B4
ผมยืนมองพวกนั้นอยู่แป๊บนึง พยายามเดาและอ่านปากด้วยซ้ำว่าน่าจะพูดอะไร แต่แค่เห็นว่าทั้งสามคนวิว แจง และไอ้เจ้าฮิ้นท์มันร้องไห้กันก็ใจไม่ค่อยดีเลย หวังว่าคงไม่ได้ทะเลาะกันเองหรอกนะ แต่นั่น... ไอ้ทักกับยัยแจงมันวิ่งไปแล้วนี่หว่า
" ฮัทมัวยืนทำอะไรอยู่ล่ะ คนอื่นเค้าเข้าห้องเรียนกันหมดแล้วนะ" แหวนเขย่าแขนผมเบาๆผมเลยหันไป
" เออ... ไม่มีอะไร งั้นไปเหอะ"
" ก็แหวนเห็นยืนดูอะไรอยู่นี่ เอ๊ะ... นั่นสองคนนั้นมันทำอะไรกัน ยังกะร้องไห้" แหวนหันไปมองไอ้ฮิ้นท์กับยัยวิว
" ไม่รู้เหมือนกัน ไปเข้าห้องเหอะ" ผมตัดบทแล้วก็เดินเข้าห้องไป แต่ใจน่ะก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่ามันมีอะไรกัน ก็ไม่เป็นไรเว้ยเดี๋ยวค่อยถามจากพวกนั้นอีกทีก็ได้ ขออย่าให้เป็นเรื่องใหญ่เลย
ว่าแต่... ทำไมผมต้องไปอะไรกับพวกนี้ซะมากมายด้วยวะ ก็ไม่ได้ไปสนิทสนมอะไรกับเค้าซะหน่อยนี่หว่า แต่ตอนนี้น่ะรู้สึกเลยว่าห่วงพวกนั้นสุดๆโดยเฉพาะไอ้เจ้าฮิ้นท์มัน แปลกแฮะเรา... ทำไมรู้สึกยังงี้วะ เพราะผมสงสารมันเหรอ....
*
*
เช้านั้นผมก็แทบจะไม่มีสมาธิเรียนเท่าไหร่ ก็มันอยากรู้นี่หว่า ว่านั่นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าผมกลายเป็นพวกสอดรู้สอดเห็นไปแล้ววะ
จนตอนพักเที่ยงนั่นแหละ พอลงไปที่โรงอาหารผมก็เห็นกลุ่มพวกนั้นนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันกับรุ่นพี่อีกคนนึง อ้าว... ตกลงมันดีกันแล้วเหรอวะเนี่ย แต่ก็ดีแล้วนี่นะ โล่งใจไปด้วยเลยว่ะ
แต่ก็นะ... แล้วกูจะต้องไปอะไรกับเค้าด้วยเนี่ย...... ไม่ได้ไปเป็นอะไรกะเค้าซะหน่อย
จนแล้วจนรอดผมก็อดไม่ได้ ก็มันอยากรู้จริงๆนี่หว่าเลยแอบชิ่งจากแหวนและไอ้ป่านไอ้วินวิ่งตามไอ้ทักมันไป
" เฮ้ย... ทัก กูถามอะไรหน่อยดิ" ผมถามมันไปก็หอบไปเพราะวิ่งมา
" หือ... มีไรวะ"
" เมื่อเช้าอ่ะ มีเรื่องอะไรกันเหรอวะ เห็นยืนร้องไห้กันตอนจะเข้าห้องเรียนอ่ะ"
" อ๋อ... ก็ไอ้ฮิ้นท์อ่ะดิ มันน้อยใจมาก บอกว่าจะเลิกคบกะพวกกูเลยนะเว้ย ก็เพราะปากเหี้ยๆของไอ้พวกรุ่นพี่นั่นแหละ ไปว่ามันว่าไม่คู่ควรคบกะพวกกู แม่ง... กูกะอีแจงเลยต้องไปลากตัวมันมาขอโทษไอ้ฮิ้นท์"
