hello! SUNSHINE [ตะวันร้าย..ที่รัก]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คุณปลื้มตัวละครไหนมากที่สุด?

ซันนี่
ซินเซียร์
ไอ้เอี้ยฟ้า
ไอ้บ้ากาย
อิเมย์บี

ผู้เขียน หัวข้อ: hello! SUNSHINE [ตะวันร้าย..ที่รัก]  (อ่าน 1235213 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nuclear

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 373
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ซินรีบทำให้กายรู้ซักทีสิ ว่าตัวเองก็รักเค้าเหมือนกัน
ปล.เพิ่งจะเห็นกายมาซะดราม่าเลยแฮะ  :กอด1:

ออฟไลน์ greensoda

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
กายสู้ๆนะ
เป็นกะลังใจให้

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
 :กอด1: ให้กำลังใจสกายกับคนเขียน

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
ซันชายด์น่ารักมาก
อ่านเรื่องของฟ้าประทานแล้วสงสารอ่ะ อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น><

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
ค่อยๆพิมพ์ก็ได้จ้าคนเขียน ไม่ต้องรีบ
ทายาเยอะๆ สู้ๆน้า

ออฟไลน์ Zurruz

  • สาววายพันธุ์ยัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ไม่เป็นไรค่ะๆ ค่อยๆพิมพ์ ไม่ก็อย่าเพิ่งมาต่อค่ะ

ไว้หายก่อนเเล้วค่อยว่ากันนะ

สู้ๆ หายไวๆนะค่ะ!

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
ว้ายยย แล้วจะหายทันสงกรานต์ไหมเนี่ย
ถ้าเจ็บมาก ๆ ก็พักก่อนนะคะ หรือถ้าจิ้มได้ก็จิ้ม ^ ^ 
อยากอ่านทั้งสองเรื่องมาก ๆ เลย
กลัวคนแต่งจะสับรางแต่งไม่ไหว คนอ่านโลภมาก โลภจริง ๆนะ อยากอ่าน แวะมาทุกวันเลย
หายไว ๆ นะคะ
  :L2:

ออฟไลน์ whipcream

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
ดูแลรักษาสุขภาพก่อนน่ะ

รอได้จ้า  :กอด1:

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มะมะมะหมิว

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0

ออฟไลน์ BitterSweet~

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 788
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-0
หายเร็ว ๆ นะคะ
นิยายรอได้ค่ะ
รักษามือให้หายดีก่อน  :L2:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20

ออฟไลน์ my pumpkin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หายไว ๆ นะคะ ถ้าไม่ไหวก็อย่าเพิ่งนะ อย่าฝืนค่ะ
สู้ ๆ ค่ะ ^^

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
เอาไว้ให้หายก่อนก็ได้ครับ

 :z2:

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
หายไวๆนะคะ
รอได้
(แต่ไม่นาน  :laugh:)

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
Chapter :: 24 :: กินอะไร?







“เร็วหน่อย ซอลลี่! พี่จะทำให้ซันสายนะ” ผมตะโกนเร่งพี่ชายคนโตที่ยังแต่งองค์ทรงเครื่องไม่เสร็จสักที นี่ถ้าไม่บอกว่าจะขอติดรถไปมหาลัยด้วยนะ ไม่รอหรอก..


วันนี้ผมมีเรียนตอนสิบโมงเช้าซะด้วย แล้วนี่มันก็จะแปดโมงครึ่งแล้ว ซอลลี่ยังแต่งตัวไม่เสร็จอีก นี่มันกรุงเทพนะเว้ยเฮ้ย รถติดจะตายห่า มัวติดขนตาปลอมอยู่หรือไงกัน? ให้ตายเหอะ!


ผมยืนสไลด์หอมหัวใหญ่เพื่อทำแซนด์วิชให้พี่ชายกินประทังชีวิตในมื้อเช้าไป ก็บ่นหงุดหงิดงุ่นง่านไปพลาง คุณชายซอลลี่เธอเป็นมังสวิรัติครับ เธอจะไม่แตะต้องเนื้อสัตว์เป็นอันขาด และเลือกกินเฉพาะของที่มีประโยขน์ต่อความงามของเธอเท่านั้น เพราะงั้นสิ่งที่ผมบรรจงยัดลงไปบนแผ่นขนมปังปิ้งก็เลยมีแต่ ผัก ผัก ผัก แล้วก็ชี้สอีกนิดหน่อย บีบซอสพริก ซอสมะเขือเทศ บีบมายองเนสราดไปอีกเล็กน้อยก็เป็นอันจบพิธี


..เหมือนจะง่าย แต่จริงๆ แล้วมันค่อนข้างจะยุ่งยากสำหรับชั่วโมงเร่งด่วนแบบนี้น่าดูเชียว แต่ไอ้พี่บ้าบอกว่ายังไงก็จะไม่ยอมกินคอนเฟล็กซ์กับนมสดเหมือนผมน่ะสิ


ที่สำคัญ..ไม่ยอมลงมือทำเอง ..พี่บังเกิดเกล้าของแท้เลย


เมื่อคืนซอลลี่ยืนยันจะค้างกับพวกเราฝาแฝดที่คอนโด ซินก็เลยจำใจต้องยกห้องนอนของตัวเองให้(ถึงไม่อยากให้แต่ซอลลี่ก็ยึดไปแล้ว) แล้วหอบหมอนพร้อมกับใบหน้าง้ำงอมานอนที่ห้องผมแทน ส่วนตัวผมต้องหอบหมอนไปนอนเป็นเพื่อนซอลลี่ เพราะพี่ท่านไม่ชอบนอนคนเดียว(งงไหม? เราแรกห้องกันไง) พอเช้ามาซินก็รีบออกจากบ้านไปตั้งแต่ไก่โห่ เพราะมีเรียนตอนแปดโมง ทิ้งให้ผมรับมือกับพี่ชายเจ้าปัญหาแต่เพียงลำพัง


อ้ะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าฝาแฝดกับพี่ชายคนนี้มีปัญหาไม่ลงรอยไม่กินเส้นอะไรกันนะ มันไม่ถึงขนาดนั้น แต่ไอ้ครั้นจะบอกว่ารักกันดีมันก็พูดได้ไม่เต็มปาก ก็เอาเป็นว่า..ค่อยๆ ดูกันต่อไปเองเหอะ


ส่วนแม่กับมิรันด้านั้นหอบหิ้วกระเป๋าสัมภาระออกไปพักที่โรงแรมใกล้ๆ นี่แหล่ะ เมื่อเช้าสองสาวเพิ่งโทรมารายงานผมว่าวันนี้ อาเซซีล(..น้องสาวฝาแฝดของป๊ะป๋า หรือก็คือท่านแม่ของแบรี่นั่นเอง)อาสาจะพาไปกิน ไปเที่ยว ไปชอปปิ้งให้ทั่วเมืองบางกอก ฟังจากน้ำเสียงแล้วท่าทางจะตื่นเต้นกันน่าดู


แม่เองก็ไม่ได้กลับมาที่นี่หลายปีมากแล้ว ยิ่งมิรันด้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง เธอเพิ่งจะเคยมาประเทศไทยครั้งนี้ครั้งแรกเลยแหล่ะ เห็นอะไรก็ดูจะตื่นตาตื่นใจไปหมด ผมก็เลยบอกไปว่า..ขอให้เที่ยวให้สนุกนะ.. แล้วเธอก็ตอบกลับมาว่า..เดี๋ยวจะซื้อขนมมาฝาก
แล้วป๊ะป๋าหายไปไหน? ..ฮ่ะๆๆ พูดถึงก็นึกขำขึ้นมาเลย ยิ่งนึกหน้าป๊ะป๋าตอนโดนเออร์เนสลากเข้าเกตไปก็ยิ่งฮา ไม่ได้อยากจะซ้ำเติมหรอกนะ แต่สมน้ำหน้ามากมาย กร๊ากกก.. (นี่ก็ลูกบังเกิดเกล้า)


ใช่แล้วล่ะ ป๊ะป๋าผมโดนผู้ช่วยคนสนิทลากออกนอกประเทศไปเรียบร้อยโรงเรียนเออร์เนสตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ..ตอนสี่ทุ่มครึ่ง ผมกับซินยังไปส่งที่สุวรรณภูมิอยู่เลย


