A6
“วันนี้วันไรวะ”
พอตื่นลืมตาขึ้นได้ผมก็มองดูนาฬิกาตัวเองทันที ดูวันดูคืนหน่อย
“อือ”
ตายล่ะสิ ลืมไปว่านอนกับไอ้ทัก มันทำอะไรผมหรือเปล่าเนี่ย จะว่าผมเวอร์ไปไหมถ้าผมจะบอกว่าผมจับหน้าตัวเอง เผื่อมีอะไรกรังๆติด ไม่มี เอามือแหย่เข้าไปในกางเกงนอน ยังเหมือนเดิม อิอิ แน่นและจิ้นสุดๆ
“ทำไรหรา นิ้วมันจะพอเหรอตะเอง มานั่งดิ เนี่ยกำลังขึ้น”
“นี่แน่”
ฝ่าเท้าครับวางลงเน้นๆที่ท่อนลำมันนั่นล่ะ
“แว้กกก เจ็บบบ”
“ทำให้เจ็บ ปากมอมแต่เช้านะมึง”
“โอ๊ย หักๆ จะหักไหมเนี่ย มึงต้องรับผิดชอบกูนะไอ้ฮิ้นท์”
“คุณค่าที่มึงคู่ควร เป็นไง เอาอีกไหมอีกสักข้าง หนอยแน่”
“ใจร้าย แงๆ เดี๋ยวไปฟ้องพ่อตุ๋ยเลยนี่”
“เชิญ อย่าพูดใส่หน้ากูได้ไหมเหม็นปาก”
“แง๊วว ตะเองก็ยังไม่ได้แปรงฟันนี่เนอะ อิอิ”
ไอ้บ้า ผมรีบลุกไปเข้าห้องน้ำล่ะครับ ห้องน้ำอยู่ข้างล่าง ชั้นบนมีสี่ห้องนะ ห้องพ่อกับแม่อยู่ตรงข้ามผมอีกฝั่ง มีช่องเดินตรงกลางข้างห้องผมเป็นห้องพี่โฮมกับพี่อ้อย แต่ตอนนี้ไม่อยู่ทั้งสอง ว่าไปพี่ชายผมมันก็แอบงอนพ่อกับแม่เหมือนกันนะ เรื่องอะไรน่ะเหรอ อิอิ ก็เรื่องชื่อนั่นล่ะครับ โฮม พี่ชายผมมันชอบบอกใครๆว่ามาจากบ้าน แต่ไม่หรอกนะ พ่อผมบอกว่าโฮมที่แปลว่ารวมกันน่ะ เป็นภาษาถิ่น เพราะคนที่นี่พูดเหมือนคนอีสานกันนะ ผมฟังรู้เรื่องพูดได้นิดหน่อย ส่วนมากเด็กสมัยใหม่จะไม่ค่อยพูดกัน ไม่ดีนะมันค่อยๆเลือนหายกันไปจะหมดแล้ว อ้อชื่อจริงมัน อิอิ นาย บุญโฮม พ่อก็เกินไปนะผมว่า ทีผมล่ะ ธรรปกรณ์ มันก็งอนนะพี่ผมน่ะ เข้าใจเลย ดีนะที่ผมไม่เกิดก่อนมัน ไม่งั้นคงดูไม่จืด อิอิ อีกห้องที่ติดกับห้องพ่อกับแม่เป็นห้องรับญาติ ไม่ใช่แขกเพราะมีแต่ญาติ อิอิ ผมเดินลงบันไดมาล่ะครับ ชั้นล่างเป็นห้องโล่งๆมีชุดโต๊ะเก้าอี้นั่งรับแขกมีโทรทัศน์ตู้เย็นตามประสา ส่วนครัวพ่อผมทำเอาไว้ตรงศาลาริมน้ำ
“เมื่อไหร่มันจะวันศุกร์วะเนี่ย”
ผมบ่นขึ้นครับระหว่างที่กินข้าวและรออีวิวมารับ ไอ้ทักมันก็นั่งกินอยู่กับผม วันนี้มันมาสิงอยู่ที่นี่เลยเป็นปกติล่ะครับ
“ทำไมวะ มึงจะไปไหน ไปด้วย”
“ไม่เกี่ยวกับมึง รีบแดกๆไป เดี๋ยวอีวิวมา”
“แง๊วว ไปด้วยดินะนะ”
“มึงเป็นลูกกูเหรอ จะได้คอยตามก้นไปทุกที่น่ะ ไอ้บ้า”
“ไม่ใช่ลูก ผัวตะหาก”
