B12
ฝนยังคงตกยังกะฟ้ารั่วอยู่นานจนเราเริ่มเซ็ง ไม่รู้จะซวยอะไรกันขนาดนี้ ดีว่ามาหลบในศาลานี่หรอกนะไม่งั้นจะทำไง
" โว้ย... เมื่อไหร่ฝนมันจะหยุดเนี่ยแล้วป่านนี้เค้าจะออกมาตามหาเรารึยังว้า" ฮิ้นท์มันบ่นออกมา ท่าทางมันกังวลมากๆคงกลัวเพราะพายุหนักเนี่ยแหละ
" เอาน่า... ใจเย็น ยังไงซะเราหลบอยู่ที่นี่ก็ยังปลอดภัยกว่า เดี๋ยวฝนคงหยุดเค้าคงต้องหาคนมาช่วยเราแน่ นายไม่ต้องกลัวนะ" ก็ปลอบมันไปก่อนครับ ไม่งั้นเกิดมันกลัวมากเตลิดไปไหนๆซะก่อนคงแย่
" อือ.... ถ้ามันไม่หยุดล่ะฮัท" อ้าว... เวรล่ะ ฟันไอ้ฮิ้นท์มันกระทบกันกึกๆเลยครับ ท่าทางคงหนาวสั่นแล้วอ่ะ
" หนาวเหรอ มา...กอดกันไว้นะ" ผมบอกแล้วก็ดึงมันมากอด จำมาจากหนังคงพอใช้ได้ รึเปล่าวะ....
" หนาวจนสั่นยังงี้เลยเหรอวะ ฮิ้นท์..."
" อืม...ตัวฮัทอุ่นจังเลย" มันบอกผมเบาๆ เอ่อ... ก็ไม่อยากจะคิดไปเองหรอกนะ ตอนนี้รู้สึกยังกะตัวเองเป็นพระเอกนางเอกที่หลงไปในป่าแล้วฝนตกยังไงยังงั้น
" เออ... ทนหน่อยนะ เดี๋ยวฝนมันคงหยุดละ" ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ผมก็ไม่รู้จะทำไงนอกจากปลอบใจกันเอง อยากสารภาพว่าจริงๆผมเองก็กลัวเหมือนกันว่ะ ที่อยู่กันตรงนี้นี่มันมีแต่ป่ากับป่า ฝนตกพายุพัดแบบนี้อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
" ฮัท" อยู่ๆมันก็เรียกผมแล้วเงยหน้ามองผม
" หือ... "
" คือเรา.... เอ่อ.... เรา....." มันก็เอ่อๆอ่าๆอยู่ยังงั้น ไอ้ผมก็ลุ้นไป
" หือ... ว่าไงนะฮิ้นท์ มีไรจะบอกเราเหรอ" ผมก้มไปเงี่ยหูฟัง แต่จู่ๆก็...
" เปรี้ยง.....ง" แมร่ง... หูแทบลั่น ฟ้าดันผ่าเปรี้ยงมาได้ เสียงก็ยังกะผ่าแถวๆนี้เลย ฮิ้นท์มันคงกลัวกอดผมแน่นทันที อะไรของมันวะ ยังกะในหนังอีกละ
" ฮ่าๆๆ กลัวเหรอ"
" อือ... " สงสัยจะกลัวจริงว่ะ กอดแน่นเป็นตุ๊กแกแล้วเนี่ย
" เมื่อกี๊จะบอกอะไรนะฮิ้นท์" ผมก้มไปถามมันอีกที เมื่อกี๊ดันไม่ได้ยินซะนี่ฟ้าผ่าพอดี
" ......................." เสียงมันอู้อี้ๆอีกเพราะมันซุกหน้าไปกะอกผมยังงั้น จะกลัวอะไรขนาดนั้นวะ
" ห๊า... อะไรนะ"
" ไม่มีไรๆ เรากอดแป๊บนะ หนาวอ่ะ" มันว่าแล้วก็กอดผมสั่นๆไปยังงั้น อะไรของมันหว่า แต่ตอนนี้ผมคงไม่มีเวลามาสงสัย เห็นท่าทางมันตอนนี้แล้วผมห่วงมันนะ กลัวมันจะไม่สบายไปซะก่อน
" เราว่างั้นเดี๋ยวลองฝ่าฝนนี่ไปดีกว่า ถ้ารออยู่ยังงี้คงไม่ไหวละ นายไหวมั๊ยฮิ้นท์" ผมบอกแล้วก็ตัดใจถอดเสื้อออกไปแขวนในศาลาก่อน ไม่ไหวเหมือนกันครับใส่เสื้อเปียกๆยังงี้ยิ่งหนาว
" ไหวๆ ป่ะ ไปกันเดี๋ยวค่ำ" มันว่าแล้วก็ลุกตามผมมา ผมหันไปคว้าเสื้อผมมาผูกห่มช่วงคอไว้แล้วก็เริ่มเดินฝ่าฝนออกไป
ดีว่าฝนมันเริ่มซาเม็ดลงหน่อยแล้ว เรารีบเดินลงไปที่ลำธารด้วยกันแล้วค่อยๆเดินเลียบไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ฮินท์มันดันเดินนำหน้าผมไปซะแล้ว อ้าว... แล้วนั่นมันจะเดินไปไหนวะ
" อ้าวเฮ้ย... ฮิ้นท์ นายจะไปไหน ไปทางนี้" ผมรีบตะโกนบอก งงกะมันจังว่ะอยู่ๆก็จะเดินเข้าป่าซะงั้น
" อ๊ะ..." มันหันขวับมาทันทีแต่พอจะก้าวเดินมันก็ลื่นพรืดลงไปนั่ง
ตอนนั้นผมโคตรตกใจกลัวว่ามันจะเป็นอะไรไปเพราะเห็นล้มลงไปแรงเหมือนกันจนร้องลั่น รีบวิ่งไปพยุงมันขึ้นก่อนทันที
" เจ็บมั๊ยฮิ้นท์ เจ็บตรงไหนป่าว" รีบถามมันไปผมก็มองดูตามตัวมันไปกลัวมันจะมีแผล แต่ก็ไม่มี นั่นแหละครับถึงโล่งอก
แว่บนึงผมรู้สึกเหมือนกันว่า ทำไมเราห่วงมันขนาดนี้วะ นี่ถ้ามันเกิดเป็นอะไรไปจริงๆผมจะทำไง.........
