
1.
เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งค่อนไปทางผอมปั่นจักรยานมาหยุดหน้าประตูรั้วบานใหญ่ทำด้วยเหล็กดัดอ่อนซ้อยสีน้ำเงินทอง ด้านในรั้วคือพื้นที่กว้างขวาง ถัดเข้าไปคือสวนกว้างไปจนถึงคฤหัสห์หลังใหญ่ เจ้าของนามสกุลที่สังคมเซเลบรู้จักดี คือตะกูลเก่าแก่ที่มีหน้าตาทางสังคม เจ้าของธุรกิจห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่กลางกรุงหลายแห่ง
นธีไขกุญแจเปิดประตูบานเล็กว่าที่อยู่ขวามือ ก่อนจะยกรถจักรยานแม่บ้านสีเขียวใบตองข้ามประตูเข้ามาในรั้วบ้าน ท่ามกลางความเงียบและท่ามกลางความเหลืองนวลสว่างตามเสาไฟที่รั้วขณะเวลาเที่ยงคืนกว่า สาเหตุที่นธีต้องปั่นจักรยานไปร้านสะดวกซื้อเวลานี้ก็เพราะกระหล่ำสาวใช้อีกคนลืมซื้อพริกไท น้ำปลา น้ำตาลของจำเป็นในครัวและยิ่งวันนี้ มีงานเลี้ยงของลูกชายเจ้าของบ้าน ‘คุณเหนือ’ เพราะฉะนั้นจำเป็นที่นธีจะต้องไปซื้อของใช้จำเป็นทันที
นธีล็อกประตูเรียบร้อยก่อนที่จะปั่นจักรยานต่ออีกนิดหน่อย ยิ่งใกล้คฤหัสห์มากเท่าใด เสียงเพลงสากลก็ยิ่งชัดเจนในโสตประสาทของนธี เขามองตระกร้าหน้ารถที่ใส่ถุงพลาสติกสีขาวจากร้านสะดวกซื้ออยู่หลายถุงเป็นครั้งคราว เพราะเกรงว่าของที่อยู่เต็มปริ่มตะกร้าจะหลุดร่วงลงมา
เที่ยงคืนกว่าแล้วยังกินกันไม่เลิกอีก ไม่รู้จักง่วงนอนกันเลยหรือไง? นธีนึกตั้งคำถามกับตัวเองมาในใจ แต่ก็มีอีกเสียงตอบกลับมาในใจอีก
ถ้าง่วงกันหมด ก็ไม่ได้เห็นหน้าคุณฟอร์นะสิ
จริงด้วย!? เด็กหนุ่มโต้ตอบตัวเอง ก่อนที่ริมฝีปากบางจะคลี่ยิ้มเคอะเขิน เมื่อนึกถึงหน้า ชายหนุ่มหล่อคมอ่อนโยน และมักจะมีรอยยิ้มบางเบาที่ทำให้รู้สึกถึงอบอุ่น
‘คุณฟอร์’เพื่อนสนิทคุณเหนือเจ้านายของตัวเขาเอง ผู้ซึ่งถูกชื่นชมโดยไม่รู้ตัว เพราะเขาแอบคิดเองเออเองอยู่ใจเพียงฝ่ายเดียว
คุณฟอร์….
