มาต่อแล้วจ้า~ สำหรับคนที่ลุ้นคู่ของคุณอา เชิญพบกับบทสรุปได้ในตอนนี้ค่ะ
และสำหรับคู่ของคุณหลาน ตอนนี้บทอาจจะน้อยไปนิด แต่ตอนหน้ารับรองเต็มที่ค่ะ~
ม่านราตรี
บทที่ 24
มื้อเช้าอธิปนั้นไม่ได้ลงมากินอาหารพร้อมกับตุลา ทำให้กริชรู้สึกเป็นห่วงเพื่อน จึงได้ตัดสินใจเข้าไปหาในห้อง แต่เขาก็พบว่าอธิปยังคงนอนเหม่อนิ่งเฉยอยู่บนเตียง โดยไม่มีทีท่าจะลุกไปไหน
“อธิป...นายเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า”
กริชนั่งลงบนเตียงข้างร่างในผ้าห่ม ทำเอาคนนอนอยู่สะดุ้งโหยงเมื่อรู้ว่าใครเข้ามาในห้อง
“นะ...นายกริช”
อธิปหันไปมองคนบนเตียงของตนอย่างตกใจ กริชขมวดคิ้วยุ่งแล้วจึงตอบกลับไป
“ก็ฉันน่ะสิ เป็นอะไรของนายทำหน้ายังกับเห็นผี...”
พอพูดจบกริชก็ชะงักแล้วหวนนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็เป็นวิญญาณ เขาจึงกระแอมเบา ๆ แล้วปรับเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่
“...ฉันหมายถึงทำหน้ายังกับเจอคนไม่รู้จักกันอย่างนั้นน่ะ”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรหรอก ...ไม่มีอะไรจริง ๆ คือฉันนอนดึก แล้วยังง่วงมาก ๆ อยากพักมันทั้งวันเลยก็แค่นั้น”
อธิปบอกแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมโปงหลบหน้าอีกฝ่าย ทำเอากริชขมวดคิ้วยุ่ง แล้วพยายามดึงผ้าห่มออก แต่อธิปก็ดึงกลับแน่นจนวิญญาณหนุ่มเริ่มที่จะโมโหขึ้นมาบ้าง
“ตามใจ! ไอ้เราก็เป็นห่วงคิดว่าจะป่วย แต่ดูท่าว่าคงไม่ได้ป่วยอะไร แต่โรคบ้าขึ้นสมองมากกว่า!”
กริชประชดเพราะเพื่อนดูแปลก ๆ เหมือนไม่อยากเจอหน้าเขานัก ซึ่งเขาก็จำไม่ได้เลยว่าไปทำอะไรให้เจ้าตัวต้องคอยหนีหน้าแบบนี้ ...นอกจาก
จู่ ๆ วิญญาณหนุ่มก็คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่เผลอหลุดปากบอกพาทิศและตุลาออกไป ใบหน้านั้นแดงระเรื่อแล้วจึงค่อยกลับมาเป็นซีดเผือด ก่อนจะเอ่ยขึ้นตะกุกตะกักอย่างแผ่วเบา
“เมื่อคืน...คงไม่มีใครมาพูดอะไรแปลก ๆ กับนาย... เรื่องฉันใช่ไหม”
อธิปสะดุ้งเฮือก แล้วรีบตอนปฏิเสธทันที
“ไม่มี! ใครจะเข้ามาคุยอะไรมืด ๆ ค่ำ ๆ ไม่มีทั้งนั้นล่ะ!”
