†ღ♥ Łove Âccident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ ♥ღ†(นายนิค&คุณกาย) ตอนพิเศษ Happy Valentine's Day
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: †ღ♥ Łove Âccident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ ♥ღ†(นายนิค&คุณกาย) ตอนพิเศษ Happy Valentine's Day  (อ่าน 571771 ครั้ง)

ออฟไลน์ april

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-12
เฮ้อ....สงสารคุณกาย
กำลังไม่สบายใจ  นิคก็จะต้องกลับไปทำงาน   :o12:

ออฟไลน์ jasmin

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1801
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-1
บรรยากาศคลุมเครือแบบนี้ไม่ดีเลยอ่ะ

มีปัญหาทั้งทางกายและก้อนิคเลยอ่ะ

เวลาที่กายต้องการกำลังใจ นิคก้องานเข้า

รออ่านตอนต่อไปนะจ๊ะ

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
+1เป็นกำลังใจให้คุณกาย นิคต้องคอยดูแลคุณกายดีๆน้า :กอด1:

SHIN

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 914
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
แล้วจะเป็นงัยต่อละเนี่ย

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4

tatae

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อเร็วๆๆนะ

กะละสนุกเลย


ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 914
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
มารอครัฟผม อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่ะ  :เฮ้อ:

prawy

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






satan666

  • บุคคลทั่วไป
มาแล้วววคร๊าาา  :o12:

ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว เวลาที่มีเลยค่อนข้างยุ่งเหยิงกว่าเดิม :serius2:

นิยายก็ดันดำเนินมาถึงช่วงเวลาเครียดๆ บวกกับอ่านหนังสือสอบเครียดๆ เลยยิ่งเครียดไปกันใหญ่ :laugh:

แต่แบบว่าเป็นโรคจิตนิดนุงค่ะ ใกล้สอบเครียดๆต้องมาระบายกับนิยายบ้าง ไม่งั้นคงทนไม่ได้  :m31:

พอและ พล่ามมาเยอะ มาเข้าเรื่องนิค&กายดีกว่า  :-[

เห็นมีคนถอนหายใจกันยกใหญ่ เลยต้องสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลายขึ้นบ้าง อิอิ

ใครที่อยากได้ตอนหวานๆ ตอนนี้ก็หวานไปอีกแบบนะ หวานนุ่มๆละมุมละไม หวานอบอุ่นซึ้งๆ  :กอด1:

ปล. ขอบคุณสำหรับการติดตามที่มีอยากสม่ำเสมอนะคะ  :pig4:





--------------------------------------------------------------------------





Chapter:32 ไม่อยากหลับฝัน(1)





   “นอนไม่หลับเหรอครับ?” ผมเอ่ยถามคนที่นอนพลิกตัวไปมาบนเตียง ก่อนจะโอบกอดเขาไว้จากด้านหลัง จนแผ่นหลังของเขาแนบชิดกับตัวผม
 
   “อื้อ...”  

        คุณกายถอนหายใจยาว ผละออกจากอ้อมกอดผม ลุกขึ้นมาเปิดลิ้นชักโต๊ะหัวเตียง ค้นหาอะไรบางอย่างในนั้น
 
        “หาอะไรเหรอครับ?”

   “อืมม์...นิคเห็นกระปุกยาเล็กๆที่เคยอยู่ในนี้รึเปล่า”

   ผมมองคุณกายนิ่ง ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะรู้ว่าสิ่งที่คุณกายกำลังหาคืออะไร...

   เขาเห็นผมไม่ตอบอยู่นาน จึงหยุดการค้นหาแล้วหันมามองหน้าผมเพื่อรอคำตอบ

   “ยานอนหลับของคุณน่ะเหรอ... ผมเก็บทิ้งไปหมดแล้ว” บอกเสียงเรียบ พลางมองคนตรงหน้าที่จ้องผมนิ่งเหมือนกับจะต่อว่า แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงแค่ถอนหายใจแล้วเดินออกไปเท่านั้น...

   “คุณจะไปไหน!” ผมร้องถาม


   “...กินน้ำ”


   ผมลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ได้แต่มองตามเงาหลังของเขาที่หายลับไปจากประตูห้องนอน... ไม่รู้จะทำอย่างไรดี...

   ตั้งแต่กลับมาถึงคอนโด ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างเงียบๆ เขาไม่ปริปากพูดอะไรเลย ท่าทางเหมือนคนคิดไม่ตกบวกกับอาการเหม่อลอยของเขาทำให้ผมรู้สึกอึดอัดใจ เคยลองเรียบเรียงเคียงถามดูแล้ว แต่สิ่งที่บอกจากปากเขาก็มีเพียงแค่คำตอบเดียวเท่านั้น

   ‘ไม่มีอะไร...’

   คำพูดตัดความของเขา เหมือนกับต้องการจะบอกว่า ‘อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย’  ทำให้ผมไม่กล้าที่จะถามอีกต่อไป ได้แต่มองดูคนที่รักอย่างห่วงใยเท่านั้น...

   หลังจากที่ผมทราบว่ากระปุกยาที่เคยเห็นในกระเป๋าเดินทางของคุณกาย เป็นยานอนหลับชนิดไม่รุนแรงนัก ผมก็จัดการเก็บรวมรวมไปทิ้งทั้งหมดโดยไม่บอกกล่าว

       ถึงอย่างไรได้ชื่อว่าเป็นยานอนหลับ แม้จะช่วยให้เราสามารถหลับได้สนิทแต่ยังไงมันก็ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายอยู่ดี ผมไม่ต้องการให้เขาพึ่งพายาจำพวกนี้ จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย...

