ตอนที่ 9 “น้องกัส น้องมิค เที่ยงนี้ไปทานข้าวด้วยกันนะครับ”
เสียงหมอหนุ่มร่างหนาชวนหมอหนุ่มตัวเล็กทั้ง 2 คนไปทานข้าวด้วย ซึ่งหนึ่งหนุ่มในนั้นเป็นคนที่ตนถูกใจ
“ได้ครับ แต่พี่พจน์เลี้ยงน้า”
“มิค!”
หนุ่มแว่นเพื่อนสนิทตอบรับทันทีที่จะมีคนเลี้ยงจึงโดนหนุ่มอีกคนดุเสียงเข้ม แต่เจ้ามือก็เต็มใจได้แต่หัวเราะและเชิญชวนไปส่วนของห้องอาหารของโรงพยาบาล
“วันนี้น้องกัสเหนื่อยมั้ยครับ คนไข้เยอะมั้ยเอ่ย”
“นิดหน่อยครับ คนไข้ก็มาเรื่อยๆครับ”
แม้หมอร่างหนาจะพยายามชวนคุยแต่อีกคนกลับถามคำตอบคำ ไม่อยากให้ใครคิดหรือหวังกับตัวเค้าเอง ยิ่งช่วงนี้เค้าจึงรู้ว่าคนที่คิดว่าลืมแล้วกลับยังจำได้ไม่ลืม แล้วเค้าคนนั้นล่ะยังคิดถึงกันอยู่มั้ย
“เย็นนี้พี่ว่างไม่ได้อยู่เวรน้องกัสน้องมิคไปทานข้าวกับพี่มั้ยครับ”
“โอ๊ะ กัสอ่ะ”
หมอหนุ่มที่นั่งร่วมโต๊ะยังพยายามหาโอกาสอยู่ใกล้กับหนุ่มร่างเล็กที่ตนถูกใจจึงพยายามชวนไปทานข้าวด้วยกันในช่วงเย็น หนุ่มที่ถูกชวนเค้ารู้ว่าเพื่อนสนิทเค้าต้องเห็นแกของฟรีแน่ๆจึงแกล้งหยิกไปที่ต้นขาเพื่อนรักเบาๆเพื่อปราม
“ขอบคุณครับแต่วันนี้ผมไม่ว่าง ต้องทำรายงานนิดหน่อย”
“โฮ พี่เสียใจนะเนี่ยเมื่อไหร่น้องกัสจะยอมใจอ่อนไปทานข้าวกับพี่ซะที”
“แหมวันนี้พี่พจน์รุกหนักนะครับ”
“ก็เพื่อนน้องมิคไม่ยอมใจอ่อนกับพี่ซะทีนี่”
หมอหนุ่มทำท่าน้อยใจเมื่อโดนปฏิเสธเพื่อนสนิทจึงแอบแซวกลับไม่ได้เพื่อให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดีขึ้น และหันมาถามเพื่อนสนิทตนแทนเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“กัสศุกร์นี้เราจะเอารถเข้าไปเองดีหรือนั่งรถโดยสารล่ะ”
“นั่งรถไปดีกว่ามิคขับทางไกลเหนื่อยแล้วไหนต้องกลับมาทำงานอีก”
“จะไปไหนกันครับ”
“กลับเข้ากรุงเทพครับ จะไปฉลองวันเกิดให้เพื่อนสนิทครับ”
หนุ่มแว่นเป็นคนตอบคำถามหมอหนุ่มเช่นเคยถึงสาเหตุที่ตนและเพื่อนจะเข้ากรุงเทพ
“พอดีเลยอาทิตย์นี้ติดหยุดยาวด้วย พี่ว่าจะกลับศุกร์นี้เหมือนกัน แต่คงเข้ามาก่อนเพราะต้องขึ้นเวร น้องกัสน้องมิคไปกับพี่นะครับ เพราะรถโดยสารคนต้องแน่นแน่ๆ”
หลังการเอ่ยชักชวนของหมอร่างหนา 2 คนเพื่อนสนิทหันมองสบตากันเพื่อหารือ และพยักหน้าตกลงที่จะกลับด้วยเพราะดีกว่าต้องตกรถเพราะไม่มีที่ หลังจากนั้นหมอที่ชวนกลับด้วยก็ชวนคุยจนได้เวลาเข้างานช่วงบ่าย
............................................................
“ขอบคุณครับพี่พจน์ / ขอบคุณครับหมอพจน์”
เสียงเอ่ยขอบคุณจาก 2 หนุ่มเพื่อนซี้แก่บุคคลที่มาส่งและแสนจะเต็มใจ แต่ก็ยังได้รับความห่างเหินจากคนที่ตนสนใจเช่นเดิม
“ กัส น้องมิค ดีใจจังคิดถึงมาก อุ๊ย! สวัสดีค่ะนี่เอ่อ หมอพจน์รึเปล่าคะ”
หญิงสาวเจ้าของบ้านออกมารับเพื่อนสนิทหลังจากได้รับโทรศัพท์ว่าเพื่อนมาถึงหน้าบ้านแล้ว
“ยัยมายเดียร์ นี่หมอพี่พจน์ พี่พจน์ครับนี่มายครับเพื่อนสนิทพวกเราเอง”
หลังจากได้รับคำแนะนำหญิงสาวจึงยกมือไหว้และเชื้อเชิญหมอหนุ่มรุ่นพี่เข้าบ้าน แต่ได้รับคำปฏิเสธเพราะดึกแล้วหญิงสาวและเพื่อนหนุ่มจึงเอ่ยรำลาแยกย้ายกัน
.....................................................
