ม่านราตรี
บทที่ 17
หญิงร่างท้วมวัยกลางคนซึ่งนั่งข้าง ๆ ชายแก่รูปร่างผอมสูง ผู้เป็นสามี กำลังทำตาโต มองหนุ่มน้อยตรงหน้าซึ่งกำลังนับเงินแบงค์พันปึกหนึ่ง แล้วยื่นส่งมาให้เธอ
“ผมอยากจะจ่ายเป็นเงินก้อนล่วงหน้าไว้เลย เพราะบางครั้งผมอาจจะยุ่ง ๆ จนลืม จะได้ไม่ทำให้คุณป้าเดือดร้อน”
แม้นศรีรีบหยิบเงินก้อนโตมานั่งนับอย่างละเอียด พอเห็นว่าครบ เจ้าหล่อนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วแสร้งปั้นยิ้มส่งให้กับตุลา พร้อมกับยื่นสัญญาเช่าบ้านต่ออีกครึ่งปีส่งให้กับชายหนุ่ม
“แหม! พ่อหนุ่ม ช้านิดช้าหน่อยป้าไม่ว่าหรอกจ้ะ ได้ผู้เช่าชั้นดีอย่างพ่อหนุ่มที่ช่วยปรับปรุงบ้านแถมให้ฟรี ๆ แบบนี้ ป้าละดีใจ๊ดีใจ ถือเป็นบุญของป้าเชียวนะ …แต่แหม ตั้งใจจะอยู่แค่ปีเดียวจริง ๆ หรือจ๊ะ ไม่เช่าต่อสักหน่อยหรือ …อ๊ะ ถ้าครบปีแล้วอยากซื้อบ้านล่ะก็ ติดต่อป้าได้นะ รับรองป้าขายได้ในราคาน่าสนใจทีเดียว!”
ตุลายิ้มเจื่อน ๆ ให้กับอีกฝ่ายที่พูดน้ำไหลไฟดับตรงหน้าเขา ความจริงแล้วเขาก็สนใจที่จะเช่าต่อ ถ้าเขียนนิยายได้สำเร็จ และก็อยากซื้อคฤหาสน์ม่านราตรีมาเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ ถ้ากริชอนุญาต เพราะสมบัติที่กริชมอบให้ไว้ก็มีมูลค่ามหาศาลมากพอจะซื้อได้อยู่แล้ว หรือถ้าขาดเหลืออะไร เขาก็คงจะขอแม้นศรีผ่อนจ่ายเป็นงวด ๆ ก็คงพอไหว
“คงแค่ปีเดียวล่ะครับ แต่ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมจะรีบติดต่อคุณป้าอีกทีนะครับ”
ตุลาเลี่ยงตอบ ซึ่งคำตอบของเขาก็ทำให้หญิงวัยกลางคนยิ้มแย้มอย่างมีหวัง
“จ้า งั้นป้าจะรอข่าวดีนะจ๊ะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอลากลับล่ะครับ สวัสดีครับคุณป้า คุณลุง”
ตุลายกมือไหว้ทั้งแม้นศรีและสามีอย่างมีมารยาท ซึ่งทั้งคู่ก็รับไหว้ แล้วออกไปส่งอีกฝ่ายถึงหน้าประตูบ้านของพวกตน
“เป็นเด็กดีมีมารยาทจริงนะ”
จอมพลผู้เป็นสามีของแม้นศรีเอ่ยชม ซึ่งฝ่ายภรรยาก็เสริมขึ้นบ้าง
“ใช่ แถมยังรวยมากด้วย มีใครที่ไหนจะลงทุนปรับปรุงบ้านเช่าให้ฟรี ๆ แบบนี้ แหม! โชคดี๊ โชคดี ที่เขายอมเช่าตั้งปีนะคุณ ไม่อย่างนั้นฉันต้องเสียเงินดูแลบ้านสัปปะรังเคนั่นอีกตั้งหลายเดือน จนกว่าจะครบสิบปีตามพินัยกรรมที่คุณพ่อคุณเขียนไว้”
จอมพลเหลือบมองภรรยาแล้วลอบถอนหายใจกับความงกของอีกฝาย พลางหวนนึกถึงพินัยกรรมที่บิดาให้ไว้ก่อนจะเสียชีวิต ว่าห้ามขายคฤหาสน์ม่านราตรีให้ใคร จนกว่าจะครบสิบปีหลังจากที่ตนตาย นั่นทำให้แม้นศรีภรรยาของเขาหงุดหงิดยิ่งนัก เพราะเธอไม่ชอบบรรยากาศคล้ายบ้านผีสิงของบิดาเขาหลังนี้ แถมพอเปิดเช่าก็ยังมีข่าวลือว่าเฮี้ยนตลอด จนแทบจะไร้คนเช่า มีรายตุลานี่ล่ะที่สามารถอึดและแจ้งความจำนงอยู่ต่อ รวมถึงจ่ายเงินค่าเช่าล่วงหน้าให้ก่อนเช่นนี้