“…………………” นธียิ้มแม้จะแค่นึกถึงหน้าของธันวา
นธี จอดจักรยานประจำตัวข้างๆโรงรถของเจ้าของบ้าน ก่อนที่จะหิ้วของหนักอึ้งที่ซื้อมา แล้วเดินลัดเลาะไปยังด้านหลังของคฤหัสห์
“ อ้าว น้ำ มาก็ดีแล้ว กำลังเป็นห่วงกันว่าทำไมยังไม่มาอีก” ดอกพู แม่นม2 รุ่นที่เลี้ยงทั้งคุณท่าน บิดาของคุณเหนือที่แสนจะเอาแต่ใจ ว่าเมื่อเห็นหน้านธี
“ …………..ผมเป็นผู้ชายไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ” นธีว่าวางของบนโต๊ะกลางห้อง แก้วสาวใช้อีกคนรีบเข้ากุรีกุจอหาของที่ต้องการจากถุงที่นธีวางไว้ทันที
“ น้ำเหนื่อยไหม? ไปนั่งก่อนพักก่อนไป” แก้วบอกจัดการหยิบโน่นหยิบนี่ให้นมดอกพู
“ ไม่เหนื่อยครับพี่แก้ว” นธีว่า แต่เหงื่อพุดขึ้นตามไรผมประปราย
“ นั่งพักก่อนเดี๋ยวคุณนมจะให้ช่วยยกถาดอาหารนี่ออกไป” แก้วแจกแจง
“ครับ” นธีรับคำ ใบหน้าเรียวมนได้รูปหันมองไปยังหน้าบ้านที่กลุ่มคนเกือบ 20 กำลังเต้นกันอย่างสนุกสนานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สายตากลมใสมองไปยังชายหนุ่มที่นอนบนเก้าอี้ข้างสระน้ำ พลันหัวใจก็เต้นผิดจังหวะ ก่อนที่หันหน้าหลบเข้ามา
แค่ได้มองดูแค่นี้ความสุขก็ล้นทะลักหลับฝันดีแล้ว เพราะไม่ได้คาดหวังไปมากกว่านี้ เพราะรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่มีวันที่เครื่องบินจะรับรู้ถึงหมาที่มองอยู่บนพื้นดิน ไม่มีวันที่หมาจะกล้าเห่าเครื่องบินเพราะรู้ว่าเห่าไป เสียงนั้นก็ไปไม่ถึงเครื่องบินที่ลอยอยู่บนฟ้า
มีความสุขกับแค่ตรงนี้ ก็ดีถมเถแล้ว
“ น้ำๆช่วยยกออกไปวางให้ที” กระหล่ำสาวใช้ร่างท้วมอีกคนบอกผู้ชายเพียงคนเดียวตอนนี้ เพราะนายน้อยคนสวนลากลับต่างจังหวัด
“ครับ” นธีว่า ยกถาดผัดเปรี้ยวหวานออกมา เดินเรียบริมสระยกถาดสีเงินไปวางกับถาดอีกหลายๆถาดที่พร่องไปเยอะแล้ว
เขาก็ก็มีหน้าที่เท่านี้ ส่วนเรื่องเสริ์ฟน้ำ บริการอย่างอื่นก็เป็นหน้าที่ของพี่แก้วกับพี่กระหล่ำแต่พอหลังจากงานเลี้ยงเลิกค่อยเป็นที่ของเขาที่จะเก็บโต๊ะ เก้าอี้
“น้ำ!?” นธีหันควับตามเสียงที่ฟังดูกระด้างสักหน่อย
“ครับคุณเหนือ?” นธีเดินตรงปรี่เข้าไปหาชายหนุ่มที่ยืนโซเซข้างสระว่ายน้ำขวักมือเรียก นธีเห็นรีบเข้าไปประครองเจ้านายกลัวจะตกน้ำตกท่า แต่พอจะประครองเจ้านายด้วยหวังดีกลับถูกผลักรุนแรงอย่างจงใจจนตัวเซ และยังไม่ทันจะตั้งตัวได้ มือที่แข็งแรงมือเดิมก็ผลักร่างนธีร่วงลงสระว่ายน้ำทันที
ตูม!!!??
เสียงเด็กหนุ่มตกลงในสระน้ำเย็น พร้อมๆกับเสียงหัวเราะดังไปรอบๆด้วยความขบขัน โดยเฉพาะผู้กระทำ ‘ศราวัฒน์’
ธันวา แม้ว่วันนี้เขาจะกินเหล้าไปเยอะ จนรู้สึกเมามึนแต่เขาก็ลุกขึ้นมาที่ขอบสระว่ายน้ำทันที
“ เหนือ นายทำเกินไป” ธันวาต่อว่าเพื่อนสนิท แต่อีกฝ่ายยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
นธีรีบว่ายน้ำเข้าหาขอบสระ นธีรับรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นตัวตลกให้คนอื่นๆได้ขำเล่น ลึกๆในใจนึกน้อยใจที่ตัวเองเป็นแค่คนใช้ เป็นแค่เด็กกำพร้า..ที่ถึงแม้จะโกรธ จะน้อยใจแต่ก็จำใจยอมรับชะตากรรม
“ เอ้าน้ำขึ้นมา” มือและเสียงที่ยื่นลงมา ทำให้นธีเงยหน้ามองค้าง
คุณฟอร์…………!?
