ตอนพิเศษ : งานวิวาห์สุดระทึกใจ(?)“แหะๆๆ...โอ๊ย! พี่เซนต์อ่า”
ผมนั่งยิ้มกว้างหัวเราะแหะๆ อยู่หน้ากระจกถูกพี่สาวโบกหัวไปเต็มๆ ผมเงยหน้าหันไปมองพี่เซนต์แล้วค้อนใส่ แต่ก็นั้นแหละ ผมไม่อารมณ์เสียง่ายๆ หรอก แหะๆ ก็เพราะวันนี้มันเป็นวันดีของผมนี่น่า ยัยพี่เซนต์คงจะอิจฉาผมมากกว่า เชอะ~ ถ้าอิจฉาก็รีบๆ บอกแฟนของพี่มาขอแต่งเร็วๆ สิครับ! อ่า ใช่แล้วครับ วันนี้เป็นวันที่ผมปลื้มที่สุด ฮิๆ ผมกำลังจะแต่งงานครับทุกคน~!! แน่นอนว่าผมต้องแต่งกับไอ้โซโล่อยู่แล้ว
หลังจากเรียนจบได้ครึ่งปีปาปี๊ก็จัดการลากตัวผมกลับมาอยู่บ้านไม่ยอมให้ไปอยู่ที่บ้านของไอ้โซโล่ ปาปี๊อ้างว่ามันน่าเกลียด น่าเกลียดบ้าอะไรเล่า! แล้วไอ้ที่อยู่เกือบสองปีนั้นเรียกว่าอะไรกัน? แต่ก็นั้นแหละครับผมมารู้ทีหลังว่ามันเป็นแผนการของไอ้โซโล่จะเซอร์ไพร้ส์ขอผมแต่งงาน ให้ตายเถอะ ผมยิ้มฟันแห้งแล้วแห้งอีกต้องหุบปากเลียฟันเลยน่ะเนี่ย ก็คนมันมีความสุขนี่น่า
“พรีสต์จ้ะ! ขบวนใกล้จะมาถึงหน้าบ้านแล้วนะ”
มามี๊เดินเข้ามาในห้องของผมแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใส ผมก็ลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น หัวใจมันเต้นรัวเต็มไปด้วยความสุขแน่นคับอกไปหมด มองดูตัวเองในกระจกแล้วอายนิดหน่อย มามี๊เป็นคนจัดการเรื่องเสื้อผ้าที่ผมใส่อยู่นี่แหละครับ มันเป็นชุดไทยสีทองสไบเป็นลูกไม้สวย ผมสั้นก็จัดทรงเล็กน้อยแล้วประดับดอกไม้สดย้อยลงมาถึงต้นคอ
“มาถึงแล้วๆ”
พี่เซนต์ที่ยืนมองดูอยู่หน้าต่างเอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นเต้น พี่กวักมือเรียกผมมาดูใหญ่เลยครับ ผมก็จับกระโปรงขึ้นนิดหน่อยแล้วเดินไปแอบมองดู มามี๊เข้ามายืนอยู่ข้างๆ ผม เสียงกลองยาวโห่เสียงจากขบวนเจ้าบ่าวดังมาจากหน้าประตูบ้านแล้วพลทหารก็เดินไปเปิดประตูหน้าบ้านให้ขบวนเจ้าบ่าวเข้ามา อ๊ะ นั้นไงครับ! ไอ้โซโล่!! มันใส่ชุดเจ้าบ่าวแบบไทยสีทองเหมือนผมเลย แบบว่าพรหมลิขิตน่ะครับ เราคู่กัน อิๆ
“ได้เวลาของฉันแล้ว ประตูเงินประตูทองขูดฉีด!”