เหตุผลที่เป็นแบบนั้นก็เพราะป๊ะป๋าจะต้องรีบไปทำงานที่ปารีส โดยที่เจ้าตัวก็เพิ่งจะรู้นี่แหล่ะว่ามีงานต้องทำ ปกติแล้วป๊ะป๋าผมเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ ถ้าผู้ว่าจ้างสนใจก็จะติดต่อผ่านทางเออร์เนสซึ่งมีหน้าที่เป็นทั้งผู้ช่วยและเลขา แต่ป๊ะป๋าจะเป็นคนเลือกงานเองทั้งหมด พอใจก็ทำ ถ้าคิดว่าไม่ใช่แนวทางก็ไม่ทำ(..แต่ไม่ค่อยปฏิเสธหรอกนะ ถ้าเป็นคอลเล็คชั่นบิกินี่ ฮ่ะๆๆ)


แต่คราวนี้รู้สึกว่าเออร์เนสจะเป็นคนรับงานเองโดยพลการ ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่สามารถติดต่อป๊ะป๋าได้ ..เถียงไม่ออกกันล่ะทีนี้ เพราะป๊ะป๋าตั้งใจทำให้เออร์เนสติดต่อไม่ได้เอง สุดท้ายเลยต้องจำใจกลับไปทำงานแบบไม่เต็มใจสุดขีด ก็รับปากไปแล้ว จะไม่ทำก็คงเสียชื่อแย่ ใช่ช่างภาพโนเนมกิ๊กก๊อกซะเมื่อไหร่ เลยได้แต่โหยไห้คร่ำครวญไปจนแทบจะขึ้นเครื่องนั่นล่ะ


อันที่จริงแล้วมันเป็นแผนดัดหลังป๊ะป๋าขี้แกล้ง ที่แกล้งให้เออร์เนสตามหาไปซะทั่วหลังกลับจากวันพักผ่อนนั่นล่ะ ซึ่งแผนนี้ก็ถูกคิดขึ้นโดย..ท่านแม่ของผมเอง ฮ่าๆๆ(แม่เป็นคนหางานนี้มาให้น่ะ) 


“พี่จะไปชุดนั้นจริงอ่ะ?” ผมหันไปมองคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอนด้วยชุดกางเกงยีนส์รัดรูปกับเสื้อกล้ามตัวหลวมโพลกสีน้ำเงินหม่นๆ สกรีนลายกราฟฟิตี้ และแว่นกันแดดสีดำสนิทที่ถูกคาดลวกๆ เอาไว้บนหัว


..ตั้งนานตั้งนม ได้แค่เนี้ย? ไอ้ผมก็นึกว่าจะจัดเต็มเหมือนตอนไปงานแฟชั่นวีคซะอีก ฮ่ะๆๆ


“ก็อากาศมันร้อนนี่” ทางนั้นตอบอย่างไม่คิดมาก


“ใช่ อากาศมันร้อน และแดดมันก็แรงมากด้วย ..พี่ไม่กลัวผิวขาวๆ นั่นเกรียมหรือไง? ไปๆ ไปเปลี่ยนเสื้อใหม่เลย” ผมจับพี่ชายกลับหลังหัน แล้วดันหลังให้กลับเข้าห้องนอน ก่อนจะไปเลือกๆ รื้อๆ เสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางของซอลลี่เพื่อหาตัวที่ดูเข้าท่ามากกว่านี้


ก็ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงสุขภาพผิวของหมอนี่นักหรอก แต่เสื้อกล้ามตัวนั้นมันไม่ไหวจริงๆ คอคว้านลึกไปถึงไหนต่อไหน แขนก็กว้างลงไปจนเกือบจะถึงเอว ถ้าไปที่อื่นจะไม่ว่าเลย แต่นี่ไปมหาลัยนะเว้ย! วันเปิดเรียนปกติด้วย แต่งตัวให้มันดีๆ หน่อยสิ กาลเทศะน่ะรู้จักไหม?


แล้วตัวซอลลี่ก็ขาวซะอย่างกับจะเรืองแสงได้ หาอะไรมาปิดๆ บังๆ รัสมีไว้บ้างก็ดี ลำพังรูปร่างหน้าตาก็เด่นเด้งจะแย่แล้ว อย่าต้องไปเปล่งแสงให้แยงลูกกะตาและต่อมอิจฉาของชาวบ้านเขาอีกเลย


แล้วซอลลี่จะไปมหาลัยผมทำไมน่ะเหรอ?


เหอ.. ก็คงไม่ได้นึกอยากไปเยี่ยมชมการเรียนการสอนของน้องชายคนเล็กผู้หล่อเหลาอย่างผมอยู่แล้วล่ะ เป้าหมายแท้จริงของเขาอยู่ที่คณะวิทศาสตร์ต่างหาก แต่ถ้าถามว่าไปทำอะไร? ก็คง.. ไปตามหาหัวใจล่ะมั้ง ฮ่ะๆๆ


“อ่ะ เจอแล้ว!” ผมค้นเจอเสื้อยืดผ้าเนื้อบาง เป็นแขนสั้นคอวีสีเทาๆ อันนี้คงพอใช้ได้มั้ง น่าจะใส่เย็นสบายดี


แล้วก็ยื่นให้พี่ชายที่ยืนทำหน้าเมื่อยไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง “ซอลลี่?”


“เปลี่ยนให้พี่ทีสิ” 


..นั่น เอาแล้วไงล่ะ ไอ้นิสัยชายน้อยแห่งบ้านทรายทองเนี่ย เอิ่ม..คือผมหมายถึงง่อยแดกน่ะ ไม่ค่อยชอบทำอะไรเอง ชอบให้คนอื่นคอยปรนนิบัติรับใช้ แม้แต่อาบน้ำบางครั้งซอลลี่ก็ยังให้คนอื่นอาบให้เลยเหอะ เอากะเขาสิ


“อย่ามาเยอะกับน้อง ขอร้อง.. ถ้ายังอยากจะออกจากบ้านในสภาพที่สวยงาม ก็รีบๆ เปลี่ยนเสื้อแล้วตามออกมาซะ” ผมปาเสื้อยืดใส่หน้าพี่ชายอย่างไม่ใยดี(แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะร่วนลงคอ) ก่อนจะเดินหนีไปหยิบกระเป๋า กุญแจรถ แล้วก็แซนด์วิชติดมือมา 


“แซนด์วิชนี่ไปกินในรถแล้วกันนะ” ผมตะโกนบอกทิ้งท้าย

 




“ใจคอจะติดมันทุกแยกเลยรึไงเนี่ย?” คนที่นั่งเบาะข้างผมบ่นพึมพำด้วยความเบื่อหน่าย หลังจากจัดการกับมื้อเช้าของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


“เวลคัม ทู บางกอก” ผมพูดขำๆ ด้วยชาชินกับสถาพคล่องบนถนนในชั่วโมงเร่งด่วนแบบนี้ไปซะแล้ว ก่อนจะกดปุ่มเปลี่ยนคลื่นวิทยุเพื่อหาเพลงฟังไปเรื่อยเปื่อย


“โคเนโร แบร์ลุสโคนี.. เป็นใครกันเหรอ?” ผมถามขึ้นหลังจากเห็นไฟสัญญาณข้างหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว


“หือ?” ซอลลี่หันมามองหน้าผมงงๆ “นายสนใจหรือไง?”


“แค่รู้สึกติดใจนิดหน่อยน่ะ..” ..อันที่จริงก็ไม่ได้อยากรู้อยากเห็นเท่าไหร่หรอก แต่มันรู้สึกติดค้างในใจยังไงไม่รู้สิ


“ถึงจะบอกว่าเป็นคนรู้จักของพี่ ..แต่ถ้าทั้งป๊ะป๋าทั้งแม่ก็รู้จัก ก็แปลว่าเขาน่าจะเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปด้วยหรือเปล่า? เป็นนายแบบงั้นเหรอ? ทำไมซันถึงไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยล่ะ?”