" เหรอวะ นี่มันพูดแรงซะจนไอ้ฮิ้นท์มันเสียใจขนาดนั้นเลยเหรอ" ผมนึกโกรธในใจไปด้วยว่ะ คนเราแม่งมีปากแต่ก็ไม่รู้จักจะทำให้สร้างสรรค์อ่ะนะ
" เออดิ พวกกูใจหายเลยนะ นึกไม่ถึงว่ามันจะเก็บมาคิดมากยังงี้ พวกกูเองก็ไม่ดีเหมือนกัน ที่ผ่านๆมาไปแกล้งแหย่แกล้งล้อมันตั้งเยอะ ไม่นึกว่านั่นน่ะมันจะเก็บมาคิดตลอด จนวันนี้มันเลยระเบิดออกมาเนี่ย โคตรเสียใจเลยว่ะ พวกกูไม่น่าไปแกล้งมันขนาดนั้นเลย"
" อืม... แล้วนี่พวกมึงดีกันแล้วใช่ป่ะ กูเห็นนั่งกินข้าวด้วยกันเมื่อกี๊น่ะ"
" เออ... ก็กว่าจะเคลียร์กันได้ แทบแย่เลยว่ะ ต่อไปกูจะไม่ล้อเลียนมันเรื่องนี้อีกแล้ว เห็นมันเสียใจอย่างวันนี้แล้วกูแม่งปวดใจฉิบหาย"
" โห... มึงนี่ก็พูดซะยังกะว่ามึงเป็นแฟนกะมันเลยนะ ฮะๆๆ"
" เฮ่ย... ไม่ใช่โว้ย ไอ่ห่า ฮะๆๆ แต่ไม่ใช่ก็เหมือนใช่แหละว่ะ กูกับมันเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆจำความได้โน่นแล้ว บ้านมันอยู่ติดกะบ้านกูไง"
" เหรอวะ งั้นมึงก็สนิทกะมันน่าดูเลยดิ"
" เออ... กูกะมันอ่ะสนิทรู้ตื้นลึกหนาบางกันทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรมันก็บอกกูหมด แต่..." ไอ้ทักเล่าแล้วก็เว้นระยะไปซะงั้น
" ทำไมวะ..."
" ก็ไม่รู้ว่ะ พักนี้กูรู้สึกเหมือนมันมีอะไรปิดๆบังๆกูอยู่ว่ะ ดูๆแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องที่มันคงไปแอบชอบใครสักคนเนี่ยแหละ แต่มันไม่ยอมบอกกูเว้ย แปลก..." มันบอกแล้วก็ขมวดคิ้วท่าทางเหมือนหมาสงสัย
" อ่านะมึง คนเราอ่ะมันก็ต้องมีบ้างดิวะความลับน่ะ ให้สนิทกันยังไงก็เหอะ"
" อันนั้นกูก็เข้าใจ แต่ถ้าเป็นมึงๆจะว่าไงล่ะ ถ้าเพื่อนที่สนิทสุดของมึงมันมีความลับกะมึงอ่ะ"
" เออ... กูก็คงอยากรู้เหมือนกัน ฮ่าๆๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่ะ เรื่องบางเรื่องถ้าเพื่อนเรามันอยากบอกมันก็จะบอกเราเองแหละ อย่าพยายามไปคาดคั้นอะไรจากมันเลย เพราะถ้าเป็นมึงๆก็คงไม่ชอบหรอก จริงมั๊ย"
" อืม... ก็จริงของมึงว่ะ งั้นกูจะรอให้มันบอกเองละกัน" มันเริ่มคล้อยตามผมแล้ว แต่ตอนนั้นน่ะผมเองกลับสะดุดใจอยู่นิดๆว่าที่ไอ้ทักบอกว่าฮิ้นท์มันชอบใครสักคนอยู่ แล้วคนๆนั้นมันใครวะ...
เอาอีกละกู อยากรู้อีกละ นี่กูเป็นไรมากป่าววะเนี่ย ทำไมต้องไปอยากรู้อยากเห็นอะไรกะมันขนาดนั้น ไม่เข้าใจว่ะ........
