ตอนที่ 23 : ยอมแล้วหลังจากขาของผมหายเป็นปกติ ก็เริ่มการถ่ายหนังอีกครั้ง เป็นส่วนสุดท้ายของหนังเรื่องนี้ แต่ก่อนหน้านั้นผมก็โดนแซวจนเละ เหี้ยแม่ง ทำไมผมต้องตกเป็นเหยื่อให้ไอ้พวกพี่ๆ กับเพื่อนด้วยวะเนี่ย
การถ่ายส่วนสุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาก โลเกชั่นก็เป็นของบ้านพักของไอ้กัสกับไอ้เคลม พวกผมต้องจับกลุ่มกันคุยเรื่องผู้หญิงคนนั้น แล้วตกลงสัญญากันว่าจะไม่แตกแยกเพราะเรื่องผู้หญิงอีก
แต่ตอนสัญญากัน อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู พอไอ้กราฟไปเปิดก็เห็นว่าคนที่เคาะประตูเป็นผีผู้หญิงตนนั้น เลยรีบวิ่งมากอดกันกลม ได้ยินเสียงตามหลอน
“ดีแล้วๆ”
เหมือนเห็นด้วยกับการที่พวกผมสัญญากันแบบนั้น ก่อนไอ้เคลมจะรีบวิ่งไปปิดประตูหลังจากเหลือบหางตาไปว่าที่ประตูไม่มีอะไรยืนอยู่อีก
พวกผมแกล้งตัวสั่นจนได้ยินเสียงไอ้พี่ชมพูบอกว่าคัทนั่นแหละ การถ่ายทำถึงได้จบลง ไม่มีฉากไหนที่ต้อง่ถายอีกแล้ว ถือเป็นการปิดกล้อง มาคิดๆ ดูแล้วพวกผมทำงานได้ดีเหมือนกัน แต่จริงๆ พวกรุ่นพี่น่าจะคิดอยู่แล้วว่าวันเดียวคงเสร็จ เพราะแต่ละฉากก็สั้นๆ
เมื่อถ่ายทำเสร็จแล้ว ก็เป็นธรรมเนียมที่ต้องมีการเลี้ยงปิดกล้อง ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะก็อยากแดกเหล้าเมาหัวราน้ำกันอยู่แล้ว ถึงได้เฮฮาแสดงท่าทางดีใจกันเหลือกัน ส่วนผมก็นิดหน่อยครับ ไม่ได้กินนานแล้ว แถมตอนนี้อยู่ต่างจังหวัดด้วย ไม่ต้องห่วงเรื่องป๊าจะรู้ เพราะงั้นงานนี้ผมก็ชิลได้เลยครับ
พี่ชมพูจัดการสั่งแอลกอฮอล์มาแทบทุกอย่าง ให้ทุกคนเลือกดื่มกันได้ตามใจชอบ แต่ก็หนักจะไปทางบรั่นดีกับเบียร์เสียมากกว่า ก่อนจะมารวมตัวกันนั่งอยู่บนหาดทราย ความจริงพวกรุ่นพี่คงอยากไปนั่งริมหาด รับลมเย็นๆ เสียมากกว่า แต่พอรู้ว่าไอ้กราฟมีอาการยังไงตอนอยู่ใกล้ทะเลจึงเปลี่ยนมาอยู่ใกล้ๆ บ้านพัก
ไอ้คนตัวใหญ่สุด ลูกเจ้าของรีสอร์ทสั่งคนงานให้มาจุดกองไฟให้ พี่ต้นแบกกีตาร์มานั่งร้องเพลง ผลัดเวียนกันไปแล้วแต่ว่าใครจะรีเควส กระดกเหล้าไป ร้องเพลงไปกันอย่างสนุกสนาน ผมก็ร้องด้วย เอามัน
ช่วงที่เริ่มกรึ่มๆ พี่แชมป์กับพี่บอสก็ออกมาเต้น ร้องเพลงร็อคทั้งที่พี่ต้นดีดกีตาร์โปร่ง แหกปากกันโยกหัวกันอย่างมันสุดเหวี่ยง ผมก็ขำๆ กับพี่สองคน ไอ้เคลมมันก็ลากไอ้กราฟให้ออกมาสนุกด้วยกัน เพราะไม่อยากให้มันลืมๆ ไปว่าตอนนี้เราอยู่กันที่ไหน ไอ้กราฟพอเริ่มเมานิดๆ ก็ดูจะไม่หวาดกลัวกับเสียงคลื่น มันลุกออกไปเต้นกับไอ้เคลม ผมดูก็ยิ้มๆ ไอ้กราฟยิ้มได้ผมก็มีความสุข