“ไม่ใช่นายแบบหรอก” อีกฝ่ายตอบเรียบๆ ตามองนู่นนี่นอกกระจกรถไปเรื่อย “แล้วก็ไม่เชิงว่าเป็นที่รู้จักอะไรมากมาย.. นายยังไม่เคยข้ามไปอิตาลีมาก่อนใช่มั้ย?”


“ฮึ? ..อืม” จู่ๆ อีกฝ่ายก็หันกลับมาถาม ผมเลยตอบออกไปงงๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ “เคยดิ เคย ..เคยไปมิลานเมื่อปีก่อน ตอนที่ป๊ะป๋าไม่สบายน่ะ”


เมื่อช่วงซัมเมอร์ของปีก่อนมีครั้งนึงที่ป๊ะป๋าป่วยระหว่างไปทำงานที่มิลาน ตอนนั้นผมกับซินอยู่ที่ลอนดอนพอดี ก็เลยรีบตีตั๋วบินไปเยี่ยม ได้อยู่เฝ้าไข้กันสักสัปดาห์นึงได้ล่ะมั้ง ..ถ้าจำไม่ผิดนะ


“ทำไมอ่ะ? เค้าเป็นคนดังในอิตาลีรึไง?”


“ก็ไม่เชิง.. มันไม่ใช่ที่ตัวของโคเน่หรอก แต่นามสกุลของหมอนั่น..      แบร์ลุสโคนี..น่ะ เป็นที่รู้จักของคนอิตาลีส่วนใหญ่ โดยเฉพาะแถบอิตาลีตอนใต้ ..และโดยเฉพาะที่เมืองนาโปลี” ผมฟังพี่ชายพูดไปก็พยักหน้ารับรู้ไปพลาง..


เมืองนาโปลี หรือก็คือ เมืองเนเปิลส์ ในภาษาอังกฤษนั่นแหล่ะ เป็นเมืองเก่าแก่โบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาเกือบพันปี(นี่ไม่ได้เวอร์นะ) เป็นเมืองท่าสำคัญของยุโรป เป็นเมืองใหญ่ติดอันดับ 3 ของอิตาลี และยังเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในอิตาลีด้วย ..อ้อ แล้วก็เป็นเมืองที่มีปัญหาอาชญากรรมสูงที่สุดด้วยนะ เท่าที่ผมรู้.. ว่ากันว่าตลาดมืดที่นั่นเฟื่องฟูสุดๆ เลยล่ะ


“เป็นพวกผู้มีอิทธิพล?” ผมลองเดาจากสิ่งที่ได้ยินมา ซอลลี่ตอบรับงึมงำในลำคอ


“นักการเมือง หรือมาเฟียล่ะ?”  ผมถามเล่นๆ


ถามว่าสองอย่างนี้ต่างกันยังไง? ก็คง..ความถี่ของการออกสื่อล่ะมั้งฮะ


“อืม..จะว่ายังไงดีล่ะ” ซอลลี่นิ่งคิด เหมือนกำลังนึกหาคำอธิบายที่เข้าใจง่ายที่สุด ก่อนจะเอ่ยต่อ “แบร์ลุสโคนี เป็นหนึ่งในตระกูลเก่าแก่ที่สุดของนาโปลีน่ะ พวกต้นตระกูลเคยเป็นขุนนางหรือชนชั้นปกครองมาก่อน เลยค่อนข้างจะเป็นที่เคารพยำเกรงและมีหน้ามีตาทางสังคม”


“อ้อ..”


“แม้ปัจจุบันจะผันตัวมาทำธุรกิจได้สามสี่ชั่วคนแล้ว แต่ก็ยังคงสนุบสนุนเงินทุนให้กับพวกนักการเมืองมาตลอด นอกจากนี้ก็ยังก่อตั้งมูลนิธิช่วยเหลือสังคมอีกมายมาย แต่ก็ยังไม่วายถูกเรียกลับหลังว่า ‘มาเฟียโน’ อยู่ดี”


‘มาเฟียโน’ ในภาษาอิตาลี ก็คือ ‘มาเฟีย’ ในภาษาอังกฤษนั่นล่ะครับ


“เพราะมีเบื้องหลังล่ะสิ” ผมว่า ก็นะ.. คนเราถ้ามันขาวสะอาดจริงก็คงไม่ถูกด่าลับหลังหรอก จริงไหม? ยิ่งไปสนับสนุนแหล่งเงินให้พวกนักการเมืองก็ยิ่งชัดเลย จะมีใครจะยอมเสียโดยไม่ได้อะไรกลับคืนมา เมืองนั้นยิ่งขึ้นชื่อเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นซะด้วยสิ


“งั้นแหล่ะ” ซอลลี่ยักไหล่แล้วตอบง่ายๆ


“แล้วพี่ไปรู้จักกับคนแบบนั้นได้ยังไงน่ะ?” ผมล่ะสงสัยจริงๆ


“คนแบบนั้น? นายหมายถึงคนแบบไหนกัน?” ซอลลี่หัวเราะลงคอเล็กน้อยขณะพูด “ส่วนตัวพี่คิดว่าโคเน่เป็นคนที่น่าคบคนนึงเลยนะ”


“น่าคบสำหรับพี่ มันไม่ได้หมายความว่าต้อง ‘น่าคบ’ สำหรับคนทั่วไปหรอกนะ” ผมเตือนจากใจจริง “เพราะลำพังตัวพี่เองก็ไม่ใช่คนที่น่าคบซักเท่าไหร่อยู่แล้ว”


“เจ้าบ้านี่!” คนถูกเหน็บหัวเราะร่วนก่อนจะยื่นมือมาผลักหัวผมทีนึงอย่างหมั่นไส้ ก่อนบอก “อย่างน้อยหมอนั่นก็หล่อมากนะ”


“พูดแบบนี้..” ผมเหลือบตามองคนข้างตัวยิ้มๆ “อย่าบอกนะว่ากิ๊กเก่าพี่น่ะ?”


ซอลลี่แค่หัวเราะโดยไม่ได้ตอบว่าอะไร จากนั้นเราก็คุยเรื่องสัพเพเหระกันมาเรื่อยจนถึงมหาลัยในที่สุด


“แน่ใจนะว่าจะลงตรงนี้?” ผมถามย้ำเพื่อความชัวร์ เมื่อพี่ชายคนโตยืนยันว่าจะลงตรงหน้าคณะวิทย์นี่เลย พอเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าก็เลยถามต่ออีกหน่อย “ทำไมไม่ลองโทรหาเจ้าตัวดูก่อนล่ะ? เผื่อเค้าอาจยังไม่มาเรียน”


“อ้ะ เอานี่ไปใช้ก่อนแล้วกัน” ผมยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้ยืมไปก่อน เพราะรู้ว่าซอลลี่ยังไม่ได้เปิดโรมมิ่งเลย


“ถ้าจะโทรหาซันก็กดเบอร์ใครซักคนที่ชื่อขึ้นต้นด้วยตัว EC นะ” ผมบอกทิ้งท้าย เบอร์ของเพื่อนในเสคผมจะเมมชื่อขึ้นต้นแบบนั้นทุกคนแหล่ะ จะโทรเข้าเครื่องใครก็ได้ เพราะยังไงก็นั่งเรียนด้วยกันอยู่แล้ว..
 





วันนี้ทั้งวันผมไม่เจอใครเลย ทั้งซิน ทั้งไอ้กายหรืออีเมย์ล้วนหายหัวเข้ากลีบเมฆไปกันหมด แต่ก็ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้น เพราะถึงเราทั้งสี่คนจะอยู่คณะเดียวกันแต่ก็เรียนกันคนละสาขา จะไม่เจอกันบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากมาย


หลังจากบอกลาเพื่อนในเสคผมก็เดินตรงดิ่งมาที่รถ ตั้งใจว่าจะแวะซุปเปอร์มาเก็ตก่อนค่อยกลับคอนโด ซินก็กินล้างกินผลาญ ส่วนซอลลี่ก็กินยากกินเย็น เลยต้องไปสรรหาเสบียงมาตุนไว้เสียหน่อย จะได้ไม่มีใครมาบ่นง้องแง้งข้างหูให้ปวดประสาท
พูดถึงซอลลี่ ตอนโทรไปถามเห็นบอกว่าเย็นนี้จะกลับเอง ก็รอดูกันต่อไปว่ากลับเองน่ะจะกลับถึงบ้านไหม? ถ้าไม่.. ก็ปล่อยไว้งั้นแหล่ะ ไม่ออกไปรับหรอกนะ ชะละล่า ฮ่าๆๆ


“อ่ะ..” กดรีโมทปลดล็อคแล้วก็เพิ่งจะสังเกตเห็นใครบางคนมายืนหล่อพิงรถอยู่ก่อน


“ไฮ~” ไอ้หัวหงอกฟ้าประทานยกมือเซย์ไฮทักทายผม ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับแบบไม่ต้องเสียเวลาเชื้อเชิญ


ต่อไปนี้คงต้องพยายามทำตัวให้ชินล่ะมั้ง.. ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ เหวี่ยงกระเป๋าไปข้างหลัง แล้วเข้าไปนั่งประจำที่บ้าง..