“จิ๊”
“อ๊ะๆ อย่านะมึง เดี๋ยวแม่แจ่มด่ากูไม่รู้นะ”
ยกเท้าแล้วครับท่าน หนอยแน่ คำก็ผัวสองคำก็ผัว เดี๋ยวจับทำผัวจริงๆเสียนี่มึงจะรู้สึก แว้กก ไม่เอาๆ เก็บความจิ้นไว้ให้สุดที่รักคนเดียว
“โอ๊ย จะรีบแดกไปไหนเนี่ยมึง ไหนนัดอีแจงไว้ว่าจะซื้อหมูปิ้งไปกินกัน แล้วนี่อะไร เดี๋ยวมันก็ได้แหกอกเอาหรอก”
คุณแม่มาแล้วครับ เสียงแหวมาแต่ไกล เออนั่นสินะ
“ก็รองท้องไงจ๊ะ”
ไอ้ทักมันพูดครับ รองท้องบ้านมันสินะฟาดไปนี่จานที่สองแล้ว
“ฉาด”
“แง๊วว”
อีวิวตบหัวมันทันทีครับ
“นี่แน่รองท้อง กับจะหมดจานอยู่แล้วเนี่ย อะไรของมึง ไหนตักข้าวมาให้แม่ซิฮิ้นท์”
ดูมันครับ อีนี่ แหมนะ
“แม่แจ่มขา หนูหิ๊วหิว แม่แจ่มทำกับข้าวหอมจังค่ะ หนูขอฝากท้องด้วยคนนะคะ”
“ตอแหล”
ผมพูดขึ้น มันสนที่ไหนหันไปประจบแม่ผมเชียวนะ ผมก็ไปตักข้าวให้มันล่ะครับคุณแม่วิว
“อุ๊ยปลาส้ม ทำเองเหรอแม่ อร่อยมาก”
“จ้า แม่ทำเอง เอาไข่เจียวอีกไหมลูก”
“ไม่. เอาค่ะ”
พูดขึ้นพร้อมหันครับ ผมไม่สองตัวนี่เอา
“นี่พวกมึงไม่รีบไปโรงเรียนเหรอ แล้วอีแจงล่ะ”
“เออ นั่นสิ แต่อร่อยจังเนอะทักเนอะ อิอิ แม่ขาหนูขอข้าวอีกจานนะคะ อร่อยม๊าก ไม่เคยกินที่ไหนอร่อยเท่าของแม่เลยนะคะเนี่ย”
เฮ้อนะ มีเพื่อนแบบนี้มันน่าภูมิใจไหมนะผมว่า
“มีน้ำปลาหวานด้วยนะลูก แม่เพิ่งกวนเมื่อเช้า ลองชิมให้แม่หน่อย”
“ว้ายตาย ของโปรด ไอ้ทักมึงไปตักมาซิ”
“อ้าว มึงอยากแดกไปตักเองดิวะ”
“จิ๊ ใช้ยากจัง ฮิ้นท์จัดการซิ”
“เออ กูตลอด แล้วอีแจงล่ะ”
“ช่างหัวมัน กูแดกก่อน อร่อยจะตายรอไม่ได้แล้ว”
นี่ไงครับความน่าภาคภูมิใจในการมีเพื่อนอย่างพวกมัน
“มึงๆ”
“อะไร หูย โดนมากๆ แซ่บค่าแม่ขา”
“มึงไอ้ทักอีวิว นี่มันเจ็ดโมงห้าสิบห้าแล้วนะ”
“ช่างมันสิ หา อะไรนะ”
“ตายห่า เร็วๆเลย”
ไอ้ทักครับ แหมนะ ทีแบบนี้มาทำรีบ ห้านาที เหาะไปยังไม่ทัน เห็นแก่กินดีนัก จะว่าไปพวกผมไม่เคยไปโรงเรียนสายเลยนะจะบอกให้ วันนี้ล่ะสายแน่นอน ผมก็ขับรถอีวิวให้มันซ้อนส่วนไอ้ทักก็ขับรถผมเหมือนเคย ผมบิดแบบว่ากระโปรงอีวิวเปิดถึงคอก็ไม่สนครับ นะ ถึงหน้าโรงเรียนตอนแปดโมงสิบห้า คือบ้านเรากับโรงเรียนมันก็ไม่ได้ใกล้กันนะครับอีกอย่างทางออกจากบ้านทะเลหญ้าไปถนนใหญ่นี่ก็นะคดเคี้ยวได้อีกดีนะที่ชินมาตั้งแต่เกิด
