(ต่อ)
“..นะ...หนาว” คนที่ตอนนี้กำลังถูกผมเปิดน้ำเย็นๆ จากฝักบัวรดจนเปียกโชกไปทั้งเนื้อทั้งตัวร้องบอกปากคอสั่น
อะไรของมันวะ? เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เพราะเมื่อกี๊มันบอกว่าร้อนหรอกนะ ผมเลยพามันเข้ามาในห้องน้ำแบบนี้ แล้วกว่าจะขึ้นมาถึงห้องนี้ได้ก็โคตรทุลักทุเล โชคดีหน่อยก็ตรงที่ลิฟต์ของ วิลลี่ วองก้า ตัวนั้นมันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะห้องเอี้ยฟ้าห้องเดียวนี่แหล่ะ เลยไม่ต้องกลัวว่าใครจะเปิดเข้ามาเห็นสภาพทุเรศทุรังของพวกเราระหว่างเดินทางขึ้นมาสู่ยอดตึก
“..รู้สึกดีขึ้นบ้างยัง?” ผมปิดน้ำแล้วย่อตัวนั่งยองถามอีกฝ่ายที่ตอนนี้เนื้อตัวแทบจะเปลือยเปล่า เหลือเพียงเชิ้ตสีดำที่ถูกปลดกระดุมออกหมดแล้วเท่านั้นที่ยังติดตัวอยู่
ไอ้หน้าหวานจี้เงยขึ้นสบตากับผมแล้วก็สั่นหัวเป็นเชิงตอบคำถาม ไม่อยากจะบอกเลยว่าหน้าตามันตอนนี้ดูน่าสงสารมากเหอะ ตัวก็สั่นเป็นลูกนกเลย เห็นเอาออกไปตั้งหลายน้ำแล้วก็ยังไม่ค่อยยังชั่วอีกเหรอ?
“ไหวป่ะเนี่ย?”
“..มะ..ไม่” น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นถูกเอ่ยตอบพร้อมกับมืออันสั่นเทาผวาเข้ามาเกาะแขนผมไว้ ตากลมโตแดงก่ำและรื้นไปด้วยน้ำตาช้อนมองราวกับต้องการขอร้อง
“อยากให้ช่วยรึไง?” ผมขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะต้องของหวงของอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจนัก
คือ..จะว่ายังไงดีล่ะ? ก็ไม่ได้อยากจะจับของใครที่ไม่ใช่ของตัวเองนักหรอก แต่สภาพคนตรงหน้ามันก็น่าสงสารเสียจนผมอดเห็นใจไม่ได้ ครั้งหนึ่งผมก็เคยโดนยาแบบนี้ มันทรมาน...ทำไมผมจะไม่รู้ ไหนๆ ก็ช่วยมาจนถึงตอนนี้แล้ว จะช่วยต่ออีกหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ..บริสุทธิ์ใจนี่หว่า
“อ๊ะ..ฮือ..อือ” เสียงครางกระเส่าเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบางที่ถูกเจ้าตัวกัดจนแดงช้ำทันทีที่ผมเริ่มขยับมือไปมา บริเวณต้นแขนสัมผัสได้ถึงลมหายในอุ่นร้อนของคนที่ซุกหน้าอยู่ สองมือขยุ้มแขนเสื้อเชิ้ตของผมไว้แน่น..
“อ๊ะ..อ๊ะ..จะ...อ๊ะ..” ผมเร่งมือเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการไปให้ถึงฝั่ง จังหวะที่จะก้มหน้าลงไปมองการทำงานของมือตัวเองก็ประสานสายตาเข้ากับฝ่ายตรงข้ามโดยบังเอิญ ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ และยิ่งไม่รู้เลยว่าอีกคนนั้นคิดอะไร? แต่คล้ายกับมันมีแรงดึงดูดของบางสิ่งบางอย่าง...หรือบางทีอาจจะเป็นแรงโน้มถ่วงของโลกก็ได้ที่ทำให้ผมโน้มหน้าลงไปแนบริมฝีปากกับคนที่เผยอปากรออยู่ก่อน..
