยู่เต็มทางเดิน ท่าว่าหมอนั่นจะเป็นคนปาเองกับมือ


นี่หมายความว่าคนคนนั้นไม่ยอมช่วยฟ้าประทานงั้นเหรอ?


“นั่นมึงจะไปไหน มานะ?” ผมร้องถามเมื่อจู่ๆ หมอนั่นก็เริ่มออกวิ่งไปตามทางเดิน


“กูจะไปลากคอคนที่มันมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับคุณหนูมา มึงรออยู่นี่แหล่ะ” เสียงมานะตะโกนตอบมาก่อนที่เจ้าตัวจะเลี้ยวหายลับตาไป


ผมเลิกสนใจมานะชั่วคราว แล้วกลับมาจดจ่อกับการโทรหาโคเนโรอีกครั้ง


“ติดแล้ว!” ผมร้องดีใจกับตัวเองเมื่อโทรติด เหลือแค่รอว่าเมื่อไหร่อีกฝ่ายจะรับเท่านั้น


รับสักทีสิ... รับสิ.. รับสิ... รับสิโว้ยยยยยยย


“Ciao~ ..” ในที่สุดก็มีคนรับ!


ผมไม่รอให้อีกฝ่ายได้ถามอะไร รีบกรอกเสียงของตัวเองลงไปเลย “ฮัลโหล! โคเนโร.. ผมซันชายน์นะ ผมมีเรื่องอยากขอร้องคุณ”


“โอ๊ะ ซันนี่?” ทางนั้นส่งเสียงแสดงความประหลาดใจ


แต่กูบอกหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือไงว่ากูชื่อ..ซันชายน์! ไอ้ห่านี่!


ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าไอ้พวกที่มาจากอิตาลีมันหน้ามึนแบบนี้ทุกคนเลยหรือไง? ..แต่ช่างเหอะ ตอนนี้ผมมีเรื่องที่สำคัญมากกว่านั้นจะพูด


“โคเนโร..ได้โปรดช่วยเพื่อนของผมด้วย..มีคุณคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้ในตอนนี้..เขากำลังแย่..เขาแย่มาก..เลือดของคุณสำคัญกับเขามาก..ผมขอร้อง..ช่วยเพื่อนของผมด้วย..ช่วยฟ้าด้วย..”


“ใจเย็น ซันนี่.. คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ? ผมไม่ค่อยเข้าใจ เพื่อนของคุณเป็นอะไร? แล้วเลือดของผมมันทำไม?”


“ฟ้าประทาน.. เขาเสียเลือดมาก..แต่ทางโรงพยาบาลไม่มีเลือดกรุ๊ปที่จะใช้กับเขาได้เลย..ซอลลี่บอกผมว่าคุณมีเลือดกรุ๊ปที่เราต้องการ...คุณต้องช่วยเขานะ โคเนโร..ผมมองไม่เห็นใครแล้วนอกจากคุณ...ได้โปรดเถอะ”
ผมพยายามใจเย็นอย่างที่อีกฝ่ายแนะ และพยายามเรียบเรียงคำพูดให้ฟังเข้าใจง่ายที่สุดเท่าที่สติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่ตอนนี้จะสามารถทำได้


“อ่า.. ผมว่าผมพอจะเข้าใจแล้วล่ะ.. แต่ขอโทษนะ ซันนี่.. ผมไม่แน่ใจว่าผมจะช่วยอะไรเขาได้..”


“ทำไม?!”
ผมเผลอตวาดใส่ไปด้วยความตกใจ


“..คือผมไม่ค่อยสบายน่ะ” หมอนั่นตอบคล้ายไม่อยากจะตอบซักเท่าไหร่


“ผมก็เห็นคุณแข็งแรงดีนี่นา” ผมท้วง


“ก็..ไม่รู้สินะ แค่กๆ อื้ม.. ผมแค่รู้สึกว่าผมไม่ค่อยสบายเท่าไหร่..”


