ตอนที่8 ให้เธอเรียกฉันว่าสายลมที่หวังดี
เป็นอย่างที่คิดครับคืนนั้นผมก็นอนไม่หลับจริงๆ หลังจากที่คุยกับพี่เกียร์เสร็จก็พยายามจะนอนครับแต่ก็นอนไม่หลับจริงๆนึกถึงเพลงที่ไอตี๋นั่นร้องและหลายๆทีมันเคยทำให้ผมหวั่นไหว...
ในใจก็คิดครับตกลงใครกันแน่ ที่ทำให้ผมหวั่นไหวจริงๆ แต่ที่แน่ๆตอนนี้ต้องนอนละครับ จะทำยังไงได้หละครับพรุ่งนี้มีเรียนและอีก5 วันผมก็จะปิดเทอมใหญ่แล้ว แถมห้องผมยังมีแพลนที่จะ
ไปเที่ยวทะเลกันอีกแต่ด้วยการแย้งของเพื่อนๆหลายๆคนการไปเที่ยวทะเลจึงเปลี่ยนเป็น น้ำตกไปโดยปริยาย ผมก็ได้ เฝ้ารอให้ถึงวันนั้นจัง จะได้ลืมเรื่องเครียดๆ อ้อ!! ลืมบอกไปครับช่วงนี้
พี่เกียร์ก็ โทรมาหาผมทุกวัน ตรงเวลาเป๊ะ3 ทุ่มก็โทร เพราะพี่เค้าบอกว่า ถ้าโทรมาดึกมันจะรบกวนการนอนเลยโทรตอนนี้ ผมก็ได้แต่ตอบอืมๆ แถมช่วงนี้พอเขารู้ ว่าที่ห้องผมจะไปน้ำตก
ก็รบเร้าอยากจะไปด้วยโทรมารบเร้าผมทุกวันฮ่าๆ จนผมใจอ่อนต้องให้ ไปด้วยแหม น้ำโดนหินทุกวันหินมันยังกร่อนไม่ใช่หรอครับ?
เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็ไปโรงเรียนตามปกติครับแต่ที่ไม่ปกติคือวันนี้มีคนเอาของมาให้ แต่เช้า พอถามคนแถวนั้นก็ ไม่มีใครรู้ สงสัยคงเอามาให้ตอนดึกๆ
หยิบขึ้นมาดู ก็จ่าหน้าถึงผมนะครับ แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดี ว่าใครส่งมาให้ ผมก็จัดแจงเปิดกล่องเลยครับ ....
"เห้ย!" ผมโยนกล่องทิ้งเลยครับข้างในมันมีหนอนตัวนึงอยู่แล้วก็กำลังคลานๆ หึ๋ย!!! ผมเกลียดหนอนมาก
"ฮ่าๆๆๆ" ไอตี๋ครับเดินออกมาจากไหนไม่รู้ มายืนขำผมน้ำหูน้ำตาไหล
"เล่นไรวะเนี่ย ... " ผมตะโกนด่ามัน
"ก็แค่แกล้งเล่นเฉยๆ แกล้งไม่ได้เลยหรอจ้ะ" มันมาทำเสียงจ้ะจ๋า ใส่ผมพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
"ไม่ไปโรงเรียนไง" เปลี่ยนเรื่องดีกว่าในขณะที่ยืมมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้ากับชุดนักเรียนของมัน
"ถ้าไปจะเห็นอยู่ตรงนี้หรอ"มันกวนตีนผมอีกแล้ว
"เออ... แล้วคราวหน้า อย่า เล่นไรแผลงๆแบบนี้อีกนะเว่ย!"
