(ต่อ)
“ขืนเห็นฉันเตะต่อยผู้ชายร่วงบ่อยๆ แล้วใครที่ไหนเค้าจะกล้าเอาฉันไปเป็นเจ้าสาวล่ะ?” ชิฮัวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะเอามือประสานกันไว้ตรงอก สายตาวิบวับเป็นประกายเพ้อฝัน “..การได้เป็นเจ้าสาวถือเป็นความฝันสูงสุดในชีวิตของชิฮัวเลยนะ!”
ไอ้กายหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ส่วนไอ้หัวสีน้ำตาลทองที่นั่งข้างกันกลับส่ายหน้าระอาคล้ายกับว่าเคยฟังมาจนเบื่อแล้ว ซินทำหน้าปูเลี่ยนกับสิ่งที่ได้ยิน..
อันที่จริงพวกเราก็เคยได้ยินแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วเหมือนกัน ทุกคนในโรงฝึกต่างก็รู้ถึงความใฝ่ฝันของชิฮัวกันทั้งนั้น แต่พอลืมตัวแม่ก็เตะกราดไม่ยั้งทุกที
ทั้งที่ผมกับซินเปลี่ยนไปตั้งมากมายภายในหลายปีมานี้ ความใฝ่ฝันของพวกเราเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จนไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้ตัวเองต้องการอะไร หรืออยากมีอนาคตแบบไหน? แต่ผู้หญิงคนนี้ยังเหมือนเดิม ยังคงเก็บรักษาความฝันของตัวเองเอาไว้เป็นอย่างดี มันทำให้เธอดู..น่ารักไปอีกแบบนะ
“เธอนี่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยนะ” ซินถอนหายใจ แล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม หมดไฟที่จะไปท้าสู้กับศัตรูเก่าแก่ผู้ไม่ต้องการที่จะสู้อีกแล้ว
ขณะเดียวกันชิฮัวก็ไปนั่งข้างไอ้กายที่ขยับแบ่งที่ให้
“ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้แหล่ะ ว่าแต่พวกแกเหอะ ดูเปลี่ยนไปมากจนแทบจำไม่ได้แน่ะ เมื่อก่อนตัวกระเปี๊ยกเดียวเอง หน้าก็หวานหยั่งกะเด็กผู้หญิงจนฉันเองยังเข้าใจผิด แล้วดูตอนนี้สิ..” เธอพูดพลางมองผมกับซินสลับกัน
“เท่ห์ใช่มั้ยล่ะ?” ซินถามด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“ก็ดูสมชายขึ้นบ้างนิดหน่อย” เธอยักไหล่ตอบ
“เฮอะ นิดหน่อยเรอะ?” แต่คำตอบไม่ถูกใจซินนัก “จะเปลี่ยนใจมาชอบตอนนี้ก็ยังทันนะ แต่คงต้องรอคิวนานหน่อยแหล่ะ พอดีว่าคนมันฮอต”
“ถุ๊ย!” มีเสียงถ่มถุยหมั่นไส้ดังมาจากรอบๆ โต๊ะ ขนาดผมเป็นน้องมันผมยังหมั่นไส้เหอะ แต่ซินไม่มีท่าทีหวั่นไหวแม้น้อยนิด ยังคงทำหน้าทำตามั่นใจต่อไป
“ขอโทษเหอะ ถึงจะดูเหมือนผู้ชายขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่สเปคของฉันอยู่ดีนั่นแหล่ะ” ชิฮัวพูดพลางเบะปาก “คนที่ฉันจะสนใจต้องเป็นผู้ชายที่ดูเข้มแข็ง มาดแมน ผิวสีแทน หน้าตาคมเข้ม แล้วถ้ามีหนวดสั้นๆ ส่งเสริมความเถื่อนอีกซักหน่อยล่ะใช่เลย! นั่นแหล่ะผู้ชายในอุดมคติของชิฮัว”
“ไม่ใช่ขาวตี๋เกาหลีญี่ปุ่นเหมือนสองคนนี้” เธอชี้ไปที่ไอ้กายและไอ้ผมสีน้ำตาลทอง ก่อนจะหันมาหาเอี้ยฟ้า “หรือขาวอมชมพูคุณนู้คุณหนูอย่างไอ้หมาฟ้านี่ด้วย..”