“แต่ผมก็ยังสงสัยถึงพินัยกรรมเกี่ยวกับที่ดินผืนนั้นอีกหนึ่งฉบับ ที่คุณพ่อสั่งให้เปิดหลังสิบปีนั่น ว่ามีอะไรกันแน่”
แม้นศรีหันไปมองสามีแล้วเบ้หน้า ก่อนจะทำเป็นขึ้นเสียงสูงใส่
“จะมีอะไรล่ะคะ อย่างดีคุณพ่อของคุณก็คงสั่งเสียว่า ให้นำรายได้จากการที่ดินผืนนั้นไปทำบุญสักสิบยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของที่ขายได้ เฮอะ! คุณก็รู้ว่าท่านน่ะใจบุญขนาดไหน ไม่ว่าใครมาขอบริจาค จะจริงหรือจะหลอกก็ให้เขาเสียหมด!”
จอมพลมองภรรยาของเขาประชดบิดาที่เสียชีวิตไปแล้วอย่างเอือมระอา แล้วจึงเอ่ยต่อ
“แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ล่ะ คุณจะยอมไหม?”
“อู๊ย! ไม่ยอมก็ต้องยอมล่ะคุณ ถ้าพินัยกรรมสั่งเสียมาแบบนั้น เอาเถอะ! ฉันขอแค่ขายที่ดินน่าขนลุกนั่นให้ไปพ้นจากความรับผิดชอบดูแลได้ ก็พอใจแล้ว อีกอย่างที่ดินกว้างขนาดนั้น ก็คงได้มากโขอยู่ ยอมเสียค่าโน่นนี่นิดหน่อย แต่ได้เงินก้อน ฉันก็พอใจแล้วล่ะค่ะ”
แม้นศรีบอกกับสามีแล้วยิ้มเล็กยิ้มน้อย อย่างคาดหวังถึงอนาคตอันสวยหรู แต่จอมพลกลับไม่เป็นเช่นนั้น เขาสังหรณ์ใจประหลาดบางอย่าง เพราะนอกจากที่ดินผืนนั้น พินัยกรรมทรัพย์สมบัติอย่างอื่นของบิดาก็มอบให้เขากับภรรยาตามปกติ เฉพาะที่นั่นเท่านั้น ที่พิเศษกว่าเพื่อน ไม่ว่าเรื่องระยะเวลาและพินัยกรรมที่ยังไม่เปิดอีกฉบับนั่นก็ตาม
ยามบ่ายของคฤหาสน์ม่านราตรี ทันทีที่เจ้าของคฤหาสน์ชั่วคราวเปิดประตูบ้านเดินเข้ามาในห้องรับแขกได้ก้าวสองก้าว เขาก็ต้องสะดุ้งเฮือกและเกือบจะเผลอหลุดตะโกน เมื่อแมวดำตนหนึ่งกระโดดพุ่งจากชั้นสอง ตกมายังพื้นแหมะที่ตรงหน้าเขาพอดี
“กลับมาแล้วหรือตุล! เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม!”
รุ้งพรายทักทายอย่างร่าเริง หางสองหางก็แกว่งไกวไปมา
“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ ยังไงก็นั่งแท็กซี่ไปทั้งขาไปแล้วก็ขากลับอยู่แล้ว”
ตุลาบอกยิ้ม ๆ แล้วจึงสะดุ้งโหยงนิด ๆ เมื่อมีมือใครบางคนมาสัมผัสที่ไหล่ของเขา
“เดินทางมาเหนื่อย ๆ กินน้ำก่อนสิ วันนี้ฉันต้มน้ำใบเตยไว้ให้เธอด้วยนะ”
พาทิศบอกแล้วยิ้มให้ ตุลาหน้าแดงนิด ๆ แล้วขยับถอยไปก้าวหนึ่งก่อนจะรับน้ำในมือของอีกฝ่ายมา พลางพึมพำขอบคุณเบา ๆ
“ยังไม่หายกลัวอีกหรือไง ก็แค่แกล้งแหย่นิดหน่อยเอง”
“คุณพาทิศ!”