“กัสกับมิคเตรียมของขวัญมาให้มายมั้ยจ๊ะ”
“แหม ไม่ค่อยงกเลยนะมายเดียร์”
ตอนนี้เพื่อนสนิททั้ง 3 คนนอนเรียงกันบนเตียงคิงไซค์ภายในห้องของเพื่อนสาวคนสนิท 2 หนุ่มสาวที่กลับมาเจอกันอีกครั้งอดจะต่อปากต่อคำด้วยความเคยชินไม่ได้ แต่ก็ด้วยความรักของเพื่อนช่วยบรรยากาศตอนนี้ให้ดีขึ้น เพราะหนุ่มแว่นเผลอพูดถึงเหตุการณ์เมื่อปีก่อนในช่วงวันเกิดของเพื่อนสาวคนนี้ เหตุการณ์นั้นเป็นประสบการณ์เลวร้ายที่เกิดกับเพื่อนหนุ่มที่เงียบอยู่ตอนนี้ เค้าเปลี่ยนจากคนร่าเริงเข้ากับคนง่ายเชื่อใจคนง่ายเป็นคนเงียบขรึมและไม่ไว้ใจใครง่ายๆจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เมื่อวันนี้ของ 1 ปีก่อนหลังฝึกงานกลับมาถึงกรุงเทพ
.
.
.
“กัสไม่ได้บอกวินให้มารับเหรอ”
“เปล่ากะกลับไปเซอร์ไพรส์อ่ะ เนี่ยของฝากเต็มเลย”
“แหม น่าอิจฉาคนมีแฟนแบบกัสจัง มายก็อยากมีมั่งอ่ะ”
“ไม่ได้นะมายเดียร์มีแฟนแล้วมิคอ่ะจะอยู่กับใคร แค่นี้ก็โดนคนมีแฟนทิ้งอยู่เรื่อยแล้ว”
“มิคนี่ อย่างอนน้าเดี๋ยวพรุ่งนี้กัสเลี้ยงกินให้เต็มที่เลยน้า”
“พรุ่งนี้วันเกิดมายเดียร์นี่ หมายความว่าให้กินเต็มที่ในงานยัยมายเดียร์อ่ะเหรอ โฮ จะง้อเค้ายังงกอีก”
“ฮ่าๆๆๆ มิคอย่างอนน้าเดี๋ยวกัสชดเชยให้ทีหลัง แต่ตอนนี้ต้องไปล่ะ เดี๋ยวไม่ทันวินจะไปเรียนซะก่อน”
“กัสจ๊ะอย่าลืมพาวินมางานด้วยนะ”
“ครับๆ เจ้าหญิงน้อยตามบัญชา”
เป็นการโต้ตอบของ 3 คนเพื่อนสนิทที่แอบหยอกเย้าให้เค้าได้อายเมื่อแซวเรื่องของวินแฟนเค้า ใช่ตอนนี้เค้าคบกับวินมาเกือบ 6 เดือนแล้วจากจูบแรกนั้น วินพยายามตีสนิทตามตื้อเอาใจใส่เค้าทุกอย่าง จากแรกๆที่กลัวไปสารพัดในกิตติศัพท์เรื่องความเช้าชู้ของวิน แต่วินก็พิสูจน์ให้เค้าเห็นถึงความจริงใจและสม่ำเสมอ ทำเอาเค้ารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่มีผู้ชายคนนี้มาเคียงข้าง มีทะเลาะกันบ้างเหมือนคู่อื่นๆแต่ส่วนใหญ่มาจากนายวินนั่นแหละที่หึงไม่เข้าเรื่อง เค้าคุยกับผู้ชายคนอื่นไม่ได้เลยทั้งๆที่ตัวเองคุยกับสาวๆหนุ่มๆที่เข้าหาได้ มาให้เหตุผลกับเค้าซะงั้นว่าวินรักกัสมากกว่าเพราะฉะนั้นว่างใจได้ว่าไม่มีใครนอกจากกัส เค้าก็แอบหึงเหมือนกันเพียงแต่ไม่โวยวายเหมือนอีกฝ่ายทำให้การทะเลาะเล็กๆของเราส่วนใหญ่มาจากนายวินนั่นแหละ แล้วคนที่ต้องง้อก็เป็นเค้าไอ้ตอนง้อเนี่ยเปลืองตัวจะแย่ทั้งกอดทั้งหอมวินบอกว่าเป็นบทลงโทษและเป็นการปลอบใจวินที่เค้าทำให้ใจหาย แต่เค้าก็แอบภูมิใจในตัวเองนะว่าแฟนเรานี่รักเรามากและแอบชอบที่วินแอบหอมแอบกอดเค้าก็รู้สึกดีนี่ที่ได้ความรักจากแฟนแบบนี้ ถึงจะคบกันมา 6 เดือนแต่นอกจากกอดหอมแก้มและจูบก็ไม่มีอะไรเกินเลยกว่านี้ วินยังแอบแซวเลยว่าถ้าเป็นคนอื่นนี่เสร็จวินไปตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว เค้าจึงให้กลับไปหาคนๆนั้นเลยและงอนวินเป็นอาทิตย์ หลังจากนั้นวินไม่พูดถึงคนเก่าๆอีกเลยและบอกไม่เร่งรัดเค้าเรื่องที่เราต้องมีอะไรกันขอแค่วินยังมีเค้าอย่างนี้ก็พอ ได้ฟังแบบนี้เข้าทำเอาปลื้มมากๆ เค้าทั้งรักทั้งหลงวินขึ้นไปอีกอันนี้ยอมรับกับเพื่อนสนิทที่เคยถามเค้าว่ารักวินแล้วใช่มั้ย เพราะเพื่อนเค้าทั้งคู่ก็แอบเป็นห่วงจากกิตติศัพท์ของนายวินนั่นแหละ คำตอบคือใช่เค้า “รัก” วิน