เอี้ยฟ้าชี้หน้าตัวเองงงๆ ..แต่มันก็ขาวอมชมพูจริงๆ นั่นแหล่ะนะ ผิวสวยกว่าผู้หญิงหลายคนซะอีก ใช้ครีมอะไรเนี่ย?
“ที่สำคัญคือต้องไม่หน้าหวานเหมือนพวกแก ฝาแฝด”
“เฮอะ งั้นก็เชิญงมหาต่อไปเถอะแม่คุณ!” ซินเบะปากใส่บ้าง
“แน่นอนย่ะ!” เธอก็รับคำ
“ขอให้เจอแล้วกันนะ!” ซินพูดประชดมากกว่าจะอยากอวยพรจริงๆ
ผมต้องรีบเข้าแทรกเพื่อห้ามทับ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเปลี่ยนจากฟาดฝีปาก ไปฟาดปากกันจริงๆ “แต่แปลกจังเลยนะ เรียนที่นี่มาก็ปีกว่า พวกเราไม่เคยรู้เลยว่าชิฮัวก็อยู่ที่นี่ด้วย”
“ฉันสิต้องแปลกใจ ฉันรู้ข่าวของพวกแก แต่พวกแกทำไมถึงไม่รู้ข่าวฉัน? ทั้งยัยเหมย ทั้งสกายไม่เคยเล่าให้ฟังบ้างเลยรึไง?”
ผมส่ายหัว เหมยไม่เคยบอก แต่ก็อาจจะเป็นเพราะผมไม่เคยถามก็เป็นได้ แต่คนหลังนี่..
“มึงรู้จักเจ๊โหดนี่ด้วยเหรอ กาย?” ซินถามในสิ่งที่ผมกำลังสงสัยพอดี
ไอ้นั่นก็พยักหน้า ก่อนอธิบายขยายความเพิ่ม “อือ รู้จักตอนประกวดดาวเดือนตอนปีหนึ่งอ่ะ ชิฮัวเค้าเป็นดาวมหาลัยนะ แต่กูไม่รู้ว่าพวกมึงก็รู้จักเค้าด้วย”
“ดาวมหาลัย? ทำไมเค้าถึงเลือกเธอเป็นดาวมหาลัยวะ?” ซินทำหน้าสงสัยอย่างรุนแรง
“แน่นอนสิยะ ก็ฉันสวยนี่!” อีกฝ่ายก็ตอบอย่างมั่นใจ จนคนถามต้องเบ้หน้า
..ผมว่าสองคนนี้ก็ดูเหมาะกันดีนะ หลงตัวเองพอกันเลย เหอๆ
“สวย? ถ้าอย่างเธอเรียกสวย ประเทศนี้คงชนะเลิศมิสยูนิเวอร์สกันทุกปีแหล่ะ!”
เกินไปมั้งซิน เขาก็ดูสวยจริงๆ นา.. ผมก็ได้แต่ลุ้นว่าคนถูกสบประมาทจะไม่วีนแตก ลุกขึ้นมาสาธิตวิธีคาราเต้คิกใส่พี่ชายผมซะก่อน
“ทำเป็นปากดี แล้วใครหน้าไหนที่เคยมาตะโกนบอกว่าชอบฉันกลางโรงฝึกน่ะ?”
“ตอนนั้นฉันก็แค่หน้ามืด มึนๆ เบลอๆ เพราะถูกเธอเตะมากเกินไปต่างหาก! ผู้ชายสติดีๆ ที่ไหนเค้าจะหลงไปชอบผู้หญิงโหดถึกอย่างเธอ!”
“นั่นปากเหรอ เชี่ยกานต์?! ถึงฉันจะแขวนแข้งไปแล้ว แต่ไม่ได้แปลว่าฉันจะลืมวิธีเตะปากแกนะ!” ชิฮัวชักตบะแตก ตบโต๊ะดังปัง พรวดพราดลุกขึ้นชี้หน้าฝ่ายตรงข้ามด้วยความโมโห
ซินเองก็อยู่ในอาการที่ไม่แตกต่างกัน “ถ้าคิดว่าจะเตะกันได้ง่ายๆเหมือนเมื่อก่อนก็เอาเซ่!”