ตอแหล!!!~ ตอแหลชัดๆ เสียงไอแม่งฟังตอแหลโดยสิ้นเชิง! แบบนี้มันตั้งใจบ่ายเบี่ยงกันนี่หว่า! แต่อย่าคิดว่าซันชายน์คนนี้จะยอมง่ายๆ นะ! กูจิกไม่ปล่อยแน่ และถ้ายังไม่ให้กูก็จะตามหลอกหลอนมึงไปตลอดชีเวี้ยดดด! ไอ้แล้งน้ำใจ! ไอ้ไร้จิตเป็นกุศล! ไอ้คนไม่มีมนุษยธรรม! ไอ้อำมหิต! คนจะตายอยู่ตรงหน้ายังไม่คิดจะช่วย จวยเอ๊ย!! ..ทำไมซอลลี่ถึงไปคบกับคนแบบนี้ได้วะ?


กร๊าซซซซซซซ กูอยากกระทืบชาวต่างชาติ!


“คุณมาให้หมอตรวจร่างกายดูก่อนก็ได้ คุณแค่รู้สึกว่าตัวเองอาจป่วย มันก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องป่วยจริงๆ นี่นา” ผมพยายามระงับอารมณ์ที่กำลังพุ่งปรี๊ดๆ ข้างในอกไว้ก่อน แล้วกัดฟันทนสนทนาภาษาสุภาพชนกับคนไร้น้ำใจต่อไป


“...แต่ผมไม่ชอบไปโรงพยาบาล” ไอ้หมอนั่นยังอิดออด “และผมก็กลัวเข็มด้วย”


สรุปคือมึงจะไม่ยอมช่วยกันจริงๆ ใช่ม้ายยยยย?! ไอ้..ไอ้...โหยยย กูนึกไม่ออกแล้วว่าจะด่ามึงว่าอะไรดี! ไอ้หอยจุ๊บเอ๊ย!!


“มันไม่น่ากลัวอย่างที่คุณคิดหรอก มาเถอะนะ ถ้าหมอบอกว่าไม่ได้จริงๆ ผมจะไม่รบเร้าคุณอีกเลย ..นะ โคเนโร ผมขอร้องนะ นึกว่าเห็นแก่ผมที่เป็นน้องของซอลลี่เพื่อนของคุณนะ”


“...........” คราวนี้เสียงจากปลายสายเงียบไปเหมือนกำลังตัดสินใจ


“โคเนโร ได้โปรด...”


“..โคเน่” จู่ๆ ทางนั้นก็พูดขึ้นมาแบบนั้น


“ห๊ะ?” ผมร้องถามไปงงๆ ..มันคืออะไร? มันไม่ใช่คำตอบที่ผมต้องการนี่!


“เรียกผมว่า ‘โคเน่’ เหมือนพี่ชายคุณสิ”


“โอเค โคเน่.. มาที่โรงพยาบาลเถอะนะ ตอนนี้เพื่อนผมต้องการคุณ”
 


นาทีนี้ให้เรียกอะไรก็ยอมทั้งนั้นล่ะ จะให้เรียก ‘พ่อ’ กูก็ยอมเหอะ!


“ผมไม่สนหรอกว่าเพื่อนคุณจะต้องการผมมั้ย..” เหมือนคนจะได้ยินเสียงหัวเราะแว่วๆ จากปลายสาย ..หรือจะหูฝาดไปเอง? 


“ไหนคุณลองพูดซิว่า...คุณต้องการผม”


“ได้ๆ ..ผมต้องการคุณ โคเน่ ได้โปรดมาที่นี่..เดี๋ยวนี้” ผมยอมทำตามที่อีกฝ่ายขอโดยไม่เสียเวลาลังเล


“..โอเค ผมจะไป” ในที่สุดอีกฝ่ายก็ตอบตกลง


“ขอพระเจ้าคุ้มครองคุณ โคเน่.. คุณคือพ่อพระของเรา..” ผมพึมพำด้วยความโล่งอกผสมดีใจ กำลังจะยิ้มออกมาเชียว ถ้าไม่ได้ยินประโยคถัดมาจากคู่สายซะก่อน


“..แต่มีข้อแม้นะ”


