@@ ข่าวดี!!@@เปิดจองนิยายเรื่อง 'มนต์มาร'ตั้งแต่วันที่ 8 - 25 กุมภาพันธ์ 2555สำหรับ 200 ท่านแรกที่จอง และโอนในวันเปิดโอน
จะได้รับผลงานการเขียนฉบับพ็อกเก็ตบุ็ค ของพี่วีจำนวน 10 ตอน ฟรี!พี่วีใช้ชื่อหนังสือพิเศษนี้ว่า
'แม่พระของวี' ไม่ควรพลาดเรื่องนี้ไม่มีขาย ความหนาประมาณ 100 หน้าหาซื้อไม่ได้
การันตี ใครอ่านเรื่องนี้คุณต้องรักแม่และครอบครัวมากขึ้นเป็นเท่าตัวแน่นอน เป็นความอนุเคราะห์และอภินันทนาการพิเศษ
เพื่อไว้อาลัยให้กับคุณยาย คุณแม่ของพี่วีที่เพิ่งเสียไปเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา หนังสือเล่มนี้บรรยายความรักความผูกพัน
ของพี่วีกับคุณแม่ ที่พี่เค้าเคารพบูชายิ่ง
'แม่พระของวี' ปล.สำหรับมนต์มาร แถมตอนพิเศษ 5 ตอนในเล่มเท่านั้น สนใจส่งเมลล์มาลงชื่อจองพร้อมขอเลขลำดับการจองได้ที่
luxilove_19690อย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปค่ะ (รูปเล่ม และรายละเอียดจะเปิดตัวราววันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้)
เหยี่ยวหัวใจ
Part 15
เงื่อนไข!
ชีวิตของผมตกอยู่ในวงอโคจรของการโชว์ตัว ทำกิจกรรมในฐานะเดือนมหาลัยคือช่วยงานการกุศล
งานคณะต่างๆ งานสภานิสิตฯ สารพัดห่าเหวอะไรไม่รู้มากมาย ตารางงานของผมมีเกือบทุกอาทิตย์โดยไอ้พี่เลี้ยงควบตำแหน่ง
ผู้จัดการส่วนตัวเป็นคนจัดตารางงานให้ทุกอย่าง ออกงานกันบ่อยมากจนผมเริ่มจะไม่สนุกเสียแล้วสิ
เพราะต้องแบ่งเวลาเรียนเวลาทำงานส่งอาจารย์อะไรอีกหลายอย่าง เวลากว่าครึ่งดันหายไปกับกิจกรรม
ของสถาบันที่ต้องแพ็กคู่เดือนและดาวมหาลัยไปร่วมประจำ ส่วนใหญ่จะมีการทำหนังสือแจ้งมายังองค์กรนักศึกษาฯ และทางนั้น
ก็จะบอกพวกผมอีกที
เพิ่งรู้ว่าตำแหน่งที่ได้มามันเหนื่อยถึงปานนี้ ที่สำคัญผมไม่ค่อยชอบงานสังคมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นี่ถือว่า
เป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่จนผมทนไม่ไหวตัดสินใจว่าคงต้องคุยกับไอ้รั่วมันวันนี้ และคิดว่าต้องได้บทสรุปด้วยเลยเช่นกัน
ผมกับมันกลับมาถึงคอนโดฯ ในสภาพแทบหมดแรงทั้งคู่ เพราะต้องไปช่วยงานครบรอบวันเกิด
