[เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)  (อ่าน 384642 ครั้ง)

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
 :sad11:

อ่านตอนแรกแล้วแบบได้อารมณ์เหงาเลยอ่ะ

คุณไพรู้ใจตัวเองแล้ว

แต่ตอนหลังนี้สิเล่นเอาอึ้ง

นายนพนี่ก็นะบอกว่ารักคุณไพแต่ยอมให้ชะนีน้อยนั้นควงแขน

หล่อนเป็นใคร  :angry2:

ออฟไลน์ milky way

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
เหมือนแอบอ่านกิจวัตรประจำวันของคุณไพทูรย์ 555
และทำให้เรารู้ว่า คุณไพทูรย์ก็คิดถึงนพมากแค่ไหน
แอบดีใจกับทั้งคู่ด้วยที่จะได้เจอกันแล้ว
แต่ แต่ ยัยเด็กสาวนั้นใคร
นพพาใครกลับบ้านมาด้วย

ออฟไลน์ อิสระ

  • ถ้า add ให้กอด,ถ้า give five ให้จุ๊บ,ถ้า ment ให้เบอร์ คิคิ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-8
    • https://www.facebook.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-1433707443445407/?modal=admin_todo_tour
เข้าใจผิดแน่ๆ :serius2:
เข้าใจผิดใช่มั้ย :serius2:
ขอให้เป็นเรื่องเข้าใจผิดเถอะ :call:
สงสารพี่ไพหงะ :monkeysad:
หักอกคนสูงอายุมันปาบนะนพ :angry2:

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
คุณไพฑูรย์จิตตกไปเรียบร้อย พอๆกับคนอ่านเลย :sad2:
คงมีการเข้าใจอะไรผิดไปแน่ๆใช่มั้ย :serius2: นพเคลียร์ด่วนนนน

4life

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกก มาต่อวันนี้เลยได้ป่าววววว

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
คุณไพฑูรย์ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร
ไหง คิดเอาเองอย่างนั้นล่ะ  ตั้งสติหน่อยคุณไพฑูรย์

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
Who is she???
ไม่นะ ลูกสาวของพี่สาวหรือเปล่าฮะเนี่ย
ไม่ดราม่านะฮะ ไม่อยากเครียด ^^

ออฟไลน์ lucifel

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
หล่อนเป็นใคร??????????????????

เครียด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ออฟไลน์ pita

  • ขอเพียงกล้าทำตามฝัน จะล้มบ้าง ลุกบ้าง ช่างมันปะไร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +328/-13
 :monkeysad: เจ็บนะกับคำนี้ "คิดไปเอง" :z3:

rose

  • บุคคลทั่วไป
ง๊ากกกกกก ก

ตากุยยย ย

 o9

จาอ่านอีกกกกกก ก

ทำไมมันเป็นอย่างนี้ :z3: :z3: :z3:



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
คิดเองเออเอง
.
เมื่อไหร่จะได้กันซักที???

ใช่เลยค่ะ ถามเขาก่อนสิคะ อย่าคิดมาก ซิกๆ

ออฟไลน์ tartar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
โอ้ยยยยยยยยยยยยยคิดมาก
เฮ้อคนแก่น่ะคนแก่55

ขอบคุณครับ รอเสมอ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

ออฟไลน์ Piaanie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
เอ้าาาา เกิดอะไรขึ้น จะดีๆอยู่แล้วเชียว อะไรอีกเนี่ย ชะนีน้อยนางนี้คือใคร อยากรู้ๆๆๆ :serius2: :serius2:

lastlover

  • บุคคลทั่วไป
 :call:ขอให้เข้าใจผิดทีเหอะ :call:

dog

  • บุคคลทั่วไป
ง่า
ทำไมตัดจบแบบนี้ละค๊า
อ๊าย อยากอ่านต่อไวๆๆ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครค๊า อยากรู้อ่า

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
อ่านช่วงต้นๆช่วงที่คุณไพฑูรย์เหงา และคิดถึงนพ ก็พลอยใจเหี่ยวใจแห้งไปด้วย
มาช่วงรอวันนพกลับก็พลอยดีใจและมีความสุขในการรอไปกับคุณไพฑูรย์
และฟันธงในใจว่า คุณไพฑูรย์รักนพเข้าแล้วเต็มเปา
ลุ้นในใจว่า ให้คุณไพฑูรย์เผลอใจกอดนพทีเทอะ  
เอ๊า..ไหง มาหักมุม ให้มีเหตุให้คุณไพฑูรย์ต้องเกิดอารมณ์เสียใจ น้อยใจ(หึง)ซะงั้น
อารมณ์คนอ่านก็พลอยหวิวๆหม่นๆไปด้วยซีคะ
***นี่แหละค่ะเสน่ห์ของเรื่องนี้แหละ เหมือนเชฟฝีมือดี ที่สามารถปรุงอาหารอร่อยล้ำหลากรส
ให้คนได้ลิ้มรสหลากหลาย ในเวลาเดียวกัน  แล้วใครจะไม่ติดใจล่ะ***

ออฟไลน์ Stitch

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
คุณไพฑูรย์ เข้าใจผิดแน่ๆ 

อยากอ่านต่ออ่ะ

ออฟไลน์ วิหคท่องนภา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
 :serius2:ม่ายยยยยยย  ค้างที่สุดในโลกมนุษย์!!!!!!!!

butterfly_bee

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วรู้สึกโหวงๆในใจ อินไปกับคุณไพฑูรย์เลยทีเดียว
นพรัตน์หายไปตั้งหลายเดือนขนาดนั้น
แล้วยังกลับมากับสาวอีกตะหาก  :เฮ้อ:
ขอให้คุณไพฑูรย์เข้าใจผิดนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






LadyOneStar

  • บุคคลทั่วไป
คุนไพเพ้อเอามากๆ
หวังว่าจะสมหวังกันซะทีนะ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เด็กคนนั้นคงเป็นหลาน ลูกพี่ลูกน้อง ญาติสนิท เด็กแถวบ้านที่รักกันเป็นพี่น้องเท่านั้น อะไรทำนองนั้นใช่มั้ย

ไม่งั้นเค้าจะสงสารคุณไพฑูรย์มาก ยิ่งแต่ชอบน้อยใจเรื่องความต่างของอายุอยู่  :m15:

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
คุณพี่ไพน่ารักมากกกกกกกกกกก อ่านเพลินเลยละค่ะ
แต่ตอนท้าย ๆ ไม่เอาแบบนี้น๊าาาาาาาาาา รีบ ๆ มาเคลียร์ด่วนเลยคุณนพ แฟนคลับพี่ไพเคืองนะค่ะ

ออฟไลน์ skidK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-1

นพก็ช้าจริงแทนที่จะแนะนำซะเร็วๆ เราอยากรู้นะเนี่ย

ออฟไลน์ kazhiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-2
ง่า อะไรก๊านนนนนนนนนนนน :serius2: ไม่ใช่แบบนั้นแน่ๆคุณไพฑูรณ์ อย่าเข้าใจผิดสิค๊า
รออ่านต่อ :monkeysad:
ขอบคุณมากค่ะ

fOnfOn :D

  • บุคคลทั่วไป
กว่าลุงแกจะใจอ่อน ไม่ใช่ง่ายๆ นะค่ะเนี๊ย

โอ๊ยยย ทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอ่ะ    :z3: :z3:

ออฟไลน์ MimicClub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-3
 :-[  ในที่สุดคุณไพ  ก็รักนพ  อย่างรู้ใจตัวเอง

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เดี๋ยวดิลุง ฟัง นพ อธิบายก่อนนะ ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้นค่อยโมโห  แต่ นพ ก็นะ รีบๆทำไรเข้าดิ  :serius2:  :serius2:

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
บันไดขั้นขั้นสุดท้าย
   ชีวิตนี้ผมช็อกครั้งแรก ตอนที่รู้ว่าพรายโพยมรักผม แล้วผมเป็นฝ่ายปล่อยเขาไปเอง ผมช็อกเพราะคิดว่าเขาลืมผมแล้วมาโดยตลอด
   คราวนั้นผมแค่น้ำตาร่วง แต่คราวนี้.....
   ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ สิ่งแรกที่เห็นคือหลอดไฟนีออนในรางสเตนเลส จากนั้นจมูกก็ได้กลิ่นอะไรสักอย่าง จำได้ว่าเคยได้กลิ่นนี้ตอนช่วงหลังหมดสัปดาห์จ่ายโบนัสปีก่อนโน้น หลังจากนั้นอีกสักสองสามวินาที ผมถึงรู้ว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล พอหันหน้าไปข้างเตียงก็เห็นเจ้านพรัตน์นั่งตาแป๋วอยู่ อย่างกับแมวปั้นบนหัวเตียงที่ผมมองมาตั้งหลายเดือนแน่ะ แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะมองหน้าเขาหรอก เลยหันหน้าหนีไปอีกทาง
   “คุณไพฑูรย์....”
   เหอะ เรียกอยู่ได้ น่ารำคาญจริงๆ ผมหันหน้ามาอีกทาง จะได้ไม่ต้องเจอหน้านายนพรัตน์ แต่ก็ดันเจอสาวฝรั่งผมสีน้ำตาลคนนั้นนั่งอยู่แทน ตาแป๋วเป็นแมวเหมือนกันไม่มีผิด โดนจ้องจากสองข้างแบบนี้ สุดท้ายผมเลยหันหน้าไปมองเพดาน สบตากับไฟนีออนให้รู้แล้วรู้รอด
   “คุณไพฑูรย์....นอนจ้องไฟไม่ดีต่อสายตานะครับ”
   อย่ามายุ่งน่ะ คนมันอยากจ้องก็ปล่อยให้จ้องไปสิ นายสองคนนั่นแหละมานั่งหน้าสลอนทำอะไรกัน หวังขอคำอวยพรแต่งงานจากผู้ใหญ่อย่างผมหรือไง?!
   “ออกไปได้แล้ว ผมจะได้พักผ่อน” ผมเอ่ยปากไล่เมื่อเห็นสองคนยังคงนั่งนิ่ง  นพรัตน์ขยับตัวยุกยิกขณะที่อีกคนดูจะฟังไม่เข้าใจ
   “แต่คุณเพิ่งตื่นนะครับ” เขาว่า ผมล่ะเบื่อพวกช่างสังเกตเหลือเกิน
   “เออ ผมตื่นได้ก็นอนต่อได้”
   “ไม่เป็นไรครับ ผมจะนั่งเงียบๆ “
   “ผมไม่ชอบให้ใครมาจ้องตอนนอน”
   “เปล่าจ้องนะครับ”
   “งั้นก็ออกไปสิ”
   “.............”
   “ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง อย่าให้ผมต้องออกปากไล่นะ”
   “ฟังรู้เรื่องครับ แต่คุณฟังผมก่อนได้รึเปล่า?”
   “......” แน่ะ กลับมาปุ๊บก็ตั้งหน้าตั้งตาต่อรองกับผมปั้บ เอาล่ะ ผมมันเป็นผู้ใหญ่ ใจกว้างพออยู่แล้ว ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว... ให้ตายสิ ผมไม่อยากนึกเลยว่าตัวเองมานอนโรงพยาบาลเพราะอะไร ตอนนั้นผมเห็นเขาเดินควงมากับเด็กสาวคนนี้ แล้วผมก็โมโห...แล้วผมก็....
   “คุณไพฑูรย์ คุณเป็นลมไปนะ จำได้รึเปล่าครับ”
   “เออ” จำได้สิ เด็กบ้า จะพูดออกมาทำให้ให้อายคนอีกเล่า
   “หมอบอกว่าคุณช็อก เพราะตกใจมาก”
   “..........”
   “คุณตกใจที่เห็นผมควงผู้หญิงมาใช่ไหม?”
   โอ๊ย ผมล่ะอยากจะลุกขึ้นแล้วหันไปบีบคอเขาเสียจริงๆ รู้อยู่แก่ใจยังจะมาถาม
   “คุณนพ ออกไปได้แล้ว ผมจะได้นอน” ผมไล่ ขี้เกียจจะฟังเขาพูดต่อ แต่เขาไม่ไปง่ายๆ กลับมาจากแคนนาดานอกจากจะหน้าด้านขึ้น ยังทำหูทวนลมได้เก่งขึ้นด้วย ไม่ไปไม่พอ ยังจับมือผมอีก ผมทนไม่ไหวจริงๆ ต้องหันมาอ้าปากเตรียมจะด่าเขา
   “หึงผมใช่ไหมครับ คุณหึงผมจนเป็นลมเลยใช่ไหม?”
   ผมอ้าปากค้าง ถ้าผมเป็นลมไปอีกรอบหนึ่งนะ ผมให้หมอเอาผิดเจ้าหมอนี่ได้เลย ผมจะเป็นลมเพราะเขานี่แหละ ไอ้เด็กบ้านี่
   “ผมดีใจจัง” พูดไปหน้าแดงอีก โอ๊ย หยุดพูดเองเออเองสักทีได้แล้ว คนเป็นลมยังจะมาดีใจอีก ไอ้เด็กเวรนี่
   “คุณนพ หยุดแกล้งผมได้แล้ว คุณพาผู้หญิงมาให้ผมดูทำไม บอกมาตรงๆ เลยดีกว่า” ผมพยายามรักษาสติ ไม่ได้ด่าเขาออกไป แต่มาถึงตอนนี้คงต้องถามกันตรงๆ แล้ว นพรัตน์มองหน้าผม ยิ้มกระมิดกระเมี้ยนอีก โอ๊ยยย ผมล่ะอยากถีบเขาให้ตกหน้าต่างโรงพยาบาลไปตอนนี้เลย ผมไม่ชอบยิ้มเขาแล้ว ไม่น่ารักสักนิด
   “เธอขอตามมาด้วยน่ะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะพามานะ”
   โอ้โห แก้ตัวได้ฟังขึ้นเสียไม่มี ผมแค่นเสียงดังเหอะ “มีผู้หญิงตามมายังจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจอีก คุณนพ ถ้าคุณไม่คิดอะไรกับผมก็เลิกยุ่งกับผมดีกว่า”
   “คุณอยากให้ผมคิดอะไรกับคุณล่ะครับ?”
   ผมล่ะอยากเอาหัวโขกเขาจริงๆ แต่ก็ระลึกได้ว่า ผมแก่กว่าเขาตั้งเกือบยี่สิบปี จะไปทำแบบนั้นมันก็ไม่เหมาะ “คุณนพ ออกไปเถอะ ก่อนที่ผมจะโมโหไปมากกว่านี้”
   “ไม่ไปครับ”
   “ผมบอกให้ไป”
   “ก็ผมไม่ไป ผมจะอยู่กับคุณ”
   ผมอดไม่ได้ต้องหันมาถลึงตาใส่เขาอีกรอบ “จะอยู่กับผมทำไม คุณมีผู้หญิงอยู่ด้วยแล้วนี่ ผมไม่ให้คุณใช้บ้านผมเป็นรังรักหรอกนะ”
   “ไม่เป็นไรครับ ใช้บ้านผมก็ได้”
   ผมพยักหน้า เออในที่สุดก็คิดได้กับเขาบ้างนะ แต่รออยู่จนเริ่มเมื่อยเขาก็ไม่ปล่อยมือสักที แถมไม่มีท่าทีว่าจะลุกอีก ผมอดไม่ได้ ต้องส่งเสียงต่อ “อ้าว ไปบ้านคุณก็ไปสิ นั่งหน้าสลอนกันอยู่ทำไม”
   “ผมรอคุณลุกอยู่ไงครับ จะได้ไปด้วยกัน”
   “นี่คุณนพ บ้านคุณคุณก็ไปกันเองสิ ผมไม่มีรถไปรับไปส่งคุณหรอกนะ”
   “ผมจะให้คุณไปด้วยนี่ครับ”
   “ให้ผมไปทำไม?”
   “ไปสร้างรังรักกับผม ทำรังกันแค่สองคนก็พอ”
   ผมว่าพี่จิระภัทร์หน้าด้านแล้วนะ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่านายนพรัตน์หน้าด้านกว่าอีก อายุแค่ยี่สิบต้นๆ ไปเอาความหน้าด้านมาจากไหนกันเนี่ย
   “คุณนพ คุณมีผู้หญิงอยู่แล้ว คุณจะพาผมไปทำไมอีก”
   นพรัตน์มองหน้าผมยิ้มๆ จากนั้นก็ดึงมือผมเข้าไปจูบ
   อย่ามาเล่นมุขนี้นะ เล่นไปผมก็ไม่ใจอ่อนหรอก
   ผมโกรธจนตัวสั่น คราวนี้เขาเลยหยุดยิ้ม แล้วทำหน้าจริงจังขึ้นมา คงกลัวผมเป็นลมเป็นแล้งไปอีก เออ ถ้าผมเป็นอะไรไปนะ เขาจะได้โดนข้อหาจงใจฆาตกรรมผมแน่ๆ
   “คุณไพฑูรย์ ผู้หญิงที่คุณว่าน่ะ เป็นหลานแท้ๆ ของผมน่ะครับ”
   “?”
   “เธอเป็นลูกพี่สาวผมที่อยู่แคนนาดาน่ะ พอผมจะกลับเลยขอตามมาเที่ยวด้วย”
   “?!”
   “จริงๆ นะครับ ไม่เชื่อถามเธอดูสิ”
   ผมรู้สึกหน้าชา นี่ผมเป็นลมเพราะเข้าใจผิด ไม่ แต่ผมไม่เชื่ออะไรง่ายๆ หรอก มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาอาจจะพูดแก้ตัวไปก็ได้
   “Hey, do you want to speak with me?” เสียงน่ารักดีนะ ถึงผมไม่ชอบผู้หญิง แต่ผมไม่เสียมารยาทต่อหน้าผู้หญิงหรอก พอหันกลับไปก็เห็นเธอยิ้ม แนะ ยังจะมีฟันเขี้ยวเหมือนกันอีก อยากจะให้ผมเชื่อจริงๆ ใช่ไหม?
   “I know you are my little uncle’s sweet heart, you’re so very cute than I thought.”
   ผมเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง เจ้านพรัตน์ให้ผมถาม แต่ผมไม่รู้จะถามอะไรแล้ว หันกลับมาเอาเรื่องกับเขาท่าทางจะง่ายกว่า
   “คุณนพ นี่มันอะไร?”
   “หลานผมไงครับ ชื่อเจสซิก้า”
   “ไม่ใช่ คุณไปเล่าอะไรให้เธอฟัง”
   “อ๋อ” เขาร้อง หน้าแดง เม้มปากแล้วบิดไปบิดมา ไอ้เด็กบ้า ทำตัวเป็นเด็กสิบขวบแบบนี้จะมีปัญญาดูหลานโตขนาดนี้ได้ไง เชื่อก็บ้าแล้ว
“ผมเล่าให้เธอฟังว่าผมมีแฟนอยู่ที่เมืองไทย อายุเยอะกว่าแต่น่ารักสุดๆ “
   ผมตัวสั่นกึกๆ อยากด่าเขา อยากถีบเขาตอนนี้เลย เขาไปเล่าเรื่องบ้าๆ อย่างนี้ให้เด็กผู้หญิงฟังได้ยังไง
