B11
ตายล่ะกู........ นี่มัน..... อะไรกันวะ กูบ้าไปแล้วแน่ๆ ไม่ดิ กูคงไม่ได้ชอบฮิ้นท์มันหรอกน่า มันผู้ชายนะเว้ย........
แล้วทำไมกูต้องนึกถึงมันวะเนี่ย ไม่เข้าใจ......... แค่ว่ามันดูดีแบบที่กูชอบทุกอย่างเรอะ สงสัยกูคงบ้าแล้วจริงๆ........
" เอ้า... ไอ้ห่า... เหม่ออีกละ เฮ่ย..." ไอ้วินมันเอื้อมมาตบหน้าผากผมครับ เชรี้ยจริงๆ
" โอ๊ย... สัด ตบกูทำไม"
" ก็เหม่ออยู่นั่นล่ะมึง พักนี้มึงเป็นไรวะ ใจไม่อยู่กะเนื้อกะตัว อ๊ะๆๆ อย่าบอกกูนะว่า........."
" ว่าเชรี้ยไรล่ะ กูมีเรื่องต้องคิดเยอะแยะเว้ย"
" นั่นแน่.... ยังจะมาปากแข็ง นี่มึงต้องแอบชอบใครอยู่แน่ๆ อย่ามาเนียนนะมึง บอกกูมาซะดีๆ เร็ว..."
" เชรี้ยไรล่ะ ชอบใครที่ไหน ไม่มี๊..." เผลอเสียงสูงอีกกู เวรแท้ๆ
" เฮ้ย... อะไรกันวะ ใครชอบใคร ไหนๆ บอกกูมาเลย สารภาพมาซะดีๆ" ไอ้เวรป่านเดินกลับมาได้ยินพอดีอีก ท่าทางมันอยากรู้เต็มที่ล่ะนั่น
" ไม่มีเว้ย.... " ผมโวยไปห้วนๆ พวกมันสองตัวก็ยิ่งหรี่ตามองผมเจ้าเล่ห์ๆ
" ฮี่ๆๆ มึงสารภาพมาซะดีไอ้ฮัท เร็วๆ........." ไอ้ป่านมันทำเป็นจะเข้ามาสอบสวนผมว่ะ กวนตรีนจริงๆอ่ะ
แต่พอดีว่าออดเข้าเรียนดังขึ้นมาก่อน เหมือนระฆังช่วยผมไว้เลยว่ะ
" ไม่รู้โว้ย เข้าเรียนแล้วกูกลับเข้าห้องก่อนดีกว่าเว้ย" ผมบอกแล้วก็รีบลุกวิ่งหนีพวกมันกลับห้องเรียนโดยที่พวกมันรีบวิ่งไล่ตามผมมาติดๆ เรื่องอะไรกูจะบอกมึงวะ ฮ่าๆๆ
ไปถึงห้องเรียนพวกมันก็ยังตามมาถามมาซักผมอยู่ดี ผมก็ไม่บอกมันหรอก จนพวกมันอ่อนอกอ่อนใจเลิกถามไปเอง
เฮ้อ.... ก็จะให้กูจะบอกมึงยังไงล่ะวะ ในเมื่อกูเองยังไม่รู้ตัวเองเลย ตอนนี้ได้แต่คิดว่าคงไม่ใช่หรอกน่า กูจะชอบไอ้ฮิ้นท์มันได้ไงวะในเมื่อกูไม่ได้เป็นเกย์ซะหน่อย แต่จะว่าไปไอ้วินมันก็ไม่ใช่เกย์นะ แต่มันชอบน้องกร เฮ้ย......ย เชรี้ยละ
พอๆ.... เลิกคิดเลยกู ยิ่งคิดก็ยิ่งไปกันใหญ่ว่ะ ไว้กูต้องหาคำตอบให้ได้ว่ายังไงแน่ แต่ตอนนี้กูปวดหัวละ พอเหอะ... ไม่ไหวแล้ว.....