อธิการบดีของมหาลัยที่จัดซะใหญ่โตจนเป็นงานช้าง กว่าจะขอตัวกลับได้ปาเข้าไปสี่ทุ่มแล้ว ยอมรับว่าเป็นอะไรที่อึดอัด
สำหรับผมมาก
“พรตกูคงต้องคุยกับมึงจริงจังแล้ววะ” ผมบอกมันทันที หลังเราทั้งคู่ต่างเตรียมตัวเข้านอน เพราะพรุ่งนี้
มีเรียนแต่เช้าอีกผม มันยังดีมีเรียนคาบสามแต่มันก็ต้องไปแต่เช้าเพื่อไปทำงานองค์กรนักศึกษาฯ นั่นแหละ
“หืมมีอะไร?” มันถาม
“เดือนกว่าแล้วนะพรต กูคงต้องบอกมึงว่ากูไม่ไหวที่จะออกงานในฐานะเดือนมหาลัยอีกแล้ว กูแทบจะ
ไม่มีเวลาทำห่าไรเลย ต้องคอยไปงานนั่นนี่โน้นอยู่แบบนี้ ต่อให้หัวดีแค่ไหนผลการเรียนคงได้ร่วงกันคราวนี้มึงเองก็เหมือนกัน
พลอยต้องมารับภาระตามกูงกๆ กูว่าไม่เวิร์คแล้วว่ะ?”ผมบอกไปตามตรง มันตะแคงหันมาจ้องหน้าผมแบบเนือยๆ เชื่อว่ามันก็คง
รู้สึกไม่ต่างกันหรอก เพียงแต่ระหว่างเรายังไม่มีใครยอมพูดเรื่องนี้ขึ้นมาจริงจังก่อนต่างหาก ผมจึงตัดสินใจเปิดประเด็นเสียเอง
ขืนรอมันพูดคงมีวันนั้นหรอกนะ ในเมื่อไอ้รั่วมันคนสาธารณะซะขนาดนั้น
“อืมกูเข้าใจไม่นึกเหมือนกัน เป็นเดือนมหาลัยแล้วแม่งจะมีงานเหี้ยไรเยอะแยะยังกับมิสไทยแลนด์เวิลด์”
มันก็ยอมรับ
“กูคิดว่า กูจะงดรับงานทั้งหมดตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไป พรุ่งนี้มึงก็ไปลาออกจากองค์กรนักศึกษาฯ ซะ”
ผมพูดจบ มันตาโตจ้องผมอึ้งค้างไปแล้ว ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เรื่องงดรับงานคงไม่เป็นไรให้เค้าเลื่อนตำแหน่งรองแชมป์ไปแทนมึงได้ แต่เรื่องลาออกของกูนี่สิ
มันดูไม่เหมาะมั้ง” มันต่อรองผมครับ ซึ่งผมคงไม่ยอมอ่อนให้มันแน่นอน มันใช้เวลายุ่งวุ่นวายไปกับกิจกรรมมากแล้วผมไม่ต้อง
การสิ่งเหล่านี้มาดึงเวลาของเราสองคนไปมากกว่านี้ ที่ผ่านมาผมเรียนคนละที่กับมัน ทำให้พอทำใจได้บ้าง ช่วงนั้นมีกลุ่มเพื่อน
สนิทอยู่ด้วยกันตลอดจึงไม่ค่อยอะไรกับมันมาก แต่ตอนนี้เราอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว เรียนที่เดียวกันด้วยหากมันจะใช้
เวลาไปกับกิจกรรมที่ได้ทุ่มทำงานมาปีกว่าต่ออีกละก็ ผมคิดว่าผมคงต้องขอให้มันหยุดได้แล้ว
“กูคงต้องขอให้มึงหยุดแล้วพรต? เพราะมึงวุ่นวายกับคนมากเกินพอแล้ว ใครต่อใครพยายามเข้ามา
วุ่นวายกับมึงก็เยอะ ถ้ามึงหยุดไม่ต้องทำตัวเด่นไม่ต้องอะไรมากมาย เรียน เล่น ออกกำลังกาย ใช้เวลาเหมือนนักศึกษาปกติกู
ว่าจะดีกับเราทั้งคู่” ผมบอกมันในขณะที่สายตายังไม่ละไปจากใบหน้ามันเลยแม้แต่นิดเดียว
“กูเข้าใจ แต่มันฉุกละหุกไปไหมให้เวลาพวกเค้าหน่อยดิ กูรับปากก่อนสอบปลายภาค กูจะลาออก
และใช้ชีวิตอย่างมึงว่า ขอเวลาเคลียร์งานกีฬาคณะที่จะจัดก่อนสอบนี้ก่อนได้ไหม ส่วนเรื่องมึงกูจะไปบอกให้สภานักศึกษา
งดรับงานโชว์ตัวห่าเหวอะไรนั่นให้ ถ้าปฏิเสธไม่ได้ก็ให้รองแชมป์ไปแทนเอาตกลงไหม?” มันบอกผม ความจริงก็ถูกของมัน
จะพรึ่บพับให้ได้ดั่งใจเลยคงเป็นไปไม่ได้
“ตกลง งั้นเรื่องงานของกูมึงจัดการได้เลย ส่วนเรื่องกิจกรรมของมึงกูให้เวลามึงแค่งานกีฬาคณะเป็นงาน
สุดท้าย หลังจากนี้เราทั้งคู่ไม่ต้องเสนอหน้าออกไปทำอะไรอีก วางมือให้คนอื่นทำเถอะตกลงไหม?” ผมขอคำยืนยัน
ให้มันรับปากก่อน
“อืมกูรับปากตกลงตามนี้” มันพูดจบ ผมประกบปากจูบราตรีสวัสดิ์มันเลยทันที ไม่มีแรงทำอะไรหรอก
ตอนนี้ ห่างมากว่าสองอาทิตย์แล้วเรื่องอย่างว่า เหนื่อยเพลียแถมยังวุ่นวายหลายอย่าง ดีที่สุดคือหลับพักเอาแรงดีกว่า
จะได้ตื่นไปเรียนไม่เพลียจัด
“รันกินไรมาหรือยัง เรามีพายมาด้วยรองท้องสักหน่อยไหม?” พรสาวน้อยคนเดิม ยื่นพายให้หลังจากที่ผม
เดินเข้าไปในโต๊ะ ซึ่งเดอะแก๊งค์นั่งกันหน้าสลอนครบองค์ประชุม
“ไม่ล่ะครับ ขอบใจมากเราทานกาแฟมาแล้ว” ผมตอบตามจริง ผมกับไอ้รั่วทานของว่างกับกาแฟก่อน
ออกจากคอนโดฯกันมาแล้ว
“ห่ารันแทบไม่ได้อยู่พร้อมหน้าเลยนะมึง งานยุ่งอย่างกับดาราดังเลยเชียวว่ะ ตั้งแต่เป็นเดือนมหาลัย
กูเกือบลืมหน้ามึงไปแล้วเพื่อน” ไอ้อั้มมันประชดผมครับ
“ตั้งแต่นี้ มึงคงได้เจอกูทุกวันแล้วอั้ม เพราะกูจะคืนตำแหน่งให้รองแชมป์ทำหน้าที่แทนกูแล้ว” ผมพูด
ด้วยน้ำเสียปกติ แต่ก็ทำให้พวกมันชะงักกึก พากันจ้องผมหมด
“พูดจริงดิ อะไรเว้ยตำแหน่งนี้มันมีคืนได้ด้วยหรือวะ?” ไอ้หยกมันถามขึ้นมา หลายคนพยักหน้าตาม
มันคงสงสัยพอกันละมั้ง
“คืนได้ไม่ได้ไม่รู้ แต่กูให้พรตไปเคลียร์แล้วของดรับงาน ยกให้รองแชมป์เค้าออกงานแทนไปเลย”
ผมตอบหน้านิ่งเหมือนเดิม พวกก็พยักหน้าเข้าใจ ก่อนสาวนิ่มจะถามผมขึ้นว่า
“เดี๋ยวนี้สรรพนามเรียกพี่พรตซี้ปึกจนไม่ต้องเรียกพี่แล้วสิเนอะ ถามหน่อยพี่พรตขวัญใจเราเป็นไงบ้าง
ไม่ได้เจอพี่เค้านานเหมือนกัน” ผมก็เพิ่งรู้ว่าเรียกไอ้รั่วมันโดยไม่มีคำว่าพี่เลยจริงๆ
“ก็สบายดี ทำงานด้วยกันจนสนิทไม่ต้องเรียกพี่แล้วล่ะ” ออกตัวไปเลยครับ พวกมันจะได้ไม่ต้องตั้ง
ข้อสังเกตอีก
“แตนรายงานกลุ่มเป็นไงบ้าง?” ผมถามงานกลุ่ม เพราะผมไม่ได้ช่วยพวกมันเลย แต่ก็ไม่มีใครตำหนิ
คงเข้าใจว่าผมยุ่งจริงๆ
“เรียบร้อยแล้ว เราไลท์ไฟล์งานใส่แผ่นมาให้รันแล้วด้วยนะ เอานี่เอาไปเลยอย่าลืมเตรียมตัวพรีเซ้น
พรุ่งนี้ รันรับหน้าที่ไป” ผมพยักหน้ารับทราบ เพราะถึงผมไม่ได้ช่วยเรื่องเปเปอร์ แต่ก็รับอาสาจะพรีเซ้นหน้าห้องให้ ทุกคนเห็น
พ้องกันว่าให้ผมจัดการเรื่องนี้ จากนั้นพวกเราทั้งหมดก็พากันขึ้นเรียนปกติ ซึ่งผมคงต้องตามงานหัวหมุนเลยล่ะ
พักเที่ยงพวกเราต่างตรงไปยังโรงอาหารเพราะพรตมันส่งข้อความมาบอกผมตอนกำลังเรียนอยู่ให้ไป
เจอมันที่โรงอาหารเลย กลุ่มผมเดินเข้าไปในโรงอาหารนักศึกษาฯ ต่างพากันมองผมไม่วางตา พวกเค้าคงรู้ว่าผมเป็นเดือน
มหาลัยเพราะงานเฟรชชี่ไนท์ที่ผ่านมาคนดูคนเชียร์เยอะมาก เป็นเรื่องปกติที่จะมีคนรู้จักผม เดินไปที่ไหนก็มีแต่คนมอง
พวกเพื่อนมันก็เนียนไม่มีใครออกอาการอะไรเลย จังหวะที่เดินกันเข้าไปนั่นพรตรั่วก็โบกมือให้หยอยๆ เห็นกลุ่มมันแล้ว
ผมจึงนำเพื่อนๆตรงเข้าไปที่โต๊ะมันทันที
“พี่พรตหวัดดีค่ะ หวัดดีพี่ หวัดดีๆ” เพื่อนผมต่างทักทายมัน ซึ่งมันก็ยิ้มรับถ้วนหน้า รวมทั้งทักทาย
กลุ่มเพื่อนมันด้วย ทั้งไอ้พี่แซค พี่กล้า พี่หิน อยู่กันครบสี่หนุ่มกลุ่มมันเลยแหละ
“นั่งดิ มีเรื่องจะบอกพวกเราด้วย” มันพูด พวกเราต่างพากันนั่งลงที่ว่างคิดว่ามันคงจองไว้ก่อนแล้ว
“พี่พรตมีเรื่องอะไรจะบอกหรือค่ะ?” สาวนิ่มเปิดประเด็นถามขึ้นโดยไม่ต้องรอพักหายใจกันเลย
“เดี๋ยวก็ได้ไปหาอะไรกินกันก่อน ท้องอิ่มแล้วค่อยคุยดีกว่า” มันบอก พวกเพื่อนๆ พากันพยักหน้ารับ
ก่อนจะแยกย้ายกันลุกไปซื้อข้าวมากินกัน ผมกำลังจะขยับลุกไปด้วย
“รันไม่ต้องหรอก จะกินอะไรบอกมาเดี๋ยวพรซื้อมาให้นั่งคุยกับพี่พรตไปพรางๆก่อนก็ได้”ทุกคนพากัน
ชะงักนิดหนึ่ง ผมเองก็อึ้งไปเหมือนกันก่อนที่พวกมันจะทำเป็นหูทวนลมตีมึนเดินกันไปเนียนๆ ปล่อยให้พรกับสาวแตนซึ่งทำ
เป็นเฉมองนั่นนี่โน้นอยู่เป็นเพื่อนเธอคนเดียว
“ไม่เหมาะมั้งครับ ผมเป็นผู้ชายจะมาให้พรบริการได้ไง?”ผมพูดไปตามความรู้สึก
“คิดไรมากว่ะ เพื่อนกันเค้าไม่ถือหรอกจริงไหมน้อง จัดมาแผนงไก่ไข่ดาวราดข้าวมาเลยนะ
น้ำขอใบบัวบกซื้อมาให้มันเลย ส่วนเงินเอาที่มันเองนะน้องพร” กลายเป็นไอ้รั่วมันจัดการสั่งทั้งข้าวทั้งน้ำให้ผมเสร็จสรรพ
ดูนิสัยมันดิ เสือกสั่งน้ำใบบัวบกอีกต่างหาก
“ตกลงตามนี้นะ เดี๋ยวพรซื้อมาให้ก่อนรันค่อยให้เงินพรเอาก็ได้” พูดจบไม่รอผมปฏิเสธเธอเดินเกาะ
แขนไปกับสาวแตนหน้าตาเฉย ผมจึงต้องหันมามองหน้าไอ้รั่วที่บัดนี้ก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปากแบบไม่สนใจ
หลังเจ้ากี้เจ้าการออกหน้าไปเรียบร้อยแล้ว
“พรต กูไม่ได้อยากกินน้ำใบบัวบกสั่งมาทำไมหืม?” ผมไม่ปล่อยหรอกครับ เพื่อนมันไม่แปลกใจ
หรอกที่ผมเรียกมันซะสนิทปาก เพราะพักหลังผมพูดกับมันประจำ กลุ่มเพื่อนมันคงคิดว่าเราสนิทกันมาก
“กูสั่งให้มึงไม่กินก็เปลี่ยนแก้วกับน้องพรเค้าเอาก็ได้ เชื่อสิว่าน้องเค้าไม่ปฏิเสธหรอก ที่สำคัญน้ำ
ใบบัวบกเหมาะกับน้องพรมากกว่ามึงวะ”มันพูดหน้าตาย ส่งท้ายยักคิ้วกวนใส่ผมอีก เอากับมันดิ
“ทำอย่างนั้นยิ่งน่าเกลียดไปใหญ่ สั่งมาแล้วไม่แดกดันยัดเยียดให้เค้าอีก มึงนั่นแหละเป็นคนสั่ง
เอาแก้วมึงมาเปลี่ยนกูเลย” พูดจบผมยื่นมือจะไปคว้าแก้วโอเลี้ยงมัน เสือกรู้ทันรีบเอาหนีผมยกดูดอีกจ๊วบซะงั้น
“อืมม..ฮา!ชื่นใจ มึงจะเปลี่ยนกูทำไมกูไม่ได้ช้ำใจนี่นาบอกแล้วให้น้องพรเค้านั่นแหละเหมาะสุด
มึงไม่กล้าเปลี่ยนคิดไรกับเค้ารึเปล่า?” น้าน! ดูหาเรื่องผมซะงั้น
“กูจะคิดอะไร มันดูน่าเกลียดเค้าต้องซื้อข้าวบริการกูยังทำนิสัยเหี้ยอีก เหมาะไม่หืม?” เพื่อนมัน
ในโต๊ะต่างฟังเราเถียงกันไปมา ทั้งที่ตักข้าวกินไปด้วยแต่ไม่มีใครกล้ายุ่ง โดยเฉพาะไอ้พี่แซคซึ่งมันคงแน่ใจแล้วว่าผมสองคน
เกินคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้องไปถึงไหนแล้ว แต่มันก็ไม่ปริปากถือว่านิสัยส่วนนี้น่าคบเหมือนกัน เหนือสิ่งอื่นใดมันคงไม่อยากทำลาย
มิตรภาพของคำว่าเพื่อนที่ไอ้รั่วมีให้มันต่างหาก
“ถ้ามึงลำบากใจดูเอาเปรียบผู้หญิงมากไปหน่อย มึงก็เลี้ยงเค้าซะก็สิ้นเรื่อง เค้าไปซื้อมึงก็ออก
เงินแค่นั้นพอใจหรือยัง?” พอมันบอกมาแบบนี้ ผมก็จนปัญญาแย้ง คงต้องทำตามที่มันบอกนั่นแหละเป็นทางออกดีที่สุด
แต่ไอ้เรื่องเปลี่ยนน้ำใบบัวบกคงเปลี่ยนกับไอ้ขุนมันเพราะไอ้นี่ชอบ ผมกินไม่ได้จริงๆ ขืนดันทุรังได้อ้วกประจานตัวแน่
สีเขียวปี๋กลิ่นแปลกๆ แบบนั้นเป็นอะไรที่ไม่ถูกกับผมเลยครับ เคยลองมาแล้วเกือบอ้วกแตก
“เออคงต้องอย่างนั้นแหละ” มันยกยิ้มกวนอีก แสบได้ใจจริงมึง หลังจากนั้นพวกไอ้หยก ไอ้อั้ม
ไอ้ขุน สาวนิ่ม พรกับแตนก็ทยอยกันเข้ามา ซึ่งพรยกถาดข้าวมาบริการผมด้วย พวกแม่งก็ชำเลืองมองกันแต่ไม่มีใครกล้าแซว
เพราะรู้ว่าผมไม่ได้คิดอะไร พานจะโดนผมเหวี่ยงเข้าให้ขืนใครพูดชงมาละก็ ผมไม่อยากให้พรเค้าคิดอะไรกับผมมาก
“เท่าไหร่ครับ?” ผมถามราคาทันที
“ของรันห้าสิบบาทพอดี” ผมควักแบงค์ร้อยส่งให้พร้อมกับพูดก่อนที่เธอจะล้วงเงินทอนคืนผม
“ผมเลี้ยงพรด้วย ไม่ต้องทอนตังค์ผมหรอก” พอผมพูดจบเธอหน้าแดงจนเห็นชัด นี่แหละที่ผม
ไม่อยากให้เธอคิดไปไกล แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกหันมาจัดการจานข้าวตรงหน้า ซึ่งเป็นของโปรดผมเลยล่ะที่ไอ้รั่วมันสั่งให้
ยกเว้นน้ำใบบัวบก ซึ่งไม่ลืมแลกกับชาเขียวไอ้ขุนมันทันที มันก็ไม่ได้ว่าผมบอกแล้วมันชอบเป็นทุนอยู่แล้วเห็นกินประจำ
“กีฬาคณะอีกสองอาทิตย์ที่จะถึงนี้ พวกเราใครจะลงแข่งอะไรคัดตัวนักกีฬาได้เลยพรุ่งนี้เย็น”
ไอ้รั่วมันพูดขึ้นมา หลังจากซัดโอเลี้ยงเข้าไปจนหมดแก้ว ซึ่งมันกินอิ่มแล้วในขณะที่พวกผมกินไปด้วยหูฟังมันด้วย
“ผมลงบอลได้เปล่า?” ไอ้อั้มถามขึ้น
“บอกแล้วนิว่าให้คัดตัวพรุ่งนี้ มั่นใจก็ลงดิ ส่วนรันมึงต้องถือป้ายคณะเราในฐานะเดือนมหาลัย
ความจริงองค์กรนักศึกษาเค้าให้ไปถือป้ายมหาลัยของขบวนใหญ่ แต่กูบอกมึงงดรับงานให้รองถือคู่กับดาวไปเลย งานนี้เถียงกัน
นิดหน่อยสรุปกูชนะฮ่าๆ” ตบท้ายหัวเราะชอบใจซะงั้น
“อ้าว! งี้ถ้าเกิดพวกเค้าเห็นไอ้รันถือป้ายคณะไม่โมโหหรือพี่ ไหนบอกมันงดรับงานไง?” ไอ้หยก
มันถามขึ้นมา ก็จริงของมันไม่รับงานของมหาลัยแต่ดันถือป้ายของคณะมันต่างกันตรงไหน ผมจ้องเอาคำตอบจากมันเหมือนกัน
“ก็ให้มันงดรับงานหลวงแต่รับงานราษฎร์ทิ้งทวน กูตัดสินใจให้มันเรียบร้อยแล้ว เป็นตัวแทนของ
คณะเราก็โชว์ให้คณะส่งท้ายสิวะไหนๆ ก็งานสุดท้ายแล้วนี่หว่า?” เออเอากับมันสิครับ สรุปผมถือป้ายนำขบวนคู่กับฝนป้ายของ
คณะผมนี่แหละ ส่วนป้ายของมหาลัยให้รองแชมป์กับดาวมหาลัยถือกันไป
“มีอีกเรื่อง มึงลงวิ่งร้อยเมตรให้คณะหน่อย แค่นี้แหละที่กูขอ” มันยังมีตบท้ายสั่งผมอีก
“ทำไมต้องลง ขอเชียร์อย่างเดียว” ผมบอกปัด รู้ว่ามันต้องการให้ผมวิ่งเอาเหรียญแน่ๆ
เพราะอดีตผมเป็นจ้าวลมกรดมาแล้วถึงสองสมัยตอนกีฬาสีม.4 ม.5
“แลกกับการที่กูลงว่ายผีเสื้อ และก็ทิ้งทวนด้วย” มันพูดทิ้งท้ายซึ่งไม่มีใครเข้าใจต่างหันมองกัน
งงๆ ว่าไอ้รั่วมันพูดอะไร มีมันกับผมที่รู้กันเพียงสองคนว่า ผมขอให้มันลาออกจากการเป็นคณะกรรมการองค์กรนักศึกษาฯ
เช่นกัน
“ตกลงตามนี้” ผมเลยรับปากให้จบๆ ไม่อยากให้ใครถามขึ้นมา งานนี้ยอมมันหมดครับ ได้ใจยิ้ม
ใหญ่เลยไม่ติดว่าที่ยอมเพราะผลตอบรับที่ได้กลับมามันคุ้มละก็ สิงห์รันไม่ลงทุนหรอกพรตเอ๋ย?
นับจากนี้กูจะได้มีเวลาทำอะไรกับมึงเสียที ดีกว่าเอาชีวิตไปผูกติดกับงานราษฏร์งานหลวง
ห่าเหวอะไรเยอะแยะไปหมด
“ว้าว!นั่นน้องมิ้งค์ดาวอักษรนี่ไอ้กล้า ที่มึงคั่วเค้าไม่ติดไง” จู่ๆไอ้พี่หินมันก็บุ้ยปากให้ดูสาวสวย
ที่เดินเข้ามาหาอะไรทานกับเพื่อนๆ มาถึงนี่ทั้งที่โรงอาหารใกล้คณะก็มีคงไม่ได้มาเรื่อยเปื่อยละมั้ง
“แป๋ว! มิน่ามึงถึงแห้วแดก สู้เค้าได้นะมึง” สุดท้ายก็ได้คำตอบเมื่อไอ้หนุ่มหน้าตี๋ดูดีมีฐานะ ลุกขึ้น
เดินเข้าไปพามานั่งร่วมโต๊ะด้วย
“แม่งไม่หล่อไม่รวยเท่ามันบ้าง ให้มันรู้ไปสัด” พี่กล้ามันสบถขึ้นมาไม่จริงจังไรนัก เล่นเอาพวก
ในโต๊ะพากันอมยิ้มกับท่าทางมันซะงั้น
“มึงเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมหรือเปล่า?” จู่ๆ ไอ้รั่วก็ถามพี่กล้าขึ้นมา พาเอาต่างจ้องไปที่มันกันหมด
ดูมันจะพูดอะไร ก่อนที่พี่กล้าจะตอบมันไปแบบงงๆ
“อืมกูเชื่อ ถามทำไม?” แล้วมันก็ถามเหตุผลไอ้รั่วที่ตั้งคำถามมัน ซึ่งใครๆ ก็อยากรู้เช่นกัน
“สมมุติมึงไปฆ่าไก่ ชาติหน้ามึงจะเกิดมาเป็นไก่เข้าใจป่ะ?” มันก็อธิบายกลับมา แต่ทั้งโต๊ะก็งงอยู่ดี
มันเกี่ยวอะไรกับฆ่าไก่
“เออกูเชื่อ แล้วไงต่อ” ไอ้พี่กล้ามันก็ถามต่อ
“กูจะได้แนะนำมึง เผื่อมึงจะได้ไม่ต้องมาโทษหน้าตาตัวเองเรื่องจีบหญิงไม่ติดอีก” มันยังคง
หน้าตาย ทั้งที่ฟังไปฟังมายังงงอยู่นั่นแหละ แต่ละคนคิ้วขมวดมุ่นหัวคิ้วชนกันแล้ว แต่ผมรู้ว่ามันต้องรั่วอีกตามเคย
“มีอะไรจะบอกห่าพรต ลีลาอยู่ได้สัด” ไอ้พี่กล้ามันเริ่มเหวี่ยงที่ไอ้รั่วไม่ยอมเฉลยสักที ว่ามันเกี่ยว
อะไรกับกฎแห่งกรรมที่มันยกขึ้นมาพูด
“ใจเย็นสิห่า ถ้ามึงเชื่อกูจะได้แนะนำให้มึงไปจัดการเลยตอนนี้” มันพูดค้างไว้ พวกแม่งก็ลุ้นตาม
กันจนหูกระดิก
“ให้กูไปไหน?” พี่กล้ามันถามทันควันเลยครับ
“ให้มึงไปฆ่า ณ เดช คูกิมิยะ ชาติหน้ามึงจะได้เกิดมาหน้าตาดีฮ่าๆๆ” จบข่าว หน้าไอ้พี่กล้ากลาย
เป็นตูดไปแล้วเรียบร้อย ผมคิดไว้แล้วว่ามันคงจะออกมาอีรูปนี้แน่ คนอื่นๆ พากันหัวเราะขำไปตามระเบียบ
“ปู๊ดดด!!” แล้วทุกคนก็แตกฮือลุกหนีกันกระจาย เมื่อจู่ๆไอ้ห่าอั้มมันดันหัวเราะตัวงอ
แล้วดันตดระเบิดออกมากลางวงซะงั้น
“อั้มอ่ะทุเรศชะมัด ยี้น่าเกลียด” สาวนิ่มมือบีบจมูกปากก็บ่นไอ้อั้มไปด้วย พวกเพื่อนๆในโต๊ะต่าง
พากันประณามมันด้วยสายตา ในขณะที่ไอ้คนก่ออาชญากรรมสร้างมลพิษทางการหายใจตีหน้าเศร้าพูดขึ้นว่า
“ขอโทษจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจอั้นไม่ทัน มัวแต่ขำอ่ะ” ไอ้อั้มทำท่าทางสำนึกผิดก่อนที่ทุกคน
จะทยอยพากันหย่อนก้นลงนั่งใหม่ มีผมกับไอ้รั่ว พี่หินแค่สามคนที่ไม่ได้ขยับลุกออกไปไหน
“เฮ้อ! โทษไอ้อั้มคงไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องสุดวิสัย ตดคือความแรงที่แซงผ่านขี้ คนเราก่อนคบ
อายที่จะตดต่อหน้า หลังคบตดได้อย่างหน้าไม่อาย มันคือเรื่องธรรมชาติอาเมน” แล้วมันก็ก้มหน้าทำท่าไว้อาลัยไปแล้ว
พาเอาทุกคนกลับมาขำกันท้องแข็งอีกรอบกับท่าทางที่มันทำ นี่คือความสามารถของเหยี่ยวรั่ว ซึ่งไม่มีครั้งไหนที่มันจะทำให้
คนอยู่ใกล้เครียดกันได้เลย น่ารักน่ากดจริงๆ ไอ้รั่วเอร้ย!
พี่พรตกับน้องรันมาลงต่อแล้วนะคะ ขอให้มีความสุขในการอ่าน
ใครสนใจมนต์มาร และหนังสือแถมพิเศษพ็อกเก็ตบุ๊คของพี่วี
รีบส่งเมลล์ไปจองด่วนเลยนะคะ
Luk.
