
4.40%
“ เหนือ วันนี้เราติดรถนายไปปมหาลัยด้วยนะ เพราะเย็นนี้เราจะกลับมาพร้อมนาย” ธันวาว่าขณะเดินมาหยุดข้างๆศราวัฒน์ พวกเขาเรียนมหาลัยเดียวกันเพียงแต่คนละคณะ ถึงแม้จะเรียนคนละคณะก็ตาม
“ ตอนเย็นนายจะมาบ้านเราอีก?” ศราวัฒน์ว่าตกใจนี่นายยังจะมาบ้านเราทำไม?
ยังนึกอยากรู้ว่าเมื่อกี้ธันวาคุยอะไรกับนธี เขาจะต้องรู้ให้ได้ แล้วยังอีกคนล่ะ? ทั้งที่เขาสั่งแล้วว่าไม่ให้คุยกับฟอร์โดยไม่จำเป็นแต่นี่มันเหมือนไม่สั่งเลยไม่ใช่หรือไง
เขาจะทำยังไงกับน้ำดี?!
“ อืมเราอยากมาคุยกับน้ำ เออ เหนือรู้ไหมว่านำจะไม่เรียนต่อ” ธันวาถามขณะเดินตามหลังเพื่อนไปยังรถที่จอดรอไว้แล้ว
เขาไม่รู้??
“ ไม่รู้ น้ำบอกนายเหรอไง?”
“ บอกเมื่อกี้นี่เอง” ธันวาบอก “ น้ำเขาเกรงใจบ้านนาย เขาเลยไม่เรียนต่อ”
“ เกรงใจบ้านเรา? .....” เรียกร้องความสนใจล่ะสิท่า ไม่งั้นมีเหรอ คุยกับฟอร์ไม่กี่คำ จะบอกโน่นบอกนี่ เรื่องเรียนต่อไม่ต่อ ใครเขาจะบอกกันง่ายๆ ทำตัวเป็นคนรู้คุณ หรือตั้งใจจะทำอะไรกันแน่
ไอ้น้ำ แกทำไมไม่ดูตัวเองบ้าง อย่างมากก็เป็นแค่ของเล่นฟอร์ ไม่นานก็โดนทิ้ง ก็เพราะแกไม่รู้จักฟอร์จริงๆ แกมันน่าสมเพช
“ คุณแม่บอกให้มันเรียนเท่าที่อยากเรียน มันไม่น่าจะคิดมาก” ศราวัฒน์ตอบ
“ เหนือ เราขอ น้ำมีชื่อ อย่าเรียกว่าน้ำ ว่ามันหรือแกเลย เราขอ”
“ ตั้งแต่เด็กเราก็เรียกมันแบบนี้ นายไม่เห็นว่า พอตอนนี้ นายชอบมัน นายจะบอกให้เราเปลี่ยน ไม่ช้าไปเหรอ” ธันวาจ้องหน้าเพื่อนที่กำลังยิ้มเหล์
“ เหนือ!?” ธันวาว่า โมโห และส่วนหนึ่งก็เพราะศราวัฒน์พูดแทงใจดำเขา
ใช่!เมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจ ว่าเหนือจะเรียกน้ำว่าอะไร เพียงแค่เหนือไม่แกล้งน้ำจนเลือดตกยางออก แต่ตอนนี้เขาทนไม่ได้ที่เหนือจะเรียกน้ำเหมือนเป็นคนอีกชั้นหนึ่งซึ่งต่างจากพวกเขา
“ นายอยากฟันมัน ก็เลยต้องพูดกับมันเพราะๆใช่ไหม?”
“ เหนือให้เกียรติคนในบ้านนายบ้าง น้ำก็เป็นพื่อนของเราสองคน!” เพื่อนหรือเปล่าศราวัฒน์ไม่รับรู้ รู้แต่ว่าเป็นของแก้ขัดได้ดี เวลาอยากจะทำขึ้นมา เรียกน้ำมาหาดีกว่าใช้มือตัวเองทนเทียบไม่ติดทีเดียว
“ ก็ได้ ถ้านายอยากให้เรียก” ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คิดเลยสักนิด สำหรับศราวัฒน์ ต้นเหตุป็นเพราะนธี เพราะนธีไม่ทำตามที่เขาสั่ง
เว้ย! ไอ้น้ำ!?
** * **
วันนี้ทั้งวันศราวัฒน์ ไม่สามารถจะจดจ่อกับเนื้อหาการเรียน ไม่สามารถจดจ่องานที่อาจารย์สั่งได้ เพราะสิ่งที่เขาสนใจคือ เรื่องของธันวาและนธี กลัวว่าเขาจะไปถึงไหนถึงไหนกันแล้ว ทั้งที่ทั้งสองคนยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ
“ เหนือ นายมีอะไรในใจหรือเปล่า?” ธันวาถามเมื่อเห็นเพื่อนหน้าเครียด
“ เปล่า” ศราวัฒน์ตอบดวงตามองตรงไม่ได้มองคนถาม เรียกได้ว่าตั้งใจขับรถจนเกินเหตุ
“ ………………” ธันวาไม่คิดจะเชื่อในสิ่งที่ศราวัฒน์บอกแต่เขาไม่คิดจะเซ้าซี้ เพราะรู้นิสัยของเพื่อนดีว่า หากไม่คิดจะเล่า จะพูดอะไรก็เท่านั้น เมื่อเหนือพร้อมจะบอกก็คงจะบอกเอง
“ ฟอร์…………………………………….นาย………………..”
“ ฮึ?” ธันวาส่งเสียงด้วยความสงสัย
“ เหนือ นายจะอยากพูดอะไร ทำไมไม่พูด นายทำแบบนี้เราก็พลอยเป็นกังวล”
ศราวัฒน์เองก็โมโหตัวเองที่ไม่สามารถบอกได้ว่าเขาอยากจะพูดอะไรกันแน่!?
“ เราหิวข้าว”
“ เออ นายไม่พูดก็ไม่พูด” ธันวาว่า มองเพื่อนอย่างเคืองที่อั้มๆอึ้งๆอยู่ได้!
“………………”
“ เออ เหนือ พรุ่งนี้เราไม่มีเรียนบ่าย เราว่ะชวนน้ำไปกินข้าวดูหนัง” ธันวาบอกเมื่อนึกขึ้นได้
“
ห๊ะ!? ” ศราวัฒน์ว่าตกใจ เท้าเหยียบเบรก จนรถหยุดแทบจะทันที และทั้งศราวัฒน์และธันวาก็แทบจะหัวทิ่มดีที่คาดเข็มขัดกัน
“
เหนือ อะไรเข้าสิงนาย เป็นบ้าอะไรขึ้นมา!? ” ธันวาว่าโมโหจริงจัง
“……………………………….” นี่จะออกไปข้างนอกกันด้วยเหรอ ไอ้ฟอร์มันเป็นคนมือไวใจเร็ว จับได้เป็นจับ เอาได้เป็นเอา….
“ เหนือ เราว่านายท่าจะไม่ไหว มาเราขับเองถ้านายยังขับต่อไป เราสองคนต้องเอาชีวิตมาทิ้งเพราะนายแน่!”
** ** **
น้ำท่ามกันบ้างไหมท่าน ระวังตัวกันด้วยเน้อ 