ตั้งแต่ผมมาอยู่กับเขา คุณกายไม่เคยถามหากระปุกยาที่หายไปเลย ทำให้ผมรู้สึกเบาใจ ที่เขาไม่ถึงกับติดยานอนหลับอย่างที่ผมเคยนึกกังวล จนกระทั่งคืนนี้... ที่เขาถามหา ทำให้ผมรู้สึกได้ว่า เรื่องราวที่รบกวนจิตใจเขาในตอนนี้คงจะหนักหนาสาหัสมาก จนเขาไม่สามารถข่มตานอนหลับได้  

ผมถอนหายใจยาว กลัดกลุ้มใจที่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพื่อให้คุณกายอารมณ์ดีขึ้น ตัวผมที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้สาเหตุของเรื่องราวใดๆ ทำให้รู้สึก...เหมือนเป็นคนที่ไร้ประโยชน์อย่างไรอย่างนั้น...

เวลาผ่านไปนานแล้ว... แต่เขาก็ยังไม่กลับเข้ามาอีก ทำให้ผมต้องเดินออกไปดูคนที่ทำให้ผมนึกเป็นกังวล...

เห็นคุณกายนั่งอยู่บนโซฟา ก้มหน้าก้มตาสองมือกุมขมับ ทำให้ผมรู้สึกตกใจ

“เป็นอะไรครับ! ปวดหัวเหรอครับ”

ผมนั่งลงข้างเขา รู้สึกร้อนใจที่เห็นเขาเป็นแบบนี้

คุณกายไม่ตอบอะไร เขานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ราวกับไม่รู้สึกตัวว่าผมอยู่ตรงนี้ ผมค่อยๆยื่นมือไปเตะแผ่นหลังของคุณกายเบาๆ จนอีกฝ่ายสะดุ้งนิดๆ เงยหน้ามามองผม

ดวงตาของเขาแดงก่ำแววตามองเศร้า ผมรีบคว้าตัวเขามากอดไว้แน่น โอบกอดเพื่อให้เขารับรู้ว่าเขายังมีผมอยู่ตรงนี้ เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว...

รู้สึกถึงความเปียกชื้นตรงอกเสื้อ ผมก้มลงจูบเปลือกตาที่สั่นระริก พยายามปลอบโยนจิตใจของคนที่รัก เท่าที่ผมทำได้... แม้จะไม่ทราบต้นสายปลายเหตุของทุกข์นี้ ...

ผมอยากจะเป็นคนที่สามารถแบ่งเบาความทุกข์ของเขาบ้างสักนิดก็ยังดี...  

 “ลืมมันเถอะครับ... ลืมความจริงที่รบกวนจิตใจของคุณ แค่สักครู่ก็ยังดี... ”

รู้ดีว่าตอนนี้คุณกายคงยังไม่พร้อมที่จะเล่าอะไรให้ฟัง ปัญหาของเขาคงเป็นเรื่องที่พูดได้ลำบาก อาจจะเป็นปัญหาภายในครอบครัวของเขาเอง ซึ่งผมที่เป็นคนนอกได้แต่เป็นกำลังใจอยู่ห่างๆเท่านั้น แม้คุณกายจะยอมรับตัวผมในฐานะคนรักแล้วก็ตาม... แต่มันก็คงจะเร็วเกินไปอยู่ดี ที่เขาจะยอมให้ผมได้รับรู้ปัญหาส่วนตัวของเขาแบบนี้

หรือคนรักอย่างผมก็มีขอบเขตที่สามารถกระทำได้และรับรู้ได้อย่างจำกัดเหมือนกัน...

ผมไม่อยากจะเป็นได้แค่นั้น ผมอยากจะเป็นข้อยกเว้นเพียงคนเดียวสำหรับเขา อยากเป็นที่หนึ่งในทุกๆเรื่องราวของคนๆนี้ให้ได้ในสักวันหนึ่ง...  

“นิค...” เสียงเรียกเบาหวิวของคนในอ้อมกอดเรียกให้ผมก้มลงมองใบหน้าอันอ้อนล้าของเขา

“ครับ...”

“...นิค จะไม่ทิ้งฉัน... เหมือนกับที่ฉันเคยถูกทอดทิ้งมาตลอดใช่ไหม... ”

“...”

คำพูดของเขาสะกดให้ผมต้องนิ่งงัน เพราะไม่สามารถจะตอบรับได้ในทันทีทันใด เรื่องที่ผมต้องกลับไปทำงาน ย้อนมาวนเวียนให้ผมต้องคิดหนักอีกครั้ง

ถ้าเป็นเวลาปกติ เวลาที่ตัวคุณกายไม่ได้มีท่าทางอ่อนแอแบบนี้ ผมคงจะบอกกับเขาได้ตามตรง และปรึกษากันและกันว่า จะหาทางออกที่ดีให้กับเราทั้งคู่อย่างไร
 
แต่ในตอนนี้ เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้... ผมกลับไม่กล้าที่จะพูดมันออกมาแม้สักครึ่งคำ ถึงกับไม่อยากจะจากไปทั้งๆอย่างนี้

“ครับ ผมไม่มีวันทิ้งคุณหรอก... ผมเคยบอกคุณตั้งแต่แรกแล้วนี่ครับ ว่าต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ไม่ยอมไปจากคุณ คุณจำไม่ได้เหรอ?” ผมกัดฟันบอกไป

ในใจคิดว่า ‘ถึงผมจำเป็นต้องห่างจากคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะทิ้งคุณนะครับ’

“...สัญญานะ”

“ผมสัญญาครับ”

ครั้งนี้ผมพูดได้เต็มปากเต็มคำมากกว่าเดิม เรียกความมั่นใจของตัวเองกลับคืนมา ย้ำกับตัวเองว่า ต่อให้ลำบากขนาดไหน หรือต้องเจอกับอะไร ผมก็จะขอยืนยันที่จะอยู่เคียงข้างเขาต่อไป นอกเสียจากคนๆนี้ จะไม่ต้องการผมอีก...