!!.. ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนคนที่เพิ่งจะตะเกียกตะกายปีนขึ้นจากก้นเหวได้สำเร็จ กำลังจะโห่ร้องดีใจให้สาแก่ความเหน็ดเหนื่อย แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากก็ถูกไอ้บ้าหน้าไหนไม่รู้มันถีบจนร่วงกลับลงก้นเหวอีกรอบ ..ฉันใด ฉันนั้น 


“รับปากสิ.. ว่าถ้าผมให้เลือดกับเพื่อนของคุณตามที่คุณขอ คุณเองก็จะยอมทำตามที่ผมขอเหมือนกัน” อีกฝ่ายเร่งเร้าเมื่อเห็นว่าผมเงียบไป


“ผมจะทำตามทุกอย่างที่คุณขอ” ผมตอบไปโดยไม่ได้คิดด้วยซ้ำ ตอนนี้จิตใจของผมพะวงอยู่กับความอยู่รอดของฟ้าประทานอย่างเดียว


“เยี่ยม” เสียงโคเนโรหัวเราะเบาๆ มาตามสาย


“โอเค แล้วคุณจะให้ผมไปรับมั้ย? คุณมาที่นี่ถูกรึเปล่า?” ผมถามเมื่อเราตกลงกันได้แล้ว


“ไม่ต้องมารับหรอก จะเสียเวลาเปล่า เดี๋ยวผมไปเอง..” 


จากนั้นอีกฝ่ายก็กดตัดสายไป ..ผมเพิ่งจะมานึกได้เองว่าตัวเองไม่ได้เอารถมา แล้วนี่ถ้ามันให้ไปรับจริงๆ ผมจะเอาอะไรไปรับมันวะ? ..พูดไม่คิดอีกแล้วกู


แต่เอ๊ะ..



ที่ผมลืมคิดนี่มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวหรือเปล่าวะ?
 






“โคเนโร?” ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำที่เจ้าของชื่อมาปรากฏตัวต่อหน้าผมหลังจากวางสาย ทั้งที่โรงแรมกับโรงพยาบาลมันไม่ได้ใกล้กันเลยสักนิด แถมทั้งพ่อบ้าน ทั้งมานะยังเดินตามกันมาเป็นพรวนอีก


บังเอิญเจอกัน.. หรือยังไง? ไหนมานะบอกว่าจะไปลากคอคนที่มีเลือดกรุ๊ปเดียวกับฟ้ามาไง? แล้วทำไมถึงเดินหน้าบูดเป็นตูดตามโคเนโรมาได้?


เมรันดรีอีก...ไหนว่ามีธุระเร่งด่วน??


“โคเน่ต่างหาก” หมอนั่นพูดยิ้มๆ


“ทำไมคุณมาเร็วขนาดนี้เนี่ย?” ผมถามงงๆ สลัดเรื่องของสองพ่อลูกบุญธรรมนั่นออกไปก่อน


“ผมก็นึกว่าคุณอยากจะให้ผมมาเร็วๆ ซะอีก รู้งี้ไม่น่ารีบเลยแฮะ” โคเนโรพูดทีเล่นทีจริง


ก่อนที่เราจะได้ต่อความยาวสาวความยืดกันไปมากกว่านั้น คุณหมอเพี้ยนคนเดิมก็เดินออกมาจากห้องคนไข้อีกรอบ ผมเลยรีบคว้าข้อมือโคเนโรเข้าไปหาหมอทันที


“หมอ.. คุณคนนี้เค้าจะมาบริจาคเลือดให้ฟ้า ให้บริจาคได้เลยมั้ยฮะ?” ผมถามด้วยความร้อนใจ


“อ้อ ครับ” หมอมองผมยิ้มๆ ก่อนกันไปเขย่ามือทักทายกับโคเนโรอย่างอารมณ์ดี “สวัสดีครับ เวลคัม ทู ไทยแลนด์”


“สบายดีนะ หมอ?” โคเนโรทักตอบเป็นภาษาอังกฤษ


“สบายบรื๋อเลยล่ะ” แต่หมอยังสตีลโชว์สกิลภาษาไทย จากนั้นหมอก็หันไปเรียกพยาบาล แล้วหันกลับมาผายมือเชื้อเชิญโคเนโรให้เดินตาม “งั้นเชิญตามมาทางนี้เลยครับ”


