ตอนที่ 18 ดินเนอร์ใต้แสงเทียน (ครึ่งหลังแบบยาวสุดๆ T-T)“มึงอิ่มแล้วเหรอ?”
ผมพยักหน้าให้กับมัน กูกินไม่ลงแล้ว! บรรยากาศแม่งไม่พาให้เจริญอาหารสักนิด!! แถมยังมีคนจ้องเอาๆ แบบนี้มันจะกินลงได้อย่างไง!? กูเกร็งจนจับอะไรไม่ได้แล้ว ไอ้โซโล่ลุกขึ้นมาจัดการเก็บถ้วยชามออกไปเหลือเพียงแต่ขวดไวน์วางไว้ แล้วมันก็หายไปในครัวแล้วเดินออกมานั่งที่เดิม
“กินข้าวเสร็จแล้วกูจะไปนอนเลยนะ”
“เพิ่งกินเสร็จก็จะไปนอน สักหน่อยมึงจะลงพุง”มันตอบแค่นั้นแหละครับ ก็กูไม่รู้จะพูดอะไรนี่น่า กินเสร็จแล้วนอนมันก็เป็นเรื่องธรรมดาๆ อยู่แล้ว จะให้กูทำอะไรล่ะ?
“มาเล่นเกมรออาหารย่อยดีกว่า”
“เกมอะไรอีกวะ?”
เล่นเกมอะไรวะ? ย่อยอาหาร? สมองหื่นๆ ของกูคิดได้อยู่เกมเดียว!! เออ! เกมบนเตียงนั้นแหละ!!! ไอ้โซโล่จับขวดไวน์นอนกับโต๊ะแล้วหมุนขวดนั้นเบาๆ ก่อนที่มันจะหยุดอยู่ที่ตัวมันเอง
“ปากขวดชี้ใคร คนนั้นจะได้ถามอีกฝ่าย”
“ตอนปีหนึ่งมึงใส่ชุดนักศึกษาผู้หญิงใช่ไหม?”
“...”ผมอ้าปากค้างมองไอ้โซโล่ที่ถามซะหน้าซีเรียสเชียว แล้วเหี้ยตัวไหนมันคาบเรื่องนี้ไปบอกมันวะ!? นี่มันเป็นความลับสุดยอดของผมนะ!! ไอ้โซโล่มองผมอย่างรอคอยคำตอบ กูส่ายหน้าดีไหม? ผมกลืนน้ำลายแล้วพยักหน้าไป
“มึงใส่ทำไม?”
“ถามได้ครั้งเดียวโว้ย!”
กูไม่เคลิ้มหลงตอบไปหรอก! ผมจับขวดไวน์แล้วมาหมุนบาง มันหมุนหยุดที่ผม เหอะ! ก็แค่หมุนขวดเนอะ เรื่องง่ายๆ ที่กูก็ทำได้!!
“คิดอย่างไงถึงทำแบบนี้วะ?”
กูข้องใจมาก!! ไอ้โซโล่หรี่ตาลงทันทีที่ได้ฟังคำถามมันยิ้มที่มุมปากแบบยียวนกวนประสาทชิบหาย! ตอบดีๆ นะมึง ไม่ดีมีเฮแน่!
“วันเกิด”
“ห๊ะ? วันเกิดมึงเหรอ?”ผมถามไปเสียงอ่อนๆ ลง วันเกิดไอ้โซโล่งั้นเหรอ? ผมไม่รู้มาก่อน ผมไม่เคยถามมันหรอก ก็มันไม่บอกแล้วผมจะไปรู้ได้อย่างไงล่ะ? ของขวัญอะไรก็ไม่ได้เตรียมไว้ให้ แล้วทำไมผมจะต้องเตรียมของขวัญให้มันด้วยวะ!! มึงเกิดไม่ใช่กูเกิดสักหน่อย!!
“วันเกิดอยากจะทำ”
เหี้ยโซโล่เอ่ยต่อแบบหน้าตายมาก!!! ผมเนี่ยถอนหายใจอย่างเคืองโคตรๆ มึงก็ไม่น่าจะไปใจอ่อนให้มันเล๊ย!!
“ล้อเล่น...แต่อยากรู้จริงๆ น่ะเหรอ?”
ผมและไอ้โซโล่นั่งเงียบไม่มีใครพูดอะไรจนกระทั่งมันรินไวน์อีกครั้งแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปที่มุมห้อง ทำอะไรไม่รู้ครับ แต่ว่าไม่นานผมก็ได้ยินเสียงเพลงดังเบาๆ ไอ้โซโล่เดินกลับมาหยุดอยู่ข้างๆ ผมแล้วมันก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น มันแบมือออกมา
“ขอพวงกุญแจด้วย”
“....”
หา!? พวงกุญแจงั้นเหรอ!? ผมจับพวงกุญแจวางไว้บนมือของมันแล้วแอบค้อนให้เล็กน้อย เวร! มาคุกเข่าซะนึกว่าจะขอกูแต่งงานซะอีก!!! ทำให้กูเข้าใจผิดน่ะเนี่ย ฟาย!! อุตส่าห์จะตั้งท่าปฏิเสธแหละ โห~! ดูกูจินตนาการซะ!!!
“ขอมือหน่อย”
“เอาไปทำไมวะ?”