กริชขมวดคิ้วยุ่ง เมื่อถูกปฏิเสธโดยไม่ยอมให้เห็นหน้าแบบนี้มันยิ่งชวนให้สงสัยมากขึ้นไปอีก แล้วเมื่อคืนพาทิศก็ออกจากห้องไปก่อน...ไม่แน่ว่า ผีดิบหนุ่มอาจจะนำเรื่องที่เขาแอบชอบอธิปไปบอกกับเจ้าตัวแล้วก็ได้ เพื่อนของเขาถึงได้มีปฏิกิริยาผิดแผกแปลกไปแบบนี้
“เอ่อ...ไม่มีก็แล้วไป ...แต่ถ้ามีใครมาพูดไร้สาระอะไรให้นายฟังจริง ๆ ก็อย่าไปเชื่อมากมายนักล่ะ...หมอนั่นก็แค่อยากแกล้งฉันน่ะ...มันไม่ใช่เรื่องจริงจัง ที่นายต้องเก็บมาคิดมากหรอก...”
อธิปชะงักกึก พอเขาได้ฟังที่อีกฝ่ายพูด ก็ดันเข้าใจผิดไปว่ากริชนั้นรู้เรื่องที่พาทิศคิดจะจับคู่ตัวเองกับวิญญาณเพศเดียวกันแถวนี้เข้าให้แล้ว หมอผีหนุ่มจึงค่อย ๆ โผล่หน้ามาจากผ้าห่ม แล้วย้อนถามกลับไป
“นายไม่จริงจังจริง ๆ นะ?”
กริชรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกขึ้นมาวูบหนึ่งแต่ก็ยังคงฝืนแสร้งยิ้ม แล้วยักไหล่นิด ๆ ทำทีเป็นไม่ใส่ใจใด ๆ ทั้งสิ้น
“ก็ใช่น่ะสิ คนอย่างฉันนี่นะจะมาคิดจริงจังเรื่องแบบนั้น”
ทันทีที่กริชพูดจบอธิปก็หลุดถอนหายใจยาวขึ้นมาอย่างโล่งอก แล้วจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มร่าเริงผิดกับก่อนหน้าลิบลับ
“โชคดีไป... ดีแล้วล่ะนะ ที่ไม่ใช่เรื่องจริงจังอะไรนั่น ...เฮ้อ ค่อยยังชั่ว!”
กริชแสร้งยิ้มรับ ทั้งที่อยากร้องไห้เต็มกลืน เมื่อเห็นว่าอธิปนั้นโล่งอกเพียงใด ที่รู้ว่าสิ่งที่เขารู้สึกกับเจ้าตัวเป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้น
“นายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว...ฉันขอตัวก่อนนะอธิป”
พอพูดจบกริชก็หายตัววับไปทันที ทำให้คนที่เอาแต่เผลอโล่งอกที่เพื่อนจะได้ไม่ต้องไปคบกับวิญญาณอื่น หันมองตามอย่างสงสัย แต่สักพักก็พยายามสลัดเรื่องเหล่านั้นออกจากสมอง แล้วตรงเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย เพื่อเตรียมลงไปทานข้าวเช้าที่เกือบจะได้กลายเป็นมื้อกลางวันต่อไป
ทางด้านกริชนั้น พอหายตัวออกจากห้องของอธิปแล้ว เขาก็บุกไปหาพาทิศถึงห้องใต้ดิน ทำเอาผีดิบหนุ่มซึ่งกำลังนั่งเขียนบันทึกเพลิน ๆ บนโต๊ะทำงาน ถึงกับสะดุ้งโหยง เมื่อจู่ ๆ กริชก็โผล่มาแล้วโวยวายใส่เขาลั่น
“คนโกหก! นายไปบอกหมอนั่นเรื่องฉันสินะ!”
พาทิศรู้สึกสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่พอจะเอ่ยปากถาม กริชก็โพล่งตามขึ้นมาอีกระลอก
“นายคงสนุกมากล่ะสิ ที่ได้แก้แค้นฉัน ... คงสะใจมากสินะ ที่ได้เห็นฉันในสภาพแบบนี้!”