!!.. แล้วก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อจู่ๆ ไอ้คนที่นั่งข้างๆ ดันมาขโมยหอมแก้มกันแบบไม่ให้ตั้งตัว ผมรีบหันควับไปมองผู้ก่อเหตุอย่างเอาเรื่อง แต่หมอนั่นกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พออ้าปากเตรียมจะด่า ก็ต้องหุบฉับเมื่อเจอกับวลีสั้นๆ ของมัน


“คิดถึง”


!!.. ก็เลยไม่รู้ว่าควรจะโกรธหรือควรจะเขินดีทีนี้ ..เล่นมาทื่อๆ ตรงๆ แบบนี้อีกแล้วนะเอี้ยฟ้าประทาน


แต่จะว่าไปแล้ว..โดนหอมก็โดนแค่แก้มเดียวนี่หว่า แต่ไหงมันถึงได้ร้อนฉ่าไปทั้งสองแก้มเลยว้า~? ซันชายน์เอ๊ย! เจอแค่นี้ก็ถึงกับไปไม่เป็นแล้วหรือไงเนี่ย? อ่อนหัดว่ะ แง่ง!


“มึงไม่คิดจะตอบกลับบ้างเลยเหรอ?” เสียงเนิบๆ ของมันดังขึ้น ขณะที่ผมกำลังวุ่นวายกับการเสียบกุญแจรถให้ตรงรู ..เอ้ย! ทำไมมันเสียบไม่เข้าสักทีวะ?


“อะไร?” ผมถามกลับไป แต่ทำไมเสียงมันฟังแผ่วๆ ชอบกล? เฮ้ย! ไอ้มือบ้านี่ก็นิ่งหน่อยสิวะ แล้วกูจะได้กลับบ้านสักทีไหมเนี่ย?


“..คิดถึงเหมือนกัน..เงี้ย”


ผมแทบจะสำลักน้ำลายตัวเองกับประโยคที่ได้ยิน สตาร์ทรถสำเร็จก็หันไปถลึงตาใส่มันที่นั่งหน้ามึนอยู่ ..ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าไอ้บ้านี่จะเป็นคนพูดสองประโยคอันน่าตกใจเมื่อครู่ หูฝาดหรือเปล่าวะกู? เหอๆ


“มึงไปจำใครมา?” ผมถามมันขณะเลี้ยวรถออกจากคณะ


“ก็เพื่อนกูบอก” มันพูดหน้าซื่อ


เออเนาะ เรื่องที่คนอย่างมันมีเพื่อนคบนี่ก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่ะ เพื่อนมันมาเห็นดีเห็นงามอะไรในตัวมันวะ? น่าสงสัย..


“ใคร?” แล้วจู่ๆ ผมก็อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับมัน และคนรอบๆ ตัวของมันขึ้นมาซะอย่างนั้น


“มานะ” มันตอบ


มานะ.. นี่ชื่อคนใช่ไหม?


“คนไหน? กูเคยเจอป่ะ?” ผมพยายามนึกหน้าเพื่อนแต่ละคนของมันที่ผมเคยเจอ ..อืมมม ก็มีไอ้แว่นที่ชื่อ.. อะไรนะ? ผมจำไม่ได้แล้ว เอาเป็นว่ามีไอ้แว่น ไอ้หน้าตี๋(ที่ผมก็ลืมชื่อไปแล้วเหมือนกัน) ไอ้ผมสีน้ำตาลทอง ไอ้หน้าหวานจี้..


อืม..ไอ้คนหลังนี่เป็นเพื่อนมันด้วยหรือเปล่าวะ? เอี้ยฟ้ามันเคยบอกว่าเป็นเหมือนกับครอบครัว ..‘เหมือน’..ก็แปลว่าไม่ใช่น่ะสิ ไม่ใช่..แล้วตกลงพวกมันสองตัวมีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่วะ? ..เหมือนจะติดใจอยู่นิดหน่อยแฮะ


เอ้อ ช่างเห๊อะ! ..อ้อ แล้วก็มียัยชิฮัวจอมโหดอีกคน...เพื่อนเอี้ยฟ้าที่ผมเคยเจอก็มีแค่นี้แหล่ะ ..ยังมีคนอื่นอีกหรือเปล่านะ?


“เคย ที่ผมสีน้ำตาลทองๆ น่ะ” เอี้ยฟ้าตอบ ผมพยักหน้า ..อ๋อ ไอ้ผมสีน้ำตาลทองมันชื่อ ‘มานะ’ นี่เอง


“แล้วมันบอกอะไรมึงมาอีก?” ผมถามอีก ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ ก็เลยเปลี่ยนคำถามใหม่แบบไม่ค่อยแน่ใจนัก “ไม่สิ.. มึงเล่าอะไรให้มันฟังรึเปล่า?”


“เล่าอะไร?” มันถามกลับมางงๆ


“ก็เรื่องของกูกับมึงน่ะ มึงคงไม่ได้พูดอะไรพล่อยๆ ออกไปหรอกนะ?” พูดแล้วก็ให้นึกหวั่นใจ ตอนป๊ะป๋าถามมันยังกล้าตอบ แล้วนี่กับเพื่อนของมันเอง..


“พล่อยๆ ยังไง? กูแค่ตอบคำถามของมันเฉยๆ” มันยังคงเนิบเฉื่อยแบบไม่เดือดไม่ร้อน แต่ไอ้คำว่า ‘ตอบคำถาม’ ของมันนี่แหล่ะทำเอาผมใจหายแว้บเลย 


“ถามอะไร? เพื่อนมึงถามอะไรวะ?!”


“ก็ถามว่า.. มึงกับกูมีความสัมพันธ์กันยังไง?”


“แล้วมึงตอบไปว่าไง?” ผมพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น อย่าให้อธิบายความรู้สึกตอนนี้เลย ..บอกไม่ถูกว่ะ ทั้งตื่นเต้น ทั้งสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน นึกรู้เลยว่าคำตอบของมันต้องทำให้ผมได้อับอายขายขี้หน้าชาวบ้านได้แน่ๆ ..แค่ยังไม่รู้ว่าเลเวลไหนเท่านั้นเอง


“ก็บอกว่า.. ถ้ามึงเป็นแบบนี้” เอี้ยฟ้าทำท่าทางประกอบคำพูดด้วยการยกมือซ้ายขึ้นมา จรดนิ้วชี้กับนิ้วโป้งเป็นวงกลม 


“....?....”


“กูก็เป็นแบบนี้” คราวนี้มันยกมือขวาขึ้นมา งอนิ้วทั้งหมดลงเหลือไว้เพียงนิ้วชี้นิ้วเดียว


“....??...” ผมเหลือบมองมัน แล้วกลับไปมองทางตาปริบๆ ยังไม่เข้าใจสิ่งที่มันกำลังจะสื่อ จนเมื่อมันสาธิตท่าทางสุดท้ายนั่นล่ะ
ชัดเลย..


“แล้วเราก็แบบนี้กัน” มันพูดพร้อมกับเอานิ้วชี้ของมือขวาแหย่ซ้ำๆ เข้าไปในวงกลมของมือซ้าย..


!!..



ไอ้เอี้ยฟ้าประท๊านนนนนนนนน!!!
 