ตุลารีบเรียกชื่ออีกฝ่าย เป็นการปรามไม่ให้ซอมบี้หนุ่มพูดอะไรมากไปกว่านั้น แต่ไม่ทันรุ้งพรายที่ความรู้สึกไว ปีศาจแมวสาวรีบซักไซ้อีกฝ่ายในทันที
“มีอะไร เกิดอะไรขึ้น นายทำอะไรตุล หือ พาทิศ?”
“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ก็แค่ตอนฉันจับเก้าอี้ให้ตุลเปลี่ยนหลอดไฟในห้องน้ำชั้นบนเมื่อวาน แล้วตุลเสียหลักล้มลงมาฉันก็เอาตัวรองเป็นเบาะรับไว้ให้ก็แค่นั้นเอง”
ซอมบี้หนุ่มเล่าเรื่อย ๆ แต่คนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์นั้นหน้าแดงขึ้นไปอีก เพราะเหตุการณ์หลังจากนั้นที่อีกฝ่ายไม่ได้เล่าต่อมานั่นก็คือ เขาที่ล้มลงไปทับเจ้าตัวในท่าคร่อม พอจะลุกขึ้นก็โดนพาทิศรั้งเอาไว้ แถมยังใช้มือข้างหนึ่งรั้งที่ท้ายทอยเขาบังคับให้โน้มใบหน้าลงมา แล้วขโมยจูบเขาอีกครั้งจนได้
โชคดีที่เมื่อวานกริชไม่อยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นคงมีเรื่องให้โวยวายตามมากันอีกยาวเป็นแน่
“จริงสิครับคุณรุ้ง อากริชกับคุณอธิปกลับมาหรือยังครับ”
“หือ...ยังหรอก แต่ลุงนั่นโทรมาบอกว่า สักตอนเย็น ๆ จะมาถึงน่ะ”
เมื่อสองวันก่อน อธิปมีธุระต้องไปจัดการที่บ้านเก่า เพราะคนรู้จักโทรมาขอร้องให้เขาไปช่วยไล่ผีที่คอยตามรังควาน หลอกหลอน ในบ้านที่เพิ่งซื้อต่อมาจากคนอื่น อธิปจึงดึงกริชไปเป็นลูกมือด้วย ทีแรกกริชไม่ยอมไป แต่พอเจอเหตุผลว่าถ้ายังขลุกอยู่ใกล้หลานอยู่แบบนี้ สักวันจะตัดใจจากไปง่าย ๆ ได้ยังไง ก็ทำให้กริชยอมตกลง ถึงแม้เหตุผลหลักจริง ๆ ก็คือ อธิปแกล้งขู่ว่าจะไม่ช่วยดูฮวงจุ้ยที่พักให้กับตุลาอีก จึงทำให้กริชยอมไปด้วยอย่างเสียไม่ได้
“อืม...งั้นผมขึ้นไปแต่งนิยายรอก่อนแล้วกันครับ เหลืออีกไม่กี่เดือนเอง จะเสร็จทันหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ตุลาพึมพำ ซึ่งก็ทำให้รุ้งพรายเอียงคอมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย
“แล้วถ้าตุลเขียนเสร็จไม่ทันจริง ๆ ล่ะ?”
“ผมก็คงต้องเลิกเช่าที่นี่แล้วหอบผ้าหอบผ่อนกลับบ้านเดิมน่ะสิครับ”
ตุลาบอกแล้วยิ้มเจื่อน ๆ ทำให้ปีศาจแมวสาวอ้าปากเหวอ เพราะไม่รู้มาก่อนเลยว่าตุลาจะเขียนนิยายด้วยเงื่อนไขเช่นนี้
“ผมตกลงกับพ่อไว้คนละครึ่งทางน่ะครับ ถ้าภายใน 1 ปี ผมเขียนนิยายไม่เสร็จ และไม่ผ่านการพิจารณากับสำนักพิมพ์ ผมก็จะต้องกลับบ้านไปเรียนต่อ ตามที่พ่ออยากให้เรียน”
“บ้า ๆ ๆ เรื่องแบบนี้ทำไมไม่บอกก่อนหน้านี้เล่า ถ้าตุลโดนพาตัวกลับไป พวกฉันจะทำยังไง รู้งี้ไม่ชวนเที่ยวเล่น หรือแกล้งแหย่ ตอนตุลเขียนนิยายก็ดีหรอก!”