“คุณกริชใจเย็น ๆ ครับ นี่คุณพูดเรื่องอะไรกันแน่”
พาทิศพยายามห้ามปรามให้อีกฝ่ายใจเย็นลง เพราะตอนนี้เขางงกับเรื่องที่เกิดขึ้นไปหมดแล้ว กริชเห็นดังนั้นจึงพยามควบคุมสติอารมณ์ของตน พลางบอกออกไปโดยไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย
“หมอนั่นรู้เรื่องที่ฉันชอบเขาแล้ว...และก็ลำบากใจมากด้วยที่จะสู้หน้าฉัน ...จนฉันต้องบอกออกไปว่ามันเป็นแค่เรื่องไร้สาระ ไม่ได้คิดจริงจังอะไรทั้งนั้น”
“เดี๋ยวครับ! คุณอธิปจะรู้ได้ยังไง ในเมื่อผมไม่ได้พูดเรื่องนั้นออกไปสักคำ!”
พาทิศรีบแย้งทันทีด้วยความตกใจ ทำให้กริชชะงัก แล้วหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
“หมายความว่าไง? นายไม่ได้บอกเรื่องของฉัน ...แล้วทำไมเขาถึงพูดเหมือนรู้เรื่องดีทั้งหมด และก็โล่งใจมากด้วยที่ฉันบอกว่าตัวเองไม่ได้จริงจังน่ะ”
“จริง ๆ ครับ ผมสาบานได้ ผมแค่ไปกระตุ้นคุณอธิปให้รู้สึกว่าคุณสำคัญกับเขามากเพียงไหนก็แค่นั้น รับรองไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่านั้นเลยครับ”
กริชมีสีหน้างุนงงกับคำตอบที่ได้รับ พาทิศจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้วิญญาณหนุ่มฟัง ซึ่งพอได้ฟังกริชก็ลองรวบรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาปะติดปะต่อกัน ก่อนจะหน้าแดงก่ำตามมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ผมว่าคุณอธิปเขาคงโล่งใจ ที่คุณไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับคนอื่น... และถ้าให้ผมคาดเดา นั่นก็เพราะว่าเขาอาจจะคิดกับคุณเกินเพื่อนไปมากแล้วแต่ยังไม่รู้สึกตัวเองมากกว่า”
“บะ...บ้าน่า...หมอนั่นน่ะหรือ ...จะคิดกับฉันแบบนั้น”
“หึ ๆ คุณเองก็ยังชอบเขาได้ไม่ใช่หรือครับ ความรักความชอบมันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอะไรรองรับนักหรอกครับ”
พาทิศบอกกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ส่วนคนฟังนั้นหวนคิดตามพลางหน้าแดงเล็กน้อยด้วยความยินดี
“อย่างนั้นหรือ...อธิปเองก็อาจจะคิดกับฉันแบบนั้นเหมือนกันสินะ”
พอบอกไปแบบนั้นสักพักเจ้าตัวก็ชะงักและนึกขึ้นได้ เขาแสร้งเมินไปทางอื่น ก่อนจะกระแอมขึ้นมาเบา ๆ
“เอาเป็นว่าฉันขอโทษแล้วกัน ที่เข้าใจนายผิด”
“ไม่เป็นไรครับ ...แต่คุณไม่คิดจะทำให้เรื่องของพวกคุณก้าวหน้าไปมากกว่านี้ด้วยตัวเองหรือครับ”
พาทิศเริ่มยุ แต่ทำให้คนฟังสะดุ้ง หน้าแดงวาบ ทว่าสักพักก็กลับกลายเป็นซึมเศร้าตามมา
“อย่าดีกว่า ให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปเถอะ....ใจตรงกันแล้วยังไงล่ะ ถึงยังไงฉันกับเขาก็ต้องจากกันอยู่ดี”
“แต่นั่นมันก็อีกนานไม่ใช่หรือครับ ...ไม่สิ ถึงจะยาวหรือสั้น แค่ได้อยู่เคียงข้าง แม้เพียงเสี้ยววินาที แต่สำหรับคนที่รักกัน แค่นั้นมันก็น่ายินดีแล้วไม่ใช่หรือครับ”
พาทิศเอ่ยเตือนสติ ทำให้คนฟังเงียบไปสักพัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มน้อย ๆ ให้
“นั่นสินะ...”
