คุณ nartch -- แฮะๆ ลงยาวๆ เดี๋ยวจะอ่านมะทันกันน่ะ อย่าเกลียดคุณเพื่อนเค้าเลย ตัวเด่นเลยนะนั่น หุหุ
คุณ jammy -- คนเค้าทำไปโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเพื่อนจะเสียตัวนี่

ถึงอยู่กันคนละโลก แต่ความรักมันก็อยู่ในโลกใบเดียวกันน๊า

คุณ Poes และ คุณ ken_krub -- ติดตามต่อเลยจ้า
คุณ Ferfa คุณ PeaZa -- ยินดีต้อนรับค่ะ
---------------------------------------------------------------------------------------------------
Chapter:3 วันที่วุ่นวายวันหนึ่ง เรโอมองผมตาปริบๆกับอาการตกใจราวกับเห็นผีของผม ผมจ้องมองภาพคนบนหน้ากระดาดเขม็ง หายใจหอบอย่างกับคนวิ่งร้อยเมตร มือทั้งสองยึดจับที่ท้าวแขนแน่นเหมือนกับกลัวจะร่วงตกจากเก้าอี้
“แกเป็นอะไรของแกวะกาย?!! วันนี้แกดูผิดปรกติไปนะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า?” ไอ้เรโอขมวดคิ้วมุ่นมองผมอย่างสงสัย แต่ผมยังคงจ้องมองบุคคลในรูปนิ่งราวกับวิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปแล้ว...
“เฮ้ย!! ไอ้กาย!!!” ผมสะดุ้งโหยง!ทันที เมื่อเจ้าเรโอตะโกนใส่หูผมเสียงดัง ปลุกผมจากภวังค์ความคิดทั้งปวง
“อะ...อะไรวะ! เสียงดังทำไม?!”
“ก็ถามแล้วไม่ตอบนี่หว่า? เอาแต่ทำหน้าอย่างกับคนถูกผีเข้าอยู่ได้” ถ้าผมถูกผีเข้าอย่างที่มันว่าก็ดีน่ะสิ จะได้ไม่ต้องรับรู้อะไร ผมลูบหน้าลูบตาตัวเองเป็นการปลอบขวัญ แล้วรีบปิดนิตยสารเล่มนั้นทันที เพราะไม่อาจทนเห็นหน้าไอ้หมอนั่นอีกต่อไป
ผมเหลือบมองเรโอก็พบว่ามันกำลังมองหน้าผมอย่างฉงนสงสัยสลับกับมองนิตยสารบนโต๊ะทำงาน ผมเกิดอาการตื่นตัวทันที หรือว่าเรโอมันจะรู้แล้ว!! ไม่หรอกๆไม่มีทาง ผมวิตกจริตเกินไปแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจะไม่มีใครรู้ได้นอกจากผมกับเจ้าฝรั่งนั่นเท่านั้น!
“มองอะไรวะ หลงรักฉันแล้วรึไง?” ผมแสร้งถามเพื่อขัดความคิดของมัน ถึงจะไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ก็เถอะ!
“เหอะ! ถ้าได้หน้าตาแบบแกเป็นแฟนก็ดีน่ะสิ แต่ถ้าให้เอาแกเป็นแฟนฉันไม่เอาด้วยหรอก โหดอย่างกับอะไรดี... มีหวังได้ตายก่อนจะทันได้คบ” คำพูดหมาๆของมันทำให้ผมหมั่นไส้ ดูมันพูดทำอย่างกับตัวเองประเสริฐเลิศเลออย่างไรอย่างนั้น ผมจึงเอาคืนมันด้วยการเอานิตยสารที่มันภูมิใจนักหนาฟาดกระบาลมันทันที
“โอ๊ย! ไอ้บ้า! ฟาดมาได้ นี่มันกระบาลคนนะไม่ใช่กระบาลสัตว์!” มันลูบคลำหัวป้อยๆแล้วรีบดึงนิตยสารออกจากมือผมโดยไวเมื่อเห็นว่าผมเงื้อมือจะฟาดมันอีกครั้ง
“แล้วใครใช้ให้พูดจาหมาๆวะ หมดธุระแล้วใช้ไหม จะไปไหนก็ไป ฉันมีงานต้องสะสางต่อ ไม่ว่างมาพูดจาไร้สาระกับแกหรอก”
“เพื่อนกันประสาอะไรวะ ไล่เพื่อนอย่างกับหมูกับหมา อุส่าเป็นห่วงเลยแวะมา แต่ความห่วงใยที่มี เพื่อนกลับไม่เหลียวแล ไม่เห็นคุณค่า...” มันบ่นยืดยาวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ จนผมนึกสงสารมัน
“พอๆ หยุดๆ ไม่ไปก็ไม่ไป ฉันไม่ไล่แกแล้ว จะอยู่ต่อไปก็เชิญ แต่กรุณาอย่ารบกวนการทำงานของคนอื่นเขา” ผมบอกออกไปอย่างเหนื่อยหน่าย จับปากกาขึ้นมาเซ็นต์เอกสารบนโต๊ะต่อไป
“ก็ได้เพื่อน ฉันไม่อยู่นานหรอก เดี๋ยวจะไปดูร้านแล้ว แต่ก่อนจะไปขอถามแกสักสองสามอย่างสิ” ผมเงยหน้ามองมันทำที พลางชั่งใจคิดว่ามันจะถามอะไรผม
“จะถามอะไรก็ว่ามา”
