อ้อมกอดเด็กช่าง ตอนที่ ๓
กลางดึกคืนถัดมาภายในห้องที่ถูกกักขัง
“ไหนมึงทำเป็นไม่รู้เรื่องไง” แก้วซึ่งนั่งพิงผนังกอดเข่าหลับด้วยท่าประจำเลิ่กลั่กลุกยืนเมื่อฝิ่นเปิดห้องเข้า
มาด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดตรงดิ่งเข้าบีบปลายคางคนที่ถูกขังอยู่ภายในจนตัวแก้วถอยไปชิดติดผนัง
“อะ อะไร?”
“หึ กูชักอยากฆ่ามึงให้ตายด้วยอีกคน หน้าตาซื่อๆทำเอากูเกือบเชื่อ ที่ไหนได้ตอแหลเก่งไม่แพ้ผู้หญิง”
มือหนาเพิ่มแรงบีบปลายคางเขามากยิ่งขึ้น ทั้งคำพูดทั้งแววตาคงอยากจะบีบให้ร่างเขาแหลกสลายตาย
คามือจริงๆสินะ
“ตำรวจโทรบอกว่าเพื่อนมึงมอบตัวแล้วที่สระบุรีตอนสี่ทุ่ม” พี่ไม้ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงประตูห้องพูดเสียงเรียบ
“แล้วมึงรู้ไหม ทำไมเพื่อนมึงไปอยู่ที่นั่นได้?” ดึงคนหน้าซื่อออกจากผนังตามด้วยผลักอย่างไม่ออมแรงจน
แก้วถลาล้มกลางห้องข้อศอกกระแทกพื้นจนถลอก ทำไม? เกิดอะไรขึ้น แก้วหน้าเครียด
“ทีนี้มึงก็ปล่อยไอ้แก้วได้แล้วนะ” พี่ดิวกับพวกรวมสามคนเดินผ่านพี่ไม้เข้ามาเผชิญหน้ากับฝิ่น
“ยัง”
“ไอ้ฝิ่น!”
“กูบอกมึงตั้งแต่แรกแล้วว่ากูต้องการตัวไอ้เหี้ยนั่น ไม่ใช่ต้องการให้มันเข้ามอบตัวเพื่อรับโทษทางกฎหมาย”
“แต่ตอนนี้มึงก็รู้แล้วว่ามันอยู่ไหนมึงก็ไปจัดการเองสิวะ ปล่อยคนของกูได้แล้ว”
“มึงคิดว่ากูโง่เหรอ? มึงคิดว่ากูโง่เหรอดิว?” ฝิ่นพรวดเข้าประชิดตัวประธานปีสามพร้อมดึงคอเสื้อคู่อริเข้า
หาตัว แววตาพร้อมเอาเรื่องทั้งคู่ ไม่ปล่อยให้โดนข่มขู่นาน คนของพี่ดิวก็ได้ผลักมันออกทันที
“กูเห็นด้วยนะฝิ่น เดี๋ยวเราไปดักมันตอนออกจากสถานีตำรวจก็ได้” พี่ไม้ทิ้งบุหรี่พร้อมเหยียบขยี้เพื่อดับไฟ
วางหน้าเรียบเช่นน้ำเสียงเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาภายใน
“แล้วพี่จะแน่ใจได้ไงว่าเราจะได้ตัวมัน”
“แล้วมึงแน่ใจเหรอว่ามันจะไม่แจ้งความเรื่องเพื่อนมันน่ะ ...กูก็อยากรู้เรื่องไม่น้อยไปกว่ามึงเลยว่าทำไมมันต้องถึงขนาดทำให้ตายด้วย มึงกับเป้งก็น้องกูทั้งคู่ คนนึงตายไปแล้ว อีกคนยังต้องโดนจับข้อหาลักพาตัวอีกเหรอวะ กูอยากให้มึงคิดบ้างไม่ใช่เอาแต่ใช้อารมณ์อยู่อย่างนี้”
.
.
.
แก้วจึงได้มาอยู่ที่นี่ ข้างๆไอ้เพื่อนตัวดีที่ตำรวจจากสระบุรีนำตัวมาส่งยังสถานีตำรวจที่พวกนั้นแจ้งความไว้
“ขอโทษนะเว้ยมึงเลยต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“อืม มึงโอเคนะ”
“ไม่เป็นไร เขารู้เรื่องแล้วเดี๋ยวคงมาประกันตัว”
แก้วพยักหน้าให้เพื่อนตัวดีที่นั่งอยู่ข้างๆ จากคำพูด สีหน้าท่าทางของมัน ไม่ได้มีความสำนึกเลยว่าไปก่อ
เรื่องอะไรมา
มันไม่ได้มีท่าทีเดือดร้อนอะไรเลยนอกจากโดนกระทืบจนน่วมไปทั้งตัวตอนจะเดินเข้าโรงพัก อีกทั้งใบหน้า
ขอบตาก็บวมช้ำจนแก้วต้องไปขอผ้ากับน้ำแข็งจากนายตำรวจมานั่งประคบหน้าให้มันอยู่ตอนนี้
ถ้าไม่ได้ตำรวจเข้าไปช่วยกันตีนไว้ให้ ป่านนี้คงไม่มีหน้ามานั่งระรื่นอยู่ข้างๆนี้หรอก
“ซู๊ดดด มึงเสียใจล่ะสิที่ช่วยกูไม่ได้” พงษ์ซี๊ดปากเพราะเจ็บแผลแต่ยังระบายยิ้มถามเพื่อน
“เฮ้อ” แก้วถอนหายใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว ในเมื่อเพื่อนเขาตัดสินใจแล้วหนิ “มึงนี่ใจร้อนไป
ไหนวะ ยังไงบ้านสวนกูก็ไม่มีใครตามมึงได้อยู่แล้ว” สวนผลไม้ร้อยกว่าไร่ตั้งอยู่หลังรีสอร์ทขนาดใหญ่
นอกจากเจ้าของไร่แล้วไม่มีใครเดินไปถึงบ้านหลังเล็กริมลำธารได้สักราย เขาหาที่ๆดีที่สุด ที่ๆคิดว่า
ปลอดภัยที่สุดให้เพื่อนหลบซ่อนตัวแล้วเชียว แต่ไอ้พงษ์ดันกลับตัวกลับใจเหมือนเป็นคนดีเข้ามอบตัวกับ
ตำรวจภายในเวลาไม่กี่วันหลังเกิดเหตุ ทั้งที่มันไม่ได้สำนึกผิดเลยด้วยซ้ำ
“ถึงกูจะเลวจะชั่วยังไง มึงก็ไม่เคยทิ้งกูเลย แล้วจะให้กูทิ้งมึงเอาตัวรอดคนเดียว ปล่อยให้เพื่อนต้องเดือดร้อนแทน กูคงรับตัวเองไม่ไหวว่ะ กูไม่สนใจหรอกนะว่าใครจะเป็นจะตาย มึงก็เลิกทำหน้ารู้สึกผิดแทนกูได้แล้ว เรื่องวันนั้นถ้าไอ้นั่นไม่ตาย คนที่ตายก็คงต้องเป็นกูเอง ยังไงก็ขอบใจนะเว้ยที่มึงหลับหูหลับตาเข้าข้างกูแม่งทุกที”
กลายเป็นแก้วที่ยิ้มเฝื่อนตอบกลับมัน เฮ้อ มันก็คิดซะอย่างนี้
แต่ก็ถูกของมัน ไม่ว่ามันจะไปทำอะไรผิดร้ายแรงมามากขนาดไหน ยังไงๆไอ้พงษ์ก็ยังเป็นเพื่อนเขาอยู่ดี
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูบ้านดังรัวบ่งบอกถึงความร้อนรนของคนมาเยือน
“แก้ว กูขอโทษ”
“ขอโทษ?” ไม่ปล่อยให้เพื่อนยืนงงอยู่นาน คนที่คิ้วขมวดกันแน่นแสดงถึงความหนักอึ้งอยู่ข้างในแถม
เสื้อผ้ายังย่นยับอาบไปด้วยเหงื่อก็ดึงแขนแก้วเข้าบ้าน ปิดประตูแล้วสวมกอดแก้วแน่น
อาการอย่างนี้เหมือนคนไปทำอะไรผิดมาแล้วต้องการการให้อภัย
แก้วตบหลังเพื่อนเบาๆเขาต้องการคำอธิบายที่มากกว่าคำขอโทษและการสวมกอด ยังไม่ทันดึง
เพื่อนออกจากตัว เสียงทุ้มได้กระซิบบางคำที่คนฟังได้ชาไปทั้งตัว แขนขาแทบไร้เรี่ยวแรง
“กูฆ่าคนตาย”
“.........................”
“มึงได้ยินแล้วใช่ไหม กูขอโทษ กูจำเป็น”
“หะ ห๊ะ?”
“มึงได้ยินกูรู้ แต่กูบอกอีกทีก็ได้ กู-ฆ่า-คน-ตาย” พงษ์จับไหล่เพื่อนให้มองหน้าตัวเอง พูดเน้นๆชัดๆให้คน
ฟังไม่มีทางปฏิเสธไปไหนได้อีก แก้วตัวแข็งทื่อ...
แต่ไหนแต่ไรมาเพื่อนมักทำตัวเป็นอันธพาลชอบก่อเรื่องอยู่เรื่อยแต่ก็ไม่เคยคิดว่ามันจะถึงขั้นกล้าทำร้าย
ชีวิตคนอื่นได้
แก้วน้ำตาซึม...ผิดหวังในตัวเพื่อน ผิดหวังที่เป็นคนแบบนี้ ผิดหวังที่ผิดคำสัญญา
ผิดหวังที่...ทำไม...ไอ้พงษ์ถึงไม่โกหก บอกทำไม บอกเขาเพื่ออะไร ตั้งแต่สมัครเข้าเรียนโรงเรียนอาชีวะ
ก็ขอแล้วใช่ไหมว่าให้ระวังตัว ไม่จำเป็นก็อย่ามีเรื่องชกต่อยเลย ขอทุกวัน ก็มีเรื่องทุกวัน อันนั้นเขาก็
พยายามทำความเข้าใจเพื่อที่จะรับมันให้ได้ เพราะไม่อยากเห็นเพื่อนต้องเจ็บตัวไม่อยากให้เพื่อนเสีย
อนาคต และคำขอสุดท้าย อย่าไปทำร้ายชีวิตใคร
... และแล้วก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก มันคับแน่นอยู่ในอกดั่งภูเขาลูกใหญ่วางทาบทับ คนที่เราคาดหวังไว้ได้ทำลาย
ความหวังดีของเราครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ไม่เคยรู้สึกถึงสภาวะที่มืดมนเช่นนี้เลย
พงษ์กระชับอ้อมกอดเพื่อนรักอีกครั้งพูดขอโทษซ้ำไปซ้ำมา
พงษ์น่าจะรู้ดีว่าได้ทำร้ายความรู้สึกของแก้วไปมากขนาดไหน แต่มันก็ยังทำ...“เออ แล้วมิวล่ะ?” พงษ์ถามหาแฟนสาว คาดว่ามันคงรู้แค่ถูกจับไปด้วยกันเท่านั้น
“กลับบ้านอย่างปลอดภัยแล้วล่ะ มึงไม่ต้องห่วง”
“อืมๆ”
ไม่ถึงชั่วโมงพ่อแม่พงษ์ก็เดินทางมาถึงโรงพักหนึ่งที่รับแจ้งความเรื่องของลูกชายเพื่อประกันตัว พ่อของไอ้
พงษ์เป็นคนใหญ่คนโตในจังหวัด ข้อหาของไอ้เพื่อนตัวดีจึงจบที่เด็กช่างตีกัน คนตายก็ตายด้วยการ
ทะเลาะวิวาท ไม่ได้เป็นการเจตนาฆ่า ซึ่งเด็กช่างกับข้อหานี้ปกติตำรวจก็ไม่เคยให้ความสำคัญอยู่แล้ว
พงษ์มันไม่ได้เฉียดเข้าห้องขังเหมือนวันโดนตรวจเจออาวุธแล้วแก้วต้องคอยตามประกันตัวด้วยซ้ำ
“พี่ดิว” พงษ์อุทานเรียกชื่อรุ่นพี่ที่เดินมายืนตรงหน้าเก้าอี้ตัวที่เขานั่งรอพ่อกับแม่ภายในโรงพัก แก้วผละ
จากการประคบหน้าเพื่อน หันหน้าหนีไปทางอื่นทันที
“ไม่เป็นไร” ประธานปีสามแตะไหล่พงษ์สองสามที มองทางแก้วแล้วส่ายหน้าถอนหายใจ
“ไม่ใช่ความผิดของมันหรอก มันห้ามผมโทรเข้ามือถือแล้ว แต่ผมเสือกโทรเข้าบ้าน ใครจะไปคิดล่ะว่าพวก
ไอ้ฝิ่นจะจับมันกับมิวไป...แต่ก็ยังดีที่มันทิ้งลูกน้องเฝ้าบ้านไว้ไม่งั้นผมก็ไม่รู้อะไรเลย” ดิวพยักหน้าเออออ
เมื่อได้ฟังพงษ์พูด แต่สีหน้าก็ยังดูเครียดๆ
“กูก็พลาดด้วยแหละ”
“พี่ไม่ต้องห่วงหรอก มันจบแล้ว เกิดเรื่องอย่างนี้พ่อไม่ให้ผมอยู่ไทยหรอก” แก้วลุกออกจากเก้าอี้อย่างไม่สบ
อารมณ์ เดินออกไปยืนสูบบุหรี่รอเพื่อนหน้าโรงพักแต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นรถกระบะสองคันพร้อม
วัยรุ่นกลุ่มใหญ่ยืนมองเข้ามาทางเขาพอดี หนึ่งในนั้นเขาจำได้แม่น ก็มันเพิ่งใจดีปล่อยตัวเขาออกมาหนิ
คนที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้มันอยากจะฆ่าเขาเสียเหลือเกิน
เหอะ ก็แค่ให้ที่ซ่อนตัวเพื่อน...เขาผิดตรงไหนไม่ทราบ?
.............
สวัสดีค่ะ น้ำยังไม่ท่วมบ้านแต่ก็เหมือนอยู่กลางเกาะ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ T^T
ขยันมากเลยอะ (ให้ตลอดรอดฝั่งเถอะแม่คุ๊ณ ค่อยมายกหางตัวเอง ก๊ากกกก)
เอาพระเอก(ใคร?) นายเอกมาชูโรง ไหงไปสนใจอิพี่ดิวอะ //มอบฉ็อปสถาบันให้คุณiamnan
นั่นสินะ ทำไม? หุหุ
เรื่องนี้ คนเขียนมีพระเอกในดวงใจแล้วค่ะ แต่พระเอกในดวงใจอาจไม่ใช่พระเอกของเรื่องก็ได้ (มันจะบอกเพื่อ!...)
ไม่ว่าสมัยไหนเด็กช่างก็ยังเหมือนเดิมแหละค่ะ เพียงแต่เพิ่มความรุนแรงมากขึ้นๆเท่านั้น(เท่านั้น
)
รุ่นแรกๆจะไม่มีการใช้อาวุธ มือเปล่าๆ นั่นแหละค่ะ นักเลงจริง
ไม่เหมือนทุกวันนี้ อาวุธเพียบ แลกเจ็บ แลกตายกันไปพรรคพวกเอ้ยยย
พกอาวุธเข้าโรงเรียนได้อีกนะ ไม่รู้ที่หน้าโรงเรียนตรวจยังไง อ่อนด้อยมาก ไม่ทันเด็กมันซะเลย
ที่ไม่มีข่าวไม่ใช่ว่ามันเบาบางลงนะคะ
ศิษย์ปัจจุบันโรงเรียนคนเขียนเผากันทุกเดือนค่ะ
เมื่อเดือนที่แล้วคนเขียนเพิ่งไปงานศพรุ่นพี่ต่างสถาบันของคุณแฟนมาด้วย
ทุกที่มีคนทุกประเภทแหละค่ะ ไม่อยากแก้ตัวแทนเด็กช่างนะ
แต่ลองอ่านไปเรื่อยๆนะคะ เผื่อจะได้อะไรเกี่ยวกับนักเรียนนักเลงบ้าง (หลอกล่อคนอ่านได้เนียนไหม?
)
ขอบคุณทุกคอมเม้น ขอบคุณสำหรับบวกบวก และบวกเป็ด (ถ้าน้ำมาเค้าจะเอาเป็ดไว้เกาะลอยคอแทนเรือ...เอ่อ เพลีย มันเล่นมุขไรเนี่ย)
ปล.ฉันไม่แก่นะยะ!
แค่จบมานานแล้วเท่านั้นเองY^Y
ขอบคุณค่ะ^^ กอดทุกคนเลย 