"จ้าๆ.... เออเดี๋ยวไปส่ง..ไป ป่าวเพิ่งได้รถมาใหม่"
"ไม่ดีกว่า.. เดี๋ยวไปเองดีกว่า"ผมมั่นใจเลยว่ามันต้องง้อแน่ๆ
"รังเกียจกันขนาดนั้นเลยหรอ"มันลดเสียงต่ำลงแล้วก้มหน้า
"เห้ยปล่าวๆ... เออไปก็ได้..แล้วไปเอารถมาจากไหนอะ?"เห้อสุดท้ายก็ต้องยอมมันจนได้ .. มันก็ยิ้มร่าเลยครับ
"พ่อซื้อให้เฉยๆ....มาๆมานี่เลย"มันตอบแบบเฉยๆและถือโอกาสแต๊ะอั๋งผมอีกละเหมือนพี่เกียร์เลย.....จับมือลากไปที่รถของมัน(บอกซักนิดพ่อของไอตี๋คืออาวี
อาวีไปทำงานอยู่เมืองนอกนานๆจะมาไทยทีรู้สึกว่า เดือนนี้มาไทยก็เลยซื้อรถให้ ไอตี๋มัน)
"รถสวยนี่"ผมชมมันเพราะรถมันสวยจริงๆ
"ยังขาดตุ๊กตาหน้ารถมาเป็นให้หน่อยได้ปะหละ"มันก็พูดทีเล่นทีจริงจนตอนนี้ผมก็เขิน แต่ในใจก็ต้องข่มใจไว้
"แล้วจะไปได้ยังถ้าไปเรียนไม่ทัน นายตายแน่!"ผมขู่มันแก้เขินไปอย่างงั้นแต่ในใจก็แบบ.. ขอจองได้ปะฮ่าๆๆเขิน
"แหมไม่ต้องเขินหรอกหน้าแดงซะขนาดนั้นดูก็รู้ว่าเขิน"ตอนนี้ผมก็นั่งเบาะหน้า คาดเข็มขัดแล้ว เขยิบตัวไปไหนก็ไม่ได้
"เออ...เอ้ยบ้าแล้วไงใครเขาจะไปเขินคนอย่างแก"เงินในกระเป๋ากางเกงมันก็ดันหล่นลงซะอย่างนั้นก็ก้มลงเก็บซิครับหายซักบาทนี่ไม่ได้เลยนะงกอ้ะฮ่าๆ
"ทำไมคนอย่างเรามันทำไม?" มันมองหน้าเครียดๆแล้วก็ค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้ๆประจวบเหมาะกับที่ผมล้มลงเก็บเงินเงยหน้าขึ้นมาก็เจอหน้ามันแล้ว ห่างกันแค่ไม่กี่ นิ้วเอง
'ปรี้น!!' เสียงแตร์รถดังเนื่องจากก็มือผมนี่แหละที่ไป กดแตร์ให้มันดังไม่งั้นอะไรคงเลยเถิดไปกว่านี้
"ไปเรียนเถอะจะ8 โมงแล้ว" เราทั้งคู่ก็ต่างหน้าแดงมันก้ค่อยๆขับรถ ออกไป ผมก็หันไปอีกทางไปมองกระจก
ตลอดทางผมกับมันก็ไม่พูดอะไรกันเลยเอาแล้วซิ ทำไมใจเต้นแรงอย่างนี้เนี่ย
"ถึงละไปเรียนได้ละ ตั้งใจเรียนนะ"
มันไล่ผมลงจากรถแต่ก็ไม่วายยิ้มให้ผม ... อบอุ่นจัง...
