มาแล้วค่ะ

หาแฟนให้เรโอสักคนสิครับ
น้องตั้มไง โตพอจะใช้การได้แล้ว 555 ให้เรโอเอาใจเด็กๆน่ารักดีนะครับ
อิอิ
ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น
สาวแว่นนี่หมายถึงแว่นในเรื่อง oneday หรือเปล่า
แล้วที่ยกมือหมายถึงเห็นด้วยใช่ไหมเอ่ย หรือไม่ใช่หว่า งงพี่เหมือนนะเนี๊ยะไรเขียนเองงงเอง
แฟนของเรโออ่ะมีแน่นอน แต่ไม่ใช่ในภาคนี้ แล้วก็ไม่ใช่ไอ้เด็กตั้มด้วย

ว๊ายตายแล้ว! อุ๊บไว้ก่อนๆ

ส่วนสาวแว่นเนี่ย แล้วแว่นในเรื่องoneday อ่ะ สาวรึเปล่าล่ะ หุหุ

ตกลง สาวแว่นนี่มันอะไรยังไงเหรอคุณน้อง ชักเง็ง 
รีบไปส่องกระจกดูนะ เด๋วได้คำตอบเอ๊งง อร๊ายยเขิล

.
.
.
มาต่อกันดีกว่า

--------------------------------------------
...
เรโอกลับไปแล้ว... โดยมีตั้มขับรถไปส่งที่สนามบิน ทั้งที่มันเพิ่งมาที่นี่เมื่อวานนี้แท้ๆ เช้าวันนี้ก็กลับซะแล้ว... มันทำให้ผมรู้สึกโหวงๆอย่างไรไม่รู้ ความรู้สึกผิดมันตื้ออยู่เต็มอก รู้สึกแย่ที่ไม่สามารถทำอะไรให้มันได้มากกว่านี้...
มันเองก็คงเข้าใจความรู้สึกของผมดี ถึงได้พยายามทำตัวให้เป็นปกติ เพื่อไม่ให้ผมรู้สึกลำบากใจ... แต่นั่นแหละ! ยิ่งมันทำแบบนั้น... ผมกลับรู้สึกแย่มากกว่าเดิม ยังไงก็ตาม ผมหวังว่าการไปพักผ่อนของมันครั้งนี้ จะทำให้เพื่อนผมคนนี้กลับมาร่าเริงสนุกสนาน โดยที่ไม่ต้องฝืนใจทำแบบนี้อีก...
“คุณทำดีที่สุดแล้ว...” หนุ่มฝรั่งเข้ามาโอบไหล่ผมที่กำลังยืนเหม่อมองท้องทะเลไกลตาอยู่บริเวณหน้าบ้านพัก
“ไม่ใช่หรอก... ฉันแค่ทำเท่าที่ฉันจะทำได้เท่านั้น สำหรับพวกเรามันอาจจะดีที่สุด แต่สำหรับกับมัน...”
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ นายนิคก็ยกมาปิดปากผมเบาๆเสียก่อน
“ชู่วว... ไม่เอาน่า...เลิกคิดมากได้แล้วครับ คุณพูดแบบนี้เท่ากับทำร้ายน้ำใจของหมอนั่นรู้ไหม”
ผมก้มหน้านิ่ง.... ชายหนุ่มดึงผมเข้ามาโอบกอดเอาไว้ หน้าของผมซบอยู่ที่อกอุ่น แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกสุขใจเลยในตอนนี้...
“เรื่องความรักมันไม่เข้าใครออกใครหรอกคุณก็รู้... มันไม่ผิดเลยที่เขาจะรักคุณ เรื่องแบบนี้มันกำหนดอะไรตายตัวไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่เรารักจะรักตอบไหม แต่มันก็ห้ามความรู้สึกอยากรักของตัวเองไม่ได้... ผมเข้าใจเขาดี เพราะแต่เดิม ผมก็ไม่มั่นใจ แต่ผมก็อยากจะลองเสี่ยงดู... ผมโชคดีกว่าใคร โชคดีกว่าเขา... ที่คนที่ผมเสี่ยงรัก ยอมเปิดใจให้ผม... ” เขายิ้มอบอุ่นให้กับผมที่เงยหน้าขึ้นมามอง
เขาทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น... มันอบอุ่นจากภายใน จนไม่คิดเลยว่า ผู้ชายตรงหน้าผมคนนี้จะทำให้ใจของผมคนนี้อยากจะแอบอิงใครขึ้นมา ได้ท่วมท้นเท่ากับเขา
“เพราะฉะนั้น... คุณควรจะรู้สึกยินดี และเป็นกำลังใจให้เขาจะดีกว่า อย่าทำให้ความเข้มแข็งของหมอนั่นดูไร้ค่า คุณควรจะยิ้มรับ กับสิ่งที่หมอนั่นได้ทุ่มเทให้กับคุณ สำหรับกับผมเอง ที่เป็นคนที่รักคุณเหมือนกัน ผมรู้ดีว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออะไร... หมอนั่นอยากให้คุณยิ้มได้อย่างมีความสุข เขาคงไม่อยากให้ความรู้สึกของเขาที่มีให้กับคุณ กลายเป็นภาระทางจิตใจให้คนที่รักหรอก... คุณเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการบอกไหมครับ?”
“อื้อ...” ผมพยักหน้าตอบรับเบาๆ ก้มหน้าซบที่ไหลแข็งแรงของเขา ด้วยความรู้สึกสบายใจมากขึ้น...
“เข้าใจแล้วก็เงยหน้ามายิ้มให้ผมดูหน่อยสิ” เขาบอกเสียงอ่อนโยน ผมจึงเงยหน้ามายิ้มกว้างให้เขา
“แบบนั้นแหละคนเก่ง มาๆ ให้ผมจูบที หมั่นเขี้ยวจัง!”
จุ๊บๆ! เขาจับหน้าผมล็อคไว้ด้วยสองมือ ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาจุ๊บปากผมซ้ำๆ แล้วกัดปลายจมูกผมเบาๆอีกหนึ่งที
“ฮ่าๆ จมูกแดงเลย น่ารักๆ”
“ไอ้บ้า! น้ำลายติดเลย” ผมทำหน้าเบ้ใส่ เอามือเช็ดจมูกตัวเอง แล้วนำไปเช็ดกับเสื้อของนายนิค
“ฮะๆ อะไร แค่นี้รังเกียจเหรอที่รัก! ทีตอน... ผมทั้งดูดทั้งเลีย...” หนุ่มฝรั่งทำหน้ากรุ่มกริ่มส่งสายตาหื่นๆมาให้ผม จนเลือดสูดฉีดที่ใบหน้าผมขึ้นมา
“เฮ้ย! เดี๋ยวโดนถีบ หุบปากเลยนะ!”
ผมทำท่ายกขาเตะนายนิค จนเขาหัวเราะล่า รีบชิ่งหนีผมเข้าไปในบ้าน จนผมต้องวิ่งไล่ตามเตะก้นด้วยความโมโหปนขำ แถมนายบ้านี่ยังทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา หันมาตีก้นตัวเองล้อเลียนผมอีก
“แหมๆ สวีทหวานต้อนรับยามเช้ากันเลยนะคะ เกินหน้าเกินตาพวกเราแล้วนะ คิกๆ”
น้องหยกร้องแซว เมื่อผมวิ่งไล่นายนิคมาจนถึงโต๊ะอาหารที่เธอกับแฟนหนุ่มกำลังนั่งทานข้าวต้มฝีมือไอ้เรโอมันอยู่ ริชาร์ตเองก็มองพวกผมขำๆเช่นกัน
“ฮะๆ ก็พวกผมไม่อยากน้อยหน้าพวกคุณไง จริงไหมครับที่รัก?” ยังมีหน้าหันมาขอเสียงสนับสนุนจากผมอีก เรื่องอะไรที่ผมจะยอมเล่นด้วยล่ะ!
“มาจริงไหมอะไร เดี๋ยวจะโดน!” ผมขู่ใส่อย่างไม่จริงจัง ก่อนจะผละเข้าครัวไปหาน้ำดื่ม เพราะผมยังมีไข้อ่อนๆอยู่เลย แล้วยังมาออกกำลังวิ่งไล่ตามอย่างนี้อีก จะไม่ให้รู้สึกเหนื่อยกว่าปกติได้ยังไง
เมื่อเห็นผมไม่เล่นด้วย นายนิคจึงหันไปคุยร่วมวงกับน้องหยก เรื่องโปรแกรมเที่ยวที่จะไปหลังจากผมหายดีแล้ว ซึ่งผมก็ปล่อยให้พวกเขาคุยกันไป ส่วนผมก็ปลีกตัวขึ้นห้องมานอนต่อ เพราะรู้สึกปวดหัวและปวดแผลขึ้นมา
เสียงโทรศัพท์มือถือของผมที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ร้องดังขึ้นกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาหยิบดู ได้ยินเสียงน้ำไหลจากห้องน้ำ นายนิคคงกำลังอาบน้ำอยู่ ผมมองหน้าจอมือถือ ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรมา
พี่ทิพย์... โทรมาทำไมกัน...?
หลังจากที่พ่อแม่แยกทางกัน ตอนนั้นผมยังเด็กมาก ธาราทิพย์พี่สาวแท้ๆของผมถูกพาตัวไปอยู่กับแม่ ส่วนผมอยู่กับพ่อ ด้วยความที่ยังเด็ก และพี่สาวผมก็อายุห่างจากผมถึงสี่ไป ทำให้ตอนเด็กๆเราไม่ค่อยได้เล่นด้วยกัน ผมจริงไม่สนิทกับพี่สาวตัวเองสักเท่าไร ยิ่งพ่อแม่แยกทางกัน ความเป็นพี่น้องยิ่งห่างไกลกัน...
ผมได้รับการติดต่อจากพี่ทิพย์ในช่วงระยะหลังๆ ก่อนที่ผมจะจบปริญญาโท พี่ทิพย์ส่งจดหมายมาหาผมเดือนละฉบับ โดยที่พี่ทิพย์ได้ไปติดต่อขอที่อยู่ผมจากคุณลุงคุณป้าที่อังกฤษ แต่ผมก็เขียนตอบบ้างไม่ตอบบ้าง เพราะช่วงนั้นผมค่อนข้างที่จะเรียนหนัก
จนกระทั่งผมเรียนจบ และศึกษางานจากบริษัทของพ่อที่อเมริกาหนึ่งปี จากนั้นพ่อก็ออกคำสั่งให้ผมมารับตำแหน่งที่ประเทศไทย นั่นจึงทำให้ผมได้มาพบกับพี่สาวแท้ๆของผม หลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานปี...
ผมกดปุ่มรับสายเมื่อมันร้องดังขึ้นอีกครั้ง ความจริงไม่อยากจะรับเลย ตั้งแต่ครั้งล่าสุดเมื่อสองเดือนก่อนที่พี่ทิพย์ติดต่อมา... ผมก็พยายามหลีกเลี่ยงจากการพูดคุยกับเธอตั้งแต่นั้น...
[“ฮัลโหล กาย!”]
“ครับพี่ทิพย์ เป็นไงบ้างครับ”
[“พี่จะถามเราต่างหากว่าเป็นยังไงบ้าง โทรไปทุกครั้งก็ฝากข้อความตลอด งานยุ่งเหรอเรา?”]
“...ก็ครับ ผมยุ่งๆ” ผมตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก
[“ไม่ใช่จะหนีพี่หรอกนะ”] เสียงหวานพูดเหมือนรู้ทันผม
“ไม่ใช่..” แต่ผมไม่ทันได้ปฏิเสธ เธอก็พูดแทรกตัดบทผมเสียก่อน
[“เฮ้อ... พี่ไม่อยากจะบังคับฝืนใจเราหรอกนะ ...แต่เราอยากจะหนีแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเหรอ ทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าผลจะออกมาเป็นยังไง กายก็หนีซะแล้ว... รองคิดดีๆนะ ว่าจะปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความหลัง หรือจะเลือกเผชิญกับสิ่งใหม่ๆ ที่อาจจะดีกว่าที่คิดก็ได้ อย่าคิดว่ามันจะเลวร้าย ก่อนที่จะได้เจอสิ อย่าอคติกับมัน...”]
หัวใจของผมหนักอึ้งเหมือนถูกหินนับพันชั่งถ่วงเอาไว้ ปัจจุบันกับอดีตตีกันยุ่งเหยิงในหัวผมจนสับสนไปหมด ผมหาทางออกให้กับเรื่องนี้ไม่ได้... ผมยังไม่พร้อม ผมยังไม่กล้าพอ...
“ผมยังไม่พร้อมพี่ทิพย์... พี่ต้องให้เวลาผม...” ผมวอนขอน้ำเสียงแหบแห้ง รู้สึกไร้เรี่ยวแรงไปหมดทั้งกายใจ
[“แล้วต้องใช้เวลาเท่าไหร่ หืมม์? แม่ออกจากโรงพยาบาลมาได้3ปีแล้วนะ ท่านหายแล้วนะกาย กลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมแล้ว...”]
“พี่ครับ...ผมไม่มั่นใจ... พี่จะเอาอะไรมาเป็นหลักประกันล่ะ ว่าถ้าผมไปพบแม่ ท่านจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิม... ผมคงทำใจไม่ได้ ถ้าผมได้เห็นแม่ในสภาพแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง ความเข้มแข็งของผมที่พยายามสร้างมาหลายปี อาจพังทลายลงจนไม่เหลือชิ้นดี... ”
[“เรากังวลมากเกินไปหรือเปล่า... มันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้นะ เฮ้อ... พี่ก็ไม่ใช่เรา พี่ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้แล้ว แต่พี่แค่อยากให้ครอบครัวของเรากลับมาปรองดองกันอีกครั้งเท่านั้น... ทั้งๆที่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่พี่ก็ยังจะคาดหวังลมๆแล้งๆอีก...”]
ผมสูดหายใจเข้าปอดอย่างหนาวเหน็บ อยากจะร้องบอกว่า สิ่งที่พี่ทิพย์คาดหวังไว้ ไม่เคยอยู่ในความคิดผมเลยสักนิด...
“...”
[“เอาล่ะ พี่จะไม่เซ้าซี้เราในเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะสุดท้าย...เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเท่านั้น ว่าจะละทิ้งความหลังเพื่อเดินหน้าต่อ หรือจะย่ำอยู่กับที่อยู่แบบนี้... แค่นี้นะ กายไปคิดทบทวนให้ดีๆล่ะ”]
แกร็ก!
ประตูห้องน้ำเปิดพร้อมกับนายนิคที่เดินพันผ้าเช็ดตัวออกมา
“อ้าว! ตื่นแล้วเหรอครับ แล้วทำไมคิ้วขมวดแบบนั้นล่ะ ปวดหัวเหรอ?”
ผมหันไปยิ้มแห้งๆตอบรับ โดยที่มือยังคงกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่น ผมจะหาทางออกอย่างไรดี ในเรื่องนี้!?
หนุ่มฝรั่งส่งยาแก้ปวดหัวพร้อมกับน้ำดื่มมาให้ผม ก่อนจะหันไปแต่งตัว ผมมองแผ่นหลังกว้างนั้น... หากซบหน้าลงไป ความหนักอึ้งในใจนี้ จะผ่อนคลายลงได้ไหม...?
---------------------จบตอน---------------------
:L2:ให้ๆ