“..อื้อออ”
“ทำอะไร ซันนี่?!” เสี้ยววินาทีที่น้ำเสียงเฉยชาทว่าฟังแข็งกระด้างกว่าทุกครั้งดังขึ้น ร่างทั้งร่างของผมก็ถูกใครบางคนเข้ามากระชากจากทางด้านหลัง แรงเหวี่ยงนั่นทำให้หัวของผมไปกระแทกกับฐานของอ่างล้างหน้าเต็มแรง ความเจ็บแล่นลิ่วจากหางคิ้วเข้าสู่สมอง รู้สึกมึนๆ เบลอๆ อยู่ชั่วขณะ สะบัดหัวไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ทุกอย่างมันรวดเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว
แต่พอสติกลับมาสายตาก็เริ่มปรับโฟกัสได้..
ภาพที่เห็นเบื้องหน้าตอนนี้คือ..ฟ้าประทานกำลังยืนขมวดคิ้วมองมาที่ผมอย่างไม่ค่อยพอใจ แววตาสีดำสนิทแสดงออกถึงความหงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยคล้ายเห็นอะไรที่น่าตกใจ หมอนั่นอ้าปากตั้งท่าจะพูด ขยับเท้าจะเข้ามาหา แต่ทุกอย่างก็หยุดชะงักเมื่อมีเสียงร้องเรียกของใครอีกคน..
“คุณ..คุณฟ้า..”
“จี้..” เจ้าของชื่อหมุนตัวไปอีกทางแล้วรีบเข้าไปดูคนเรียกทันที
“คุณ.ฟ้า..คุณ...ฟ้.า...ช่.วย..ช่วย..จี้..ด้ว.ย..” ไอ้หน้าหวานผวาเข้ากอดผู้มาใหม่คล้ายลูกน้อยโผเข้าสู่อ้อมอกแม่
“ไหวรึเปล่า?” เสียงหมอนั่นถาม มือก็ลูบหน้าลูบตาให้อีกฝ่าย
“คุณ..ฟ้า...ฮือ..จี้...จี้..”
“มีสติหน่อย จี้”
“...........” ผมค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า จู่ๆ ก็รู้สึกว่าออกซิเจนในห้องนี้มีน้อยเกินไปสำหรับคนสามคน และผม..คือคนที่ต้องถอยออกไป เพราะถ้าไม่...
ผมอาจจะขาดใจตายอยู่ตรงนี้ก็ได้..
ผมเดินออกจากห้องน้ำมาด้วยอาการของคนที่ต้องการอากาศหายใจ พอมาถึงโซฟากลางห้องผมก็ทิ้งตัวลงอย่างหมดเรี่ยวแรงพร้อมกับสูดอากาศเข้าปอดเสียเฮือกใหญ่
“...........” เหมือนระบบหายใจจะเริ่มดีขึ้น แต่ระบบหัวใจกลับแย่ลง เพราะภาพที่เห็นยังคงติดตา..
ภาพของเอี้ยฟ้าที่ช้อนคนคนนั้นขึ้นอย่างระมัดระวัง ภาพของเอี้ยฟ้าที่วางคนคนนั้นลงในอ่างอาบน้ำอย่างทนุถนอม ภาพของเอี้ยฟ้าที่ดูจะเป็นห่วงเป็นใยคนคนนั้นเป็นพิเศษ..
ทั้งท่าทางที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน.. ทั้งแววตาที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
ทั้งหมดนั่น...เป็นของคนคนนั้น ..ซึ่งไม่ใช่ผม
จริงๆ แล้วผมมันก็ขี้อิจฉาไม่ต่างจากพี่ชายฝาแฝดของตัวเองหรอก..
“ทำแผลซักหน่อยน่ะครับ คุณซันนี่”
!.. ผมไม่รู้ว่าตัวเองนั่งเหม่ออยู่แบบนั้นนานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงทุ้มๆ กับภาษาไทยสำเนียงแปร่งประหลาดเอ่ยอย่างสุภาพอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
นั่นทำเอาผมถึงกับสะดุ้ง หันไปมองก็เห็นผู้ชายต่างชาติ ตาสีฟ้า ผมสีดำ อายุคงประมาณ 40-50 ปี แต่งตัวสุภาพเรียบร้อย ยืนอยู่ด้วยท่าทางน้อบน้อมพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลในมือ
ใคร? เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมผมไม่รู้ตัวเลย?