" อือ... ตรงนี้อ่ะ" มันทำหน้าเหยเกแล้วหันไปชี้ที่แถวขามัน
" ตรงไหนนะ" ผมก็มองตามแต่เห็นมันจับก้นมันอยู่
" อ่า...ก้นดิฮัทอ่ะ ก็เอาก้นกระแทกน่ะ อา... เจ็บ" พอฟังแล้วผมหลุดขำออกมาว่ะ ไอ้เราก็นึกว่าเจ็บขา ที่แท้...
" ฮ่าๆๆ เจ็บก้นเหรอ"
" อ่า... ฮัทอ่ะ เราเจ็บจริงๆนะ" มันบ่นน้ำเสียงไม่พอใจแล้วทำหน้างอนๆ
" ไหน... เราดูหน่อย"
" บ้าเหรอ จะมาขอดูก้นเรา" มันโวยครับ ผมเลยยิ่งขำ
" อ้าว... ก็เจ็บก้นไม่ใช่เหรอเจ็บตรงไหนก็ดูตรงนั้นดิ มันเป็นแผลถลอกหรือเปล่า ไหนมาดูหน่อยดิ ทำไมนายอายเหรอ"
" อายดิ ใครจะเปิดก้นให้นายดู” มันบ่นแล้วเอามือปิดก้นมันไว้
" อ่ะๆ ไม่ดูก็ไม่ดูแล้วเดินไหวป่ะ ท่าลงแบบว่า ฮ่าๆๆ” ผมแกล้งแหย่มันเพราะเริ่มรู้สึกว่าอยากให้มันหายกลัวด้วยแหละ ทำอะไรให้ได้ขำๆกันน่าจะดีกว่า ภาวะคับขันแบบนี้ถ้ามัวเครียดกันหมดคงแย่
มันก็ทำท่าฮึดฮัดขึ้นมาอีกแล้วจะลุกขึ้น แต่มันก็ร้องแล้วทรุดลงไปทันทีจนผมตกใจรีบคว้าตัวมันไว้ก่อน
ตอนนี้เราเลยอยู่ในท่าที่.... แบบว่าผมประคองมันไว้ในวงแขน เฮ่ย.... นี่มัน ท่าพระเอกเลยนะเนี่ย ยังกะในหนังอีกแล้วเหรอ หน้าเราสองคนก็แทบจะชิดกันอยู่แล้ว ลมหายใจของมันกับผมปะทะกันเบาๆจนอุ่นขึ้นมา สายตาที่มันจับจ้องมาที่ผมเหมือนจะบอกอะไรสักอย่างก่อนจะหลับตาพริ้มลงไป เห็นมันแบบนี้แล้วผมนึกจะ... จูบมันขึ้นมาซะเฉยๆ
จริงๆด้วยว่ะ ผมอยากจะจูบมัน นี่มันอะไรกันอีกวะ กูเป็นอะไรไป..........
" ทำไมหลับตาพริ้มจังวะ ตัวก็ผอมลงไปแล้วนะ แต่ทำไมยังหนักอยู่เลยเนี่ย ฮ่าๆๆ" ผมเอ่ยขึ้นเพื่อให้ตัวเองหลุดจากภวังค์แล้วแกล้งหัวเราะไป ทั้งที่ในใจน่ะ ไม่ได้ขำสักนิด แต่กำลังเริ่มเครียดมาก
" อ่า... ฮัทอ่ะ" ฮิ้นท์มันก็สะบัดหน้างอนผมอีก ผมเลยยิ้มไปกะท่าทางของมันแล้วพาเดินต่อไป
" ฮ่าๆ ก็มันจริงอ่ะ ตัวยังหนักอยู่เลย แสดงว่าที่เราเห็นว่าผอมนี่เป็นภาพลวงตาใช่ป่ะ"
" โอ้ย...ย ฮัท... ล้ออยู่ได้ ไม่พูดด้วยแล้วนะ ฮึ... " หึๆ สงสัยมันจะงอนผมจริงซะแล้ว ผมเลยวิ่งตามไปง้อมัน ก็นั่นแหละผมเริ่มหายเครียดไปได้หน่อยๆ
แต่ยังไงซะผมก็คงต้องหาคำตอบมาตอบตัวเองให้ได้ว่าทำไมเมื่อกี๊ผมถึงรู้สึกอยากจูบมันยังงั้น แค่เพราะว่าอารมณ์มันพาไปเฉยๆเหรอ หรือว่า... ผมจะเริ่มรักมันจริงๆ
" อืม... เริ่มมืดแล้วอ่า ทำไงดี" ฮิ้นท์มันเอ่ยขึ้นแล้วมองไปรอบๆ ฝนซาลงไปเยอะแล้วแต่ที่แย่คือตอนนี้มืดมาก
" เออ... งั้นเราเดินกันระวังๆหน่อยนะ ค่อยๆเดินไปเราคิดว่าเดี๋ยวคงไปถึงช่วงเขื่อน จะได้ข้ามลำธารนี่ไปได้" ผมอธิบาย ฮิ้นท์มันก็พยักหน้าแล้วออกเดินกันต่อ สักพักก็มาถึงช่วงนึงของลำธารที่ผมเห็นแล้วว่าแคบมากและมีกิ่งไม้พาดจากอีกฝั่งนึง
" เฮ้ย... เราคิดออกละ เดี๋ยวเรากระโดดไปเกาะช่วงกิ่งไม้นั่นไว้ดีกว่าแล้วค่อยๆเกาะว่ายข้ามลำธารไปเลย ช่วงนี้ลำธารมันแคบๆเอง ไม่กี่เมตรอ่ะ"
" เอ่อ... จะดีเหรอ น้ำมันเชี่ยวมากเลยอ่ะ" มันทำท่าหวาดๆ
" เอาน่า... อย่ากลัวดิ เดี๋ยวเราจะลองโดดไปดู มันแค่ใกล้ๆเอง" ผมบอกแล้วก็กำลังจะตั้งท่าเตรียมตัวโดด แต่มันก็มาคว้ามือผมไว้
" อือ.... ระวังนะ เรา...เอ่อ... เรากลัวน่ะ ถ้านายโดนน้ำพัดไปจะทำไง" ท่าทางมันตอนนี้ผมเห็นแล้วก็ใจแป้วไปเหมือนกัน
ผมสงสารมันจนต้องดึงมันมากอดไว้เลยนะ แล้วก็มองตามันนิ่งๆเห็นมันน้ำตาคลอแม้ว่าจะเปียกฝนแต่ก็เห็นได้ชัดเจน
" เรา... เอ่อ... " ผมสับสนว่ะ ไม่รู้จะพูดยังไง จับต้นชนปลายไม่ถูกไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะพูดอะไรกับมันดีตอนนี้ มันเยอะแยะจนล้นออกมาแล้ว
" เอาล่ะๆ ไม่ต้องห่วง เชื่อฝีมือนายฮัทสุดเท่เหอะน่า เดี๋ยวคอยดู พอเราลงไปแล้วเดี๋ยวนายรีบกระโดดลงน้ำตามเลยนะแล้วรีบคว้ามือเราอ่ะ โอเคนะ" ผมอธิบายแผนให้มันฟังจนเข้าใจ จากนั้นก็กะจังหวะก้าวกระโดดจากโขดหินไปคว้ากิ่งไม้ใหญ่เหนือน้ำนั้น
เวรแท้ๆ ผมดันลื่นว่ะ.........
" ฮัท... ระวัง...." ฮิ้นท์มันร้องสุดเสียงเลยครับแล้วรีบวิ่งมาที่ริมลำธารพยายามยื่นมือไปหาผม แต่ยังดีว่ะ ผมคว้าอีกกิ่งนึงไว้ได้ โอย... เกือบตาย ขืนหลุดมือโดนน้ำพัดไปคงตายแน่
" เออๆ ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องห่วง โอเคละ นายรีบลงน้ำมาสิแล้วว่ายโผมาเกาะมือเราอ่ะ กะจังหวะดีๆแล้วพุ่งตัวมาเลยนะ" ผมพยายามอธิบายมัน ดูมันลังเลนิดนึงแล้วก็ตั้งท่าจะพุ่งตัวลงน้ำมา
เสียงน้ำกระจายตัวออกพร้อมกับตัวของฮิ้นท์ที่พุ่งเข้ามาแล้วยื่นมือตรงมาจะคว้ามือผม ส่วนตัวผมเองก็พยายามยื่นมือไปจนสุด แต่... ผมคว้ามือมันไม่ทันซะงั้น
" อ๊าาา....า ฮัท.... ช่วยด้วย" เสียงฮิ้นท์ร้องลั่นเพราะมันกำลังถูกน้ำพัดพาไปซะแล้ว สติผมขาดผึงทันที
" ฮิ้นท์..........." ผมตะโกนสุดเสียงแล้วรีบพุ่งตัวตามกระแสน้ำไปหาฮิ้นท์มันทันทีโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น ไม่สนว่าเราจะเป็นยังไง น้ำจะพัดเราไปมั๊ย รู้แต่ว่าตอนนี้ผมต้องตามไปให้ถึงตั้งฮิ้นท์มันให้ได้ ตายก็ต้องยอม
ใช่ว่ะ... ต่อให้ตายผมก็ยอม แค่ให้ได้ช่วยมัน แค่นั้นจริงๆ........
ตอนนี้ฮิ้นท์มันลอยคออยู่แต่กำลังโดนน้ำพัดห่างจากผมไปเรื่อยๆ มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิวะ กูไม่ยอมหรอกนะ
ผมพยายามกระโจนพุ่งตัวไป มือก็พยายามยื่นไปจะคว้ามือมัน แต่ดูจะยากเย็นเพราะน้ำมันก็โคตรแรง
" ฮิ้นท์... ยื่นมือมาเร็ว" ผมตะโกนบอก มันก็ยื่นมือมาจนสุดแต่ก็ไม่เป็นผล น้ำยังคงพัดมันห่างออกไป
" ฮัท... ช่วยด้วย อ่อกก...ก ช่วย...." เสียงมันเริ่มสำลักน้ำ ใจผมตอนนั้นมันเริ่มไม่ไหวแล้ว มันกลัวไปหมด กลัวว่าเดี๋ยวมันอาจจะจมน้ำไปซะก่อน ถ้าเป็นยังงั้น.... ไม่สิโว้ย.... ผมไม่ยอมหรอกน่า
เฮือกสุดท้าย... ตอนที่เราลอยผ่านโขดหินใหญ่ผมเลยตัดสินใจเอาเท้าถีบโขดหินนั่นเต็มแรงแล้วกระโจนไปคว้าตัวมันเอาไว้ทั้งตัว
" ฮิ้นท์...." ผมร้องเรียกมันสุดเสียงจนมือผมคว้ามือมันไว้ได้.... สำเร็จแล้วครับ ผมได้ตัวมันแล้ว......
" ฮือๆๆ ฮัท.... " มันร้องไห้ครับคงกลัวสุดๆ แต่ผมไม่มีเวลาจะกังวลเรื่องนั้นซะแล้ว เพราะตอนนี้เรากำลังโดนน้ำพัดไปเรื่อยๆ
นี่เราต้องมาตายกันแบบนี้เหรอวะ ผมกับมัน.........
หึ... แต่ที่จริงมันก็ไม่เลวนักหรอก ได้ตายกับคนที่เรา.... รัก
รัก........ ใช่มั๊ยวะ
การที่ผมไม่เคยรักใครมันทำให้ผมนึกไม่ออกว่าที่ผมเป็นอยู่นี่จะใช่รักมั๊ย และถึงใครมาอธิบายก็คงไม่เข้าใจล่ะมั๊ง
แต่ถ้ารักคือการที่เรายอมตายไปพร้อมกับใครสักคนได้........
และเรายังรู้สึกดีว่าอย่างน้อยก็ยังได้ตายกับคนๆนั้นล่ะก็..........
งั้นผมว่าผมรักมันแล้วล่ะ......... รักมากด้วยล่ะมั๊ง............
วินาทีความเป็นความตายยังงี้ผมคิดอะไรไม่ออกนอกจากกอดมันไว้ พยายามพยุงตัวเองและมันให้ลอยพ้นน้ำไม่งั้นมันอาจจะสำลักน้ำอีก แต่แว่บนึงผมก็คิดนะว่า อย่างน้อยๆถ้าผมต้องตายอยู่ที่นี่แต่ถ้าให้มันรอดไปได้ผมก็จะยอมว่ะ
และจะไม่ลังเลเลยด้วย แค่ขอให้มันรอดไปได้ก็ยังดี.........
แต่อยู่ๆคงต้องบอกว่าบุญเก่าเรายังมีมั๊ง ข้างหน้านั้นมันมีขอนไม้ใหญ่มากล้มขวางลำธารไว้พอดีครับ ทางรอดของเราอยู่ตรงนั้นแล้ว ผมเริ่มใจชื้นขึ้นมาก กำลังใจกลับมาเต็มเปี่ยมล่ะ
" ฮิ้นท์... นายกอดคอเราไว้แน่นๆนะ เดี๋ยวเราจะคว้าขอนไม้นั่นไว้ อย่าปล่อยมือเด็ดขาดนะเว้ย"
" อือ...." เสียงมันตอบผมแค่นั้น พอถึงขอนไม้ผมก็รีบคว้าเกาะไว้ทันที โอย... แต่โคตรจะเหนื่อยว่ะตอนนี้ ผมแทบไม่มีแรงเหลือเลย
" เอาล่ะ นายก็จับเอาไว้แน่นๆนะ แล้วค่อยๆเกาะว่ายตามเรามาดีๆ ระวังหลุดมือไปล่ะ" ผมสั่งมัน ฮิ้นท์มันก็ค่อยๆเกาะขอนไม้ไว้แล้วหอบแฮ่กๆ จากนั้นก็ค่อยๆ เกาะแล้วว่ายเข้าไปจนถึงอีกฝั่งนึง
ตอนนี้ฝนตกปรอยๆเป็นละออง เราสองคนนอนหอบกันอยู่ที่ริมลำธารเพราะเหนื่อยสุดๆครับ ไม่มีคำพูดใดๆนอกจากเสียงหอบหายใจของเราสองคนที่ดังไปกับเสียงน้ำที่ไหลท่ามกลางความเงียบ มีเพียงสายตาของผมกับมันที่สบตากันนิ่ง
ผมคิดถึงเหตุการณ์เมื่อกี๊นี้อยู่ คิดทบทวนมันทั้งหมดตั้งแต่ตอนที่ฮิ้นท์มันโดนพัดลอยหลุดไป ตอนนั้นผม.... บอกไม่ถูกเลย แต่พอจะเข้าใจคำพูดที่เค้าว่า ใจหายเหมือนโดนใครกระชากใจไปจากอก นั่นแหละ ผมว่ามันคงจะเป็นยังงั้น ถ้าผมตามไปช่วยมันไม่ทัน ถ้าผมต้องเสียมันไปแล้วผมจะทำยังไง
หันไปมองหน้ามันทำให้ผมยิ่งตระหนัก ผมจะอยู่ต่อไปยังไงวะถ้าผมเสียมันไป เพราะงั้นตอนนี้ถ้าจะบอกว่าผมรักมันก็คงไม่ผิดแน่ รักมันไปเต็มๆอย่างไม่ต้องสงสัย นี่ไม่ใช่เพราะแค่อารมณ์พาไปแน่นอน และผมอาจไม่ได้รักมันที่มันดูดีขึ้น ผอมลง หรือเพราะว่ามันกลายเป็นสเป๊คแบบที่ผมชอบไปแล้ว และคงไม่ใช่เพราะอะไรทั้งนั้น
เพราะต่อให้ตอนนี้มันกลับไปอ้วนดำสิวเขรอะเหมือนเดิม ผมว่าผมก็จะรักมันอยู่ดี
ขอแค่ผมยังมีมันอยู่และได้รักมันก็พอ สำหรับผมขอแค่นั้นจริงๆ............
ขณะที่ผมคิดไปตามอารมณ์ข้างในลึกๆแบบนี้ มันอาจทำให้ผมรู้ใจตัวเองแล้วก็จริง แต่พอเหตุผลต่างๆมันเริ่มดึงผมกลับมาสู่โลกความจริงผมก็ต้องเจ็บปวดว่ะ จะบอกมันได้ยังไงว่าผมคิดแบบนี้กะมัน ต่อให้มันเองมีใจให้ผมแต่สังคมล่ะ ใครจะยอมรับผมสองคนได้
ผมอาจไม่แคร์ก็ได้นะ ก็เรารักกันซะอย่างแต่พ่อผม อาวดีล่ะ ถ้าเค้ารับไม่ได้จริงๆจะทำยังไง ผมยอมเป็นลูกหลานอกตัญญูไม่ได้หรอกนะเพราะผมเสียแม่ไปแล้ว ชีวิตนี้ผมก็เหลือแค่พ่อกับอาแค่นี้เอง แล้วผมจะกล้าทำท่านเสียใจยังงั้นได้ไง
ถ้างั้นผมคงต้องรับไอ้ความเจ็บปวดนี้ไว้ซะเองมั๊ง ทำไงได้.... อีกอย่างฮิ้นท์มันก็อาจจะไม่ได้คิดอะไรกับผมเกินเลยไปถึงขั้นนั้นหรอก เท่าที่เห็นอาจจะเพราะอยู่ในสถานการณ์คับขันยังงี้มันเลยอาจจะหวั่นไหวไปบ้าง อย่าเพิ่งคิดว่ามันจะมีใจให้ผมเลย
แล้วก็ขอให้มันไม่ได้รักผมนั่นคงจะดีกว่าเพราะถ้ามันรักผมนั่นคงเป็นเรื่องเศร้าแน่ ผมคงไม่มีปัญญาไปรับรักมันหรอก คิดแล้วมันก็ใจหายแต่ผมคงต้องเริ่มทำใจซะตั้งแต่ตอนนี้เลย
" เป็นไงมั่งฮิ้นท์นายมีบาดเจ็บตรงไหนป่าว" ผมลุกขึ้นช้าๆแล้วหันไปมองตามตัวมัน แต่พอมองตัวเองผมก็เพิ่งเห็นว่าตอนนี้ผมเหลือรองเท้าผ้าใบอยู่ข้างเดียวเอง สงสัยหลุดไปกับน้ำแล้ว แย่ว่ะ.............
" อือ... เราไม่เป็นไรแล้ว เมื่อกี๊มันน่ากลัวจริงๆนึกว่าต้องตายซะแล้ว"
" ก็.... เราขอโทษนะ ที่ให้นายทำอะไรเสี่ยงๆ ขอโทษจริงๆ" ผมก้มหน้าลงนิ่ง นึกไปก็เพราะผมเองนะที่ให้มันทำแบบนี้ เล่นเอาเราสองคนเกือบตายเลย
" เอ้ย... นายไม่ผิดหรอกน่า ไม่งั้นป่านนี้ก็ยังติดกันอยู่ที่เดิม ช่างมันเหอะ ยังไงตอนนี้เราก็รอดมาได้แล้ว เห็นมั๊ยเราก็ไม่เป็นไรเลยด้วย..." มันพูดแล้วก็ยิ้ม แม้จะเป็นยิ้มที่ดูฝืนมาก แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มไปด้วย ดีใจที่มันห่วงผม
" เออๆ แล้วนี่เดินต่อไหวมั๊ย มันมืดมากแล้วถ้าเราค่อยๆเดินต่อไปน่าจะถึงถนนได้อยู่ เอ้อ... โน่นไง ฮิ้นท์ มีแสงไฟทางนั้นอ่ะ" ผมหันไปก็เห็นแสงไฟเป็นจุดเล็กๆพอดีเลยครับ อยู่เลยไปไม่น่าจะไกลเท่าไหร่
" อ๊ะ... จริงด้วย งั้นรีบไปกันเลย" ฮิ้นท์มันตื่นเต้นขึ้นมาแล้วรีบลุกขึ้นยืนเหมือนไม่เป็นอะไรทันที เดินจ้ำอ้าวไปโน่นแล้ว
จากนั้นเราก็ค่อยๆเดินตามแสงไฟกันไปจนเกือบถึงถนนเล็กๆ เฮ้อ... รอดตายไปทีเว้ย แต่ผมก็ดันซวยไม่เลิกเดินไปเหยียบอะไรไม่รู้อ่ะครับมันแทงเข้าใต้เท้าผมอย่าแรงจนผมร้องลั่น
" โอ๊ย... อ่ะ.... ซี๊ดด...ดด อูย....." ทรุดลงไปนั่งทันทีเลยว่ะผม อะไรก็ไม่รู้ตำเอา ยิ่งมืดๆอยู่
" อ๊ะ... ฮัท เป็นไรไป" ฮิ้นท์มันรีบหันมาดูผมแล้วนั่งลงข้างๆ
" อะไรตำไม่รู้ว่ะ โคตรเจ็บ อูย...ย" ก้มมองก็ไม่เห็นว่ะ มันมืด... ผมเลยพยายามลุกขึ้น แต่เจ็บแผลสุดๆ
" เดินไหวมั๊ย... " มันถามแล้วก็พยายามจะพยุงผม
" เออ... ไหวดิ จะถึงอยู่แล้ว ไปเหอะ"
" มา... เราช่วย" ฮิ้นท์มันบอกแล้วก็พยายามหิ้วปีกผม จนตัวมันทรุดตาม
" ฮะๆๆ นายอ่ะ เดี๋ยวนี้เหลือตัวแค่นี้แล้วพยุงเราไม่ไหวหรอกมั๊ง ไม่เป็นไร เรายังพอไหว" ผมยังแกล้งพูดไปตลกๆแล้วก็พยายามฝืนเดินต่อ ไม่อยากให้มันมาห่วงเรามากน่ะครับ
พอเดินไปถึงถนนเล็กๆที่ดูแล้วผมคิดว่าเป็นถนนที่มาจากบ้านพักเรานั่นแหละ มันดูคุ้นๆ ทีนี้เลยใจชื้นขึ้นมาอีกเยอะ แต่พออยู่สว่างๆยังงี้ผมเห็นใต้เท้าผมเลือดออกเต็มเลยว่ะ ฮิ้นท์มันก็ก้มไปเห็นพอดี
" ฮัท..! เลือดออกมากเลยอ่ะ จะทำไงดี" มันร้องลั่นเลยครับ ผมก็ฝืนยิ้มให้มัน
" เออน่า.. ไปต่อเหอะ เราว่ามันจะถึงแล้วนะ ไปเร็ว" ก็เดินกันต่ออ่ะครับ เห็นเหมือนบ้านมีไฟเปิดอยู่ลิบๆข้างหน้าโน่นละ
พอเดินไปใกล้ก็มีแสงจากไฟฉายสาดมาทางเราพร้อมกับเสียงผู้คนตะโกนบอกกันไปมาจับความได้ว่าเจอแล้วๆ จากนั้นก็มีคนเดินมาหาเราหลายคนมาช่วยพยุงผมกับไอ้ฮิ้นท์
" เป็นไงบ้างครับ บาดเจ็บอะไรมั๊ย" พี่คนนึงเค้าถามผมคงจะเป็นเจ้าหน้าที่แหง
" เอ่อ... เป็นแผลเลือดออกที่เท้าอ่ะครับ" ผมบอกเค้าไปด้วยความรู้สึกมึนๆ แล้วจากนั้นผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย หลับกลางอากาศไปดื้อๆ
-
-
ตอนแรกที่ตื่นมาไม่รู้ว่านั่นคือที่ไหน รู้แต่ว่าเช้าแล้วคิดว่านี่คงเป็นโรงพยาบาลมั๊งเห็นเตียงมันสีขาว หันไปมองผมก็ไม่เห็นมีใครอยู่แต่อยู่ๆก็มีคนเปิดประตูเข้ามา
" ฮัท... ลูก เป็นไงบ้าง" อาวดีเองครับ เค้าร้องไห้โผเข้ามากอดผมไว้ก่อนเลย
" ผมไม่เป็นไรแล้วครับอา นี่ผมหลับไปได้ไงอ่ะ แล้วมาอยู่นี่ได้ไง..." ผมถามอาไป
" ก็เราถูกหินบาดเย็บไปตั้งเกือบสิบเข็มลูก เสียเลือดไปมากจนสลบไปเลย พวกเจ้าหน้าที่เค้าก็พามาส่งที่โรงพยาบาลนี่จ้ะ" อาวดีอธิบาย เออ... มิน่า ผมสลบไปเลยนี่หว่าเมื่อคืน อ้าว... แล้วไอ้ฮิ้นท์ล่ะ
กำลังจะอ้าปากถามอาวดีอยู่ครับ แต่พอมองไปก็เห็นพ่อผมกำลังเปิดประตูเดินเข้ามาช้าๆ
นั่น... พ่อน้ำตาไหลอยู่นี่นา ปากพ่อก็สั่นๆแต่เค้ายังไม่ได้พูดอะไร ตอนนั้นใจผมเสียไปหมดแล้ว ตั้งแต่เกิดผมไม่เคยเห็นน้ำตาพ่อสักครั้ง แล้วนี่.... พ่อเสียใจเพราะผมขนาดนี้เลยเหรอ
" พ่อ... พ่อครับ ผม.... " ทั้งความรู้สึกผิดและเสียใจมันประดังมาที่ผมจนน้ำตาไหลอาบเหมือนกัน ผมพยายามจะลุกขึ้นนั่งเอื้อมมือไปหาพ่อแต่พ่อก็เข้ามากอดผมไว้ก่อนเหมือนกัน
" ฮัทเอ้ย... เป็นไงบ้าง หือ.... ไม่ต้องพูดอะไรแล้วลูก พ่อเป็นห่วงลูกมากนะ แล้วตอนนี้พ่อเข้าใจแล้ว เข้าใจทุกอย่าง ขอโทษนะลูกที่พ่อชอบบังคับลูกมาตลอด ยกโทษให้พ่อนะ" ผมกับพ่อกอดกันจนแน่น น้ำตาผมไหลไม่หยุดเพราะมันรู้สึกตัวว่าผมผิดมากจริงๆ ทำให้พ่อต้องมาห่วงมากขนาดนี้
" ไม่ครับพ่อ พ่อไม่ผิดหรอกครับ ผมผิดเองที่ดื้อไม่ฟังพ่อ ต่อไปนี้ผมจะเชื่อฟังพ่อทุกอย่าง อย่าโกรธผมนะครับ ยกโทษให้ผมนะ"
" ไม่หรอก ฮัทก็ไม่ผิดหรอกลูก ที่ผ่านๆมาพ่อไม่ดีเองที่มัวคิดว่าไอ้ที่พ่ออยากเป็นมันจะดีกับลูก ไม่ได้คิดถึงใจเราเลยว่าต้องการรึเปล่า"
" ก็พ่อหวังดีกับผมน่ะครับ ผมเข้าใจดีครับ" คิดแล้วก็ดีใจมากที่พ่อเข้าใจผมซะที ตอนนี้ผมอยากจะกอดพ่อยังงี้ให้นานๆ เพราะเราไม่ได้กอดกันยังงี้นานเหลือเกินแล้ว จนผมเองก็เกือบลืมว่ามันมีความสุขและอุ่นใจขนาดนี้
จะว่าไปสงสัยคงเพราะพ่อผมห่วงผมมาก พอรู้ว่าผมเกือบตายแบบนี้เลยยิ่งคิดได้ว่ารักผมมากและไม่อยากเสียผมไป เค้าถึงเข้าใจทุกอย่างได้เองแบบนี้
" อืม... เอาล่ะลูก นอนพักก่อนนะ เดี๋ยวพ่อออกไปบอกหมอเค้าก่อนว่าเราตื่นแล้ว" พ่อบอกผมแล้วก็เดินออกไป อาวดีก็นั่งยิ้มให้ผม
" เอ้อ... อาครับ แล้วเพื่อนผมอีกคนล่ะครับ คนที่อยู่กับผมตอนนั้นน่ะ มันอยู่ไหนเหรอครับ แล้วมันเป็นอะไรมั๊ย" รีบถามอาวดีทันทีครับ ชั่วโมงนี้ผมไม่ห่วงอะไรอื่นแล้วล่ะ
" อืม... เพื่อนเราเหรอลูก เอ... เมื่อกี๊ก็เห็นมีอาจารย์กับเพื่อนๆเรามาเยี่ยมอยู่นะ แต่ฮัทยังไม่ตื่นน่ะลูก เค้าก็เลยไม่ปลุก สงสัยคงกลับไปแล้วล่ะ"
" เหรอครับ แต่ว่าเพื่อนผมมันไม่ได้เป็นไรใช่มั๊ยครับ" ผมถามอาอีกทีให้แน่ใจ
" ก็ไม่เห็นมีว่าใครเป็นอะไรอีกนะลูก ทำไมล่ะ ห่วงเพื่อนเหรอเหรอครับ หือ...." อาวดีถามแล้วลูบหัวผม
" ครับ... ก็ห่วงมันน่ะครับ แต่ถ้ามันไม่เป็นไรก็ดีแล้ว" ผมยิ้มแหยๆไป ชักกลัวอาเค้าจะสงสัยว่าทำไมผมดูห่วงไอ้ฮิ้นท์มันออกหน้าออกตามาก แต่อยู่ๆก็มีเสียงประตูดังแล้วเปิดออกอีก
" เอ่อ... ขอโทษนะครับ คือผมอยากขอนั่งเป็นเพื่อนฮัทอีกสักแป๊บได้มั๊ยครับ................" ไอ้ฮิ้นท์น่ะเองครับมันเปิดประตูเข้ามาแล้วก็พูดขึ้นแต่ยังไม่ทันขาดคำมันก็ตาค้างที่เห็นผม
ซึ่งก็ไม่ต่างกับผมหรอก ผมตาค้างที่เห็นมันเหมือนกัน รู้สึกว่าดีใจ ปลื้มใจอะไรมากมายหลายล้านอย่างเลยมั๊งปนเปกันไปจนงง รู้แต่ว่าตอนนี้อยากจะกอดมันจริงๆ
" ฮะ.... ฮัท" มันพูดได้แค่นั้นแล้วก็โผมากอดผมเลย ผมก็กอดมันแน่นด้วยความรู้สึกที่เกินจะบรรยายและมันเป็นกอดที่ผมรู้สึกดีเหลือเกิน
" นายไม่เป็นไรใช่มั๊ย" ผมเอ่ยถามมันก่อน ตอนนี้มันก็ร้องไห้เรียบร้อย เจ้าน้ำตาจังวะ แต่ก็นะ.... ว่าแต่มันผมเองก็เกือบไปเหมือนกัน ก็มันดีใจสุดๆแล้ว ดีใจที่ยังได้เห็นกันอีกครั้งอยู่ตรงนี้อ่ะ
" เราไม่เป็นไรเลย แต่นายอ่ะสลบไปเลยเราตกใจมาก เห็นเค้าบอกว่าคงเพราะเสียเลือดมากไปเพราะแผลใหญ่ แล้วนี่ไม่เป็นไรแล้วใช่มั๊ยอ่ะ"
" เออ... ไม่เป็นไรแล้ว เราไม่ตายง่ายๆหรอกว่ะ หึๆ" ผมก็ยิ้มบอกมัน แต่ขณะที่ถามกันอยู่นั่นก็ลืมไปเลยว่ะ ว่าอาวดีก็นั่งอยู่นี่ เวร.... ดีนะที่ไม่ได้ดีใจจนจูบกันอ่ะ ไม่งั้น.... เหอๆ ตายแน่
" อ้อ... เพื่อนคนนี้เหรอลูกที่หลงป่าไปด้วยกัน เป็นไงมั่งเรา หือ...." อาวดีหันไปถามฮิ้นท์มัน
" ไม่เป็นไรแล้วครับ แต่ตอนนั้นน่ากลัวมากครับ เราตกน้ำไปแล้วฮัทช่วยผมครับ ไม่งั้นผมตายไปแล้วล่ะ" มันหันไปรายงานอาผม
" เหรอจ๊ะ โธ่... คงกลัวกันแย่เลยสิตอนนั้น ขวัญมานะลูกนะ"
" ขอบคุณครับ ตอนนั้นถ้าฮัทไม่อยู่ผมคงตายแน่ๆ"
" แล้วตอนนั้นขึ้นไปทำอะไรกันเหรอลูก มันเย็นค่ำแล้วนี่" อาวดีเอ่ยถามขึ้น ผมเลยหันไปตอบอา
" ก็จะไปวาดรูปพระอาทิตย์ตกอ่ะครับ เอ้อ... จริงด้วยผมลืมไปเลย เราทิ้งอุปกรณ์ทุกอย่างไว้บนนั้นนี่หว่า ตายๆ ป่านนี้จะเป็นไงมั่ง" ผมเพิ่งนึกได้ว่ะ ตอนนั้นไม่รู้จะทำไงเลยต้องเอาของทุกอย่างที่ติดตัวมาทิ้งไว้บนนั้นก่อน
" อ๋อ.... ไว้เดี๋ยวเราบอกให้เจ้าหน้าที่เค้าช่วยไปเอามาเก็บไว้ก่อนก็ได้ลูก คงไม่มีใครขึ้นไปเอาหรอก"
" เหรอครับ เอ้อ... ค่อยยังชั่ว กล้องผมทั้งชุดเลยนะนั่น ไว้ค่อยกลับไปเอาก็ได้ใช่ป่ะครับ"
" จ้ะ... คงพอจะขอให้เจ้าหน้าที่เค้าช่วยได้ ว่าแต่เราน่ะ นอนไปก่อนเถอะลูก อย่ามัวห่วงอะไรอยู่เลย" อาวดีบอกแล้วก็ถอยออกไปนั่งที่โซฟาข้างๆ
ฮิ้นท์มันยังนั่งมองหน้าผมอยู่ เรายิ้มให้กันแล้วจับมือกันไว้ ผมพยายามอ่านสายตาของมันตอนนี้ก็รู้สึกว่ามันน่าจะมีใจให้ผมบ้างล่ะมั๊ง ไม่รู้ดิ.... โอเค.... มันอาจจะแค่ปลื้มที่ผมเหมือนเป็นฮีโร่ของมันก็ได้... อาจจะแค่นั้น
แต่ผมสิ.... ใจผมตอนนี้มีแค่มันซะแล้ว ถ้ามันรู้มันจะว่ายังไง ตอนนี้ผมยังไม่กล้าคิดเลยว่ะ.........
กลัวนะครับ กลัวว่ามันจะรับได้รึเปล่าที่ผมคิดแบบนี้กับมัน...................
Written by Friend of eiky
Ps. อิอิ มาแว้วๆๆ เพื่อนเพิ่งส่งให้คร้าบ อิอิ ระทึกตามไปด้วยเลย อิอิ
ขอให้มีความสุขในการอ่านนะครับผม......
รักกันๆ มามะ มารักกันๆ