   “Um… Uncle, I think I will go out side now. Leave you and him alone.” เจสซิก้าพูดแทรกขึ้นมา ไม่พูดเปล่า พูดจบดันก้มลงหอมแก้มผมดังฟอด ไม่ใช่ญาติไม่ใช่โยมกันเสียหน่อย ผมไม่ใช่ฝรั่งนะ จะมาจูบแก้มกันทำไม
   “Good luck”
   ก่อนไปยังทิ้งท้ายอีกแน่ะ ผมเห็นนพรัตน์สำทับตามไปว่าอย่าออกไปเดินเล่นไกลๆ นะ แหม.. ทำตัวสมเป็นน้าเสียไม่มี แต่..เอ่อ....คราวนี้ก็เหลือแค่ผมกับเขาแล้วสิ?
   “คุณไพฑูรย์” เขาเรียกชื่อผม แล้วยื่นหน้าเข้ามา ผมรู้สึกตัวเองตกที่นั่งลำบากสุดๆ เหมือนเผลอกระโดดลงหลุมที่เขาขุดดักไว้ทั้งตัว ผมจะหนียังไงดีเนี่ย
   เป็นลมเพราะเห็นเขาควงหลานมา ผมควรจะแก้ตัวยังไง ควรจะเอาหน้าไปซุกไว้ไหน? ฝากกับDHLให้ไปส่งไกลๆ เขาจะไปส่งให้ผมไหมนี่
   “ผมกลับมาแล้วนะ มารับส่วนที่เหลือจากมัดจำคราวที่แล้ว”
   มัดจำอะไร อย่ามาทำโมเมนะ ผมก็อยากจะเถียงเขาแบบนี้อยู่หรอก แต่ขากรรไกรดันค้างอีกแล้ว บ้าจริง ทำไมผมต้องใบ้กินเวลาแบบนี้ทุกทีเลย ตายๆ แย่แน่ๆ
   นพรัตน์ขยับตัว กดมือผมลงไปบนเตียง ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ โอ๊ย ขอทีเถอะ สงสารคนแก่อย่างผมบ้าง อย่าเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ แบบนี้ หัวใจผมเต้นแรงไปหมดแล้ว
   จากนั้นเขาก็ขย้ำริมฝีปากลงไปบนต้นคอผม เล่นเอาขนลุกเกรียวไปหมด
   “คุณนพ นี่โรงพยาบาลนะ” ผมโวยทันที เพราะขืนเงียบต่อไปมีหวังไม่รอดแน่ นพรัตน์เงยหน้าขึ้นมอง ตาเขาดำสนิท เชื่องเหมือนแมวอย่างเดิมนั่นแหละ แต่คราวนี้ผมเห็นแววอย่างอื่นปนอยู่ด้วย
   เออ เขาเพิ่งอายุยี่สิบสาม ไม่รู้สึกเรื่องพวกนี้เลยก็บ้าแล้ว
   นพรัตน์ขบริมฝีปาก ก้มลงกระซิบข้างหูผม “ครับ โรงพยาบาล แต่ผมไม่สนหรอก”
   เขาก้มลงอีกครั้ง ขย้ำริมฝีปากลงบนต้นคอผมอีกรอบ ก่อนจะขบติ่งหูของผมเบาๆ โอ๊ย แอร์นะเปิดอยู่หรอก แต่ผมร้อนวูบไปทั้งตัวเลย
   “คุณนพ ทำที่นี่ไม่ได้!”
   นพรัตน์เงยหน้าขึ้นมามองผมอีกรอบ จากนั้นก็ยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยว หน้าแดงอย่างกับมะเขือเทศ แต่ผมว่าผมควรอายมากกว่าเขาอีก
   “งั้น กลับบ้านกันนะครับ”
   ผมนอนอึ้ง... เอ่อ...ที่ผมพูดออกไปน่ะเขาเข้าใจว่าไงน่ะ....
   “งั้น... ผมทำต่อนะ” เขาว่า คราวนี้กดมือผมติดเบาะเตียงแน่นเลย โอ๊ย อย่าเอาเปรียบกันได้มั้ยเล่า ผมรุ่นนี้แล้ว จะสู้แรงเขาไหวได้ยังไง
   “เอาล่ะ กลับบ้านก็กลับ” ผมรีบตกลง เพราะขืนมัวแต่อิดออดจะไม่รอดไปถึงพรุ่งนี้ ถึงบ้านค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้เอาตัวรอดจากสถานการณ์เฉพาะหน้าก่อน
   นพรัตน์ยิ้มแก้มปริเช่นเคย “งั้นผมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นะ” เขาว่าและปลดกระดุมเสื้อผมออก ผมเลยดึงเสื้อกลับ แล้วขยับหนีไปอีกทาง
   “ไม่ต้อง ผมเปลี่ยนเอง”
   “คุณไพฑูรย์”
   เรียกไปผมก็ไม่ใจอ่อนกับเรื่องแบบนี้หรอกนะ “คุณอยากถอด ก็ถอดของตัวเองสิ” ผมว่า แล้วหันหน้ามาถลึงตาใส่เขาเพื่อให้รู้ว่าผมไม่พอใจ แต่ผมคิดผิดขนาดหนัก เพราะพอหันไป เขาก็ยิ้มอย่างเขินสุดๆ
   “อือ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วผมจะถอด”
   ผมรีบจ้ำอ้าวเข้าห้องน้ำไปทันทีราวกับคนปวดท้องหนัก
----------------------------------------------------
   สุดท้ายผมก็กลับมากับนายนพรัตน์ พร้อมด้วยหลานของเขาที่ชื่อว่าเจสซิก้า ผมไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว เพราะน้าหลานคู่นี้พอยิ้มหน้าราวกับถอดมาจากพิมพ์เดียวกัน จะต่างก็แต่เจสซิก้าหน้าติดฝรั่ง แต่วิธียิ้มน่ะเหมือนกันเด๊ะเลย เจ้านพรัตน์ให้ผมมานั่งข้างหน้า เพราะกลัวผมถูกหลานตัวเองขืนใจ ยัยหนูเจสซิก้าเห็นผมแล้วต้องพุ่งเข้าใส่ ไม่รู้เป็นอะไร อายุก็ไม่น้อยแล้วแท้ๆ เห็นเจ้านพรัตน์บอกว่าจะสิบแปดแล้ว น้าหลานอายุห่างกันแค่นี้ ผมชักสงสัยว่าพี่สาวของเจ้านพรัตน์คนนี้อายุเท่าไหร่กันแน่
   “เขาเป็นพี่คุณหลายปีเลยล่ะ” นพรัตน์ตอบผม ผมทำหน้าเหวอ เออ ผมเดาไม่ผิด พี่สาวกับพี่ชายเหมือนพ่อกับแม่เขาจริงๆ ดีแล้วที่คนนี้เป็นพี่สาวคนโต ถ้ายังมีแก่กว่านี้ผมไม่อยากนึกว่าเขาเกิดตอนแม่อายุเท่าไหร่ ไม่ปัญญาอ่อนก็นับว่าบุญ เอาเถอะ นอกจากเขาไม่เฉียดเข้าใกล้คำว่าปัญญาอ่อนแล้ว ยังเกิดมาหน้าตาหล่อเหลา แถมฉลาดเสียไม่มี คงเป็นบุญของคนเป็นพ่อเป็นแม่ แต่คงเป็นเวรกรรมของผม ที่ตกหลุมพรางเขาเข้าเต็มเปา
   นพรัตน์เล่าระหว่างขับรถว่าพี่สาวของเขาคนนี้ดีทุกอย่าง เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเลี้ยงดูพี่น้องที่เหลืออีกสามคนตั้งแต่ยังสาวๆ พอเขาได้สองขวบก็ย้ายไปอยู่แคนนาดา แต่ก็ยังส่งขนมส่งเสื้อผ้า ของใช้ ของเล่นมาให้ตลอด เรียกว่าตัวไม่อยู่แต่ใจนึกถึงน้องเสมอ แต่สองอย่างที่เธอไม่ชอบเอามากๆ คือเรื่องที่เขาเป็นเกย์ กับเรื่องที่ชอบคนอายุเยอะกว่ามากๆ
   ผมนึกเห็นด้วย ถ้าผมเป็นพี่เขา ผมคงไม่ปลื้มเหมือนกันแหละ อย่างน้อยก็ไอ้เรื่องชอบคนอายุเยอะกว่าเนี่ย
   “พี่ชายผมต้องกลับมาทำงานด้วยแหละ ผมเลยต้องอยู่เฝ้าพี่สาว ผมอยากโทรหาคุณนะ แต่ก็ห่วงว่าพี่จะกังวล กลัวเขาจะเอาไปคิดว่าผมคบคนแก่กว่าหรือเป็นผู้ชายอีกรึเปล่า”
   “ดีแล้วล่ะที่คุณไม่โทร” ผมว่า เพราะเรื่องที่พี่สาวไม่ชอบเขาทำครบสูตรเลย นพรัตน์ยิ้มแห้งๆ
   “ผมก็กลัวคุณทิ้งผมเหมือนกันนะ คุณยิ่งไม่ค่อยเชื่อใจผมอยู่ เห็นว่าผมเป็นเด็กอยู่เรื่อย”
   “ก็คุณยังเด็กจริงๆ นี่” ผมว่า เขาทำหน้ามุ่ย ได้ยินเสียงเจสซิก้าโวยวายว่าคุยอะไรแปลให้ฟังบ้ง เจ้านพรัตน์เลยหันไปดุ แหม... ตัวแค่นี้จะไปดุใครเขาได้ หลานเขาเลยทำหน้ามุ่ยบ้าง แล้วหันมาอ้อนผมแทน
   เออ พอกันเลย น้าหลานคู่นี้
----------------------------------------------
   ผมรู้สึกเหมือนถูกแมวสองตัวรุม ดีว่าแมวอีกตัวขับรถอยู่ เลยอาละวาดได้ไม่มาก ปล่อยแมวสาวผมสีน้ำตาลเอาคางเกยเบาะนั่งแล้วถามนั่นถามนี่ให้ผมตอบจนหูอื้อไปหมด กว่ารถจะหยุด ผมก็ตาลายเต็มทน
   แต่พอเงยมองออกไปนอกกระจกก็เพิ่งรู้ว่านี่ไม่ใช่บ้านผม บ้านหลังไม่ใหญ่ไม่เล็ก เก่าแต่ดูดี พอรู้ว่ามีคนทำความสะอาดอยู่เรื่อยๆ ผมหันกลับมามองนพรัตน์ เขาเลยยิ้ม แล้วตอบคำถามทางสายตาของผม
   “บ้านผมเอง นานแล้วล่ะ ตั้งแต่สมัยพ่อแม่ยังอยู่” ผมมองตัวบ้าน และพยักหน้า เก่าแล้วจริงๆ บ้านที่เคยอยู่กันหลายคน พอมาเหลือยู่คนเดียว มันก็เหงาอยู่เหมือนกันนะ สักพักผมก็ได้ยินเขาพูดอีก
   “Hey, Jessy go home.”
   ผมหันมามองเขาทันที ขณะที่เจสซิก้าโวยวาย
   “No, I want to go with you too.”
   “I don’t want you go with us, understand?”
   ผมเพิ่งรู้ว่านายนพรัตน์ก็โหดกลับหลานเหมือนกัน แต่จะปล่อยให้เด็กผู้หญิงแถมเพิ่งมาจากต่างประเทศอยู่บ้านคนเดียวได้ไง
   “คุณนพ คุณจะทิ้งเธออยู่บ้านคนเดียวเหรอ?”
   “เดี๋ยวค่ำๆ พี่ชายผมก็แวะมาดูน่ะ”
   ผมมองหน้าเขา “ปล่อยเอาไว้คนเดียวจะดีเหรอ ผมว่าให้ไปด้วยกันก็ได้”
   “แล้วผมล่ะ” นพรัตน์ทำหน้าน่าสงสาร “ก็ไปด้วยกันน่ะสิ” ผมตอบ เขาทำหน้ายู่ สักพักก็พยักหน้า “ก็ได้ครับ แต่ห้ามเอาเจสมาอ้างนะครับ”
   “เออ” ผมตอบไปงั้นๆ เพราะไม่รู้ว่าจะเอาเธอไปอ้างเรื่องอะไร