-
-
วันนี้อ.สุพจน์บอกกำหนดการของทริปชมรมศิลป์ให้ผมฟัง กิจกรรมน่าสนทั้งนั้นแล้วก็มีค้างกันคืนนึงครับ ยังงี้ยิ่งดีเพราะฮิ้นท์มันจะได้เพ้นท์รูปยามเย็นสมใจมันล่ะ
" อาวดีครับ ผมอยากขอไปทริปกิจกรรมกับรร.หน่อยครับ เดี๋ยวอาช่วยเซ็นใบอนุญาตให้ผมทีละกัน"
" อ้าว... ไม่ให้พ่อเค้าเซ็นล่ะลูก หือ... " อาวดีถามผมท่าทางคงสงสัย แต่ผมก็พยายามทำเนียนๆไป
" ก็ให้อาเซ็นก็เหมือนกันนี่ครับ ไม่เห็นเป็นไร"
" อืม... จ้ะ แล้วเค้าจะไปไหนล่ะเนี่ย หือ... เอ๊ะ กิจกรรมชมรมศิลปะเหรอ.... " อาวดีอ่านหัวเรื่องในใบอนุญาตแล้วหันมามองหน้าผม
" อ๋อ... คือพอดีว่าผมต้องไปช่วยงานที่ชมรมน่ะครับ ก็เพื่อนๆกันน่ะมันเลยชวนผมไปด้วย ผมเห็นน่าสนุกดีเลยอยากไป อยากไปถ่ายรูปวิวน่ะครับ ไม่มีอะไร" ผมพยายามแถๆไปก่อน เฮ้อ... ก็ลำบากใจอ่ะ ไม่อยากโกหกอาวดีเลย
" เหรอจ๊ะ แล้วต้องค้างคืนนึงเหรอลูก"
" ครับผม คืนเดียวครับ"
" จ้ะ งั้นเดี๋ยวเอาเงินไปเลยนะ" เย่สๆๆ สำเร็จละเว้ย อาวดีใจดีที่สุดในโลก ฮ่าๆๆ
ที่เหลือก็แค่.... จะบอกพ่อดีมั๊ยว้ากู ถ้าบอกไปสงสัยไม่ได้ไปแน่ว่ะ คงหาว่าจะไปทำไมไร้สาระ ถึงแก้ตัวยังไงไปก็คงไม่ฟังแน่ๆ
งั้นไม่ต้องบอกละกันว่ะ เค้าคงนึกว่าไปค้างบ้านไอ้วินไอ้ป่าน คงไม่เป็นไรน่า.....................
-
-
" แหม... อารมณ์ดีจริงนะมึง ถูกหวยมารึไง" ไอ้ป่านถามผมมา คงเห็นว่าผมดูลั่ลล้าออกหน้าออกตามาก
" แน่นอนเว้ย พรุ่งนี้ก็จะได้ไปเที่ยวสมใจแล้วจะไม่ให้กูอารมณ์ดีได้ไง ฮ่าๆๆ"
" หึๆ แหม... นี่ถ้าพวกกูว่างๆก็ว่าจะไปแจมด้วยซะหน่อย เสียดายว่ะเฮ้ย" ไอ้วินบ่นเพราะมันต้องเข้ากรุงเทพไปธุระอะไรไม่รู้กับพ่อแม่มัน ส่วนไอ้ป่านก็ดันมีนัดซ้อมดนตรีกับรุ่นพี่ที่ชมรมพรุ่งนี้พอดี
" ก็เออ... ไว้มึงรอทริปหน้าละกันวะ ยังมีจัดไปอีกแน่นอน ไม่ต้องห่วง" ก็บอกมันให้รอคราวหน้าเพราะอ.สุพจน์เค้าบอกแล้วว่าจะจัดกิจกรรมเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าคราวหน้าจะไปที่ไหนยังไง คิดแล้วก็น่าลุ้นว่ะ แต่สำหรับคราวนี้คงสนุกแน่ผมมั่นใจ
เย็นนั้นผมกลับบ้านมาก็จอดรถไว้แล้วเดินขึ้นบ้าน แต่เห็นอาวดีกวักมือเรียกผมจากในครัวผมเลยเดินไปหา
" ฮัทลูก... นี่เรายังไม่ได้บอกพ่อเค้าเหรอเรื่องไปกิจกรรมน่ะ...." อาวดีพูดได้แค่นั้นเองครับ เสียงพ่อผมก็ดังลั่นมาจากข้างบนบ้านซะก่อน แล้วโน่นครับ.... เดินกระแทกส้นตึงๆลงมาแล้วด้วย