(ต่อ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2012 13:37:00 โดย White Raven »

ออฟไลน์ White Raven

  • I'm beautiful in my way.~
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +779/-3
    • Fanpage
(ต่อ)



“..กูไม่กินเห็ด”


พอได้ยินผมพูดแบบนั้น ไอ้คนที่กำลังจะคีบเห็ดเข็มทองมาใส่ถ้วยผมก็เป็นอันชะงัก มันเงยหน้ามองผมตาปริบๆ ก่อนจะวกมือกลับไปป้อนใส่ปากตัวเองแทน


“แล้วเป็ดล่ะ?” มันถามพลางคีบเป็ดย่างขึ้นมาชิ้นนึง พิจารณาอยู่สองสามวินาที จากนั้นก็เอาใส่ปากเคี้ยวหน้าตาเฉย


..นึกว่ามันจะคีบให้ผมใช่ไหม? ผมก็คิดงั้นเหมือนกัน แง่ง! แล้วจะถามหาแม่มึงเหรอ สัด!


“..........” ผมเลิกสนใจจะตอบคำถามมัน แล้วหันมาคีบนั่นคีบนี่ในหม้อไฟใส่ปากตัวเองบ้าง


สงสัยใช่ไหมว่าตอนนี้ผมกำลังนั่งกินอะไร? อยู่ที่ไหน? ..สุกี้น่ะ ที่ห้างที่เคยมาประจำแหล่ะ พอลงจากรถเอี้ยฟ้ามันก็ลากผมตรงดิ่งมาเข้าร้านนี้เลย มันบอกว่ามัน..หิว


เอ้อ.. แต่เราไม่ได้นั่งรถมาด้วยกันหรอกนะ ไอ้เอี้ยนี่มันนั่งวินมอ’ไซด์ตามหลังผมมา เพราะหลังจากฟังมันพรีเซ้นต์ความสัมพันธ์เชิงกายภาพในรูปแบบของภาษามือสุดเจิดนั่นจบ ผมก็ช็อคไปหลายวินาที ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะต้องมาประสบพบเจอความอับอายขั้นแอดวานซ์มงกุฏเพชรขนาดนี้มาก่อน


ถ้ามันจะทำกันแบบนี้นะ สู้บอกไปตรงๆ เลยว่าเราสองคน..เอ่อ..มีอะไรๆ กัน ยังไม่น่าอายเท่านี้เลย ..หรือไม่ก็..เอ่อ...ถ้าเพียงแต่ผมจะเป็น..นิ้วชี้ แล้วเอี้ยฟ้ามันเป็นวงกลม..ถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะไม่รู้สึกเสียหน้าขนาดนี้เลย


รู้สึกเหมือนโดนลบเหลี่ยมยังไงไม่รู้..


นึกไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าเกิดไปเจอกับไอ้เพื่อนมานะของมันผมควรจะทำหน้ายังไงดี? ยิ่งคิดก็ยิ่งอาย ยิ่งอายก็ยิ่งอยากกลั้นใจตายให้รู้แล้วรู้แรด หึยยย..


คอยก่อนเถอะมึง คราวหน้ากูจะต้องเป็นนิ้วชี้ให้ได้ คอยดู! ระวังหลังเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน ไอ้บ้าเอ๊ย!!


หลังจากดึงสติที่แตกกระเจิงกลับมาได้ ผมก็หักพวงมาลัยรถลงจอดข้างทาง เอื้อมมือไปเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับด้วยสีหน้าเรียบเฉย(อายจนชาน่ะ) จากนั้นก็ถีบแมร่งลงจากรถไปเลย พ้นหูพ้นตาซะ แถวๆ หน้ามหาลัยนั่นแหล่ะ แล้วก็ปิดประตู และบึ่งรถออกมาโดยไม่สนใจชะตากรรมของไอ้หน้าหนาจากกาแล็กซี่อื่นนั่นอีก


แต่อย่าคิดว่าพ้นนะ เพราะหลังจากผมมาถึงห้าง จอดรถเรียบร้อย ลงมาก็เห็นมันกำลังควักตังค์จ่ายพี่วินพอดี.. จำได้ว่าครั้งแรกที่มันให้ผมไปส่งที่คอนโดก็เพราะไม่กล้านั่งแท็กซี่กลับเอง มันบอกอันตราย แต่ทีมอ’ไซด์วินดันเสือกกล้านั่งมานะ เฮอะ ไอ้คุณชายเฮงซวย!


แล้วที่ยอมให้มันลากเข้าร้านสุกี้ง่ายๆ ก็เพราะเห็นแก่ความพยายามของมันที่อุตส่าห์ตามมาจนทันน่ะ ไม่ใช่อะไรหรอก..


แล้วพอมานั่งกินสุกี้กัน มันก็กระตือรือร้นคีบนู่นคีบนี่ใส่จานผมไม่ได้หยุด คงจะพอรู้ตัวล่ะมั้งว่าผมเคืองมันอยู่ เพราะตั้งแต่ที่ลานจอดรถห้างผมก็ทำเป็นไม่สนใจไม่พูดไม่มองหน้ามันเลย ..จริงๆ แล้วเมื่อกี๊เป็นประโยคแรกที่ผมเพิ่งจะเปิดปากพูดกับมันเหอะ ผมไม่กินเห็ด เห็ดทุกชนิดนั่นแหล่ะ ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ แค่รู้สึกไม่ชอบเฉยๆ ก็เลยไม่กิน ..แค่นั้น 


“อ้ะ...” เป็ดย่างถูกคีบมาวางในจานของผมในที่สุด


ผมเหลือบตามองหน้าคนที่เอามาวาง ก็เห็นมันกำลังจดจ้องเหมือนลุ้นว่าผมจะกินหรือเปล่า? ไอ้ของที่มันขยันคีบมาให้ก่อนหน้านี้ผมก็ยังไม่ได้แตะสักชิ้น กองรวมเอาไว้จนแทบจะเต็มจาน ตั้งใจว่าจะไม่กิน เพราะยังไม่หายเคือง(..ก็ทั้งเคืองทั้งอายแหล่ะ ช่างทำกับกูด๊ายยย) แต่พอเผลอไปสบตาก็เลยต้องเสียเวลาชั่งใจ สุดท้ายก็คีบเป็ดชิ้นนั้นเข้าปากเคี้ยวด้วยความรู้สึกสงสาร...ล่ะมั้ง ก็มันเล่นกันจ้องตาแป๋วเลยนี่หว่า


“....!....” พอเห็นว่าเป็ดของตัวเองขายออก เอี้ยฟ้าก็ยิ้มออกมาทันทีเลย ถึงจะไม่ได้ยิ้มกว้างจนเห็นชัดมากมาย แต่ก็รู้สึกได้แหล่ะว่ามันกำลังดีใจ และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึก..เหมือนใจมันหวิวๆ ยังไงชอบกล..?


“อ้ะ...” จากนั้นเป็ดย่างชิ้นที่สอง ที่สาม ที่สี่ ก็ทยอยตามมาอย่างไม่ขาดสาย แต่..เฮ้ย! ใจคอจะให้กินแต่เป็ดเลยหรือไงวะ?! เอาอย่างอื่นมาบ้างสิมึง ชักเลี่ยนแล้วนะเนี่ย!


ผมเอื้อมมือไปคีบผักแล้วส่งใส่จานของมันบ้าง ..จะว่ายังไงดีล่ะ? ปล่อยให้อีกฝ่ายคีบให้ฝ่ายเดียวมันก็รู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ เลยต้องคืนกำไรแก่ลูกค้าบ้าง ฮ่ะๆ แต่ดันลืมไปว่าไอ้ตัวประหลาดนอกกาแล็กซี่นี่มันไม่นิยมบริโภคผัก จนมันพูดขึ้นมานั่นแหล่ะ ผมถึงนึกได้


“กูไม่ชอบผัก” มันเบ้ปากเล็กน้อย ก่อนจะเขี่ยผักของผมไปไว้ข้างจาน


ตามทฤษฎีผมควรจะคีบหมูคีบกุ้งส่งให้ใหม่เพื่อเอาใจมันใช่ไหม?