   ท้ายที่สุด บ้านผมก็มีลูกแมวตัวใหญ่เพิ่มมาอีกสองตัว ตัวหนึ่งซนจริงๆ มาถึงก็ชี้ต้นมะม่วง ชี้ถุงที่ห่ออยู่ ถามนั่นถามนี่เสียงแจ้วๆ ไปหมด อีกตัวก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แต่ขอบเข้ามากระแซะผมอยู่เรื่อย ไปร้องเมี้ยวๆ ไกลๆ เลยไป ไม่ต้องมาทำเป็นคลอ
   เย็นนั้นผมที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ก็ต้องมาทำอาหารให้ลูกแมวสองตัวนี้ทาน เอาล่ะ อย่าให้ใครรู้ว่าผมเข้าโรงพยาบาลน่ะดีแล้ว เพราะเกิดถูกถามว่าเข้าเพราะโรคอะไร ผมคงต้องเอาหน้ามุดดินแทนที่จะตอบ
   ใครมันจะไปบอกว่าช็อกเพราะเห็นเจ้านพรัตน์ควงหลานมาอวดกันล่ะ คนอื่นรู้เข้ามีหวังหัวเราะฟันร่วง แล้วผมคงต้องลาไปผูกคอกับยอดหญ้าตาย
   อะไรมันจะขายหน้ากว่านี้อีกไหม
   แมวสองตัวปากดีพอกัน ทานไปชมไป สงสัยกลัวถูกจ่ายค่ากับข้าว แหม ผมใจป้ำอยู่แล้ว เลี้ยงลูกแมวแค่นี้ไม่คิดค่าอาหารหรอก ขออย่างเดียว อย่ามาคลอผมบ่อยๆ ก็พอ โดยเฉพาะไอ้แมวตัวน้า กลับมาแล้ว ทำผมช็อกเรียบร้อยแล้ว ยังพัฒนาทักษะการคลอเคลีย เล่นเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
   ไม่กลัวผมเป็นโรคหัวใจบ้างหรือไงนะ
   แมวสองตัวทานข้าวเสร็จก็ไปช่วยกันล้างจาน ดีมากทั้งน้าทั้งหลาน เพราะถ้ายังให้ผมล้างอีก ผมจะถีบส่งออกนอกบ้านทั้งคู่ จากนั้นเราก็ออกไปเดินย่อยอาหารกันในหมู่บ้าน ผมกับนพรัตน์ต้องช่วยกันตอบคำถามของเจสซิก้ากันจนเหนื่อย เห็นนกก็ถาม เห็นกระรอกก็ถาม ที่แคนนาดาไม่มีให้ดูหรือไงนะ
   พอหนึ่งทุ่มเราก็กลับเข้าบ้าน อาบน้ำอาบท่าเปิดโทรทัศน์ดูตามปกติ คราวนี้ปัญหามาอยู่ที่โซฟา ตอนแรกนายนพรัตน์นั่งกลาง เบียดผมให้ไปนั่งริม แล้วให้เจสซิก้านั่งอีกฝั่ง แต่ยัยหนูเจสซิก้าเป็นอะไรก็ไม่รู้ ร่ำๆ จะมานั่งข้างผมให้จงได้ นายนพรัตน์ก็ไม่รู้จะหวงอะไรหลานตัวเอง ไม่ยอมให้นั่ง สุดท้ายแม่หนูเลยมานั่งทับตักผมเสียเลย ตัวก็ไม่ใช่เบาๆ เล่นเอาผมหน้านิ่ว นพรัตน์เลยรีบดึงตัวหลานออก แล้วรวบตัวผมไปกอด
   เอาล่ะ รู้ว่าเป็นห่วงผม... แต่กอดไปไม่ช่วยให้ผมหายเจ็บ แล้วก็ช่วยหัดอายหลานหน่อยสิพ่อคุณ เด็กมันนั่งตาดำๆ อยู่เนี่ย
   ท่าทางน้าหลานคู่นี้เห็นผมเป็นเชือกชักเย่อ พอน้ากอด หลานเอามั่ง แต่คนละฝั่งกันนะ ผมทนไม่ไหวเลยตะเพิดทั้งคู่ แล้วไปลากเก้าอี้ทานข้าวมานั่งแทน อยากจะกัดกันก็กัดกันไปให้พอเลย
   นายนพรัตน์นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนโซฟา ขณะที่เจสซิก้าดูมีความสุขเป็นพิเศษ อ้าปากถามนั่นถามนี่ผม ราวกับอยากแย่งความเอ็นดูแข่งกับน้าชาย ผมก็เอ็นดูเด็ก หลานเขาน่ารัก ตาแป๋วเป็นแมว เสียงแจ้วๆ ฟังแล้วก็เพลินหูดี ผมเลยตอบจนเมื่อย พอสี่ทุ่มนายนพรัตน์ก็เป็นมนุษย์อนามัย ชวนผมเข้านอนทันที
   “นอนได้แล้วครับ สี่ทุ่มแล้ว”
   อืม... ก่อนเขาไปแคนนาดาจำได้ว่าห้าทุ่มบางทียังนั่งขำเกมโชว์กันอยู่เลย กลับมาแล้วทำมาอนามัย เจ้าหนูเจสซิก้าเห็นกัดกันแง่งๆ กับน้าชายมาทั้งวัน พอเขาบอกให้ไปนอน ก็ว่าง่าย อ้าปากขอหมอนขอผ้าห่มเรียบร้อย ผมมองๆ ว่าโซฟาตัวเดียวจะนอนพอสองคนได้ยังไง เจ้านพรัตน์เลยช่วยแก้ปัญหาให้
   “เดี๋ยวผมขึ้นไปนอนกับคุณไง”
   เอาล่ะ หมดปัญหาเรื่องโซฟาแคบ แต่ผมสิ ท่าจะมีปัญหาแทน
   นายนพรัตน์เป็นธุระเดินไปเอาหมอนเอาผ้าห่มมาบริการให้หลานตัวเองเรียบร้อยโดยไม่ต้องรอให้ผมขยับตัว แน่นอน เพราะผมขยับตัวไม่ออกอยู่นานแล้ว ก่อนหน้านี้ผมเคยให้เขานอนด้วยก็จริง แต่ตอนนั้นผมรู้ว่าเขาจะไม่ทำอะไร แต่ตอนนี้...
   ผมก็รู้อีกนั่นแหละว่าเขาจะทำอะไร....
   เพราะผมรู้ ผมเลยยืนตัวแข็งอยู่นี่ไงล่ะ
   “คุณไพฑูรย์ครับ ไปนอนเถอะครับ” นพรัตน์พูด หลังกล่าวราตรีสวัสดิ์กับหลานสาวและปิดไฟแล้ว พอผมยังยืนนิ่งก็ทำเนียนมาโอบเอว แค่นี้ผมไม่เคลิ้มหรอกนะ ผมยังคงยืนดื้อแพ่งอยู่หน้าบันไดเหมือนเดิม
   “คุณไพฑูรย์ อย่าดื้อนะครับ ไม่งั้นผมอุ้มขึ้นไปนะ”
   ผมแค่นเสียง แต่ยังไม่ทันพูดสักคำว่าจะขึ้นหรือไม่ขึ้น เขาก็ยกตัวผมจนลอย ผมไม่ตกใจก็บ้าแล้ว คว้าไหล่เขาได้ก็กอดแน่น ใจเต้นแรงจนน่ากลัว
   ผมกลัวตกลงไปน่ะ กลัวเขาทำร่วง
   แต่นายนพรัตน์ก็แรงดี จำได้เหมือนกันว่าตอนเข้ามาทำงานใหม่ๆ เขาเคยอุ้มผมจากชั้นสองขึ้นมาที่ห้องทำงานหนหนึ่งแล้ว และเหมือนกับว่าเคยอุ้มผมจากชั้นล่างขึ้นไปนอนที่เตียงชั้นบนด้วย แต่ตอนนั้นกับตอนนี้มัน....
   “คุณนพ ปล่อยผมได้แล้ว ผมเดินเองได้” ผมว่า ตอนที่ถึงหน้าประตูห้องแล้ว เจ้านพรัตน์เลยยอมปล่อยผม ผมขยับตัวปรับความดันอยู่พักหนึ่งก็เอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู กะว่าเดี๋ยวเปิดปุ๊บ จะรีบปิดปั้บ รับรองเขาตามเข้ามาไม่ทันแน่ บ้านผมบ้านเดี่ยว ปิดประตูดังไม่มีใครโวยวายหรอก แต่เหมือนเขารู้ทัน พอผมจับลูกบิดปั้บเขาก็จับมือผมอีกที อย่างกับว่ากลัวผมจะบิดลูกบิดไม่ออก
   ยังมีอะไรแย่กว่านี้อีกไหม
   ผมยืนนิ่ง แข่งวัดแรงมือกับเขา เรายืนกำลูกบิดกันอยู่พักหนึ่ง สงสัยเขาจะเริ่มเมื่อย เลยเอามืออีกข้างมาพักแถวเอวผม แต่มือที่จับลูกบิดนะมือขวานะ มันเกี่ยวอะไรกับมือซ้ายของเขาไม่ทราบ!?
   “คุณไพฑูรย์ ไม่เปิดประตูสักทีล่ะครับ” เขากระซิบข้างหูผม ฝันไปเถอะ แค่กระซิบกับหายใจเป่าหูเป็นคนโบราณผมไม่หลงกลง่ายๆ หรอก ผมยืนนิ่งไม่มีถอย เขาเลยดูจะเมื่อยมือซ้ายหนักขึ้น เริ่มลูบหน้าท้องผม ลูบๆ ไปก็ต่ำลงเรื่อยๆ ผมสะดุ้ง