" ไหน... กลับมาแล้วเหรอไอ้ตัวดี มานี่เลยนะ ทำไมแกไม่บอกฉันก่อนว่าจะไปไอ้กิจกรรมชมรมศิลป์ไร้สาระเนี่ย" บ้าเอ๊ย.... ทำไมว้ากู... ทำไมต้องมางานเข้าตอนนี้ด้วยว้า
" พ่อ... คือ... " พูดไม่ออกเลยว่ะ ชั่วโมงนี้ ผมแมร่งอยากจะวิ่งหนีไปเลยด้วยซ้ำ
" นี่ถ้าฉันไม่ถามอาแกป่านนี้ฉันก็คงไม่รู้ แกทำยังงี้หมายความว่ายังไงหา... แล้วยังเรื่องชมรมศิลป์อะไรนี่อีก แกไปยุ่งเกี่ยวอะไรกะเค้าด้วย บอกมาซิ"
โดนคาดคั้นขนาดนี้ผมไปไม่เป็นเลยว่ะ มองหน้าอาวดีแกก็ดูจะอยากช่วยผมนะ แต่คงยังทำอะไรไม่ได้นอกจากดูอยู่เฉยๆ
" ก็... ไม่มีอะไรอ่ะพ่อ ผมแค่อยากไปกับเพื่อนๆมันแค่นั้นเอง เห็นมันได้ไปเที่ยวที่เขื่อนกันน่าสนุกอ่ะ"
" แล้วไอ้เรื่องชมรมศิลป์นี่ล่ะ แกอยู่ชมรมบอลแล้วไปยุ่งอะไรกับเค้าด้วย"
" ก็ไม่ได้ยุ่งหรอกพ่อ บอกแล้ว... ผมแค่อยากไปเที่ยวกะเพื่อนๆมันแค่นั้นแหละ"
" เฮอะ... ฉันไม่เห็นมันจะเข้าท่าเลย พรุ่งนี้วันเสาร์แทนที่แกจะได้ไปซ้อมบอลแต่จะมัวเอาเวลาไปเที่ยวอะไรก็ไม่รู้เนี่ยนะ ไม่เอาล่ะ ฉันไม่ให้แกไปนะ"
" พ่อ...!" ช๊อคเลยครับ ผมไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว
" พี่เมษ... จะอะไรนักหนา เรื่องมันแค่นี้.... ลูกมันก็จ่ายเงินเค้าไปแล้วก็ให้มันไปเที่ยวพักผ่อนอะไรของมันบ้างเถอะ จะไปบังคับอะไรมันนัก หือ... " อาวดีบ่นกับพ่ออย่างอ่อนใจ แต่พ่อดิครับหันไปมองอาวดีตาเขียวทันที
" แกมันก็ดีแต่ตามใจหลานมันน่ะ จนมันได้ใจทำอะไรข้ามหัวฉันไปหมดแล้ว ไม่รู้ล่ะ ฉันไม่ให้แกไปไหนทั้งนั้น เจ้าฮัท" พ่อยังยื่นคำขาด ผมงี้ปรี๊ดแตกเลยว่ะ ไม่ไหวอีกแล้ว จะบังคับอะไรกันนักวะ ไม่มีเหตุผลเลยอ่ะ
" พอแล้วพ่อ ไม่ต้องไปว่าอาเค้าหรอกครับ ผมไม่ดีก็ว่าผมคนเดียวพอ ที่ผมไม่บอกพ่ออ่ะก็เพราะรู้ไงว่าพ่อไม่ให้ผมไปแน่ แต่ยังไงผมก็จะไปเพราะงานนี้มันสำคัญกะผมจริงๆ แล้วไอ้ชมรมศิลป์ที่พ่อว่านั่นผมก็อยากจะไปอยู่จะตาย อยากไปอยู่มากกว่าชมรมบอลนี่อีก และต่อไปผมขอบอกเลยนะว่าเส้นทางสู่บอลสโมสรฯของพ่อน่ะผมคงไม่เอาด้วยแล้วล่ะ ขอโทษนะครับ" พูดจบปั๊บผมไม่สนอะไรทั้งนั้น รีบเดินขึ้นบันไดจะกลับไปห้องผมทันที
" นี่... แก... เจ้าฮัท เจ้าฮัท...." เสียงพ่อตะโกนเรียกผมดังลั่นแต่ผมไม่สนแล้ว ล๊อคห้องมันซะเลย จากนั้นก็เก็บข้าวของครับ เสื้อผ้าไม่กี่ชุดแล้วก็อุปกรณ์กล้องกับพวกสีและกระดาษ เฮ้อ... คงเอาไปได้ไม่มากว่ะมันไม่สะดวก แต่ไม่เป็นไรช่างมัน
เสียงพ่อยังทุบประตูปังๆอยู่ แต่ผมก็หน่ายเกินกว่าจะสนใจอีก เก็บของหมดเรียบร้อยผมก็หยิบเป้สัมภาระของผมมาสะพายแล้วปีนลงทางหน้าต่างลงไปข้างล่างอย่างเร็ว จากนั้นก็ไปสตาร์ทรถขับออกไป
ป่านนี้พ่อผมคงโกรธมากและคงอาละวาดเอากับอาวดีอีกตามเคย คิดแล้วผมก็.... อยากร้องไห้ว่ะ ไม่รู้จะทำไงแล้ว นี่ผมกำลังจะทำอะไรกันแน่ ที่ทำไปนี่มันรุนแรงไปมั๊ยวะ หรือว่าผมคิดผิด
แต่เอาเหอะว่ะ ก็มันทำไปแล้ว มัวคิดมากไปก็เท่านั้น อย่างมากก็กลับไปให้พ่อด่าอีกก็คงจบวะ........
แล้วตอนนี้จะไปไหนดีว้า ต้องหาที่ซุกหัวก่อนอ่ะ คืนนี้.....
ไปบ้านไอ้วินไอ้ป่านดีมั๊ย แต่พ่อรู้จักนี่หว่า อาจจะไปตามถึงที่ก็ได้ งั้นเอาไงดีวะ เฮ้อ......
เออจริง... ไอ้ฮิ้นท์ไง พ่อไม่รู้จักบ้านมันแน่ เกรงใจมันก็จริงแต่จำเป็นซะแล้วว่ะ ไม่งั้นก็ไม่รู้จะไปไหน
-
-
ผมขับรถมาพักนึงก็มีโทรศัพท์เข้า ทีแรกผมนึกว่าพ่อรึเปล่าแต่ไม่ใช่ เป็นอาวดีอ่ะครับเลยรีบรับก่อน
" ครับอา ผมขอโทษนะครับที่ออกมาเฉยๆยังงี้ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะไปนอนบ้านเพื่อนก่อน ไม่ต้องห่วงครับ พรุ่งนี้ผมจะไปกับชมรมเค้าตอนเช้า"
" จ้ะลูก... นี่พ่อเค้าก็ยังโกรธแต่ไม่เป็นไรอาจะคุยกะเค้าเอง ปล่อยตามใจมานานแล้วคืนนี้อาจะพูดให้จบไปเลย จะได้ไม่ต้องมาอาละวาดแบบนี้อีก"
" เอ่อ... จะดีเหรอครับอา เดี๋ยวก็ต้องเป็นเรื่องทะเลาะกันไปใหญ่อีก ไม่รู้พ่อจะยอมฟังรึเปล่า"
" ไม่ฟังก็ต้องฟังแหละ เราปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปอีกไม่ได้แล้ว ต้องให้เค้าเข้าใจซะที ฮัทก็ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอกลูก ไปกับเพื่อนให้สบายใจเถอะนะ" อาวดีกำชับผมยังงี้ผมก็สบายใจขึ้นจมอ่ะ แต่ก็ยังห่วงๆว่าพ่อคงโกรธมาก ไม่รู้จะมากจนตัดพ่อตัดลูกไปเลยรึเปล่าด้วยสิ
และแล้วก็มาถึงบ้านไอ้ฮิ้นท์จนได้ ตอนนั้นก็คงสักทุ่มครึ่งผมจอดรถใกล้หน้าบ้านมันแล้วก็ลองโทรหามันดูก่อน โชคดีที่มันรับพอดี พอบอกมันไปมันก็รีบลงจากบ้านมาหาผม
" ทำไมมาเอาป่านนี้อ่ะ พรุ่งนี้ต้องไปขึ้นรถที่รร.แต่เช้านะ" มันถามแต่ผมยิ้มเจื่อนๆ ไม่อยากบอกเล้ยว่าเจออะไรมา
" เอ่อ... คืองี้นะ เราอยากมาขอค้างกะนายที่นี่อีกสักคืนอ่ะเพราะเราไม่มีที่ไปแล้ว มีเรื่องที่บ้านนิดหน่อยเลยต้องออกมายังงี้"
" เอ๋... มีเรื่องเหรอ เอ่อ... แล้วนายจะมาค้างกะเรา... " มันพูดทวนที่ผมบอก ซึ่งตอนนี้หน้ามันมีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด
" แล้วได้มั๊ยล่ะ รบกวนไปรึเปล่า"
" เอ้ย... ไม่รบกวนหรอก ไม่รบกวน... ไม่เลยๆ ได้สบายอยู่แล้ว" มันรีบอนุญาตทันที ลุกลี้ลุกลนอีกตามเคยว่ะดูแล้วก็ขำมัน แต่ตอนนี้ผมหัวเราะไม่ออกอ่ะ
" อืม... ขอบคุณมาก นี่ไม่งั้นเราคงต้องไปนอนข้างถนนแน่" ผมพูดจบมันก็ยิ้มแล้วเดินนำขึ้นบ้านไป ผมไหว้พ่อแม่มันเค้าเลยถามว่ามายังไงป่านนี้ กินข้าวมารึยัง... พูดปั๊บก็หิวทันทีเลยว่ะ
" เอ่อ... ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ค่อยหิว"
" อะไรล่ะลูก ยังไม่ได้กินล่ะสิ ไปๆฮิ้นท์ พาเพื่อนไปกินข้าวในครัวสิลูก" แม่มันสั่งการให้เสร็จสรรพ ผมเลยเดินตามฮิ้นท์มันไปที่ครัว
เห็นกับข้าวที่เหลือแล้วก็... ทนไม่ไหวแล้วว่ะ เหอๆ น่ากินไปหมดทุกอย่างทั้งที่มันก็ของพื้นๆ ผัดผักบุ้งเอย น้ำพริกปลาทูกับผักสารพัด แล้วก็ไข่เจียว จะว่าผมหิวจัดก็ไม่ใช่
" เฮ้อ... กับข้าวบ้านนายอร่อยตามเคยว่ะ ไม่ผิดหวังจริงๆ"
" อร่อยก็กินเยอะๆเลยนะ" มันนั่งอยู่ตรงข้ามผมครับ พูดไปมันก็เหมือนกระพริบตาปิ๊งๆ อะไรว้ากู ทำไมไปคิดว่ามันทำตาปิ๊งๆให้เราเนี่ย
" อืม... จะกินข้าวให้หมดหม้อเลย คอยดู" ผมว่าแล้วก็ซัดไม่เลี้ยง ก็มันอร่อยอ่ะ... แต่ถ้าขืนกินหมดหม้อผมคงท้องแตกก่อน
" ฮะๆๆ นายนี่ก็... อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ"
" อือ... ก็จริงอ่ะดิ" ผมตอบไปมันก็ยิ้ม จากนั้นมันก็นั่งเท้าคางมองผมไปเงียบๆ
ในความเงียบนั้นผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง บางอย่างที่อาจจะเป็นความรู้สึกระหว่างผมกับฮิ้นท์มัน ยิ่งสายตากับรอยยิ้มของมันที่มองผมอยู่ตอนนี้ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่ามันอาจจะชอบผมอยู่รึเปล่านะ แต่ไม่หรอกน่า... ผมไม่กล้าคิดงั้นหรอก มันเข้าข้างตัวเองไปมั๊ง
แต่ยิ่งมองตามันผมกลับยิ่งรู้สึกชอบนะ ตามันสวยดีกลมโตเป็นประกายยังกะบิ๊กอาย นี่ถ้าผมมองตามันแล้วผมอ่านความคิดมันได้ก็ดีสิ จะได้รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่
" เออ... ฮิ้นท์เราอยากถามอะไรนายอย่างนึงอ่ะ"
" หือ... อะไรเหรอ"
" เอ่อ... มันจะตรงไปมั๊ย ถ้าเราจะถามว่านาย... เอ่อ... "
" ฮิ้นท์... ฮิ้นท์เอ้ย เพื่อนกินข้าวอิ่มรึยัง... เดี๋ยวออกมากินมะขามกันลูก เนี่ย... ว้านหวาน" สะดุดกึกเลยว่ะ อารมณ์เปลี่ยนกลางอากาศซะงั้นเพราะเสียงแม่มันตะโกนเรียกมาจากข้างนอกครับ ผมกำลังจะถามมันอยู่แล้วเชียว ว่ามันชอบผมรึเปล่า
" คร้าบแม่... อืม... นายอิ่มยังอ่ะ" มันขานรับแม่มันแล้วก็หันมาถามผม แย่ว่ะ... เลยไม่อยู่ในอารมณ์จะถามเรื่องนี้ซะแล้วดิ อดเลย........
" เอ่อ... เราอิ่มพอดี เดี๋ยวเราช่วยล้างจานนะ"
" เอ้ย... ไม่ต้องๆ ไว้ในอ่างเลย บ้านเราถือน่ะ เค้าไม่ให้แขกที่มาบ้านล้างชาม" มันห้ามผม อะไรของมันหว่า ถืออะไรแปลกๆ ไม่ให้แขกล้างชาม
" เฮ่ย... มันมีด้วยเหรอวะ ไม่ให้แขกที่มาบ้านช่วยล้างจานอ่ะ"
" ก็บ้านเราไง อิอิ เอาน่ะอย่าสงสัยมาก ไปกินมะขามกันดีกว่าเร็ว" มันทำหน้าระรื่นแล้วก็ลากผมไปหาแม่มันที่โซฟา แม่มันก็ให้ผมกินมะขามกันพลางดูทีวีไปด้วย แต่สักพักมันก็บอกว่าไปนอนก่อนดีกว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นไปแต่เช้า
" ไปอาบน้ำอีกทีสิ แล้วค่อยมานอนกัน เอ้อ... แล้วนี่นายขนของพวกอุปกรณ์กะสีไปด้วยรึเปล่า" มันถามแล้วมองไปที่เป้ผม
" อ๋อ... ก็เอามาอยู่ แต่สงสัยคงไม่ได้วาดหรอกว่ะ เรายังไม่เคยลองวาดวิวแบบสดๆจากสถานที่จริงเลย งั้นขอดูนายเป็นตัวอย่างไปก่อนละกัน แต่เราเอากล้องกะอุปกรณ์มาพร้อมนะ"
" อืม... ก็ดีนะ จะได้ถ่ายรูปวิวไว้ โห... นี่อุปกรณ์นายครบชุดดีจังอ่ะ ยังกะมืออาชีพ" มันบอกพลางเปิดดูกระเป๋ากล้องผม
" แน่นอนดิ ก็นี่งานอดิเรกเราเหมือนกัน พอดีมีพี่ที่รู้จักกันที่ร้านอุปกรณ์กล้องแถวตลาดอ่ะเค้าคอยแนะนำเรา ก็เลยได้อย่างที่เห็นเนี่ย"
" แล้วยังงี้นายก็คงถ่ายรูปเก็บๆไว้บ้างแล้วดิ อยากเห็นจังเลยอ่ะ"
" ได้ดิ... ไว้เราจะเอามาให้ดู เราก็ถ่ายพวกวิว พวกภาพคนไว้หน่อยนึง ฝีมือยังไม่ดีหรอกแต่เราชอบน่ะ"
คุยกันแป๊บนึงผมก็ออกไปอาบน้ำแล้วกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะนอน คืนนี้พระจันทร์สว่างจ้าส่องแสงลอดหน้าต่างกระจกที่หัวนอนเข้ามาในห้องจนดูสว่างแม้จะปิดไฟไปแล้ว
" เอ่อ... ฮัท ที่จริงเราก็ไม่อยากไปละลาบละล้วงนายหรอกนะ ก็แค่อยากถามว่าที่มีเรื่องที่บ้านเนี่ย ร้ายแรงมากมั๊ย เราเป็นห่วงน่ะ" อยู่ๆฮิ้นท์มันก็ถามผมขึ้นมา หันไปมองหน้ามันก็เห็นมันมองมาอยู่ก่อนแล้ว
" ก็ร้ายอยู่มั๊ง เราก็ไม่แน่ใจ เรื่องพ่อเราไงที่เคยเล่าให้ฟัง ตอนนี้เราบอกเค้าไปหมดแล้วว่าเราไม่อยากใช้ชีวิตตามที่เค้ากำหนดแล้วล่ะ เค้าเลยโมโหมากจะห้ามไม่ให้เราไปทริปพรุ่งนี้ด้วยเราเลยต้องออกมานี่แหละ"
" อ้าว... แล้วออกมาเลยนี่นะ ยังงี้พ่อเค้าก็ยิ่งโกรธดิ"
" ชั่วโมงนั้นเราไม่ไหวแล้วว่ะ รู้แต่ว่าต้องออกมาให้พ้นๆเค้าซะก่อน ไม่ได้คิดอะไรอื่นเลย"
" โอย... แล้วป่านนี้เค้าก็คงเป็นห่วงกันแย่แล้วดิ"
" อ๋อ... เราโทรบอกอาวดีเรียบร้อยละ เค้ารู้แล้วว่าเรามาบ้านนาย"
" อืม... งั้นก็แล้วไป ดีแล้วอ่ะ ผู้ใหญ่เค้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง"
" เออ... เราก็รู้แหละ เลยรีบโทรบอกเค้าก่อนไง ก็มีแต่อาเราอ่ะที่คอยช่วยเราตลอด นี่เค้าก็บอกว่าจะคุยกะพ่อเองเรื่องที่เราจะเรียนศิลป์ต่อกับเรื่องบอลสโมสรนั่น มันถึงเวลาแล้วว่ะ ต้องให้พ่อเรายอมรับซะทีว่าเราก็อยากใช้ชีวิตอย่างที่เราอยากจะเป็นอ่ะ"
" งั้นถ้าอานายเค้าพูดให้พ่อเข้าใจได้ก็คงดีเนอะ นายจะได้ทำอะไรๆอย่างที่อยากทำซะที"
" ก็หวังยังงั้นแหละว่ะ เราคงโคตรดีใจ แต่ก็ไม่รู้พ่อจะฟังอาเค้ารึเปล่า" ผมถอนใจเบาๆอย่างเหนื่อยๆใจ แต่เอาเหอะ เดี๋ยวกลับมาจากทริปนี้ก็ได้รู้กันล่ะ ว่าพ่อจะยอมรับผมได้มั๊ย
ตอนนี้ฮิ้นท์มันนอนเงียบไปแล้ว ไม่รู้หลับรึเปล่า อยู่ๆผมก็เกิดนึกขึ้นมาได้ว่ายังอยากถามมันอยู่เรื่องนั้น....
ก็เรื่องว่า มันชอบผมอยู่บ้างรึเปล่า บางครั้งดูๆทีท่ามันก็เหมือนจะเป็นยังงั้นแต่ผมก็ไม่มั่นใจ มันอาจจะทำไปเพราะความเปิ่นๆเป๋อๆของมันตามเรื่องก็ได้ ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ เพราะงั้นคงไปฟันธงไม่ได้ว่ามันจะชอบผม
แล้วตัวผมล่ะ ที่จริงผมคิดยังไงกับมันแน่วะ ใจนึงนี่ผมไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่าผมจะชอบมัน เพราะมันจะหมายความว่าผมเป็นเกย์ทันทีอ่ะ
แต่ถ้านี่เป็นแค่อารมณ์นึงที่ผมรู้สึกดีๆกับมัน แค่ผมชอบมันที่เป็นอยู่ตอนนี้ และก่อนหน้านั้นที่ผมรู้สึกว่ามันน่ารักและรับฟังผมได้ในทุกเรื่องและเราชอบอะไรเหมือนๆกัน มันอาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้นะ ผมอาจยังไม่ถึงขึ้นหลงรักมันก็ได้
เฮ้อ... คิดไปก็เริ่มปวดหัวแล้ว ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันไม่มีความชัดเจนอะไรเลยว่ะ อาจจะเพราะผมก็ยังไม่เคยรักใครเลยไม่รู้อาการตัวเอง ว่านี่มันคือเรากำลังรักเค้ารึเปล่า......
-
-
ยังไม่จบตอนคร้าบ