“ถ้าไม่ยื่นมากูจะตัดมือมึงทิ้ง รีบๆ ยื่นมา!”
อะไรของมึงเนี่ย!? กูถามก็ไม่ได้!!! พอผมยื่นมือไปให้ เจ้าเพลงที่กำลังเปิดคลออยู่นั้นก็ถึงท่อนร้องสักที แต่...เฮ้ย!! เพลงนี้มัน...ผมมองมาที่ไอ้โซโล่ มันจับมือของผมแล้วลูบไล้แผ่วเบา มันเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้กับผม ตัวของผมแข็งทื่อ มันขยับปากร้องคลอเพลงที่เปิดอยู่
เธอคงไม่เคยใช่ไหม
ที่ไปเผลอมอบใจให้ใคร หมดทั้งใจ
ให้ไปไม่รู้ตัว มอบไปหมดหัวใจ
โดยไม่รู้ว่าคนนั้น เขาจะคิดเช่นไร
ไอ้โซโล่ล้วงมือไปข้างในเสื้อสูทแล้วควักเอาสร้อยข้อมือเงินที่เป็นห่วงโซ่เล็กๆ มันใส่ที่ข้อมือของผมไว้แล้วแกะพวงกุญแจที่เป็นตัวอักษรเล็กๆ นั้นมาคล้องที่สร้อยข้อมือแทน
มันไม่สน ไม่มีเหตุผลที่จะรู้
ในเมื่อชีวิตที่เป็นอยู่ มันเลือกไปแล้ว
ว่าจะรักแค่เธอเท่านั้น
เธอคือฝันที่ฉันคิดถึง
อยากให้รู้เธอคือชีวิตอีกครึ่งหนึ่ง
ที่มาเติมอีกครึ่งชีวิตที่หายไป
ฉันเหมือนแจกันช่างฝัน
เฝ้ารอคอยสักวันเพื่อพบกับดอกไม้งาม
ดังกระดาษว่างเปล่า เฝ้ารอคอยแสนนาน
ให้พู่กันมาแต่งเติม ให้ชีวิตมีเรื่องราว
ตัวแรกคือ...T
ตัวที่สองคือ...I
ตัวที่สามคือ... A
ตัวที่สี่คือ...M
และตัวสุดท้ายก็คือ... O!!
T…i A...m…o?ผมกระพริบตาปริบๆ แล้วมองหน้าไอ้โซโล่พร้อมกับขมวดคิ้ว ตัวอักษรพวกนี้มันไม่ใช่ภาษาอังกฤษ! ผมมีแม่เป็นลูกครึ่งอิตาลี เรื่องภาษาอิตาลีนั้นก็ถูกกรอกหูมาตั้งแต่เกิดแล้ว โดยเฉพาะไอ้คำนี้น่ะนะ ก็แม่เล่นบอกพ่อเช้าเย็นจนผมอ้วกแน่ะ!!
มันไม่สน ไม่มีเหตุผลที่จะรู้
ในเมื่อชีวิตที่เป็นอยู่ มันเลือกไปแล้ว
ว่าจะรักแค่เธอเท่านั้น
เธอคือฝันที่ฉันคิดถึง
อยากให้รู้เธอคือชีวิตอีกครึ่งหนึ่ง
ที่มาเติมอีกครึ่งชีวิตที่หายไป
Ti Amo...ผมรักคุณ...ผมมองหน้าเจ้าคนที่จรดริมฝีปากร้อนลงบนหลังมือของผมอย่างแผ่วเบา ทุกกิริยาของมันเชื่องช้าแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกหนักแน่น เหมือนมือของผมมีหัวใจอยู่ตรงที่มันจูบลงไปเพราะผมรู้สึกการเต้นของหัวใจมันดังตุ้บๆ อยู่ข้างใน ผมพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้ผมงงมาก
มันน่ะเหรอ? มันนี่นะ?
ไอ้โซโล่เนี่ยนะชอบผม?
ผมเหลือบมองเจ้าคนที่ทำหน้านิ่งลุกขึ้นมายืนแล้วหันหลังให้กับผม มันกุมขมับตัวเองแล้วส่ายหน้าไปมา กูเห็นนะ หูมึงอ่ะแดง!! อะไร้? เขินเหรอ? แค่นี้เขินเหรอวะ!!? ผมแอบยิ้มขำเจ้าหมาใหญ่ที่กำลังเขินสุดขีด หูแดงลามไปถึงคอแหละ!! ผมกระแอมเบาๆ กับตัวเอง เหอะๆ
เสร็จกูล่ะมึง!!“ที...ไอ...เอ...เอ็ม...โอ...มันคืออะไรวะ?”
“...”ไอ้โซโล่หันมามองผมด้วยสายตาคมกริบ มันดีดหน้าผากของผมอย่างรวดเร็ว อะไรของมึงเนี่ย!? มาทำร้ายร่างกายกูแก้เขินทำไมเหี้ยอะไรเนี่ย!!? ไอ้โซโล่ทำหน้าบึ้งสุดชีวิต จะกลบเกลื่อนอาการเขินเหรอ? โห~!