พี่เซนต์รีบโบกมือวิ่งลงไปข้างล่าง ผมมองพี่สาวของตัวเองแล้วส่ายหน้า อะไรมันจะไปเร็วขนาดนั้นวะ? กระหายเงินจริงๆ ว่ะ ผมไม่สนใจพี่เซนต์หันมาแอบมองเจ้าบ่าวที่เดินมาถึงในบ้านแล้ว แก๊งของไอ้โซโล่มากันครบเชียวครับแต่ยกเว้นคนหนึ่งล่ะนะ ไม่รู้ว่ามันจะมาได้หรือเปล่า พอพูดถึงมันแล้วก็อดคิดถึงไอ้ฮอยฮักไม่ได้ เฮ้อ ไม่รู้ว่ามันจะว่างมางานแต่งผมหรือเปล่า? เห็นบอกว่ามีงานเยอะ
“พรีสต์ ได้เวลาลงไปแล้ว”
พี่นันเดินเข้ามาในห้องเพื่อเรียกผม ผมหันไปมองพี่นันที่ท้องใหญ่เพราะตั้งท้องเกือบจะได้กำหนดคลอดแล้วล่ะครับ พี่โมโนเนี่ยตามดูแลไม่เคยห่างจากภรรยาแต่วันนี้จำเป็นต้องห่างเพราะต้องไปอยู่ฝ่ายเจ้าบ่าว มามี๊ยิ้มแล้วเข้ามากอดผมไว้แน่น
“พรีสต์จ้ะ ขอให้มีความสุขนะลูก มามี๊รักหนูนะ”
“ขอบคุณครับ พรีสต์ก็รักมามี๊เหมือนกัน”
“พรีสต์ เจ้าบ่าวกำลังผ่านประตูเงินประตูทองแล้วนะ”
ไอ้สตางค์เดินมาตามผมอีกคน วันนี้มันเป็นเพื่อนเจ้าสาวครับ จริงๆ แล้วผมอยากจะให้ฮอยฮักมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวมากกว่าแต่เจ้านั้นกลับปฏิเสธอย่างเย็นชาเชียวล่ะ ฮ่าๆๆๆ แหม~ แค่ให้ใส่ชุดไทยแค่นั้นเอ๊ง ผมเดินตามหลังของพี่นันและมามี๊ลงมาข้างล่าง ไอ้สตางค์เดินอยู่ข้างๆ ผม
“มึงตื่นเต้นเหรือเปล่าวะ?”
“เอ่อ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่กูโคตรตื่นเต้นเลยว่ะ”
ผมหันไปตอบไอ้สตางค์ตามตรง ทั้งๆ ที่ผมกับไอ้โซโล่ก็อยู่ด้วยกันจนเกินจะเอ่ยว่าเป็นข้าวใหม่ปลามัน รู้ไส้รู้พุงกันทะลุปุโปร่งแต่ทุกวันนี้ก็ยังตื่นเต้นและเขินอายกันอยู่เสมอ ผมเดินมาถึงห้องนั่งเล่นที่มีปาปี๊นั่งรออยู่แล้ว ผมเดินมานั่งลงบนพื้นแล้วคลานเข้าไปจับเข่าของปาปี๊ ปาปี๊มองผมนิ่งด้วยใบหน้านิ่งก่อนจะถอนหายใจกลุ้ม
“พ่อ...”
“เอ่อๆ ก็แค่รู้สึกเหงาๆ เท่านั้นแหละ”
ปาปี๊ตาแดงเหมือนบ่อน้ำตาจะแตกอยู่ระร่ำระร่อ ผมมองปาปี๊อย่างแปลกใจ ชายชาติทหารอย่างปาปี๊กำลังร้องไห้เพราะลูกชายจะแต่งงานครับพี่น้อง! ปาปี๊พยายามกลั้นน้ำตาของคนเป็นพ่อไว้สุดชีวิต ได้ข่าวว่าตอนวันแต่งของพี่นันผมไม่เห็นท่าทางเศร้าใจแบบนี้เลย ผมหัวเราะออกมาหน่อยๆ แล้วลุกขึ้นมากอดปาปี๊เอาไว้ ผมรู้อยู่แล้วน่าว่าปาปี๊น่ะรักผมมาก ผมก็รักปปาปี๊เหมือนกัน!
