Pui’s Part
“ขอโทษจริงๆนะพี่ครีม พี่ป้องโทรมาทวงต้นฉบับอ่ะ ปุยต้องปั่นงานก่อน”
“ไม่เป็นไรๆ แต่เสียดายอ่ะเพื่อนพี่อุตส่าห์มา ไว้คราวหน้าละกันนะ ปุยต้องมาให้ได้นะ”
“ครับๆ”
ผมวางสายก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ต้นฉบับบ้าอะไรล่ะในเมื่อผมส่งให้พี่ป้องตั้งแต่เมื่อวานแล้ว นั่นมันแค่ข้ออ้างต่างหาก ผมไม่มีอารมณ์จะไปไหนจริงๆ อยู่คนเดียวคงสบายใจซะกว่า....
รออีกซักพักค่อยไปกินข้าวที่ห้องอาหารละกัน....
Cream’s Part
“อะไรนะ? ขี้เกียจไป? มันข้ออ้างของคนเป็นหมอเหรอกรีน?!”
ฉันแทบจะวีนแตกใส่โทรศัพท์กับไอ้เพื่อนหมอบ้า อ๊ากก!!พ่นไฟ!! ตกลงกันแล้วแท้ๆดันโทรมาบอกว่าขี้เกียจไป ไปตายซะเหอะ!!!
“ฉันเหนื่อยมาแทบทั้งปีแล้วนะครีม=_= เธอไปเหอะ ก็ดีออกไม่ใช่เหรอ?”
“ดีอะไร....?!”
“ได้ไปกินข้าวกับไม้สองต่อสอง....ไม่ดีตรงไหนล่ะ?”
ฉันเงียบทันทีก่อนจะเม้มริมฝีปากอย่างขัดใจ กรีนรู้ดีทุกอย่าง..จนอาจจะมากเกินไปแล้วด้วยซ้ำ!
“งั้นก็ตามใจ แค่นี้แหละ”
ฉันกดวางสายก่อนจะหันไปทางไม้ที่ยืนรออยู่แถวๆนั้น ใบหน้าคมมองฉันเป็นเชิงถามว่าได้เรื่องยังไง
“กรีน..ขี้เกียจ ปุย....ไม่ว่าง=_= เราคงต้องไปกันสองคนแล้วมั้ง”
“ก็ดี ไม่เห็นเป็นไร”
“ฉันกะจะจับคู่นี่นา.....”
“เราไปกันสองคนก็ดีไม่ใช่เหรอครีม?”
ไม้ยิ้มบางๆก่อนจะจับมือฉันไปกุมไว้หลวมๆ ดวงตาสีดำสนิทจ้องลึกอย่างสื่อความหมาย....
“อื้อ...ไปกันสองคนก็ดี....”
กรีนปุย....รอพรุ่งนี้ให้ฉันไปคิดแผนใหม่ก่อนละกันเนอะ...
Green’s Part
“งั้นก็ตามใจ แค่นี้แหละ”
ผมอมยิ้มขำๆกับคนที่พึ่งวางสายไป เหอะๆ แม่คนชอบวางแผน หัดไปสวีทกับแฟนซะบ้างเหอะ- -
ขณะนี้ผมอยู่ในร้านอาหารในโรงแรมน่ะแหละ อาหารก็โอเคแหละครับ แต่เพราะผมนั่งคนเดียวมันเลยออกจะ....เหงามั้ง ในขณะที่โต๊ะอื่นถ้าไม่ได้มาเป็นคู่ก็มาเป็นกลุ่ม แถมตอนนี้คนยังแน่นสุดๆด้วย....
“ขอโทษนะคะ คุณผู้ชายมาคนเดียวใช่มั้ยคะ?”
จู่ๆก็มีบริกรเดินมาหาผมทำให้ผมพยักหน้าอย่างงงๆ
“ก็...ครับ”
“งั้นถ้ามีคนมาร่วมโต๊ะคนนึงจะรังเกียจมั้ยคะ? คือตอนนี้ห้องอาหารแน่นมาก....ก็เลย....”
“อ่อ ไม่เป็นไรครับ ผมกินเสร็จแล้ว ลงบิลไว้ที่ห้องผมเลยละกัน”
ผมพูดขณะรวบช้อนทำให้อีกฝ่ายขอบคุณซ้ำๆแล้วรีบมาลงบิลให้ผม ไม่นานผมก็เดินออกมาจากโต๊ะ เมื่อหันกลับไปอีกทีก็พบกลุ่มครอบครัว3-4คนนั่งอยู่ที่โต๊ะที่ผมเคยนั่ง.....
....เมื่อกี๊บริกรคนนั้นบอกว่าร่วมโต๊ะแค่คนเดียวไม่ใช่เหรอ....?....
ช่างเถอะ....ไปที่บาร์หน่อยดีกว่า....
Pui’s Part
“ขอโทษนะคะ ตอนนี้คนแน่นมากเลยค่ะ”
ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ มองไปในร้านก็พอจะเห็นอยู่ว่าเต็มทุกโต๊ะ ให้ตาย ผมไม่น่าแบกหนังสือมาด้วยเลย=_=
“แต่ว่า....งั้น....คุณผู้ชายนั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่นได้มั้ยคะ? คือมีโต๊ะนึงคุณผู้ชายคนนั้นเขามากินคนเดียว....”
พนักงานทำหน้าลำบากใจขณะที่ผมยิ้มน้อยๆ
“ไม่เป็นไรครับ แต่เขาจะยอมนั่งกับผมรึเปล่า...?”
“งั้นเดี๋ยวดิฉันไปคุยให้ค่ะ กรุณารอซักครู่นะคะ”
แล้วคุณเธอก็จ้ำอ้าวไปซักที่ในร้านนั้นน่ะแหละ เฮ้ออ รู้งี้ผมมาเร็วกว่านี้ซักพักก็ดี=___=
“ขอโทษนะคะ โต๊ะเต็มแล้วค่ะ”
เสียงหวานๆของพนักงานดังขึ้นเมื่อผมหันไปก็พบครอบครัวหนึ่งยืนอยู่ด้วยท่าทางผิดหวัง นี่มันก็6โมงกว่าแล้วล่ะนะ แล้วเด็กๆจะไม่หิวเหรอไงนั่น....?...
....ความจริงผมก็ไม่ได้หิวอะไร....
“น้องครับ พี่ไม่กินแล้ว ให้คิวครอบครัวนั้นไปเลยก็ได้”
....ถ้าไม่ได้กินข้าว.....ก็ขอผมไปที่บาร์หน่อยเหอะ=_=
Green’s Part
ผมเดินทอดน่องเรื่อยๆ กินบรรยากาศเย็นๆ สวนสวยๆ ที่นี่อากาศดีมากครับ บางทีผมน่าจะมาสัมมนาที่นี่ซักปีนึงเลย(มากไปป่ะ?=_=)
ขณะที่ผมกำลังเดินไปตามทางนั่นเองก็เห็นหนังสือเล่มนึงตกอยู่ เมื่อเก็บขึ้นมาก็พบว่าเป็นนิยายแนวสืบสวน ให้ตาย เล่มหนาขนาดนี้ ทำตกได้ไงวะเนี่ย? มองไปรอบๆก็เห็นแค่คนที่เดินนำหน้าผมอยู่แค่คนเดียว ไหล่บางชวนให้คุ้นแต่ที่ผมทำก็แค่บอกตัวเองให้เลิกเวิ่นเว้อ....
ไม่มีทางหรอกน่ะ....ไม่มีทางใช่ปุย....
“คุณ! คุณครับ!”ผมตะโกนเรียกขณะวิ่งไปหา อีกฝ่ายหยุดเดินตอนที่ผมวิ่งไปถึงพอดี
“หนังสือคุณตกน่ะครับ....ปุย....”
ดวงตาสีน้ำตาลตรงหน้ามองผมอย่างอึ้งๆ หัวใจผมเต้นรัวไม่หยุดเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ ไม่ต้องคิดอะไรเพิ่ม ผมดึงตัวปุยเข้ามากอดแน่นทันที ความอบอุ่นที่ได้รับยังคงเหมือนเดิม....
“พี่คิดถึงปุย”
เจอกันซักที มีใครจะฝากเครื่องสูบน้ำไปให้พี่กรีนอีกซักเครื่องมั้ยคะ?555