“ทำไมมึงจะไม่รู้ แม่มึงเป็นลูกครึ่งอิตาลี”
เฮ้ย! แล้วมันรู้ได้อย่างไงว่าแม่ของผมเป็นลูกครึ่งอิตาลี!? หรือว่าใครมาขายความลับของผมเนี่ย? พี่เซนต์เหรอ!? ไม่น่าจะใช่ ได้ยินว่าไปญี่ปุ่นกับแฟนนี่หว่า! แล้วใครกันฟ่ะมาบูดความลับของกูเนี่ย!? ผมทำหน้าบึ้งจริงจังใส่ไอ้โซโล่
“นั้นแม่กู แต่กูเป็นคนไทย บอกแบบชาวบ้านทั่วไปเขาทำกันไม่เป็นหรือไง!?”
“มึงเป็นคนไทย แต่กูเป็นคนเขินโว้ยยย!!!”“...”ผมกลั้นหัวเราะเอาไว้สุดความสามารถ เหี้ยโซโล่มันเขินจริงๆ ด้วยวะ!! ดูๆ ไปมันก็น่ารักขึ้นมาหน่อยๆ น่ะเนี่ย!! ผมมองไปที่บนโต๊ะมีพวกซากของที่ไอ้โซโล่มันไม่ต้องการ ผมจับแม่กุญแจและดอกกุญแจขึ้นมาแล้วมองไปที่ไอ้โซโล่ ก็ไม่อะไรหรอก แค่จะขอบใจสำหรับดินเนอร์ดีๆ มื้อนี้ล่ะกัน
“เอ้า! ขอบใจวะ”
“...”ไอ้โซโล่มองสิ่งที่ผมโยนไปให้มันแล้วเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างงงๆ ให้กุญแจมันทำไมน่ะเหรอ? ไม่รู้ ก็ผมไม่มีอะไรจะให้นี่น่า!!
“ให้ตรงนี้ไม่ได้หรือไง?”ไอ้โซโล่มันใช้มือจิ้มที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเองแล้วถามขึ้น ผมยิ้มรับกว้าง กูไม่ได้ใจง่ายวะ! ก็เลยให้ไม่ได้!! อีกอย่างมึงก็ไม่ได้บอกกูด้วยตัวเองเลยหรือถามอะไรแบบที่เขาควรจะถามเลยนี่หว่า หึๆ อย่าหาว่ากูเจ้าเล่ห์ล่ะกัน! มึงโง่เองอ่ะ!!!
“กูให้กุญแจมึงแล้วไง ใช้ความสามารถไขเอามันไปเองสิวะ”“...หึๆ ขอจูบได้ไหม?”ไอ้โซโล่มันนิ่งไปเล็กน้อยแล้วมันก็ค่อยๆ แย้มยิ้มออกมาพร้อมกับหัวเราะในลำคอเมื่อเข้าใจสิ่งที่ผมพูด มันกำกุญแจไว้ในมือแล้วเอ่ยถามผม คุณกูมีงงคิดไงมาถามแบบนี้วะ
“ไม่ให้แล้วมึงจะยอม?”
“หึ! แน่นอนว่าไม่วะ!!”
“แล้วจะถามหาสวรรค์วิมานอะไร?”
“กูต้องการความสมัคใจไง”
“กวนเหอะมึง”
ความสมัครใจเหี้ยอะไร? ไม่สมัครใจมึงก็บังคับให้กูยอมเหมือนเดิมนั้นแหละ! กลวิธีของมึงน่ะมีสารพัด! ผมเงยหน้ารับริมฝีปากร้อนชื้นของอีกฝ่ายที่ค่อยๆ ละเอียดแตะริมฝีปากกันและกันอย่างนุ่มนวลแล้วผละออกอย่างอ้อยอิ่ง
“มึงอยากเต้นรำไหม?”
“ถ้ามึงเต้นท่าผู้หญิงให้กูน่ะนะ”
“งั้นมาเต้นกันเถอะ”
มึงจะเต้นท่าผู้หญิงจริงอะ!? ผมทำหน้าไอ้โซโล่อย่างงงๆ มันหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นผมทำหน้าเอ๋อ ไอ้บ้าโซโล่มันถอดเสื้อสูทออกเหลือแต่เชิ้ตสีขาว พับเสื้อที่ข้อแขนขึ้นเล็กน้อย มันค่อยๆ ดึงเนคไทออกจากคอ ไม่อยากจะบอกเลยครับแต่ท่านี้มันโคตรจะเซ็กซี่ซะหัวใจผมเต้นรัวขึ้นมาทันที ไอ้โซโล่โยนเนคไทมาที่ผมก่อนจะโค้งตัวแล้วยื่นมือมาที่ผม
“ให้เกียรติสักเพลงได้ไหมครับคุณหนู?”
ผมมองมือที่เผยออกมามาดคุณชายเหลือร้ายนั้นก็อดจะหมั่นไส้มันไม่ได้ จะเท่ไปเพื่อกันวะ? มีอยู่แค่สองคนแค่เนี่ย!! ผมส่ายหน้าไปมา ดนตรีมันบรรเลงหวานซะผมไม่กล้าออกไปเต้นกับมันเลย ไอ้โซโล่ดึงผมลุกขึ้นไปปะทะเข้ากับอกมันอย่างจัง แล้วมันก็โอบเอวของผมเอาไว้แล้วโน้มตัวซบหน้าที่ไหล่ของผม พอดีกับจังหวะคำร้องของเพลงขึ้นพอดิบพอดี!