ทันทีที่เข้ามาในโรงเรียนสิ่งแรกที่เห็นคืออิโฟนยืนลุกลี้ลุกลนอยู่ข้างสนาม
"มึงเป็นอะไร?"ผมเดินเข้าไปถามทันทีมันก็สดุ้งโหยง
"ป๊าว.. ป่าวนิๆ"แหนะอีนี่มีพิรุธ
"มึงไปเห็นอะไรมาหรือได้ยินอะไรมาใช่ไหม พฤติกรรมแบบนี้มึงจะเป็นตลอดเพราะมึงเป็นห่วงเพื่อนใช่ไหม?"ผมถามย้ำแล้วย้ำอีกมองตามัน จนมันยอมพูดออกมา
"ตอนกูมาโรงเรียน นั่งรถเมย์คันเดียวกันกับพี่เกียร์"
"เออ... แล้วเค้าอยู่ไหนแล้วหละ"พูดเสร็จผมก็พยายามมองหา
"หยุดมอง!!!!.....มึงฟังกูก่อน...กูเห็นเค้ามากับผู้หญิงคนนึง"
"น้องสาวเค้ารึเปล่ามึงอย่าเพิ่งคิดมาก"ผมพยายามมองโลกในแง่ดีแต่ตอนนี้ก็เริ่มหละหวั่นๆไปแล้ว
"ไปดูกับกูไหมหละ"โฟนท้า
"ไปดิ.." กล้าท้าผมก็กล้าไป เรา2 คนก็เดินออกจากโรงเรียนเลยครับไม่สนยามเพราะเราไม่แคร์ยังไม่ถึงเวลาเข้าแถว
"พวกมึงจะไปไหนกัน"อิบิ๊กที่เพิ่งลงจากรถ3ล้อก็วิ่งตาลีตาเหลือกมาทางพวกเรา
"ไปดู...ของดี"ผมก็ยิ้มกริ่ม แต่ในใจก็เริ่มแย่แล้ว
เรา3คนเราเดินอยู่ตรงถนน ซักพักก็เห็นแผ่นหลังของใครซักคนคุ้นตามาก เหมือนเคยเห็น...เดินจับมืออยู่กับผู้หญิงโรงเรียนเอกชนอยู่กระหนุงกระหนิงกันน่าดู
"เชื่อกูรึยัง! .... อย่าโง่อีกเลย"อิโฟนพยายามปลอบผม
"บ้า .. ยังไม่เห็นหน้าซักหน่อยจะรู้ได้ไงว่าใช่อีกอย่างอาจจะเป็นพี่น้องกันก็ได้ มึงน่ะชอบคิดมากอิโฟน" ตอนนี้ใจก็ตกไปอยู่ตาตุ่มซะแล้วแต่ก็อย่าเพิ่งเป็นกระต่ายตื่นตูมคอยดูต่อไปดีกว่า
เรา3 คนเดินตามมาจนเกือบมาถึงโรงเรียนของผู้หญิงคนนั้น เหมือนว่า จะร่ำลากันเสร็จแล้วพอเค้าหันหลังกลับมาอิพวกนั้นก็ หลบเข้า ข้างทางครับ
ทำเป็นซื้อของอะไรนี่แหละเหลือผมอยู่คนเดียวยืนประจันหน้า กันอยู่อย่างนั้น พี่เกียร์ก็มองหน้าผมครับ.. เขาดูตกใจมากเพราะไม่คิดว่า ผมจะเป็นคนกล้าขนาดนี้หละซิ
"มะ.. มา.. ทำอะไรตรงนี้"เขาถามเสียงติดๆขัดๆ
"อ๋อป่าวหรอกครับ.. เดินเล่นเฉยๆ"
กูจะดูซิว่าจะแก้ตัวยังไง
"อ่อ... เดินมาไกลจังเลยนะ"ผมกำหมัดแน่นเลยกัดฟันกรอดๆ
"ถ้าไม่เดินมาจะได้เห็นอะไรดีๆแบบนี้หรอ.. "อิบิ๊กเดินออกมาจากมุมบ้าง