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   “เฮ้ย!”
   “ไม่เข้าผมทำตรงนี้เลยก็ได้นะ” เขาว่าแล้วจูบต้นคอผม จากนั้นก็เริ่มเลียเป็นแมว ผมขนลุกเกรียว เสียหน้าก็ยอมล่ะ ขอเอาตัวรอดจากสถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อนแล้วกัน
   ผมยอมบิดลูกบิด ก่อนที่เขาจะล้วงเข้าไปในกางเกงนอนผม โอ๊ย มีมือก็หัดให้มันอยู่นิ่งๆ บ้างซี่
   นพรัตน์ปิดประตูเสียงดังกริ๊ก ล็อกซะด้วย ผมมองเตียง มองห้องน้ำ มองหน้าต่าง และรู้สึกว่าตัวเองเหลือทางหนีน้อยเต็มที จะเข้าไปแอบในห้องน้ำก็น่าเกลียด จะกระโดดหน้าต่างเกิดพลาดแข้งขาหักมันจะลำบากร่างกายเอา จะยอมเขาดีๆ มันก็.........
   “คุณไพฑูรย์” นพรัตน์กระซิบเรียกชื่อข้างหู จากนั้นก็เริ่มลูบไล้ร่างกายผม ผมน่ะยังนึกถึงเตียงนะ แต่หมอนี่ไม่นึกเลยหรือไง
   “คุณนพ!” ผมพยายามจะดึงมือเขาออก แล้วก็ต้องสะดุ้งวาบ เมื่ออะไรแข็งๆ ชนเข้ากับหลัง ผมละแทบหัวใจหยุดเต้น
   ได้ยินเสียงนายนพรัตน์หอบหายใจหนักๆ อยู่ด้านหลัง เออ ผมรู้ เขาทนมาได้ขนาดนี้ถือว่าเหนือคนทั่วไปแล้ว เขาเพิ่งอายุยี่สิบสาม มีน้ำอดน้ำทนกับผมมาได้ตั้งหลายเดือน แต่... แค่เตียงน่ะ แค่เตียง ไปที่เตียงไม่ได้หรือไงเล่า
   เขาลูบผมจนร้อนไปทั้งตัว จูบต้นคอของผม จากนั้นก็เลียหูผมอย่างกับว่ามันอร่อยนักหนา ผมน่ะอยากจะบอกเขาอยู่หรอกว่าให้ใจเย็นๆ เตียงก็มี อยู่ใกล้ๆ นี่เอง แต่พออ้าปากไปก็ไม่ได้พูด มัวแต่สูดหายใจเฮือกๆ เพราะถูกเขาจับถูกเขาจูบนั่นแหละ
   ลูบๆ ไปสักพักกระดุมเสื้อผมชักจะหลุดไปทีละเม็ดสองเม็ด ขยับออกจากประตูได้ไม่ถึงเมตร เขาก็ดึงเสื้อนอนผมไปกองไว้ที่แขน ขยำหน้าอกแบนๆ ของผม นึกว่าผมเป็นผู้หญิงหรือไง ไม่มีเต้าเต่งตึงดึ๋งดั๋งให้ขยุ้มเล่นหรอกนะ แต่ถ้ายอดอกน่ะ ผมรู้สึกอยู่เหมือนกัน
   นายนพรัตน์เริ่มลูบผมหนักมือขึ้น กัดคอผมเบาๆ แล้วดึงกางเกงนอนของผมออก จากนั้นก็รั้งเอวผมเข้าไปอีก คราวนี้หลังผมเลยชนกับตรงนั้นของเขาเต็มๆ
   ทั้นร้อนทั้งใหญ่ ผมจะตายมั้ยเนี่ย?!
   ผมยังตกใจกับไอ้แข็งๆ ข้างหลังไม่หาย มือของเขาก็ดันเลื่อนมาจับไอ้ของที่อยู่ตรงหว่างขาของผมไว้อีก ผมก็สะดุ้งน่ะสิ ตรงนั้นของใครใครก็หวง จู่ๆ คนอื่นมาจับ จะไม่ตกใจได้ไง ไม่งั้นจะเรียกว่ากล่องดวงใจทำไมล่ะ จากนั้นเขาก็เริ่มรูดมันขึ้นลง แล้วดันตัวผมให้หันหน้าไป จากนั้นก็บดริมฝีปากลงมา
   นี่เป็นหนที่สองที่ผมจูบกับเขา หนแรกผมยังจำได้ว่าเทคนิคเขาดีเกินวัย เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมถึงหัดเก่งเรื่องพวกนี้แล้วนะ เพราะงั้นคราวนี้ผมไม่ประมาทเด็ดขาด
   คราวที่แล้วเขาจูบผมจนแทบหน้ามืด แต่หนนี้หนักกว่า เจตนาชัดยิ่งกว่าชัด แถมยังมีองค์ประกอบอื่นช่วย ผมไม่เข่าอ่อนกลางทางก็นับว่าบุญโข จูบอยู่ท่านั้นสักพักท่าทางจะไม่ถนัดพอ คราวนี้เขาเลยจับตัวผมให้หันไปประจันหน้ากับเขา โอบเอวผม เบียดเสียดตรงนั้นเข้ามา แล้วประโลมจูบที่ทำให้ผมหูอื้อตาลายไปหมด
   จากนั้นเขาก็ถอนจูบออก เงยหน้าขึ้นสบตากับผม ผมเห็นหน้าเขาแดงจัด ดวงตาเป็นประกายวาว เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก จากนั้นก็ดึงผมเข้าไปจูบอีกรอบ ผมว่าตอนนี้เขาไม่ใช่แมวแล้วล่ะ เริ่มจะเหมือนเสือเข้าไปทุกทีแล้ว
   เขาจูบปากผมแล้วเลื่อนไปตามซอกคอ เนินไหล่ ไหปราร้า ยอดอก กะว่าจะชิมให้ทั่วทั้งตัวผมเลยมั้ง แล้วก็ต่ำลงมาจนถึงสะดือ จากนั้นก็...
   ผมสะดุ้งเฮือก พอตรงนั้นถูกเขาใช้ปลายลิ้นตวัดเข้าไปในปาก เอ่อ.... ผมน่ะ สมัยวัยรุ่นก็ไม่ใชว่าไร้เดียงสาอะไรหรอกนะ แต่ผมมันพวกเรื่องมาก แถมตอนนั้นเป็นเกย์ต้องปิดกันแทบตาย มีไอ้พี่จิระภัทร์เท่านั้แหละที่เปิดเผย ช่วยไม่ได้ ผมไม่ได้หนังหนาหน้าหนาขนาดนั้น ดังนั้น นอกจากจูบแล้ว ผม.....
   เจ้านพรัตน์ใช้ลิ้นคล่องเกินไปแล้ว ตรงนั้นของผมมันใช้การไม่ได้มานาน เพราะความเรื่องมากของผม เลยหาคนถูกใจไม่ได้ แถมงานก็เครียด อารมณ์มันเลยหายไปจนหมด มันนอนสงบนิ่งมาเป็นสิบๆ ปีจนผมคิดว่าตัวเองตายด้านไปแล้ว แต่ผมว่าตอนนี้มันเริ่มจะตื่นนิดๆ ในปากเขาแล้วล่ะ
   นพรัตน์ก็อดทนดีจริงๆ เห็นอยู่แล้วว่าผมป้อแป้หาความน่าตื่นเต้นไม่ได้ขนาดนี้ ยังพยายามช่วยผมอย่างเต็มความสามารถ ผมอดไม่ได้ต้องก้มมองเขา แล้วเห็นเขาช้อนตาขึ้นมามองตอบพอดี
   โอ๊ย ผมว่าผมเริ่มความดันขึ้นแล้วล่ะ
   ลิ้นของเขาคล่องจนน่ากลัวเกินไปแล้ว ผมว่าของผมมันตื่นเต็มที่แล้วล่ะ หลังจากโงหัวไม่ได้มาหลายปี ดังนั้น หยุดก่อนที่มันจะระเบิดออกมาอีกกว่า ผมไม่อยากทำอะไรเลอะเทอะต่อหน้าเขา
   ผมพยายามบอกให้เขาหยุดก่อน แต่สิ่งที่เขาทำคือ กระตุ้นมันเพิ่มเข้าไปอีก ผมได้ยินเสียงหลังตัวเองกระแทกประตู ได้ยินเสียงตัวเองหอบหายใจ ผมจับศีรษะของเขาเอาไว้ แต่ไม่มีปัญญาทำอะไรได้มากกว่าวางมือเอาไว้แบบนั้น เขาจะให้ผมเสร็จทั้งๆ ที่ยืนแบบนี้หรือไง
   !!
   ห้ามโทษผมว่าทำอนาจารเด็กอายุยี่สิบสามนะ เขาบังคับผมก่อน ผมไม่อยากทำแบบนี้ ผมได้ยินเสียงตัวเองครางฮือ รู้สึกว่าหลังพิงแนบเข้ากับประตู ขณะที่ท่อนเอวยังกระตุกกึกๆ
   ปากเขายังหุ้มตรงนั้นของผมอยู่เลยตอนผมหลั่ง
   เอาล่ะ ผมจะไม่คิดว่าเขาทำอะไรกับของเหลวพวกนั้น เพราะหัวผมเบลอเต็มที นายนพรัตน์ก็จิตใจดี เห็นผมยืนพิงประตู ท่าทางหมดเรี่ยวหมดแรงก็ลุกขึ้น คงกะจะมาช่วยประคองผมไปส่งเตียงสักที ผมเหลือบมองหน้าเขา และเห็นว่าปากเยิ้มเชียว อยากจะไล่ไปล้างก่อนจริงๆ นะ
   แต่ยังไม่ทันได้ไล่ เขาก็ขยับเข้ามาจูบผมก่อน อืม... เรียกว่าให้ผมได้รู้รสชาติของตัวเองว่างั้นเถอะ หลังจากนั้นเขาก็เข้าใจคำว่าเตียงนอนสักที
   นพรัตน์อุ้มผมไปที่เตียง ดึงกางเกงผมออก จากนั้นก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเองบ้าง
   ผมขนหัวลุกขึ้นมาอีกรอบ พยายามช่วยเหลือตัวเองเฮือกสุดท้าย
   “คุณนพ ถุงยาง?”
   ผมมั่นใจว่าเขาไม่ได้พกขึ้นมาแน่ ไม่เห็นเขาหยิบเลย ถ้าไม่มีถุงยางผมจะอ้างไล่เขาลงไปซื้อ ผมไม่ยอมเสียอย่าง เขาจะทำอะไรได้ เจ้านพรัตน์มองหน้าผม จากนั้นก็คว้าเสื้อนอนที่เพิ่งถอดไปขึ้นมา ล้วงซองถุงยางออกมาจากกระเป๋าที่อกเสื้อ ช่างรอบคอบจริงๆ ให้ตายสิ! จากนั้น ก็ฉีกออก แล้วสาธิตให้ผมดูวิธีการใส่ทุกขั้นตอน อย่างกับอาจารย์สอนเพศศึกษา แต่ผมไม่ใช่เด็กนักเรียนแล้ว แล้วก็ไม่มีอาจารย์โลกไหนสอนกันแจ่มแจ้งแดงแจ๋ขนาดนี้
   ผมเย็นวาบไปถึงสันหลัง อลังการขนาดนี้ ผมจะตายมั้ยเนี่ย
   “คุณนพ ผมว่าใส่เข้าไปไม่ได้แน่” ไม่ไหวล่ะ ถึงผมจะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจากเทคนิคเมื่อตะกี้ แต่ถ้าเจอใหญ่ขนาดนี้ ผมว่าผมไม่รอดไปถึงพรุ่งนี้เช้าแน่ เจ้านพรัตน์มองผมยิ้มๆ “ไม่ลองไม่รู้นะครับ”
   ผมสั่นหัวดิก ไงๆ ก็มองไม่เห็นว่าจะเข้าไปได้แน่ๆ นพรัตน์เม้มปาก จากนั้นก็จูบปากผมทีหนึ่ง “เชื่อใจผมเถอะ ไม่เจ็บมากหรอก”
   ใครมันจะเชื่อ ผมเถียงขาดใจเลย ไม่เจ็บก็บ้าแล้ว
   สงสัยเจ้านพรัตน์จะได้ยินที่ผมด่าในใจ เลยลุกจากเตียง เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า คงจะเอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาเปลี่ยนให้ผม ดีแล้วที่สำนึกได้ เป็นเด็กดีแบบนี้แหละน่าเลี้ยงเอาไว้ ผมเกือบจะถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่แล้ว แต่สักพักเขาก็เดินกลับมา พร้อมกับขวดอะไรบางอย่าง
   “อะไรน่ะคุณนพ?”
   “เจลครับ” เขาตอบ แถมทำหน้าซื่อเสียด้วยแน่ะ ผมทนไม่ไหวต้องขยายความชัดๆ “ผมหมายถึง ทำไมมันถึงมาอยู่ในตู้เสื้อผ้าผมได้”
   คราวนี้เจ้านพรัตน์หน้าแดงขึ้นมาทันที ยิ้มเขินๆ แล้วตอบผม “ผมแอบเอามาไว้ตอนช่วงปีใหม่ กะว่าเผื่อมีโอกาสตอนนั้น”
   “เด็กบ้า” ผมเอ็ดทันที “ใครสั่งใครสอนให้คิดเรื่องแบบนี้กับผู้ใหญ่!”
   เขาหน้าแดงเป็นแตงโมผ่าซีก ขบปากแล้วตอบผมเขินๆ “ไม่มีใครสอนหรอก ผมคิดของผมเอง”
   เชื่อเขาเลย ผมล่ะปวดหัวกับเด็กนี่จริงๆ
   ขณะที่กำลังนึกละเหี่ยใจ เขาก็จับขาผมยกขึ้น จากนั้นก็เอาหมอนมารองหลังให้ ผมขนหัวลุกอีกรอบ
   “คุณนพ อย่านะ”
   เขาขยับตัว จับขาผมให้แยกออก แล้วก้มลงจนจมูกแทบจะชนกัน “ผมบอกแล้วไงครับ ว่าจะมารับส่วนที่เหลือทั้งหมด ผมยังได้ไม่ถึงครึ่งเลยนะตอนนี้”
   ผมอยากถีบเขานะ แต่คงคิดช้าไปหลายวิฯ เพราะขาผมถูกเขาจับแยกจนหมดสิทธิ์เลือกทางนั้นไปเรียบร้อย ผมเลยได้แต่นอนนิ่งๆ พยายามข่มจิตข่มใจยอมรับชะตากรรมอย่างมั่นไม่ใจความปลอดภัยในชีวิตสักนิด
   เขาเปิดฝาขวดเจล ราดมันลงไปบนนิ้ว แล้วจากนั้น.....
   โอ้แม่จ้าว เขาสอดเข้ามาแล้ว แค่นิ้วนะ แค่นิ้ว แค่นิ้วผมก็ตกใจจนเกร็งไปหมด ได้ยินเสียงเขากระซิบ “อย่าเกร็งสิครับ เกร็งแล้วจะเจ็บมากนะครับ”
   ใครบ้ามันจะไม่เกรงเวลาถูกทำแบบนี้เล่า อย่าพูดเหมือนมันง่ายได้มั้ย ไม่มาโดนเองบ้างจะรู้ได้ไง
   ผมนอนฮึดฮัดอยู่บนเตียง เถียงเขาในใจจนหน้าดำหน้าแดง เขาเลยช่วยสงเคราะห์ผม ด้วยการก้มลงจูบผมอีกรอบ จูบปากผมแล้วก็เลยไปจูบสะดือ แล้วก็เลยไปถึงตรงนั้น จากนั้นก็....
   ผมรู้ฤทธิ์เดชลิ้นของเขาดีอยู่แล้วจากเรื่องเมื่อครู่ แต่อย่าหวังว่าผมจะป้องกันตัวเองหรือทำอะไรเขาได้ สุดท้ายผมก็นอนหอบ ปล่อยให้เขาชิมมันให้พอ รู้ตัวอีกทีด้านหลังมันก็แน่นไปหมดแล้ว มีแต่นิ้วของเขาล้วนๆ
   ผมสูดหายใจเฮือกๆ ขณะที่ลิ้นกับนิ้วของเขาขยับเข้าจังหวะกันเสียไม่มี มาถึงขั้นนี้แล้ว คนแก่อย่างผมจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากนอนรอรับชะตากรรมไปโดยดุษฎี แต่ใช่ว่าผมอายุเท่าเขาแล้วผลลัพธ์มันจะไม่ออกมาแบบนี้นะ ดูหุ่นเขาสิ ผมจะสู้แรงเขาได้ไหมล่ะ แล้วผมก็ไม่นึกอยากกดคนอย่างเขาหรอก
   ดังนั้น ผมเลิกโวยวายก็ได้
   ในขณะที่ผมกำลังเพลินได้ที่ เจ้านพรัตน์ก็หยุด ถอนทั้งนิ้วทั้งปากออก จากนั้นก็....
   !!
   ไหนใครว่าไม่เจ็บ.... ห๊ะ!?
   ใครว่าไม่เจ็บมาลองดูเองมั้ย?
   ผมอยากถามเขาหรอกนะ แต่พูดไม่ออก ได้แต่อ้าปาก จะครางยังครางไม่ออกเลย รู้สึกโคตรชัดว่าเขากำลังเบียดเข้ามา ทั้งใหญ่ ทั้งแน่น
   ผมเริ่มขนหัวลุกอีกรอบหนึ่งแล้ว
   นพรัตน์ขบริมฝีปาก เหมือนพยายามอดทนกับผมเต็มที่ เขาค่อยๆ เบียดเข้ามาทีละนิด ขณะที่ผมหอบฮั่กๆ เข้ามาอีกแล้ว เข้ามาอีกนิด โอย.. ก้นผมจะฉีกรึเปล่าเนี่ย
   นายนพรัตน์พยายาม และอดทนกับผมมากจริงๆ แน่นขนาดนี้ เขาก็ยังค่อยๆ สอดเข้ามา จากที่ตอนแรกผมเจ็บแทบตาย หลังๆ ผมค่อยหายใจโล่งคอขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าเขาเอาออกไปนะ มันเข้ามาเกือบสุดแล้วต่างหาก
   ไม่ค่อยเจ็บแล้วล่ะ แต่รู้สึกชัดเลยว่ามันร้อนอยู่ในตัวผม
   “คุณไพฑูรย์” นพรัตน์เรียกชื่อผมเสียงพร่า ก้มลงจูบผม กอดผมเหมือนดีใจที่ประสบความสำเร็จในการสอดใส่ ผมก็เห็นว่าเขาควรดีใจ เพราะดูอดทนและใช้ความพยายามมานานเต็มที
   เขากอดผม จูบผมอยู่สักพัก ผมก็ยอมให้เขากอดนะ มีกอดตอบเขานิดหน่อยด้วย แล้วหลังจากนั้น เขาก็เริ่มขยับ
   โอ้แม่จ้าว นี่มันอะไรกันเนี่ย!!
   ผมว่าตัวผมไม่เคยขาดสติขนาดนี้นะ ตอนช็อกเรื่องพรายโพยมจนน้ำตาร่วงว่าหนักแล้ว มาเป็นลมเพราะเจอเจ้านพรัตน์ควงหลานก็ว่ายิ่งกว่า แต่ตอนนี้น่ะ... โอ๊ย ผมขอหยุด ขอหยุดบรรยายความรู้สึกไว้ก่อนนะ แบบว่า...ผมบรรยายไม่ถูกแล้ว ไอ้เจ้านพรัตน์มัน...
   เสียงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดจนผมกลัวเด็กผู้หญิงที่นอนข้างล่างจะได้ยิน จะอ้าปากบอกเจ้านพรัตน์ให้ช้าลงหน่อยก็ไม่ไหว อ้าปากทีไรก็ได้ยินแต่เสียงตัวเองร้องครางน่าเกลียด ผมดึงผ้าปูที่นอนจนแทบจะฉีกให้ขาด นายนพรัตน์ก็ไม่ยั้งแรงบ้างเลย รู้แล้วล่ะว่าทนมานาน แต่..ยั้งๆ ไว้บ้างก็ได้
   เขาทำกับผมท่านั้นสักพัก ดูจะยังไม่หนำใจ เห็นว่าผมแข็งแรงดีอยู่ด้วยมั้ง เลยจับขาผมยกขึ้นข้างหนึ่ง จากนั้นก็ขยับต่อ พ่อเจ้าพระคุณเอ๋ย ผมล่ะไม่รู้จะบรรยายอะไร ไว้มาลองกันเองก็แล้วกัน แล้วเขาก็จับผมคว่ำหน้า โอบเอวผมขึ้นสูงแล้วทำกันต่อ เออ ผมรู้ตัวว่าผมน่ะแข็งแรง แต่ทำอะไรช่วยนึกถึงอายุการใช้งานผมหน่อยได้ไหม
   เจ้านพรัตน์แรงดีมาแต่ไหนแต่ไร เวลาแบบนี้คงไม่ต้องพูดถึง หน้าแล้วหลังแล้ว ยังไม่พอ จับผมนั่งตัก กระแทกกระทั้นผมต่อแบบไม่กลัวหมอนรองกระดูกผมเคลื่อน ทีเวลาแบบนี้ไอ้สติจะมาห่วงใยสุขภาพร่างกายของผมดูจะปลิวไปจากสมองของเขาอย่างกับไม่เคยมีอยู่งั้นแหละ จากนั้นเขาก็จับผมนอนหงาย ยังดีที่นึกได้ว่าต้องเอาหมอนรองหลังผมหน่อย แล้วก็จับมือผมกดลงกับเตียง กระแทกจนเตียงสั่น ผมไม่ตายก็ใกล้เห็นสวรรค์รอมร่อ
   ผมไม่รู้ว่าเขาถึงจุดตอนไหนหรอก รู้แต่ผมกอดเขาไว้แน่นเลย
------------------------------------------
   สติผมล่องลอยเหมือนอยู่ในปุยเมฆ นุ่มๆ เบาสบาย นี่ผมหัวใจวายตายรึเปล่านะเนี่ย ถ้าต้องเป็นข่าวว่าทำกับเด็กอายุคราวลูกจนขาดใจตายคาเตียงผมก็อยากจะตายซ้ำอีกรอบ ไม่ล่ะ ผมเพิ่งอายุแค่สี่สิบสอง แม้จะใกล้สี่สิบสามอีกไม่กี่วัน แต่ผมไม่ยอมตายตอนนี้หรอก ตายด้วยสาเหตุพรรค์นี้น่าเกลียดที่สุด
   เสียชาติคนชื่อไพฑูรย์หมด
   จากนั้นผมก็รู้สึกจั๊กจี๋ที่หลัง เลยค่อยรู้สึกตัว ปรือตาสู้แสงภายนอกอยู่ได้สักพักก็พอจะมองเห็นว่าอะไรเป็นอะไร เจ้านพรัตน์สอดมือมากอดผมไว้จากด้านหลัง จูบหัวไหล่ผมเบาๆ นี่เองที่ทำให้ผมรู้สึกจั๊กจี๋ ผมขยับตัว จะหันหน้าไปหาเขา
   โอ้แม่จ้าว เจ็บยอกสิ้นดี นี่ขนาดผมออกกำลังกายเป็นประจำนะเนี่ย
   “อรุณสวัสดิ์ครับ” นพรัตน์เอ่ยทัก แต่พอเห็นผมทำหน้าเหยเก ก็หน้าเจื่อนลงไปนิดหน่อย “เมื่อคืนไม่ดีหรือครับ?”
   โห... ดีจนผมคิดว่าจะตายเลยล่ะ ยังจะมีหน้ามาถาม ไอ้ที่ทำหน้าย่นเพราะเจ็บต่างหาก อยากลองมาเป็นฝ่ายรับดูบ้างไหมล่ะ?
   พอเห็นผมไม่หือไม่อือ เอาแต่ทำหน้าบึ้ง เจ้านพรัตน์ก็ยิ่งหน้าเจื่อน อ้ำๆ อึ้งๆ สุดท้ายก็พูดออกมา “ขอโทษนะครับ ผมคงยังไม่เก่งพอ ไว้คราวหลัง.....”
   ไม่ต้องคราวหลังหรอก ฟังเขาพูดแค่นี้ ขนสันหลังผมก็ลุกเกรียว ขืนปล่อยให้เขาตีความต่อไปผมได้ตายคาเตียงจริงๆ แน่
   “คุณทำดีมากแล้วล่ะ คุณนพ” เออ ผมก็นะ นึกจะชมอะไรใครดันต้องมาชมเรื่องแบบนี้ จะบอกว่าน่าอายหรือเป็นเวรเป็นกรรมดีล่ะนี่ พอได้ยินผมพูด เจ้านพรัตน์ก็ยิ้มกว้าง หน้างี้แดงเป็นลูกตำลึงหน้าบ้านผมเลย แล้วเขาก็คว้าตัวผมเข้าไปกอด ผมล่ะแทบร้องซี้ด เจ็บร้าวไปหมดทั้งตัวเลย โดยเฉพาะตรงที่เขาใส่เข้าไปเมื่อคืน
   “ผมเห็นคุณสลบไป เลยไม่รู้ว่า.....”
   ผมสลบอีกแล้ว โอ๊ยตาย... ผมสลบคาอกเด็กรุ่นลูก รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ผมควรรีบจัดการปิดปากเขาให้สนิท เขารู้เรื่องน่าอายของผมเยอะไปแล้ว
   “สรุปว่าดีสินะครับ ผมดีใจจัง” เขาพูด แล้วยิ้ม จากนั้นก็เข้ามาจูบปากผม หอมแก้มผม ตกลงเลยไม่รู้ใครปิดปากใคร ผมเลยต้องรีบพูดดักทางไว้ก่อน ก่อนที่เขาจะจัดการทำให้ผมง่อยเปลี้ยมากกว่านี้ “เออ แต่ผมเจ็บ”
   นายนพรัตน์หน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเขินๆ “ไม่เป็นไรหรอกครับ ทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชิน”
   ผมถลึงตามองเขา อยากถีบให้ตกเตียงตอนนี้เลย “มันจะชินได้ยังไงน่ะ!?”
   “ขยายบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินเอง เชื่อผมสิครับ”
   ใครจะไปเชื่อ
   “คุณไพฑูรย์”
   “หืม?”
   เขาทำหน้าแดงๆ ยิ้มกระมิดกระเมี้ยนอีกแล้ว ถึงขั้นนี้ยังจะมาทำหน้าแบบนี้อยู่อีก น่าถีบจริงๆ
   “เมื่อคืนครั้งแรกของคุณรึเปล่า?”
   ใครสั่งใครสอนให้ถามเรื่องแบบนี้กับผู้ใหญ่กัน!?
   เขามองผม ผมมองเขา เรามองกันพักหนึ่งแล้วเขาก็ยิ้ม “ผมดีใจนะ”
   เด็กบ้า ดีใจอะไร เรื่องแค่นี้....
   “คุณไพฑูรย์” เขาเรียกแล้วดึงมือผมเข้าไปจูบ เมื่อคืนเขาเหมือนเสือ ตอนนี้เขากลับมาเหมือนแมวอีกแล้วล่ะ
