ลงบ่อยๆ เด๊ววววว ก้อได้ปั่นไม่ทันอีก
วินาทีที่ 36
ผมรีบขับรถกลับบ้านด้วยหัวใจอันร้อนรน ในขณะเดียวกันผมก็พยายามกดมือถือเข้าหาไอ้ซันหลายต่อหลายครั้ง แต่ทว่าผลก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม และมันก็ยิ่งทำให้ผมยิ่งกระวนกระวายใจมากขึ้นไปอีก เพราะสุดท้ายแล้วผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะใครและต้องการอะไรกันแน่
ผมขับรถมาถึงสี่แยกไฟแดง ซึ่งในสถานการณ์ที่ผมกำลังเผชิญอยู่แบบนี้แต่กลับต้องมาติดแหงกให้กับไฟแดงในกรุงเทพแบบนี้มันก็ไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกของผมดีขึ้นเลย แต่มันกลับทำให้ผมยิ่งร้อนรนใจมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ
ผมเอาหน้าผากโขกกับพวงมาลัยรถเบาๆแล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆในซอยแห่งนั้น
“เมฆกลับบ้านไปก่อนเถอะ เดี๋ยวตรงนี้พี่จัดการต่อเอง.......” พี่วินพูดขึ้นเมื่อเขาเห็นสีหน้าของผมหลังจากที่ไอ้หัวเกรียนมันยอมสารภาพความจริงออกมาแล้ว
“มึงหมายความว่ายังไง!” ผมตะคอกใส่มันโดยไม่ได้สนใจสิ่งที่พี่วินบอกผมเลย “มึงบอกว่าไอ้ซันมันทำไมนะ! นี่พวกมึงทำอะไรกับแฟนกูกันแน่!”
“มึงนั่นแหละที่ทำตัวเอง ไอ้โง่!” ไอ้หัวเกรียนตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มสะใจเล็กน้อยทั้งๆที่ใบหน้ายังคงมีคราบน้ำตา “กูบอกแล้วไงว่ากูก็แค่คอยจับตาดูพวกมึงสองคน แต่ถ้าอะไรๆมันจะเหี้ยไป มันก็เกิดมาจากพวกมึงทำตัวเองกันทั้งนั้นแหละ ไอ้ควาย!”
ผมที่ขยับตัวเร็วกว่าพี่วินเดินตรงเข้าไปเหยียบลงบนแผลของมันที่เพิ่งถูกพี่วินยิงทันที ทำให้มันต้องกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เมฆ กลับบ้านไปก่อน” พี่วินพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับบีบหัวไหล่ของผมแรงพอที่จะดึงสติของผมกลับมา “และปล่อยให้พี่จัดการตรงนี้เอง กลับไปดูซะว่ามันเกิดอะไรขึ้นและมีอะไรผิดปกติบ้าง จากนั้นให้โทรมาบอกพี่ เข้าใจมั๊ย”
ผมพยักหน้าช้าๆทั้งๆที่ตายังคงมองไอ้หัวเกรียนกับไอ้ผมยาวอยู่อย่างโกรธแค้น แต่เมื่อผมนึกถึงคำพูดที่น่าจะแฝงความนัยของพี่วินอีกครั้ง ผมก็รีบไปขึ้นรถและขับออกมาจากที่แห่งนั้นทันที.............
“ไอ้ซัน......... นี่มันเกิดอะไรขึ้น มึงจะคุยกับกูก่อนไม่ได้รึไง” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเริ่มเข้าเกียร์และเหยียบคันเร่งเมื่อไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียวอีกครั้งพอดี
ทันทีที่ผมกลับถึงบ้าน ผมก็รีบตรงขึ้นห้องนอนของตัวเองทันที ผมเปิดตู้เสื้อผ้าดูก็เห็นว่าเสื้อผ้าของไอ้ซันมันหายไปหลายชุดจริงๆ นอกจากนั้นของใช้ส่วนตัวบางอย่างของมันก็ยังไม่อยู่ในที่ๆเดิมแล้วด้วย ผมเดินออกจากห้องไปเคาะที่ห้องของไคล์เพื่อถามว่าเขารู้มั๊ยว่าซันไปไหน แต่ไคล์ก็ไม่รู้ แถมยังถามคำถามผมกลับมาอีกด้วยว่าทำไมจู่ๆซันถึงได้เรียกแท็กซี่ออกจากบ้านไปแบบนั้นและยังคำถามอื่นๆอีก ผมจึงต้องเลี่ยงเขาออกไปโดยบอกว่าเราทะเลาะกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่ทว่าคนที่ผมไม่สามารถโกหกได้เลยก็คือพ่อเอกนั่นเอง
“เกิดอะไรขึ้น เมฆ” พ่อเอกถามผมหลังจากที่ผมเดินออกมาจากห้องของไคล์แล้ว
“ไม่มีอะไรหรอกครับพ่อ พ่อไปนอนเถอะ” ผมตอบ
“แล้วทำไมเสื้อผ้าถึงได้เป็นแบบนั้น”
ผมก้มลงมองดูเสื้อผ้าตัวเองก็เห็นว่าตอนนี้ผมอยู่ในสภาพที่โทรมมากจริงๆ โดยเฉพาะรอยเลือดที่ยังคงเลอะอยู่ตรงปลายขากางเกงของผม “ไม่มีอะไรหรอกครับพ่อ วันนี้ผมไปเข้ายิมมาน่ะ”
“แล้วซันล่ะ รู้รึยังว่าเขาไปไหน”
ผมส่ายหน้า “ยังครับ แต่ก็จะรู้ให้ได้เร็วๆนี้แหละ” ผมตอบก่อนจะเดินผ่านพ่อเอกไปก่อนที่จะโดนซักไปมากกว่านี้ แต่สุดท้ายก็ยังถูกหยุดเอาไว้อีกครั้งจนได้
“เดี๋ยว”
ผมหันกลับมามองหน้าพ่อแล้วก็อดรู้สึกผิดไม่ได้เมื่อเห็นแววตาแห่งความกังวลฉายอยู่ในดวงตาคู่นั้นอย่างเต็มเปี่ยม
“วินเข้ามาช่วยแล้วใช่มั๊ย.......” และเมื่อพ่อเห็นผมพยักหน้าตอบ พ่อก็ถอนหายใจเบาๆก่อนจะพูดต่อ “วันนี้ก็ด้วยใช่มั๊ย”
“ครับ” ผมพยักหน้าอีกครั้ง
พ่อเอกหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมามองผมอีกครั้งอย่างห่วงใยและเป็นกังวล “ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
ผมพยักหน้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเองและพยายามหาว่าไอ้ซันทิ้งโน้ตเอาไว้ให้ผมบ้างรึเปล่า แต่นั่นก็ดูจะไม่ใช่นิสัยไอ้ซันจริงๆ จนกระทั่งความคิดความคิดหนึ่งมันกระแทกเข้าที่หัวของผมอย่างจัง ผมจึงรีบกระโดดไปที่มุมห้องและไขกุญแจที่ลิ้นชักของผมที่ผมเก็บรูปเอาไว้ และในที่สุดผมก็เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น นั่นก็คือ รูปถ่ายของนัทที่ถูกดึงออกมาจากซอง และรูปถ่ายคู่ในห้องน้ำของเราสองคนที่ถูกฉีกออก......... ซึ่งเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผมปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเองได้
“ไอ้ซัน!” ผมทรุดตัวลงนั่งบนเตียงก่อนจะหยิบรูปถ่ายคู่ของเราสองคนขึ้นมาถือไว้ในมือ ทันใดนั้นเองสิ่งต่อมาที่ผมคิดได้คือแหวนของเราสองคนและก้อนหินสีขาวของมัน ผมรีบลุกขึ้นเดินไปทั่วห้องเพื่อหาของสองสิ่งนั้นอีกครั้งทันที ไอ้ซันมันคงไม่ทำถึงขนาดทิ้งแหวนที่เป็นของๆพ่อกับแม่ของผมไปแน่นอน ดังนั้นอย่างร้ายแรงที่สุดก็คือมันต้องถอดวางคืนเอาไว้ให้แก่ผม และก้อนหินก้อนนั้นก็ด้วยเช่นกัน
ผมใช้เวลากว่าห้านาทีหาตามส่วนต่างๆของห้องนอนไม่ว่าจะในตู้ ในเก๊ะ หรือบนชั้นวางของตามหลืบตามมุมต่างๆทั้งหมดแต่ก็ไม่พบเลย ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมาอีกนิดหน่อยว่าผมยังคงมีโอกาสอยู่.........
โอกาสที่ผมจะได้อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างให้มันเข้าใจ