“เดี๋ยวผมมา อย่าลืมสัญญาล่ะ ซันนี่” คนพูดหันมาขยิบตาให้ผม ก่อนเดินตามทั้งหมอและพยาบาลไป


“ได้เลือดจากคนคนนั้น คุณหนูก็ปลอดภัยแล้วล่ะครับ วางใจเถอะ” พ่อบ้านเดินมาแตะไหล่ผมเบาๆ คงเพราะเห็นผมยังทำหน้ากังวลนั่นล่ะ


“อืม...” ผมเม้มปาก พยักหน้ารับคำของพ่อบ้าน ก่อนจะต้องเลิกคิ้วกับเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายยื่นมาให้


“ไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะครับ ชุดของคุณเลอะเลือดคุณหนูเต็มไปหมด”


ผมก้มมองตัวเอง เสื้อยืดบางๆ กับกางเกงนอนที่เอาของฟ้ามาใส่ ตอนนี้มีแต่คราบเลือดเกรอะกรังเลอะเทอะไปหมด 


“ขอบคุณ” ผมบอกและรับเสื้อผ้ามา แล้วรีบเอาไปเปลี่ยนที่ห้องน้ำของโรงพยาบาล..
 





“เป็นไงบ้างครับ คุณหมอ?” ผมลุกจากเก้าอี้นั่งรอ แล้วรีบปรี่เข้าไปหาคุณหมอที่เพิ่งออกมาจากห้องหลังจากได้รับเลือดบริจาคและหายเข้าไปดูฟ้าประทานพักใหญ่ๆ


“หมอเหรอ? สบายมากเลยล่ะ?” คำตอบของหมอทำผมแอบอึ้งไปเล็กน้อย


ผมยังคงยืนยันคำเดิมนะ.. หมอเอี้ยไรวะเนี่ย?!


“ใครเค้าสนใจแกกัน เค้าถามถึงคุณหนูต่างหาก” เสียงมานะแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด(..คือมันดูหงุดหงิดงุ่นง่านมากๆ ตั้งแต่กลับมาตอนนั้นแล้วล่ะ ท่าทางมันเหมือนอยากจะอาละวาดอยู่หรอก แต่พอเหลือบตาไปมองเมรันดรีที่นั่งนิ่ง แต่ส่งสายตาปราม ก็เหมือนว่ามันจะพยายามระงับอารมณ์ไว้)


“อ้อ.. คนไข้ปลอดภัยหายห่วงแล้วครับ” ไอ้หมอบ้าว่างั้น แล้วมองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนกับไม่เคยเห็น “คุณนี่.. พอล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วดูดีชะมัดเลยแฮะ”


“หา?!” ไม่รู้ว่าตั้งแต่เจอกันไอ้หมอเพี้ยนนี่มันทำผมอึ้งไปกี่รอบแล้วนะวันนี้(..เกินจะนับ)


“โอ๊ะยะ ..ทำหน้าแบบนั้นมันเสียมารยาทนะครับ พริตตี้บอย” ..สงสัยว่าผมจะแสดงสีหน้ารังเกียจออกนอกหน้าไปหน่อยมั้ง มันเลยพูดแบบนั้นออกมา เหอๆ 


“..แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ หมอชอบสไตล์บอดีการ์ดบอยมากกว่า” แล้วมันก็หันไปลวนลามมานะทางสายตาแทน “ดูร้อนแรงดี~”


“พ่อง!” ก็เลยโดนอีกฝ่ายมอบนิ้วกลางให้ด้วยความดุดัน


“โอ๊ะยะ หยาบคายอีกแล้ว~”


“เอ่อ หมอ.. ผมขอเข้าไปดูฟ้าหน่อยได้มั้ย?” ผมถามแทรกการละเล่นหมาหยอกแมว(?)ของทั้งคู่ด้วยความรำคาญ แง่ง!