“ถ้ายังไงให้ผมช่วยวางแผน...”
พาทิศเอ่ยค้างแค่นั้นเพราะเห็นกริชสั่นศีรษะเบา ๆ ไปมา
“ขอบใจ ...แต่ฉันจะเป็นคนบอกเขาเอง”
พาทิศนิ่งเงียบ ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ส่งให้อีกฝ่าย
“ผมขอเป็นกำลังใจให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะครับ”
“ขอบคุณ ...นายกับตุลก็เหมือนกัน ...ต่อไปนี้ฉันจะพยายามไม่เข้าไปขัดขวางให้มากนัก...ถ้าไม่จำเป็น”
กริชเอ่ยทิ้งท้ายพร้อมยกยิ้มน้อย ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้คนฟังสั่นศีรษะคลอนไปมาอย่างเหนื่อยใจ
“ขอบคุณครับ ...ฟังแล้วรู้สึกดีเป็นบ้าเลย”
“หึ ๆ ช่วยไม่ได้นี่นะ ฉันมันพวกขี้อิจฉา ขี้เหงานี่ ...เรื่องอะไรจะปล่อยให้คนอื่นเขามีความสุขต่อหน้าต่อตาได้ล่ะ”
กริชบอกแล้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะขอตัวไปตามหาอธิป เพื่อที่จะสารภาพความในใจของตนออกไป แม้ว่าผลที่ได้รับกลับมา เขาอาจจะถูกปฏิเสธจากอีกฝ่ายก็ตาม
ระหว่างที่กริชหายตัวไปพบกับพาทิศ ทางด้านตุลาเองก็กำลังพูดคุยกับอธิปอย่างเคร่งเครียดเช่นกัน สาเหตุก็เพราะชายหนุ่มดันไปเผลอแอบฟังอาของเขากับอธิปคุยกันเข้า ตอนที่เขากำลังจะเดินออกมาจากห้องเพื่อไปหาน้ำเย็นดื่มด้านล่าง
“คุณอธิปใจร้าย...ทำไมถึงโหดร้ายกับอากริชขนาดนี้ล่ะครับ!”
ตุลาที่ยืนดักรอจนกระทั่งอธิปออกมาจากห้องโพล่งใส่หน้าอีกฝ่าย ทำเอาคนที่กำลังจะลงไปหาอะไรกินชะงักกึก พลางขมวดคิ้วยุ่งตามมาอย่างสงสัย
“หมายความว่าไง?”
ตุลาสะดุ้งเฮือก เพราะดันเผลอลืมตัวตำหนิชายหนุ่ม โดยลืมไปว่าเขาได้ให้คำสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องที่กริชชอบอีกฝ่ายออกไป
“ว่าไงเจ้าหนู ฉันไปทำอะไรโหดร้ายกับอาของเธอตอนไหน หือ?”
อธิปย้ำถามเมื่อเห็นท่าทีร้อนรนของอีกฝ่าย ตุลากำมือแน่นแล้วจึงตัดสินใจตอบออกไปตามตรง เพราะเข้าใจว่าไหน ๆ อธิปก็รู้ความในใจของอาตนไปแล้วเรียบร้อย
“ก็ทั้ง ๆ ที่อาของผมชอบคุณขนาดนั้น แต่คุณกลับบีบให้เขาต้องยอมแกล้งโกหกว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณ...แถมคุณก็ยังทำเสียงโล่งอกและดีใจเสียเต็มประดาแบบนั้น ...แล้วจะไม่ให้ผมว่าคุณโหดร้ายได้ยังไงกันครับ!”
อธิปนิ่งอึ้งรับฟัง ก่อนจะยกมือห้ามให้ตุลาที่กำลังจะโวยต่อหยุดพูด แล้วย้อนถามกลับไปใหม่
“เดี๋ยวก่อนนะเจ้าหนู ...ใครชอบใครกันนะ พูดใหม่อีกทีซิ?”