“คำว่ารักต้องพูดเบาๆ ได้ยินไหมต้องพูดเบาๆ ไม่ว่าใครใครจะพูดยังไง แต่เป็นฉันจะพูดเบาๆ บอกให้ใจเธอฟัง ได้ยินเองดังๆ เธอได้ยินไหมยังไม่รู้เลย...ก็ช่วยมาใกล้ๆ หน่อย”
เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหูของผมเบาๆ พร้อมกับขยับตัวโยกเบาๆ ไปตามจังหวะเพลง ผมเม้มริมฝีปากเล็กน้อย เสียงกระซิบข้างๆ หูทำเอาใจสั่นรัวไปหมด เหมือนโดนเป่ามนต์สะกดอย่างไงอย่างงั้น ทุกอย่างที่ขึ้นเกิดตอนนี้ผมควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว มันเสียการควบคุมไปตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
แต่ตอนนี้น่ะ...
ณ เวลานี้...
ผม...เอ่ยคำว่ารักดังๆ ก็เหมือนมันไม่มีค่าเลย
ปากบอกไปแต่ใจเฉยๆ แค่เป็นคำหนึ่งคำที่พูดไป
แต่บอกด้วยใจรู้ไหม ต้องใช้ใจมารักกัน
เบาๆ แค่สักครั้ง แต่มันยังคงดังอยู่ในหัวใจ
คำว่ารักต้องพูดเบาๆ ได้ยินไหมต้องพูดเบาๆ
ไม่ว่าใครใครจะพูดยังไง แต่เป็นฉันจะพูดเบาๆ
บอกให้ใจเธอฟัง ได้ยินเองดังๆ
เธอได้ยินไหมยังไม่รู้เลย...ก็ช่วยมาใกล้ๆ หน่อย
มีหนุ่มโคตรหล่อมาร้องเพลงคลอข้างหูพร้อมกับกอดเต้นไปมาเบาๆ แบบนี้ เป็นคุณจะรู้สึกแบบไหน? ตอนนี้ผมโคตรจะเขินเลยให้ตายสิ!! อะไรทำให้ไอ้คุณชายหน้านิ่งไร้ความรู้สึกชอบบังคับใจคนอื่นมันมาทำอะไรหวานเลี่ยนชวนขนลุกแบบนี้วะ? นั้นเพราะ...
เพราะ...
มันรักผม?....ฮะ แฮะๆ อยู่ๆ มันก็ยิ้มและหน้าบานเป็นจานดาวเทียม ไม่รู้ทำไมแต่ตอนนี้ผมรู้สุกหัวใจมันฟูคับอก ผมค่อยๆ ซบหน้ากับที่ไหล่ของอีกฝ่าย นั่น...บรรยากาศมันพาไปครับ!!!
รักนะ รักเธออยู่ในใจ ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่เคยพูดมัน
รักนะ รักเธอมากมาย รักเธอมากมาย โดยไม่ต้องพูดกัน
คำว่ารักต้องพูดเบาๆ ได้ยินไหมต้องพูดเบาๆ
ไม่ว่าใครใครจะพูดยังไง แต่เป็นฉันจะพูดเบาๆ
บอกให้ใจเธอฟัง ได้ยินเองดังๆ
เธอได้ยินไหมยังไม่รู้เลย...ก็ช่วยมาใกล้ๆ หน่อย
ผมรู้สึกถึงริมฝีปากร้อนผ่าวแตะที่ลำคอแผ่วเบาระเรื่อยมาตามใบหน้า มือของไอ้โซโล่ยกมือจับต้นแขนของผมไว้แล้วมันก็ดันผมออกจากตัวเล็กน้อย เราสองคนประสานสายตากันในระยะใกล้สุดๆ นิ้วมือยาวเรียวนั้นลูบตามโครางหน้าของผมนุ่มนวลเหมือนใช้ขนนกมาไล้ใบหน้า สายตาของไอ้โซโล่สะกดผมไม่ให้หันหน้าหนีไปไหน
คำว่ารักต้องพูดยังไง ส่งจากใจให้ถึงใจเรา
ไม่ว่าใครใครจะพูดยังไง แต่เป็นฉันจะพูดเบาๆ
คำว่ารักต้องพูดเบาๆ ได้ยินไหมต้องพูดเบาๆ
ไม่ว่าใครใครจะพูดยังไง แต่เป็นฉันจะพูดเบาๆ
บอกให้ใจเธอฟัง ได้ยินเองดังๆ
เธอได้ยินไหมยังไม่รู้เลย...ก็ช่วยมาใกล้ๆ หน่อย
อยากให้เธอได้ฟัง
เธอได้ยินไหมยังไม่รู้เลย...ก็ช่วยมาใกล้ๆ หน่อย
เสียงเพลงค่อยๆ จบลงไปเหลือไว้แต่เพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาของเราสองคน มือที่ไล้ตามใบหน้าของผมค่อยๆ ลูบไล้ไปตามลำคออย่างช้าๆ ผ่านมาที่คอเสื้อก่อนจะหยุดที่กระดุมเม็ดแรกของเสื้อ ผมหายใจเข้าอย่างระทึก กะอีแค่กระดุมเม็ดเดียวเนี่ยทำไมผมต้องตื่นเต้นมากมายแบบนี้ด้วย!! เสียงหัวใจของผมมันเต้นตึกๆ ไปมาๆ ผมได้ยินแต่เสียงหัวใจของตัวเองเต้นรัวอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอายแบบนี้
“พรีสต์”
“...”จู่ๆ ก็มาเรียกชื่อกันด้วยเสียงหวานๆ แบบนี้ กูตั้งตัวไม่ทัน!