*
*
ตอนนี้ผมเดินมาที่ห้องศิลปะเพื่อจะมาถามอ.สุพจน์ถึงข้อสรุปเรื่องจัดตั้งชมรมศิลปะขึ้นมาใหม่ ไม่รู้ว่าแกไปคุยตกลงกับผอ.มารึยัง แต่แล้วผมก็ต้องหยุดยืนตะลึงอยู่ที่บอร์ดหน้าห้องศิลปะนั่นแหละ
ข้างหน้าผมตอนนี้มันเป็นภาพสีน้ำรูปวิวยามเย็นที่โคตรสุดแสนจะสวย นี่มันอะไรกันวะ รูปสวยขนาดนี้มันมาจากไหน อ.สุพจน์วาดเหรอวะ หรือว่าเด็กรร.เรา ไหนวะชื่อคนวาด อ้อ... นี่เหรอ นายธรรปกรณ์ ปุณนรักษ์ อืม... ชื่อนี้.... เฮ้ย....ย
ไอ้ฮิ้นท์นี่หว่า มันเป็นคนวาดรูปนี้เหรอวะ.... อ่ะ จริงดิ
ในภาพนั้นผมสัมผัสถึงความรู้สึกบางอย่างที่หมอนั่นคงอยากถ่ายทอดออกมา ยิ่งมองภาพนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปในภวังค์ของความคิดคำนึง ต้นไม้ใหญ่ที่มีเพียงดอกสีเหลืองอร่ามในบรรยากาศยามเย็นอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ผมนึกแปลกใจว่าทำไมต้นไม้นี้ถึงมีดอกสีเหลืองได้อย่างนั้น แล้วมันเป็นต้นอะไรกันแน่วะ แต่ถึงยังไงผมก็ชอบภาพนี้อยู่ดี ไม่เทพจริงมันก็ทำไม่ได้หรอก ฝีมือการลงสีเยี่ยมๆยังงี้
แต่พอผมลองสังเกตที่มุมๆนึงของภาพตรงใต้ต้นไม้นั่นก็เห็นว่ามีขีดสีดำๆอยู่สองขีดที่มองยังไงก็มองไม่ออกว่ามันคืออะไร
อาจจะเป็นต้นหญ้าเหรอ หรือว่าต้นไม้เล็กๆ ไม่สิ น่าจะเป็นเสาไม้หรือส่วนนึงของรั้วล่ะมั๊ง ว่าแต่ทำไมดูแล้วผมรู้สึกว่าหมอนั่นตั้งใจมากๆที่จะวาดขีดสองขีดนี่เอาไว้ที่ตรงนี้ ต้องการสื่ออะไรเป็นพิเศษรึไง แอบมีปริศนาด้วยว่ะเฮ้ย รูปนี้
" หึๆ เป็นยังไงล่ะ ชอบรูปนี้ใช่มั๊ย หือ..." เสียงอ.สุพจน์ดึงผมหลุดจากภวังค์เลยอ่ะ หันไปก็เห็นแกยืนยิ้มอยู่
" ครับผม ชอบสุดๆเลยครับ ฝีมือเทพมากๆ" ผมพูดไปตาก็ยังจับจ้องอยู่กับรูป
" แน่นอนอยู่แล้ว ไม่งั้นไม่ชนะที่หนึ่งของจังหวัดหรอก"
" อ๋อ... ที่อาจารย์บอกผมตอนนั้นคือรูปนี้เองเหรอครับ"
" ใช่... นี่ครูเพิ่งไปรับกลับมาจากที่งานแสดงภาพเค้าน่ะ เลยรีบมาติดบอร์ดไว้เลย"
" เยี่ยมไปเลยนะครับ นายธรรปกรณ์นี่มันฝีมือจริงๆ ขั้นเทพเลยนะเนี่ย" ผมยังคงยิ้มชื่นชมอยู่กับอ.สุพจน์ แต่อยู่ๆผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้ สำคัญซะด้วยดิ
" อ๊ะ... อาจารย์ครับ งั้นเดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ" พูดจบผมก็ไหว้อาจารย์อย่างล่กๆ แล้วรีบวิ่งไปเลย อาจารย์แกคงจะงงแน่
จะอะไรซะอีกล่ะครับ ก็ผมนึกขึ้นมาได้น่ะสิว่าผมได้ตัวคนที่จะมาเป็นอาจารย์ติวเรื่องเทคนิควาดรูปให้ผมแล้ว ฝีมือมันเทพซะขนาดนี้ผมจะให้มันถ่ายทอดวิชาให้ผมให้หมดเลย ทีนี้แหละเราก็จะได้ไม่ต้องไปดิ้นรนหาที่ติวที่ไหนแล้วเว้ย ฮ่าๆๆ
*
*
ผมรีบวิ่งมาจนถึงห้องทับหกของหมอนั่น ดีใจว่ะที่ในที่สุดเราก็หาตัวคนที่จะช่วยผมได้ซะที แล้วก็โชคดีมากที่พวกนั้นนั่งกันอยู่ครบทีมพอดี แต่พอผมบอกว่ามาหาธรรปกรณ์ปั๊บ พวกนั้นมันก็ทำท่าทางตกใจกันทันทีว่ะ ยังกับเห็นผีเลยนั่น งงวุ้ย
" เรามีเรื่องอยากจะคุยกับนายน่ะ" ผมหันไปบอกมัน แต่แล้วบรรดาสหายของหมอนั่นรีบถอยห่างออกไปซะหลังห้องโน่นเลย ไม่รู้อะไรของมันกันอ่ะพวกนี้ผมล่ะงง พอหันไปตอนนี้เจ้าตัวก็นั่งลงบนโต๊ะเรียนแล้วก้มหน้าบิดไปบิดมาอยู่ตรงหน้าผม เป็นอะไรของมันกันแน่วะเนี่ย
" มี... มีอะไรกับเราเหรอ นาย..."
" แล้วทำไมนายหน้าแดงๆ ไม่สบายเหรอ"
" อือ... เรา... เรา... เอ่อ.. ไม่ได้เป็นอะไร แฮะๆ" หมอนั่นยิ้มแหยๆให้ผมแล้วก็ก้มหน้าต่อไม่ยอมสบตาผมตรงๆ เนี่ยเหรอวะ ไม่เป็นอะไร
" เออ... งั้นเข้าเรื่องเลยละกันนะ"
" หา!.. ขะ..ขะ.. เข้าเรื่องเลยเหรอ เอ่อ... เรา... เอ่อ... " มันก็ยังบิดไปบิดมาอยู่นั่นแหละ
" ก็เออ.. ว่าแต่นี่นายเป็นอะไรมั๊ย ทำไมเหงื่อออกเต็มเลยล่ะ ไม่สบายเป็นอะไรรึเปล่า" ผมถามมันไปอย่างห่วงๆ พลางยื่นมือไปจะแตะหน้าผากมันดู แต่มันก็ดันรีบกระเถิบหนีผมซะเหมือนตกใจมากอ่ะจนมันเสียหลักหงายหลังตกไปจากโต๊ะที่มันนั่งอยู่
" เฮ้ย......ย นาย.....!" ผมร้องออกมาแต่ยังไวพอที่จะคว้าตัวหมอนั่นไว้ทัน ไม่งั้นถ้ามันหงายไปยังงั้นหัวคงได้ฟาดพื้นแน่ ตอนนี้มันเลยมาอยู่ในอ้อมแขนผมซะงั้นแถมมันยังสบตาผมอย่างซึ้งเลย ที่สำคัญทำไมใจหมอนี่มันเต้นเร็วแรงยังงี้ล่ะวะ
" นาย........ เป็นไรรึเปล่า" ผมถามขึ้นหลังจากที่ตัวเองก็ใจลอยๆไปเหมือนกัน แปลกว่ะ ทำไมมันรู้สึกแปลกๆหว่า
" ไอ้ฮิ้นท์... มึงโอเคมั๊ย" ยัยวิวกับยัยแจงหวังดีรีบวิ่งมาดูเพื่อนมันทันที แต่อยู่ๆสองคนนั้นก็รีบผละออกไปหลังห้องเหมือนเดิมทันทีเหมือนกัน
แต่ตอนนี้นะที่ผมเริ่มรู้สึกอีกอย่างคือ ไอ้หมอนี่มันโคตรตัวหนักเลยว่ะ ไม่ไหวล่ะ ผมเลยจะปล่อยตัวมันแต่มันเองก็รีบผละจากตัวผมไปแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ สงสัยมันคงอายเพื่อนๆในห้องมันมั๊งเพราะตอนนี้มองมาที่เราสองคนแล้วซุบซิบกัน ผมเลยเริ่มพูดธุระของผมทันที
" คือ... เราอยากจะให้นายสอนวาดรูปน่ะ"
" อืม... ห๊า.. อะไรนะ" อีกละ มันตกใจเว่อร์อีกละ ไม่ตกใจเปล่าแถมกระโดดยืนขึ้นมาอีก เป็นอะไรของมันว้า เหอๆ
ก็เลยตกลงกันไปว่าจะให้หมอนั่นสอนผมวันศุกร์นี้ ตอนแรกดูๆมันก็จะไม่ยอมสอนผมนะ ต้องอ้อนวอนอยู่พักนึงจนหมอนั่นใจอ่อน มันว่ามันไม่เก่งขนาดจะไปสอนใครหรอก ซึ่งก็นะ... อย่างนายไม่เก่งแล้วใครล่ะวะจะเก่ง
*
*
ผมเดินกลับไปที่ห้องเรียนผมด้วยอารมณ์ที่ดีอย่างสุดๆ สำเร็จละเว้ยกู ทีนี้ก็จะมีสุดยอดปรมาจารย์มาติวให้กูแล้ว ไอ้ป่านกับไอ้วินเห็นอาการผมมันก็สงสัย
" เฮ้ย... ทำไมมึงยิ้มแป้นมาเลยวะเนี่ย อารมณ์ดีอะไรมาวะหรือว่าถูกหวย แล้วนี่หอบหิ้วอะไรมาเยอะแยะวะ" ไอ้ป่านถาม
" ฮ่าๆ ก็กูได้ตัวคนที่จะมาติวเพ้นท์สีน้ำให้กูแล้วเว้ย"