..แต่ไม่! ทำแบบนั้นต้องไม่ใช่ซันชายน์แน่ๆ โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วยังจะมาเขี่ยผักทิ้งแบบนี้เห็นแล้วมันขัดใจคนหล่อนิสัยดี(?)และรักสุขภาพยิ่งนัก ผมเอื้อมมือไปคีบผักชิ้นเดิม(ที่มันเขี่ยทิ้ง)นั่นแหล่ะ แล้วเอาไปจ่อที่ปากของมันซะเลย


“กินซะ” ผมบอกนิ่งๆ


“กู...” มันทำท่าอิดออดไม่อยากกิน ราวกับสิ่งที่ผมป้อนให้เป็นกิ้งกือไส้เดือนยังไงยังงั้น ผมชักทนไม่ไหวเลยถลึงตาใส่ดุๆ พร้อมทั้งยื่นตะเกียบไปจ่อเสียจนแทบจะกระแทกปากมัน


“กิน!” ผมบอกซ้ำ


“ซันนี่..” มันพยายามจะอ้อน ..แต่ไม่ได้ผลหรอก! ผมบังคับตัวเกลียดผักอย่างซินให้กินแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก(และปัจจุบันก็ยังทำอยู่) แค่จะบังคับเด็กโข่งจากดาวดวงอื่นอีกคนทำไมผมจะไม่สามารถ? อ้อนให้ตายก็ไม่ใจอ่อนหรอก จะบอกให้! เพราะงั้นก็จงก้มหน้าก้มตายอมรับชะตากรรม แล้วแดกๆ เข้าไปซะ!


วะฮะฮ่า แอบสะใจยังไงไม่รู้สิ ..รู้สึกเหมือนได้แก้แค้น เอิ๊กๆ


“เดี๋ยวนี้!” ผมทำหน้าตาประมาณว่า..กูจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ ไม่งั้นกูจะง้างปากมึงแล้วยัดเข้าไปเอง!.. มันทำลีลาอีกนิดหน่อยพอเป็นพิธี ก่อนจะยอมอ้าปากให้ผมป้อนผักเข้าไปในที่สุด


“อ้ะ...” จากนั้นผักชิ้นที่สอง ที่สาม ที่สี่ ก็ทยอยตามไปอย่างไม่ขาดสาย


แม้มันจะยอมอ้าปากรับ เคี้ยวลวกๆ แล้วรีบกลืนเร็วๆ โดยไม่ปริปากบ่น แต่ในใจคงกำลังคิดว่า...เฮ้ย! ใจคอจะให้กินแต่ผักเลยหรือไงวะ?! เอาอย่างอื่นมาบ้างสิมึง จะอ้วกแล้วนะเนี่ย!...แหงๆ ฮ่ะๆๆ


รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแม่ไก่ที่กำลังป้อนอาหารลูกเจี๊ยบเลยว่ะ ฮ่ะๆๆ ไอ้ลูกเจี๊ยบฟ้าประทานเอ๊ย! ..แต่จะว่าไปก็รู้สึกสนุกดีเหมือนกันแฮะ ได้เห็นหน้าตูมๆ เคี้ยวผักหยับๆ อย่างไม่ค่อยเต็มใจก็ให้นึกเอ็นดู ช่างเหมือนเด็กน้อยอะไรขนาดนี้นะไอ้หมอนี่


ไม่อยากจะยอมรับหรอก แต่ตอนนี้มันดูน่ารักน่าฟัดจริงๆ อยากจะยื่นมือไปขยำขยี้แก้มสีขาวอมชมพูนั่นให้สาแก่ความหมั่นเขี้ยว แต่คิดอีกที..อย่าดีกว่า คนเยอะแยะ ผมเลยเปลี่ยนใจเอื้อมมืออีกข้างไปขยี้หัวหงอกๆ ของมันแทน(..นี่ขนาดรู้ว่ามีคนเยอะแยะนะ ฮ่ะๆๆ)


“เด็กดีๆ” ผมพูดขำๆ ก่อนคีบปลาหมึกยื่นให้มันบ้าง 


!!.. แล้วจู่ๆ มันก็ยิ้มกว้างเสียจนเห็นตาเป็นสระอิ ไม่รู้ว่าดีใจกับคำชมเมื่อกี๊ หรือดีใจที่ได้กินอย่างอื่นนอกจากผักสักที แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือรอยยิ้มนี้ของมันทำเอาหัวใจผมเต้นผิดจังหวะขึ้นมาซะเฉยๆ เลย ..งึมๆ อะไรกันเนี่ย?


“ดูดิ มีป้อนกันด้วยอ่ะแก” 


“หน้าตาดีทั้งคู่เลยว่ะ ..เสียดายเนอะ”


แว่วเสียงผู้หญิงจากโต๊ะข้างๆ ดังแทรกเข้ามาในบรรยากาศสีชมพูอมฟ้าจางๆ(ยังไม่ม่วงนะ ไม่ๆ ไม่ใช่ตอนนี้ ..ฮ่าๆๆ)ระหว่างผมกับเอี้ยฟ้า จนมือที่กำลังจะป้อนผักชิ้นต่อไปต้องชะงักค้าง แล้วเปลี่ยนทิศทางโค้งเข้าปากตัวเองแทน


ก็อยากเห็นหน้าคนพูดเหมือนกันนะ แต่ไม่กล้าหันไปมอง คือแบบ...ไม่รู้ว่าหันไปแล้วควรจะทำหน้ายังไงน่ะ จะหันไปยิ้มให้? พยักหน้าทักทาย? ถลึงตาใส่? หรือแจกนิ้วกลางฟรีไปเลยดี? เอิ่ม..อย่าหันไปน่ะดีแล้วล่ะ


ก็เลยได้แต่ยกมือข้างที่ว่างฟอร์มเท้าคางพลางบังหน้าไปพลาง(รู้สึกเหมือนจะอายขึ้นมาอีกแล้วสิ) แล้วตีเนียนไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น คีบผักคีบเนื้อใส่ปากตัวเองคำ ปากไอ้ลูกเจี๊ยบคำ(มันเลิกจับตะเกียบ แล้วเอาแต่นั่งอ้าปากรอลูกเดียวเลยคราวนี้) สลับกันไปเรื่อยจนอิ่มหนำในที่สุด เฮ้อ..


หลังจากท้องอิ่ม ก็ถึงเวลาออกแรง..คือผมหมายถึงเราทั้งคู่ก็เข้าไปเดินเลือกซื้อของในซุปเปอร์น่ะ ก็อย่างที่พวกคุณคงเดาได้ เอี้ยฟ้าก็รื่นเริงลั้ลลาดูมีความสุขเหมือนทุกครั้งเวลาที่เรามาซื้อของกันที่นี่ เดินเลือกนั่นเลือกนี่จนคิดว่าน่าจะครบแล้วก็เอาไปจ่ายเงิน จ่ายเสร็จก็ถึงเวลากลับบ้านกันสักที


ในตอนที่เดินเข้ามาถึงลานจอดรถ ผมเห็นมีรถมาสด้า 3 สีดำคันหนึ่งเข้าไปจอดเทียบข้างๆ รถเต่าของผมพอดี มีนักศึกษาชาย(คนละสถาบันกับพวกผม)สี่คนเปิดประตูเดินลงมาพร้อมกับเสียงคุยกันแซวกันเฮฮา แต่ก็เปลี่ยนเป็นเงียบกริบเมื่อพวกมันหันมาเห็นผมกับเอี้ยฟ้าเดินเข้ามาใกล้ ทีแรกก็ว่าจะไม่สนใจ ตั้งใจจะเดินเลยไปที่รถของตัวเอง แต่พวกนั้นมันดันเดินมาขวางข้างหน้า จนผมต้องหยุดยืนจ้องหน้าพวกมันอย่างมีคำถาม


ผมว่าผมไม่น่าจะรู้จักคนพวกนี้มาก่อนนะ ไม่ค่อยคุ้นหน้าเลยสักคน


“ไง ไอ้เอี้ยฟ้าประทาน ไม่เจอกันนานเลยนะมึง” หนึ่งในนั้นทักขึ้นด้วยน้ำเสียงยียวนและหน้าตามันก็ดูกวนส้นตีนใช้ได้เลยล่ะ
ตอนนี้ผมกระจ่างแล้วล่ะว่าเป้าหมายไม่ใช่ผม


แต่ไอ้คนถูกทักที่เดินเข็นรถเข็นของซุปเปอร์ตามมาดันเสือกหันมาถามผมด้วยหน้าอึนๆ ของมัน “คนรู้จักมึงเหรอ?” 