“...”ไอ้โซโล่มันขยับปากพูดแบบไม่มีเสียง อะไรนะ?
“รักนะ?”
“บอกรักกู? รักเหมือนกัน หึๆ”
“อ้าว ไอ้บ้า...อื้อ!”ผมกำลังอ้าปากด่ามันแต่ดันโดยปิดปากด้วยการจูบที่เร็วจนไม่ได้ทันได้ตั้งตัว ไอ้เจ้าเล่ห์!! ไม่ได้บอกรักมึงโว้ย แค่พูดทวนซ้ำเท่านั้น!! ผมพยายามเม้มปิดปากขัดขืนการรุกรานของอีกฝ่าย
ริมฝีปากร้อนผ่าวคลึงเคล้าพยายามเบียดเข้ามา ลิ้นร้อนบรรจงไล้นุ่มนวลชวนหวิว ผมปรือตาลงแล้วเอียงหน้าปรับองศาเผยอปากขึ้นยอมตอบรับจูบอันนิ่มนวลชวนฝันของอีกฝ่าย แตะลิ้นสัมผัสกันและกันอย่างเชื่องช้า ดูดประสานจังหวะตอบรับความรู้สึกที่เริ่มปะทุขึ้นมาเงียบๆ
“อื้อ...อือ...”
ขณะที่ริมฝีปากจูบบดเบียดกัน มือของไอ้โซโล่ก็บีบเคล้นต้นแขนของผมเบาๆ แล้วค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของผมทีละเม็ดอย่างไม่รีบร้อน ผมก็แกะกระดุมเสื้อของอีกฝ่าย ไอ้เรื่องแบบนี้ใครจะยอมโดนแก้ผ้าคนเดียวล่ะครับ ผมปลดกระดุมเสร็จเร็วกว่ามันแล้วล้วงมือไปปลดเข็มขัดและกางเกงของมันต่อ ไอ้โซโล่ค่อยๆ ไล้ริมฝีปากที่มุมปากของผมแล้วก้มแตะริมฝีปากขบเม้มตามลำคอ
มือสากร้อนนวดคลึงสะโพกของผมพร้อมกับปลดกางเกงของผมอย่างรวดเร็ว ไอ้โซโล่เงยหน้ามาจูบอีกครั้ง ผมโอบแขนรั้งคอของอีกฝ่ายเข้ามาบดเบียดเนื้อกายถ่ายทอดความร้อนฉ่าที่มีมากขึ้น ไอ้โซโล่ล้วงเข้าไปข้างในใต้ผ้าชิ้นเล็กที่ยังปกปิดส่วนท่อนล่างเข้าไว้สัมผัสทักทายผะแผ่ว มันดันผมมาติดกับตู้เตี้ยๆ สูงระดับเอว
มันผละริมฝีปากไปแล้วก้มหน้าจูบเม้มอย่างช้าๆ ไปตามผิวกายของผม เสื้อที่ถูกถอดไปหล่นไปกองอยู่ปลายแขนเผยผิวขาวเนียนให้ต้องแสงเทียนเป็นสีทองสวยน่าสัมผัส โซโล่จูบตีตราประทับไปทั่วเงยหน้ามามองผมที่หายใจหอบ มันเคลื่อนตัวมาจูบปากของผมด้วยการแตะเบาๆ ก่อนแล้วประกบปากจูบดูดดื่มเร้าความรู้สึก มือของมันลูบไล้แผ่นหลังของผมแล้วปลดชิ้นส่วนสุดท้ายออกจากกายทำให้ผมอยู่ในสภาพเกือบเปลือยเปล่า
จมูกคมซุกไซ้สูดดมกลิ่นกายพร้อมกับขบติ่งหูของผมเบาๆ ผมสะดุ้งตัวเล็กน้อย โซโล่จูบไล้ลงมาแล้วใช้ลิ้นอุ่นแตะต้องยอดอกแผ่วเบาแล้วค่อยๆ เล็ม มือขวาปัดยอดอกอีกข้างไปมาหยอกเย้าสนุกมือ มืออีกข้างก็ลูบไล้เนื้อกายของผม
“อ๊ะ...อ๊ะ...อื้ออ! โซ...”
ลิ้นร้อนผ่าวนั้นดูดยอดอกของผมจนเปียกชื้นและชูชันแข็งเป็นไตเด่น มือขวาที่เริ่มบีบขยี้ไปมาจนผมรู้สึกเสียวซ่านครางรับความรู้สึกนั้นออกมา โซโล่ย้ายมาใช้ลิ้นตวัดเลียลิ้มรสยอดอกอีกด้านอย่างกระหาย แล้วล้วงมือลงไปรุกเร้าแกนกายที่เริ่มผงกขึ้นมา ผมครางออกมาอย่างกลั้นไม่ได้เพราะถูกสัมผัสทั้งบนและล่างพร้อมกัน
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อือ! อ่ะ โซ! อ๊ะ อา...”
