ตอนที่ 8เมื่อคืนผมนอนหลับได้เต็มอิ่มเป็นครั้งแรก แต่กลับตื่นมาด้วยความรู้สึกโหวงๆ ในอกเหมือนชิ้นส่วนในตัวหล่นหายไป
ผมแต่งตัวและออกไปเรียนครั้งแรกในคณะเดิม แต่เป็นในอีกมหาลัยหนึ่ง โซ่ไปส่งที่ตึกเรียนวิชาแรก และบอกว่า ถ้าจะไปเรียนตึกไกลๆ ก็โทรเรียกเขาหรือโทรหาคนขับรถจากที่บ้าน แล้วเราก็แยกกันไป
โทรศัพท์ผมได้เบอร์ใหม่แล้ว ผมเลยได้ดูรูปภาพและข้อมูลต่างๆ ในเครื่องโดยไม่มีคนโทรมากลางคัน เปิดไล่ดูรายชื่อและพยายามจดจำใบหน้า ขณะเดินหาห้องเรียน ในเครื่องไม่มีรูปพี่ภาคินที่โซ่เล่าให้ฟังเลย พี่ชายที่ตัดขาดออกจากบ้านไป ยังไม่กล้าโทรบอกเบอร์ใหม่คนๆ นี้เลย ส่วนพ่อแม่และน้องสาวโทรหาหมดแล้ว
"นั่นวินนี่นา"
"รถเละแบบนั้นนึกว่าอาการจะหนักซะอีก"
ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์แล้วปิดเสียงเรียกเข้าเอาไว้ เพิ่งสังเกตว่าตั้งแต่ลงจากรถตรงหน้าตึก จนทางเดินชั้นสอง มีคนมองหน้าตลอด แต่ไม่มีใครเข้ามาทักเลยไม่ทันรู้สึกตัว เกร็งชะมัดเลย คิดง่ายไปว่า มาเรียนแค่ตั้งใจเรียนไปให้จบๆ ไป แต่ทำตัวลำบากกว่าที่คิด
ผมเข้าไปในห้องที่อาจารย์ยังไม่มาสอน นักศึกษาบางคนมองหน้าแล้วพยักเพยิดให้หันมาตามกัน พอผมหลบสายตาเดินเร็วๆ ไปแหมะตรงเก้าอี้ตัวหนึ่งหลังห้อง พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าคนกว่าครึ่งในห้องมองมาที่ผมเป็นตาเดียว
ให้มันได้อย่างนี้สิ...
"เอ่อ...วิน หายดีแล้วเหรอคะ? ทำไมมุมปากเหมือนแผลยังใหม่ๆ อยู่เลย"
"...หายดีแล้วครับ"
"ได้ข่าวว่ารถพังยับเลยไม่บาดเจ็บมากใช่ไหมจ้ะ"
"ไม่เป็นไรครับ"
"วิน นายไปนอนโรงบาลไหนอ่ะไม่มีใครรู้เลย พวกรุ่นพี่ก็มาถามฉันหลายคน"
"นี่แล้วทำไมมาคนเดียว เดอะแก๊งเมาหลับเหรอ? "
"เห้ย รถนายประกันว่าไงมั่งอ่ะ มันมีปัญญาจ่ายเปล๊า? "
"เดี๋ยวเย็นนี้ว่างไหม ไปเที่ยวกะเราได้ป้ะ"
"...."
ผมพยายามตอบคำถามที่ระดมยิงเข้ามา แต่ระหว่างที่คนหนึ่งถามคำถามแรกยังไม่จบ อีกคนก็ซ้อนคำถามที่สองที่สามตามมา ผมเลยนั่งนิ่ง(ด้วยความเอ๋อ) ทำอะไรไม่ถูก มึนงงอยู่สักพัก แล้วก็ตอบออกไปสั้นๆ ว่า
"ไม่รู้"
พวกที่ย้ายที่นั่งมาหา หรือเดินมาใกล้ ท่าทางชะงักไป
"อย่าโกรธสิคะ ไม่กวนแล้วก็ได้"
ผมเหรอโกรธ? ผมไม่ได้... อา สงสัยตอบห้วนไปหน่อย ไม่น่าเลย
"เปล่าครับ ไม่ได้โกรธเลย"
"เฮ้ยเพื่อน จะทำหน้าโหดไปไหนวะ"
เพื่อน? คนนี้เป็นเพื่อนกับวินเหรอ แย่แล้วสิ เค้าชื่ออะไรละเนี่ย
ผมรีบหยิบมือถือขึ้นมาเร็วๆ ตั้งใจเปิดหาในรายชื่อ แต่มองจากมุมมองอีกฝ่าย กลับเข้าใจไปเองว่าผมไม่อยากคุยด้วย เลยทำเมินไปเล่นมือถือซะอีก
"เออๆๆ ไว้ไปเที่ยวร้านนั้นอีกก็อย่าลืมชวนเราล่ะ" เขาตัดบทเซ็งๆ
แล้วอาจารย์ก็เข้าคลาส ทำให้กลุ่มคนแยกย้ายกันออกไปนั่งเรียน เรื่องที่บรรยายไม่ยากเลยที่จะเข้าใจ แต่การทำตัวเป็นนายนาวินคนดังนี่ผมคงจะสอบตกได้อีกหลายร้อยครั้ง... เฮ้อ บางทีผมก็ลืมว่าหน้าดุ ตาดุ บางครั้งก็สื่อความหมายผิดเพี้ยนไปจากที่ตั้งใจ พอจบคาบมีคนเข้ามาคุยบ้าง ผมก็พยายามเออออตามน้ำไปเรื่อย
เหนื่อย.....
เดินออกจากห้องพร้อมอาจารย์พอดี เลยถอยเปิดทางให้ท่านเดินผ่านประตูไปสะดวกๆ เจอเอาหนังสือตีไหล่เบาๆ
"หมดเคราะห์หมดโศกแล้วนะเรา"
ผมยิ้มแล้วไหว้ ผู้อาวุโสเลิกคิ้วแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดว่ากระไร ผมใจชื้นขึ้นมากเมื่อได้รับพรผู้ใหญ่ พอเดินลงมาจากตึกแล้ว อีกชั่วโมงกว่าถึงจะเข้าเรียนอีกที่ ถึงโซ่ถามล่วงหน้าแล้วว่าจะให้มารับไปส่งไหม แต่แค่เข้าเรียนเองผมพอเอาตัวรอดไปได้ อยู่คนเดียวไหว ไม่อยากรบกวนโซ่ตลอดทั้งวันทุกวันหรอก
ผมกำลังดูแผนที่ในมือถืออยู่ก็ตอนที่มือปริศนากำข้อมือผมแล้วกระชากลากถู
หัวใจเต้นโยนด้วยความตกใจจึงไม่ทันสะบัดแขนออก รูปร่างคุ้นตาที่เดินนำไม่ได้พูดอะไรสักคำ
"เก้า จะพาผมไปไหน"
"กูกับมึงต้องเคลียร์กัน"
เราเดินมาถึงรถสปอร์ตสีแดง เก้าเปิดประตูที่นั่งด้านข้างคนขับแล้วดันไหล่ผมเข้าไปนั่ง ซึ่งผมก็ไม่ได้จะแสดงท่าทีจะหนีหรืออะไร อยากขอโทษแทนเจ้าของร่างเหมือนกัน ตอนนี้คู่กรณีข้างๆ ขับรถเร็วน่าหวาดเสียว ยังดีว่าสายตาจดจ่ออยู่กับท้องถนน ไม่ได้เริ่มบทสนทนาอะไร ผมนั่งเงียบอย่างอึดอัดมาตลอดทาง จนถึงตึกสูงสร้างใหม่ๆ ที่ดูเหมือนย่านที่พักของมนุษย์เงินเดือน
"ตามมา"
ผมยืนพะว้าพะวงเมื่อเข้าไปในห้องหนึ่งและได้ยินเสียงปิดประตูตามหลังเสียงดัง นี่คงเป็นห้องพักของเก้า นักศึกษาที่นี่มีแต่เด็กรวยๆ รึไงนะ ผมจะบอกเก้าดีรึเปล่าว่ามีเรียนต่ออีกในไม่ถึงสองชม.นี้ เพราะอีกฝ่ายดูถมึงตึงน่ากลัว เราเดินเข้ามาในห้องชุดที่ตกแต่งเข้ากันลงตัว เหมือนภาพในนิตยสารตกแต่งบ้าน ห้องนี้ไม่ค่อยมีของใช้ประจำวันวางตรงนู้นตรงนี้เหมือนห้องของโซ่ ที่มักจะมีของใช้วางให้หยิบง่าย หนังสือและนิตยสารอัดๆ กันอยู่ในชั้นหนังสือบิลท์อิน เครื่องเกมที่ไม่ได้ถอดสายกองอยู่ล่างทีวี ห้องของเก้าเป็นระเบียบ สวยเหมือนเพิ่งซื้อและตกแต่งเสร็จใหม่ๆ แห้งแล้งเหมือนไม่เคยมีใครมาใช้ชีวิตอยู่ในที่แห่งนี้
"ไอ้โซ่ มันยกโทษให้มึงง่ายๆ เพราะสงสารที่มึงความจำเสื่อมใช่มะ"
เก้าพูดหรี่ตา เอียงคออย่างคนกวน ท่าทีหาเรื่อง
"เก้า ผมอยากขอโทษคุณจริงๆนะ ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินเลยซักนิด" มุมปากเกิดเจ็บขึ้นมา ตามเค้ามาแบบนี้มีโอกาสโดนต่อยซ้ำเอาง่ายๆ แต่ก็ต้องเคลียร์กันให้จบ
"อยากขอโทษ? เฮอะ เรื่องไร?"