“ใจเย็นน่า นานๆ ได้เจอกันทีไม่ใช่รึไง? คุยกันดีๆ ดีกว่าเนาะ” ไอ้กายลุกขึ้นมาห้ามทับ มันคว้าไหล่ชิฮัวไว้มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งก็จับแขนเล็กๆ ของเธอบีบนวดเบาๆ อย่างเอาใจ
..นั่นทำให้ชิฮัวใจเย็นลง เธอยอมนั่งลงง่ายๆ แต่ขณะเดียวกันซินกลับดูเหมือนจะหงุดหงิดมากกว่าเก่า มันพาลมองไอ้กายตาขวางไปด้วย หากสุดท้ายก็ยอมกระแทกก้นนั่งลงตามเดิมอย่างคนขัดใจ
“เอ้อ ชิฮัวมาตามฟ้าประทานใช่มั้ย?” ผมพยายามจะเปลี่ยนบรรยากาศเมื่อซินยังมองทั้งชิฮัวและไอ้กายด้วยตาขวางๆ ไม่เลิก
..ทำไมถึงได้ดูหงุดหงิดขนาดนี้นะ?
“เออใช่!” และเหมือนเธอจะเพิ่งนึกถึงจุดประสงค์ที่มาที่นี่ได้ “ไอ้หมาฟ้า..มึงรู้มั่งมั้ยเนี่ยว่าเมียมึงนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล?”
แต่ไม่คิดว่าการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในคราวนี้จะทำให้คนที่หงุดหงิดกลับกลายมาเป็นผมแทน... เมียเอี้ยฟ้า?
เมีย..เหรอ?
“..เมียกู?” ไอ้เอี้ยฟ้าทวนคำ กระพริบตาปริบๆ ก่อนหันมองมาทางผม..ที่มีซินนั่งคั่นอยู่ แล้วหันไปทางคนเปิดประเด็นอีกที
“อะไรๆ ที่มึงหายหน้าหายตาไปเพราะมีคนใหม่หรอกเหรอ?” ชิฮัวถามพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “คนไหนล่ะ? คนน้องหรือคนพี่? เพราะถ้าเป็นคนหลังนี่กูจะได้ไปรำแก้บนซักที? บนเอาไว้นานละ”
“บนอะไร?” ซินหรี่ตาถามคู่อริ
“ก็บนขอให้แกมีแฟนเป็นผู้ชายไง!” คำตอบที่ได้ทำคนฟังตาลุกวาว
“โห เล่นแรงไปป่ะเจ๊?!”
“ทำไมล่ะ? ทีแกยังเคยแช่งให้ฉันมีแฟนเป็นตุ๊ดเลย!”
“ก็อยากมาว่าหน้าคนอื่นเค้าเหมือนผู้หญิงก่อนทำไม? แช่งให้มีแฟนเป็นตุ๊ดก็สมควรแล้ว!”
“ปากหมาเกินเยียวยา แบบนี้ต้องรักษาด้วยส้นตีน!”
“ก็เอาเด้!”
“เฮ้ย!!” ผมกับไอ้กายต้องผวาคว้าทั้งคู่ไว้อีกรอบ ต้องปลอบ ต้องขอร้องกันพักใหญ่กว่าจะยอมสงบลง ..ให้ตายสิ ขืนเป็นแบบนี้คงได้คุยกันรู้เรื่องหรอก
“เออ ฟ้า ..จี้มันไม่สบายน่ะ มึงไปดูใจมันหน่อยสิ” ไอ้หัวสีน้ำตาลทองพูดขึ้นหลังจากนั่งดูอย่างสนุกสนานมาพักใหญ่
“เป็นอะไร..ทำไมมันไม่โทรมาบอกกูล่ะ?” เอี้ยฟ้าถามเนิบๆ
ว่าแต่ ..‘เมีย’ ที่ว่านี่.. คือไอ้หน้าหวานที่ชื่อ ‘จี้’ คนนั้นเหรอ? ...หืม?