รุ้งพรายโวยวาย แล้วรุกรนไปมาจนตุลานึกขำ
“ไม่ต้องห่วงครับคุณรุ้ง ผมจะตั้งใจเขียนให้เต็มที่ ...เพราะผมอยากจะอยู่ที่นี่กับทุกคนตลอดไป ...เอ่อ...คือ ผมตั้งใจไว้ว่า ถ้าครบปี แล้วผมประสบความสำเร็จ ...ผมจะขอซื้อคฤหาสน์นี้จากคุณนายแม้นศรี ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของผมน่ะครับ”
พอตุลาบอกความตั้งใจของตัวเองเสร็จ รุ้งพรายก็ชะงัก แล้วกระโดดพุ่งเกาะร่างของชายหนุ่มอย่างยินดี พร้อมกับคลอเคลียไม่ห่าง
“จริง ๆ นะ สัญญาแล้วนะ! ฉันจะไปบอกปิ่นกับราตรีให้รู้เดี๋ยวนี้ล่ะ พวกเราจะได้ช่วยกันร่วมมือให้ตุลเขียนนิยายให้สำเร็จให้ได้!”
บอกจบเจ้าหล่อนก็กระโจนแผล็วหายไปทางสวนหลังบ้าน ทำเอาตุลาตามแทบไม่ทัน
“เป็นความคิดที่วิเศษมาก ...ถ้าคุณจอมเดชยังอยู่ เขาก็คงยินดีที่เธอรักคฤหาสน์หลังนี้ และทุกคนที่นี่ไม่แพ้เขา”
พาทิศบอกกับชายหนุ่ม ซึ่งตุลาก็หันไปมองอีกฝ่ายแล้วแย้มยิ้มอ่อนโยนตอบ
“ผมเองก็ดีใจครับ ที่ทุกคนที่นี่ยอมรับในตัวผมแบบนี้ ...ผมมีความสุขจริง ๆ ครับ ที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับทุกคนแบบนี้”
“แล้วฉันจะรอวันที่เธอจะกลายมาเป็นเจ้าของคฤหาสน์ม่านราตรีเต็มตัวนะตุล”
พาทิศบอก ซึ่งตุลาก็หัวเราะเจื่อน ๆ พลางเกาแก้มอย่างเขิน ๆ
“ยังไงก็จะพยายามล่ะครับ ผมเองยังไม่รู้เลยว่า ทางนั้นจะคิดมูลค่าคฤหาสน์และที่ดินผืนนี้เท่าไหร่ เงินของอากริชที่เหลือจะพอซื้อไหม ถ้าไม่พอ ก็คงต้องผ่อนใช้เอา แต่ไม่รู้ว่าทางคุณนายแม้นศรีจะยอมหรือเปล่า”
ซอมบี้หนุ่มยืนฟังอีกฝ่ายเปรยบ่นอย่างกังวล ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่ได้ทุกข์ร้อนตามไปด้วยอย่างที่คิด
“ไม่ต้องห่วง ...พอเวลานั้นมาถึง เธอจะพบว่า ปัญหาที่เธอกังวลนั่น มันไม่ได้หนักหนาอะไรอย่างที่เธอคิดเลยสักนิด”
พาทิศเปรยทิ้งท้ายแล้วขอตัวกลับห้องใต้ดิน ทิ้งให้ตุลายืนงงอยู่ลำพัง แต่สักพักชายหนุ่มก็ต้องสลัดความคิดฟุ้งซ่านดังกล่าว แล้วมุ่งขึ้นยังห้องนอนเพื่อทำการเขียนนิยายของตนต่อไป
เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว สามเดือนหลังจากนั้น นิยายของตุลาเขียนจบสมบูรณ์จนได้ ชายหนุ่มส่งผลงานไปยังสนพ.ชื่อดังแห่งหนึ่งที่พิมพ์นิยายแนวสยองขวัญ ลึกลับโดยเฉพาะ แล้วลุ้นรอผลด้วยใจระทึกในอีกสามเดือนที่เหลือ
“ผ่านแน่น่า ไม่ต้องห่วง ตุลเขียนสนุกออก ฉันรับรอง!”
