อ้อมกอดเด็กช่าง ตอนที่ ๔
“เฮ้ย! ยังไม่ไปอีกเหรอ...กูให้พ่อถอนประกันตัวทันไหมวะ?” ไอ้พงษ์กับพี่ดิวเดินออกมายืนข้างๆ
“ไม่ตลกพงษ์ ยังมีหน้ามาเล่นอีก” แก้วเหวี่ยงมันด้วยสายตา ไอ้เพื่อนตัวดียิ้มแหย๋แย่งบุหรี่จากมือเขาไปดูดต่อ
“แหะๆ ผิดไปแล้วครับ มึงเป็นเพื่อนหรือพ่อกูเนี่ย ดุฉิบหาย”
“คงต้องให้ตำรวจตามไปส่งแล้วล่ะ ไม่งั้นมึงไม่รอดแน่” พี่ดิวเอ่ย
ตีสอง ...กว่าจะได้ออกจากโรงพักก็อาศัยพี่ดิวนั่นแหละที่ช่วยหาทางออกให้
พี่ดิวเสนอให้พ่อของไอ้พงษ์ไหว้วานตำรวจให้ช่วยขับรถตามไปส่งถึงหน้าบ้านโดยที่พี่ดิวทำทีเป็นกลับไปก่อน
แต่ก็ไม่ได้หายห่วงอย่างสนิทใจเลยเมื่อพวกนั้นมันขับรถตามจนถึงหน้าบ้านเหมือนกัน จนต้องให้ตำรวจเฝ้าหน้าบ้านสองนาย
และแน่นอน ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน แก้วเลยต้องนอนบ้านไอ้พงษ์ตามความต้องการของมัน
“นี่มันทำร้ายมึงด้วยเหรอ” มันเพิ่งเห็นรึไง พงษ์ใช้นิ้วเขี่ยเบาๆมุมปากเพื่อนซึ่งนั่งอยู่ขอบเตียง แผลเล็กนั่นเริ่มแห้งเกือบตกสะเก็ดแล้ว ทั้งยังแตะเบาๆที่ข้อศอกอีก มันดูเหมือนตั้งใจทะนุถนอมแต่ก็รู้สึกเสียวแปล๊บเล็กๆอยู่ดี แผลใหม่นี่หว่า
“พงษ์ บอกกูได้ไหมทำไมต้องทำกันถึงตายด้วย” เขาจับข้อมือพงษ์ไว้ไถ่ถามหาคำตอบแทนคนกลุ่มนั้นเหรอ? ไม่ใช่หรอก เขาถามหาคำตอบให้ตัวเองต่างหาก เขาไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างพงษ์จะฆ่าใครได้ แต่นั่นเพราะคำสารภาพได้ออกจากปากเจ้าตัวเอง แก้วจึงไม่รู้จะสรรหาอะไรมาแก้ตัวให้มัน
ไอ้เพื่อนตัวดีจิ๊ปากจับข้อมือแก้วออกจากแขนตน คิ้วชนกันพลางขยี้ผมลื่นของเพื่อนรักแล้วกระโดดขึ้นเตียงนอน กลบเกลื่อนชัดๆ เออ...ไม่พูดก็ไม่พูด
.
.
.
พ่อแม่พงษ์เดินทางไปช่วยเงินทำศพอีกฝ่ายด้วยเงินก้อนใหญ่ในเช้าวันเผา ซึ่งไม่ว่าจำนวนเงินจะมากมายเท่าไหร่ก็คงชดเชยให้กับความสูญเสียไม่ได้ ทั้งคนในครอบครัว ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง ของคนที่ไอ้พงษ์ทำร้ายเขาอีกล่ะ
มันทดแทนกันไม่ได้เลยจริงๆ
แก้วรู้เพื่อนเขาฆ่าคนตายไม่ว่าจะจงใจหรืออุบัติเหตุอย่างที่เขาคอยจะแก้ตัวให้ แต่นั่น...ก็เพื่อนเขาหนิ
แก้วรู้เขาเป็นคนให้ที่ซ่อนตัวพงษ์เพราะเขาไม่อยากเห็นเพื่อนต้องเข้าคุกหรือโดนอีกฝั่งเล่นงาน ซึ่งบางทีอาจถึงตายได้
แก้วรู้แก้วผิดที่เห็นแก่ตัว เขารักเพื่อนในทางที่ผิด เขารู้...