“เมรันดรี ครับ” เหมือนเขาจะอ่านความสงสัยจากนัยน์ตาผมออก เลยรีบเอ่ยแนะนำตัว “..ผมเป็นพ่อบ้านของคุณหนูฟ้าประทาน”
ผมพยักหน้ารับรู้ ..เมรันดรี.. ชื่อนี้เพิ่งจะได้ยินจากปากเอี้ยฟ้าเมื่อตอนหัวค่ำนี่เอง พูดถึงพ่อบ้าน..พ่อบ้านก็มา ฮ่ะๆๆ ..ว่าแต่นี่ เป็นเพราะผมจมจ่อมอยู่ในความคิดของตัวเองลึกเกินไป หรือเป็นเพราะผู้ชายคนนี้เข้ามาได้เงียบเชียบเกินไปกันแน่?
“..........”
เสียงครางและเสียงเรียกชื่อ ‘คุณฟ้า’ ก็ยังคงดังออกมาให้ได้ยินเป็นระยะๆ จนอดหันไปมองประตูห้องน้ำไม่ได้
“ขออนุญาตนะครับ” เสียงของพ่อบ้านดึงสติผมกลับเข้าร่างอีกครั้ง หันกลับมามองก็เห็นเขาขยับมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกับผมแล้ว กล่องยาถูกเปิดฝาและวางไว้คั่นกลางระหว่างเรา มือคล่องแคล่วหยิบสำลีออกมาชุบแอลกอฮอล์ แล้วยื่นเข้ามาเหมือนจะป้ายหน้าผมจนผมต้องผงะหนี
“จะทำอะไร?” ผมร้องถามด้วยไม่เข้าใจ จะเอาแอลกอฮอล์มาเช็ดหน้าผมทำไม? ผมก็ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนสักหน่อยนี่หว่า? เอ๊ะ..หรือหน้าตาผมมันจะสกปรกมอมแมมจนผู้ชายคนนี้นึกอยากจะทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์วะ?
“คิ้วคุณแตกนะครับ ต้องทำแผลก่อน” เขาพูดแบบนั้น ก่อนจะยื่นกระจกขนาดเหมาะมือมาให้ผม “นี่ครับ”
ผมรับเอามาส่องหน้าของตัวเองก็เห็นเลือดที่เริ่มจะแห้งกรังติดอยู่ตรงหางคิ้วด้านขวา สงสัยว่าจะเป็นตอนที่ถูกเอี้ยฟ้าเหวี่ยงไปโดนฐานอ่างล้างหน้าเมี่อกี๊
..มิน่าล่ะ ตอนนั้นถึงรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ แต่ไม่ใช่แผลใหญ่ถึงขนาดตั้งเย็บหรอก เลือดก็ออกแค่นิดเดียวเอง
ก็แค่แผลเล็กๆ ที่คิ้ว แต่ทำไมถึงเจ็บลึกลงไปถึงได้อกก็ไม่รู้..
“ขอโทษนะครับ” พ่อบ้านเอ่ยสำเนียงประหลาดบอกก่อนจะป้ายสำลีชื้นแฉะลงมา ผมถึงกับซี้ดปากเบาๆ เพราะความแสบ แต่ก็ต้องกัดฟันทนจนทุกกระบวนการเสร็จสิ้นไปอย่างเรียบร้อยโดยดี
“ขอผมดูแขนหน่อยนะครับ” หลังจากปิดผ้าก๊อตที่แผลแตกแล้ว มือใหญ่ๆ ทว่าดูคล่องแคล่วนั่นก็ยื่นมาแตะที่แขนขวาของผม
“เอ๊ะ?” ผมชักแขนเข้าหาตัวเล็กน้อย เพราะไม่แน่ใจว่าเขาจะขอดูไปทำไม โดยลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองเพิ่งจะเอาแขนข้างนี้ไปรับแป๊บเหล็กมาแบบเต็มๆ ข้อ
“ผมเห็นมันช้ำ ขอดูหน่อยเถอะครับว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า?”
