มาแล้วววคร๊าาา

ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว เวลาที่มีเลยค่อนข้างยุ่งเหยิงกว่าเดิม

นิยายก็ดันดำเนินมาถึงช่วงเวลาเครียดๆ บวกกับอ่านหนังสือสอบเครียดๆ เลยยิ่งเครียดไปกันใหญ่

แต่แบบว่าเป็นโรคจิตนิดนุงค่ะ ใกล้สอบเครียดๆต้องมาระบายกับนิยายบ้าง ไม่งั้นคงทนไม่ได้

พอและ พล่ามมาเยอะ มาเข้าเรื่องนิค&กายดีกว่า

เห็นมีคนถอนหายใจกันยกใหญ่ เลยต้องสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลายขึ้นบ้าง อิอิ
ใครที่อยากได้ตอนหวานๆ ตอนนี้ก็หวานไปอีกแบบนะ หวานนุ่มๆละมุมละไม หวานอบอุ่นซึ้งๆ

ปล. ขอบคุณสำหรับการติดตามที่มีอยากสม่ำเสมอนะคะ
--------------------------------------------------------------------------
Chapter:32 ไม่อยากหลับฝัน(1) “นอนไม่หลับเหรอครับ?” ผมเอ่ยถามคนที่นอนพลิกตัวไปมาบนเตียง ก่อนจะโอบกอดเขาไว้จากด้านหลัง จนแผ่นหลังของเขาแนบชิดกับตัวผม
“อื้อ...”
คุณกายถอนหายใจยาว ผละออกจากอ้อมกอดผม ลุกขึ้นมาเปิดลิ้นชักโต๊ะหัวเตียง ค้นหาอะไรบางอย่างในนั้น
“หาอะไรเหรอครับ?”
“อืมม์...นิคเห็นกระปุกยาเล็กๆที่เคยอยู่ในนี้รึเปล่า”
ผมมองคุณกายนิ่ง ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะรู้ว่าสิ่งที่คุณกายกำลังหาคืออะไร...
เขาเห็นผมไม่ตอบอยู่นาน จึงหยุดการค้นหาแล้วหันมามองหน้าผมเพื่อรอคำตอบ
“ยานอนหลับของคุณน่ะเหรอ... ผมเก็บทิ้งไปหมดแล้ว” บอกเสียงเรียบ พลางมองคนตรงหน้าที่จ้องผมนิ่งเหมือนกับจะต่อว่า แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงแค่ถอนหายใจแล้วเดินออกไปเท่านั้น...
“คุณจะไปไหน!” ผมร้องถาม
“...กินน้ำ”
ผมลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ได้แต่มองตามเงาหลังของเขาที่หายลับไปจากประตูห้องนอน... ไม่รู้จะทำอย่างไรดี...
ตั้งแต่กลับมาถึงคอนโด ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างเงียบๆ เขาไม่ปริปากพูดอะไรเลย ท่าทางเหมือนคนคิดไม่ตกบวกกับอาการเหม่อลอยของเขาทำให้ผมรู้สึกอึดอัดใจ เคยลองเรียบเรียงเคียงถามดูแล้ว แต่สิ่งที่บอกจากปากเขาก็มีเพียงแค่คำตอบเดียวเท่านั้น
‘ไม่มีอะไร...’
คำพูดตัดความของเขา เหมือนกับต้องการจะบอกว่า ‘อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย’ ทำให้ผมไม่กล้าที่จะถามอีกต่อไป ได้แต่มองดูคนที่รักอย่างห่วงใยเท่านั้น...
หลังจากที่ผมทราบว่ากระปุกยาที่เคยเห็นในกระเป๋าเดินทางของคุณกาย เป็นยานอนหลับชนิดไม่รุนแรงนัก ผมก็จัดการเก็บรวมรวมไปทิ้งทั้งหมดโดยไม่บอกกล่าว
ถึงอย่างไรได้ชื่อว่าเป็นยานอนหลับ แม้จะช่วยให้เราสามารถหลับได้สนิทแต่ยังไงมันก็ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายอยู่ดี ผมไม่ต้องการให้เขาพึ่งพายาจำพวกนี้ จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย...