"ผมได้ยินมาว่า ผมเคยคบกันน้องของเก้า"
เก้ากระชากคอเสื้อผมอย่างเร็วและแรง ถูกดึงให้เข้าไปจ้องตาที่ดุร้ายและกำลังขบฟันกรอดอย่างกราดเกรี้ยว
"ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตะ...แต่ ผม ผมขอโทษ ผมเสียใจจริงๆ "
เก้าโยนผมให้หล่นนั่งบนโซฟา เดินงุ่นง่านวนไปวนมา
"มึงนี่น่าโมโหจริงๆ เป็นปัญญาอ่อนจำเหี้ยอะไรไม่ได้ ไอ้โซ่ให้อภัยมึงได้ยังไง กูเห็นท่าทางกวนตีนของมึงแล้วยิ่งโกรธ ยิ่งหงุดหงิดรำคาญตา มึงจะทำให้กูคลั่งใช่ไหม ทำให้กูรู้สึกเหมือนเป็นบ้าอยู่คนเดียว"
ผมกำคอเสื้อยับย่น รั้งสาบเสื้อเข้าหากันเพราะกระดุมเม็ดบนหลุดหายไป ยอมให้อีกฝ่ายด่าๆๆๆ จนสาสมใจ ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ เรื่องที่คนอื่นทำไว้ ไม่ใช่ผม
"มึงทำลายชีวิต... ทั้งชีวิต ของน้องกู"
ผมเงยหน้ามองเก้า ที่ตอนนี้หยุดเดินย่ำไปทั่วแล้ว แต่ยืนกำหมัดที่ตกอยู่ข้างลำตัวจนสั่นระริก ผมมองตอบสายตาที่ทั้งโกรธแค้นและเจ็บปวดนั้นอย่างสุดความสามารถ ความพยายามไม่หลบตา
"กูไม่มีความจำเป็นต้องทวนให้มึงฟัง ไอ้สัตว์เดรัจฉาน"
ผมกลืนน้ำลายอึ้ก พูดอะไรไม่ออก จะขอโทษก็ไม่กล้าแล้ว น่ากลัว...
"มึงจะชดใช้ยังไง ...ชดใช้ยังไงกับเรื่องเลวๆ ที่ทำลงไป"
เก้าเอามือสองข้างยันกับพนักพิงโซฟา และก้มมองอย่างดูแคลน ฟาดหลังหมัดมาที่มือผมที่กำคอเสื้อไว้หลวมๆ จนมือผมเจ็บไปหมด ผมก้มหน้าขอบตาร้อนผ่าว ไม่มีปัญญาทำอะไร... แค่จะมีชีวิตต่อไปวันๆ ยังต้องยืมร่างคนอื่นใช้เลย อึ้ก...
จู่ๆ เก้าก็บีบคอผมแล้วกระชากให้เงยหน้า ผมเบิกตาโพลงน้ำตาคลอ หายใจติดขัดจึงพยายามแกะนิ้วที่รัดด้วยสัญชาตญาณ
"ด้วยชีวิต? "
ผมส่ายหน้า ร้องไห้จริงๆ แล้วคราวนี้ ไม่เอานะ ให้เจ็บปวดแบบนั้นไม่เอาอีกแล้ว
"วินขอโทษ... วินขอโทษ"
"ร้องไห้ทำไม"
เก้าคลายมือให้หลวมแล้วทำหน้าสะใจ ยิ้มเย้ยเมื่อผมน้ำตาไหลอาบแก้ม
"อ่อนแอลงเยอะว่ะ ตั้งแต่ที่ลาดจอดรถแล้ว"
"ฮึก..."
"มึงชดเชยอะไรไม่ได้หรอก น้องกูไปเรียนเมืองนอกแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่คนเดิมที่กูเคยรู้จัก มันไม่เข้มแข็ง ไม่มีความสุข"
ผมกลั้นร้องไห้แล้วเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อ พยายามมุดลอดแขนออกไปจากอาณาเขตของคนโกรธแค้น
"โอ้ยยยย"
เก้าขยุ้มผมของผมทั้งกำแล้วกระชากให้หันนั่งตัวตรงเหมือนเดิม
"ใครบอกมึงว่าจบเรื่องแล้ว"
เก้าบีบต้นแขนของผมล๊อคแน่นกับพนักพิง กดปากเข้าหาปากผมแล้วบดขยี้ ผมเจ็บแผลที่เพิ่งโดนต่อยไป นี่มันอะไรกันอีก ผมดันอกคนข้างหน้าแรงๆ ด้วยขนาดร่างกายที่พอๆ กันจึงทำให้ผลักออกไปได้ในที่สุด เก้าเซไปชนโต๊ะกระจกกลางชุดรับแขก ข้าวของผมที่วางไว้หล่นกระจาย
"มึงก็ชดใช้ให้กูอยู่นี่ไง ทำให้กูหายแค้น มึงทำลายชีวิตน้องกู กูจะทำลายมึงบ้าง!!! "
ผมอยากร้องตะโกนดังๆ อยากอธิบายว่าไอ้เรื่องทั้งหมดของคุณ น้องคุณหรือตัวนาวิน มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผมเลย ผมเป็นคนนอก ผมอยากวิ่งหนีไปให้พ้นๆ ไม่อยากรับผิดชอบ แต่สุดท้ายแล้วก็หนีไม่ได้ พรุ่งนี้มะรืนนี้ ผู้คนก็มองผมเป็นคนร้ายอยู่ดี
ผมถูกขังอยู่ในร่างกายของนาวิน"ถ้ามึงสำนึกจริงๆ อย่าขัดขืน"
"ทะ... ทำอะไร"
อีกฝ่ายเอามือสอดเข้ามาในคอเสื้อและลูบ มุดหน้าเข้ากับคอข้างหนึ่ง ผมเถิบตัวหนีอัตโนมัติ เดี๋ยวนะ นี่คิดจะทำอะไรกับผม?? ที่เป็นผู้ชายเนี่ยนะ
"อย่าหนี!! "
ผมขยับตัวหลุกหลิก เก้า เก้ากำลังไซร้คอจนผมหนาวไปทั้งแผ่นหลัง มือที่ลอดเข้ามาในคอเสื้อลูบไหปลาร้าผ่านลงไปที่อก
อึก ขนลุก
เก้าปลดกระดุมเสื้อผมแล้ว เปิดเสื้อออก เสื้อผมถูกดึงจากไหล่ลงไปที่ข้อพับข้อศอก
"เก้า เดี๋ยว คือ ผม..."
"อะไร จะขอโทษอีกรึไง กูเบื่อจะฟังแล้ว"
"ให้ผมทำอะไรก็ได้ แต่หยุดเถอะนะ"
"มึงก็ชอบผู้ชายไม่ใช่เหรอ ทำไมดูไม่มีอารมณ์เลยวะ ช่างแมร่งละกัน"
"ผมไม่ชอบผู้ชาย" ผมยึดมือที่ปลดเข็มขัดแล้วพยายามรูดซิบเอาไว้ ขัดขวางไม่ให้ทำ ผมไม่มีอารมณ์กับผู้ชายได้หรอก
"โกหก! มึงยังเอาน้องกู อ้อใช่ มึงไม่เคย'โดน'ล่ะสิ แบบนี้ยิ่งดี กูยิ่งสะใจ!!!"
"ปล่อยผมเถอะ ให้ผมทำอะไรก็ได้ ผมไหว้ล่ะ"
ผมพนมมือขอ แต่อีกคนไม่สนใจฟัง พยายามกระชากถอดกางเกง
"กูจะทำ เรื่องที่มึงไม่อยากให้ทำนี่ล่ะ"
tbc...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ลงวันเว้นวันจ้า อัพช่วงค่ำๆ ....เขียนไปเขียนมา เหมือนเรื่องนี้จะยาว
ก็... ฝากติดตามต่อด้วยนะคะ ขอบคุณทุกcommentเลยค่ะ ตรงไหนงงๆ หรือบรรยายเยอะไปก็ท้วงได้ค่ะ ชีวาติดเกมมากไป บางทีก็สมาธิสั้นนิดหน่อย