“แกร๊ก เอ๊ะทำไมถอดเสื้อผ้าทิ้งไม่เป็นที่เลย”
เค้ามาถึงห้องพักของวินพร้อมใช้กุญแจที่วินให้มาไขเข้าไปวางของและกระเป๋าไว้ข้างประตู และให้แปลกใจกับเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งแบบนี้ แต่นี่มันไม่ธรรมดาแล้วถ้าที่เค้าเห็นมันไม่ผิดมันคือเสื้อผ้าผู้หญิง หมายความว่ายังไงเนี่ย
“วิน อยู่ไหน”
เห็นแล้วเริ่มใจเสียคิดไปต่างๆนานาแล้วขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย เดินตรงไปที่ประตูห้องนอนที่แง้มอยู่ และภาวนาในใจว่าขอให้เป็นเรื่องที่คิดมากไปเอง
“................... ตึก”
ภาพที่เห็นเบื้องหน้าทำเอาเค้าชาวาบตั้งแต่หัวถึงปลายเท้าจนไม่มีแรงจะยืน เค้าทรุดนั่งอย่างหมดแรงส่วนตายังมองภาพเบื้องหน้าไม่ละไปไหน บนเตียงกว้างที่เค้าเคยนอนเล่นและหลับไปกับอ้อมกอดของแฟนเค้า ตอนนี้มีคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเค้าเปลือยเปล่ากอดกับร่างที่ไม่แน่ใจว่าหญิงหรือชายเพราะโดนวินกอดตะแคงตัวบังอยู่ รอบเตียงมีเสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่ไม่รู้ของใครเป็นของใคร ภาพที่มองเริ่มพร่าเลือนจากม่านน้ำตาที่คลอเต็มหน่วยตา ส่วนของหัวเตียงและพื้นมีซากถุงยางที่ใช้แล้วทิ้งอยู่ จะว่าเป็นการเข้าใจผิดแบบเมาแล้วถอดเสื้อผ้าแล้วหลับไปไม่ได้เพราะทั้งคนและของที่ใช้แล้วมันยืนยันได้เป็นอย่างดี
“ฮึก ฮือออออ”
ตอนนี้นอกจากน้ำตาที่ไหลยังมีเสียงสะอึกสะอื้นร้องไห้ของเค้าที่พยายามใช้มือปิดกั้นแล้วแต่มันกลั้นไม่ไหวจริงๆ เค้าไม่อยากมองภาพตรงหน้าไม่อยากเห็น แต่เค้าไม่มีแรงจะลุกและวิ่งออกไป สมองคิดอะไรไม่ออกนอกจากคำว่าเสียใจมันเจ็บแปลบที่หัวใจของเค้านี่ตรงนี้อกด้านซ้ายของเค้า เสียงสะอื้นไห้ของเค้าคงดังมากไปจึงรบกวนคนบนเตียงให้เริ่มรู้สึกตัว เริ่มขยับตัวหาที่มาของเสียง
“ฮึกๆๆๆ ฮื่อๆๆๆๆ”
“อืม ใคร กัส กัส! มาไงครับแล้วร้องไห้ทำไม เฮ้ยยย!!!”................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^
@ ตอนนี้ใครหลายๆคนที่ถามหาว่าเรื่องราวเป็นยังไงก็ได้รู้แล้ว แต่เรารู้แค่ฝั่งหมอกัสค่ะ
ขอให้รอติดตามกันต่อเพราะเรื่องนี้เราต้องรอฝั่งวินกันด้วยค่ะ แต่วินคงโดนเละไปเลย555
เต็มที่ค่ะใครไม่ชอบใจอะไรเม้นได้เลย หรืออยากฝาก
วินได้นะคะ
@ ช่วง
อดีตที่หมอกัสเล่าเราเปลี่ยนสีให้ง่ายแก่การเข้าใจจะได้ไม่งงกันนะคะ
และ
ทุกคนที่ติดตามค่ะ