"พูดอะไรกัน.. พี่งงไปหมดแล้ว"
"งงหรอ... โน่น มาแล้วหน่ะ"โฟนออกมาเช่นกันเดินออกมาจากมุมเดียวกะอิบิ๊กแหมอินี่พอถึงจุดพีค ก็ ออกมาตลอด พร้อมชี้ให้พี่เกียร์เห็นผู้หญิงคนนั้นเดินตามออกมา
"เกียร์เห็นผ้าเช็ดหน้า ไหม? หรือว่าเราทำตกที่บ้านนาย?"ดูมันพูด หน้าตาใสมากแบ๋วมาก อิชะนี ผมนี่ซิโกรธโกรธจนตัวสั่นเลยอิ2คนนั้นเหมือนรู้งานเดินเข้า มาจับผมไว้ ไม่ให้วิ่งเข้า
ชาร์ตทั้งคู่.. ผมมองหน้าพี่เขาและอิชะนีนางนั้นก็มองหน้าผมเช่นกัน
"ใครอะเกียร์" มันถามและกรอกบิ๊กอายกากๆไปมา
"ระ...รุ่น.... รุ่นน้องน่ะอย่าสนใจเลยเข้าไปเรียนได้แล้ว" พี่เกียร์หันหลังไป ส่งอิชะนีนั่นและหันกลับมาเผชิญ หน้ากับผมต่อ แต่ก่อนที่อิพี่เกียร์นั่นจะได้ พูดอะไรผมยกมือขึ้นมาเป็นเครื่องหมายว่า
ปฎิเศษที่จะรับฟังทุกอย่างและหันหลังกลับ เข้มแข็งเอาไว้ ... บอกกับตัวเองเข้มแข็งเอาไว้ ..ห้ามร้องไห้ ให้คนอื่นเห็นห้ามเป็นคนอ่อนแอ แม่ผมสอนแบบนี้มาโดยตลอด
"ถ้าพู่กันไม่ฟังพี่แล้วจะรู้ได้ไงว่าอะไรเป็นเรื่องจริงอะไร?"
"ความจริงคือสิ่งที่ผมเห็นและตอนนี้ พี่ก็พิสูจน์ให้ผมรู้แล้วว่า พี่ทำไม่ได้ตามที่สัญญา" ขอบตาแดงก่ำมือไม้สั่นไปหมด...นี่หรือการทุ่มเท อิโฟนกับอิบิ๊กก็เข้า มาช่วยปลอบ
"มึงกูคงไม่เข้าโรงเรียนแล้วนะ... วันนี้ขอโดดซักวันแล้วกัน"ผมมองหน้า พวกมัน2 คน
"แล้วมึงจะไปไหน"
"ไปบ้านกูก็ได้นะ"โฟนบอก
"อ้าว.. งั้นเดี๋ยวกูไปกับมึงด้วยแล้วกันแล้วเดี๋ยวค่อยว่ากันต่อโอเคปะ"
ได้แต่ยิ้มจริงๆตอนนั้นมันพูดอะไรไม่ออกเลย
ซักพักก็มาถึงบ้านอิโฟนพวกเราเปลี่ยนเสื้อของโฟนกันเพื่อไม่ให้ โดนพ่อค้าแม่ค้า แถวนั้นโทรไปฟ้องโรงเรียนว่า นักเรียนหนีเรียน
"มึงอยากร้องก็ร้องออกมาเลยนะไม่เป็นไร.."มันทำไรกันไม่ถูกหรอกครับได้เห็นแค่ผมร้องไห้ฟูมฟายแบบนี้มันยิ่งทำไรไม่ถูกใหญ่เลย ส่วนตัวผมน่ะหรอพูดได้แต่คำว่า
ไม่เป็นไรๆซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
"มึง.. โทรศัพท์" อิโฟนหยิบมือถือที่กำลังสั่นอย่างบ้าคลั่งของผมขึ้นมา