“หมอจี้มันน้อยใจมึงไงล่ะ” ชิฮัวโพล่งบอก คนถูกพาดพิงถึงกับขมวดคิ้ว
“ไข้หวัดใหญ่น่ะ ..ทางกายไม่ได้ร้ายแรงเท่าไหร่ แต่ทางใจนี่หนักเลย” ไอ้ผมสีน้ำตาลทองพูด “ที่จริงแล้วมันห้ามพวกกูมาบอกมึงนะ ..แต่เห็นสภาพมันแล้วพวกกูทนไม่ได้ว่ะ”
“ทำไม?” เอี้ยฟ้าถามอีก
“วันที่มันป่วยวันแรกมันโทรหามึง แต่มึงไม่ได้รับ มันไม่กล้าโทรเซ้าซี้อีก ก็เลยได้แต่รอให้มึงโทรกลับ แต่มึงก็ไม่สนใจจะโทรกลับ ถึงปากจะบอกว่าไม่อยากรบกวน แต่ดูก็รู้ว่ามันรอมึงอยู่ตลอดแหล่ะ ..ทั้งที่ไม่ได้ป่วยหนัก แต่อาการก็ไม่ยอมดีขึ้นเลย นอนซมมาสามวันแล้ว” ไอ้หัวสีน้ำตาลทองว่า
“ยังไงก็ไปดูมันหน่อยเหอะ ถ้ามึงโผล่หน้าไป เผลอๆ หมอจี้มันอาจจะออกจากโรงพยาบาลได้วันนี้เลยด้วยซ้ำ” ชิฮัวพูดเสริม
“อืม” เอี้ยฟ้าครางรับในลำคอ มันลุกขึ้นยืน ขณะที่ซินคืนกุญแจรถให้(ซินมันยึดไปใช้ตั้งแต่วันที่ได้รับอนุญาตนั่นล่ะ)
จังหวะเดียวกันนั้นไอ้พี่ชายตัวแสบของผมมันก็หันไปเห็นอะไรบางอย่างเข้า มันยกยิ้มชั่วร้ายก่อนหันไปพูดกับชิฮัว
“เฮ้ย ชิฮัว นั่นสเป็คเธอเลยป่ะ?” ถามพลางพยักพเยิดไปทางด้านหลัง
ผมหันมองตามก็เห็นเมย์บีกำลังเดินหน้าดำคร่ำเคร่งมาทางพวกเรา สงสัยคะแนนที่สอบไปเมื่อวันศุกร์จะไม่ค่อยงาม ถึงได้ดูเครียดจนลืมแรดขนาดนี้ ปกติต้องวิ่งแท่ดๆ แหกปากเรียกชื่อพวกเรามาแต่ไกลแล้ว
“เออ ใช่เลย! มาดแมนแฮนซั่มล่ำบึ้กหนวดครึ้มแบบนี้สิ ค่อยเหมาะจะเป็นผู้ชายคณะวิศวะหน่อย” คนที่ยังไม่รู้ตัวว่าถูกแกล้งชมอีเมย์เปาะด้วยความประทับใจแรกเห็น
เมื่อเช้าพวกเราห้าคนวิ่งวุ่นวายแย่งกันเข้าห้องน้ำ แล้วเมย์มันดันเป็นคนที่ตื่นสายที่สุดก็เลยไม่มีเวลาเหลือมากพอที่โกนหนวดน่ะ
ซินกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น ขณะที่คนอื่นก็แอบลุ้นว่ามันจะเป็นยังไงต่อ..