ในใจผมคิดถึงความหมายของคำ ‘เคยถูกทอดทิ้งมาตลอด’ ของเขา ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด หรือว่าเขาเคยถูกใครทิ้งมาแล้ว? ผมได้แต่นึกสงสัย และทราบดีว่าไม่ควรถามอะไรในเวลานี้

“เราไปนอนกันเถอะครับ นี่ก็ดึกมากแล้ว...พรุ่งนี้เช้าคุณต้องตื่นไปทำงานไม่ใช่เหรอครับ”

“อื้อ... ขออยู่แบบนี้สักพักได้ไหม...” ผมส่งยิ้มตอบรับให้เขา กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น หวังว่าอ้อมกอดที่อบอุ่นของผมจะช่วยผ่อนคลายจิตใจของเขาลงได้บ้าง...

“ผมร้องเพลงกล่อมคุณดีไหม...”  

“ร้องเป็นด้วยเหรอ...?” คนซุกกับอกถามเสียงอู้อี้

ผมยิ้ม “เสียงไม่ดีหรอก แต่คุณอยากฟังไหมล่ะ?”

“เอาสิ...”

ผมเอนหลังกับพนักโซฟา อุ้มคุณกายขึ้นมานั่งบนตัก โอบกอดเอวเขาไว้หลวมๆ ปล่อยให้ศีรษะของเขาซุกซบกับแผ่นอกของผมในท่าสบาย แล้วจึงค่อยๆร้องเพลงที่ผมนึกได้ในตอนนี้ออกมาเบาๆข้างหูคนฟัง  

“…That you are not alone. For I am here with you.
...ว่าคุณไม่ได้อยู่ลำพัง  เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ

Though you're far away. I am here to stay
แม้ว่าคุณอยู่ห่างไกล ผมจะอยู่ที่นี่กับคุณ

But you are not alone. For I am here with you
แต่คุณไม่ได้อยู่ลำพัง เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ

Though we're far apart. You're always in my heart
แม้ว่าเราอยู่ห่างไกล คุณอยู่ในหัวใจผมเสมอ…

But you are not alone.
แต่คุณไม่ได้อยู่ลำพัง....”

   คุณกายหันมาโอบกอดลำคอของผมไว้แน่น คิดว่าเขาคงรับรู้ได้ว่าเพลงที่ผมร้อง เป็นตัวแทนความรู้สึกของผมที่มีต่อเขา และอยากจะย้ำเตือนให้เขาได้รับรู้เอาไว้...

“Just the other night. I thought I heard you cry
เพียงแค่อีกคืน  ผมคิดว่า ผมได้ยินเสียงคุณร้องไห้

Asking me to come. And hold you in my arms
ขอให้ผมกลับมา และกอดคุณไว้ในอ้อมแขนของผม

I can hear your prayers. Your burdens I will bear
ผมได้ยินคุณอธิษฐาน ภาระของคุณผมจะรับไว้  

But first I need your hand. Then forever can begin
แต่ก่อนอื่นผมขอมือคุณ ครั้นแล้วความเป็นนิรันดร์จะเริ่มต้น
 
Everyday I sit and ask myself. How did love slip away
ทุกๆวันผมนั่งถามตัวเอง ว่าความรักล่วงเลยไปได้อย่างไร

Something whispers in my ear and says
กระซิบบางอย่างที่หูผมแล้วกล่าว

That you are not alone. For I am here with you
ว่าคุณไม่ได้อยู่ลำพัง เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ

Though you're far away. I am here to stay
แม้ว่าคุณอยู่ห่างไกล ผมจะอยู่ที่นี่กับคุณ

For you are not alone. For I am here with you
คุณจะไม่โดดเดี่ยว เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ

Though we're far apart. You're always in my heart
แม้ว่าเราจะห่างกัน คุณอยู่ในหัวใจของผมเสมอ

For you are not alone
คุณจะไม่โดดเดี่ยว...”

   รับรู้ได้ถึงแรงสะอื้นเบาๆจากคนในอ้อมแขน ผมโอบกอดแผ่นหลังที่สั่นไหวนั้นไว้แน่น ให้ในใจเขาแน่ชัดว่า เรามีกันและกัน
   เขาจะมีผม... และผมมีเขา อยู่เคียงข้างกัน...
.
.


”Whisper three words and I'll come runnin'
กระซิบสามคำนั้นแล้วผมจะวิ่งมาหาคุณ

And girl you know that I'll be there. I'll be there
ที่รัก คุณคงรู้ว่าผมจะอยู่ที่นั่น ผมจะอยู่ที่นั่น....

You are not alone. For I am here with you
คุณไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ

Though you're far away. I am here to stay
แม้ว่าคุณอยู่ห่างไกล ผมจะอยู่ที่นี่กับคุณ

For you are not alone. For I am here with you
คุณจะไม่โดดเดี่ยว เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ

For I am here with you. Though we're far apart
เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ แม้ว่าเราจะห่างกัน

You're always in my heart
คุณจะอยู่ในหัวใจของผมเสมอ....”