“พ่องดิ มันทักมึงไม่ใช่รึไง?” ผมตอบกลับเซ็งๆ นี่ถ้าพวกมันจะรำลึกความหลังอะไรกันก็ผมขอเข้าไปนั่งรอในรถได้ไหมเนี่ย? ข้างนอกนี่ร้อนชะมัด แล้วยืนนานๆ มันก็เมื่อยจะตายไป..


“มึงจำกูไม่ได้รึไงวะ สัดฟ้า?! ล่าสุดที่เราเจอกันก็ที่เดอะลัสต์ไง มึงสอยเด็กที่กูเล็งไว้ไป แถมยังกระทืบเพื่อนกูที่เป็นบาร์เทนเดอร์อีก ..แต่นั่นยังไม่แสบเท่าที่มึงเคยโกงบอลกูไปตั้งสองแสนหรอก!” จากหน้ากวนๆ เมื่อครู่ ก็ดูเหมือนจะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นขึ้นมา ตาทั้งคู่ของหมอนั่นลุกวาวอย่างเอาเรื่อง รวมทั้งไอ้สามตัวที่ยืนเป็นแบล็คกราวน์อยู่ข้างหลังก็พลอยมีอารมณ์เดือดดาลร่วมไปด้วย


..ถ้าทั้งหมดที่ไอ้นั่นพูดมาเป็นเรื่องจริง มึงนี่ก็เลวครบทุกมิติเลยนะ เอี้ยฟ้า เหอๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะเป็นคนเดียวกับไอ้ลูกเจี๊ยบตัวเมื่อกี๊ ที่ดีแต่อ้าปากรออาหารจากแม่ไก่อย่างผม


“ไม่เห็นจำได้” แต่ไอ้คนที่เพิ่งถูกสาธยายความดีงามดันตอบปฏิเสธหน้าตาเฉย ดูจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรกับใครเขาสักนิด ..แบบนี้ไม่แคล้วคงมีเรื่องกัน


“มึงนี่มันวอนจริงๆ นะ” อีกฝ่ายเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน 


“เคลียร์ไปแล้วกัน กูไปรอในรถนะ” ผมบอกมันขณะหันไปคว้ารถเข็นมาเข็นซะเอง คิดว่ากะอีแค่สี่คนเอี้ยฟ้ามันคงเอาอยู่ อีกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องของผมด้วย ไม่อยากจะสอดมือไปสร้างศัตรูเพิ่มเท่าไหร่หรอก เท่าที่มีอยู่ก็แทบจะสับรางไม่ทันแล้ว ฮ่ะๆๆ


แต่ใครอีกคนในกลุ่มนั้นกลับขยับขึ้นมาขวางหน้า เอามือมาดันตะกร้ารถไว้ ไม่ยอมปล่อยให้ผมผ่านไป ผมเงยหน้ามาขมวดคิ้วมองมันอย่างต้องการคำตอบของการกระทำ แต่มันกลับยักคิ้วกวนๆ


“มึงที่ชื่อ ซันชายน์ ใช่มั้ย?” มันถาม


“ใช่” ผมตอบสั้นๆ พยายามจะเหหัวรถเข็นออกจากมัน แต่มันก็ยังไม่ยอมปล่อย


“หน้าตาแบบนี้เองเหรอที่ปราบไอ้ฟ้าประทานซะอยู่หมัด” อีกคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าเหยียดหยามยังไงชอบกล ..หน้าตากูก็ออกจะดี มามองกันแบบนี้หมายความว่ายังไงวะ?


และไอ้คนสุดท้ายที่ยังไม่มีบทก็มาเดินวนเวียนสำรวจรอบตัวผมด้วยสายตาที่ผมไม่ค่อยชอบใจยิ่งกว่าไอ้คนเมื่อกี๊อีก มันพูดว่า “อยากรู้จังว่าใช้วิธีไหนถึงทำให้ไอ้หมาบ้า กลายเป็นหมาเดินตามตูดเจ้าของต้อยๆ แบบนี้ได้”


“เอาอะไรให้กินกันน้า~? ถึงได้เชื่องขนาดนี้ คงไม่ใช่ว่า...” แล้วมันก็เดินไปซ้อนข้างหลังของไอ้คนที่จับตะกร้ารถเข็นของผมอยู่ เอามือทั้งสองข้างเกาะไหล่เพื่อนมัน ก่อนเด้งเอวไปกระแทกตูดเพื่อนมันเบาๆ สองสามที


“ฮ่าๆๆๆ” จากนั้นพวกมันทั้งสามตัวก็หัวเราะชอบใจกันอย่างสนุกสนาน ส่วนคู่กรณีของเอี้ยฟ้าแค่หัวเราะลงคอแบบเก๊กๆ เท่านั้น


“..........” ผมทำเพียงยืนมองพวกมันเฉยๆ เฉยมากกว่าที่ตัวเองคิดซะอีก ไม่ใช่ไม่โกรธ แต่โกรธอย่างมีสติ และกำลังคิดหาวิธีเอาคืนอยู่ ..ส่วนเรื่องอาย ผมว่าวันนี้ผมอายมามากแล้ว อายจนคิดว่า..พอเหอะ เก็บไว้อายวันหลังบ้างก็ได้ เพราะงั้นตอนที่เห็นพวกมันล้อเลียนด้วยท่าทางจัญไรนั่นผมถึงไม่ได้รู้สึกอับอายอะไร หนักไปทางโกรธอย่างเดียว


“อะไรจ๊ะ?” หนึ่งในสามตัวถามยิ้มๆ เมื่อเห็นผมปล่อยมือจากรถเข็น แล้วก้าวเข้าไปหาพวกมันใกล้ๆ


“อยากรู้ใช่มั้ย ว่ากูเอาอะไรให้มันกินเป็นประจำ?” ผมถามพวกมันเสียงเรียบ ไอ้ตัวเดิมก็เลยพูดคำถามเดิมว่า ‘อะไรจ๊ะ?’ อีก


ผมยิ้มเย็น ล็อกพิกัดเป้าหมายได้ก็ขยับเข้าไปหามันอีกหน่อยให้ได้ตำแหน่งเหมาะๆ มันหันไปยิ้มและยักไหล่กับพรรคพวก แต่พอหันกลับมาหาผมอีกทีก็เจอกับลูกเตะสูง 180 องศา เสยเข้าปลายคางไปแบบจังเบอร์ คาดว่าคงได้นอนยาวจนนับดาวได้หมดกาแล็กซี่ช้างเผือกนั่นแหล่ะ ...ก็ภาวนาว่ามันคงไม่ได้กัดลิ้นตัวเองขาดไปแล้วหรอกนะ หึ!


“เฮ้ย!!!” ไอ้สามตัวที่ยังเหลืออยู่แหกปากร้องพร้อมกัน มันมองศพเพื่อนมันสลับกับหน้าใสๆ ของผมคล้ายไม่อยากเชื่อสายตา สงสัยจะประทับใจจัดๆ


..เอาเหอะ ท่านี้กูไม่ได้งัดมาโชว์บ่อยๆ หรอกนะ ถือเป็นบุญตาของพวกมึงแล้วกัน จดจำทุกการเคลื่อนไหวให้ขึ้นใจเลยล่ะ แล้วก็อย่าลืมประทับตราหน้าแฟ้มข้อมูลไว้ด้วยว่า ..นี่แหล่ะ ซันชายน์!!


“ตีนกูนี่ไง อาหารหลักของไอ้เอี้ยฟ้าประทาน” ผมพูดพลางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างสะใจ ได้ยินไอ้คนถูกพาดพิงหัวเราะหึๆ ชอบใจอยู่ข้างหลัง


หลังจากตั้งสติได้ หนึ่งในผู้รอดชีวิตก็พุ่งหมัดเข้าใส่ผม ผมเอี้ยวตัวหลบทัน ก่อนที่มันจะกระเด็นออกไป ..กระเด็นได้ยังไงในเมื่อผมหลบ? ก็เจอตีนเอี้ยฟ้าเข้าไปยังไงล่ะ ฮ่ะๆๆ


จากนั้นก็..อย่าถามเลย ซัดกันนัวล่ะครับ..




