(ต่อ)
“เพื่อนแฝดนี่ตลกดีนะ” ป๊ะป๋าพูดไปยิ้มไปเมื่อนึกถึงไอ้สองตัวที่ผมกับซินเพิ่งจะอัญเชิญให้กลับบ้านใครบ้านมันไปได้พักใหญ่ๆ ดูเหมือนป๊ะป๋าจะประทับใจพวกมันน่าดู ตลอดการสนทนาเกือบสองชั่วโมงนั้นพวกมันทำเอาป๊ะป๋าหัวเราะไม่ได้หยุดเลยจริงๆ
“ใช่ม้า~?” ซินที่นั่งอยู่บนพื้นเพื่อให้ป๊ะป๋าซับผมให้หันมายิ้มจนตาหยี “ยังมีอีกคนนะ มันชื่อ ‘เมย์บี’ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะแนะนำให้รู้จัก”
“งั้นเหรอ?” ป๊ะป๋าร้องด้วยท่าทางสนอกสนใจ “ป๊ะป๋าอยากเจอจัง ..นานแค่ไหนแล้วนะที่แฝดไม่เคยแนะนำเพื่อนให้ป๊ะป๋ารู้จักเลย”
“..........” ซินเงียบไป ผมเองก็ไม่พูดอะไร ไม่อยากจะไปคิดถึงเรื่องเก่าๆ เลยได้แต่หวีผมให้ป๊ะป๋าไปเงียบๆ
เมื่อกี๊ผมกับซินเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แถมซินยังสระผมด้วย ..ไม่สิ ผมซินต้องเรียกว่า ‘ซัก’ ถึงจะถูก กว่าจะเสร็จพิธีกรรมแต่ละครั้งยุ่งยากมากมาย พอซักเสร็จก็ต้องมานั่งซับน้ำทีละช่อๆ จนกว่าจะหมาด จากนั้นค่อยใช้ไดร์เป่าให้แห้งอีกที เพราะถ้าทำไม่ดีไม่แห้งก็อาจจะเกิดเชื้อราขึ้นได้ แถมถ้าวันไหนผมแตกออกจากเกลียวมากๆ ก็ต้องมานั่งใช้เข็มถักค่อยๆ สอยเก็บกันขึ้นไปอีก
ยุ่งยากจริงๆ นะ.. ถ้าใจไม่รักจริงผมแนะนำว่าอย่าทำทรงนี้เลย มันดูดีแค่เฉพาะบางบุคคล แถมผมยังเสียแบบเอาคืนไม่ได้อีกต่างหาก
ตอนนี้เราสามคนพ่อลูกก็เลยนั่งเรียงลำดับอย่างกับฝูงลิงนั่งเก็บหมัดให้กันก็ไม่ปาน โดยที่ซินนั่งขัดสมาธิเกากีตาร์ฮัมเพลงอยู่บนพื้น ป๊ะป๋านั่งห้อยขาซับผมซินอยู่ปลายเตียง ส่วนผมก็นั่งคุกเข่าสางผมให้ป๊ะป๋าอยู่บนเตียงอีกที สามัคคีครอบครัว ฮ่ะๆๆ
“ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะเห็นแค่แฝดเท่านั้น.. ป๊าป๋าดีใจนะ ที่วันนี้ได้มารู้จักกับเพื่อนของแฝดอีกครั้ง” ป๊ะป๋ายังพูดต่อไปเรื่อยๆ ด้วยน้ำเสียงเสมอต้นเสมอปลาย ผมเลยละมือจากหวีแล้วเปลี่ยนไปกอดคอป๊ะป๋าจากข้างหลังแทน
“เราก็ดีใจ ที่ป๊ะป๋าชอบพวกนั้น” ผมพูดทั้งที่ซบหัวไว้บนไหล่ป๊ะป๋า แว่วเสียงซินพึมพำเห็นด้วย
“อืม..” ป๊ะป๋าตอบรับในลำคอพลางเอามือมาลูบหัวผม ก่อนจะเอื้อมไปหยิบไดร์มาเป่าผมให้ซินต่อ
“จริงสิ แล้ว เออร์เนส เป็นยังไงบ้าง ป๊ะป๋า? ทำไมไม่พามาเที่ยวด้วยล่ะ?” ผมถามถึงผู้ช่วยคนสนิทของป๊ะป๋า ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งผู้จัดการ เลขา พ่อบ้าน คนขับรถ หรืออะไรก็ตาม..แล้วแต่ป๊ะป๋าจะนึกออกและอยากให้ทำ
“นั่นดิ” ซินพูดบ้าง หลังจากเสียงไดร์สงบลงแล้ว “จำได้ว่า.. ตอนเจอกันที่ลอนดอน เออร์เนสบอกว่ายังไม่เคยมาเมืองไทยเลยนี่นา”
“ใครจะอยากหิ้วเจ้าบ้าขี้บ่นอย่าง เออร์นี่ ติดมาด้วยในวันพักผ่อนล่ะ?” ป๊ะป๋าเบะปากเมื่อนึกถึงผู้ช่วยที่แสนจะจู้จี้ของตัวเอง ผมกับซินเลยหลุดหัวเราะออกมา
‘เออร์เนส ฟาร์ลี พีล’ เป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบตอนปลาย จากเมืองผู้ดีโดยกำเนิดที่เกิดมาเพื่อเนี้ยบไปทุกกระเบียดนิ้วตั้งแต่หัวจรดเท้า และเมื่อต้องมาติดแหง็กทำงานอยู่กับตาลุงผู้แสนจะไร้ระเบียบวินัยในชีวิต แถมยังเอาแต่ใจและชอบทำอะไรไม่เข้าท่า(ในสายตาเออร์เนส)อย่างป๊ะป๋า ก็ทำให้เขาดูเหมือนจะขี้หงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา(และยังดูแก่กว่าอายุจริงอีกเป็นสิบปี)
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ยังอุตส่าห์ทนทำงานมาได้ตั้งหกเจ็ดปี โดยไม่มีใครเข้าใจ ขนาดป๊ะป๋าที่โดนเขาบ่นอยู่แทบทุกวัน(ทั้งที่เป็นเจ้านาย)ก็ยังไม่เข้าใจเลย
“แล้วป๊ะป๋าให้เออร์เนสไปทำอะไรอยู่ล่ะตอนนี้?” ผมถามอีก
“ส่งไปพักร้อนที่ กวม..” ป๊ะป๋าตอบ
ผมกับซินออกอาการอิจฉาตาร้อนขึ้นมาทันที ...เกาะกวมเลยเหรอ? โหยย
แล้วป๊ะป๋าก็บ่นต่อด้วยใบหน้ายุ่งๆ “ป๊ะป๋าอุตส่าห์ใจดีซื้อตั๋วเครื่องบินแบบไป-กลับให้ตั้งสองที่..เผื่อเออร์นี่จะอยากพาใครไปด้วย แถมยังจองที่พักให้อีกเรียบร้อย เพราะเห็นว่าทำงานหนักมาทั้งปีเลยอยากจะให้รางวัลซักหน่อย แต่ตอนเอาตั๋วไปให้นะ..แทนที่จะทำหน้าดีอกดีใจให้น่าเอ็นดูสมวัย เจ้าบ้าเออร์นี่ดันทำคิ้วผูกเป็นโบว์เหมือนคนท้องผูกมาหลายวัน แล้วพูดว่า..”
“ส่งผมไปไกลขนาดนี้ ..คงไม่ได้กำลังวางแผนอะไรไม่เข้าท่าหรอกนะครับ คุณเซ็น?” ป๊ะป๋าตีหน้านิ่ง เก็กเสียงเข้มเลียนแบบต้นฉบับ ..ซึ่งดูยังไงๆ ก็ไม่เหมือนเลยจริงๆ ฮ่ะๆๆ
ซินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ตบเข่าอย่างชอบใจ พลางพูดว่า “นั่นแหล่ะ เออร์เนส ตัวจริงเสียงจริง”
ผมพยักหน้าเห็นด้วย ถ้ายิ้มแย้มดีใจที่ได้ของขวัญจากป๊ะป๋าล่ะก็ คงไม่ใช่แล้วล่ะ ตัวปลอมชัวร์..
“แถมก่อนจะไปยังพูดอีกนะว่า” ป๊ะป๋าเล่าต่อ “..ผมไม่อยู่ คุณก็ช่วยทำตัวให้เรียบร้อยหน่อยนะครับ อย่าให้ผมต้องปวดหัวตอนกลับมาอีกล่ะ...งี้แหล่ะ” ป๊ะป๋าพูดเองก็หัวเราะเอง
ผมกับซินเลยยิ่งหัวเราะมากกว่าเดิม นับวันก็ชักจะทำตัวเหมือนผู้ปกครองป๊ะป๋าผมเข้าไปทุกทีแล้วนะเนี่ยผู้ชายคนนี้ ฮ่าๆๆ ..ส่วนป๊ะป๋าก็ทำตัวอย่างกับ ‘เบนจามิน บัตตัน’ ที่เด็กลงสวนทางกับอายุจริงงั้นแหล่ะ ..พอกันเลย
“งั้นเออร์เนสรู้รึเปล่าว่าป๊ะป๋ามาที่นี่?” ซินตั้งข้อสังเกต คนถูกถามส่ายหน้าพร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไม่รู้หรอก.. ป๊ะป๋าอยากให้เออร์นี่ปวดหัวเล่น อยากปากดีกับผู้ใหญ่ดีนัก เอาให้วิ่งหาให้หัวหมุนเลย ฮ่าๆๆ” ว่าแล้วก็หัวเราะสบายอกสบายใจไร้ความรู้สึกผิดโดยสิ้นเชิง ..ดู๊ ดูคนเรา นิสัยอ่ะ น่าสงสารเออร์เนสเหมือนกันนะเนี่ย ฮ่ะๆ
“ร้ายกาจ!” ซินพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะลุกขึ้นมาดึงแก้มป๊ะป๋าทั้งสองข้างอย่างหมั่นเขี้ยว ตามด้วยจุ๊บหน้าผากอีกที “ป๊ะป๋ารีบเข้านอนดีกว่า นั่งเครื่องมาตั้งหลายชั่วโมง เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่มีแรงไปเที่ยวกับพวกเรานะ”
“จะไปเที่ยวไหนกันเหรอ?” ป๊ะป๋าท่าทางตื่นเต้นขึ้นมา
ซินใช้ลิ้นเขี่ยจิลที่ริมฝีปากเล่นพลางทำตาเจ้าเล่ห์อย่างที่มันถนัด “บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ ..ฝันดีนะ ป๊ะป๋า” ว่าแล้วก็เดินนำออกจากห้องไปก่อน
ป๊ะป๋าหันมามองผมอ้อนๆ เหมือนอยากได้คำตอบ แต่บอกตามตรงว่าผมเองก็ยังไม่รู้เหมือน เลยได้แต่ยิ้มๆ แล้วเข้าไปจุ๊บหน้าผากป๊ะป๋าบ้าง
“ฝันดีครับ ป๊ะป๋า” แล้วก็เดินตามซินออกมาอีกคน
วันนี้ผมยกห้องนอนตัวเองให้ป๊ะป๋า แล้วหอบหมอนไปนอนกับซินบ้าง
“กู๊ดไนท์ มายทวิน” ได้ยินป๊ะป๋าพูดไล่หลังมา..
“โห..ลัมโบร์กินี กัลลาร์โด ไวท์ อิดิชั่น!” ซินตาโตทันทีที่เห็นเจ้ากระทิงเปลี่ยวสัญชาติอิตาลีสีขาวสะอาดตา มาจอดเฉิดฉายเรียกร้องความสนใจอยู่หน้าคอนโด มันรีบชะลอรถของตัวเองแล้วไปจอดหลบข้างทาง ก่อนจะวิ่งแป้นข้ามฝั่งไปหาทั้งรถทั้งเจ้าของที่ยืนขาวโพลนหัวจรดตีนอยู่ข้างกัน
..ไม่ใช่ใครอื่นหรอก ก็ไอ้เอี้ยฟ้าประทาน ทามิยะ ผู้ที่ไม่มีใครรู้ว่ามันไปร่ำรวยมาจากดาวดวงไหนนั่นล่ะ
เมื่อวานผมให้ไอ้กายยืมรถเต่ากลับไป และให้มันไปส่งเอี้ยฟ้าด้วย พอเมื่อเช้ามันก็เอามาคืนพร้อมทั้งรับเมย์บีติดรถมาอีกคน..
ตอนนี้พวกเราทั้งหมดกำลังจะพาป๊ะป๋าไปเที่ยวหัวหินกัน โดยเอารถของซินไปแค่คันเดียว มีซินเป็นคนขับ ไอ้กายนั่งคู่มาข้างหน้า ผม เมย์บี ป๊ะป๋า นั่งมาเบาะหลัง
ผมและคนอื่นๆ ลงจากรถตามซินไป จะว่าไปแล้วรถรุ่นนี้ผมก็ชอบเหมือนกันนะ แต่ไม่มากเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะแม้ว่ามันจะเป็นลัมโบร์กินี แต่ก็เป็นรุ่นที่ผลิตขึ้นหลังจากถูกบริษัทออดี้..ค่ายรถหรูจากเยอรมันเทคโอเวอร์ไปแล้ว มันก็เลยกลายเป็นสปอร์ตคาร์สัญชาติอิตาลีที่ถูกสร้างโดยคนเยอรมันไงล่ะ
แม้รูปลักษณ์ภายนอกและสมรรถนะจะยังคงเป็นแบบอิตาเลี่ยนแท้ก็เหอะ แต่การตกแต่งภายในที่เน้นฟังก์ชั่นมากกว่าดีไซน์นี่ดูยังไงก็รถเยอรมันชัดๆ ขนาดกุญแจยังเหมือนกับออดี้จนแทบแยกไม่ออก
แต่รถคันนี้ของเอี้ยฟ้ามันเจ๋งตรงที่เป็น ‘ไวท์ อิดิชั่น’ นี่แหล่ะ เป็นผลงานการตกแต่งจากค่าย แอนเดอร์สัน เยอรมันนี ซึ่งเป็นสำนักแต่งรถเลื่องชื่อที่สิงห์นักขับต่างก็รู้จักเป็นอย่างดี สิ่งที่น่าสนใจก็คือ..การตกแต่งภายในด้วยชุดหนังสีขาวที่หาดูได้ยาก อาจเพราะสีขาวมันมีโอกาสที่จะดูเก่าได้ง่ายกว่าสีอื่น เปื้อนง่ายกว่าสีอื่น คนเลยไม่ค่อยกล้าแต่งกันเท่าไหร่ และเพราะมันมีคนแต่งแบบนี้ไม่มากนัก ก็เลยทำให้ซุปเปอร์คาร์รุ่นนี้ดูดีในระดับสุดยอดอีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
แน่นอนว่าคาราค่าแต่งอาจแพงขนาดสามารถซื้อรถใหม่อีกคันได้เลย
ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย บ้านเอี้ยฟ้าแมร่งขายยาบ้าหรือเปล่าวะ? จะรวยข้ามหน้าข้ามตาพี่ชายนายกเกินไปแล้วนะมึงนี่
“สวดยอดดด” ซินเริ่มออกอาการน้ำลายหกเหมือนตอนที่เห็น อัลฟ่า โรมิโอ สีเงินวาววับของเอี้ยฟ้าเป็นครั้งแรก มันดึงแว่นกันแดดของตัวเองลง หันไปมองสบตาปิ๊งๆ กับเจ้าของรถ สองมือประสานไว้แนบอก ปากยกยิ้มประจบประแจง
“พี่ฟ้าครับ..”
เอาอีกแล้วมัน.. ผมได้แต่ส่ายหัวระอากับอาการบ้ารถอิตาลีกำเริบของพี่ชาย(วันนี้ผมเก็บอาการได้ดีกว่า เพราะมันไม่ใช่รุ่นที่ผมปลื้มมากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าผมก็อยากลองขับเหมือนกัน ฮ่ะๆ.. ก็เจ้ากระทิงคันนี้มันแรงกว่าท่านโรมิโอคันนั้นซะอีกนะเออ)
“ถ้าน้องซินคนนี้จะขอทำตัวเป็นตุ๊กตาหน้ารถของพี่ฟ้าไปจนถึงหัวหิน พี่ฟ้าจะว่าไงครับ?”
ตุ๊กตาหน้ารถเรอะ? ...ถุ๊ย!! ตุ๊กตาวูดูสิมึงน่ะ ไอ้หัวหลอดเอ๊ย! ผมล่ะอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ ช่างกล้าเปรียบนะ ฮ่ะๆๆ
เอี้ยฟ้าหันมามองหน้าผม ซึ่งผมก็มองมันกลับไปตรงๆ นั่นแหล่ะ วันนี้ผมใส่แว่นตาดำที่เข้มพอสมควร ไม่หวั่นๆ และตัวมันเองก็ใส่แว่นสีชาอยู่เหมือนกัน (กุ๊ชชี่อีกแล้วครับทุกท่าน) ..อึดใจเดียวเอี้ยฟ้าก็หันไปพยักหน้าให้ซิน
“เอาดิ” มันพูดสั้นๆ
ซินยิ้มแฉ่งทันที แต่มันไม่ใช่พวกมักน้อยที่จะพอใจแค่นั่งไปข้างคนขับหรอก ..ไม่เชื่อก็ลองดูต่อไปสิ
“ว่าแล้ว.. น้องซินรู้ว่าพี่ฟ้าใจดี ถ้ายังไงให้น้องซินช่วยแบ่งเบาภาระคนใจดีอย่างพี่ฟ้าด้วยดีมั้ย? เดี๋ยวน้องซินจะขับให้ พี่ฟ้านั่งเฉยๆ พอ จะนอนหลับไปเลยก็ได้ สบายดี...?”
..นั่นไง ได้คืบจะเอาเป็นกิโลฯ นั่นแหล่ะพี่ชายผม แต่คราวนี้เอี้ยฟ้ายังไม่ทันตอบ ไอ้กายก็โพล่งขัดลาภเพื่อนซี้มันก่อน
“แล้วใครจะขับคันนั้นล่ะ?” มันชี้กลับไปที่บีเอ็มซีรี่ย์สามสีดำสนิทของซิน แล้วก็ชี้ต่อมาที่ผม “ให้ไอ้ซันไปนั่งกับฟ้าประทานดีกว่า ข้างหลังจะได้ไม่เบียด ส่วนมึงก็กลับไปขับรถตัวเองเหอะ ซิน”
สกายถามเอง เสนอเอง และสรุปเองแบบไม่ยอมเปิดโอกาสให้ซินได้เถียง พอซินอ้าปากอีกครั้งก็ถูกผมแย่งพูดอีก
“ทำไมต้องกู?” ผมชี้หน้าตัวเอง
“มึงสนิทกับมันที่สุดแล้วนี่ มึงไปเหอะ” ไอ้กายว่า(ตัดหน้าซินอีกแล้ว)
“ใครบอกกูสนิทกับมัน?” ผมเถียงทันควัน ซินได้แต่อ้าปากเก้อ หันไปทางไอ้กายที ผมที ยังไม่มีโอกาสได้เปร่งเสียง
“ก็กูบอกอยู่นี่ไง มึงเห็นเป็น ณเดช เหรอ? ..ไปเลยซัน ย้ายตูดมึงไปนั่งเป็นเพื่อนมันแหล่ะดีแล้ว”
“นี่มึงไล่กูเหรอ เชี่ยกาย?”
“ไม่ต้องเกี่ยงกันๆ ถ้ามึงไม่อยากนะ อีซันซัน เดี๋ยวกูเสียสละตูดตัวเองย้ายไปนั่งแทนมึงก็ได้” อีเมย์รีบแทรกขึ้น มันยกมือสุดแขนอย่างกระตือรือร้น “กูอยากๆ”
“แต่กูว่ามันไม่อยากว่ะ” ไอ้กายชี้ไปที่เอี้ยฟ้าบ้าง “มึงดูหน้ามันก่อนมั้ย อีอาจ? ซัน..มึงนั่นแหล่ะไป”
“เชี่ยกาย...” ผมยังไม่ได้ด่ามัน เสียงป๊ะป๋าที่เดินใส่เสื้อดอกหอบห่วงยางไปยืนข้างรถเอี้ยฟ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ก็ดังขึ้นก่อน
“ป๊ะป๋าก็อยาก..” ป๊ะป๋าบอกแล้วหันมามองเราทีละคนด้วยสายตาอ้อนๆ(ของถนัดเขาล่ะ) ก่อนไปหยุดที่เอี้ยฟ้าเป็นคนสุดท้ายเหมือนจะขอคำอนุมัติ “รถฟ้าสวยดีนะ ให้ป๊ะป๋านั่งไปด้วยสิ”
“..........”
“..........”
“..........”
“..โอเค” ซินพูดขึ้นในที่สุดอย่างคน(กล้ำกลืนฝืน)ตัดใจได้ มันเดินไปเปิดประตูข้างคนขับอย่างถือวิสาสะ เพื่อให้ป๊ะป๋าเข้าไปนั่ง “เอี้ยฟ้าครับ ขับรถดีๆ นะครับมึง ถึงหัวหินแล้วกูขอป๊ะป๋าคืนแบบครบๆ ด้วย เข้าใจมั้ย ไอ้ลูกเป็ด?”
เอี้ยฟ้าพยักหน้าแล้วเดินอ้อมไปนั่งประจำที่คนขับ
เราที่เหลือทั้งหมดเลยเดินกลับมาที่รถของซิน เห็นป๊ะป๋าโบกมือหยอยๆ ตอนเอี้ยฟ้ากลับรถแล้วขับนำหน้าไปก่อน..
ก็ได้แต่หวังว่าป๊ะป๋าผมจะปลอดภัยไปจนถึงหัวหิน
และหวังใจอย่างยิ่งด้วยว่าเอี้ยฟ้าจะไม่ขออะไรแปลกๆ กับป๊ะป๋าผมอีก
..เจอกันอีกทีที่หัวหินครับทุกคน..
TBC. 
Lamborghini Gallardo White Edition