“ไม่ได้ครับ” หมอบ้าตอบสวนทันควัน


“ทำไม?!” ผมกับมานะตะโกนขึ้นแทบจะพร้อมกัน


“อาการของคนไข้ยังไม่นิ่ง ขอหมอดูอาการอีกซักหน่อยแล้วกัน”


อะไรวะ? ก็ไหนบอกว่าปลอดภัยแล้วไง? แมร่ง.. ผมได้แต่บ่นอุบอิบอยู่ในใจ


“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ยังหล่อจนน่าหมั่นไส้เหมือนเดิมนั่นล่ะ” ไอ้หมอว่ายิ้มๆ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู “ตอนเช้าค่อยเข้าไปดูนะ ..อีกไม่กี่ชั่วโมงหรอก หมอว่าตอนนี้พวกคุณไปพักผ่อนกันก่อนดีกว่า หมอก็ว่าจะไปแอบงีบเหมือนกัน ง้วงง่วง...ฮ้าววว~”


“แต่ว่า..” ผมอิดออดไม่อยากไป


“กลับไปพักผ่อนอย่างที่คุณหมอเคย์ว่าเถอะครับ คุณซันนี่” พ่อบ้านที่ยืนเงียบมานานพูดขึ้นบ้าง “ถ้าเกิดคุณเป็นอะไรไปอีกคน คุณหนูคงไม่สบายใจ”


“ผมไม่เป็นอะไรหรอก.. ผมห่วงฟ้ามากกว่า”


“มึงไปเถอะ ซัน..” มานะก็เห็นด้วยกับคนอื่นๆ


“แล้วมึงล่ะ?” ผมถามมัน


“กูต้องอยู่ดูแลความปลอดภัยให้คุณหนู”


“งั้นให้กู..”


“อย่าดื้อเลยครับ คุณซันนี่ กลับไปกับผมเถอะ” เมรันดรีเอ่ยตัดบทอิดออดของผม


“ไม่หรอก ซันนี่จะไปกับผม” เสียงที่ดังขึ้นจากข้างหลังทำให้พวกเราทุกคนหันไปมอง


โคเนโรเดินยิ้มสบายๆ ทั้งที่หน้าตาดูซีดเซียวจากการเสียเลือดไปไม่น้อยเมื่อครู่ เขาเดินเข้ามาฉุดข้อมือผมแล้วทำท่าจะเดินออกไปโดยไม่อธิบายอะไรอีก แต่ผมขืนตัวเองไว้ด้วยไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะพาไปไหน


โคเนโรหันกลับมามองพร้อมเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม


“คุณจะให้ผมไปไหน?” ผมยังขืนตัวเองไว้ แต่ไม่ได้แกะมืออีกฝ่ายออก 


“คุณสัญญาแล้วนะว่าจะให้ทุกอย่างที่ผมขอ” โคเนโรทวงสัญญา


“ก็..ใช่” ผมตอบอึกอัก รู้สึกใจคอไม่ดียังไงชอบกล..


คนได้รับคำตอบยิ้มดีใจจนตาหยี แต่นั่นกลับทำให้ผมรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงไขสันหลังเลยทีเดียว




“ผมขอให้คุณนอนกับผม ซันนี่”








TBC.  :z2:

โอเค ณ จุดนี้ ..คนเขียนยอมรับก็ได้ว่าซันนี่มัน ... รั่ว ซึม ลึก ... กร๊ากกกกกก
บางทีก็รู้สึกอยากให้เรื่องมันดราม่าเหมือนกันนะ แต่ด้วยคาแรคเตอร์ของแต่ละคนในเรื่องนี้แล้ว... มันทำไม่ได้จริงๆ ว่ะค่ะ ฮ่าๆๆๆ  :laugh:

--------------------------------------

มานะ มานี ปิติ ชูใจ ปิติมีม้า ม้าชื่อเซ็กเทาว์...  :laugh:
ก็ไม่รู้ว่ามีคนอ่านในนี้เรียนทันเล่มนี้รึเปล่านะ
แต่คนเขียนไม่ทันหรอกนะเออ คนเขียนเรียน กล้า แก้ว น่ะ (เดี๋ยวจะหาว่าแก่ ..เอ๊ะ รึแก่วะ? ฮ่าๆๆ เดี๋ยวนี้เค้ามีแบบใหม่รึยังอ่ะ? หนูไม่ยู้~)