" อ้าวเฮ้ย... ตกลงนี่มึงเอาจริงๆเหรอวะ แล้วใครวะอาจารย์มึง" ไอ้ป่านถามผมอย่างสงสัย
" ก็ไอ้เจ้าฮิ้นท์ไง มึงจำมันได้มั๊ย"
" เฮ่ยเหรอ... ก๊ากๆๆ แล้วมึงนึกไงวะให้มันเป็นอาจารย์มึงอ่ะ มันเก่งมากเหรอวะ"
" สัดนี่... ไปหัวเราะมัน นั่นน่ะระดับเทพนะมึง รางวัลชนะเลิศระดับจังหวัดมันการันตีอยู่แล้วเว้ย ไม่ต้องบรรยายกันให้มากความว่ะ"
" โห... มันแน่จริงๆด้วยเว้ย เออ... ก็ดีแล้ว มีคนเก่งๆสอนยังงี้ก็ดีว่ะ"
พวกมันเออออตามผมแล้ว แต่เหลือแค่แหวนครับที่ดูไม่ค่อยเห็นด้วยกับผมเท่าไหร่ บ่นโน่นบ่นนี่เหมือนกับว่าผมจะไปยุ่งกับคนแบบนั้นทำไมน่ารำคาญจะตาย
" ก็มันจริงนี่นา จะต้องลดตัวเราไปยุ่งกับคนแบบนั้นทำไมกัน ฮัทไปติวศิลปะกับรร.กวดวิชาที่ในตัวอำเภอก็ได้นี่นา ดีกว่าตั้งเยอะ ได้รู้แนวข้อสอบด้วย"
" แล้วเราจะต้องไปไปทำแบบนั้นให้มันยุ่งยากทำไมล่ะแหวน ในเมื่อนี่มันก็เพื่อนๆกันเองสบายใจกว่าตั้งเยอะ"
" ไม่รู้แหละ แหวนไม่ค่อยอยากไปยุ่งกับคนแบบนั้นเท่าไหร่ คนอะไรก็ไม่รู้เห็นหน้าตาท่าทางแล้วไม่เจริญหูเจริญตาเลย ขืนอยู่ด้วยคงเบื่อตาย" แหวนบ่นอุบเลยครับ
" ก็อย่าไปคิดยังงั้นสิ คนเราจะมีใครเลือกเกิดได้ล่ะ ถึงหมอนั่นหน้าตาไม่ดีแต่ใจข้างในมันอาจเป็นคนดีก็ได้ ไม่เหมือนบางคนหรอก หน้าตาดีทุกอย่างแต่ใจนี่... ไม่ไหวอ่ะ สวยแต่รูปจูบไม่หอมแท้ๆ"
" เอ๊ะ... ฮัท พูดยังงี้จงใจว่ากระทบแหวนรึเปล่าเนี่ย" อ้าว.... เอาอีกแล้วครับ เธอเหวี่ยงโครมมาใส่ผมทันทีเลยว่ะ
" บ้า.... เราแค่พูดรวมๆอ่ะ ทำไมคิดว่าเราว่าเธอล่ะ" หึๆ รีบร้อนตัวเลยนะ
" ก็.... โอ๊ย... ไม่รู้แหละ ยังไงๆแหวนก็ไม่ชอบ ฮึ..." คุณเธอบ่นแล้วก็สะบัดบ๊อบเดินงอนๆไปซะแล้วครับ เฮ้อ....
บางทีผมก็คิดนะ ว่าถ้าผมกับแหวนเป็นแฟนกันจริงๆมันจะเป็นยังไงวะ ชีวิตผมอาจจะเหมือนนั่งเครื่องเล่นเฮอร์ริเคนในดรีมเวิร์ลมั๊ง เพราะเหวี่ยงกันตลอดเวลายังงี้ ไม่พอใจอะไรหน่อยก็โวยทันทีและต้องคอยตามใจตลอด สงสัยผมคงโคตรเหนื่อยว่ะ ก็ดีแล้วล่ะที่เป็นแค่เพื่อนกันไปยังงี้
เขียนโดย เพื่อนของอิ๊กกี้ อิอิ
ปล. ตอนนี้ลงร้อนๆคร้าบ อิอิ ติดตามพ่อฮัทของเราได้เลย แฟนๆของเพื่อนผมนี่เดาไม่ออกเลยเหรอว่าใครเนี่ย อิอิ
อยากให้เขาเผยตัวป่าวน้า อยากก็ดหวตมาเล้ยนะคร้าบ อิอิ หรือจะให้เขาเฉลยตอนจะจบ และคงอีกนาน หุหุ
มามะมารักกันๆ