รุ้งพรายให้กำลังใจชายหนุ่มที่ผุดนั่งผุดลุกตลอดเวลาในช่วงสัปดาห์แรก ๆ หลังส่งต้นฉบับไป
“แต่ผมไม่ค่อยมั่นใจเลยครับ...อีกอย่างถ้านิยายไม่ผ่าน ผมคงต้องกลับบ้าน และจากทุกคนไป”
ตุลาพึมพำด้วยสีหน้าเศร้าหมอง จนภูตผีตนอื่นที่มาล้อมวงให้กำลังใจชายหนุ่มภายในบ้านต้องสบตากัน
“ตุลไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวอาไปพูดกับพี่ไกรให้เองก็ได้”
ตุลาหันขวับไปยังอาของเขา แล้วขมวดคิ้วนิด ๆ
“แต่ว่า...แล้วอาจะ...”
“ก็เข้าฝันไง ไม่เห็นยาก อย่าห่วงเลย เรื่องที่ตุลจะต้องจากที่นี่ไปน่ะ ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ยกเว้นตุลจะเบื่อที่นี่เอง ถ้าเป็นอย่างนั้นอาก็คงห้ามลำบาก”
กริชบอกยิ้ม ๆ ทำเอาสมาชิกตนอื่น ๆ มองเขานิ่ง แล้วหันไปทางตุลา
“ตุลคงไม่คิดเบื่อพวกเราหรอกใช่ไหม?”
รุ้งพรายขู่ ซึ่งตุลาก็มองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม และไล่มองคนที่เหลือซึ่งก็มองเขาอย่างกังวลเช่นกัน
“ผมไม่เบื่อพวกคุณหรอกครับ ...เอาล่ะครับ ผมจะพยายามคิดในแง่ดี และถึงครั้งนี้จะไม่ผ่าน ผมก็จะนำผลงานที่ผมตั้งใจเขียนชิ้นนี้ให้พ่ออ่าน พ่อจะได้รู้ว่าผมทุ่มเทเพื่อมันมากแค่ไหน”
ตุลาบอกพร้อมรอยยิ้มที่ดูดีขึ้น จนภูตผีตนอื่นโล่งใจไปตาม ๆ กัน
“เป็นคนโชคดีจังนะเป็นที่รักของผี ๆ แบบนี้ ฉันเสียอีกเป็นหมอผีแท้ ๆ มีแต่ผีไม่ชอบขี้หน้า”
อธิปเปรยขึ้นบ้าง แต่หน้าตาไม่ได้บ่งบอกถึงความอิจฉาอะไร ตรงข้ามกับยิ้มแย้มร่าเริงเสียด้วยซ้ำ
“ก็ช่วยไม่ได้นี่ ก็ลุงน่ะถนัดจับพวกฉันมากกว่าเป็นเพื่อนนี่นา พวกผี ๆ อย่างพวกฉันไม่ชอบลุงก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว!”
รุ้งพรายโต้ตอบอย่างหมั่นไส้ ส่วนราตรีก็เชิดใส่ เพราะไม่ชอบที่อธิปชอบทำล้อเลียนเจ้าชู้ใส่เธอแบบทีเล่นทีจริงอยู่ประจำ ส่วนปิ่นสุดายิ้มน้อย ๆ อย่างนึกขำ เธอไม่ได้รังเกียจอะไรอธิปนัก เพราะเขาเป็นคนคุยสนุก และมักจะมีมุขเฮฮามาทำให้ขำอยู่เสมอในการสนทนา
“จะว่าไปได้อยู่กินกับผีเป็นโขยงแบบนี้ ลองไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อหรอกนะ ดีแล้วล่ะที่ถ่ายทอดออกมาเป็นแบบนิยายแทน”
อธิปหันไปบอกกับหลานชายของเพื่อนสนิท ซึ่งตุลาก็พยักหน้ารับค่อย ๆ
“ครับ ผมก็ว่าอย่างนั้น เวลาพวกเพื่อน ๆ มา ผมถึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แล้วก็ไม่คิดบอกเรื่องนี้กับพวกเขา”
“ดีแล้วล่ะ บางเรื่องเราก็ไม่ควรเผยแพร่ออกไป เพราะมันอาจจะนำอันตรายมาสู่ตัวเราและคนที่เรารู้จักก็ได้”
หมอผีหนุ่มตบบ่าชายผู้อ่อนวัยกว่า แล้วจึงขอตัวไปนอนพักผ่อนบนห้องก่อน ปล่อยให้ตุลานั่งคุยสนทนากับภูตผีตนอื่นในบ้านไปตามสบาย ฝ่ายกริชนั้นเห็นหลานชายมีเพื่อนคุยแล้ว เขาก็ตามอธิปขึ้นไปบนห้อง แล้วเริ่มต้นคุยธุระกับชายหนุ่ม
“อธิป ...นายคิดว่าไง ถ้าจะเลิกทำงานพวกหมอผีพวกนั้น แล้วมารับงานจากฉัน...อย่างเช่น คอยดูแลตุลแทนฉัน อะไรแบบนั้น”
หนุ่มใหญ่ที่กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ หันไปมองคนพูดแล้วยักไหล่นิด ๆ พลางสั่นศีรษะไปมาอย่างเอือมระอา
“นายกริชเอ๊ย นี่ใจคอจะให้ฉันคอยดูแลตามประกบหลานนายยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยหรือไง!”