"ใครอะ..?? ถ้าเป็นพี่เกียร์ บอกว่ากูไม่อยู่นะ"ผมตอบปัดๆมันไป
"ไม่ใช่วะเบอร์ใครไม่รู้ไม่คุ้นเลย.. เดี๋ยวกูรับให้ก่อนแล้วกัน"โฟนหยิบมือถือแล้วกดรับผมนั่งมองหน้ามันซักพักมันก็ลุกออกไป ข้างนอกบ้านแล้วก็คุยอะไรกันซักอย่างท่าทางจะเครียด
"ว่าไงมึง.." ผมถามทันที ตอนนี้ เริ่มจะควบคุมอะไรได้หลายๆอย่างแล้วผมจะเป็นคนแบบนี้แหละครับถ้า เสียใจก็จะเสียใจจนสุดกู่แต่พอหายแล้วหยุดคือหยุด นอกจากจะมีคนมา
สะกิดต่อมน้ำตาเช่น'เป็นไรป่าว''ดีขึ้นรึยัง'คำพูดพวกนี้ ต่อมน้ำตาแตกเลยครับ
ซึ่งพออิพวกนั้นเห็นผมดีขึ้นก็เริ่มแซวเหมือนเดิม
"พี่เกียร์โทรมาวะ"อิโฟนดึงหน้าเครียด
"แล้วเค้าว่าไงบ้างวะ"ผมก็ถามยิ่งเครียดใหญ่เลย
"เค้าบอกว่า ทำไมมึงร้องไห้ เอี้ยอย่างนี้ 5555"มันหัวเราะก๊ากเลยครับ
"ล้อกูเล่นนะพวกมึงอะ.."ผมตัดพ้อนิดหน่อยแต่ก็ทำให้ผมยิ้มได้
"กูว่ามึงไปหาไรทำเหอะจะได้ไม่ฟุ้ง"โฟนเตือน
'ครืนนนนน... ครืนนนนน'มาอีกละมือถือผม
"หวัดดีครับ"ผมรับสายอย่างเร็วยังไม่ทันที่ อิโฟนจะพูดอะไร
"พู่กัน.. จำได้ไหมใคร"
"พี่นัท... " แล้วผมก็ ลุกขึ้นและออกไปคุยโทรศัพท์นอกบ้าน
".ใช่แล้ว นึกว่าจะจำกันไม่ได้ซะอีก ... วันนี้เป็นอะไรหรอ ... เห้นโฟนเล่าให้ฟังดูท่าทางไม่ดี เลย" ถามกูซะชุดใหญ่เลย แล้วทีนี้กูจะตอบมึงยังไงดีเนี่ยไอตี๋
"โฟนบอกหมดแล้วหละซิ"ผมลดเสียงลง
"ใช่แล้ว โอ๋ๆ ไม่เป็นไร นะ ... ตอนนี้ดีขึ้นรึยังอะ?"มันถามทีเล่นทีจริง แต่ก็มีความรู้สึก ของ คำว่าเป็นห่วงปนอยู่ ผมรู้สึกได้(ตอนนั้นร้องไห้เลย)
"ก็ดีขึ้นแล้วหละ ... ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นหรอกน่า ... "ผมก็ดันไปพูดติดๆ ขัดๆ กับมันอีก เพราะสะอื้นด้วยแหละ
"เอาน่า .. งั้นเดี๋ยว จะร้องเพลงให้ฟัง อยากฟัง เปล่า" หึ่ย หน้าแดง อะ อย่าคิดว่าผม ใจง่ายเลยน้า ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น อิอิ
"แล้วนี่ไม่มีเรียนหรือไง?"ผมถามย้ำกลับไปเพราะตอนนี้ ก็10โมงกว่าแล้ว ..