ได้ยินแบบนั้นผมเลยนึกขึ้นได้ ก้มดูแขนตัวเองก็เห็นว่ามันเป็นสีช้ำเลือดจริงๆ เลยตกลงยื่นไปให้คุณพ่อบ้านตรงหน้าดู เขากดลงตรงที่ช้ำเบาๆ ก่อนจะสอบถามอาการอีกเล็กน้อย แล้วบอกว่ามันไม่ถึงขึ้นหักขั้นร้าว แต่คงต้องนวดยาไปสักระยะหนึ่งกว่าจะหายเจ็บ ..ผมชักไม่แน่ใจแล้วแฮะว่าเขาเป็นพ่อบ้านหรือเป็นหมอกันแน่?
“มีที่บาดเจ็บตรงไหนอีกรึเปล่าครับ?” พ่อบ้านถามอีกครั้ง
ผมมองแขนตัวเองที่ถูกนวดยารวมทั้งพันผ้าให้เรียบร้อยแล้ว และเงยขึ้นมองหน้าคนตรงข้ามพลางกระพริบตาปริบๆ ..เจ็บตรงไหนอีกเหรอ? ก็ไม่นะ ไม่น่าจะมีแล้วล่ะ ตอนแรกตั้งใจจะส่ายหัวเป็นการตอบ แต่เสียงจากห้องน้ำที่แว่วมากระทบโสตก็ทำให้เผลอชะงักไป
“อ๊ะ..คุณฟ้า...คุณ..ฟ้.า”
“..........”
จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้อยากจะรู้สึกอะไร เข้าใจว่าไอ้จี้มันกำลังลำบาก ถ้าเอี้ยฟ้าไม่ช่วย ผมก็คงจะเข้าไปช่วยอยู่ดี แต่เหมือนหัวใจของผมมันจะไม่ยอมฟังเหตุผลของใครเอาซะเลย ยังคงบีบรัดตัวเองให้เจ้าของของมันต้องรู้สึกปวดหนึบไปทั่วทั้งอกอย่างเอาแต่ใจ..
ใช่ ถ้าตอนนี้ถามว่าเจ็บตรงไหน ก็คงจะเป็น..
“..ที่ใจ” ...นั่นแหล่ะ
“ครับ?” อีกฝ่ายเลิกคิ้วถามคล้ายได้ยินไม่ถนัดเท่าไหร่ และนั่นเองที่ทำให้รู้ตัวว่าเผลอหลุดปากพูดอะไรออกไป
“ฮะ...เปล่าๆ” ผมรีบส่ายหน้าพร้อมโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “..เอ่อ ขอบคุณมากฮะ”
“ครับ ถ้างั้นผมต้องขอตัวก่อน” เมรันดรีพยักหน้าแล่วลุกขึ้น จากนั้นจึงค้อมหัวให้ผมเล็กน้อยก่อนหมุนตัวเตรียมจากไปอย่างที่พูด
“เดี๋ยว...” แต่ก็ต้องชะงักเท้า เมื่อถูกผมเรียกเอาไว้
เมรันดรีหันกลับมามองพลางเลิกคิ้วน้อยๆ “ครับ?”
“คือ..ผมชื่อ ซันชายน์”ใช่ ‘ซันชายน์’ ..ไม่ใช่ ‘ซันนี่’
TBC. 
ใครอยากเห็น อิมเมจตัวละครที่น่าสนใจ(แต่ไม่ใช่ตัวละครหลัก) ไปคอยตามกันได้ที่
แฟนเพจ นะคะ
จะทยอยอัพเรื่อยๆ พร้อมลายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ สร้างเสริมจินตนาการ
หรือถ้าใครสนใจตัวละครไหนอยากจะลองรีเควสดูก็ได้ค่ะ ถ้าหาคนที่ตรงใจได้เราสัญญาว่าจะเอามาให้ดูแน่นอน
คราวนี้ประเดิมคนแรกที่
คุณเพลงขลุ่ย แล้วกันค่ะ
เราเชื่อว่ารายนี้คงฉีกจินตนาการของใครหลายคนขาดกระจุยเป็นแน่แท้ อิอิ