ไอ้กราฟถือว่าเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตคนหนึ่งของผมเลยก็ว่าได้ แต่ใช่ว่าไอ้กัสกับไอ้เคลมไม่สำคัญนะครับ มันสำคัญกับผมเหมือนกัน เป็นเพื่อนกันมาตั้งหกปี แต่สองคนนั้นต่างกับไอ้กราฟ กราฟมันเคยช่วยผมไว้ และมันก็เคยเผชิญเรื่องเจ็บปวดมามาก ผมถึงต้องรักมันมากๆ เพื่อให้มันลืมเรื่องเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้น
จบเพลงไปแล้ว อยู่ๆ ไอ้พี่ชมพูที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมก็สะกิดพี่ต้น พูดอะไรกันไม่รู้ ก่อนพี่ต้นจะส่งกีตาร์ให้มันไป ผมแปลกใจนิดหน่อยเพราะไม่คิดว่าไอ้คนเอาแต่ใจนั่นจะดีดกีตาร์เป็น มันหันมามองผมแล้วยิ้มให้ ผมก็งงดิครับ อยู่ๆ ไอ้เชี่ยนี่มายิ้มให้ทำไม เพราะเอาจริงๆ ถ้ามันไม่ได้หาเรื่องแกล้งผมได้ ผมก็ไม่ได้เห็นมันยิ้มหรอก มันชอบทำหน้ากวนตีนใส่ผมมากกว่า
พอเห็นว่าเสียงเพลงจบลง ไม่มีแววว่าจะต่อ พวกที่ลุกไปเต้นก็กลับมานั่งที่ของตัวเอง ผมหันไปหาไอ้กราฟ ดูสภาพมัน
“เป็นยังไงมั่งมึง”
“โอเคๆ หนุกๆ ดี”
มันตอบและหัวเราะไปพลาง ผมเลยยกแก้วขึ้นมาชนกับมัน จะว่าไปผมก็ดื่มไปพอสมควรเหมือนกัน เริ่มมึนๆ คงเพราะว่าไม่ได้แดกเหล้านานเลยมีอาการเร็วกว่าเมื่อก่อน ไอ้กราฟก็หันมาชนกับผม ไอ้กัสกับไอ้เคลมก็เอาด้วย แต่ระหว่างนั้นผมก็ได้ยินเสียงเกากีต้าร์ เลยหันไปมอง ไอ้พี่ชมพูมันเริ่มแสดงฝีมือ ทั้งที่ตามันยังมองผมอยู่เลย จากนั้นเสียงร้องก็ดังขึ้น ไม่ดังแต่ก็ไม่เบา ให้ทุกคนได้ยินคลอกับเสียงลมทะเลกับเสียงคลื่น
http://www.youtube.com/v/kzBe_IAKTS8ฉันเฝ้าถามความสุขอยู่ที่ไหน ชายที่เขาเดินผ่านฉันเข้ามา
บอกกับฉันขอร่มสักคัน แต่ว่าที่มือเขาก็มีหนึ่งคัน
ก็แปลกใจ ท่ามกลางหยดฝนโปรยปราย
เขาก็ถามฉันว่าอยากสุขไหม ลองหุบร่มในมือสักพักหนึ่ง
และเงยหน้ามองวันเวลา มองหยดน้ำที่มันกระทบตา
ยังเปียกอยู่ใช่ไหม หรือไม่มีฝน
บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองจากตรงนี้
เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง
อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น
สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน
ไม่ได้ไกลที่ไหน อยู่แค่นี้เอง มันร้องเพลงไป ดีดกีตาร์ไป แล้วก็ยิ้มไป สายตามันยังจับจ้องมาที่ผมไม่เปลี่ยน ขณะที่คนอื่นๆ ก็หันไปมองมันกันหมด คงแปลกใจที่มันเปลี่ยนเพลงต้นฉบับให้กลายเป็นอคูสติกได้เจ๋งขนาดนี้ แต่ผมคิดว่ามันคงไปลอกไลน์ของชาวบ้านเขามา เพราะในยูทูบก็มีเยอะแยะที่คนเพลงของศิลปินมาโคฟเวอร์หรืออะเรจใหม่ ถ้านับเสียงมันอย่างเดียว ก็ถือว่าใช้ได้ครับ ทุ้มนุ่มๆ ฟังแล้วพอเคลิ้ม บวกกับสายตาของมันอีกยิ่งแล้วใหญ่
ยิ้มฉันยิ้มมากกว่าทุกครั้ง