“เอาไงดีมึง”
ผมหันไปถามอีวิวครับมันหน้าหงิกเชียว
“เอาไงล่ะหัวกูฟูนี่ไงมึงเห็นไหม ไอ้บ้ากูบอกให้ขับช้าๆหน่อย กระโปรงก็เปิดหัวก็ฟู โอ๊ยหมดสวยเลย”
“แหมนะยังมาห่วงสวยอีกนะมึงโน่นไงพ่อมึงดักอยู่หน้าโรงเรียนเห็นไหม”
อาจารย์จรูญครับดุแบบว่าสุดๆ แกเป็นอาจารย์ปกครองเรื่องทำโทษนักเรียนนี่อย่าให้บอก เหอๆ ซวยแล้ว
“อย่าหลบ มาจอดรถตรงนี้ ทำไมป่านนี้เพิ่งมาไม่มาเอาเที่ยงเลยล่ะนายธรรปกรณ์”
เว้ยนะ อะไรๆก็เรียกแต่ชื่อผม ทำไมวะจำได้แต่ผมคนเดียวหรือไงเนี่ย แต่ก็นะผมก็ดันทะเล่อทะล่าขับรถโฉบไปหน้าโรงเรียนแทนที่จะจอดรอให้เขาเลิกแถวไปก่อน เฮ้อนะ ในความบริสุทธิ์มันย่อมมีความเขลาเสมอสินะ เอิ๊ก อิอิ
“ทำไมป่านนี้เพิ่งมา ทำไมพอเปิดเทอมไม่กี่วันก็เริ่มเหลวไหลแล้วธรรปกรณ์ กุลนิต ไอ้ทักขินัย”
เอ่อ อาจารย์จรูญตวาดเสียงดังเชียวครับ เบาๆหน่อยจ๊ารย์เดี๋ยวเขาได้ยินหมด ยิ่งดังยังไม่ทันซาอยู่นะ
“ว่ายังไง ครูถามทำไมไม่ตอบ”
“โหจารย์ขาก็จารย์เว้นช่องให้หนูตอบป่าวล่ะค้า ใส่เอาๆ อิอิ”
“กุลนิต อย่ามาย้อนครูนะทำผิดแล้วจะแถเหรอ”
“โว้ แถ วัยรุ่นว่ะ”
นี่ไอ้ทักครับ โอยๆ กล้าเนอะพวกมันนี่อาจารย์ที่ดุที่สุดในโรงเรียนนะเนี่ยยังกล้าอีก
“นี่พวกเธอ ไปโน่นเลย ไปวิ่งรอบสนามบอล”
“หือ หนามบาสฯไม่ดีกว่าเหรอคะจารย์”
“เดี๋ยวนี้ สามรอบ”
ตวาดเสียงดังมากๆครับ ดังจนผมฉี่จะราด เราสามคนสะดุ้งกันเลยทีเดียว และมันก็ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนที่กำลังแผ่เมตตาหรืออะไรอยู่นี่ล่ะจะหันมาเป็นตาเดียวกันและอย่างไม่ได้นัดหมาย
“กูว่าแล้ว”
ผมบ่นออกมาครับทำหน้าจ๋อย สองคนนั่นมันยังร่าเริงอยู่นะ
“นั่นคือตัวอย่างที่ไม่ดีนะนักเรียน พวกมาสายน่าจะให้วิ่งสักสิบรอบนะครูว่า”
เสียงอาจารย์เวรหน้าเสาธงประกาศใส่ไมโครโฟนครับ ไม่อยากจะนินทาอาจารย์คนนี้ไม่ค่อยถูกกับพวกเราตั้งแต่มัธยมต้นแล้ว ชื่ออาจารย์เบญจพรสอนเลข ม.ต้น สอนสุขศึกษา ม.ปลาย เดี๋ยวมีโอกาสจะเล่าให้ฟังว่าทำไม แต่ตอนนี้ดังอีกแล้วกูหน้ายิ่งปลวกๆอยู่ด้วย เหอๆ สรุปว่าอายก็อายเวลาวิ่งก็เอามือขึ้นทำท่าบังแดดหมายว่ามันพอที่จะปกปิดหน้าน้อยๆของผมได้ แต่นะคนอย่างฮิ้นท์ต่อให้ห่อมาอย่างดีใครเขาจะจำไม่ได้อ้วนดำเด่นซะขนาดนี้ เว้ยนะ
“มึงผอมแน่ๆไอ้ฮิ้นท์”
“ยังมาปากดีนะไอ้ทัก ควายเพราะพวกมึงนั่นล่ะ”
“แง๊วว ไม่เกี่ยว แฮ่กๆ”
“มึง กู แฮ่กๆ จาไม่ไหว กู ฮ๊ะ เป็นลม”
ดูครับอีวิว แอ๊บเป็นลมแหมนะยังไม่ถึงรอบ ตุ๊กตาทองมากๆ
“เฮ้ยอีวิวเป็นลม”
ไอ้ทักมันทำท่าร้องขึ้นเหมือนกัน แหมนะคือว่า อิอิ เรารู้กันล่ะครับ ผมเอาด้วยดีไหมเนี่ย แต่ถ้าหากว่าผมเป็นลมนี่คงไม่มีใครเชื่อ กูดูซี้สารร่างของผม ฮือๆ พูดมาแล้วช้ำใจ เพราะมันมีแต่ไขมันส่วนเกินที่ไหลออกมาอาบต่างน้ำไปเลยก็แล้วกัน อาบมาแล้วนะเนี่ย ฮือๆเปียกอีกแล้ว
“อ้าว เป็นลมเลยเหรอ หรือว่าอาจารย์จรูญให้รอบน้อยไป”
เสียงอาจารย์เวรจมูกก้อนเส้าหน้าเสาธงประกาศดังมาครับ อีวิวมันอมยิ้มเลยนะ เสียงนักเรียนก็เฮดังสนั่น ที่เรียกจมูกก้อนเส้าเพราะนางไม่มีดั้งมีแต่ตรงปลายจมูกที่บานๆออกมาพอให้หายใจ แต่นะนางชอบว่านางเองสวย ชอบจิกอีวิวกับอีแจงประจำ นี่ยังน้อยไปนะเวลาสอนทำท่าเอาหนังสือขึ้นกางแต่รู้ไหมนางทำอะไร นางแอบส่องกระจกบีบสิวเสี้ยนที่ข้างจมูก โว้ยนะ นี่ครูนะเนี่ยจะบาปไหมที่เผาอาจารย์ อิอิ
“เป็นลมไม่ได้ เมื่อกี๊ยังระรื่นอยู่เลยนะกุลนิตลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
อาจารย์เจ้ากรรมนายเวรร้องมาแกยืนมองอยู่ข้างสนามครับ ผมเริ่มกลัวเพื่อนน่ะไม่สงสารมันหรอกเพราะรู้ว่ามันแกล้ง ไอ้ทักก็เริ่มลังเล
“อย่าทิ้งกูนะมึงไอ้ฮิ้นท์”
อ้าวซวยผมอีก ผมจะทำยังไงล่ะครับก็ก้มๆเงยๆจะไปก็ไม่ไปจะก้มหาอีวิวก็ไม่ก้ม ส่วนไอ้ทักเพื่อนเลวโน่นเลยครับ แจ้นไปก่อนใคร หนอย คอยดูเถอะจะโดนจัดหนักไอ้บ้านี่
“จารย์ครับ มันเป็นลมจริงๆนะครับ”
“ไม่เชื่อ”
แว้กก อุตส่าห์กลั้นใจพูดตวาดกลับมาทีเดียวแทบฉี่ราดเลยผม
“อีวิวทำไงดี”
ผมกระซิบถามมันครับ
“หนอย มานี่”
มันกัดปากครับ
“โอ๊ยๆๆ”
เอ่อ ผมนี่ยืนตาค้างครับ ทุ่มเทมากเพื่อนรักมันกลิ้งทั้งตัวไม่กลัวเปื้อน ตัวงอ ทำหน้าตาเหยเกเหมือนปลากระโดดออกจากน้ำแล้วดันมาเจอพื้นถนนซีเมนต์ร้อนๆ ดิ้นแด่วๆอยู่ ผมได้แต่ยืนมองเพราะทึ่ง
“เฮ้ยๆ มันจะตายไหมนั่น”
“จารย์ๆ มาดูมันหน่อย มันเป็นโรคลมบ้าหมู”
ผมก็นะ อิอิ ไม่รู้อ่ะครับ ตามน้ำเนอะ อาจารย์จรูญรีบวิ่งเข้ามาทันที อย่าให้เล่าต่อเลยครับสรุปว่าอีนังวิวได้ไปห้องพยาบาลคนเดียว ส่วนผมน่ะเหรอ โว้ย น้ำมันพรายไหลเยิ้มสิครับท่าน เปียกได้อีก
“โอยๆ กูจะตายไหมเนี่ย”
ผมครางออกมาหาที่เกาะครับ แหมนะตอนเดินผ่านหน้าเสาธงก็อายนะ แต่เขาปล่อยแถวไปแล้วที่อายน่ะ ก็รุ่นพี่ห้องหนึ่งมั้งไม่ได้มองชัดๆ มันเรียนวิชาอะไรไม่รู้เดินวนเวียนอยู่แถวๆหน้าเสาธง เสียงแซวก็นะ คิดว่าเป็นเสียงนกเสียงกาก็แล้วกัน โมโหมากๆ ไอ้ทักเลวมากครับ มันไม่คอยผมเลย โอยๆ เอาเลยล้อเลยเอาให้พอ อย่าให้วิ้งนะจะเชิดใส่ จิ๊
“ทำไมพวกมึงมาสายเนี่ย กูรอแดกหมูปิ้งอยู่นะเว้ย”
พอสิ้นเวรสิ้นกรรมเราก็ไปนั่งอยู่ใต้ร่มหูกวางหลังอาคารหนึ่งครับมีแทงค์ใส่น้ำกลมๆใหญ่ๆสามอันเรียงรายกันอยู่
“แฮ่กๆๆ ก็อีวิวน่ะแดกข้าวเยอะสิมึง”
“หนอยไอ้เชี่ยทัก มึงนั่นล่ะแดกไปสามจาน”
“อ๊ะ นี่พวกมึง ทรยศกูเหรอแอบแดกข้าวก่อนกู ไหนบอกให้กูรอ อีปลวกทั้งสาม เนี่ยกูหิวจะตายอารมณ์เสีย”
อีแจงมันยืนเท้าสะเอวทำหน้าเหมือนยักษ์วัดแจ้งประมาณนั้นครับ ถลกชายกระโปรงขึ้นมาหน่อย เสียวแทนจริงๆ ที่เสียวนี่เสียวแข้งมันนะครับเห็นมันสวยๆแบบนี้เคยเตะผู้ชายล้มพับมาแล้วนะขอบอก
“น้อยๆหน่อยอีแม่ปลวก” อีวิวครับ
“ไหนแดกอะไรกันถึงไม่ยอมรอกู”
“มะม่วงน้ำปลาหวาน อร่อยนะมึง อิอิ”
“เลวมาก ไม่รู้ล่ะเย็นนี้กูต้องได้กิน อิอิ”
“แหมนะ กูก็นึกว่าจะงอนอะไรมากมายเห็นแก่กินนี่หว่าอีแจงมึงอ่ะ”
“หุบปากไปเลยไอ้ทัก เดี๋ยวเถอะมึงใช่ไหมที่เป็นหัวโจก”
“อ้าว อย่ามาพาลดิวะ”
“นี่ๆ พวกมึงจะเข้าเรียนได้ยัง เถียงกันอยู่ได้เดี๋ยวก็โดนแม่มึงแดกหัวเอาทุกคนหรอกคราวนี้ วันนี้พอเถอะนะความซวยน่ะ”
ผมพูดขึ้นครับเพราะท่าทางมันจะยาวลองให้ด่าทอกันแล้วเป็นแบบนี้ตลอด ผมยังเคยสงสัยเลยนะว่าถ้าให้พวกมันด่ากันนี่คงอยู่ได้เป็นวัน พอเข้าเรียนก็โดนเพื่อนๆล้อหาว่าเป็นดาราล่ะครับ เป็นเรื่องปกติ เออวะไม่คิดมากก็ได้ คิดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเขาเรียกว่ายอมรับสภาพสินะแบบนี้
“กูล่ะเบื่ออีกพวกชอบล้อกูจังนะ แม่ง อย่าให้กูผอมขึ้นมานะมึง”