   ความเปียกชื้นที่อกเสื้อขยายเป็นวงกว้าง ราวกับอยากจะดูดซับความเศร้าโศกของคนที่ผมรักเอาไว้ทั้งหมด หากเป็นอย่างนั้นได้จริงผมก็ยินดี...
ผมพร้อมที่จะรองรับความทุกข์ใจของเขาเอาไว้ทั้งหมดโดยไม่บ่ายเบี่ยง

.
.


”For you are not alone. For I am here with you
คุณจะไม่โดดเดี่ยว เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ

Though you're far away. I am here to stay
แม้ว่าคุณอยู่ห่างไกล ผมจะอยู่ที่นี่กับคุณ

For you are not alone. For I am here with you
คุณจะไม่โดดเดี่ยว เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ

Though we're far apart. You're always in my heart….
แม้ว่าเราจะห่างกัน คุณอยู่ในหัวใจของผมเสมอ....

For you are not alone...
คุณจะไม่โดดเดี่ยว....”

คำร้องซ้ำๆ คลอเคลียอยู่ข้างหูเขา เพื่อให้เขาได้ซึมซับความหมายที่ผมต้องการจะบอก


ให้เขาได้รับรู้ว่า ผมหวังจะเป็นที่พักพิงให้แก่เขาในทุกๆเรื่อง...


ให้เขาได้รู้ว่า ผมพร้อมที่จะเป็นคนที่เข้มแข็งกว่าเขาในยามที่เขาอ่อนแอ...


เป็นโลกทั้งใบสำหรับเขา...ที่สามารถโอบอุ้มและมีกำลังปกป้องเขาไว้ได้ด้วยสองมือ...


ขอเพียงเขาเชื่อมั่นว่าผมได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับเขาแล้ว...






 :pig4:




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2009 21:40:18 โดย pixie_pansy »

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
พอนนี่มาซะดึกเลย ชอบนิคขอแบบนี้สักคนได้มั้ย  :-[

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ตอนต่อไปต้องเศร้าๆแน่ๆ

kaewpoo

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ boboaje

  • ไม่ชอบหวาน ชอบครบรส
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
... อ๊าก ก ก นิคไม่ได้มีดีแค่หื่นอย่างเดียวนะคะ แต่ถ้ากายรู้ว่านิคต้องกลับไปทำงานช่วงนี้เนี้ย จะเกิดอะไรขึ้นน้า หวั่นใจจริงๆ
รอตอนต่อไปนะคะ... o13

ออฟไลน์ ï_Kiss_U♥

  • รักไม่ได้
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
ตอนนี้คุนกายเครียดดดด  :m15:
รออ่านเสมอน้า :กอด1:

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 914
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
นิคน่ารักจังเลย อย่าเพิ่งกลับไปทำงานเลยนะ o18

ออฟไลน์ tutu

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 914
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 914
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1

nartch

  • บุคคลทั่วไป
:o8:
อยากได้คนรักแบบนิคบ้างจัง...ช่างเข้าใจและอบอุ่นดีเกิ๊นนนน  :L2:

prawy

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2

kittyfun

  • บุคคลทั่วไป
ตามมาบวกหนึ่งให้กำลังใจคนเขียนแล้วนะคะ

หายไปนาน แต่กลับมาอีกทีนิยายเรื่องนี้ก็ยังเป็นที่ประทับใจเสมอ

เอาใจช่วยกาย กับนิค ให้ฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ด้วยดีนะคะ

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
โอ๊ยเหนื่อยจัง

กว่าจะอ่านทั้งหมดจบในวันเดียว

เรื่องสนุกมากๆค่ะ อ่านเพลินเลยทีเดียว

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะค่ะ แล้วจะมาตามต่อ


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2009 14:10:14 โดย ไต๋ »

ออฟไลน์ april

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-12
นิคอบอุ่นมาก.....อยู่เป็นเพื่อนคุณกายก่อนย่าเพิ่งไปเลย


น้องพอนนี่...ขอให้สอบได้ดีๆนะคะ  :L2:

satan666

  • บุคคลทั่วไป





กลับมาแล้วค่ะทุกโคนนนน


สอบเสร็จแล้ว แต่.... ป่วย... 555

ฝนตกพรำๆทุกวัน จนต้องฝ่าฝนไปสอบ เป็นธรรมดาที่หลังสอบเสร็จจะแย่  o22

ยังไงฝนฟ้าไม่เป็นใจแบบนี้ ก็ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ อย่ามาเปื่อยกันเลย ไม่ดีหรอก 555

เอาล่ะ คิดถึงนิคกับกายกันแล้วใช่มะ มาต่อกันเลยดีก่า

ปล. บรรยากาศฝนตกช่างเหมาะกับเรื่องเศร้าเสียจริง ว่ามะคะ อิอิ  o13




-----------------------------------------------------





Chapter:32 ไม่อยากหลับฝัน (2)






ณ บ้านพักตากอากาศริมชายทะเล เท้าเล็กๆเหยียบย่ำไปบนผืนทรายสีขาวเพียงลำพัง เด็กชายคนหนึ่งเงยหน้ามองท้องทะเลที่ไกลตาอย่างหงอยเหงา
 

วันนี้วันที่เท่าไรแล้วนะ ต้องรออีกกี่วันแม่ถึงจะมาเยี่ยมเขาพร้อมพี่สาว?