สุขที่ฉันตามหามาแสนนาน
อยู่ตรงนี้ แค่เพียงเข้าใจ อย่าไปยึด
ถือมันและกอดไว้ ก็แค่ร่มเท่านั้น เท่านั้น
บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองจากตรงนี้
เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง
อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น
สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน
ไม่ได้ไกลที่ไหน อยู่แค่นี้เอง ผมไม่กล้ามองหน้ามันแล้ว เพราะไม่รู้ว่ามันจะส่งสายตามาอะไรหนักหนา พอผมเหลือบไปทางคนอื่น ก็เห็นเขามองหน้าผมแล้วยิ้มๆ กัน เหมือนรู้ว่าไอ้พี่ชมพูมองผมไม่เลิก ก็แน่ล่ะ มันเล่นจ้องผมไม่วางแบบนั้น ใครเห็นก็รู้ ผมเลยขยับมือแสร้งหยิบเหล้ามาดื่มเพื่อหลบเสี่ยงจากสถานการณ์นี้ พยายามไม่มองหน้ามัน แม้ว่าเสียงเพลงจากมันจะเชิญชวนให้หันไปมองสักเท่าไหร่
ฉันเห็นเธอถือร่มผ่านมา เต็มไปด้วยร่องรอย
และคราบน้ำตา ฉันได้เห็นแล้วมันปวดใจ
ไม่ใช่เพียงแค่เธอที่ทุกข์ ฉันก็เป็นเหมือนเธอ
เธอได้ยินไหม อยากขอให้เธอลองโยนร่มที่ถือเอาไว้หนัก
โยนมันออกไป
บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองจากตรงนี้
เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง
อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น
สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน ไม่ได้ไกลที่ไหน
อย่าไปยึด อย่าไปถือ
อย่าไปเอามากอดไว้ ก็จะไม่เสียใจ
ตลอดชีวิต ต้องผ่านการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าใคร
จะทุกข์ จะสุขแค่ไหน ก็อยู่ที่จะมองเสียงเพลงหยุดลงเพราะจบแล้ว ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะในที่สุดก็ได้หลุดออกจากสถานการณ์แปลกๆ สักที แต่มันดันไม่เป็นแบบนั้น เพราะอยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่ามีใครเดินมาอยู่ด้านหลัง มันนั่งลงซ้อนหลังผม ยื่นหน้าเข้ามาใกล้กับหู ก่อนเสียงกีตาร์จะดังอีกครั้งพร้อมเสียงร้องนุ่มๆ ผสมอ้อน
บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองจากตรงนี้
เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง
อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น
สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน
ไม่ได้ไกลที่ไหน อยู่แค่นี้เอง ผมรีบหันไป ก็เห็นหน้ามันอยู่แทบชิด มันยิ้มให้ ผมเลยต้องรีบหันกลับไป แต่มันก็อาศัยจังหวะนั้นกระซิบเสียงที่ไม่เบาเลย
“เป็นแฟนกับพี่นะ”เชี่ยยยย
ช็อกไปแล้วครับ อยู่ๆ แม่งก็มาขอเป็นแฟนต่อหน้าเพื่อนของมันและเพื่อนของผม ทุกคนต่างส่งเสียงโห่ฮิ้ว ผิวปากล้อ จนผมหายมึนไปนิดนึง แล้วก็ร้อนหน้าแบบโคตรๆ ตอนนี้หน้าผมของแดงแปร๊ดแน่ๆ เวรๆๆๆ
นี่มึงมาร้องเพลงขอกูเป็นแฟนเหรอ ทำอย่างกับจะให้กูแทนที่สมการในเพลง
ผู้ชายที่เดินเข้ามา = กู
ร่ม = กำแพงในใจ
เอ้ยยย เน่าไปแล้ว แต่พอนึกแบบนั้นทำไมกูต้องเขินด้วยวะ ห่าๆๆ กูฟั่นเฟือนไปแล้ว
ผมถามตัวเองโดยที่ไม่เงยหน้ามองใครสักคน เพราะถ้าเงยขึ้นคงโดนสายตาล้อเลียนแน่ๆ เพราะตอนนี้ยังมีเสียงดังหึ่งๆ
“ตกลงเลย ตกลงเลย” พี่เจ๋ง
“อย่าชักช้า ไอ้ภูมันลงทุนขนาดนี้เลยนะเว้ย” พี่บอส
เอ่อ ไอ้พวกรุ่นพี่ครับ อย่าเร่งกูมาก กู... กูเขินอยู่ ไอ้เหี้ยเอ๊ย แม่งงง
“นะ เป็นแฟนกัน พี่ชอบเกงยีน”
“ถ้ายีนไม่เชื่อ ลองกระทืบไอ้ภูดูก็ได้นะ มันไม่สู้หรอก มันยอม”
เสียงพี่ปาล์มครับ มาแบบฮาร์ดคอตลอด แต่ข้อเสนอน่าสนใจชิบเป๋ง ผมเลยค่อยๆ หันไปมองไอ้คนที่ขอผมเป็นแฟนอย่างระมัดระวังโคตรๆ เพราะเมื่อกี้ที่หันไป หน้าเกือบชนกันอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าแม่งจะเข้ามาใกล้อะไรนักหนา แล้วตอนนี้มันก็วางกีตาร์ไว้บนพื้นแล้วเลยไม่มีอะไรกั้นระหว่างตัวผมกับมันอีก มันก็ยิ่งกระเถิบเข้ามาใกล้ เอื้อมแขนมากอดเอวผมเอาไว้
ลามปามแล้วมึง
“กล้าป่ะ”
ผมถามมัน อยากรู้ว่ามันจะยอมอย่างที่พี่ปาล์มบอกหรือเปล่า แต่มันดันยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก แล้วยกมือข้างนึงมาประคองหน้าผมให้เอี้ยวไปหามันค้างอยู่อย่างนั้น ก่อนจะกดปากของมันลงมาที่ปากของผม กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่นิดๆ นั่นเหมือนจะมอมผมให้มึน
เสียงโห่ร้องเซ็งแซ่ ตบมือแปะๆ ดังก้อง ผมหูอื้อตาลายไปแล้ว รู้สึกถึงสัมผัสจากริมฝีปากของมันที่ขยับไปมาบนปากของผม กว่าจะถึงสติกลับมาได้ มันก็ถอนปากออกไปแล้ว
“ไอ้เชี่ยย จูบกูทำไม”
ผมถามมัน จ้องมันตาเขียว หน้าก็แดงไปด้วย ร้อนฉิบหาย หน้ากูจะไหม้มั้ย ตอนอยู่กันสองคนยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่อยู่สิบคน มึงไม่อายแต่ก็ให้โอกาสกูอายมั่งเหอะ กูยังหน้าไม่หนาเท่ามึง ไอ้หน้าหนังช้าง
“ก็มึงถามกูว่ากล้าป่ะ กูก็เลยทำให้ดูว่ากูกล้า”มันตอบมายิ้มๆ แต่ประโยคแม่งโคตรกวนตีน
“ผมหมายถึงให้ผมกระทืบอย่างที่พี่ปาล์มบอก”
“กู...ยอมก็ได้ แต่มึงกระทืบกูทีนึง กูจูบมึงยี่สิบที แลกกัน เอาหรือเปล่า”
เชี่ยนี่แม่งหากำไรเกินควรฉิบหาย ผมทำหน้าบึ้งใส่มัน มันเลยกอดผมอีกแล้วทำเสียงอ้อน ขัดกับตัวใหญ่ๆ ของมันมาก
“นะครับ เป็นแฟนกับพี่นะ”
“ไอ้ภูมันไม่เคยอ้อนใครขนาดนี้เลยนะ” พี่ปาล์ม
“มันชอบมึงจริงๆ นะเว้ย” พี่ต้น
“ไอ้ภูมันชอบมึงขนาดไม่เจอกันยังเอารูปมาดูแล้วยิ้มๆ เหมือนคนบ้านะเว้ย” พี่แชมป์
“อย่าแฉกู!”
ไอ้พี่ชมพูรีบโวย ผมเห็นมันหน้าแดงหน่อยๆ ด้วย เพิ่งเคยเห็นมันเขินครั้งแรก แม่งก็ไม่ได้หน้าด้านเกินเยียวยานี่หว่า ผมแอบยิ้มขำๆ กับท่าทางแบบนั้นของมัน
“ตกลงดิวะมึง” คราวนี้เสียงไอ้เคลมมั่ง แต่ไอ้ที่แรงกว่าคือไอ้กัส
“มึงก็ชอบพี่ภูไม่ใช่หรือไง”
ไอ้เหี้ยยยย
ผมถลึงตาใส่ได้กัส แต่กลับถูกไอ้คนตัวยักษ์ที่ยังกอดผมอยู่กระชับวงแขนขึ้นอีก ฉิบหาย กูลืมดึงมันออก แต่มารู้ตัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว เพราะพยายามกระชากแขนมันเท่าไหร่ มันก็ไม่ยอมปล่อย ยังมีหน้ามากระซิบข้างหูผมอีก
“มึงชอบกูเหมือนกันเหรอ”“ผมไม่ได้พูด”
“ไอ้กัสก็เพื่อนมึง”
“ก็ไม่ใช่ผมนี่”
ผมยังแย้งมันต่อไป แต่มันก็ยังหน้าด้านหลงตัวเอง ถึงมันจะจริงก็เหอะ
“แต่กูเชื่อกัสว่ะ เพราะงั้น ตกลงนะ”
มันไม่รอให้ผมตอบ แต่ก้มลงมาหอมแก้มผมดังฟอด ตามด้วยเสียงล้อของพวกที่เหลือ แม่งเอ๊ย มึงทำกูอายมากี่รอบแล้ว
ผมรีบลุกขึ้น ไม่สนใจแล้วว่าแม่งจะกอดผมแน่นแค่ไหน พอผมลุกมันก็มองตาม ปล่อยกูสักวินึงก็ได้นะมึง ทำเหมือนกูเป็นลูกจิงโจ้ไปได้ ไอ้แม่จิงโจ้
พอเป็นอิสระ ผมก็เดินไปหาพี่เจ๋งก่อน มีเรื่องนึงที่ผมยังรู้สึกไม่เคลียร์กับตัวเอง อยากจะถามให้รู้จนกระจ่างไปเลย อย่างน้อยผมก็ต้องแน่ใจก่อนจะตอบอะไรไอ้พี่ชมพูไป
“พี่เจ๋ง ผมถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่าไง มีอะไรครับ”
ผมเป็นคนเดียวในกลุ่มที่พี่เจ๋งพูดสุภาพด้วย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน กับคนอื่นก็มึงมาพาโวย แต่กลับผมนี่ครับๆ พี่ๆ ตลอด ไม่เคยมึงกูเลยสักครั้ง อาจจะเป็นเพราะภาพลักษณ์ตอนนี้ของผมมันเรียบร้อยมั้ง เพราะแม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังใส่แว่นอยู่ ถึงเมื่อกี้จะหลุดหยาบกับไอ้พี่ชมพูไปแล้วก็เหอะ พี่เขาเลยไม่ทรามด้วย ทั้งที่จริงๆ แล้วผมทรามได้มากกว่าที่พี่เขาคิดอีก
“พี่มีน้องสาวหรือเปล่าครับ”
“น้องสาวเหรอ ไม่มีหรอก”
คำตอบของพี่เจ๋งทำให้ผมสะดุดกึก รู้สึกเหมือนไฟตกไปชั่วครู่ ทั้งที่ตอนนี้มันเป็นตอนกลางคืน แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ...ในใจของผม ความรู้สึกต่างๆ ตีรวนขึ้นมา คำพูดที่ไอ้พี่ชมพูมันเคยอธิบาย กลายเป็นคำแก้ตัวของหมาตัวนึงทันควัน
เหี้ย มึงโกหกกู!!!
ถามพี่เจ๋งแค่นั้นผมก็เดินกลับ แต่พอเดินมาแล้วก็ต้องผ่านไอ้พี่ชมพูที่มันนั่งอยู่แต่หันมามองผม พอเห็นหน้ามัน ความโกรธก็พุ่งพรวดขึ้นมา มันโกหกผม เหี้ยเอ๊ย แล้วผมก็เชื่อมัน เหมือนควายโง่ๆ ตัวนึง โกรธทั้งมัน โกรธทั้งตัวเอง ที่ยอมให้อภัยมันง่ายๆ ทั้งที่มันทำให้ผมเสียความรู้สึก กี่ครั้งแล้ววะที่มันทำกับผมแบบนี้ ทำให้ผมเจ็บในใจแบบนี้
ถ้ากูไม่ชอบมึง กูคงไม่ต้องมารู้สึกอย่างที่เป็นอยู่
ผมเดินไปถึงมันแล้วก็ก้มลงหยิบแก้วเหล้าที่กินค้างอยู่ขึ้นมาสาดให้หน้ามัน ไม่อยากเสียแรงไปอัดมันระบายอารมณ์ และเพราะความมึนๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์ด้วยมั้งถึงได้รู้สึกว่าไม่พร้อมจะสู้รบปรบมือทางกำลังกับมัน มันก็มองหน้าผมงงๆ ทุกคนต่างลุกฮือขึ้นอย่างตกใจกับการกรกะทำของผม ไอ้คนที่โดนผมเอาเหล้าสาดก็ลุกขึ้นมาเหมือนกัน
“มึงสาดเหล้าใส่กูทำไม”
“ก็มึงตอแหลอะไรไว้ล่ะ”
ผมตอบแค่นั้นแล้วเดินผ่านตัวมันไป แต่ไอ้เหี้ยนั่นก็จับแขนของผมไว้ ดึงไม่ให้เดินไปได้ ผมพยายามสะบัดมือมันออก แต่ไร้ประโยชน์เหมือนเดิม
“กูตอแหลอะไร กูโกหกอะไรมึง”
“มึงโกหกเยอะจนจำไม่ได้ล่ะสิ หึ”
ทำหน้าเหยียดหยันมัน ตอนนี้ผมรู้สึกเกลียดมันขึ้นมานิดๆ แล้ว ที่ยังโกหกหน้าตายว่ามันไม่รู้เรื่อง ทั้งที่มันเพิ่งตอแหลผมไปเมื่อวานซืน
“กูไม่ได้โกหกอะไรมึงแล้ว เรื่องที่โกหก กูก็บอกมึงไปหมดแล้ว”
“ถ้ามึงไม่รู้ก็ช่างมึง”
ผมสะบัดแขนอีกครั้ง มืออีกข้างก็พยายามแงะมือมันออก แต่ก็ไม่หลุด เหี้ย มึงจะบีบให้แขนกูหักไปเลยใช่มั้ยไอ้สัด!!
“ไอ้เจ๋ง” ดูท่าว่ามันจะคุยกับผมไม่ได้ มันเลยหันไปเรียกพี่เจ๋งแทน ผมก็ได้แต่ดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองหลุดจากการยึดเหนี่ยวของมัน “มึงพูดอะไรกับมัน”
“ฮะ เอ่อ...”
พี่เจ๋งสะดุดเสียงไปนิดหน่อย ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะคงไม่เคยเห็นผมพูดจาแบบนี้ พี่คนอื่นๆ ก็ด้วยเหมือนกัน ทุกคนต่างเงียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ตั้งแต่ที่ผมสาดเหล้าใส่ไอ้หมีควายนี่แล้ว เพื่อนๆ ผมก็เอาแต่ยืนมองอย่างเดียว พวกมึงไม่คิดจะมาข่วยกูเลยหรือไง ไอ้ห่า
“มึงพูดอะไร”
“น้อง.. น้องถามกูว่ากูมีน้องสาวหรือเปล่า”
“แล้วมึงตอบว่าอะไร”
“ก็ไม่มีไง”
“แล้วจีจี้ไม่ใช่น้องมึงหรือไง!!!”
คราวนี้ไอ้พี่ชมพูมันตะเบ็งเสียงดังจนหูผมแทบดับ ไอ้สัด! ผมดึงแขนของตัวเองแรงขึ้นอีก กูไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่อยากอยู่กับมึงแล้ว!
“จีจี้เป็นพี่กูต่างหาก มันเกิดก่อนกู”
เสียงของพี่เจ๋งทำผมชะงัก ใจกระตุกไปจังหวะนึง แล้วหันกลับไปมองเจ้าของเสียง มองหน้าพี่เจ๋งค้างอย่างคิดอะไรไม่ออก รู้สึกสมองตื้อ
“เรื่องนี้ใช่มั้ยที่ทำให้มึงโกรธกู”
ไอ้คนที่จับผมอยู่ถามเสียงไม่ดังมาก เหมือนอยากให้ผมได้ยินคนเดียว แต่ผมไม่ได้ตอบอะไร มันเลยหันไปคุยกับพี่เจ๋งแทน
“มึงอธิบายให้มันเข้าใจดิ๊ มันเข้าใจกูผิดเพราะคำพูดมึงเนี่ย”
“อ้าว อ้อ เรื่องนั้นเหรอ จีจี้เล่าให้พี่ฟังแล้วว่ามันแกล้งทำเป็นแฟนไอ้ภูเพราะอยากให้ยีนหึง พี่กับจีจี้เป็นพี่น้องกันจริงๆ ครับ เป็นฝาแฝดกัน คนส่วนมากเข้าใจว่าจีจี้เป็นน้องพี่ เพราะพี่ไม่เคยบอก เหมือนอย่างไอ้ภูนี่ที่คิดว่าจีจี้เป็นน้อง คงเพราะมันเป็นผู้หญิงด้วย”
คำอธิบายของพี่เจ๋งทำให้ผมตัวชา ไม่กล้าหันกลับไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เลย ผมเข้าใจผิดเหรอ ไม่ใช่สิ ไอ้พี่ชมพูแม่งต่างหากที่ทำให้ผมเข้าใจผิด
“พี่.. พี่เป็นพี่น้องกันจริงๆ เหรอ”
“แล้วหน้าพี่กับจีจี้ไม่มีส่วนเหมือนกันเลยหรือยังไง”
ไม่ใช่คำถามย้อนกวนหรือว่าจะเอาเรื่อง เพราะพี่เจ๋งไม่ใช่คนแบบนั้นอยู่แล้ว เขาพูดเสียงนุ่มพลางยิ้มให้ผม ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าเศษหน้าของผมโดนเหยียบจนละเอียดมากกว่าเดิม เหี้ยแล้วไง แล้วกูจะทำยังไงวะ
“ผมกลับแล้วนะ”
ไม่รู้จะทำยังไง ผมเลยบอกคนอื่นๆ แบบนั้น ก่อนจะหมุนตัวหนีไปจากสถานการณ์นี้ ไอ้พี่ชมพูก็ยึกๆ ยักๆ มองเพื่อนมัน ผมเลยกระชากแขนมันออกแล้วเดินไปเลย ทนอยู่ไมไหว ถ้าอยู่นานกว่านี้ ผมต้องขายหน้ากว่าเดิมแน่ๆ
“กูกลับแล้วเหมือนกัน พวกมึงแดกกันตามสบาย”
ได้ยินเสียงแววๆ ของมันมาทางด้านหลัง ตามด้วยเสียงวิ่งเหยาะๆ ก่อนมันจะมาเดินขนาบกับผม มือใหญ่ดึงมือผมไปจับเอาไว้ เท่านั้นไม่พอ มันยังลากผมเดินไปทางห้องมันซะด้วย ถึงบ้านพักจะอยู่หลังติดกันก็เหอะ
“ผมจะกลับห้อง”
“อยู่ห้องกูเนี่ยแหละ”
“แล้วทำไมผมต้องอยู่ห้องพี่”
“ก็กูอยากให้มึงอยู่ด้วย”
มันอ้างเหตุผลข้างๆ คูๆ ที่ไม่น่าเห็นด้วยเลยสักนิด แล้วลากผมต่อ แต่พอเข้ามาในห้องแล้วผมก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน
ไอ้ห่าตัวไหนแม่งทรยศกูวะ!!
ต่อด้านล่าง
v
v