คราวนี้ตุลากลับมาเป็นฝ่ายงงบ้าง ทีแรกที่แอบฟังเขาเองก็เข้าใจเหมือนกริชว่า อธิปนั้นรู้ความในใจของวิญญาณหนุ่มแล้ว แต่พอเห็นสีหน้ามึนงงของอีกฝ่าย ก็ทำเอาเขาแปลกใจไม่แพ้กัน
“ก็เรื่องที่อากริชแอบชอบคุณไงล่ะครับ ... เรื่องนี้ไม่ใช่หรือครับที่คุณดีใจที่มันกลายเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่ได้คิดจริงจังอะไรนั่น”
อธิปกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกปวดหัวขึ้นมาตุบ ๆ มิน่าล่ะ ถึงกริชจะยิ้มแย้ม แต่เขาก็เห็นว่าเพื่อนดูแปลก ๆ ไป ตอนนั้นเขาก็มัวแต่ดีใจที่กริชไม่คิดสนใจเรื่องผูกสัมพันธ์กับวิญญาณหนุ่ม ๆ ตนอื่น จนไม่ได้คิดสักนิดเลยว่า พวกเขาทั้งคู่จะเข้าใจกันผิดไปคนละเรื่องแบบนี้
“เวรแล้ว ...ฉันไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ ...ก็เจ้าผีดิบนั่นเล่นมาบอกว่าจะจับคู่ให้นายกริชกับวิญญาณแถวนี้ ฉันเองก็ห่วงว่าเขาจะตกลง ...แต่พอเขาบอกว่าไม่ได้คิดจริงจัง เป็นแค่เรื่องไร้สาระ ฉันก็ดีใจที่เขาไม่ได้คิดแบบนั้น ...ให้ตายเถอะ ฉันไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าหมอนั่นจะคิดกับฉันแบบ... โธ่โว้ย!”
อธิปเสยผมอย่างหงุดหงิด แล้วจึงเดินดุ่ม ๆ ลงไปยังชั้นล่างผ่านตุลาที่ยืนนิ่งอึ้ง เพราะคาดไม่ถึงว่าเรื่องราวมันจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
“กริช! นายอยู่ไหน! ออกมาพบฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
เสียงอธิปโหวกเหวกโวยวาย เสียจนรุ้งพรายที่กำลังนอนกลางวันต้องสะดุ้งตื่นอย่างตกใจ ราตรี และปิ่นสุดาเองก็เช่นกัน แต่ดูเหมือนอธิปจะไม่สนใจผู้ร่วมคฤหาสน์คนอื่นนัก เพราะเป้าหมายตอนนี้ของเขามีเพียงเพื่อนสนิทคนเดียวเท่านั้น
‘อะไรของหมอนั่น...เอะอะโวยวายทำไมของเขา ...แล้วนั่นก็กำลังโกรธอยู่นี่นะ ...โกรธมากด้วยสิ’
สำหรับคนที่คุ้นเคยกันมานานตั้งแต่ตอนมีชีวิตอยู่ มองปราดเดียวก็พอเดาอารมณ์ของอีกฝ่ายออก กริชขมวดคิ้วยุ่ง แต่ก็ยังคงล่องหนอยู่ไม่ยอมปรากฏกายออกมาให้เห็นอยู่ดี อารมณ์ที่คิดจะมาสารภาพรักกับหมอผีหนุ่มหายวับไปในพริบตา
“นายกริช! ฉันรู้นะว่านายยังอยู่ในบ้านน่ะ! จะออกมาดี ๆ หรือให้ฉันบังคับให้ออกมากัน หา!”