เด็กชายเบื่อหน่ายการรอคอย แต่คุณปู่คุณย่าบอกว่าอย่างอแง เพราะถ้าเขางอแงแม่ก็จะไม่รักเขา และจะไม่มาหาเขาอีก


เขารู้ว่าคุณปู่คุณย่ารักเอ็นดูเขา จึงขอเขามาเลี้ยงตั้งแต่เล็กๆ แต่ยังไงเขาก็อยากจะอยู่กับแม่มากกว่าอยู่ดี


ในความทรงจำของเด็กน้อยแม่ของเขาเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก เธอมักจะยิ้มหวานให้เขาในทุกครั้งที่เธอมาหา ถึงจะแค่สองสัปดาห์ต่อครั้งก็ตาม แต่เขาก็ยังจำมันได้ดี


บางครั้งเด็กชายก็รู้สึกน้อยใจ ที่แม่ให้พี่สาวไปอยู่ด้วย แต่กลับไม่เคยพาเขาไปอยู่ด้วยบ้างเลย เขาอิจฉาพี่มากๆที่ได้อยู่กับแม่คนสวยของเขาตลอดเวลา


   คุณปู่บอกว่า เพราะพี่สาวเป็นผู้หญิงเลยต้องอยู่กับแม่ เขาเองก็นึกอยากเป็นผู้หญิงบ้างเหมือนกัน!


   ทุกอย่างช่างไม่ยุติธรรม! แต่เขาจะงอแงไม่ได้...


   เพราะแม่ไม่ชอบเด็กขี้แง...


   “กาย! กาย!! อยู่ไหนลูก!” เสียงหญิงชราเรียกหา


   เท้าเล็กๆรีบหันหลังกลับ วิ่งไปหาเสียงเรียกนั้นทันที!


   “คุณย่าครับ คุณแม่จะมาหาผมเมื่อไร ทำไมนานจัง” เด็กชายถามเสียงหงอย มือน้อยๆจับมือเหี่ยวย่นของหญิงชรา เดินเข้าบ้านไปพร้อมกัน


   หญิงแก่ยิ้มเศร้าวูบหนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมืออีกข้างมาลูกศีรษะเด็กน้อยเบาๆ


   “พรุ่งนี้แล้วลูก...”


   “จริงเหรอ จริงเหรอ! จริงเหรอครับคุณย่า!” เสียงเจื้อยแจ้วถามไม่หยุดด้วยความตื่นเต้นดีใจ


   “จริงจ้ะ” คุณย่ายิ้มอ่อนโยน


   “เย้! ผมคิดถึงแม่มากๆเลยครับ แม่ก็คิดถึงผมเหมือนกันใช่ไหมครับคุณย่า!”


   หญิงชราไม่ตอบ เพียงแค่ยิ้มให้อย่างเดียว รอยยิ้มนั้นเหมือนกับมีอะไรบางอย่างที่เด็กอย่างเขาในตอนนั้นไม่เข้าใจ...


   “แม่ต้องคิดถึงผมแน่ๆ ไม่งั้นแม่ไม่มาพรุ่งนี้หรอก” เด็กชายพูดเองสรุปเองอย่างเสร็จสรรพ


   เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเด็กชายตื่นนอน ก็รีบตรงไปนั่งรอบนขั้นบันได้ทางเข้าบ้านอย่างใจจดใจจ่อ เขาไม่ลืมหรอกว่าวันนี้แม่จะมาหาเขา!


   “จะมาเมื่อไหร่น๊า... ตอนเช้า ตอนสาย บ่าย หรือเย็น มาเร็วๆนะครับคุณแม่...” เด็กน้อยพึมพำ มือเล็กทั้งสองเท้าคางกับหัวเข่า รอคอยการมาของคนสำคัญ


   “ไปรอข้างในบ้านก็ได้ลูก แม่เขายังไม่มาแต่เช้าหรอก” ชายชราเดินออกมาหา


   “ไม่ฮะ! ผมรอแม่ตรงนี้ได้ไม่เป็นไร คุณปู่บอกว่าถ้าเป็นเด็กอดทน แม่จะรักไม่ใช่เหรอครับ ผมอยากให้แม่เห็นหน้าผมเป็นคนแรก แม่จะได้ดีใจ!” เสียงร่าเริงนั้นทำให้คุณปู่อ่อนใจ ก่อนจะเดินมานั่งเป็นเพื่อนหลายชายสุดรัก


   ตกบ่ายคนที่เด็กน้อยเฝ้ารอคอยตั้งแต่เช้าก็มาถึงจนได้...


   “แม่ฮะๆ แม่คิดถึงกายเหมือนกับที่กายคิดถึงแม่รึเปล่า กายคิดถึงแม่มากๆเลยครับ” เด็กชายถามเสียงแจ้ว กอดแขนของแม่จนแน่น


   หญิงสาวหันไปมองคุณปู่คุณย่าที่มองมาแวบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มอ่อนหวานให้คนถาม


   “คิดถึงสิจ้ะ อยู่กับคุณปู่คุณย่าเป็นเด็กดีรึเปล่า”


   “ฮะ กายไม่ดื้อไม่ซน ไม่งอแง คุณแม่จะได้มาหากายบ่อยๆไงฮะ” เด็กน้อยยิ้มอย่างน่ารัก จนปู่กับย่าอดยิ้มตามไม่ได้

   แต่เมื่อคุณย่าขอตัวไปดูของว่างในครัว และคุณปู่เดินไปห้องน้ำ เท่านั้นแหละคนเป็นแม่ก็ดึงแขนออกจากมือเล็กๆนั้นทันที

   “คุณแม่ร้อนเหรอฮะ”

   “ใช่!” หญิงสาวตอบเสียงหนัก

   เด็กชายผงกศีรษะอย่างเข้าใจ ก่อนจะถามขึ้นเสียงแจ้วอีกครั้ง

   “คุณแม่ฮะ ทำไมวันนี้พี่ทิพย์ไม่มาด้วยฮะ?”