“ไม่ใช่แบบนั้น ...คือ ฉันเกรงใจที่นายต้องทิ้งบ้านมาคอยช่วยดูแลตุลแบบนี้ ...อีกอย่างงานหมอผีอะไรของนายนั่นมันก็ไม่ได้มั่นคงนัก... ฉันไม่ได้อยากเอาเปรียบนายแค่ฝ่ายเดียว ต่อไปนี้ฉันจะให้ตุลจ่ายเงินเดือนให้นาย โดยนายก็ทำหน้าที่คอยดูแลตุลบ้าง ดูแลบ้านหลังนี้บ้างยังไงล่ะ ถ้าพี่ไกร เห็นว่ามีผู้ใหญ่อยู่ด้วย แถมยังเคยเป็นคนรู้จักของฉัน จะได้วางใจให้ตุลอยู่ที่นี่ตลอดไปได้สักที”
คำพูดของเพื่อนทำให้อธิปขมวดคิ้วพลางย้อนถาม
“ตลอดไป? แต่ครบปีนี้ เจ้าหนูก็หมดสัญญาเช่าแล้วนี่ หรือว่านายจะให้เค้าซื้อคฤหาสน์หลังนี้ต่อ เงินมรดกนายเหลือเฟือนักหรือไง ถ้ายายคุณนายนั่นเกิดโก่งราคา ตุลไม่ต้องเป็นหนี้หัวโต คอยผ่อนบ้านไปด้วย จ่ายเงินเดือนฉันไปด้วยหรอกหรือ?”
กริชแย้มยิ้มกับคำแย้งของเพื่อน เขาเดินไปเรื่อย ๆ เปิดม่าน และออกไปตรงระเบียงนอกห้องของอธิป ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนของตน
“เรื่องเงินไม่ต้องห่วง อีกไม่นาน ตุลจะได้คฤหาสน์หลังนี้มาเป็นกรรมสิทธิ์ครอบครองอย่างสมบูรณ์ โดยไม่ต้องจ่ายแม้แต่สตางค์แดงเดียว แล้วถึงตอนนั้นเงินมรดกฉันที่เหลือ ก็เอาไว้จ้างนายยังไงล่ะ”
อธิปขมวดคิ้วยุ่งยิ่งขึ้นไปอีก เขาเดินไปหาเพื่อนแล้วถามอย่างสงสัย
“นายกริช นายคิดจะอมพะนำกับฉันไปถึงตอนไหน มาพูดให้ฟังแบบนี้ มันก็ยิ่งอยากรู้สิวะ!”
กริชหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เขาลอยผ่านร่างของอธิปไปวูบหนึ่ง ไปยังประตูห้อง และก่อนจะเดินทะลุประตูหายออกไป ชายหนุ่มก็หันกลับมาบอกกับอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม
“รออีกไม่กี่เดือนนายก็รู้เองนั่นล่ะ”
.... TBC ....
ตอนหน้าใครรอพ่อซอมบี้หนุ่มแบบจัดเต็ม มีเฮค่ะ ~
ตามเนื้อเรื่องเดิมก็ใกล้จบแล้วค่ะ แต่ยังอยากแต่งต่อนิ หึๆ ไว้ใกล้ ๆ จะมาหยั่งเสียงอีกทีเนาะ ว่าจบแบบนี้มันดีอยู่แล้ว หรืออยากรู้เรื่องราวหลังจากนั้นดี ....เจอกันตอนหน้านะคะ