กริชเงียบกริบ ทว่าวิญญาณหนุ่มก็ยังไม่ยอมปรากฏกายและรอดูท่าทีว่าอธิปจะทำอะไรต่อไป แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อหมอผีหนุ่มดึงเส้นผมออกมาสองสามเส้น ปลุกเสกอะไรบางอย่าง แล้วเส้นผมนั่นก็ลอยขึ้นกลายเป็นเชือกตรงเข้ามามัดร่างเขา โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
“อธิป! ไอ้หมอผีบ้า! ปล่อยฉันนะ! นี่นายจะจับฉันมัดไว้ทำไมกัน!”
กริชที่ถูกบังคับให้ปรากฏร่างโวยวายลั่น ทางด้านตุลาที่ตามอธิปลงมาพอเห็นแบบนั้นก็เตรียมจะเข้าไปห้าม แต่เขาก็ถูกพาทิศที่มายืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบล็อกตัวเอาไว้ก่อน ผีดิบหนุ่มยิ้มน้อย ๆ พลางเอานิ้วแตะปาก เป็นสัญญาณว่าไม่ให้เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
“ก็อยากเรียกแล้วไม่ยอมโผล่ออกมาให้เห็นเองนี่!”
อธิปกระชากเสียงกลับ ทำเอาคนฟังสะดุ้งด้วยความกลัว เพราะไม่เคยเห็นเพื่อนโกรธแบบนี้มาก่อน
“นายโกรธฉันหรือ...ฉันไปทำอะไรให้นายกัน...บอกฉันได้ไหมอธิป”
กริชเปลี่ยนมาใช้ไม้นวมในการเจรจาแทน แต่นั่นกลับทำให้คนฟังกัดริมฝีปากนิด ๆ แล้วเอ่ยตามมาในที่สุด
“หลานนายบอกฉันแล้ว ...เรื่องที่นายชอบฉัน”
กริชชะงักกึก หน้าแดงวาบ ทว่าเพียงครู่เดียวเขาก็หน้าซีดลง เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าทำไมอธิปถึงได้โมโหมากแบบนี้
“นายโกรธฉันที่ฉันชอบนายหรือ...ขอโทษนะอธิป...ฉันไม่คิดว่านายจะรังเกียจถึงขนาดนี้”
กริชพึมพำด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น ทำเอาตุลาที่แอบมองอยู่แทบอยากจะไปต่อยหน้าอธิปเสียเดี๋ยวนั้น เพราะสงสารอาของเขาเสียเหลือเกิน แต่พาทิศเหมือนจะรู้ ผีดิบหนุ่มกระซิบเบา ๆ ว่าให้รอดูต่อไปก่อน นั่นจึงทำให้ตุลาหยุดการกระทำของตัวเองเอาไว้ได้
“โธ่โว้ย! ใครว่าเล่า!”
อธิปตะโกนตอบกลับ แล้วจึงดึงร่างที่ถูกพันธนาการมากอดแนบอกจนกริชตกใจ
“ที่ฉันโกรธ ฉันโมโหอยู่เนี่ย ฉันโกรธตัวเองต่างหาก ที่มันดันโง่ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย จนทำให้นายต้องเจ็บ ต้องเสียใจแบบนี้!”
“อธิป...”