   “วันนี้พี่ทิพย์ติดเรียนบัลเล่ย์”

   “อื้มๆ แล้ววันนี้คุณแม่จะนอนค้างกับกายรึเปล่า?”

   “ไม่! เลิกถามได้แล้วหนวกหู”

   ร่างเล็กรีบเงียบเสียงลง เขากลัวแม่จะโกรธ เขาผิดเองที่พูดมากเกินไป ทั้งที่แม่เพิ่งมาถึงเหนื่อยๆ

   คุณย่าเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับถาดขนมอบในมือ หญิงสาวเห็นดังนั้นก็หันไปยิ้มให้ลูกชายที่เฝ้ามองเธออยู่ตลอด ก่อนจะหยิบถุงกระดาษที่นำมาด้วย ส่งให้เด็กชาย

   “แม่ซื้อของเล่นมาให้ด้วยนะ ชอบรึเปล่า?”

   เด็กน้อยยิ้มดีใจ รับถุงกระดาษมาเปิดดูอย่างทะนุถนอม เห็นในถุงนั้นมีลูบิกสีสวยอันหนึ่ง ใบหน้าน่ารักยิ้มไม่หุบ ไม่ว่าของที่แม่ให้จะเป็นอะไรเขาก็ดีใจทั้งนั้น...

.
.
.

   ทุกอย่างดำเนินไปแบบนั้นจนเมื่อเด็กน้อยอายุเจ็ดขวบ เขาไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย เพราะถ้าเขาเรียกร้อง จะกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจที่ไม่น่ารัก

   ถ้าเป็นเด็กไม่ดีแม่ก็จะไม่รักเขา... เด็กชายเชื่อแบบนั้นมาตลอด

   จนกระทั่งวันหนึ่งโอกาสที่เขารอคอยก็มาถึง คุณปู่ป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเดือนๆ คุณย่าเองก็ต้องคอยเฝ้าดูแลคุณปู่ จนไม่มีเวลาเลี้ยงดูหลานอีก พ่อของเด็กชายจึงมารับไปอยู่ด้วยในที่สุด

ในตอนนั้นเขารู้สึกดีใจมาก ที่ต่อไปนี้จะได้ไปอยู่กับแม่ในบ้านหลังเดียวกัน โดยไม่รู้เลยว่าทุกอย่างมันไม่ได้เลิศเลออย่างที่ความคิดของเด็กชายคนหนึ่งเคยวาดหวังไว้เลยสักนิด...

ความเลวร้ายกับชีวิตที่ถูกทอดทิ้งได้เริ่มจากตอนนั้นเอง.... 

   คุณปู่อาการทรุดหนักจนเกินเยียวยา จนคุณย่าตัดสินใจให้แพทย์นำอุปกรณ์ยื้อชีวิตออก ตามความต้องการของคุณปู่

   ช่วงเวลาที่ลมหายใจของปู่รวยรินจนแสงแห่งชีวิตใกล้มอดดับนั้น ท่านเรียกหลานชายคนเดียวให้เข้าไปหา แล้วกอดเด็กชายด้วยแรงเฮือกสุดท้าย คำพูดของชายชราในตอนนั้นแหบพร่าจนน่าใจหาย แต่มันยังคงดังก้องอยู่ข้างหูของเด็กชายจวบจนโตขึ้น ก็ยังไม่เข้าใจความหมายของมัน...

   ‘...เราไม่สามารถบังคับจิตใจใครได้ เรื่องทั้งหมดปู่ผิดเอง... ปู่เสียใจ...แต่มันก็สายไปแล้ว ...ขอโทษสำหรับทุกอย่างในชีวิตหลาน ปู่รักกายมากๆนะลูก...’

   นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่ปู่จะสิ้นลมหายใจ ตอนนั้นเด็กชายยังไม่เข้าใจความตายอย่างถ่องแท้นัก เพียงรู้สึกว่าต่อจากนี้จะไม่ได้เจอคุณปู่อีก... ความเสียใจที่มีตอนนั้น ทำให้ไม่ได้สงสัยในคำพูดของปู่แต่อย่างใด...

   แต่ต่อให้เขานึกสงสัย ก็สุดที่วัยในตอนนั้นจะคาดเดาได้...
   
   ความทรงจำเกี่ยวกับบ้านหลังใหญ่โตของพ่อแม่ ดูจะเลือนรางนักสำหรับเด็กชาย ด้วยการที่อาศัยอยู่กับปู่ย่ามาตั้งแต่เล็กๆ ทำให้เขาไม่ค่อยได้มาที่บ้านหลังนี้บ่อยนัก

   พ่อเสนอให้เด็กชายมาอยู่ที่นี่ด้วยกันเพราะกลัวว่าลำพังย่าคนเดียวจะเลี้ยงเขาไม่ไหว อีกทั้งยังต้องการให้เขาได้เข้าโรงเรียนดีๆมีมาตรฐานกว่าโรงเรียนในตัวจังหวัดที่ปู่กับย่าอาศัยอยู่

   เป็นเหตุให้ชีวิตต่อจากนี้ของเด็กชาย ต้องเดินไปตามหนทางที่คนเป็นพ่อต้องการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...

   ชีวิตความเป็นอยู่กับครอบครัวของเด็กชาย แรกๆก็ตื่นเต้นดีอยู่หรอก แต่พอนานวันเข้า บ้านหลังใหญ่ที่สวยงามในตอนแรกกลับเป็นอะไรที่วังเวงเงียบเหงานักสำหรับเด็กอย่างเขา


   ทุกคนในบ้านอยู่กันแบบตัวใครตัวมัน คุณแม่มักจะเก็บตัวอยู่เงียบๆคนเดียว ห้ามใครมากวน ยกเว้นเธอจะเรียกหาเอง ไม่ก็ออกไปร่วมงานสังคมกับพวกเพื่อนๆข้างนอก ทำให้ตั้งแต่เด็กชายย้ายเข้ามา ก็แทบจะไม่ได้คุยกับแม่อย่างที่เขาเคยต้องการมาตลอดเลย

ในความรู้สึกของเด็กชายตอนนั้น เขาทั้งเสียใจและน้อยใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าเรียกร้องอะไรให้แม่รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ ส่วนพ่อของเขา อย่าว่าแต่เห็นหน้าเลย คุยกันยังแทบจะนับคำได้ จำได้ว่าความเฉยชาของพ่อทำให้เขารู้สึกกลัวเกรงจนไม่อยากเข้าใกล้ และรู้สึกเสียใจที่พ่อของเขาไม่ใจดีเหมือนกับพ่อของพวกเพื่อนๆที่โรงเรียนเลย

เด็กน้อยเห็นหน้าพ่อเฉพาะตอนออกไปทำงานในตอนเช้าเท่านั้น ส่วนตอนพ่อกลับจากทำงานก็ดึกดื่นเสียจนเด็กชายหลับไปก่อนทุกครั้ง

คุณปู่เคยบอกว่าพ่องานยุ่งมาก ต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างมาอยู่ด้วยกัน เขาก็ได้แต่เชื่อคุณปู่แบบนั้นตลอดมา...

  แต่ถึงจะมีคนงานคอยรับใช้ ก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศภายในบ้านหายเงียบเหงาลงแต่อย่างใด ทุกคนต่างทำงานของตน โดยไม่ก้าวก่ายความเป็นอยู่ของคนในบ้าน อยู่กันอย่างเงียบสงบ และให้ความเคารพต่อตัวเด็กชายในฐานะคุณหนูของบ้าน จนเขารู้สึกห่างเหิน...

ยังดีที่อย่างน้อยก็มีพี่สาวคนเดียวของเขามาอยู่เล่นเป็นเพื่อนบ้าง ทำให้ชีวิตของเด็กน้อยไม่ได้เงียบเหงาจนเกินไปนัก

ทุกๆปิดเทอม เด็กชายก็ได้ไปอยู่กับคุณย่าที่บ้านชายทะเลแห่งนั้น พอเปิดภาคเรียนก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ กับครอบครัวที่เหินห่างกัน... จนกลายเป็นว่าเขาอยากจะอยู่กับคุณย่ามากกว่า ความรู้สึกนั้น... มันเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง

ชีวิตของเด็กชายเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเมื่อเขาอายุได้แปดขวบ สิ่งที่เขาเริ่มเคยชินบ้างแล้ว ก็มีอันต้องเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง...

อยู่ๆคุณแม่ก็พาพี่ทิพย์ออกไปจากบ้าน โดยไม่กลับมาอีกเลย

ในตอนนั้น... เด็กชายไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น...   

ความคิดถึง ความรู้สึกผูกพันที่ยังมีต่อแม่ ทำให้การรอคอยดำเนินไปนับตั้งแต่ตอนนั้น...

.
.
.

“คุณพ่อบ้านพอจะรู้ไหมครับ ว่าบ้านของแม่อยู่ที่ไหน?”

เสียงเรียบของเด็กชายวัยสิบสองถามชายวัยกลางคน จนคนถูกถามรู้สึกลำบากใจที่จะตอบ

“ผมโตจนรู้ความแล้วนะครับ ผมรู้ว่าพ่อกับแม่หย่ากันแล้ว คงไม่ได้กลับมาพบกันอีกง่ายๆ แต่ตอนนั้นมันกะทันหันเกินไป และผมก็ยังเด็กมาก... ถ้าคุณรู้ก็ขอร้องเถอะครับ ผมอยากพบแม่กับพี่สาวมาก แค่ไปเห็นหน้าก็ยังดี ช่วยบอกผมทีได้ไหมครับ... ”

น้ำเสียงเว้าวอนของคุณหนูของบ้าน ทำให้ชายวัยกลางคนรู้สึกสงสารและเห็นใจเป็นอย่างมาก แต่ก็อึกอักที่จะบอกสิ่งที่เด็กชายถามออกไป เพราะคำสั่งของเจ้านายก็ยังคงค้ำคออยู่ ทำให้รู้สึกยากที่จะฝ่าฝืน

“ผมรู้นะครับ ว่าคนเก่าแก่อย่างคุณจะต้องรู้แน่ๆ บอกผมเถอะนะครับ ผมคิดถึงแม่มาก... ได้โปรด...” น้ำเสียงสั่นเครือกับดวงตาแดงๆนั่น ส่งผลให้คนเห็นรู้สึกใจอ่อนลง จนในที่สุดก็ต้องฝ่าฝืนคำสั่งบอกไปจนได้

เด็กชายรู้สึกดีใจมาก ที่ได้รู้ที่อยู่ของแม่เสียที เขาเฝ้ารอเป็นเวลาหลายปี ในที่สุดความหวังที่จะได้พบแม่อีกครั้งก็ใกล้จะเป็นจริงแล้ว!

หลังจากที่ทราบที่อยู่แน่ชัด เขาก็ไม่รีรอลังเลเลยที่จะเดินทางไปตามที่อยู่ที่ได้รับนั้นด้วยตัวเอง

เขาวาดหวังไว้ว่าแม่จะต้องดีใจมากแน่ๆที่เขาไปพบ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานแบบนี้

แต่ความหวังแสนสวยงามของเด็กชายก็เป็นอันสิ้นสูญลง เมื่อพบกับความเป็นจริงที่ตอบรับกลับมาอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้รับ...

“แกออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้ตัวซวย!!”  เสียงหญิงสาวที่เขาแสนคิดถึงตวาดไล่ ถีบร่างเล็กกว่าล้มลงกองกับพื้นหน้าบ้าน
 
   เด็กชายเงยหน้ามองแม่ของเขาด้วยสายตาเจ็บปวดและสับสนในจิตใจ ร้องเรียกคนเบื้องหน้านั้นด้วยความโหยหา
 
   “แม่ครับ แม่... ผมทำผิดอะไร ผมผิดอะไร” เขาไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ว่าทำไมแม่แสนสวยของเขาถึงได้กลายเป็นแบบนี้ 
 
   “อย่ามาเรียกฉันว่าแม่ ฉันไม่เคยมีลูกอย่างแก!” หญิงสาวถลึงตาใส่อย่างเกรี้ยวกราด
 
   เด็กชายค่อยๆคืบคลานเข้าหาเงาร่างของแม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู แล้วโผเข้ากอดเอวของเธอแน่น
 
   “กรี๊ดดดด!! ปล่อยนะ! ไปให้พ้น ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก!” หญิงสาวกรีดเสียงร้องอย่างคนเสียสติ มือทั้งสองข้างดึงทึ้งผมของเด็กชายอย่างทารุน ก่อนจะลงมือทุบตีร่างตรงหน้าด้วยความโมโหโทโส

   สำหรับเด็กชายในตอนนั้น ความเจ็บปวดจากการโดนแม่ทุบตี ไม่เท่ากับความรู้สึกปวดร้าวในใจเหมือนหัวใจดวงน้อยๆได้แหลกสลายลงไปเลยสักนิด...

    “ผมรักแม่นะครับ ผมรักแม่...”  เด็กชายร้องบอกน้ำเสียงแหบพร่าปะปนกับเสียงสะอื้นร่ำไห้เบาๆ หวังจะให้ผู้เป็นแม่รับรู้ถึงความรู้สึกของตน แม้จะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งก็ตาม

 
   “แต่ฉันเกลียดแก! เกลียดพ่อของแก รวมทั้งแกที่เป็นลูกของคนชั่วแบบนั้นด้วย!” คำพูดของแม่กลับกรีดแทงหัวใจที่บอบช้ำของเขาจนสาหัสยิ่งกว่าอะไร
 
   เห็นหญิงสาวผลุบหายเข้าไปในบ้านชั่วครู่ แล้วกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับด้ามไม้กวาดในมือ ทำให้เด็กชายต้องหลับตาลงด้วยความเจ็บปวดทั้งกายและใจ
 
   “ออกไป! ออกไป๊!! ฉันเกลียดแก!!!” เธอถือด้ามไม้กวาดไล่ฟาดลงบนร่างเด็กชายอย่างไม่ยั้งมือ ราวกับอยากให้ชีวิตน้อยๆนี้ดับดิ้นคามือเธอเสียให้ได้

   ภาพความโหดร้ายของแม่ค่อยๆเลือนรางลง ตามสติของเด็กชายที่ค่อยๆดับมืดลง...

 ความรู้สึกในตอนนั้น... คือความเจ็บปวดที่ยังคงอยู่อย่างท่วมท้น เขาไม่ต้องการอะไรอีก แม้แต่ความหวังในการมีชีวิต ก็ไม่มีอีกต่อไป...

“...กาย”

“...คุณกาย”

ได้ยินเสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้น แต่กลับรู้สึกห่างไกล...

“คุณกาย... คุณกายครับ คุณกาย!”

เสียงเรียกที่คุ้นเคยนั้นดังขึ้น ชัดขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับการสั่นสะเทือนของร่างกาย ปลุกผมให้ลืมตาโพล่งมองคนเรียกหา

“คุณกาย!”

   ภาพตรงหน้าที่เห็นคือนายนิคที่มีสีหน้าร้อนรนกระวนกระวาย ก่อนที่ตัวผมจะถูกคนตรงหน้าดึงเข้ามากอดโดยแรงอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

   “คุณ... ฝันร้ายเหรอครับ ผมตกใจแทบแย่...”


   ใช่... เป็นฝันร้ายที่ไม่เคยจบสิ้น แถมยังชัดเจนยิ่งกว่าครั้งใดๆ ชัดเจนเสียจน... เหมือนกับกลับไปอยู่ในเหตุการณ์ที่เลวร้ายนั้นอีกครั้ง...







            ---------จบตอน---------



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด