มาต่อแว้ว>0<
คนอ่านที่รักอย่างพึ่งทิ้งข้าพเจ้าไปน้าาาาาาT^T
พอดีติดช่วงสอบแล้วก็ล่วงเลยมาตอนนี้จบแล้วจ้าาาาา
กำลังหางานทำเลยวุ่ยวายแท้
แต่ไม่ต้องห่วงนะนิยายเรื่องนี้แต่งจบแน่นอนใกล้จบแล้ว
ตอนนี้ไม่มีฉากNCเลย จะเป็นในส่วนของเนื้อเรื่องมากกว่า
ใครลุ้นคู่ของพี่ชายหนี่เจินบ้างยกมือขึ้น 555+
ไปลุ้นแล้วกันว่าท่านพี่ของหนี่เจินจะคู่กับผู้ใด
บอกไว้ก่อนมีตัวละครลับออกมาด้วยจ้า
++++++++++++++++++++++++++++++
29
ในรุ่งเช้าที่แดดไม่แรงนักหนี่เจินตื่นขึ้นมาก็พบว่าคนข้างกายยังคงหลับสนิท เมื่อเห็นดังนั้นก็ได้แต่นอนมองคนที่ยังหลับลึกอยู่แทน แต่แล้วคนที่น่าจะหลับกลับดึงตัวคนที่นั่งมองจนไปซบเข้าที่อกกว้างแทน
“ฝะ...ฝ่าบาท...”
“เจ้าจะ รีบตื่นทำไมล่ะ นอนต่ออีกหน่อยสิ”
“ไม่ได้เพค่ะ ตอนนี้เช้ามากแล้วจะไม่ทรงงานหรือเพค่ะ”
“ข้าทำเสร็จไปหมดแล้วเมื่อวานนี้ วันนี้ข้ามีเรื่องอีกอย่างต้องทำ”
“หรือว่า...”
“ใช่...เรื่องของน้องเจ้านั้นแหละยอดรักของข้า”
“ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันไปด้วยเพค่ะ”
“ก็ได้งั้นเจ้าไปแต่งตัวก่อนเถอะ”
“เพค่ะ”
ด้านองค์ชายลีซานก็ตื่นขึ้นก่อนที่ฟ้าจะสางเสียอีก ขึ้นมานั่งครุ่นคิดถึงการเจรจาที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้
“ข้าต้องเอาตัวน้องหญิงกลับมาให้ได้ แล้วถ้าทำได้ข้าจะต้องชิงตัวฮองเฮามาให้ได้ด้วย”
ชุนเซียนเมื่อได้รู้ว่าวันนี้จะมีการเจรจาระหว่างองค์ชายลีซานและฝ่ายต้าถังก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะอีกไม่นานนางจะได้กลับไปหาท่านพ่อ ท่านแม่และท่านพี่ทั้งสองแล้ว
“ในที่สุดข้าก็จะได้กลับบ้านแล้ว ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่รอง ข้ากำลังจะกลับไปหาพวกท่านแล้ว”
“หึ..เจ้าคงดีใจไม่ใช่น้อย”
เสียงลีซานดังขึ้นทำให้ชุนเซียนที่กำลังดีอกดีใจกับตัวเองถึงกับสะดุ้งจนต้องหมุนตัวแล้วถอยหลังติดกระโจม ทำให้ลีซานสามารถปะชิดตัวได้ทันที
“นี่ท่านจะทำให้อะไรข้าน่ะ”
“แล้วเจ้าว่าข้าจะทำอะไรเจ้าล่ะ”
“ท่าน...ท่าน...”
“หึ...ไม่ต้องกลัวหรอก คนที่ข้าปรารถนาคือพี่สาวของเจ้าหาใช่ตัวเจ้าไม่”
“ท่านสติไม่ดีหรือ... พี่ข้านั้นเป็นฮองเฮาของฝ่าบาทแล้ว และ...”
“เรื่องนั้นข้ารู้ดี แต่หากใจข้าดวงนี้เป็นของนางไปแล้วนับจากวินาทีแรกที่ได้พบเจอ”
“ฝ่าบาทต้องมิทรงยอมแน่ หากล่วงรู้ว่าท่านคิดเช่นนั้นกับฮองเฮาของพระองค์เช่นนี้”
“แต่ข้าว่าฮ่องเต้ทรงรู้แล้วต่างหากเล่า ก็ข้าไปฝ่ายไปชิงตัวฮองเฮาของพระองค์ถึงในวัง แต่ดันได้ตัวเจ้ามาแทนเช่นนี้”
“ก็นับว่าฝ่าบาททรงมีบุญาธิการสูงส่งเลยทำให้รอดพ้นจากน้ำมือมารเช่นท่าน”
“แต่ดูเหมือนเจ้าจะดวงไม่ดีเสียล่ะมั้ง ถึงได้ถูกมือมารเช่นข้าจับตัวมาแทนเช่นนี้”
“หึ...แต่อีกไม่นานความซวยของข้าก็จะหมดไป เพราะข้ากำลังจะได้กลับบ้านแล้วน่ะสิ”
“หึ...เจ้าจะสบายใจได้ก็แค่ช่วงนี้”
พูดจบลีซานก็เดินออกนอกกระโจมทิ้งให้ชุนเซียนกรีดร้องด้วยความโมโหแทน ชุนเซียนเดินกลับมาที่เตียงก่อนจะนั่งลง คิดตามคำพูดของอีกฝ่ายที่ทิ้งท้ายไว้
“เขาต้องมีแผนการอะไรบางอย่างแน่ ข้าต้องทำอะไรสักอย่างแล้วสิ”
ด้านสองราชองค์รักษ์ที่ถูกฮ่องเต้พักงานก็ได้รับราชสาส์นลับที่มาส่งในตอนเช้า เมื่อรับราชสาส์นที่ถูกส่งมาโดยคนส่งสารลับที่นาน ๆ พวกเขาสองคนถึงจะได้เห็น นั้นก็คือพระอนุชาต่างพระมารดาของฮ่องเต้ที่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าว่าพระองค์ทรงมีตัวตนอยู่นั้นเองด้วย
“ฮ่องเต้ให้ข้ามาส่งสาส์นลับฉบับนี้กับพวกท่าน แล้วย้ำกับข้าว่าให้พวกท่านเองกับมือห้ามผ่านมือคนอื่นอย่างเด็ดขาด”ตงเฟยเอ่ยขึ้นขณะรับสารมา
“ครับ แต่คงลับมากนาดูถึงกับให้ท่านมาส่งสิ่งนี้เองกับมือเช่นนี้”
“ใช่แผนการทั้งหมดอยู่ในนี้ ห้ามให้คนไม่เกี่ยวข้องอ่านเด็ดขาด ไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวก่อนข้ายังต้องไปอีกหลายที่”
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็ระวังตัวด้วย”จิ้งเต๋อเตือนก่อนที่เขาจะก้าวเท้าออกนอกห้อง
“ขอบใจที่เตือนข้าจะระวัง”
เมื่อออกมานอกบ้านเขาก็รีบมุ่งหน้าไปเป้าหมายถัดไปที่จะต้องไปส่งสาส์นลับ แล้วก็พลางคิดย้อนไปเรื่องในอดีต หากไม่มีท่านพี่ในครานั้นก็ไม่มีเขาในครานี้เช่นกัน
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน
เมื่อนานมาแล้วอดีตฮ่องเต้องค์ก่อนได้ทรงมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวชาวบ้านนางหนึ่งเข้าเมื่อครั้งเสด็จออกตรวจราชกิจนอกวัง และทรงเสร็จกับวังโดยหารู้ไม่ว่าหญิงนางนั้นได้ตั้งท้องลูกของพระองค์ในเวลาต่อมา
แต่เมื่อทรงรู้ก็ไม่ยอมรับนางเป็นสนมด้วยเหตุถ้าทรงรับนางเข้ามาฮองไทเฮาจะทรงกริ้วและกลัวว่าจะทำให้ฮองเฮาของพระองค์เสียพระทัย ก็เลยไม่ยอมรับนางเข้าวังให้นางต้องเรียนดูลูกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในองค์ชายแห่งแคว้นเพียงลำพัง แต่ก็ทรงประทานเงินทองและที่อยู่ที่ดีทีสุดให้แทน
เรื่องนี้ไม่มีคนล่วงรู้แต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันทรงล่วงรู้ เมื่อครั้งหนึ่งทรงเสด็จตามอดีตฮ่องเต้ที่ทรงออการตรวจตามหัวเมืองต่าง ๆ พอเสร็จจากการตรวจพระองค์ก็ทรงขอว่าจะทรงเยี่ยมชมความเป็นอยู่ของชาวเพื่อศึกษา และก็ทรงได้พบกับพระอนุชาเข้าโดยบังเอิญ ในตอนนี้พระอนุชาถูกกลุ่มคนรุมทำร้ายอยู่ก็ทรงเข้าไปช่วยเหลือ
“เฮ!! พวกเรารุมมันเลยอยากซ่าดีนัก”
“ครับลูกพี่”
“อย่าทำข้า อย่า...ข้าขอร้อง ได้โปรดเถอะ อย่าทำข้า....อย่า....อ๊ากกก.....”
หลี่ซื่อหมิน(พระนามเดิมของพระเจ้าถังไท่จง)ในร่างชายหนุ่มรูปงามที่แต่งตัวอย่างชาวบ้านสามัญเดินผ่านมาแถวนั้นพอดีได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังร้องขอชีวิต ก็เลยเดินเข้าไปดูก็พบว่ากลุ่มคนสี่ห้าคนรอบคน ๆ หนึ่งไว้ คนที่รอบไว้พากันกระทืบคนหนึ่งคนที่กำลังนอนอยู่กับพื้นอย่างไม่มีทางสุ้อย่างเมามัน
“หยุดนะ!!”
เหล่าคนที่กำลังรุมซ้อมชายผู้เคราะห์รายหันกลับมามองทางต้นเสียงที่กล้าบังอาจมาขัดจังหวะอย่างอารมณ์เสีย
“แกเป็นใครไอ้หนุ่ม อย่ามายุ่งเรื่องของพวกข้าหากไม่อยากเจ็บตัว”
ซื่อหมินหันมองหน้าบรรดาคนอื่น ๆ ก่อนจะยิ้ม ทำให้บรรดาคนกลุ่มนั้นเริ่มมีโทสะ แล้วหันมาทางซื่อหมินกันหมด
“ข้าคงไม่ยุ่งไม่ได้ ข้าเป็นพวกทนดูอยู่เฉยไม่ได้เมื่อเห็นคนอื่นเดือนร้อนซะด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าคงอยากเป็นอีกคนที่ถูกพวกข้ากระทืบจมดินสินะ ได้พวกข้าสนองให้”
“ถ้าพวกเจ้าทำได้ล่ะนะ ข้าจะยอมให้พวกเจ้ากระทืบเลย แต่ถ้าพวกเจ้าทำไม่ได้ต่อจากนี้ไปห้ามยุ่งกับเขาอีก”
“ฮ่า ๆ อย่ามาพูดให้ข้าขำเล่นหน่อยเลยอย่างเจ้าหรือจะชนะข้าได้ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้ามีฉายาว่าอะไร หมัดเหล็กเลยเชี่ยวนะเพราะข้าดันประลองไม่เคยแพ้ผู้ใดมาก่อน”
“งั้นวันนี้เจ้าคงต้องแพ้ให้ข้าแล้วล่ะ เพราะข้าเองก็ไม่เคยแพ้ผู้ใดเช่นกัน”
“อย่าดีแต่พูดหากเจ้าแพ้ข้าเมื่อไร เจ้าได้ตายคาเท้าข้าแน่จำไว้ให้ดี”
“ถ้าเช่นนั้นจะมั่วเสียงเวลาพูดกันอีกทำไม ลงมือให้เห็นผลเลยเสียดีกว่าจะได้รู้เสียทีว่าข้าหรือเจ้ากันแน่จะเป็นฝ่ายชนะในครานี้”
“ดีงั้นเรามาสู้กัน”
สิ้นเสียงคนทั้งคู่ก็วิ่งเจ้าปะทะกันเป็นชายร่างใหญ่ที่บุกเข้ามาก่อน ซื่อหมินทำแค่เบี้ยงตัวหลบนิดเดียวก็สามารถหลบการโจมตีนั้นได้ ทั้งยังสวนเขากลับทำให้คนร่างใหญ่ถึงกับจุกจนต้องถอยหลัง แต่เขาก็ไม่ให้โอกาสงามเสียไป ตามติดเข้าประชิดก่อนจะใช้กำปันชกเข้าที่ท้องอีกสองสามหมัดแล้วถอยตัวออกห่าง
“แก่...ทำแสบนักนะ ข้าโกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้วนะ วันนี้ไม่เจ้าก็ข้าได้ตายกันไปข้างแน่”
“หากทำได้ก็เชิญ”
ชายร่างใหญ่วิ่งเข้ามาหวังจะจับตัวซื่อหมินไว้แต่เขารู้ตัวหลบฉากออกมาเสียก่อนแล้วอ้อมมาอยู่ด้านหลังใช้สันมือสับเขาที่ด้านหลังคอของอีกฝ่าย จากนั้นก็เตะที่ข้อพับขาจนอีกฝ่ายล้มลงไป สร้างความแตกตื่นให้กับบรรดาลูกน้องที่มุงดูอยู่ห่าง ๆ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของหัวหน้าตัวเองล้มลงอย่างง่ายดายและหมดสติไป
“ถ้าไม่อยากให้ข้าอัดเจ้านี่จนตายก็รีบพาไปให้ไกลจากสายตาข้าเดี๋ยวนี้!!”
จากนั้นก็หันมาหาร่างที่จวนเจียนจะหมดสติของชายที่ถูกรุมทำร้ายแล้วก็ถามทางไปบ้านเพื่อไปส่งแล้วพอไปถึงบ้านที่ค่อนข้างดี แต่ก็เป็นเพียงบ้านไม้ธรรมดาหลังหนึ่ง และเมื่อเข้าไปก็พบกับหญิงวัยกลางคนกำลังนั่งปักผ้าอยู่
“เจ้ากลับมาแล้วหรือเฉิงเฉียน”
นางถามขึ้นทั้งที่หน้าก็ไม่เงยขึ้นมามอง แต่ก้มหน้าก้มตาปักผ้าอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย และเมื่อลูกชายไม่ตอบทำให้นางต้องเงยหน้ามองก็พบกับสภาพลูกชายที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย หน้าเปื้อนดินโคลน เนื้อตัวมีแต่บาดแผล
“อาเฉียนใครทำอะไรเจ้า ทำไมเจ้ามีสภาพแบบนี้ล่ะ”
“ข้า...ถูก...พวก...อัธพาน...ทำร้ายมา...”
“แล้วเจ้ารอดมาได้ยังไงล่ะ”
“มีคนใจดีท่านหนึ่งมาช่วยข้าและก็พาข้ามาส่งด้วย”
+++++++++++++++++++++++++++++++
ต่อด้านล่างจ๊ะ