กริชเรียกชื่อเพื่อนเสียงแผ่ว เขาสัมผัสได้ถึงแรงกอดที่แน่นขึ้นมากอีก พร้อมกับคำสารภาพตามมา
“ขอโทษนะกริช...ที่ทำให้นายเข้าใจผิดแบบนั้น ...เรื่องบนห้องนั่นเพราะฉันคิดว่านายจะไปคบหากับใครหน้าไหนนอกจากฉัน ฉันเลยรู้สึกคิดมากและหวงนาย ...แต่พอนายบอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระไม่จริงจัง ฉันก็เลยดีใจ ...ฉันไม่รู้ว่านายจะหมายถึงเรื่องที่นายชอบฉัน....ฉันขอโทษจริง ๆ”
กริชนิ่งเงียบรับฟังก็จริง แต่เขากลับรู้สึกว่าหัวใจที่เคยแห้งเหี่ยวกำลังพองโตขึ้น เขาซบหน้ากับอกกว้างของเพื่อน แล้วพึมพำถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก
“อธิป...แล้วนายคิดยังไงกับฉันหรือ...บอกได้ไหม”
อธิปชะงัก เขานิ่งเงียบไปจนกริชนึกกลัว แต่สักครู่หมอผีหนุ่มก็ตอบกลับมาอย่างอึกอัก ไม่ค่อยเต็มเสียงนัก
“นายรู้ไหม...ว่าทำไมเมื่อตอนที่นายมาปลุกฉัน...ฉันถึงพยายามจะหนีหน้านายน่ะ”
กริชเงยหน้ามองคนพูดอย่างแปลกใจ ก่อนจะพยักหน้ารับเบา ๆ
“คือ...เมื่อคืนนี้ฉันฝัน ...ฝันว่านายเอ่อ ...มาบอกว่าชอบฉัน ....แล้วก็ขอมีอะไรด้วยน่ะ... พอตื่นขึ้นมา ฉันเลยไม่กล้ามองหน้านาย ...แบบว่า ... ฉันกลัวลืมตัว จับนายกดเหมือนในฝันน่ะสิ”
กริชอึ้งกับเรื่องราวที่ได้รับฟัง ใบหน้าขาวค่อย ๆ มีสีเรื่อขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความเขินอาย ก่อนจะโวยวายดังลั่น พลางดิ้นขลุกขลักให้หลุดจากอ้อมกอด และเชือกอาคมของอีกฝ่าย
“ไอ้หมอผีบ้า! ลามก! ฝันว่าฉันนี่นะไปขอให้นายทำแบบนั้น ...ไอ้บ้า! นี่นายคิดว่าฉันมันใจง่าย อยากได้ตัวนายขนาดนั้นเลยหรือไง! ไอ้งี่เง่า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! โธ่โว้ย!”
“เฮ้! กริช ใจเย็น ๆ ฉันไม่ได้ว่านายนะ ...มันเป็นเรื่องของจิตใต้สำนึกของฉันเองต่างหาก ...เพราะฉันมันโง่ ไม่รู้ตัวว่าจริง ๆ แล้วฉันก็แคร์นายมาก ตอนกลางคืนหลับฝันก็เลยฝันถึงเรื่องแบบนั้น ...เรื่องที่ฉันอยากให้เป็นไงล่ะ...นายเข้าใจไหมกริช”
ท้ายประโยคน้ำเสียงนั้นอ่อนโยนลง จนคนโวยวายชะงักกึก หยุดดิ้น แล้วมองคนพูดอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“อธิป ...แสดงว่านายเองก็...”
หมอผีหนุ่มยิ้มตอบน้อย ๆ แล้วโอบร่างโปร่งมาไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง
“ฉันชอบนายนะกริช ...ชอบเกินเพื่อนไปแล้ว ...และจะไม่ยอมปล่อยนายให้ไอ้หนุ่มหน้าไหนมายุ่มย่ามด้วย”
บอกจบอธิปก็เหลือบมองไปยังพาทิศด้วยสายตาดุ ๆ ทำให้ผีดิบหนุ่มหลุดหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงโค้งขอโทษอีกฝ่าย ก่อนจะดึงตัวตุลาที่กำลังมึนงงสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้นเข้าไปในห้องนอนของชายหนุ่มด้วยกัน เพื่อที่จะไม่ต้องอยู่เป็นก้างขวางคอของทั้งสองคนข้างล่าง
“ฉันคิดว่านายจะรังเกียจ จะขยะแขยงฉันเสียอีก...”
กริชพึมพำแผ่วเบา ซบหน้ากับอกกว้างของหมอผีหนุ่มพลางกอดตอบหลวม ๆ หลังจากที่อีกฝ่ายนั้นปลดเชือกอาคมบนร่างของเขาเรียบร้อย
“ตอนแรกก็คิดหรอกว่าถ้าถูกตัวผู้ที่ไหนมาสารภาพรัก ก็คงขนลุก วิ่งหนี หรือไม่ก็มีตั๊นหน้ากันบ้าง ...แต่พออีกฝ่ายเป็นนาย มันกลับตรงกันข้ามเสียแบบนั้น”
อธิปบอกขำ ๆ และยังคงกอดร่างโปร่งแน่น ไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระสักที
“จะว่าไปฉันสิน่าแปลกใจ ที่ถูกนายมาชอบเสียได้... นายชอบอะไรในตัวฉันหรือกริช”
กริชหน้าแดงวาบไม่ยอมตอบคำถาม ทำให้อธิปยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากแล้วแกล้งโน้มใบหน้าลงไปจูบแก้มของอีกฝ่าย เรียกเสียงกรี๊ดจากรุ้งพรายที่แอบดูดังหลุดออกมา จนกริชและอธิปสะดุ้งโหยง ปีศาจแมวสาวเองก็ไม่รู้จะทำไง จึงได้แต่ร้องออกไปเบา ๆ
“เมี้ยว~”
“อะแฮ่ม...ถ้าไม่ลำบากนัก ขออยู่กันตามลำพังได้ไหมแม่เหมียว”
อธิปเปรยขึ้นดัง ๆ แต่กลับได้ยินเสียงฮึดังขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับเสียงแหลมใสดังย้อนกลับมาเป็นชุด
“ถ้าอยากอยู่กันตามลำพังก็ขึ้นห้องตัวเองไปสิยะ เล่นมาสารภาพรักหวานแหววกันกลางบ้าน ถึงไม่อยากแอบดูก็ต้องเห็นอยู่ดีนั่นล่ะย่ะ!”
อธิปชะงักกึกก่อนจะหัวเราะดังลั่นตามมาอย่างอารมณ์ดี ส่วนกริชนั้นเขินหนักจนแทบอยากจะมุดดินหนีไปเสียเดี๋ยวนั้น
“จริงของเขานะ! ถ้าอย่างนั้นเราไปคุยกันในห้องดีกว่านายกริช ...ฉันจะถามนายให้หมดเปลือกชนิดเปลือยใจใส่กันเลยล่ะ”
อธิปบอกพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างที่ทำให้กริชไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ แต่พอจะปฏิเสธ เขาก็ถูกอีกฝ่ายใช้อาคมสะกด แล้วแบกขึ้นบ่าไปทั้งแบบนั้น
“ไอ้อธิป! ไอ้หมอผีงี่เง่า! ปล่อยฉันนะโว้ย! ไอ้บ้า! ไอ้หื่นกาม! ฉันไปหลงชอบนายได้ยังไงวะเนี่ย ปล่อยนะ!”
กริชโวยวายดังลั่นไปตลอดทางจนกระทั่งทั้งเขาและอธิปหายเข้าไปในห้องของหมอผีหนุ่ม ทว่ารุ้งพรายที่ย่องตามไปกลับต้องทำเสียงบ่นฮึมฮำในลำคอเบา ๆ เมื่อดูเหมือนว่าอธิปจะสร้างเขตแดนคุ้มกันไม่ให้ใครก็ตามแอบดูหรือได้ยินเสียงในห้องของเขาได้
“ขี้งก! ไม่ดูก็ได้ ไปแอบดูห้องของตุลดีกว่า ...คงน่าดูไม่แพ้คู่นี้แน่ คิก ๆ”
ปีศาจแมวสาวเอ่ยกับตัวเอง พลางโบกหางสะบัดไปมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเปลี่ยนแผนไปแอบดูห้องนอนของอีกคู่ ที่ตอนนี้กำลังมีรังสีความหวานปลดปล่อยออกมาอย่างไม่คิดเกรงใจใครเช่นเดียวกัน
--- TBC ---