--------------------------------------

รออ่านเรื่องราวเต็มๆ ‘กว่าจะเป็นบอดีการ์ด’ (<- ว่าไปนั่น) ของนายมานะได้ในตอนพิเศษ Your Highness นะจ๊ะ (แต่มีเฉพาะในหนังสือนะ ฮ่ะๆๆ)

--------------------------------------

ปืนที่ใช้ส่องหัวเอี้ยฟ้า(แต่เกือบพลาดไปโดนหัวซันนี่)ค่ะ

ปืนไรเฟิลซุ่มยิง Barrett M82A1 หรือชื่อเล่นคือ "Light Fifty"
นิยมนำมาใช้ในภารกิจซุ่มยิงขบวนรถหรือบุคคลสำคัญ ที่ชอบนั่งรถหุ้มเกราะหรือเฮลิคอปเตอร์ (ตัวนี้สอย ฮ.ร่วงนะฮัฟ)
ใช้กระสุนขนาด .50 BMG (BMG : Browning Machine Gun) หรือขนาด 12.7×99 mm. NATO
ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ Short Recoil, Semi-Automatic ความจุ 10 นัด ความแม่นยำ 1.5-2 MOA

ระยะหวังผลอยู่ที่ 1,800 เมตร(เห็นบางที่ว่าไกลสุด 2,500 บางที่ก็ว่า 3,500 ..ก็ไม่แน่ใจว่าอันไหนจริงกว่า แต่ 1,800 นี่ชัวร์ฮัฟ)

รู้สึกว่าในกองทัพไทยก็มีใช้นะฮัฟ ถ้าจำไม่ผิดล่ะก็นะ แต่ถ้าจำผิดก็ขอสูมาเต๊อะ
(พอดีหาข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง นั่งอ่านจนมึนเบลอไปเลยล่ะค่ะ)

และถ้าใครสนใจหนังเกี่ยวกับ สไนเปอร์(เกรียนๆ) แนะนำเรื่อง Shooter ฮัฟ หนังเก่านิด(2007 มั้ง) แต่มันส์มว้ากกกก
ที่สำคัญ จ่าบ๊อบ(พระเอก)เซะซี่สุดๆ อิอิ o13

--------------------------------------

สืบเนื่องจากตอนกระโน้นนนนนนนนนน(นานเนอะ ฮ่ะๆ)

เห็นหลายคนสงสัยว่าทำไมเอี้ยฟ้าถึงรู้ว่าแมลงสาบไม่อร่อย??? มันเคยกินใช่มั้ย?? แล้วกินทำไม?


อ่ะ ...ก็ไปถามสิ




"น้องเอี้ยฟ้า น้องเอี้ยฟ้า~ ทำไมหนูถึงได้กินแมลงสาบล่ะลูก?"



"ก็ฟ้าหิวอ่ะ"





ปล. ขำๆ นะ ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องแต่อย่างใด ไม่อยากให้เครียดกันน่ะ อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2012 18:21:12 โดย White Raven »

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
มานะคงไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดาแล้วสิ :z2:

ซันนี่อย่าโทษตัวเองเลยจะโทษก็ไปโทษคนยิงเถอะ. จับได้ซันนี่เอาให้ตายเลย :beat:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-07-2012 19:14:19 โดย Tiamo_jamsai »

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
ไม่อยากจะคิด ถ้าซันนี่โดน
เห็นขนาดปืนและโอ้ววว ม๊ายยยย เลยทีเดียว

jelatin99

  • บุคคลทั่วไป
แบบว่ากำลังเข้มข้น แต่พอมาเจอ จึ๋งเดียว พรุ่งนี้ค่อยมาต่อ หน้าเค้าเป็นแบบนี้เลย o22 ฮ่าๆๆๆ
ไม่เป็นไรค่ะ รออ่านๆๆ

ปล เอี้ยฟ้าน่ารักเกิ๊นกับคำถามแมลงสาบ ฮ่าๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด