สวัสดีปีใหม่ครับทุกคน เวลาผ่านมาเร็วๆมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะเขียนกันจนข้ามปี
ออกจะเหนือความคาดหมายน่าดู ไม่รู้เป็นเพราะว่าเขียนแล้วจบไม่ลงหรือเปล่าซิ 5555
แต่ที่แน่ๆก็คือเป็นเพราะกำลังใจจากเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆทุกคนนะครับ

ขอกราบแบบงามๆที่ยอดอก 1หน

ไม่ว่ากันนะครับถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ รู้ว่าชอบ 5555
ขอบคุณ
kongkilmania ที่ช่วยเอาเรื่องมาลงให้ แล้วก็เป็นคนที่ยุให้เราเขียน แล้วก็คอยเป็นกำลังใจให้ ขอบใจมากน้องรัก
กฤช,Just let it be, acht, MyLoveMyBabe, nartch, THIP, mist, graydragon, deshiwa, pongsj, ● MaYa~Boy ●,piyakorn, sayajang, three,i-pex, gateau, @SZA, terukizawa, YMP, aisen , fc_uk , Y_Yami , zeazaiz, น้ำค้าง, premkoe, @BUA@,, BICHA,madamkung, kaporzung, EDICIUS, tonnaruk , viva, ChiiCaLorz, SodaSaa ขอคารวะที่ติดตามกันมาตลอด

เป็นเหมือนยาชูกำลังให้หัวใจจริงๆ ไม่รู้จะเขียนยังไงดี ถ้าไม่มีพวกคุณเหล่านี้ก็คงจบไปตั้งแต่ตอนที่ 37 ล่ะ แล้วถ้าตกหล่นใครไปบ้างก็ขอโทษด้วยแล้วกันครับ
b|ueBoYhUb, Poes, oaw_eang ถึงแม้จะมาเป็นระยะๆ ก็ดีใจนะครับ
ken_krub ได้กำลังใจจากคุณเคนบ่อยๆ แล้วเวลาหายไปแอบคิดถึงนะ ขอบคุณคับสำหรับกำลังใจที่ให้กัน

แล้วสุดท้ายก็ต้องขอบคุณคนอ่านที่ไม่ได้มาreply แต่ติดตามอ่านอยู่ ขอบคุณจากใจจริงๆครับ
ไหนๆก็หลวมตัวอ่านมาแล้ว ก็อ่านต่อไปนะครับจะพยายามจบให้ลง อิอิ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 49
วันนี้เป็นวันปีใหม่แรกที่เราได้อยู่ด้วยกันครับ ผมพยายามจะคิดว่ามันก็แค่วันๆนึงที่ผ่านไป แต่ก็อดที่จะอยากให้มีอะไรซึ้งๆบ้าง แต่พอถึงเวลาก็ทำไม่ได้เลย ผมต้องไปทำงาน พี่ต่ายก็เหมือนกัน
ผมกลับมาถึงบ้านเกือบ 2 ทุ่ม หมดแรงไม่ไหวแล้วครับ เดินในโกดังทั้งวัน เดี๋ยวปีนขึ้นข้างบน บางทีก็นั่งรถโฟลค์ลิฟท์ยกขึ้นไปสูง กลัวก็กลัวแต่ทำไงได้ เมื่อยขาไปหมด นี่พี่ต่ายยังไม่กลับเลย ผมเลยโทรหาซักหน่อย
“พี่ต่ายครับอยู่ไหนแล้ว...”
“ยังไม่เสร็จเลยโอม....ปีนี้เค้าจัดของไม่เรียบร้อยนี่พี่อยู่โรงงานที่ระยอง ไม่ต้องรอนะครับ”
“แล้วพี่ต่ายขับรถไปเองหรือว่าไปรถบริษัทล่ะพี่”
“พี่มารถตู้ เดี๋ยวก็ต้องกลับเข้าไปเอารถที่บริษัทลูกค้าอีก ไม่ต้องห่วงนะ”
ถึงพี่ต่ายจะพูดแบบนี้แต่ผมก็อดห่วงไม่ได้ นึกถึงตอนที่วันนั้นรถพี่ต่ายไปชน ผมก็ยังคงห่วงเหมือนเดิม ผมเดินเซ็งๆเอาของขวัญปีใหม่ไปวางที่โต๊ะพี่ต่าย พร้อมกับสคส.ปีใหม่ แล้วผมก็ไปนั่งที่เตียงพี่ต่าย แล้วก็นอนเล่นๆจนเผลอหลับไปเลยไม่รู้ตัว ผมไม่รู้ว่าพี่ต่ายกลับมากี่โมง รู้แต่ว่ามีคนมากอดแล้วก็หอมแก้ม เสียงพี่ต่ายกระซิบที่หู
“สวัสดีปีใหม่นะโอม.....มีความสุขมากๆนะครับ”
“อือพี่ต่ายเหรอ....”
แล้วผมก็หลับไปต่อครับ ไม่รู้เรื่องเลย มารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว แต่วันนี้ไม่มีงานแล้วได้หยุดปีใหม่ วันนี้กะกันว่าจะกลับบ้านกับพี่ต่าย แต่พี่ต่ายลุกไปไหนแล้วไม่รู้ ผมเลยไปอาบน้ำแต่งตัวดีกว่า
กำลังแปรงฟันอยู่ครับแล้วก็แปลกๆครับ พึ่งสังเกตเห็น
“เอ๊ย.....แหวนอะไรน่ะ”
ที่มือข้างซ้ายผมนิ้วกลางครับมีแหวนสวมอยู่ เป็นแหวนทองคำขาวเกลี้ยงๆแต่แอบมีเพชรอยู่ตรงกลางเม็ดนึง มันมาตอนไหนว่ะ พอผมคิดได้ก็วิ่งลงมาข้างล่างทั้งที่ยาสีฟันยังเต็มปากเลยครับ มือยังถือแปรงอยู่เลย

“พี่ต่ายอยู่ไหน...พี่ต่ายค๊าบ”
แล้วก็เจอครับ พี่ต่ายอยู่ที่ครัว กำลังทอดอะไรไม่รู้ พี่ต่ายหันหน้ามากำลังจะอ้าปากพูด แต่ไม่ทันครับ ผมเข้าไปกอดพี่ต่ายจากด้านหลัง แล้วก็หอมแก้มพี่ต่ายไปหนึ่งชุด ยาสีฟันเลอะเทอะแก้มไปหมดเลยครับ 555
“สวัสดีปีใหม่ครับพี่ต่าย....ผมชอบของขวัญปีใหม่มากเลย” ดีใจจนเหมือนคนบร้า

“โอมนี่หึหึหึ เล่นเป็นเด็กๆอีกแล้ว ดูซิแปรงฟันยังไม่เสร็จเลยทำมาได้”
พี่ต่ายเอามือปาดยาสีฟันที่แก้ม แล้วยิ้มเขินๆ ที่นิ้วพี่ต่ายมีแหวนแบบเดียวกันอยู่ด้วย อ๊ะ...แหวนคู่ด้วย ปลื้มสุดๆครับ
“จะสวมแหวนให้ก็ไม่ยอมให้ตอนตื่นนะพี่ต่ายอ่ะ”
พูดไปยาสีฟันก็ย้อยออกจากปากไป ชักสกปรกเข้าไปทุกที 5555 ขำตัวเองว่ะ พี่ต่ายคงระอาในตัวผม อีกอย่างไข่ในกระทะจะไหม้แล้ว พี่ต่ายเลยบอกผมว่า
“โอม..ไปแปรงฟันให้เสร็จไป...ไม่งั้นเอาแหวนคืนนะ”
“เรื่องอะไร....มาตัดนิ้วเค้าไปดิ.....รับรองจะไม่ถอดเลย”
แล้วผมก็วิ่งขึ้นไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนครับ อาบน้ำไปอย่างมีความสุขสุดๆ
พอผมลงมาก็เจอแต่อาหารเช้าครับ พี่ต่ายเดินสวนขึ้นไปอาบน้ำ ผมเลยรอพี่ต่ายทานข้าวโดยการเตรียมของที่จะเอากลับบ้านมาวางไว้ กะว่าจะค้างวันอาทิตย์แล้ววันจันทร์ค่อยกลับครับ แต่ที่จริงวันนี้ก็ยังนับเป็นปีเก่าอยู่เลยนะ วันสุดท้ายของปีเก่ากับวันแรกของปีใหม่เราจะได้อยู่ด้วยกัน คิดแล้วก็ครึ้มใจ แต่ระหว่างที่รอบุ้งก็โทรมาครับ
“โอม...กลับบ้านไม๊ว่ะ”พอรับสายมานก็ถามเลยครับ
“กลับดิ....เนี่ยเดี๋ยวกลับวันนี้ มรึงอยู่ไหน” มรึงอย่าบอกนะว่าจะไปกะกรูด้วย
บุ้งมันตอบกลับมาว่า“กรูอยู่ที่บ้านแล้ว.......กลับมาเมื่อวานไปมองๆแถวบ้านมรึงไม่เจอ กรูเลยโทรมาเนี่ย”
เออดี.....ค่อยยังชั่วหน่อย “เออแล้วค่อยไปเจอกันที่บ้าน...แล้วมรึงกลับวันไหน”
“พรุ่งนี้ว่ะ...แล้วมรึงล่ะ”
“กรูก็กลับพรุ่งนี้.....”พอตอบไปแล้ว ผมก็ลังเลใจจะชวนมันกลับด้วยกันจะดีไม๊ เลยรอถามพี่ต่ายดีกว่า
แต่บุ้งมันทำเสียงดีใจครับ “เออดี..เราจะได้กลับด้วยกันอีก”
ผมน่ะพูดไม่ออก เดี๋ยวไปเจอมันที่นู่นคงต้องพูดกันให้จริงจังซักที ก็เลยบอกวางสายมันไปเฉยๆ ไม่ได้พูดอะไรมาก ก็พอดีกับพี่ต่ายลงมา พี่ต่ายใส่ของขวัญที่ผมให้ด้วย ผมยิ้มแก้มแทบแตก พี่ต่ายเดินตรงมาที่ผมยืนอยู่ แล้วคว้าตัวผมเข้าไปกอดจุ๊บที่ปากผมเบาๆ
“ขอบคุณสำหรับของขวัญปีใหม่นะครับ พี่ชอบมาก”
ปรกติพี่ต่ายไม่ใส่นาฬิกาครับ ผมก็ไม่เคยถามว่าเพราะอะไร แต่ผมก็ดันทุรังซื้อนาฬิกาให้พี่ต่าย ตอนนี้เราคุยกันไปกินกันไป เพราะเดี๋ยวต้องเดินทางแล้ว
“ทำไมแต่ก่อนพี่ต่ายไม่ใส่นาฬิกา” แต่ก่อนผมก็ไม่เคยถาม ตอนที่ซื้อมายังไม่แน่ใจเลยว่าพี่ต่ายจะใส่ไม๊
พี่ต่ายทำหน้าแปลกใจ “อ้าวโอมรู้เหรอว่าพี่ไม่ใส่”
ผมพยักหน้าหงึกๆ “รู้ซีพี่....แต่อยากลองดูน่ะ แฮะๆ”
“พี่ไม่ชอบผูกมัดตัวเองกับเวลา พอใส่นาฬิกาเราก็จะกังวลตอนนี้กี่โมง ต้องยกขึ้นมาดูอยู่เรื่อยๆ” อือคิดแปลกๆ
“อ้าว...แล้วทำไมวันนี้พี่ใส่ล่ะ”
ไม่น่าซื้อมาเลยเรา เหมือนไปบังคับให้พี่เค้าทำในสิ่งที่ไม่ชอบ
พี่ต่ายพูดยิ้มกริ่ม“ก็พี่อยากผูกมัดตัวเองไว้กับโอม คราวนี้ดูเวลาทีไรพี่ก็จะได้นึกถึงแต่โอมไง”
โฮะๆๆๆ พี่ต่ายปากหวานมากๆครับ มารักกันให้ตายกันไปข้างนึงเลยดีกว่าไม๊

ตอนนี้บรรยากาศกำลังดีผมเลยไม่อยากพูดถึงเรื่องบุ้ง เราทานข้าวเสร็จเลยรีบออกจากบ้านครับ แต่รถติดมากกกขนาดว่าหยุดมาหลายวันแล้ว ทำไมรถยังเยอะขนาดนี้โดยเฉพาะช่วงขึ้นเขา แทบจะคลานเลยครับ ที่จริงผมก็ไม่อยากมาติดแหง๊กแบบนี้หรอก แต่ปีใหม่ทั้งทีพ่อแม่ก็ต้องอยากเจอลูกๆทั้งนั้น เวลาวันปรกติเราก็เจอเพื่อนบ่อยๆอยู่แล้ว ผมก็เลยว่ากลับบ้านดีกว่า พี่ต่ายเองก็เห็นดีด้วยกับผม
กว่าเราจะถึงบ้านก็บ่ายโมงพอดี ผมหิวจนไส้จะขาดก็เลยไปหาร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆทานครับง่ายดี เร็วดีด้วย แต่เวลาช่วงเทศกาลร้านอาหารก็แน่นมีแต่คนเต็มไปหมด
“พี่ต่ายจะรอไม๊ หรือเปลี่ยนร้านดี”
“เปลี่ยนร้านอื่นมันก็แน่นเหมือนกันแหล่ะโอม ใจเย็นๆ”
“พี่หิวไม๊ล่ะ ผมเป็นห่วง”ผมมองซ้ายมองขวามีแต่คนๆๆๆ แล้วก็คน
“พี่ทนได้...โอมหิวมากเหรอ....อดทนหน่อยน้อง”
เอ้า..รอก็รอ อีกหน่อยผมคงใจเย็นแบบพี่ต่ายได้ ระหว่างที่ยืนรอครับก็มีสาวน้อยคนนึงมาทักผม
“พี่โอมรึเปล่าค่ะ”
ผมกับพี่ต่ายหันไปมอง พี่ต่ายมองหน้าผมทำนองว่าเพื่อนโอมมั๊ง
ผมขมวดคิ้วใครน่ะนึกๆยังไงก็ไม่ออก เค้าคงรู้แล้วล่ะว่าผมจำไม่ได้ ก็เลยรีบเฉลย
“บีนน้องพี่บุ้งไงค่ะ”
ผมถึงได้นึกออก เออน้องบุ้งมันน่ารักว่ะ น่ารักกว่ามันเยอะเลย หุหุ

“พี่จำได้ล่ะ”ผมยิ้มให้น้องเค้าแล้วผมก็หันไปหาพี่ต่าย “แต่ก่อนก็อยู่แกงค์ขี่จักรยานด้วยกันน่ะพี่ต่าย”
“พี่บุ้งก็อยู่ที่บ้านนะคะ เดี๋ยวบีนจะไปบอกให้”
ผมหันไปยิ้มแหยๆให้พี่ต่ายอีกที ยังไงพี่ต่ายก็ต้องรู้อยู่ดี น้องบีนก็ไม่ค่อยพูดอะไรครับดูอายๆเหมือนกัน ผมก็ไม่ชวนคุยน้องเค้าก็เลยบอกลาครับ
“บีนไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
ผมก็ออกจะเขินๆเวลาคุยกับน้องครับ ไม่ได้เจอกันนานมากเลย ผมคงไปทำท่าทางเก้อเขินให้พี่ต่ายเห็นเข้า เลยโดนแซวเลยครับ
“เจอสาวเข้าหน่อยพูดไม่ออกเลยเหรอโอม” แต่เสียงพี่ต่ายเข้มจังเลย
“บ้านนี้มันเป็นยังไงนะ...มาหลงเสน่ห์โอมกันหมดทั้งพี่ทั้งน้อง”
ผมเริ่มจะกินก๋วยเตี๋ยวไม่ลงแล้วครับ ยังไม่กล้าขอพี่ต่ายให้บุ้งกลับด้วยเลย จะพูดออกไม๊เนี่ย
“พี่ต่ายก็พูดเกินไป น้องเค้าไม่ได้มีท่าทีอะไรซักหน่อย”
พี่ต่ายมองหน้าผมเฉยๆ ผมเดาใจไม่ถูกว่าพี่ต่ายโกรธจริง หรือแกล้งโกรธ เพราะพี่ต่ายชอบแกล้งผมบ่อยๆ แต่ปีใหม่ทั้งทีไม่ควรมาโกรธกันเรื่องไร้สาระ ง้อหน่อยก็ได้ว่ะ ไม่เสียตังค์ซักหน่อย
“ให้ยกมาทั้งบ้านก็ไม่มีผลหรอกพี่ต่าย”

ผมค่อยๆช้อนตามองพี่ต่าย พยายามส่งสายตาแห่งความรักไปให้เต็มที่ แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าจะเป็นแบบไหน แล้วก็ปล่อยประโยคที่คิดว่าเด็ดสุดออกไป
“เพราะผมรักพี่ต่ายคนเดียว”

ผมก็ลืมไปว่าอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว คนก็พลุกพล่าน มีแต่เสียงคนสั่งก๋วยเตี๋ยวกันวุ่นวาย แล้วอาแปะที่เดินผ่านมาพอดีก็ถามว่า
“ลื้อว่าไรนะเส้นเล็กลูกชื้นอย่างเดียวเหรอ ล่ายๆรอเลี๋ยวนะ”
“..................”ผมล่ะอึ้งงงง

พี่ต่ายหัวเราะพรืดออกมาเลยครับ ผมโคตรรอายพี่ต่าย นี่กรูทำบร้าอะไรว่ะเนี่ย แล้วดูอีพี่ต่ายไม่กินก๋วยเตี๋ยวแล้วครับ นั่งหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง

ให้คนเค้ามองกันทั่วว่าไอ้หน้าหล่อคนนี้มันเป็นอะไรหัวเราะไม่หยุด ส่วนอีกไอ้หน้าตี๋อีกคนนึงก็นั่งหน้าแดงเป็นมะเขือเทศอยู่ข้างๆ
คำบอกรักของผมเลยกลายเป็นเส้นเล็กลูกชิ้นไปซะแล้ว เฮ้อ แต่ก็ดีอยู่อย่างนึงครับพี่ต่ายอารมณ์ดีขึ้นมาเยอะเลยครับ ผมก็กินก๋วยเตี๋ยวไปขำไป นั่งมองตากันแล้วยิ้มกันไปตลอดเลยครับ

พอตอนบ่ายเราเข้าบ้านแม่บ่นชุดใหญ่เลยครับ ว่าทำไมไม่มากินข้าวที่บ้าน จะได้ไม่ต้องไปรอกินข้างนอกให้เสียเวลา แล้วหลังจากนั้นป๋ากับแม่ก็ใช้เวลาทั้งหมดคุยกับลูกรักครับซึ่งคนนั้นคงไม่ใช่ผม แต่เป็นพี่ต่าย ไม่รู้สรรหาอะไรมาคุยกันนักหนา จนผมหลับไปตื่นนึง เค้ายังคุยเฮฮากันอยู่เลยครับ ผมเห็นทีจะอีกยาวเลยขอตัวขึ้นไปนอนที่ห้อง คืนนี้พี่ต่ายก็นอนห้องผมน่ะครับ ชินซะแล้วไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป
ผมว่าผมนอนไปนานทีเดียว แล้วก็มีมือมาหยิกก้นผมครับ เล่นพิเรนทร์อีกล่ะพี่ต่าย เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่ ผมงัวเงียๆปัดมือพี่ต่ายออกไป ปากก็บ่นพึมพำๆ ก้นก็บิดไปบิดมา
“พี่ต่ายไม่เล่นนะ ....จะนอน” มือพี่ต่ายยังไม่เลิกครับ เปลี่ยนจากก้นผม มาที่หูเอานิ้วเล็กๆมาเขี่ยๆในรูหูผม ผมขนลุกไปหมด
“พี่ต่ายไม่เอานะ....เดี๋ยวใครมาเห็น”
ผมก็ไม่ตื่นอยู่ดี เอามือปัดนิ้วออกไปอีก แต่คราวนี้พี่ต่ายกวนไม่เลิกครับ เป่าลมเข้าไปในหูผม คราวนี้ผมสยิวไปทั้งตัว ผมชักโมโห ลุกขึ้นมาเอาหัวโขกไปอย่างแรงเลยครับ ต้องเจอแบบนี้ซะบ้าง
“โอ๊ย....ไอ้โอมแมร่งเล่นแรงว่ะ” พอได้ยินเสียง ผมตกใจลืมตาขึ้นมาพี่อิงนี่หว่า สมน้ำหน้าจริงๆเล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง 5555 พี่อิงเอามือคลำหัวป้อยๆ แล้วก็เริ่มบ่น
“ตัวเองเล่นกะไอ้ต่ายแบบนี้บ่อยเหรอว่ะ.....ทำเป็นมากลัวคนเห็น..หึ”
พี่อิงมองมองหน้าผม ผมจะหลบตาก็กลัวพิรุธ เอาไงดีว้า เอาไงดี
“ก็เล่นเหมือนเล่นกะตัวเองกะพี่อั้มแหล่ะ...คิดบร้าไรว่ะ”ผมทำเป็นฟอร์มรำคาญครับ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องดีกว่า
“แล้วตัวเองมาปลุกเค้าทำไมล่ะ”
แต่ผมก็ส่ายตามองพี่ต่ายไปไหนว่ะ พี่อิงคงรู้ว่าผมมองหาใคร ก็เลยบอกผมว่า
“ไม่ต้องไปมองหาเลย ไอ้ต่ายออกไปข้างนอกกะแม่กะป๋าไปไหนไม่รู้”
“แล้วมาตามเค้าทำไม”คนกำลังนอนมันส์ๆ
“แม่ให้ไปเจอที่ร้านอาหารเลย...ไปได้แล้ว...เกิดมาไม่ได้นอนเหรอว่ะ....นอนได้นอนดี”แล้วพี่อิงก็เดินบ่นไปตลอดจนขึ้นรถน่ะครับ ตอนที่อยู่ในรถไอ้บุ้งก็โทรมาครับ
“โอมมรึงอยู่บ้านปะกูไปหานะ”เสียงมันร่าเริงมากๆเลยครับ
“อ้าวบุ้งเหรอ กรูกำลังจะไปกินข้าว...ที่ไหนนะตัวเอง”ผมหันไปถามพี่อิง พี่อิงก็บอกชื่อร้านผมมา ผมเลยบอกมันต่อ
“ร้านน่านน้ำ....ไปกะที่บ้าน”ผมบอกมันไปครับ มันจะได้ไม่ต้องมาหาผมที่บ้าน
“กรูไปด้วยได้ปะ....”เอาละซิ กำลังลังเลถึงความควรหรือไม่ควร พี่อิงตะโกนมาว่า
“ชานบุ้งไปด้วย..ไปกินเหล้ากันหลายคนหนุกดี” ตะโกนซะขนาดนั้นมานก็ได้ยินซิครับ ผมยังไม่ได้พูดชวนอะไร มันก็บอกผมว่า
“เออ....เดี๋ยวเจอกัน”
แล้วมันก็วางหูไปเลย ผมเริ่มรู้สึกหนาวๆร้อนๆ สัมผัสได้ถึงเค้าลางของความยุ่งยาก กรูซวยแน่แล้ว มีหวังความลับแตกโพละ จะโดนป๋ากับแม่ไล่กลับกรุงเทพวันนี้เลยป่าวว่ะ
พอไปถึงร้านอาหาร ป๋าแม่พี่ต่ายนั่งรออยู่แล้วครับ พี่ต่ายส่งยิ้มมาให้ผมมาแต่ไกล ผมรู้สึกเหมือนไปพบหน้าพ่อแม่แฟนมากกว่าพ่อแม่ตัวเอง ยังแปลกใจทำไมมันกลับสถานะกันได้ยังไง
พี่ต่ายพยักหน้าให้ผมมานั่งด้านในที่พี่ต่ายกันเอาไว้ให้ คือฝั่งที่ผมนั่งมันจะติดกับราวระเบียงที่เค้ากั้นริมน้ำไว้น่ะครับ ส่วนพี่อิงก็ไปนั่งข้างแม่ ตอนนี้ก็นั่ง ข้างนึง3คน ข้างนึง 2 คน
พี่ต่ายดูรื่นเริงมากๆเลยครับ แล้วบรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อคนที่คุณก็รู้ว่าใครเบอร์ 1 เข้ามา บุ้งมันมาแล้ววว พี่ต่ายหันมามองหน้าผม ผมไม่กล้าสบตา แต่พี่อิงพูดลั่นเลยครับ แถมกวักมือเรียกบุ้ง
“เฮ้ยบุ้งมานี่....มานั่งข้างต่าย”
บุ้งเองก็เหมือนกับจะชะงักไปพักนึง แล้วมันก็ยกมือไหว้ทุกคนที่นั่งอยู่
“สวัสดีครับ ป๋าแม่พี่อิง....พี่ต่าย” ป๋ากับแม่ก็ดีใจใหญ่เลยครับที่มากันเยอะๆ
“มาๆๆบุ้ง นานๆเจอกันที แล้วทำงานที่ไหนล่ะ”แล้วจากนั้นก็ยาวเลยครับ พี่ต่ายก็แจมเป็นระยะ แต่ผมว่าพี่ต่ายแอบเครียดนิดหน่อย ผมเองก็สนุกนะ กินกันหลายๆคนสนุกดี แต่มันสุดๆไม่ได้ ก็มันเหมือนมีสายตาของพี่ต่ายกับบุ้งมันฟาดฟันกันอยู่ยังไงไม่รู้ ผมรู้สึกเสียววาบๆยังไงไม่รู้ พี่ต่ายก็จับมือผมแน่นเลยครับ
ถ้าไม่มีป๋าแม่ผมอยู่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วเวลาที่ผมคาดว่ามันจะมาก็มาเร็วจริงๆครับ ป๋าแม่กลับไปก่อนทิ้งไว้เพียงพวกผมหนุ่มๆ นั่งดื่มกันสี่คน เค้าดื่มกันเหมือนพรุ่งนี้จะไม่มีกินเหล้ากินกันอย่างนั้นล่ะครับ บุ้งย้ายมานั่งตรงข้ามกับผม สบตากันไม่ได้ครับ ราวกับว่าผมเป็นกระสือ ไม่กล้ามองหน้าใครเลย นี่กรูกลัวนะ ดีมีพี่อิงอยู่ด้วย แต่เวลาคนเมานี่ก็แปลกนะครับ บางคนก็เฮฮา บางคนก็เงียบ บางคนก็เศร้า
คนที่เริ่มแสดงอาการก่อนใครก็พี่ผมเองครับเป็นพวกคอแป๊ป แป๊ปเดียวเมาเลยครับ แล้วก็เริ่มพูดมากแบบไร้สติ
“แต่ก่อนนะต่าย....ไอ้โอมกับบุ้งมันสนิทกันมาก....ยิ่งกว่ากรูกะโอมอีก”
พี่อิงไม่ได้มองหน้าใครครับ แต่ผมนะแอบมองอยู่ พี่ต่ายตาขวางแล้ว แต่บุ้งมันยิ้มกริ่ม ส่วนผมน่ะหน้าซีด

“แต่ตอนนี้นะบุ้ง ฮ่าๆๆ...”พี่อิงชี้หน้าบุ้ง “มรึงโดนแย่งคู่หูไปล่ะ....ตอนนี้ไอ้โอมมันเป็นของไอ้ต่ายไปล่ะ...เอิ๊ก”
พอพี่อิงพูดจบ เงียบ...อึ้ง...ไปชั่วขณะ

ตอนนี้หน้าผมซีดกว่าเดิมอีก พี่อิงรู้ไรมาว่ะ พี่ต่ายหัวเราะหึหึครับ ส่วนบุ้งหน้ามันจะร้องไห้แล้วครับ แต่พี่อิงก็ยังไม่หยุด ไอ้พี่เวรนี่ รู้งี้ไล่มานกลับไปด้วยก็ดี อุตส่าห์จะให้เป็นไม้กันหมากัดกัน ดันมาเป็นไม้เขี่ยให้หมากัดกันซะงั้น
“แมร่งอยู่ด้วยกันทุกวัน....ต่ายมันขโมยน้องกรูไปละ” แล้วพี่อิงก็ดื่มอีก
“มีแต่คนแย่งน้องกรูไป...อ้ายพวกนี้...มันไม่มีน้องเป็นของตัวเองรึไงฟะ” พี่อิงเกิดจะมาหวงน้องอะไรตอนนี้ เค้าไม่ใช่ผู้หญิงนะเว้ยพี่อิง ผมชักไม่ไหวล่ะ สงสัยต้องหาตะกร้อมาครอบปากพี่ผมก่อน ก่อนที่จะนำความวิบัติมาสู่ผม
“พี่อิงพูดบร้าอะไร เมาแล้วเพ้อเจ้อใหญ่แล้วนะ กลับบ้านดีกว่า เลิกๆๆๆ”

ชั่วขณะนั้นผมลืมตัวไปเลยใครเป็นพี่เป็นน้อง ผมลุกไปดึงแก้วเหล้าออกมาจากมือพี่อิง แต่พี่อิงไม่ยอม ยื้อๆกันอยู่จนเหล้าหกครับ สาดไปที่หน้าบุ้ง ผมหันไปมองหน้าบุ้ง เหล้าเลอะเต็มหน้ามันเลยครับไหลเลอะเทอะไปหมด เลอะมาที่เสื้อด้วย
ผมตกใจลุกขึ้นทันที ซวยแล้วซิกรูผมรีบหันไปหาบุ้ง ยังไม่ทันได้มองหน้ามันครับว่ามันเป็นยังไง แต่จับแขนมันดึงไปห้องน้ำ
“ไปบุ้ง มรึงไปล้างหน้าก่อนเลอะหมดเลย กรูขอโทษไม่ได้ตั้งใจ”
ดีที่เหลือผมคนนึงที่ดื่มไม่หนัก เพราะกลัวจะเกิดเรื่อง แต่พอเหลือบไปมองพี่ต่ายหน้าไร้อารมณ์มากๆ พี่ต่ายมองผมแต่ไม่พูดอะไร นั่งดื่มอย่างเดียว ส่วนคนก่อเรื่องพี่อิงนั่งหลับไปแล้วครับ พี่ผมแสนจะน่ารักจริงๆ ช่วยได้มากเลยช่วยก่อเรื่องได้ดี

กลับไปบ้านต้องให้ถ้วยรางวัลล่ะ
บุ้งมันก็เดินตามผมมาอย่างว่าง่ายครับ พอเข้าไปในห้องน้ำ มันก็ยืนเฉยอยู่หน้าอ่างล้างหน้าครับ ไม่ทำอะไรเลย ผมก็นึกว่ามันเมามาก ก็เลยจะช่วยมัน
“มาบุ้ง.....มึงก้มหน้านะกรูล้างหน้าให้”มือนึงผมโอบเอวมันไว้ อีกมือนึงเอื้อมไปเปิกก๊อก แล้ววักหน้าล้างให้มัน กะให้มันรู้สึกดีขึ้นจากอาการมึนๆด้วย พอล้างเสร็จมันก็ยังยืนบื้ออยู่ ผมละอ่อนใจ ชีวิตกรูทำไม๊ต้องมาดูแลคนเมาสามคนในวันเดียวกันด้วยนะ เอาทีละคนแล้วกัน เดี๋ยวที่เหลือค่อยตามไปเก็บศพ
ผมพยุงบุ้งไปยืนหันหลังพิงกับกำแพงไว้ก่อน กะว่าจะเช็ดหน้าให้มัน ผมเอามือนึงผลักไหล่มันไว้ให้พิงผนังไม่ให้ล้ม แล้วก็เอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำเย็นค่อยๆเช็ดหน้ามัน บุ้งมองหน้าผมตลอดเวลา แต่ผมเช็ดเท่าไหร่หน้ามันก็ไม่แห้ง มันยังไงว่ะเนี่ย แล้วผมก็พึ่งจะเห็นว่า มันเป็นเพราะน้ำตาของบุ้งไหลลงมาตลอดนี่เอง
“บุ้งเป็นอะไร....”ผมพูดเสียงอ่อนโยนกับมัน
“มรึงก็รู้ว่ากรูรักมรึง.....กรูเจ็บมากแค่ไหนมรึงรู้บ้างไม๊”เสียงของบุ้งสั่นเครือ
“บุ้ง.....”ผมพูดไม่ออก แต่กำลังจะบอกมันให้มันตัดใจ บุ้งก็สวนขึ้นมาว่า
“กรูยอมรับแล้ว...กรูยอมแล้ว...ว่ามรึงรักกับพี่ต่าย”มันพูดไปร้องไห้ไป
“แต่กรูหยุดรักมรึงไม่ได้....กรูจะทำยังไง....มรึงจะให้กรูทำยังไง”

“มรึงไม่ต้องทำอะไรหรอกบุ้ง แค่หยุดรักกรู..ตัดใจนะมรึง”ผมก็พูดได้แค่นี้ นึกคำพูดดีๆไม่ออก ผมพูดได้แค่
“กรูรักมรึง...แต่แบบเพื่อนเท่านั้น”
ผมกำลังจะอธิบายต่อแต่ก็พูดไม่ได้ครับ บุ้งมันรั้งตัวผมเข้ามาแล้วก็จูบผมอย่างรุนแรง มือนึงมันรั้งเอวผมไว้แนบตัวมัน อีกมือนึงมันจับที่หลังคอผมล็อคผมไว้แน่น ผมพยายามจะผลักมันออกแต่มันก็ไม่สนใจ แรงมันเยอะจริงๆ
ผมเจ็บปากไปหมด มันทั้งดูดทั้งกัดปากผมจนผมรับรู้ได้ถึงรสปร่าของเลือดกับเหล้าที่ผสมกันอยู่ ผมพยายามปิดปากไม่ให้มันรุกล้ำไปมากกว่านั้น แต่มันก็ดึงดันจนเข้าไปจนได้ บุ้งมันกอดผมแน่นจนเหมือนกระดูกผมจะแหลกคาอ้อมกอดมัน
ผมบอกไม่ถูกว่านอกจากความเจ็บปวดทางร่างกายแล้วตอนนี้ผมรู้สึกอะไร มันไม่ใช่ความรู้สึกวาบหวิวเหมือนที่มีเวลาจูบกับพี่ต่าย แต่ผมรู้อย่างเดียวว่านี่อาจเป็นการลงโทษจากบุ้งที่ผมทำร้ายจิตใจมัน ร่างกายผมก็เลยอ่อนแรงลงเหมือนพร้อมที่จะรับโทษนั้น แต่น้ำตาของผมก็ไหลออกมาเพราะความเสียใจ เพราะหลังจากวันนี้แล้วระหว่างผมกับมันก็คงไม่เหมือนเดิมแล้ว จะมองหน้ากันแบบเดิมได้ไง ผมไม่รู้ว่าเราอยู่แบบนั้นนานแค่ไหน จนกระทั่ง
“บทรักในห้องน้ำตามร้านอาหาร ดูจะไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นะ ไปหาที่อื่นไม่ดีกว่าเหรอ”
จ๊ากกกกกกกก..............................

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แล้วเจอกันครับ....