ตั้งแต่ผมมาอยู่กับเขา คุณกายไม่เคยถามหากระปุกยาที่หายไปเลย ทำให้ผมรู้สึกเบาใจ ที่เขาไม่ถึงกับติดยานอนหลับอย่างที่ผมเคยนึกกังวล จนกระทั่งคืนนี้... ที่เขาถามหา ทำให้ผมรู้สึกได้ว่า เรื่องราวที่รบกวนจิตใจเขาในตอนนี้คงจะหนักหนาสาหัสมาก จนเขาไม่สามารถข่มตานอนหลับได้
ผมถอนหายใจยาว กลัดกลุ้มใจที่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพื่อให้คุณกายอารมณ์ดีขึ้น ตัวผมที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้สาเหตุของเรื่องราวใดๆ ทำให้รู้สึก...เหมือนเป็นคนที่ไร้ประโยชน์อย่างไรอย่างนั้น...
เวลาผ่านไปนานแล้ว... แต่เขาก็ยังไม่กลับเข้ามาอีก ทำให้ผมต้องเดินออกไปดูคนที่ทำให้ผมนึกเป็นกังวล...
เห็นคุณกายนั่งอยู่บนโซฟา ก้มหน้าก้มตาสองมือกุมขมับ ทำให้ผมรู้สึกตกใจ
“เป็นอะไรครับ! ปวดหัวเหรอครับ”
ผมนั่งลงข้างเขา รู้สึกร้อนใจที่เห็นเขาเป็นแบบนี้
คุณกายไม่ตอบอะไร เขานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ราวกับไม่รู้สึกตัวว่าผมอยู่ตรงนี้ ผมค่อยๆยื่นมือไปเตะแผ่นหลังของคุณกายเบาๆ จนอีกฝ่ายสะดุ้งนิดๆ เงยหน้ามามองผม
ดวงตาของเขาแดงก่ำแววตามองเศร้า ผมรีบคว้าตัวเขามากอดไว้แน่น โอบกอดเพื่อให้เขารับรู้ว่าเขายังมีผมอยู่ตรงนี้ เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว...
รู้สึกถึงความเปียกชื้นตรงอกเสื้อ ผมก้มลงจูบเปลือกตาที่สั่นระริก พยายามปลอบโยนจิตใจของคนที่รัก เท่าที่ผมทำได้... แม้จะไม่ทราบต้นสายปลายเหตุของทุกข์นี้ ...
ผมอยากจะเป็นคนที่สามารถแบ่งเบาความทุกข์ของเขาบ้างสักนิดก็ยังดี...
“ลืมมันเถอะครับ... ลืมความจริงที่รบกวนจิตใจของคุณ แค่สักครู่ก็ยังดี... ”
รู้ดีว่าตอนนี้คุณกายคงยังไม่พร้อมที่จะเล่าอะไรให้ฟัง ปัญหาของเขาคงเป็นเรื่องที่พูดได้ลำบาก อาจจะเป็นปัญหาภายในครอบครัวของเขาเอง ซึ่งผมที่เป็นคนนอกได้แต่เป็นกำลังใจอยู่ห่างๆเท่านั้น แม้คุณกายจะยอมรับตัวผมในฐานะคนรักแล้วก็ตาม... แต่มันก็คงจะเร็วเกินไปอยู่ดี ที่เขาจะยอมให้ผมได้รับรู้ปัญหาส่วนตัวของเขาแบบนี้
หรือคนรักอย่างผมก็มีขอบเขตที่สามารถกระทำได้และรับรู้ได้อย่างจำกัดเหมือนกัน...
ผมไม่อยากจะเป็นได้แค่นั้น ผมอยากจะเป็นข้อยกเว้นเพียงคนเดียวสำหรับเขา อยากเป็นที่หนึ่งในทุกๆเรื่องราวของคนๆนี้ให้ได้ในสักวันหนึ่ง...
“นิค...” เสียงเรียกเบาหวิวของคนในอ้อมกอดเรียกให้ผมก้มลงมองใบหน้าอันอ้อนล้าของเขา
“ครับ...”
“...นิค จะไม่ทิ้งฉัน... เหมือนกับที่ฉันเคยถูกทอดทิ้งมาตลอดใช่ไหม... ”
“...”
คำพูดของเขาสะกดให้ผมต้องนิ่งงัน เพราะไม่สามารถจะตอบรับได้ในทันทีทันใด เรื่องที่ผมต้องกลับไปทำงาน ย้อนมาวนเวียนให้ผมต้องคิดหนักอีกครั้ง
ถ้าเป็นเวลาปกติ เวลาที่ตัวคุณกายไม่ได้มีท่าทางอ่อนแอแบบนี้ ผมคงจะบอกกับเขาได้ตามตรง และปรึกษากันและกันว่า จะหาทางออกที่ดีให้กับเราทั้งคู่อย่างไร
แต่ในตอนนี้ เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้... ผมกลับไม่กล้าที่จะพูดมันออกมาแม้สักครึ่งคำ ถึงกับไม่อยากจะจากไปทั้งๆอย่างนี้
“ครับ ผมไม่มีวันทิ้งคุณหรอก... ผมเคยบอกคุณตั้งแต่แรกแล้วนี่ครับ ว่าต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ไม่ยอมไปจากคุณ คุณจำไม่ได้เหรอ?” ผมกัดฟันบอกไป
ในใจคิดว่า ‘ถึงผมจำเป็นต้องห่างจากคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะทิ้งคุณนะครับ’
“...สัญญานะ”
“ผมสัญญาครับ”
ครั้งนี้ผมพูดได้เต็มปากเต็มคำมากกว่าเดิม เรียกความมั่นใจของตัวเองกลับคืนมา ย้ำกับตัวเองว่า ต่อให้ลำบากขนาดไหน หรือต้องเจอกับอะไร ผมก็จะขอยืนยันที่จะอยู่เคียงข้างเขาต่อไป นอกเสียจากคนๆนี้ จะไม่ต้องการผมอีก...
ในใจผมคิดถึงความหมายของคำ ‘เคยถูกทอดทิ้งมาตลอด’ ของเขา ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด หรือว่าเขาเคยถูกใครทิ้งมาแล้ว? ผมได้แต่นึกสงสัย และทราบดีว่าไม่ควรถามอะไรในเวลานี้
“เราไปนอนกันเถอะครับ นี่ก็ดึกมากแล้ว...พรุ่งนี้เช้าคุณต้องตื่นไปทำงานไม่ใช่เหรอครับ”
“อื้อ... ขออยู่แบบนี้สักพักได้ไหม...” ผมส่งยิ้มตอบรับให้เขา กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น หวังว่าอ้อมกอดที่อบอุ่นของผมจะช่วยผ่อนคลายจิตใจของเขาลงได้บ้าง...
“ผมร้องเพลงกล่อมคุณดีไหม...”
“ร้องเป็นด้วยเหรอ...?” คนซุกกับอกถามเสียงอู้อี้
ผมยิ้ม “เสียงไม่ดีหรอก แต่คุณอยากฟังไหมล่ะ?”
“เอาสิ...”
ผมเอนหลังกับพนักโซฟา อุ้มคุณกายขึ้นมานั่งบนตัก โอบกอดเอวเขาไว้หลวมๆ ปล่อยให้ศีรษะของเขาซุกซบกับแผ่นอกของผมในท่าสบาย แล้วจึงค่อยๆร้องเพลงที่ผมนึกได้ในตอนนี้ออกมาเบาๆข้างหูคนฟัง
“…That you are not alone. For I am here with you.
...ว่าคุณไม่ได้อยู่ลำพัง เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ
Though you're far away. I am here to stay
แม้ว่าคุณอยู่ห่างไกล ผมจะอยู่ที่นี่กับคุณ
But you are not alone. For I am here with you
แต่คุณไม่ได้อยู่ลำพัง เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ
Though we're far apart. You're always in my heart
แม้ว่าเราอยู่ห่างไกล คุณอยู่ในหัวใจผมเสมอ…
But you are not alone.
แต่คุณไม่ได้อยู่ลำพัง....”
คุณกายหันมาโอบกอดลำคอของผมไว้แน่น คิดว่าเขาคงรับรู้ได้ว่าเพลงที่ผมร้อง เป็นตัวแทนความรู้สึกของผมที่มีต่อเขา และอยากจะย้ำเตือนให้เขาได้รับรู้เอาไว้...
“Just the other night. I thought I heard you cry
เพียงแค่อีกคืน ผมคิดว่า ผมได้ยินเสียงคุณร้องไห้
Asking me to come. And hold you in my arms
ขอให้ผมกลับมา และกอดคุณไว้ในอ้อมแขนของผม
I can hear your prayers. Your burdens I will bear
ผมได้ยินคุณอธิษฐาน ภาระของคุณผมจะรับไว้
But first I need your hand. Then forever can begin
แต่ก่อนอื่นผมขอมือคุณ ครั้นแล้วความเป็นนิรันดร์จะเริ่มต้น
Everyday I sit and ask myself. How did love slip away
ทุกๆวันผมนั่งถามตัวเอง ว่าความรักล่วงเลยไปได้อย่างไร
Something whispers in my ear and says
กระซิบบางอย่างที่หูผมแล้วกล่าว
That you are not alone. For I am here with you
ว่าคุณไม่ได้อยู่ลำพัง เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ
Though you're far away. I am here to stay
แม้ว่าคุณอยู่ห่างไกล ผมจะอยู่ที่นี่กับคุณ
For you are not alone. For I am here with you
คุณจะไม่โดดเดี่ยว เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ
Though we're far apart. You're always in my heart
แม้ว่าเราจะห่างกัน คุณอยู่ในหัวใจของผมเสมอ
For you are not alone
คุณจะไม่โดดเดี่ยว...”
รับรู้ได้ถึงแรงสะอื้นเบาๆจากคนในอ้อมแขน ผมโอบกอดแผ่นหลังที่สั่นไหวนั้นไว้แน่น ให้ในใจเขาแน่ชัดว่า เรามีกันและกัน
เขาจะมีผม... และผมมีเขา อยู่เคียงข้างกัน...
.
.
”Whisper three words and I'll come runnin'
กระซิบสามคำนั้นแล้วผมจะวิ่งมาหาคุณ
And girl you know that I'll be there. I'll be there
ที่รัก คุณคงรู้ว่าผมจะอยู่ที่นั่น ผมจะอยู่ที่นั่น....
You are not alone. For I am here with you
คุณไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ
Though you're far away. I am here to stay
แม้ว่าคุณอยู่ห่างไกล ผมจะอยู่ที่นี่กับคุณ
For you are not alone. For I am here with you
คุณจะไม่โดดเดี่ยว เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ
For I am here with you. Though we're far apart
เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ แม้ว่าเราจะห่างกัน
You're always in my heart
คุณจะอยู่ในหัวใจของผมเสมอ....”
ความเปียกชื้นที่อกเสื้อขยายเป็นวงกว้าง ราวกับอยากจะดูดซับความเศร้าโศกของคนที่ผมรักเอาไว้ทั้งหมด หากเป็นอย่างนั้นได้จริงผมก็ยินดี...
ผมพร้อมที่จะรองรับความทุกข์ใจของเขาเอาไว้ทั้งหมดโดยไม่บ่ายเบี่ยง
.
.
”For you are not alone. For I am here with you
คุณจะไม่โดดเดี่ยว เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ
Though you're far away. I am here to stay
แม้ว่าคุณอยู่ห่างไกล ผมจะอยู่ที่นี่กับคุณ
For you are not alone. For I am here with you
คุณจะไม่โดดเดี่ยว เพราะผมอยู่ที่นี่กับคุณ
Though we're far apart. You're always in my heart….
แม้ว่าเราจะห่างกัน คุณอยู่ในหัวใจของผมเสมอ....
For you are not alone...
คุณจะไม่โดดเดี่ยว....”
คำร้องซ้ำๆ คลอเคลียอยู่ข้างหูเขา เพื่อให้เขาได้ซึมซับความหมายที่ผมต้องการจะบอก
ให้เขาได้รับรู้ว่า ผมหวังจะเป็นที่พักพิงให้แก่เขาในทุกๆเรื่อง...
ให้เขาได้รู้ว่า ผมพร้อมที่จะเป็นคนที่เข้มแข็งกว่าเขาในยามที่เขาอ่อนแอ...
เป็นโลกทั้งใบสำหรับเขา...ที่สามารถโอบอุ้มและมีกำลังปกป้องเขาไว้ได้ด้วยสองมือ...
ขอเพียงเขาเชื่อมั่นว่าผมได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับเขาแล้ว...