“วันนี้แกเหมือนแม่แกตอนแต่งงานกับพ่อเลย”
ปาปี๊กอดผมไว้เบาๆ แล้วเอ่ยออกมาก่อนจะค่อยๆ ดันผมออกแล้วลูบศีรษะของผมอย่างอ่อนโยน ปาปี๊พยายามทำหน้านิ่งแล้วมามี๊เข้ามานั่งข้างๆ ปาปี๊แล้ว ส่วนผมก็ลงมานั่งพับเพียบบนพื้นรอด้วยความเรียบร้อย ไอ้สตางค์มันก็นั่งเยื้องถัดไปจากผม
เสียงเฮฮาต่อรองของประตูเงินประตูทองโคตรดุเดือดเลยครับ ทุกประตูมันคอยขูดรีดขู่กรรโชกทรัพย์จนชัดๆ เลยว่ะ ไอ้โซโล่มันก็ส่งสายตามาที่ผมอย่างมุ่งมั่นไม่พูดไม่จาเอาเงินฟาดหัวเหล่าคนโลภมากทั้งหลายด้วยความรวดเร็วจนกระทั่งมันหลุดออกมาจากด่านนรกนั้นได้ คุณย่า คุณแม่หวานและคุณพ่อเอกเดินมาพร้อมกับขบวนสินสอดที่ยกโขยงกันมามากมาย
คุณย่า พ่อเอกและแม่หวานมานั่งเก้าอี้ยาวตัวเดียวกันแต่อีกด้านกับปาปี๊มามี๊ของผม ส่วนไอ้โซโล่ก็เดินมานั่งพับเพียบบนพื้นตรงข้ามกับผม เพื่อนเจ้าบ่าวคือไอ้หมูครับถ้าไอ้วินเซอร์ยังอยู่ก็คงจะเป็นมันแต่มันไม่อยู่ก็เลยให้ไอ้หมูที่ดูดีที่สุดในหมู่เพื่อนมาเป็น ผมเหลือบสายตามองหน้าไอ้โซโล่แวบหนึ่ง
แอ๊กกก~! กูเขินอ่า!!!“ผมเป็นตัวแทนฝ่ายเจ้าบ่าว เป็นพ่อของเจ้าบ่าว วันนี้ก็ขอมาสู่ขอเจ้าสาวให้ลูก เห็นเด็กๆ มันรักกันก็อยากให้พวกมันได้อยู่ด้วยกัน”
“พรีสต์ ยินดีแต่งงานกับเจ้าบ่าวไหมลูก?”ปาปี๊ถามผมขึ้นมาเสียงเรียบๆ ผมเงยหน้าขึ้นมายิ้มเล็กน้อย
“ครับ”
รับเสร็จก็ถึงเวลาที่ปาปี๊กะมามี๊นับสินสอด ผมก็มองพวกสินสอดอย่างสนใจ ไม่รู้หรอกนะว่ามันเท่าไรแต่ดูจากทองคำแท่งที่กองทับธนบัตรเป็นปึกพวกนั้นแล้วผมว่ามันคงจะหลายอยู่ล่ะน่า พอปาปี๊มามี๊นับสินสอดพอเป็นพิธีเสร็จแม่หวานก็หยิบกล่องแหวนสองกล่องมาให้ไอ้โซโล่ มันขยับตัวเดินเข่ามาใกล้ผมเล็กน้อยเปิดกล่องในมือแล้วดึงแหวนออกมาออกจากกล่องจับมือซ้ายของผมอย่างนุ่มนวลก่อนจะสวมแหวนที่นิ้วนางของผม
สาบานได้ตอนนี้ผมใจเต้นระส่ำหน้าแดงก่ำเพราะไอ้โซโล่มันเล่นจ้องผมเหมือนกับไม่เคยเห็น ไอ้บ้า จ้องกันทำไมวะ!? ผมพยายามทำตัวปกติหยิบแหวนจากกล่องที่ไอ้โซโล่เปิดให้จากนั้นก็สวมใส่นิ้วนางข้างซ้ายของไอ้โซโล่ เราสองคนสวมแหวนเสร็จก็ยกมือไหว้กันแล้วเริ่มไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย พวกผมก้มกราบปาปี๊มามี๊ทั้งสองท่านให้พรกับพวกผมจากนั้นพวกเราก็เดินเข่ามากราบแม่หวานและพ่อเอกก่อนจะถอยออกมานั่งที่เดิม
จากนั้นเพื่อนเจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็เดินจูงบ่าวสาวมาที่แท่นหลั่งน้ำสังข์ ไอ้โซโล่นั่งอยู่ทางขวาผมด้านซ้ายเริ่มจากคนอาวุธโสที่สุดนั้นก็คือคุณย่าของไอ้โซโล่ ท่านเดินเข้ามแย้มยิ้มให้กับผมและไอ้โซโล่ก่อนจะหลั่งน้ำสังข์อวยพรให้ผมกับไอ้โซโล่รักกันไปนานๆ จนตายจากกันนู้น พวกเรายกมือไหว้ขอบคุณแล้วคนอื่นๆ ก็ต่อแถวเข้ามารดน้ำสังข์ให้กับพวกผม พอเสร็จจากพิธีหลั่งน้ำสังข์ก็เป็นพิธีส่งตัวเข้าหอครับ
คู่ผู้ใหญ่ที่มาเป็นคนปูที่นอนให้ก็คือปาปี๊มามี๊ของผมเองแหละครับ เหมาะสมอย่างยิ่งเป็นคู่ที่รักกันไม่เคยทะเลาะเลยครับผมยืนยัน พอดำเนินการตามพิธีโปรยนั้นโปรยเสร็จทั้งสองก็มาฝูงมือของผมกับไอ้โซโล่มาที่เตียงนอนแล้วอวยพรพร้อมให้โอวาทการครองคู่ พอพูดเสร็จญาติผู้ใหญ่ก็พากันเดินออกไปจากห้องเมื่อประตูปิดลงเหลือแต่ความเงียบในห้อง ผมกับไอ้โซโล่อยู่กันตามลำพัง
“อ่า ช่วงเช้าเสร็จแล้วสินะ”
ไอ้โซโล่มันทิ้งตัวนอนบนเตียงแผ่หลาเหมือนว่ามันเหนื่อยสุดๆ ผมหันไปมองมันนิดหน่อย เวร หรือว่ามีแต่ผมที่ตื่นเต้นวะ? ดูไอ้โซโล่มันชิวมากถึงมากที่สุดเลยครับ ไอ้บ้านั้นกลิ้งตัวไปมาบนเตียงแล้วทำท่าจะนอนจริงๆ เฮ้ยๆ! จะนอนจริงดิ! ผมมองมันอย่างไม่พอใจนักแล้วล้มตัวลงไปนอนทับมันตั้งใจลงศอกใส่มันเต็มที่ ไอ้โซโล่ร้องจ้ากทันที สมน้ำหน้า!
“มันเจ็บนะโว้ย ศอกแม่งโคตรแหลม”
ไอ้โซโล่มันบ่นๆ แล้วพลิกตัวออกจากผมแล้วมันก็เงียบไป ผมพลิกตัวไปมองมัน เวร นอนไปแล้ว!? ผมเขย่าตัวมันแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อะไรวะเนี่ย? คุณเคยเห็นเจ้าบ่าวที่พอเข้าหอแล้วหลับเป็นตายแบบนี้หรือเปล่า ผมโคตรงง! วันนี้มันควรจะหวาน...กว่าที่ผ่านๆ มาไม่ใช่เหรอ? ผมพลิกตัวหันหลังให้กับไอ้โซโล่ด้วยความเซ็งสุดกู่
กูงงโคตร!!และแล้วก็ถึงงานเลี้ยงในตอนเย็นซึ่งพวกเราจัดอยู่ที่ห้องโถงโรงแรมครับ ผมกับไอ้โซโล่ยืนต้อนรับแขกด้วยชุดแต่งงานแบบตะวันตกที่หน้างาน แขกก็เริ่มทยอยกันเข้ามาในงานเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ผมไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามีแต่ผมที่ดีใจและตื่นเต้นกับวันนี้คนเดียว ส่วนไอ้โซโล่ แม่ง ไม่ต้องไปพูดถึงมันเลยนะ!
“ยินดีด้วยนะครับพี่พรีสต์!”
น้องข้าวโพดวิ่งนำหน้าไอ้แซมเข้ามาจับมือผมพูดแสดงความดีใจด้วยความร่าเริงเหมือนเคย ผมก็ยิ้มรับไปแบบแกนๆ ณ ปัจจุบันไอ้แซมมันกำลังผ่าด่านอรหันต์ของพ่อแม่น้องข้าวโพดครับและตอนนี้มันก็เป็นถึงท่านประธานบริษัทด้วยนะ มันกับพวกผมร่วมกันก่อตั้งบริษัทรับตกแต่งงานต่างๆ กึ่งๆ ออร์กาไนเซอร์ครับ ผมโบกมือให้ไอ้แซมไปเอาของชำร่วยเอง บริการตัวเองตอนนี้กูไม่มีอารมณ์!
“พรีสต์ โทษทีที่ตอนเช้าไม่ได้ไป ยินดีด้วยนะ”
ไอ้ฮอยฮักโผล่มาอย่างหล่อเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนซึ่งตอนนี้อาจจะมากกว่าเดิมเพราะตอนนี้เจ้านี่มันโกอินเตอร์แบบเต็มตัวแล้วครับ งานเข้าชุกชุมกลายเป็นซุปต้าร์ไปเรียบร้อยแล้ว ผมมองมันแล้วอยากจะร้องไห้ ฮักกก!! กูคิดผิดหรือเปล่าที่แต่งงานกับไอ้บ้าโซโล่! ดูมันทำสิ!! มันปล่อยให้กูยืนรับแขกอยู่คนเดียวส่วนตัวมันก็ไปคุยอะไรก็ไม่รู้กับเพื่อนของตัวเอง
โธ่โว้ย! นี่มันเกินจะอดทนแล้วนะ!!“แล้วนี่ไอ้โซโล่อยู่ไหนวะ?”
“อย่าพูดถึงมันเลย”
“กูมีเรื่องต้องคุยกับมันน่ะ”
ไอ้ฮักมองผมอย่างงงๆ ที่จู่ๆ ผมก็พูดเสียงห้วนๆ ใส่มัน ไอ้ฮักมันมองเข้าไปในงานแล้วเห็นไอ้โซโล่โบกมือมาให้มันก็รีบเดินไปหาไอ้โซโล่ทันที ผมมองตามไปอย่างแปลกใจปนงุนงง ไอ้ฮักกับไอ้โซโล่มันคุยอะไรกันบางอย่างที่ผมเองก็ไม่รู้ สองคนนั้นมันไปถูกกันตอนไหนวะ? ผมมองไอ้โซโล่กับไอ้ฮักเขม็ง อะไรกันแม้กระทั่งไอ้ฮักก็ยังทิ้งผมไปอีกคน! แม่งเอ๊ย! อารมณ์เสีย!!
“ไหงคุณเจ้าสาวถึงทำหน้าตาแบบนี้ล่ะเนี่ย?”
เสียงเอ่ยแซวดังขึ้นข้างหน้า ผมหันกลับมาต้อนรับแขกเหมือนเดิมพยายามจะปรับเปลี่ยนสีหน้าสุดชีวิต โอ๊ะ นี่มัน...ผมมองผู้ชายตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็น...พี่เพ้นต์!? ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะครับ พี่เพ้นต์ดูเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ดูดีขึ้นมาเลยล่ะครับ ผมยิ้มแล้วจับมือกับพี่เพ้นต์ ด้านหลังของพี่เพ้นต์เป็นไอ้แว่นเตี้ยชินที่ยิ้มแฉ่งมาแต่ไกล หือ? สองคนนี้มาด้วยกันเหรอ?
“พี่เพ้นต์ หวัดดีฮะ”
“หวัดดี เจ้าสาวควรจะทำหน้ามีความสุขมากกว่านี้นะ”
“ผมมีอยู่แล้วล่ะครับ ว่าแต่พี่มากับไอ้ชินเหรอครับ?”
“อ้อ ใช่ พรีสต์ไม่รู้เหรอบ้านพี่อยู่ใกล้กับบ้านชินก็เลยมาด้วยกันน่ะ”
ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าบ้านไอ้ชินอยู่ใกล้บ้านพี่เพ้นต์แฮะ มิน่าสองคนนี้ดูเหมือนรู้จักกันมาก่อนที่แท้บ้านอยู่ใกล้กันนี่เอง พี่เพ้นต์มอบของขวัญให้กับผมแล้วเดินเข้าไปในงาน หลังจากเรียนจบพี่เพ้นต์ก็ไปทำงานที่บริษัทของพี่ชายที่เป็นบริษัทรับออกแบบบ้านแบบครบวงจรน่ะครับ มาถึงไอ้ชินที่ยิ้มตาหยีเอาของขวัญมาให้กับผมแล้วโบกมือเดินไปหาแก๊งทันที มึงจะไม่พูดอะไรกับกูหน่อยหรือไงวะไอ้ชิน เฮ้อ ผมแค่อยากมีคนคุยด้วยเท่านั้นเอง!
“เหนื่อยหรือเปล่าพรีสต์? นั่งก่อนสิ”
ผมหันมามองไอ้โซโล่ที่เดินเข้ามาพร้อมกับยกเก้าอี้มาด้วย อ๊ะ หรือว่ามันจะเอาเก้าอี้มาให้ผมนั่ง โซโล่มึงก็มีความคิดเหมือนกันนี่หว่า! รู้ด้วยว่ากูยืนจนเหนื่อยแล้ว ไอ้โซโล่มันวางเก้าอี้ลงแล้วกวักมือให้ผมมานั่งอย่างเอาใจ ชิชะ แค่เอาเก้าอี้มาให้มันก็ไม่ลบล้างความผิดของมึงทั้งหมดหรอกนะ! ผมนั่งลงบนเก้าอี้พักชั่วคราว ไอ้โซโล่ก็มายืนต้อนรับเพื่อนๆ ที่ทยอยกันมาเรื่อยๆ
“ไงวะเพื่อน แต่งช้านะมึง”
ไอ้วินเซอร์เปิดตัวมาหยั่งกับมาเฟียมีบอดี้การ์ดชุดดำมาคุมกันสี่ด้านเชียว มันถอดแว่นกันแดดแล้วเอ่ยทักไอ้โซโล่ ทั้งสองหนุ่มเข้ามาแท็กมือกันแล้วส่งยิ้มตามประสาเพื่อนฝูงที่ไม่ได้เจอกันนานนม พอขึ้นปีสี่ไอ้วินเซอร์มันก็บินไปเรียนต่อที่อเมริกาอย่างกะทันหันผมก็ไม่รู้เหตุผลของมันเหมือนกัน ไอ้วินเซอร์มันดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะครับ ไม่ได้เจอมันตั้งนานดูล่ำผิดหูผิดตา มึงเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะเนี่ย!
“กูนึกว่ามึงจะไม่มาแล้วซะอีก”
“งานแต่งมึงทั้งที กูต้องมาอยู่แล้ว”
“ขอบใจวว่ะ อุตส่าห์มาตั้งไกล”
“ไม่เป็นไร ว่าแต่พวกมึงจะไปฮันนีมูนกันที่ไหนวะ?”
“ที่คิดไว้ก็น่าจะเป็นบาหลีว่ะ”
“ไปแล้วไปอีกไม่เบื่อหรือไงวะ เอานี่ กูเตรียมมาให้มึงโดยเฉพาะเลย”ไอ้วินเซอร์ส่ายหน้าไปมาแล้วมันก็ล้วงไปหยิบบัตรอะไรสักอย่างยื่นมาให้กับไอ้โซโล่ อะไรวะ? ผมจ้องอย่างสนใจ ไอ้โซโล่มันมองบัตรนั้นแล้วทำหน้าแปลกใจ
“บัตรวีไอพีกว่าจะได้มามันยากนะโว้ย ไปลองดูแล้วมึงจะติดใจ กูรับรองว่าคุ้มแน่”
“เออ ขอบใจว่ะ”
ไอ้โซโล่มันพยักหน้าแล้วเก็บบัตรนั้นเข้ากระเป๋าไป อะไรฟะ? มันที่ไหนงั้นเหรอ!? ไอ้วินเซอร์กับไอ้โซโล่มันคุยกันสักพักแล้วไอ้วินเซอร์ก็เดินเข้างานไป เมื่อพักหายเหนื่อยผมก็ลุกขึ้นมายืนข้างๆ ไอ้โซโล่ อยากจะถามมันเรื่องบัตรเมื่อกี้แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ถามเลยครับ
งานดำเนินไปแบบเรียบง่ายจนผมเบื่อสุดๆ อะไรมันจะจืดชืดแบบนี้วะ งานแต่งของพี่นันยังดูน่าตื่นเต้นกว่านี้อีก มาถึงตอนที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นเวทีมาแนะนำตัวพูดคุยกันแต่จู่ๆ ไอ้ชินมันก็วิ่งเข้ามาหาไอ้โซโล่ด้วยหน้าซีดๆ อาการตื่นตระหนกตกใจ เกิดอะไรขึ้นวะ? ไอ้ชินหยุดหอบแล้วเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ไอ้โซโล่ พิธีกรมาไม่ได้แล้วว่ะ เกิดอุบัติเหตุก่อนจะมาถึงงาน!”
อะไรนะ!? ผมตกใจกับสิ่งที่ไอ้ชินมันมาบอก ไอ้โซโล่มันเงียบไปก่อนจะทำหน้าเคร่งเครียด ผมหันไปมองมันที่กำลังคิดหนัก กำลังจะถึงเวลาที่พวกผมต้องขึ้นไปบนเวทีแล้วด้วยแต่พิธีกรดันเกิดอุบัติเหตุก่อนมาถึงงานซะนี่ ไอ้โซโล่มันถอนหายใจเฮือกแล้วตบไหล่ของไอ้ชิน
“ชิน มึงขึ้นไปเป็นพิธีกรได้ไหม?”
“เวร กูทำไม่ได้หรอกมึง”ไอ้ชินมันทำหน้าตกใจแล้วรีบปฏิเสธแต่ไอ้โซโล่มันก็ยืนยันให้ไอ้ชินทำเพราะตอนนี้ไม่มีใครที่จะเป็นพิธีกรแล้ว
“ชิน ช่วยกูหน่อย”
“กูทำไม่ดีอย่ามาโทษกูนะโว้ย”
ผมกับไอ้โซโล่พยายามกล่อมให้ไอ้ชินไปเป็นพิธีกรจนสำเร็จ มันก็ทำหน้าตื่นๆ พยักหน้ารับอย่างไม่มั่นใจ ไอ้ชินโบกมือให้กับพวกผมแล้วมันก็เดินไปที่เวทีบอกวงดนตรีให้หยุดเล่น จากนั้นมันก็เดินมาหน้าเวทีมองแขกในงานด้วยอาการสั่นตื่น ไอ้ชินนน! ดีๆ สิโว้ย งานแต่งกูจะรอดไหมเนี่ยยย~!
( สวัสดีครับแขกมีเกียรติทุกท่าน อ่า...ผม นาย ชินโชติ เรียกว่าชินก็ได้นะครับ เอ่อ...คือว่าวันนี้ผมก็ได้รับหน้าที่...มาเป็นพิธีกรงานแต่งของเพื่อนสนิท ไอ้โซโล่...เอ๊ย คุณโซโล่... )
ไอ้ชินมันพูดตะกุกตะกักพยายามจะพูดสุภาพแบบสุดๆ สักพักมันก็ลดไมค์ลงจากปากแล้วหันหลังไปบ่นอะไรสักอย่าง ผมเดาว่ามันต้องไปบ่นคำหยาบข้างหลังแน่ๆ แขกเหรื่อมองไอ้ชินอย่างงุนงง ก่อนที่จะมีใครสักคนตะโกนขึ้นเสียงดังลั่นงาน
“ไอ้ชิน!! พูดธรรมดาๆ จะได้โว้ย ไม่ต้องเกรง คนกันเอง!!”
พอมีรีเคว้สแบบนั้นมาไอ้คุณพิธีกรจำเป็นก็หันกลับมาพูดไหลเลยครับ
( อ่า...งั้นผมก็ขออนุญาตเลยนะครับ แหม มันไม่ชินจริงๆ ตอนนี้ก็มาถึงเวลาของคู่บ่าวสาวที่พวกเรารู้จักกันดี นั้นก็คือไอ้โซโล่กับไอ้พรีสต์นั้นเอง ทุกๆ คนตบมือต้อนรับคู่รักสุดพิเศษของค่ำคืนนี้หน่อยครับ~! )
เสียงตบมือจากแขกในงานดังขึ้น ผมถึงกับถอนหายใจโล่ง งานแต่งกูเกือบล่ม! ไอ้โซโล่มันสะกิดผมแล้วจูงมือผมเดินขึ้นมาบนเวที ไอย่า พอมาอยู่บนเวทีแล้วมันก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะครับ ผู้คนในงานหันมามองเราอย่างสนใจ เพื่อนของไอ้โซโล่เนี่ยผิวปากวิดวิ้ว เฮฮาจริงนะโว้ยไอ้พวกเด็กวิศวะเก่าเนี่ย!
งานแต่งแม่งไม่มี Presentation ให้ตื่นเต้นกันเลยสักนิด โธ่โว้ย ทำไมไม่เตรียมมาล่ะวะ!? ผมเคืองไอ้เจ้าบ่าวล่ะงานนี้! ควรทำมาเซ่โว้ย!! ไอ้ชินก็แนะนำพวกเราสองคนแล้วก็ให้ปาปี๊มามี๊และแม่พ่อของไอ้โซโล่มาคล้องพวงมาลัยให้กับเราแล้วก็กล่าวอวยพรเหมือนเดิม มาถึงสัมภาษณ์เจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้วครับ พวกเพื่อนๆ เนี่ยส่งเสียงกันยกใหญ่ หวังว่าสัมภาษณ์จะไม่น่าเบื่อนะ
“ประวัติการพบกันสองคนนี้ผมรู้ดีครับทุกคน ไอ้โซโล่เนี่ยมันไปเจอไอ้พรีสต์ที่โรงอาหารคณะสถาปัตย์แล้วมันก็ปิ๊งแรกพบทันที จากนั้นมันก็ตามจีบแบบโง่ๆ เป็นปีๆ โง่แค่ไหนเหรอครับ? คิดดูสิครับว่ามันไปนั่งรอไอ้พรีสต์ที่โรงอาหารเป็นปีโดยไม่รู้จักว่าคนที่มันรอเป็นใคร ชื่ออะไร คิดดูสิครับ! แม่งงง~ โอ๊ะ ขออภัยที่หยาบคาย”
“...”ผมกับไอ้โซโล่หันขวับไปมองไอ้พิธีกรตัวแสบที่ร่ายเรื่องของพวกเราออกไปหน้าตาเฉยครับ อะไรของมึงเนี่ย!? เขาให้สัมภาษณ์ความรู้สึกของเจ้าบ่าวเจ้าสาวนะโว้ยไม่ใช่ให้พิธีกรมาแฉชีวิตบ่าวสาว!! ไอ้ชินมันยังพูดพร่ำไปครับ
“...แต่เพราะแผนของไอ้วินเซอร์ถึงทำให้ไอ้โง่โซโล่มันลงเอยกับไอ้พรีสต์ได้ สุดยอดจริงๆ เพื่อนวิน! เอ้า ทุกท่าน มาชื่นชมเพื่อนวินของผมกับเถอะครับ ไอ้วิน เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ!!!”
ใครก็ได้เอาพิธีกรบ้านี่ออกไปที!!!งานแต่งกูเละไปหมดแล้ว...ผมอยากจะร้องไห้ งานแต่งที่เฝ้ารอคอยมาเนิ่นนานทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้วะ จากนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นจากหน้างาน เสียงกรี๊ดของพวกผู้หญิงดังลั่นสร้างความตื่นตกใจให้กับแขกในงาน ผมกับไอ้โซโล่งุนงงกับเหตุการณ์เกิดอะไรขึ้นวะ? แล้วจู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในงานพร้อมกับถือปืนในมือ
“ฉันไม่ยอมให้โซโล่แต่งงานหรอก!!!”
ปัง!!!
ต่อรีล่าง 