จะว่าไปแล้วก็ใจร้ายกันทุกคนเลยนะเนี่ย ทั้งที่รู้ว่าอีเมย์เป็นอะไรยังไง แต่ไม่เห็นมีใครสะกิดบอกเธอสักคน(รวมทั้งผมด้วย)
“อ๊ายยยยย ฟ้าประทานนนนน~”
จากที่เดินก้มหน้าไม่สบอารมณ์จะสบตากับใคร แต่พอเหลือบมาเห็นเอี้ยฟ้าเท่านั้นแหล่ะ วิญญาณกะเทยควายกลับประทับร่างทันที มันรีบปรี่เข้าหาเจ้าของชื่อด้วยความไวแสง
“ดีจังที่ยังอยู่ให้เมย์เห็นหน้า แบบนี้ค่อยมีกำลังใจไปสู้รบปรบมือกับมารร้ายแคลคูลัสหน่อย” ร้องพลางถลาจะเข้ามากอด แต่เอี้ยฟ้าไวกว่าที่คว้าซินมาบังหน้าไว้ทัน อีเมย์ก็เลยถูกตีนซินยันท้องเอาไว้ ไม่ให้เข้ามาใกล้กว่านี้
คนโดนขัดประสงค์ทำท่ากระฟัดกระเฟียดไม่ถูกใจ ก่อนจะหันไปเห็นชิฮัวที่ช็อคเป็นหินไปตั้งแต่ได้ยินประโยคแรกของมันแล้ว
“อ้าว นี่ใคร?” มันถามไอ้กายที่ช่วยจับไหล่พยุงชิฮัวอยู่ ..นี่ถ้าไม่มีไอ้กายท่าทางว่าเธอจะทรุดไปนานแล้ว
เห็นหน้าแบบนั้นก็ให้นึกสงสาร แต่ซินเริ่มจะกลั้นหัวเราะไม่ไหวแล้ว..
“มองอะไร ชะนีสวย?” เมย์บีเอียงคอสงสัยเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังจ้องหน้ามันไม่เลิก
“ฮ่าๆๆๆ” ซินระเบิดเสียงหัวเราะออกมาในที่สุด “แบบนี้สินะ สเปคเธอ ยัยชิฮัว ก๊ากกก ฮ่าๆๆ”
“นะ..นี่แกตั้งใจแกล้งฉันเหรอ?!”
“ก็เออน่ะสิ เป็นไงล่ะ ว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคต ถูกใจใช่มะ? กร๊ากก” ซินทุบโต๊ะด้วยความสะใจ
ขณะที่คนกลางอย่างเมย์บีได้แต่ยืนทำหน้าบ้องแบ๊วเป็นกะเทยไม่เก็ทต่อไป “อะไรกันอ่ะ?”
“แก...แกนี่มัน...” คู่กรณีถึงกับปากคอสั่น ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ชี้หน้าซิน และกระทืบเท้าเร่าๆ อย่างคนโมโหสุดขีด “โว้ยยยย! จำไว้เลยนะไอ้เชี่ยกานต์! ฉันขอสาปแช่งให้แกมีผัวในเร็ววัน! วันนี้พรุ่งนี้เลยได้ยิ่งดี! เพี้ยงๆๆ!”
“อ้าว! ไหงพูดแมวๆ งั้นวะ? อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วจะไม่กล้าเตะนะเว้ย!” ซินเปลี่ยนจากโหมดฮามาเป็นโหมดโหดแบบเฉียบพลัน
“ถ้าคิดว่าทำได้ก็เข้ามา! ไอ้หัวหลอด!!” อีกฝ่ายก็ใช่จะกลัว ชูนิ้วกลางท้าทายด้วยซ้ำ
ต่างคนต่างโมโห ต่างถลาเข้าหากันจนแทบจับไว้ไม่ทัน ผมกับเมย์บีต้องช่วยกันล็อคซินไว้อย่างแน่นหนา ส่วนชิฮัวก็ถูกไอ้หัวสีน้ำตาลทองกับเอี้ยฟ้าลากจากไปด้วยความไม่สมัครใจอย่างยิ่ง ..โดยมีไอ้กายโบกมือหยอยๆ ร่ำลา
ทั้งคู่ตะโกนด่าทอกันจนกระทั่งลับหายไปจากสายตากันและกัน เป็นที่ตลกขบขันแก่ผู้พบเห็นอย่างยิ่ง
และเรื่องวันนั้นได้กลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์อยู่หลายวันเลยทีเดียว เพราะทั้งซิน ทั้งดาวมหาลัยอย่างชิฮัว ต่างก็เป็นคนดังกันทั้งคู่..
..หลังจากวันนั้น ‘ไอ้ลูกเป็ด’ ก็หายหัวไปเลย...
TBC. 