"เอาผ้าเช็ดหน้าปิดตาไว้ดิ"มันออกคำสั่ง.. โดยไม่ได้สนใจคำถามของผม
"ทำไมจะต้องปิด..."ผมถาม กลับไป
"เอาเถอะ น่า ... " ไอ้เราก็ทนเสียงคนขอร้องไมได้ด้วยเนอะ ก็เลย ต้องทำไปตามนั้น ... ดูดิ๊ ง๊ายง่ายฮ่าๆ หยิบ ผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดตาตัวเองเอาไว้
"พร้อมยัง .. จะร้องแล้วนะ"มันถามผมย้ำอีกครั้งนึง
"เออ ... พร้อม แล้ว..." อะไร อีกหละ จะมีอะไรมาเซอไพร์กูอีกละ
" แอบส่งดอกไม้ไปให้ เธอไม่รู้หรอก
กับสิ่งดีๆให้เธอ เธอไม่รู้
ยังคงปิดบังซ่อนอยู่ เธอไม่ต้องรู้ว่าฉันนั้นคือใคร
ส่งความคิดถึงไปให้ เธอไม่รู้หรอก
เป็นกำลังใจให้เธอ อยู่เสมอ
แม้เราไม่ได้พบเจอ อย่าเดาเลยเธอว่าฉันนั้นเป็นใคร
ฉันอาจเป็นสายฝนเมื่อเธอร้อนใจ
อบอุ่นเหมือนไฟเมื่อเธอเหน็บหนาว
อาจเป็นดนตรีกล่อมเธอเมื่อเหงา
อาจเป็นแสงดาวเมื่อเธอแหงนมอง
แค่เพียงช่วยรับมันไปในทุกๆอย่าง
ก็เพียงต้องการให้เธอมีสุขเสมอ
แม้เราไม่ได้พบเจอ
อย่าเดาเลยเธอว่าฉันนั้นเป็นใคร " เสียงมันเงียบไปครับ..
"ไปไหนแล้วอะ..??" ผมพูดขึ้นทันที ซักพักเดียวเท่านั้นแหละครับ เหมือนมีคนมายืนอยู่ข้างหลังผม แล้วยื่นหน้ามาข้างๆหู
" ฉันอาจเป็นสายฝนเมื่อเธอร้อนใจ
อบอุ่นเหมือนไฟเมื่อเธอเหน็บหนาว
อาจเป็นดนตรีกล่อมเธอเมื่อเหงา
อาจเป็นแสงดาวเมื่อเธอแหงนมอง
แล้วเมื่อถึงเวลาก็จะรู้
เหตุผลที่ฉันนั้นทำให้เธอไป
เธอเขียนข้อความหนึ่งไปกับดอกไม้
ให้เธอเรียกฉันว่าสายลมที่หวังดี " ผมก็เปิดผ้าออก เลยครับแล้วหันไปมอง ก็คือมันจริงๆ .. ยืนอยู่ หน้ากันเลยครับ มันก็มองหน้าผม ผมก็มองหน้ามัน โอ๊ยย หน้าแดงง
"นี่คิดจะ.." มันเอามือ ขึ้นมา ทำ จุ๊ๆ เหมือนให้หยุดแล้วก็ฟังมันต่อ
"ฉันอาจเป็นสายฝนเมื่อเธอร้อนใจ
อบอุ่นเหมือนไฟเมื่อเธอเหน็บหนาว
อาจเป็นดนตรีกล่อมเธอเมื่อเหงา
อาจเป็นแสงดาวเมื่อเธอแหงนมอง" ไอผม จากที่เขินอยู่แล้ว ยิ่งได้มาฟังจากปากมันตรงหน้าแล้วหละก็.... บอกไม่ถูกเลย ครับ
" เราชอบพู่กัน"....
(พออ่านถึงตรงนี้แล้ว คลิกที่ลิ้งนี้นะครับ .. อยากให้เพื่อนๆ ได้ฟัง และได้FEEL เดียวกับผม
http://www.myfirstsight.com/music/sai.htm )
TBC ................................................................................
มาต่อแล้ว ตอน 8 .... ตอนนี้จะหลายอรรถรสหน่อยนะครับ วันนี้ นั่งคิดอะไรไปเรื่อย
จน แต่งต่อไม่ได้เลย ขอโทษที่ลงช้านะคร้าบบบบบ
พู่กัน : )