คุณช่างแตกต่างจากคนอื่นๆ บางอย่างในใจเมื่อกี้ เหมือนได้รับการเติมเต็มอย่างไม่น่าเชื่อ
“………………..” นธียื่นมือไปจับมือของธันวา อย่างเกร็งๆ ก่อนธันวาจะช่วยดึงนธีขึ้นมา ในใจชายหนุ่มยังนึกโกรธเพื่อนอยู่ที่เล่นแรงขนาดนี้ แม้เขาจะชินกับการที่เหนือกลั่นแกล้งน้ำก็ตาม แต่ครั้งนี้ดูจะเกินไปหน่อย
“ ขอบคุณครับ” นธีว่า หงกศรีษะสองครั้งก่อนที่วิ่งออกไป ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ตกน้ำแค่นี้แต่กลับได้จับมือคุณฟอร์สำหรับเขาแล้ว คุ้มเกินคุ้ม
“ เหนือไม่เล่นแรงไปหน่อยเหรอวะ?” ธันวาถามย้ำ นั่งเก้าอี้ผ้าใบข้างๆ ศราวัฒน์ ทั้งสองคนต่างก็ยังมองตามร่างนธีที่วิ่งหายเข้าไปในตัวบ้าน
“ แรงอะรั้ย มากกว่านี้ไอ้น้ำมันก็ไม่เป็นอะไรหรอก เคยแกล้งขังมันไว้ในห้องทั้งวัน มันไม่เห็นจะเป็นอะไร” ศราวัฒน์ว่า เขาพอจะจำเรื่องที่เขาเคยขังน้ำไว้ในห้องได้ ตอนนั้นรู้สึกว่าเขาจะอยู่มอต้น
“ เราไม่เข้าใจ ว่าทำไมนายต้องหาเรื่องแกล้งน้ำตลอด นายไม่สงสารเขาบ้างหรือไง” ธันวาถาม เขานึกหาสาเหตุยังไงก็นึกไม่ออก ว่าทำไมเหนือทำไมถึงได้ชอบแกล้งน้ำนัก
“ ก็เห็นมัน แล้วมันหงุดหงิด….ถามจริงๆเถอะฟอร์นี่นายไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งโง่ว่า ไอ้น้ำมันรู้สึกยังไง…?” ศราวัฒน์พูดถึงความหงุดหงิดที่ทำให้เขาผลักน้ำลงไปในสระ ก็เพราะเขาเห็นว่าน้ำแอบมองฟอร์อยู่ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจ
“ รู้สึกยังไง คืออะไร?” ธันวาถาม เพราะเขาไม่รู้จริงๆ
“ ช่างเถอะ อย่ารู้เลย บั่นทอนจิตใจเปล่าๆ” ศราวุฒน์ว่าตัดบท นึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้แล้ว อารมณ์โมโหมันก็แล่นเข้ามา เขาพอจะมองออกว่า เด็กในบ้านรู้สึกยังไงกับเพื่อนของเขา
ก็แค่เด็กในบ้าน…ที่แม่เคยเป็นคนใช้ที่นี่ และก็หายตัวไปจนปัจจุบัน
“……………” ในขณะเดียวกันธันวา ก็นึกเป็นห่วงว่า น้ำที่วิ่งหายเมื่อกี้?
น้ำ…
“ อ้าว น้ำไปทำอะไรมา ทำไมเปียกปอนแบบนี้?” นมดอกพูถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นนธีเดินปากซีดเข้ามา
ยังไม่ทันที่นธีจะตอบ ก็มีแหลมสูงพูดขึ้นมาเสียก่อน
“ คุณเหนือนะสินม ผลักน้ำมันตกสระว่ายน้ำ เพื่อนคุณเหนืองี้ก็เหมือนกันพากันหัวเราะใหญ่ ก็มีแต่คุณฟอร์ เทพบุตรของกระหล่ำเท่านั้นแหละที่ยื่นมือมาช่วย” กระหล่ำฟ้องใบหน้าโกรธแทน แต่ก็พลันเปลี่ยนเป็นยิ้มหน้าบานเมื่อพูดถึงธันวาที่เธอแอบปลื้มในความเป็นกันเอง และที่สำคัญหล่อขาวเหมือนพระเอกละครที่เธอชอบ
“………………….” นธีได้แต่ยิ้ม เห็นด้วยกับพี่สาวร่วมชายคาอาชีพ
“ ไปอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อก่อนไม่สบาย มายืนตัวสั่นอยู่ทำไม” นมดอกพูไล่เอ็นดู นึกปลงกับคุณหนูเหนือที่เลี้ยงมากับมือ อายุจนปานนี้ จะ20 แล้วยังทำตัวเหมือนเด็กไม่มีเปลี่ยน ตอนเด็กชอบแกล้งยังไงโตขึ้นมาก็ชอบแกล้งอย่างงั้น หรือเป็นเพราะเธอตามใจมากเกินไป หรือเพราะนิสัยส่วนตัวกันแน่
นธีเดินเข้าอาบน้ำเปลี่ยนชุดในห้องของตนเอง ในใจก็นึกถึงใบหน้าของธันวา เมื่อกี้… เขาจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าคุณฟอร์เป็นห่วงเขาอย่างเห็นได้ชัด เป็นห่วงเด็กในบ้านคนนี้ นธีหัวเราะคิกคักขึ้นมาดื้อๆ คิดว่าตัวเองบ้าไปแล้ว บ้าก็ช่างก็คนมันมีความสุข
ตี3ครึ่ง เพื่อนของศราวัฒน์แยกย้ายกันกลับ เหลือเพียงธันวาที่นอนอยู่ห้องรับรองแขก อละแทบจะเป็นของธันวาไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะช่วงนี้ชายหนุ่มมานอนที่นี่เสมอ นอกจากธันวาจะเป็นเพื่อนสนิทของศราวัฒน์แล้วก็เกี่ยวพันธ์เป็นญาติฝ่ายมารดาอีก เรียกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องใกล้ชิดก็ว่าได้
นธีเก็บเก้าอี้ยกถาดใบสุดท้ายเข้ามาเก็บในครัว ตามหลังกระหล่ำและแก้วที่พอว่าของได้ก็หาวฟอดๆหายเข้าห้องตัวเองไป
ได้เวลานอนสักที นธีพูดกับตัวเองในใจ เขารู้สึกว่าวันนี้อากาศหนาวเย็นกว่าทุกวัน แต่พอเดินออกมาก็เจอร่างที่ทำให้หัวใจสะดุ้งหวิวได้
คุณฟอร์??!!!
“คุณฟอร์มีอะไรหรือเปล่าครับ?” นธีถามด้วยเสียงระคนแปลกใจ
“พอดีว่ารู้สึกตัว นอนต่อก็นอนไม่หลับ เลยเดินลงมา เห็นไฟยังสว่างอยู่ก็เลยเดินเข้ามาดู ..น้ำทำไมยังไม่นอน?”
“ กำลังครับ” นธีตอบไปเท่าที่คิดออก เพราะตอนนี้เขากำลังประหม่าทำตัวไม่ถูกที่เจอธันวาตอนนี้
“ เหรอ? ว่าจะชวนไปเดินเล่นเป็นเพื่อนสักหน่อย”
“มะ ไม่ไม่ครับ ผมก็ไม่ง่วง” นธีรีบตอบกลัวจะเสียโอกาสที่จะได้อยู่กับธันวาสองต่อสอง หัวใจเขาเริ่มทำงานหนักอีกแล้ว
“ ไม่เป็นไร น้ำไม่เกรงใจ ไปพักผ่อนเถอะ นี่ยิ่งลงไปเล่นน้ำในสระตอนเที่ยงคืนอีก เดี๋ยวจะไม่สบาย” ธันวาว่า จำเรื่องนธีโดนศราวัฒน์ผลักตกสระว่ายน้ำได้
“ ไม่!ไม่เป็นไรครับ ผมแข็งแรงจะตาย!?” นธีรีบตอบลิ้นแทบพันกัน
“………………….” ธันวา นิ่งไป ไม่คิดว่านธีจะรีบตอบอย่างจริงจังขนาดนี้
“……………..เออ ผมว่า ผมกลับไปนอนดีกว่า คุณฟอร์อยู่คนเดียวคงจะดีกว่า” นธีว่า รู้สึกเหมือนตัวเองอยากจะร้องไห้ที่พูดออกไปแบบนั้น พูดเหมือนอยากไปด้วยจนออกนอกหน้า เขาไม่อยากให้คุณฟอร์คิดว่าตัวเขามีจุดประสงค์ ดูแค่คุณฟอร์นิ่งไปแบบนี้เขาก็รู้แล้ว
ไม่น่าพูดไปเลย
“ ไม่หรอกฉันก็อยากคุยกับใครสักคนเหมือนกัน ถ้าไม่รบกวนน้ำจนเกินไปนะ” ธันวาว่า
“ …………………ครับ.” นธี พยักหน้า ดีใจนเนื้อเต้นก็ว่าได้ ที่จะได้อยู่กับธันวาเพียง2 คน …เหมือนฝัน…
สวนย่อมด้านขวาของบ้านมีเพียงเสียงแว่วเหมือนจากที่ไกลแสนไกลเท่านั้น แต่นธีกลับรู้สึกหูอื้อเพราะเสียงหัวใจที่เต้นราวกับกำลังวิ่ง ธันวานั่งลงชิงช้าไม้แกว่งเบาๆด้วยเท้าและสายตามองไปไกลเดินกว่าที่จะคาดเดา
“ วันนี้ น้ำอย่าไปโกรธเหนือเลยนะ น้ำก็เห็นว่าเหนือค่อนข้างเมา” ธันวาเอ่ย มองนธีที่กำลังนั่งลงชิงช้าข้างๆ
“ ผมไม่โกรธคุณเหนือหรอกครับ” นธีบอก เพราะเขาไม่คิดจะโกรธลูกชายผู้มีพระคุณ ผู้ที่ให้ข้าวแดงแกงร้อนเด็กกำพร้าที่ผู้ให้กำเนิดมาทิ้งไว้ที่นี่หรอก ตอนนั้นเขาจำความไม่ได้ด้วยซ้ำ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าแม่ตัวเองหน้าตาเป็นยังไง รู้แต่ว่ามารดาเคยทำงานที่นี่ก่อนที่จะหายตัวไป คุณหญิงพวงทองรับมาเลี้ยงเขาจนเป็นคนโต และเขาเองก็โดนคุณเหนือแกล้มาจนชิ และก็แค่โดนผลักตกน้ำอย่างมากก็แค่หนาว ไม่ได้เลือดตกยางออก แต่ถึงเลือดตกยางออก เขาก็ไม่ก็ไม่คิดเจ็บแค้นเอาคืนคุณเหนืออยู่แล้ว
“ โกรธบ้างก็ได้” ธันวาว่า เพราะในความคิดของเขา น้ำก็คือคนคนหนึ่งถึงแม้จะเป็นคนใช้แต่มีสิทธิ์มีเสียงเหมือนคนอื่นๆ
“ครับ” นธียิ้ม ปลาบปลื้มที่ธันวาเป็นห่วงเขาถึงขนาดนี้ เขาได้แต่รับคำไปอย่างงั้น แต่ทำจริงไม่ได้ โกรธคุณเหนือไม่ได้ เพราะเขาถือว่าเป็นการตอบแทนความกรุณาคุณหญิง เหมือนเป็นเพื่อนเล่นให้คุณเหนือเหมือนเมื่อเขายังเด็ก
“……………………” ธันวาใจลอยไปถึงเรื่องของตัวเอง คนอย่างเขาไม่เคยคิดว่าจะอกหักกับเขาเป็น แม้ตอนนี้จะไม่อยากเชื่อก็ตาม เขาคิดว่าตัวเองเลือกได้ถ้าต้องการมาตลอด แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่ งานปาตี้วันนี้เป็นงานที่เหนือจัดฉลองความโสดให้เขา เพราะอยากให้เขารู้สึกดีขึ้น แต่เขายังนึกถึงความเจ็บในใจอยู่ โดยเฉพาะคนที่ทำให้เจ็บ
“ คุณ ฟอร์ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?” นธีใจกล้าถามเพราะ เขาเฝ้ามองธันวาทุกครั้งที่มีโอกาส เขาได้ว่าธันวาไม่ปกติแน่ ทั้งถือแก้วเหล้าไม่วาง ทั้งยังทำหน้าเศร้าในบางครั้งที่ไม่มีใครสังเกตเห็น แต่เขาเห็น
“ ทำไม?!” ธันวาถามด้วยความสงสัย ว่าทำไมน้ำถึงคิดว่าเขามีเรื่องอะไร?
“ ก็ ผม ก็ลองถามดู เห็น คุณฟอร์ทำหน้าเหมือนกำลัง คิดอะไรอยู่?” นธีพูดเสียงเบาลงเรื่อยๆ
“ ฉันแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ?” ธันวาถาม เพราะอย่างงี้ละมั้งเหนือถึงจัดงานวันนี้ให้เขา
“ครับ” นธีตอบพร้อมพยักหน้า
“ เพราะโดนทิ้งมั้ง” ธันวาพูดยิ้มเหมือนเป็นเรื่องตลก ไม่รู้ทำไมถึงได้บอกเรื่องนี้กับน้ำ แต่เขารู้สึกสบายใจที่จะพูด นธีไม่ได้เชื่อสิ่งที่ธันวาเพราะเขาไม่คิดว่าคนที่เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติทรัพย์สมบัติจะโดนทิ้ง
“ …………………” นธียังคงเงียบไม่ได้แสดงความคิดเห็นเพราะยังไงก็เชื่อว่าชายหนุ่มแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง
“ ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ” ธันวาว่า
“ ผมไม่เชื่อหรอกครับ ว่าคุณฟอร์จะโดนทิ้ง อย่างที่บอกผม” เพราะถ้าเป็นเรื่องจริงคนคนนั้นก็บ้าเต็มที่แล้วที่ทิ้งคนฟอร์ได้ …
“ เป็นความจริงน้ำ ฉันโดนทิ้ง” ธันวาบอกจ้องหน้าที่กำลังจ้องหน้าเขาเช่นกัน
“ ถ้า ถ้า ผมเป็นคนคนนั้น ผมจะไม่มีวันทำแบบนั้นแน่นอนครับ” นธีบอกจริงจัง ก่อนที่จะรู้ว่าตัวเขาได้พูดเกินกว่าฐานะแล้ว นธีก้มมองเท้าตัวเองที่เหยียดออกไปทันที
“………………….” คำพูดของนธีทำให้ธันวารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“ ขอบใจน้ำนะที่พูดปลอบใจฉัน”
“…………………..” ผมไม่ได้พูดปลอบใจคุณฟอร์เท่านั้นนะครับ แต่นั่นคือคำพูดจากใจของผม …
“ ฉันคงไม่ดีพอสำหรับเขา”
“ ไม่ใช่ครับ คุณฟอร์ดีพอแล้ว คุณฟอร์ดีแล้ว” นธีบอกไม่ใช่เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกดี แต่คือ คำพูดที่เขารู้สึกดี
“ นั่นสิ เขาคงมองไม่เห็นส่วนดีของฉัน”
“ครับ” นธีตอบ ธันวาคลี่ยิ้มเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีดาวประดับทั่วทั้งผืน หัวใจโล่งโปร่งสบายขึ้น จนต้องถามว่าเพราะอะไร?
ธันวาหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆเหมือนเป็นคำตอบ.. ใบหน้าเรียบเนียนน่ามอง แม้จะมีกระจางๆ จมูกโด่งบางรับกับริมฝีปากที่ตอนนี้เริ่มซีด ดวงตากลมมนมีขนตายาวประดับพอดิบพอดี
“…………………”
สายลมเย็นทำให้นธีห่อตัวเพิ่มความอุ่นให้ร่างกาย รับรู้ว่าตัวเองเหมือนจะไม่สบาย คงเป็นเพราะโดนผลักลงสระว่ายน้ำด้วย ธันวาสังเกตเห็นทุกอย่าง ถ้าเขาไม่กลับคิดว่านธีคงไม่ยอมกลับเข้าไปแน่
“ น้ำกลับไปนอนกันดีกว่า ฉันเองก็ง่วงเหมือนกัน” ธันวาบอก นธียืนขึ้นตามชายหนุ่มแม้ดวงใจจะยังไม่อยากลับเข้าห้องก็ตาม เขายังอยากอกับธันวาต่ออีกสักนิดก็ยังดี… สักนิดก็ยังดี
“เอ่อ ครับ” นธีพูดพร้อมเดินตามหลังๆร่างกายสูงกว่าเข้าไปติดๆ
“ ฉันไปนอนนะ” ธันวาบอก่อนที่จะขึ้นบันไปูด้วยพรมสีแดงขึ้นไป เขารู้สึกได้ว่าบางอย่างในความรู้สึกกำลังเปลี่ยน หรือว่าความจริงเขาไม่เคยสังเกตมาก่อน…
“ ครับ” นธีมองตามหลังธันวาขึ้นไปอย่างอ่อยอิ่ง ก่อนที่เดินกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง
นธีฉีกยิ้ม แม้จะพยายามเม้มปากไม่ให้ตัวเองดีใจจนหัวใจทำงานหนัก แต่มันก็อดชื่นใจมีความสุขไม่ได้ ที่รู้ว่าธันวาตอนนี้โสด ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้มีโอกาสแท้ๆ ทำให้รู้สึกถึงความเลวของตัวเอง
ได้แต่หวังว่าคุณฟอร์จะลืมคนคนนั้นได้เร็วๆ และกลับมาเป็นคุณฟอร์ที่ร่าเริงเหมือนเดิม
ยังไงเขาก็ขอให้คุณฟอร์ไม่ว่ากับใครก็ตามแต่ ขอแค่คนนั้นรักคุณฟอร์จากใจก็พอ
“……………..” เขานั่งบนเตียงปูด้วยผ้าสีเขียวอ่อนค่อนไปซีด ก่อนที่จะเอนตัวนอนลง และในทันที เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ก๊อกๆ
คุณฟอร์!?
“………………..” นธีรีบลุกขึ้น คิดไปต่างๆนานาหาสาเหตุว่าทำไมคุณฟอร์ถึงมาเคาะประตูห้องเขา
อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเสียจริงๆ
“ ครับ คุณฟ…?” นธีพูดค้างเมื่อคนที่ยืนอยู่คือ ศราวัฒน์
“ คุณเหนือมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?” นธีถามน้ำเสียงปิดความผิดหวังไม่มิด
“ ไม่มี!” ศราวัฒน์ถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องของนธี เพราะสำหรับเขาบ้านนี้เป็นของเขา เขามีสิทธิ์จะไปที่ไหนก็ได้
แม้ศราวัฒน์จะไม่ได้เข้าห้องนี้นานมากแล้ว แต่เขาไม่ได้สนใจห้องเท่าไร เพราะเขาสนใจว่าทำไมนธีถึงได้ไปนั่งอยู่กับธัวาตั้งนานสองนาน
“……………..” นธีปิดประตูตาม ไม่รู้ว่าศราวัฒน์มีจุดประสงค์อะไรถึงได้มาหาเขาถึงห้อง
“ จะประเจิดประเจ้อไปถึงไหน?!” ศราวัฒน์พูดเสียงกระชาก ตวัดสายตามองนธีไม่พอใจ นธีหัวใจกระตุกเมื่อคิดว่า ‘คุณเหนือรู้!?’
“ ประเจิดประเจ้ออะไรครับ?” นธีไม่กล้าแม้สบตาดวงตาคมกริบของอีกคน
“ยังมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จะต้องให้พูดเลยไหมว่า อยู่ต่อหน้าเพื่อนฉันแกทำตัวยังไง แทบจะเอาตัวไปประเคนให้!”
นธีตกใจพูดไม่ออก
“ คุณเหนือพูดเรื่องอะไร!? ผมไม่รู้เรื่อง”นธีเดินถอยห่างออกมา ไม่รู้ทำไมรู้สึกว่าคุณเหนือดูเกี้ยวกาจน่ากลัวเหลือเกิน หรือว่าเพราะตัวเขานั้นปิดบังความจริงเอาไว้ เหมือนกับคนที่มีความผิดติดตัว
“ ไม่รู้เรื่อง!!ไม่รู้เรื่อง!? พูดออกได้ เวลามองไอ้ฟอร์แทบจะกลืนกินเข้าไป!?”
“ คุณเหนือคงเมาแล้ว ผมว่าคุ..”
“ ไม่ต้องมาสั่ง เป็นแค่คนใช้อย่ามาสั่ง!” “…………………….” ริมฝีปากนธีเปิดสนิททันที เพราะรู้จักนิสัยว่าคนตรงหน้าไม่ชอบให้ใครพูดในขณะที่ตัวเองพูด
“ คิดเหรอว่าไอ้ฟอร์จะมาสนใจ เคยดูสารรูปตัวเองบ้างไหม?!” ศราวัฒน์ว่ามองนธีตั้วแต่หัวจรดเท้าทั้งเสื้อยืด กางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ก็ของของเขาที่เขาไม่ใส่แล้วทั้งนั้น แม้แต่ผ้าปูที่นอนสีซีดๆที่ปูเตียงก็ตาม
นธีรับรู้อยู่แล้วว่าตัวเองแตกต่างกับธันวาแค่ไหน? ยิ่งศราวัฒน์มาตอกย้ำก็ยิ่งเจ็บปวด
“
ผมรู้ว่าที่ของผมอยู่ตรงไหน.. ” นธีพูดเสียงเบา
“ รู้ก็ดีจะได้ไม่ฝันเฟื่อง เพราะที่ไอ้ฟอร์มันทำก็เพราะมันสงสาร ไม่ได้พิศวาสอะไรหรอก!”
“ครับ ผมทราบ” นธีว่าพยายามฝืนไม่ให้น้ำตาคลอ
รู้ดี รู้มาตลอด รู้มานานแล้ว ที่คุณฟอร์ปฎิบัติต่อเขาเพราะสงสาร เพราะคุณฟอร์เป็นคนดี
“ และอย่าเที่ยวไปให้ท่าใครเขาอีก เห็นแล้ว มันเวทนา..”
“
ผมไม่เคยให้ท่าใคร” นธีรู้ทั้งรู้ว่าเงียบไว้จะดีกว่า แต่ปากมันก็อดที่จะโต้ตอบไม่ได้ แค่อยากให้รู้บ้างว่าเขาไม่เคยทำอะไรเกินเลย ไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลย
“ นี่แกเถียง!? เห็นอยู่โทนโท่ยังจะมาเถียง” “………………………….” ไม่ได้เถียง ผมพูดความจริง
นธีก้มหน้าลง ไม่โต้ตอบ
“ ที่นี้เงียบทำไม ไอ้เด็กโดนทิ้ง!”
จี้ที่ใจจนเจ็บแปล๊บ กับคำพูดที่เมื่อยังเด็กฟังจนชิน และไม่ได้ยินมานาน ตอนนี้โตแล้วพอได้ยินแล้วมันกลับรู้สึกเจ็บขึ้นมา หรือเพราะว่าไม่ได้ฟังมานานหรืออย่างไร
“ ที่ผมเงียบเพราะผมไม่รู้วาคุณเหนือ ต้องการอะไรถึงลงมาที่นี่?” นธีถาม พลันมือก็โดนศราวัฒน์กำแน่นหนา นธีพยายามบิดมือออก เพราะรู้สึกเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ
“…………ก็อย่างเคย” ศราวัฒน์ว่าอารมร์ดูอ่อนลง ดวงตาคมวาบมองใบหน้าที่มีรอยกะจางๆ นธีเข้าใจความหมายในทันที พร้อมๆก้มหน้าหน้าลงหลบสายตาที่เหมือนจะกลืนเขาไปทั้งตัว
“ วันนี้ อย่าเลยครับ ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย” นธีบอก ตัวเขารู้สึกร้อนๆหนาวๆมาตั้งแต่ขึ้นสระว่ายน้ำแล้ว
คำพูดปฏิเสธของอีกฝ่ายทำให้คิ้วของดาวเหนือขมวดเข้าหากันด้วยความไม่พอใจอีกครั้ง
“ บอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายแต่เมื่อกี้กลับไปยืนตากน้ำค้างได้เป็นนานสองนาน หรือว่าตั้งใจจะไม่ให้”
“ ไม่ใช่นะครับ!?” นธีรีบตอบเงยหน้ามองใบหน้าที่คิ้วยังขมวดตรง
“ ไม่ใช่ก็ต้องให้..” พูดจบดาวเหนือก็จู่โจมริมฝีปากนุ่มทันที นธีเหมือนจะส่งเสียงพูดในลำคอบางอย่างแต่อีกฝ่ายไม่คิดจะสนใจ ฝ่ามือหนากลับยิ่งเร่งรีบลูบไหล้ผิวเนียนที่อุ่นเหมือนจะไม่สบายจริงๆ ทว่าความต้องการที่อัดแน่นอยู่ภายในก็บดบังทุกอย่างไปเสียหมด
นธีปล่อยทุกๆอย่างให้เป็นไปตามที่ศราวัฒน์ต้องการ เขาไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด แต่เขารู้สึกถึงหลุมบางอย่างในร่างกายที่มันค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น มันลึกขึ้นจนไม่รู้ว่าสิ้นสุดที่ไหน
* * *
เจ้าค่ะ โทษด้วยที่มาช้า แต่ยังทันวันนี้อยู่เน้อ
หากว่าจะตัดสินใจสนใจไม่สนใจเรื่องราวของน้ำ
ก็ขอให้อ่านตอน 2 พรุ่งนี้ก่อนดีไหมเจ้าค่ะ