แต่เขายอมไม่ได้ที่จะให้ใครจับตัวเพื่อนเขาไปลงโทษไม่ว่าทางกฎหมายหรือกระทั่งกฎหมู่
และที่รู้ดีที่สุดคือ ถ้าเรื่องถึงหูพ่อแม่พงษ์เมื่อไหร่แล้วล่ะก็ เขาสองคนจะต้องแยกจากกันอย่างหาข้อโต้แย้งไม่ได้
และนี่คงเป็นสิ่งที่เขากลัวที่สุด
บ่อยครั้งที่มีเรื่องชกต่อยแล้วหนีไม่ทันไอ้พงษ์โดนตำรวจจับ ทั้งสองคนพยายามปิดครอบครัวมาตลอด
แต่ครั้งนี้เรื่องมันใหญ่จริงๆ เด็กโรงเรียนนั้นตามไปถึงบ้านพงษ์ ถึงพ่อแม่มันจะไม่ค่อยสนใจลูกนอกคอก
อย่างไอ้พงษ์นักแต่มันก็น่าขายหน้าไม่ใช่เหรอถ้ามีใครรู้ว่าบ้านผู้มีเกียรติหลังนี้มีลูกที่ได้ชื่อว่าเด็กเดนของสังคม
.
.
.
หนึ่งสัปดาห์ที่แก้วอาศัยในบ้านหลังใหญ่ การรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องปกติของบ้านหลังนี้
ทั้งที่เจ้านายแทบไม่มีใครอยู่ติดบ้านเลย
เพื่อนรักสองคนใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้คุ้ม ก็ได้เวลาที่ทั้งคู่ต้องเดินทางไปสนามบินสักที ไร้วี่แววพ่อแม่มัน
“มิวไม่รู้เป็นอะไร โทรหาก็ไม่ค่อยรับ บอกให้มาส่งก็ไม่ว่าง จะว่าโกรธเรื่องนั้นกูก็ขอโทษแล้วนี่หว่า” พงษ์บ่นลอยๆให้สายที่เพิ่งกดวาง แล้วยักไหล่
“แต่ก็ดี กูจะได้ควงแหม่มอย่างสบายใจ” พูดอยู่คนเดียวพอไม่มีใครสนใจเลยหันไปหาเพื่อน
“แต่มึงน่ะ เดี๋ยวกูจะโทรหาบ่อยๆนะ สไกป์กันทุกวันก็ยังได้ ไม่ปล่อยให้เหงาหรอก” ไม่ได้ขี้เหงาขนาดนั้นสักหน่อย
“........................”
“ยิ้มให้กูหน่อยสิวะ มึงทำให้กูเป็นห่วงรู้เปล่า”
“.......................” ห่วงอะไร ห่วงตัวมึงเองเถอะ แก้วคิด ไอ้คนเพื่อนเลยทำหน้ามุ่ยใส่เขาเมื่อไร้คำพูดออกจากปากแก้ว
“เสียดายเนอะ มึงน่าจะไปอยู่ด้วยกัน”
“มึงเข้าใจไหมว่าเขาจับเราแยกน่ะ เฮ้อ” ทั้งที่ไม่มีอารมณ์จะต่อปากต่อคำกับมัน ไอ้เพื่อนตัวดีแต่เลวก็
พร่ามไม่หยุด แก้วพูดแทรกพร้อมถอนหายใจดังๆ
การเดินทางไปต่างประเทศของพงษ์ไม่ใช่เรื่องยากเลย หนังสือเดินทางนอนรอมันตั้งแต่หลังออกจากสถานีตำรวจแล้ว
ที่ล่าช้ามาจนถึงวันนี้เพราะไอ้พงษ์ถ่วงเวลาเพื่อจะอยู่กับเขานานๆเท่านั้นเอง
แล้วการที่จะหนีปัญหาไปอีกคนก็เท่ากับว่าแก้วยอมรับว่าชีวิตเขาล้มเหลวจริงๆอย่างที่ใครอยากให้เป็นน่ะสิ
ที่พ่อแม่จับแยกกันคราวนี้เพราะคิดว่าทั้งสองคนคบกันมีแต่ชักจูงกันทำตัวแย่ๆไม่ใช่เหรอ
สงสัยไอ้พงษ์จะลืมไปว่ากฎเหล็กข้อนี้ออกมาตั้งแต่วันที่ตัวมันเองดีดดิ้นจะเรียนอาชีวะให้ได้โน่น
“ฮื่อ แต่กูกลัวมึงเหงานี่หว่า อืม หรือไงไปนอนบ้านกูก็ได้นะ” มันยังยื่นข้อเสนออีก
“ไปกูก็นอนคนเดียวอยู่ดี” จะต่างจากนอนบ้านตัวเองก็แค่มีแม่บ้านกับ รปภ.แค่นั้น
“แต่อย่างน้อยมึงก็มีบ้านกูเป็นเพื่อนไง...ตัวเล็ก กูขอโทษจริงๆนะเว้ย”
“มึงหุบปากเหอะ” เขาเอือมกับท่าทางที่พยายามทำเหมือนออดอ้อนของไอ้เพื่อนตัวสูง ความเถื่อนที่มีใน
ตัวมันทำยังไงก็น่ารักไม่ขึ้นหรอก แต่แก้วก็อดอมยิ้มไม่ได้
“ขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้ ทั้งที่คิดว่าทางนี้มันดีแล้วแต่ก็คิดผิด แก้ว...ไม่มีกูมึงจะอยู่ยังไง กูขอโทษ กูขอโทษ” พงษ์ลูบศีรษะเพื่อนด้วยความเป็นห่วง ดึงคนที่ยืนกอดอกมองคนอื่นไปทั่วเข้าหาตัว
“พงษ์...”
“อย่านะ ลูกผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันหรอก” เสียงเฉียบพร้อมกับทฤษฎีบ้าๆของมันทำให้แก้วซุกหน้าเช็ดน้ำตาที่เริ่มปริ่มกับเสื้อมันนั่นแหละ
ตอนทำ ทำไมมึงไม่คิด เคยซะที่ไหนต้องอยู่คนเดียว
เขารู้เขาเห็นแก่ตัวไม่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้น และในใจก็อยากจะเห็นแก่ตัวอีกครั้งบอกมันไม่ให้ไป
แค่เพียงเอ่ยปากร้องขอเท่านั้น มันก็ขัดคำสั่งทุกคนได้เพื่อเขา เขารู้...
แต่ก็ทำไม่ได้
บางทีการที่มันไม่ได้อยู่ที่นี่ เรื่องอาจจะจบเร็วก็ได้ ขอแค่มันปลอดภัย ไม่เป็นไรหรอก ห่างกันบ้างอีกเดี๋ยวคงชินเอง
“พี่ดิว ฝากไอ้แก้วด้วยนะพี่” ดึงตัวแก้วออก หันไปบอกพี่ที่มันเคารพซึ่งขันอาสาไปรับตั้งแต่ออกจากบ้านแถมยืนอยู่ข้างแก้วตลอดเวลาโดยที่แก้วไม่ได้สนใจพี่ชายคนนี้แม้แต่น้อย
“ขอบใจนะพงษ์ โชคดีไอ้น้องรัก” สองคนกอดร่ำลากันต่อหน้าแก้วที่เบือนหนีไปมองทางอื่นแล้วไปทางอื่นเล่า
ตลบตะแลงโคตรเก่งเลย แก้วแสดงความคิดเห็นกับภาพอันน่าประทับใจภาพนี้...ในใจ
“มึงกลับได้แล้วแก้ว ส่งกูแค่นี้พอ ขอบคุณนะพี่” พงษ์ยกมือไหว้รุ่นพี่ แก้วพยักหน้าฝืนยิ้มหวังให้เพื่อนสบายใจ กอดกันครั้งสุดท้าย ก่อนต้องห่างกันคนล่ะซีกโลก
“กูไม่เคยทิ้งมึง ถึงเราต้องห่างกันแต่กูไม่ได้ทิ้งมึง จำไว้” ถ้อยคำของเพื่อนสื่อความหมายของทุกความรู้สึกได้อย่างเต็มเปี่ยม
“พงษ์...ที่กูทำให้มึง ยังน้อยกว่าที่กูได้รับจากมึงเยอะ”ก้าวเท้าเดินออกจากอาคารผู้โดยสารโดยมีประธานปีสามเดินประกบจนถึงจุดรอรถอย่างน่าหงุดหงิด
“พี่จะเดินตามทำไมเนี่ย”
“เอ้า มาด้วยกันก็กลับด้วยกันสิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ผมกลับเองได้พี่จะไปไหนก็ไปเถอะ” เสียความรู้สึกกับพี่ดิวจนไม่อยากอยู่ใกล้แล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ
“ได้ไง เมื่อกี้พงษ์ฝากแก้วไว้กับพี่ ลืมแล้วเหรอ” หน้ายิ้มแป้นจนอยากจะต่อยให้สักหมัด ติดที่ว่ายัง
ต้องเจอกันอีกเป็นเทอมแก้วจึงถอยหลังโดยไม่ทันมองให้ดีกะจะเลี่ยงเดินไปทางอื่นแต่กลับต้องชะงักหยุด
เมื่อแผ่นหลังปะทะเข้ากับใครบางคนที่ยืนซ้อนอยู่พอดิบพอดีแถมช่วยจับไหล่เขาไม่ให้ต้องเซเสียหลักด้วย
พลันสีหน้าพี่ดิวก็เจื่อนลง...
แก้วกำลังหันตัวไปด้านหลังหมายจะขอโทษใครคนนั้น แต่ไม่ต้องแล้วเมื่อเขาปล่อยมือข้างหนึ่งจากไหล่แต่อีกข้างเล่นเลื่อนขึ้นวางพาดบ่าแทน
หนีเสือไม่พ้นยังมาเจอะมัจจุราชอีก...
“ไง?” ห๊ะ ไง? กอดไหล่แก้วพร้อมมองหน้าพูดทักทายเหมือนคนคุ้นเคยกันอย่างนั้นแหละ โน่น พี่ดิวพรรคพวกมึงยืนอยู่โน่น
“มึงจะเอาไงอีก” พี่ดิวหน้าเครียดถาม แต่แก้วเครียดกว่า
“ก็คงต้องเอาอย่างที่ควรจะเอา ส่วนไอ้นี่ เดี๋ยวกูเจียดเวลาเล่นด้วยสักหน่อยก็ได้” แก้วเสียวสันหลังวาบ
ไม่จบเหรอนี่ นี่เขาคาดเดาผิดเหรอ ตอนแรกเขากะจะให้พงษ์หนีไปสักพักเดี๋ยวเรื่องก็เงียบเองนั่นล่ะ
แต่พอมันออกมาแล้วไปอยู่ต่างประเทศก็ว่าน่าจะจบไวกว่าที่คิดแล้วแท้ๆ แต่ทำไม...
“เตรียมตัวต้อนรับกูได้เลย”
.............
เอ่อ ตอนที่ ๔ ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไร (จริงๆก็ไม่มีอะไรนั่นแหละถูกแล้ว เย้ย! )
ขอไปส่งพงษ์นิดนึงนะคะ เพราะเด็กคนนี้ก็มีความสำคัญกับแก้วไม่น้อยเลย
แต่แอบหมั่นไส้แก้วจริงๆแทนที่จะไปกับพี่ดิวดีๆ เจอไอ้ฝิ่นซะ เป็นไงล่ะ สมน้ำหน้า ชิ! 
เคยมีใครไปโรงพักแล้วเห็นผัวเมียตีกัน หรือคนทะเลาะกันมาจากข้างนอกแล้วตำรวจพามานั่งเจรจาไกล่เกลี่ยแต่กลับวิ่งเข้าใส่กันต่อหน้าตำรวจไหมคะ (ใครจะสนิทกับโรงพักเหมือนแก!)
คนมีโทสะทั่วไปเขาทำนะคะ แต่เด็กช่างไม่
ในตอนนี้ซีซั่นถึงเขียนให้ฝั่งไอ้ฝิ่นยังเล่นงานพงษ์ไม่ได้เพราะคนกลุ่มนี้มันรู้จักตำรวจดี ต่อให้มีคนจากสองสถาบันโดนจับมานั่งข้างกัน ไม่ถูกกันมากแค่ไหนมันก็ไม่มีทางวิ่งเข้าใส่กันโต้งๆแน่
ถ้าใครสงสัยข้องใจตรงไหน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสาย ลำดับญาติ หรือภายในโรงเรียนที่เต็มไปด้วยกลิ่นผู้ชายดิบๆเถื่อนๆสกปรกๆ(?) ล่ะก็ ถามได้เลยค่ะ ตอบได้จะตอบ ตอบไม่ได้ก็จะตอบ ฮ่าๆๆๆ
เผื่อตอนต่อๆไปเกิดคนเขียนพาเดินไปซุ้มประธานสายเข้าจะได้ไม่งงกันเนอะ
แอบรู้สึกผิดที่ทำให้คนอ่านค้างคาอะไรรึเปล่า ตอน ๓ ไม่ค้างนะเพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆนี่นา
ส่วนตอน ๔ ถ้าต่อก็คงไม่ได้เพราะยังไม่ได้เขียน เหอะๆ
แต่จะขอไถ่โทษให้ในตอนหน้านะคะ ซึ่งเราจะยังไม่อัพตอนที่ ๕ (?)
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ขอบคุณทุกบวกบวก และเป็ดน้อย ขอบคุณที่ใส่อารมณ์กัน โฮฮฮ อย่าเพิ่งเอาไม้หน้าสามฟาดหัวตัวละครเค้านะ
เจอกันตอนหน้าจ้า^^