อารมณ์ตอนนี้ของผมเริ่มเตลิดเคลิ้มไปไกล มีอารมณ์ร่วมถึงขั้นกระดกตัวรับจังหวะการขยับมือของอีกฝ่าย มือกดหัวของไอ้โซโล่แล้วแอ่นอกขึ้นรับสัมผัสจากปลายลิ้นที่ช่ำชองนั้น ผมหงายหน้าสมองว่างเปล่าเต้นเร่งเร้าให้ปลดปล่อยและรับความสุขสมที่ใกล้จะเข้ามา มือใหญ่สาวเร้าให้ผมพุ่งตัวทะยานขึ้น
“อ๊ะ! อ๊ะ...อะ...อ้ะ...อ๊ะ อ๊า อ๊าาาาา~!!!!”
ผมเปล่งเสียงร้องออกมาพร้อมๆ กับปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นพุ่งออกจากกาย ขาของผมแทบจะหมดแรงทรุดตัวลงใช้แขนยันตู้ด้านหลังไว้พยุงตัวแล้วหายใจระรินอย่างเปรมสุข ยังไม่ทันได้หายใจคล่อง ไอ้โซโล่ก็เข้ามาคลอเคลียจูบไล้ริมฝีปากของผมอีกครั้ง ผมรู้สึกถึงการบุกรุกจากทางช่องคับแคบด้านหลัง นิ้วของไอ้โซโล่นวดเคล้น รู้สึกเย็นๆ คล้ายเจลหล่อลื่น ผมเหลือบสายตาไปมองตรงพื้นก็เห็นหลอดตัวประจำที่มันใช้นอนกลิ้งอยู่
เตรียมพร้อมชิบ...
แม่ง กะจะเอากูตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้ว!!“อือ...อะ อ้ะ~”ผมขยิบช่องด้านหลังเมื่ออีกฝ่ายสอดใส่นิ้วเข้าไปเตรียมพร้อม ไอ้โซโล่ทำเสียงในลำคอเมื่อรู้สึกถึงช่องแคบนั้นบีบรัดนิ้วมือของมัน ไอ้โซโล่ผละริมฝีปากจากผมแล้วซุกไซ้ซอกคอพรมจูบไหล่และลำคอ ลมหายใจร้อนๆ นั้นส่งผลให้ผมขนลุกไปทั้งตัว ไอ้โซโล่ปลดกางเกงของตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วใช้แขนยกขาของผมขึ้น
ก่อนจะแกะถุงยางและสวมใส่อย่างชำนาญ มันถูกไถไปกับทางเข้านั้นไปมาแล้วค่อยๆ สอดใส่ ผมอ้าปากหายใจหอบ ถึงจะใส่นิ้วเตรียมพร้อมไว้แล้วแต่ขนาดมันก็ต่างกันอยู่ดี ผมครางแผ่วเมื่อท่อนกายขนาดใหญ่สอดเข้ามาอยู่ในตัวของผม ไอ้โซโล่ยกขาอีกข้างของผมขึ้นแล้วเริ่มขยับสะโพกหมุนควงไปมาแล้วสอดกระทุ้งเบาๆ
“อ๊ะ!! อื้อ!...”
ไอ้โซโล่เงยหน้ามามองผมแล้วยิ้มที่มุมปากเมื่อครั้งแรกที่ขยับก็โดนจุดเส้นประสาทความรู้สึกของผมเข้า ไอ้บ้านี้มันก็จำแม่นจริง!! สมกับแม่งเอากันทุกวี่ทุกวัน!! ผมเม้มริมฝีปากขัดใจเล็กน้อย
“หึๆ เป็นธรรมดาที่ผัวก็ต้องรู้จุดไวต่อความรู้สึกของเมียอยู่แล้ว”
“...”
“ตรงนี้ใช่ไหมครับที่รัก?”
“อ๊ะ~~!! อ๊า~ อ๊ะ อ๊ะ อย่าแกล้งกู อ๊ะ! แม่...ง! อื้ออ!!”
มันถามขึ้นพร้อมๆ กับสวนกระแทกเข้ามาในตัวของผม มึงรู้แล้วจะถามทำไมวะ!? ผมครางเสียงระงมเมื่ออีกฝ่ายซอยเน้นๆ กลับมาพร้อมกับโยกปรับเปลี่ยนไปกระแทกจุดอื่นที่ทำเอาผมครางออกมาอย่างเสียวซ่านไปทั้งตัว ผมใช้ขาโอบรอบสะโพกสอบแน่นเพื่อให้การสอดใส่ลึกมากขึ้น ไอ้โซโล่ดึงแขนของผมมาโอบกอดรอบคอ ผมพักหัวบนไหล่ของมันแล้วครวญครางเสียงแผ่วเพราะแรงขยับทำให้แกนกายสอดใส่ลึกมากกว่าเดิม
ไอ้โซโล่ใช้มือขยับสะโพกของผมขึ้นลงช้าๆ แล้วเริ่มกระแทกสอดใส่ ผมก็ขยับตัวสวนแรงกระแทกนั้นอย่างรู้จังหวะเป็นอย่างดี เสียงครางต่ำดังจากปากของไอ้โซโล่ มันหลับตากระแทกซอยเข้ามาซ้ำๆ
“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ! อ๊ะ!! โซ อ๊ะ...ซี๊ดดดด!!! อ่า~”ผมกัดริมฝีปากกลั้นอาการเสียวที่มี ร้องครวญครางแทบใจจะขาด ความเปี่ยมสุขแล่นเข้ามาสู่กาย ผมขยับตัวขึ้นแล้วเกร็งตัวขยิบช่องแคบทางหลังอย่างรู้จังหวะ หน้าไอ้โซโล่เหยเหด้วยความเสียว เห็นอย่างนั้นมันยิ่งซอยเข้ามาถี่ยิบ
“อ๊ะ! อ๊ะ!! อ๊ะ!!! โซ!!! ฮือออ~!! ไม่ไหวแล้ว โซ!!”ผมร้องครางกระเส่าแบบไม่ไหว กอดรัดร่างสูงเอาไว้แน่นพร้อมกับซุกไซ้ลำคอครวญครางชื่อของอีกฝ่าย ผมเงยหน้าขึ้นมาแลกลิ้นกับไอ้โซโล่อย่างกระหายอยาก ริมฝีปากตะกรุมตะกรามบดคลึงเคล้น ลมหายใจร้อนผ่าวหอบถี่
“อ๊ะ...! อ๊ะ...!!! อาอาอา อ้ะอ้ะอ้ะ!!! อ๊า~!!!!”