ผมสบถออกมาตอนเดินไปโรงอาหารในตอนบ่ายครับ อารมณ์เสียเหมือนกันนะเพราะโดนบ่อยๆเข้าจากที่ทำใจได้ก็เป็นรำคาญขึ้นมา มึงจะล้ออะไรกันหนักหนาเนี่ย ทีกะเทยออกสาวอ้วนๆดำๆน้ำมันพรายไหลเยิ้มห้องหนึ่ง ทาน้ำยาอุทัยมาโรงเรียนไม่เห็นไปสนใจล้อ ผมไม่ได้ออกสาวนะครับบอกไว้ก่อน ในห้องไม่มีใครรู้มีแต่อีแจงกับอีวิวสองคน ไอ้ทักเองมันก็คงไม่รู้ ต้องใช้คำว่าก็คงเพราะเราอยู่ด้วยกันทุกวัน มันล้อผมเล่นๆเท่านั้นไม่เคยว่าผมเป็นเกย์หรือกเทยจริงจังอะไร
“มึงก็เอาจริงเอาจังเสียทีสิวะ กูเห็นบ่นอยู่เป็นชาติแล้ว ไม่เห็นทำไรซะที”
อีวิวครับ เออนะ มันก็จริงของมันล่ะครับ
“เออนั่นดิ กูเห็นแดกยังกะหมูแล้วเมื่อไหร่มึงจะผอมล่ะไอ้ฮิ้นท์ ลดๆลงบ้างเถอะ”
“จิ๊ เออน่า กูรู้แล้ว แล้วนี่ไอ้เชี่ยทักไปไหนเนี่ย หนอยจะชำระความ วันนี้กูไมได้ลืมนะ มันทิ้งกู”
“เออนั่นสิ จะตบกะโหลกมันซะหน่อย หนอยไม่รับมุขเลย อ๊ะอย่ามาชวนเปลี่ยนเรื่องไอ้ฮิ้นท์ นี่กำลังพูดเรื่องแกจะลดน้ำหนักอยู่นะ อย่ามาแถย่ะ”
“นั่นสิ อีวิวพูดถูก มึงเอาจริงเอาจังเสียทีสิไอ้ฮิ้นท์ หน้าปลวกปลาร้าปลาจ่อมปลาส้มอยู่แบบนี้ไอ้ฮัทมันคงจะแลตามองหรอกนะ”
มันสองคนตะเบ็งเสียงใส่ผม แหมนะไม่กลัวคนเขาจะได้ยินบ้างหรือไงนะ
“เบาๆหน่อยมึง เดี๋ยวใครก็มาได้ยินหรอก”
ผมแผ่วเสียงทำท่ากระซิบกระซาบ
“จะเบาเพื่อ ไม่มีใครสักตัว เอาเลยอีวิวจัดการ”
“นั่นสิไอ้ฮิ้นท์มันถึงเวลาแล้วนะที่มึงจะทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง อย่างน้อยไอ้ฮัทไม่มองมึงก็ยังมีคนอื่นเขาจะมองนะเว้ย ไม่ใช่อ้วนดำๆแบบนี้”
“นี่มึง น้อยๆหน่อย กูแค่อวบ ไม่ได้อ้วน”
“อวบระยะสุดท้าย”
มันสองคนพูดขึ้นพร้อมกันแล้วหัวเราะ แหม น่าตบเรียงตัวจริงๆเชียวครับ ไม่ถือว่าเป็นเพื่อนนะ ตกลงนี่มันจะช่วยผมหรือมันจะทับถมกันแน่วะเนี่ย พอกินข้าวเสร็จผมก็ปลีกตัวมาจากเพื่อนๆทั้งสามตัวล่ะครับ ลืมไปเลยเรื่องไอ้ทัก ช่างมันเถอะ คืนนี้ค่อยจัดการ ผมเดินไปที่ห้องศิลปะเพราะต้องคุยเรื่องรูปกับอาจารย์สุพจน์
“ต๊าย ไม่น่าเชื่อเนอะ หน้าตาอุบาทว์ไม่พอยังเสือกเป็นตุ๊ดอีกคนเรา น่าอนาถแท้ๆ”
ผ่านหัวมุมตึกไปผมก็ผงะเล็กน้อยครับเพราะเจอแหวน แหวนไหนกรุณาอย่าถามก็อีแหวนที่เกาะแกะฮัทของผมนั่นล่ะครับ ฮึ่ม ผมไม่สนใจในคำพูดของมัน เพราะมันคงไม่ได้ว่าผมหรอกนะ
“ทำเป็นไม่รู้สึก หนังหนาหน้าด้าน อีกะเทย อีกะเทยอ้วนดำ”
หือ คุ้นๆนะคำนี้ และที่สำคัญไม่มีใครเดินตามหลังผมมาเลยนี่ครับ เอ๊ะอีนี่มันรู้ได้ยังไงว่าผมแอบชอบฮัทอยู่ ผมเริ่มรู้สึกตัว
“อ๊ะ”
เอ่อ ความรู้สึกช้าไปไหม เพราะอีแหวนมันกระชากไหล่ของผมแล้วครับ
“อีกะเทยอ้วนดำ จำเอาไว้นะจะเสือกเป็นกะเทยก็เป็นไป แต่อย่ามายุ่งกับฮัท ฮัทมีเจ้าของแล้วนั่นก็คือกู จำเอาไว้”
“เอ่อ”
“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ กูรู้เรื่องหมดแล้ว ไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูหนังหน้าเหียกๆของตัวเองนะ อีหมาเห่าเรือบิน อีปลิงเกาะควาย อีปลวกสามโคก อีปลาร้าค้างชาติ”
ผมยืนหน้าชาอยู่ครับ หนึ่ง คือไม่เคยคุยกับอีนี่มาก่อนเลยนะตั้งแต่สมัยไหนเพราะผมไม่ชอบคนขี้โอ่เจอหน้ากันก็ได้แค่มอง สองไม่คิดว่าคนที่หน้าตาเอ่อประมาณว่าถ้าไม่ทาแป้งมันก็จะมองไม่เห็นความสวยอ่ะนะครับจะปากสุนัขได้ใจขนาดนี้ อีกอย่างที่ผมไม่เคยเสวนากับมันเพราะมันคอยโพนทาว่าตัวเองเป็นแฟนฮัท ฮึ ผมอึ้งนะ อ้าปากค้างอยู่
“จำไว้ อย่าสะเออะ หน้าหนอนๆอย่างแกน่ะ ไม่มีทางที่ฮัทเขาจะชายตามามอง จำใส่กะโหลกเอาไว้”
มันผลักบ่าผมแรงๆจนเซไปด้านหลังครับ นี่มันอะไรกัน
“เดี๋ยว”
มันทำท่าจะเดินหนีไปครับ ผมได้สติที่ค่อนข้างมาช้านิดหน่อยร้องออกไป
“อะไรอีกะเทยอ้วนดำ แกมีอะไรจะเห่า”
“จำคำของเธอไว้นะ”
“โว้ย อีบ้านนอกหน้าหนอน หน้ายังกะผี กูไม่จำให้รกสมองหรอก จะจำทำไมกะเทยอ้วนๆดำคนนึงไร้ค้า ไม่น่าจดจำต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่แกก็ไม่มีทางหน้าตาดี แกนั่นล่ะที่ควรจะจำเอาไว้ อีกะเทยอ้วนดำ”
“จำไว้”
ผมเม้มปากแน่นครับแล้วตัดสินใจยอมหันหลังหนีดีกว่า ตอนนี้เองที่ผมเริ่มคิด ตอนนี้เองที่คำด่าว่าอีกะเทยอ้วนดำมันตอกอยู่กลางหน้า ใครด่าก็ไม่รู้สึกเจ็บเท่าอีแหวนด่าเพราะว่าอะไรผมไม่รู้แต่ตอนนี้ผมเดินเลยห้องศิลปะไปแล้ว เดินตรงไปยังใต้ร่มราชพฤกษ์ เสียใจไหม มากเลยทีเดียวผมพยายามรวบรวมสติทบทวนทุกคำพูดของมัน จริงอยู่คนอย่างอีแหวนมันอาจจะพูดอะไรออกมาตามแต่ใจมัน แต่มันคงไม่คิดหรอกว่าคนที่มันว่ากระทบกระเทียบนั้นจะรู้สึกยังไง ตายแล้วเกิดใหม่ก็ไม่มีทางหน้าตาดีเหรอ เออ มึงคอยดู กูจะเด้งให้ดู อีแหวน ผมคำรามอยู่ในใจ
To be continued