“เมื่อคืนแกกลับบ้านยังไงวะ? ในเมื่อแกมารถฉันไม่ได้เอารถแกมาด้วย” คำถามของมันทำให้ผมนิ่งงันชั่ววูบ ก่อนจะตอบออกไปโดยไม่ต้องคิดอะไรมากมาย
“แท็กซี่” ผมบอกหน้าตาย แม้จะเป็นคำโกหกก็ตาย แต่มันก็เป็นความจริงอยู่กึ่งหนึ่ง เพราะผมนั่งแท็กซี่มาบริษัทเมื่อเช้า
“งั้นเหรอ... ไอ้เรารึก็เป็นห่วง จะกลับก็ไม่มีมาบอกลากันบ้างเลย ปล่อยให้เพื่อนกระวนกระวายใจนึกว่าแกโดนเกย์แถวนั้นฉุดไปซะอีก...” คำจี้ใจดำโดยที่ไม่ได้ตั้งใจของไอ้เรโอ ทำให้ผมสำลักน้ำลายทันที
“…แค่กๆๆ พูดอะไรของแกวะ ความคิดแกนี่ไม่เคยมีเรื่องสร้างสรรค์เลยนะ ไอ้บ้า!” ผมว่าสวนกลับไปด้วยความร้อนใจ ไอ้นี่เซ้นท์มันสุดยอดเลย สงสัยผมคงประมาทมันไม่ได้อีกต่อไป
“ก็ดีแล้วที่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด วันนี้ฉันก็เลยมาหาแกเพื่อดูให้แน่ใจไง”
“อืมม์ แล้วมีอะไรจะถามฉันอีก” ผมรู้สึกโล่งใจอย่างไรไม่รู้ ที่มันไม่ถามซักไซ้ไล่เรียงผมต่อเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืน
“ฉันจะถามแกว่าพรุ่งนี้พอจะว่างรึป่าว? มามกับแดดฉันเพิ่งจะกลับจากอิตาลี่เมื่อเช้านี้ พวกท่านอยากเจอแกน่ะ”
“ถ้าพรุ่งนี้ไม่ว่างหรอก ตารางงานฉันแน่นมากแทบจะไม่มีเวลาขยับตัวไปไหนเลย แต่ถ้าวันนี้ก็พอจะว่างอยู่หรอก”
“จริงเหรอ?! เมื่อไหร่ล่ะ ฉันจะได้มารับ ”
ผมยกแขนขึ้นมาดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือที่สวมใส่อยู่ พลางหันไปตรวจเช็คแฟ้มเอกสารที่เหลือบนโต๊ะ
“คงสักประมาณเที่ยงๆแหละ แล้วก็ต้องกลับมาประชุมที่บริษัทต่อตอนบ่ายสองโมงครึ่ง ”
“เออดี! งั้นตอนเที่ยงฉันจะมารับนายไปกินข้าวที่ร้านฉันละกัน เอาล่ะ! คำถามสุดท้ายแล้ว...” มันทำสีหน้าจริงจังขึ้น มองผมแน่วนิ่ง จนผมชักเกร็งหนาวๆร้อนๆขึ้นมา
“อะ...อะไร?” ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดเคือง รอลุ้นกับคำถามของมัน
“เลขานายน่ารักดีว่ะ! ฉันเพิ่งจะสังเกตเห็นความน่ารักก็วันนี้ นายว่าฉันจะจีบเธอติดไหมวะ?” ผมยกกำปั้นขึ้นมะเหง็กมันหนึ่งทีทันทีกับคำถามงี่เง่าของมัน โทษฐานทำให้ผมใจหายใจคว่ำ หายใจไม่ทั่วท้อง
“เฮ้ย! แกเห็นหัวฉันเป็นอะไรวะ! ชอบทารุณฉันอยู่เรื่อย... ฉันถามเพราะอยากได้คำตอบไม่ได้อยากได้มะเหง็กโว้ยยย”
“แกอยากถามเรื่องงี่เง่าเองนี่หว่า? แล้วห้ามมายุ่งกับคนของฉันนะ ฉันไม่อยากให้ลูกจ้างใต้ปกครองของฉันต้องมัวหมองเพราะแก” ผมรีบพูดดักคอมัน เพราะผมรู้นิสัยมันดี ถึงจะถูกใจใครก็เป็นเพียงแค่ชั่ววูบเป็นพักๆไป ไม่เคยคบใครได้นานๆเลยสักหน จนผมรู้สึกระอา ไม่รู้จะพูดยังไงกับมันแล้ว กับนิสัยที่แก้ยังไงก็ไม่หายของมัน
“โห่! ไอ้หมาหวงก้าง... ไม่เอาก็ได้วะ เป็นเพราะเห็นแก่นายนะเนี่ย เลยยอมตัดใจ”
“ดีแล้ว! หมดเรื่องจะคุยแล้วใช่ไหม ฉันจะได้ทำงานต่อ”
“เออๆ งั้นฉันไปก่อนล่ะ เดี๋ยวตอนเที่ยงจะมารับ ตั้งใจทำงานล่ะ!”
แล้วเจ้าเพื่อนจอมก่อกวนของผมก็จากไปจนได้ ผมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ดีใจที่มันไปได้สักที เพราะขืนมันอยู่ต่อมันคงถามนู่นถามนี่ต่อไม่หยุด เผลอๆความลับของผมอาจแตกได้ ถ้าเกิดมันสะกิดใจขึ้นมากับอาการที่ผมแสดงออกมาตอนดูนิตยสารเล่มนั้น
ผมหัวเราะอย่างขื่นๆ หันมาจดจ่ออยู่กับแฟ้มเอกสารบนโต๊ะต่อ แต่แล้วสายตาผมก็เหลือบไปเห็น สิ่งที่ผมไม่อยากจะเห็นมากที่สุดในเวลานี้ นิตยสารของไอ้เจ้าเรโอ!!