 

“ไม่ขึ้นไปข้างบนก่อนเหรอ?” คนที่ผมขับรถมาส่งหน้าคอนโดหันมาถามคล้ายเชิญชวน


ผมหรี่ตามองมันอย่างรู้ทัน ก่อนจะถามยิ้มๆ “อยากให้กูขึ้นไปทำอะไรน่ะ?”


มันไม่ได้ตอบเป็นคำพูด แต่กลับยื่นหน้าเข้ามาดูดปากผมเบาๆ ทีนึงแบบอ้อนๆ ผมหัวเราะออกมา แล้วยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บปากมันบ้าง.. ชักรู้สึกว่าบรรยากาศภายในรถมันอบอวลไปด้วยสีชมพูอมฟ้าจางๆ อีกแล้วว่ะ ฮ่ะๆๆ ดีหน่อยที่รถผมมันติดฟิล์มมืดตึ๊ดตื๋อ เลยไม่ค่อยห่วงว่าทำอะไรแล้วใครจะเห็น


“กูต้องรีบกลับไปดูพี่ชายแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้กลับถึงคอนโดรึยัง?” ผมบอกพลางตีแก้มมันเบาๆ ..นิ่มดีจัง อดใจไม่ไหวเลยหยิกแก้มมันซะงั้น


เอี้ยฟ้าจับมือผมไว้ แล้วเอาไปกัดเบาๆ ทีละนิ้วๆ ไปๆ มาๆ ชักเริ่มหยิวจนต้องรีบชักมือกลับ ..ไม่ได้ๆ เดี๋ยวจะเผลอไผลใจง่ายเดินตามมันขึ้นไปบนห้องล่ะแย่เลย ฮ่ะๆๆ


“พรุ่งนี้ลานะ” ประโยคงงๆ ของมันทำให้ผมไม่สามารถประมวลผลได้ เลยต้องร้องขอคำอธิบายเพิ่มเติมเสียหน่อย “ลาอะไร?”


“ก็มึงเคยบอกว่าถ้ากูจะหายไป ให้ลาล่วงหน้าไง” เอี้ยฟ้าบอก แต่คงเห็นว่าผมยังไม่เข้าใจก็เลยช่วยย้อนความทรงจำให้ “มึงบอกมึงไม่ชอบนักเรียนที่ขาดเรียนบ่อยๆ ขาดเรียนนานๆ แล้วก็ขาดเรียนไม่มีสาเหตุ”


“..........” ผมพยายามนึก นึก นึก.. อ้อ นึกออกแล้ว! ตอนนั้นเอง ตอนที่มันมาขอให้ผมสอนให้รู้จักความรัก..(งึมๆ พูดแล้วฟังเสี่ยวๆ ยังไงพิกลแฮะ ฮ่ะๆ)


จริงสิ พูดถึงเรื่องนี้ก็นึกขึ้นมาได้ เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเจอมุขจีบแบบนี้ครั้งแรก และคงจะเป็นครั้งเดียวด้วย ช่างเป็นคนที่มีสไตล์เป็นของตัวเองจริงๆ ไอ้ฟ้าประทาน ทามิยะ คนนี้น่ะ..


“กูไม่ได้หายไปนาน..ก็แค่วันเดียวเอง และคงไม่ได้หายไปบ่อยๆ หรอก พรุ่งนี้กูต้องไปหาคุณพิณ ไม่ได้หายไปแบบไม่มีสาเหตุ เพราะงั้นกูก็ยังไม่เข้าข่ายคนที่มึงจะไม่ชอบใช่มั้ย?” คำถามสุดท้ายของมันทำให้ผมต้องยิ้มออกมา ..ถึงอยากจะไม่ชอบ แต่ก็เผลอชอบไปแล้วล่ะ ทำไงได้? ก็น่ารักซะขนาดนี้นี่นะ ให้ห้ามใจตอนนี้คงไม่ไหวแล้วจริงๆ


“อืม..” ผมตอบรับในลำคอ แล้วบอก “ฝันดีนะ” ขณะที่มันกำลังจะลงจากรถไป


“กูจะฝันถึงมึง” มันหันมาบอกยิ้มๆ ก่อนจะปิดประตูรถ แล้วโบกมือบ๊ายบาย


โอยยย.. ไม่อยากจะบอกเลยว่าเย็นนั้นกว่าจะถึงคอนโดผมเมื่อยกล้ามเนื้อบนหน้าแทบตาย ไม่ว่าจะมองจะเห็นอะไรก็ชวนให้ยกยิ้มไปหมด เจอไฟแดง 480 วินาทีก็ยิ้ม เด็กขายพวงมาลัยมาเคาะกระจกก็ยิ้ม คนขับรถปาดหน้าก็ยิ้ม เห็นจ่าเฉยก็ยังหันไปยิ้มให้
ยิ้มมมม..อย่างกับคนบ้าแน่ะ




โอยๆๆ ผมถูกเอี้ยฟ้าทำของใส่หรือเปล่าวะเนี่ย? ชักจะเพี้ยนมากเกินไปแล้วนะ คุณตะวันฉาย~   









TBC.  :z2:

โอยๆๆ พิมพ์ตอนนี้ไปก็แทบสำลักบรรยากาศสีชมพูอมฟ้าจางๆ(ตามคำนิยามของซันนี่)ไป  :laugh:


ผู้แต่งขอขอบคุณทุกกำลังใจและทุกคอมเม้นต์จากใจจริงจ้ะ  :pig4:
รักคนอ่าน :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2012 13:38:35 โดย White Raven »

ออฟไลน์ Ja-Jah Suwanun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
 :z13: :z13: :z13:

.........................................

อร๊ายยยยยย อธิบายได้แนวมว๊ากอ่ะ เห็นภาพหมดเลย

 :z1: :z1: :z1:

ปอลิง รออีก 50% จร้าาาาาาา

ปอลิงอีกอัน ค่อยๆอัพกะด้ายเน้ออออ เดี๋ยวมือเจ็บยิ่งกว่าเดิม หายเร็วๆนะค้าาา

............................................

100% อร๊ายยยย เค้าชอบ บรรยากาศสีชมพูอมฟ้าจางๆ น่าร้ากกกกกกกกกกก

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2012 16:04:50 โดย Ja-Jah Suwanun »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
 :o8: :o8: :o8: :o8:  อ๊ากกกกกกกกก ฟ้าประทานน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:    ซันนี่ ไม่ใจอ่อนขึ้นห้องไปด้วยหรอ :z1: รอลุ้นยุอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2012 16:49:42 โดย Tiamo_jamsai »

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ขำก็ขำแต่ก็อายแทนซัน

ออฟไลน์ BitterSweet~

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 788
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-0
ตาย ๆๆๆๆๆๆ
เอี้ยฟ้า จะตรงไปไหนคะลูกกกก  :laugh:


คนเขียนค่อย ๆ อัพก็ได้ค่ะ คนอ่านรอได้ ^^

ใบพลู

  • บุคคลทั่วไป
ชอบที่สุด!
มาต่อไวไวนะค่ะ จะรออย่างใจจดใจจ่อค่ะ!

 o13 เยี่ยมทุกตอนเลย

ออฟไลน์ Gapompom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตอบง่ายดีว่ะ  o13

ออฟไลน์ moobarpalang

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-6
555555555555+
ฟ้าโคตรฮาอะ

wolfram

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านซอลลี่จัง!!
(ผิดเรื่อง 5555)

ซันนี่ ประโยคสุดท้ายนี่เขินหรอจ๊ะ!!  :laugh:

หายไวๆนะคะ!!  :L2: :L2:

ออฟไลน์ AllRiseApril

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ขำก๊ากกกกกกกกกกกเลยอ่ะ  55555555555555
ฟ้าจ๋าาา  จะเรียกว่าอะไรดี  ซื่อจนน่าตื้บบบ คึคึ
ซอลลี่น่ารักอ่าาาาา  ตลกดี

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3
รอเหมือนกัน :t3:

mmsad

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดดดดดด

ฟ้าประทาน!!~ นายสุดยอด :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด