แปง Mode :“พี่ไทม์ ถามจริงๆ พี่คิดจะอยู่บ้านแปงอีกนานเท่าไหร่”
“ถามแบบนี้ อยากรีบไล่พี่ให้กลับบ้านล่ะสิ”
“กะ...ก็นี่มันปาเข้าไปเดือนนึงแล้วนะ...”
“ช่วยไม่ได้นี่ครับ เพราะดูท่าว่าคนแถวนี้จะเสน่ห์แรงเหลือเกิน”
“อะไร อย่ามาทำเนียนเปลี่ยนเรื่อง ตอบมาเลยตกลงจะอยู่บ้านแปงอีกนานมั้ย”
“ก็จนกว่าน้ำจะลดมั้งครับ”
“งั้นพี่ก็กลับไปได้แล้ว ดูข่าวอยู่ก็รู้อยู่ น้ำมันลดแล้วเนี่ย”
“ใจร้ายจังนะครับ อยากให้พี่รีบกลับไปขนาดนั้นเลยเหรอ”
พี่ไทม์คงไม่รู้ว่าผมนั่งคิดอยู่หลายวันกว่าจะกล้าเข้าเรื่องนี้ได้...ผมไม่รู้ว่าตัวเองตอนนี้ตัวเองเป็นอะไรแล้วไอความรู้สึกครึ่งๆกลางๆแบบที่อธิบายไม่ถูกนี่มันคืออะไร เหมือนจะรำคาญเวลาโดนแกล้งแต่ก็มาแอบนั่งยิ้มเหมือนคนบ้าได้เวลาอยู่คนเดียวในห้อง ไม่ชอบเวลาที่ไอ้พี่ไทม์หลอกหอมแก้มหรือแตะเนื้อต้องตัวแต่ก็ทำได้แค่หันไปด่าทั้งๆที่หน้าร้อนผ่าวไปหมด ผมเลยอยากให้เวลาตัวเองในการคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเองว่าจริงๆแล้วผมรู้สึกยังไงกับพี่ไทม์กันแน่...อยากจะใช้เวลาคิดโดยที่ไม่มีพี่ไทม์คอยอยู่ข้างๆแบบนี้...อยากจะรู้ว่าเวลาไม่มีพี่ไทม์อยู่ผมจะรู้สึกยังไง ยังจะรู้สึกปกติเหมือนก่อนหน้านี่รึเปล่า
“เออสิ...รีบๆกลับไปเลยนะ”
“ไล่พี่แล้วทำไมไม่มองหน้าพี่ล่ะครับ หืม”
ก็อยากจะมองอยู่หรอก แต่ไม่รู้ทำไมมันมองไม่ได้
“อะ...อะไรเล่า”
“ไหนมองหน้าพี่แล้วพูดสิครับ”
“ไม่ต้องเลยไอ้พี่ไทม์ ชอบแกล้งว่ะ...”
“โอเคๆ ไม่แกล้งก็ไม่แกล้ง แต่บอกพี่หน่อยได้มั้ยว่าช่วงนี้เป็นอะไรถึงได้ทำตัวแปลกๆ”
“...ก็...ไม่ได้เป็นอะไร”
“แปงครับ...”
“อะไรอีกเล่าก็บอกว่าไม่มีอะไรไง...” แปงเอ๊ยเวลาเค้าถามดันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แล้วจะนั่งคิดมาทำไมตั้งหลายวันวะ เกลียดตัวเองจริง
“แล้วคิดว่าพี่เชื่อมั้ยครับ”
“...” กูรู้ว่ามึงไม่เชื่อ แต่กูไม่รู้จะอธิบายยังไงโว้ยยย
“แปง...”
“...” ขอเวลานิดนึงกำลังเรียบเรียงประโยค
“ว่าไงครับ”
“โอเคๆ...แปงคิดมาหลายวันแล้ว แปงอยากให้พี่ไทม์กลับบ้าน หรือถ้าไม่กลับบ้านก็ไปอยู่ที่อื่น...”
“เหตุผลล่ะครับ...”
“...แปง...แปงอยากได้เวลาคิด...เรื่องของ...เรา...”
เสียงผมตอนนี้คงเบามาก เบาจนผมยังกลัวตัวเองจะไม่ได้ยิน แต่ก็นี่แหละครับ สิ่งที่ผมอยากจะบอกพี่ไทม์ ผมต้องการเวลาที่จะคิดเรื่องของเราอย่างอย่างจริงจังเสียที ไม่ใช่เล่นๆอย่างที่ผ่านมา
“...โอเคครับ งั้น...เราก็คงต้อง ห่างกันซักพัก”
.
.
“แปง”
“...”
“แปง...ลูก”
“คะ...ครับแม่”
“เป็นอะไรรึเปล่า นั่งเหม่อเชียว”
“ปะ...เปล่านี่แม่”
“เปล่าอะไร แม่เรียกตั้งหลายรอบยังไม่ได้ยินเลย”
“แปงก็แค่นั่งคิดอะไรเพลินไปหน่อยอะแม่”
“...คิดถึงพี่เค้าใช่มั้ยลูก”
“...ไม่ใช่ซะหน่อยแม่ก็...” ก็...ก็แค่รู้สึกเหงา
“แปง...สมองของคนเรามันคิดได้ทุกเรื่องก็จริงนะลูก แต่บางเรื่อง...สมองมันก็ให้คำตอบกับเราไม่ได้หรอกเพราะไม่ใช่หน้าที่ของมัน...”
“...”
“เรื่องความรัก...มันเป็นเรื่องของหัวใจ...ลูกต้องใช้หัวใจคิดนะลูก ลูกจะใช้แต่สมองไม่ได้เพราะสมองไม่ใช่หัวใจ...จะพูดให้ฟังง่ายๆก็คงเหมือนกับ ลูกเลือกคนจบวิศวะมาทำงานบัญชี ลูกคิดว่าผลลัพท์ที่ออกมามันจะเป็นยังไง”
“จบวิศวะแล้วจะมาทำบัญชีได้ไงล่ะแม่ แค่คิดก็ไม่ออกแล้ว”
“ก็นั่นแหละลูก เรื่องของหัวใจเราก็ใช้สมองตัดสินไม่ได้เหมือนกัน...รีบๆคิดแล้วไปให้คำตอบพี่เค้านะลูก”
“...แม่รู้เหรอ”
“แม่รู้ทุกเรื่องของลูกแม่จ๊ะ แม่เคยบอกลูกแล้วไง ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจยังไงแปงก็ยังเป็นลูกที่น่ารักของแม่ แล้วแม่ก็รักลูกเสมอ...”
“ขอบคุณครับแม่ แปงก็รักแม่เหมือนกัน...”
.
.
อีกสองวันมหา’ลัยก็จะเปิดเทอมแล้วครับ ผมก็เลยต้องรีบกลับมาทำความสะอาดหอก่อน เห็นสภาพตอนเดินเข้าห้องแล้วก็แทบอยากจะย้ายออกเลยเหอะ กำแพงนี่กลายเป็นคราบจิตรกรรมฝาผนัง แถมมีรูมเมทเป็นน้องเชื้อราอีกต่างหาก
แล้วแบบนี้กูจะได้ค่าชดเชยกับเขาบ้างมั้ย!!เฮ้อ ก็ได้แต่ทำใจแล้วก้มหน้าก้มตาเก็บกวาดทำความสะอาดไปแหละครับ ทำไงได้
ส่วนคำตอบของผมน่ะหรอ...อืม...คิดไว้แล้วล่ะ...คิดไว้ว่า...
ไทม์ Mode :
“ไทม์ วันนี้แกว่างมั้ยไปช่วยสอนหน่อยสิ”
“โอ้โห วันแรกก็มีเลยเหรอครับพ่อ”
“แล้วจะไปมั้ยล่ะ”
“ครับๆ ไปครับพ่อ เห็นผมว่างไม่ได้เลยนะ”
“ก็พ่อบอกแล้วเห็นแกว่างแล้วมันหมันไส้”
.
.
แล้วผมก็ต้องรับหน้าที่ไปเป็นอาจารย์พิเศษที่คณะนิติศาสตร์เหมือนเคย พอสอนเสร็จอะไรเสร็จแล้วก็...ก็นั่นแหละครับหน้าคณะสถาปัตฯ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะมานั่งให้น้องเห็นหรอก แต่ประมาณว่ามาแอบดูน่ะครับ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าน้องพร้อมที่จะเจอผมรึเปล่า
“ไอ้แปง เดินเร็วๆสิวะ กูหิวข้าว กูอยากแดกข้าว”
“กูก็เดินเร็วได้แค่นี้แหละไอ้พีช มึงหิวมากก็เล็มหญ้าแถวนี้ไปพลางๆก่อนไป๊”
“ปากคอช่างร้ายกาจนะไอ้แปง”
“เรื่องของกู”
น้องยังร่าเริงดีเป็นปกติเห็นแบบนี้แล้วก็นึกถึงตอนที่ผมเจอน้องวันแรกนะครับ นิสัยไม่เคยยอมใครแบบนี้ผมล่ะเชื่อเค้าเลยล่ะ
ครืด ครืด
“ครับพ่อ”
“แกอยู่ไหนเนี่ย”
“ก็แถวๆนี้แหละครับพ่อ”
“เออ งั้นมาหาพ่อที่ห้องหน่อย มีงานให้ทำ”
“ครับๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละครับท่านอธิการบดี”
แล้วผมก็ต้องรีบไปตามคำสั่งของท่านอธิการบดีนั่นแหละครับ พ่อนะพ่อคือจะให้ผมว่างไม่ได้จริงๆใช่มั้ยเนี่ย
“อ้าว พ่อมีแขกหรอครับ ให้ผมรอข้างนอกก่อนมั้ย”
“ไม่ต้องๆ เข้ามานี่เร็ว”
“ครับ”
“ไทม์ นี่น้องแพร ลูกสาวเพื่อนพ่อ...เพิ่งจบสถาปัตฯมาจากอเมริกา”
“สวัสดีค่ะพี่ไทม์”
“อะ...เอ่อ สวัสดีครับ”
“ไหนๆ แกก็ว่างแล้ววันนี้ ช่วยพาน้องไปคณะสถาปัตฯหน่อย พ่อว่าจะให้แพรเค้ามาเป็นอาจารย์พิเศษให้เลยอยากให้ไปดูงานที่คณะ”
“...ครับ”
เหอๆ งานที่พ่ออุตส่าห์เรียกผมมา งานเดินพาลูกเพื่อนพ่อไปคณะเนี่ยนะ! ให้คนอื่นทำก็ได้เหอะ แต่ว่าท่าทางพ่อผมนี่จะขยันหาอาจารย์พิเศษเน๊อะ ลูกตัวเองยังไม่พอต้องไปสอยลูกเพื่อนมาด้วย งานพ่อยังเยอะไม่พอรึไงนะถึงต้องมานั่งทำหน้าที่จัดหาอาจารย์ให้ชาวบ้านเนี่ย
“รบกวนด้วยนะคะพี่ไทม์”
“เชิญครับ”
แล้วผมก็ต้องเดินพาน้องแพรอะไรของพ่อเนี่ยมาที่คณะสถาปัตฯ ระหว่างทางเธอก็ชวนผมคุยไปเรื่อยอะครับ คือจะเรียกได้ว่าค่อนข้างพูดเก่งเลยทีเดียวแหละ พอมาถึงคณะผมก็จัดการพาเธอไปหาคณะบดีเลยครับเรื่องงานก็ไปคุยกันเองละกัน ผมไม่เกี่ยวแล้ว
เดินอยู่ในคณะนี้แล้วก็อดคิดถึงน้องไม่ได้ครับ วันนี้ได้เห็นหน้าน้องไม่ถึงห้านาทีในรอบหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาแถมยังเป็นการแอบมองอีกต่างหาก แล้วนี่มันต่างอะไรจากตอนแรกวะเนี่ย เฮ้อ
“แปงจะคิดถึงพี่บ้างมั้ยนะ...อยากจะรู้จริงๆ”
“อยากรู้ก็รีบหันหลังมาสิ...ไอ้พี่ไทม์”
“...แปง”
บอกผมที น้องมาอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่!!!>>>TBC.
หลายคอมเม้นท์บอกว่าเรื่องนี้มากับน้ำแล้วก็คงจะไปพร้อมน้ำ เรื่องจริงอย่างที่สุดค่ะ เพราะเราสัญญากันไว้แล้วว่าจะอยู่เป็นเพื่อนกันจนกว่าน้ำจะลด แล้วตอนนี้มันก็ลดแล้ว ก็คงต้องจบไปพร้อมๆกัน 555
ลงครั้งหน้าก็คงจบแล้วค่ะ จบแน่ๆล่ะทีนี้ 555 แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ มนคิดว่าถึงมันจะจบแล้วแต่หลังจากสอบเสร็จอะไรเสร็จว่างๆ จะเขียนตอนพิเศษมาให้หายคิดถึงคู่นี้กันบ้างอะไรบ้าง เพราะตัวคนเขียนเองก็คงคิดถึงคู่นี้เหมือนกัน อิอิ