ผมเงยหน้าครางสุดเสียงเมื่อถึงจุดระเบิด แสงสีขาวแตกกระจายไปทั่วในหัวของผม ไอ้โซโล่ถอนตัวออกแล้วอุ้มผมลงบนพื้น โดยมีมันนั่งบนพื้นและผมนั่งคร่อมตัวมัน ผมปีนลำตัวหนาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นอย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำ เกาะไหล่แล้วขยับตัวขึ้นจ่อช่องแคบทางหลังใส่แกนกลางที่ยังแข็งชูชันอยู่นั้น ขยับตัวครอบครองแกนกายนั้นอย่างช้าๆ พร้อมกับขยิบตัดอีกฝ่ายไปด้วย
“ซี๊ดดดดดดดด!!! พรีสต์...”ไอ้โซโล่สูดลมเข้าปากอย่างเสียวซ่านเมื่อโดนตอดรัดจากช่องแคบของผม มันครางเรียกชื่อผมซ้ำๆ เมื่อสอดใส่จนมิดด้ามผมก็ขยับสะโพกหมุนควงไปมาแล้วขยิบช่องนั้นเป็นจังหวะอย่างช่ำชอง ให้ตายเถอะ ไอ้เรื่องแบบนี้ล่ะเรียนรู้เก่งจริงกู!
“ซี๊ดดดดดดด!! เมียครับ ไม่ไหวแล้ว โอ้~! พรีสต์...!! อ๊ะ...”
ผมขยับตัวขึ้นควบคุมจังหวะนั่งขย่มอยู่ข้างบน ไอ้บ้านี่มันก็ได้อารมณ์จนเรียกผมว่า...อะไรนะ? เมียงั้นเหรอ!!!? เหอะ!!!!!! ผมขยับขึ้นลงถี่ ไอ้โซโล่ก็กระเด้งตัวสวนขึ้นมา ผมครางออกมาแล้วมีขยับโยกหาจุดของตัวเองเจอ
เมียงั้นเหรอ?ชิ...!!!ทำขนาดนี้ก็คงจะต้องเป็นล่ะนะ!!!ชิ...!!! เมียก็เมียวะ!!!!!!! แต่กูไม่บอกมึงหรอกว่ากูยอมรับเป็นเมียให้ เหอะ แค่นี้มันก็ได้ใจจะตายอยู่แล้ว หึ!! แม่ง กูจะบอกพ่อให้เรียกค่าสินสอดเอาให้มึงสิ้นเนื้อสิ้นตัวไปเลย!!! คอยดู!!!! สิบล้านเป็นอย่างต่ำ!! ค่าตัวกูแพงเฟ้ย!!
“อ๊ะ! อ๊ะ!! อ๊ะ!!! โซ!”
“ว่าไงคุณเมีย?”
เมียๆ อยู่นั้นแหละ!!! กูอายจะตายห่า!!! ผมเอ่ยเสียงกระเส่า
“กูเหนื่อยแล้ว”
“เหรอ งั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่สามีเผด็จศึกให้ล่ะกัน”มันพูดพร้อมกับกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นผมขมวดคิ้วแล้วบีบคอมันเบาๆ ไม่ได้ทำจริงหรอกครับ เดี๋ยวมันตายกันพอดี!
“พูดมาก เร็วๆ เข้า!”
“เร็วๆ? ได้~”มันรับคำไปแบบแปลกๆ แล้วพลิกตัวให้ผมไปอยู่ข้างล่างแทนแล้วมันก็จับขาของผมแยกกว้างแล้วเริ่มกระแทกเข้าอย่างรวดเร็วจนผมบิดตัวเร้าไปมาอย่างทรมานเปี่ยมสุข ไอ้บ้า! ไม่ใช่เร็วแบบนี้!!! ผมครางไม่ได้หยุดพักหายใจ ไอ้โซโล่โถมตัวมาคร่อมผมใช้มือยันพื้นข้างๆ ตัวผม ผมยกขาตวัดรัดเอวของอีกฝ่าย
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ่า~! อะอะอะ!! ฮือออ โซ ตรงนั้น แรงอีก!”
“อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ!! อื้อออ!! ซี๊ดดดดดด!! โซ...อ๊ะ!! อ๊ะ~~~!!!!!”
“ซี๊ดดดดดด!!! พรีสต์...”
ไอ้โซโล่เร่งจังหวะกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างหนักหน่วงและดุดันจนร่างของผมสั่นสะท้านไปทั้งตัว ความเสียวซ่านทำให้ต้องเกร็งตัวรับความสุขสมที่โหมกระหน่ำเข้าใส่ แล้วในที่สุดแรงกระแทกซอยถี่ก็ส่งผลให้ผมถึงจุดสูงสุดก่อน ไอ้โซโล่พาผมไปส่งถึงฝั่งแล้วมันก็กระแทกสวนซ้ำๆ ผมเม้มรัดช่องแคบนั้นสุดตัวเพื่อส่งให้อีกฝ่ายมาถึงฝั่งสุขสมด้วยกัน
“ซี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!! อ๊า~!!!! พรีสต์!”
แรงซอยถี่เร็วนั้นทำเอาผมครางกระเส่าเปรมสุขยิ่งกว่าสิ่งใด ไอ้โซโล่ดันตัวเข้ามาสุดแล้วร้องครางกระหึ่มพร้อมกับฉีกน้ำรักอย่างสุดตัว มันเงยหน้ากัดริมฝีปากเกร็งรับแรงกระตุกที่เกิดขึ้นเมื่อข้ามมาถึงฝั่งที่หมายมั่น
ผมหายใจหอบเหงื่อซึมจากกายไม่น้อยกับบทรักที่เพิ่มเสร็จไป ค่อยๆ หลับตาลงพักหายใจแล้วลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงความโล่งโหวงเมื่อสิ่งที่เติมเต็มมันถอนตัวออกไป ผมนอนมองไอ้โซโล่เล็กน้อยแล้วหลับตาหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ แล้วผมก็ปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างหยุกหยิกอยู่ข้างๆ แล้วรู้สึกว่าตัวเองถูกอุ้มขึ้นจากพื้น ผมลืมตามองหน้าไอ้โซโล่ที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาแบบซุกซนเหมือนเด็ก
“อยากให้บอกรักแบบชาวบ้านทั่วๆ ไปใช่ไหมล่ะ? คืนนี้กูจะจัดหนักให้!”
บอกรักแบบชาวบ้านทั่วไปเท่ากับ...จัดหนัก?เฮ้ยยยยยยย!!!!!!!!!! มึงเข้าใจผิดแล้ว ไอ้โซโล่!!!!!!!!!!!!!!!!!TBC. แต่งไปแต่งมาคนแต่งเริ่มหมดแบต ง่วงสุดขีด
ถ้ามันแปลกๆ ก็ต้องขอโทษด้วยเพราะตูง่วงมากกกกกก!!!
แต่ง Nc ในขณะที่เบลอสุดขีด มันจะได้อย่างไงกันล่ะเนี่ย
โรแมนติกบ้าอะไรวะ แต่งฉากนี้ได้โรแมนซ์แค่นี้แหละ
เพราะอิสองตัวนี้อิมเมจมันทำโรแมนซ์ได้แค่นี้!!
ตอนนี้มึนมาก อาจจะไม่เข้าใจมีคนแต่งกำลังบ่นอะไรก็ขอโทษด้วย
ขอบคุณสำหรับ 41 คะแนน มากกว่าที่ขอไว้อีกแน่ะ
เพราะฉะนั้น...สมนาคุณให้อีกตอนล่ะกัน....
เพราะคุณชายเขาบอกว่าจะขอจัดหนัก เอิ่กๆๆๆ
ไม่ขอเป็ดหรอก ตามแต่คนอ่านจะกรุณาสงสารล่ะกัน
ปล.ใจดีเพราะง่วงเปล่าวะ?
ปล.1 น้อยอาจจะไม่มาต่อทันใจ เหอะๆ <<< อิคนแต่งมันก็ใจร้ายเหมือนเดิม!!! ปล.2 ถามไปเล่นๆ ว่าใครเป็นคนวางแผนให้กับคุณชายโซโล่ซะโรแมนซ์ขนาดนี้
มีคนตอบถูกด้วยแหละเว้ยเฮ้ย!!! โฮะๆๆๆ ว่าจะไม่ได้แต่งแล้วเชียว...สมนาคุณอีกรอบ...
เบื้องหลังดินเนอร์ใต้แสงเทียน~!!! [หลังเนื้อเรื่องล่ะกัน เอาไปร่วมโซโล่ฉายเดี่ยวนะ~]
ปล.3 เค้าซึ่งเป็นคนแต่งที่สมนาคุณบ่อยเหลือเกิน เหนื่อย...แต่ก็ทนได้เพราะคนอ่านน่ารัก อิๆ
ราตรีสวัสดิ์จ้าาาาาาาาาา~ คู่ฮอยวินเซอร์รู้ใจกันเยี่ยงนี้ ชวนให้นึกถึงกิจกาม เอ๊ยกิจกรรมอื่นๆ ว่าจะรู้ใจกันขนาดไหน เหอๆๆๆ
[ เหอะๆๆๆ คงจะลำบากคนแต่งมากทีเดียวเพราะวินเซอร์นั้นถึงพริกถึงขิง ]