   “ผมสัญญาว่าจะดูแลหัวใจคุณเป็นอย่างดี ไม่ทำให้คุณเป็นลมแบบเมื่อวานอีกแล้วล่ะ”
   บ๊ะ เด็กบ้านี่ จู่ๆ ก็พูดอะไรออกมาน่ะ ไม่ดูตัวเองเลย อายุเท่านี้ กล้ามาพูดแบบนี้กับคนรุ่นผม... กล้าดีแท้ๆ เอาเถอะ แต่ผมไม่ได้รังเกียจเขาที่กล้าบ้าบิ่นขนาดนี้หรอก
   “เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องรับฝากผมแล้วนะ ผมให้คุณไปเลย ทั้งตัวทั้งหัวใจผม ความจริงผมให้คุณมานานแล้วล่ะ” เขาพูดแล้วยิ้มเขินๆ เหมือนเด็กๆ ถ้าเขาตัวเล็กกว่านี้อีกนิดหนึ่งนะ ผมจะดึงเขามากอด แล้วขยี้หัวให้หายหมั่นเขี้ยวเลย
   เออ แต่ใช่ว่าตัวเท่านี้แล้วจะทำไม่ได้สักหน่อย
   “อ๊ะ” เจ้านพรัตน์ร้องอย่างตกใจตอนถูกผมดึงตัวเข้ามา ก่อนจะหัวเราะคิกคักเมื่อถูกผมเอามือขยี้หัว “นี่แน่ะ เด็กบ้า ทะลึ่งกับผู้ใหญ่จริงๆ เลย บอกแล้วว่าอย่าหวังๆ “
   นพรัตน์หัวเราะจนหน้าแดง แต่ผมโคตรเจ็บ ทำอะไรไม่ได้ดูสังขารตัวเองเลย แต่ก็สะใจพิลึก ได้เอาคืนเขานิดหน่อยก็ยังดี จากนั้นเขาก็ดึงผมเข้าไปกอดแน่น
   “ขอบคุณนะครับ”
   “เรื่อง?”
   “คุณรู้หรอก ผมรู้คุณรู้แต่คุณไม่พูด แต่ผมรู้คุณนะ”
   “เหอะ...”
   “คุณไพฑูรย์ เสื้อสีชมพูคุณใส่แล้วดูดีมากเลยนะ”
   “อืม” คนอย่างผมใส่อะไรก็ดูดีอยู่แล้ว ถึงจะเป็นเสื้อสีฉูดฉาดขนาดนั้นก็เถอะ
   “เสื้อคุณผมใส่แล้วเป็นไง”
   “อืม... ไม่รู้สิ ยังมองไม่ชัดเลย”
   “ผมรู้ คุณเป็นลมก่อน”
   “.........” เด็กบ้านี่ จะย้ำกันอีกนานมั้ย
   “เสาร์หน้าใส่ไปเที่ยวกันนะ ไปล่องเรือกัน เดี๋ยวผมซื้อตั๋วให้”
   “ถ้าตั๋วแพงก็ช่วยกันออก จะได้ไม่เดือดร้อนกระเป๋า”
   “อือ”
   “...........”
   “คุณไพฑูรย์” เขาเรียก แล้วก้มลงจูบผม แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
   “เดี๋ยวผมไปเปิดเอง” เขาว่า และลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหยิบกางเกงนอนที่หล่นอยู่มาใส่ จากนั้นก็เดินไปเปิดประตู เดี๋ยวสิ...ผมว่าคนมาเคาะไม่ใช่ใครหรอก แล้วเขาไม่อายหลานตัวเองบ้างเลยหรือไงนะ ใส่ไปแค่นั้นน่ะ
   ผมอ้าปากไม่ทันบอกให้เขาหยิบเสื้อ เขาก็แง้มประตูออกก่อน ยืนคุยอยู่พักหนึ่ง ให้ผมมองหลังขาวๆ ของเขาที่มีรอยข่วนแดงๆ เต็มไปหมดให้เขินเล่น จากนั้นเขาก็หันกลับมายิ้ม
   “เจสบ่นว่าหิว ผมเลยให้เธอชงข้าวโอ๊ตทานไปก่อน”
   ผมเลิกคิ้วอย่างนึกขึ้นได้ “กี่โมงแล้ว”
   “สิบโมงครับ ถ้าคุณอยากอาบน้ำ เดี๋ยวผมช่วย”
   เออ ดีแล้ว รู้หน้าที่ เมื่อคืนเล่นผมเอาไว้หนัก ผมว่าต่อให้เป็นรุ่นเดียวกับเขา ก็คงอาการไม่ต่างจากผมนักหรอก
   “นี่ อาบน้ำอย่างเดียวนะ ห้ามทะลึ่งทำอย่างอื่น” ผมขู่ ตอนที่เดินกอดคอเขามาถึงหน้าห้องน้ำ นพรัตน์หัวเราะจนเห็นเขี้ยว แล้วก็ประคองผมเข้าห้องน้ำ
   เฮ้อ... ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าชีวิตผมนะมีวันนี้ ผมไต่บันไดคนเดียวมานาน ล้มเองลุกเองก็บ่อย เห็นคนอื่นล้มคนอื่นหล่นมาก็เยอะ ผมไม่เคยคิดหรอกว่าจะมีใครปีนบันไดแข่งกับผม ปีนบันไดไล่หลังผม จนมาเจอนพรัตน์
   แต่ผมก็คาดผิดอีกนั่นแหละ เขาไม่ได้ปีนบันไดไล่หลังผม แต่เขาปีนบันไดตีคู่มากับผมเลยต่างหาก แม้ว่าบันไดของเขาจะดูแปลกหูแปลกตาผม แต่ในเมื่อเขามาได้ไกลถึงขั้นนี้ ผมจะจับมือเขาเอาไว้ก็แล้วกัน
   จนกว่าจะถึงบันไดขั้นสุดท้าย หวังว่าเขาคงไม่ปล่อยมือผมก่อนหรอกนะ เพราะผมจะจับให้แน่นเลย
------------------------------------------------------
*********
ขอTalkหน่อยนะคะ^^
ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนถึงบทนี้ค่ะ ทุกๆ รีพลายช่วยให้กำลังใจฉันให้มีแรงฮึดมาเขียนตอนต่อลงอย่างต่อเนื่อง (ขอบคุณนะคะ)
เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวที่อัพต่อเนื่องที่สุดตั้งแต่เริ่มเขียนนิยายมาเลยค่ ปกติจะอัพอยู่ที่ประมาณเดือนละตอน ไม่ก็สัปดาห์ละตอน
โดยปกติฉันไม่ถนัดเขียนนิยายเกี่ยวกับชีวิตคนธรรมดาแบบนี้เลยล่ะค่ะ (ใครเคยอ่านงานก่อนหน้านี้จะเห็นว่ามันจะวนเวียนอยู่ในวงการอาชญากรรมมาโดยตลอด ฉันเป็นคนชอบความซับซ้อน วางแผน ลึกลับ และซ่อนเงื่อนน่ะค่ะ) ที่เริ่มเขียนเรื่องนี้เพราะจุดประสงค์แค่ว่าอยากจะเขียนเคะมีอายุที่ต้องหาแว่นสายตายาวอยู่ตลอดเวลา คิดว่าฉากหาแว่นน่าจะน่ารักดีค่ะ แต่ไปๆ มาๆ คุณไพฑูรย์ก็ไม่ค่อยได้หาแว่นเท่าไหร่เลย...^.^" ส่วนคาแรกเตอร์นายนพรัตน์ สารภาพว่าเพิ่งมาเป็นรูปเป็นร่างเอาจริงๆ ประมาณตอนที่สองที่สามแล้วค่ะ
ตอนแรกกะว่าเรื่องนี้น้ำเน่าแน่ๆ เพราะพล็อตช่างธรรมดาและเบสิกมาก(สำหรับคนเขียน) เลยคิดว่าคงจะเขียนไปไม่รอดได้ไกลเท่าไหร่ (พล็อตไหนรักๆ กันออกแนวน้ำเน่า ฉันจะรีบจบโดยอัตโนมัติเลยค่ะ) แต่พอเขียนๆ ไป..มันก็เหมือนจะน้ำเน่านะ..แต่มันก็น่ารักดีอ่ะ กลายเป็นสนุกกับการเขียนฉากเดทของคุณไพฑูรย์กับนพรัตน์ไป ฮ่าๆ ฉันชอบนะคะ สองคนนี้จีบกัน แบบปากไม่บอก แต่พฤติกรรมโจ่งแจ้งสุดๆ คุณไพฑูรย์ก็หน้าตายได้ใจจริงๆ
บทที่เขียนยากที่สุดสำหรับฉันคือบทที่9ค่ะ เพราะโดยปกติฉันเป็นพวกชอบความดราม่า นั่งเขียนมาตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนเก้า พยายามลากตัวเองให้พ้นความดราม่ามาโดยตลอด เพราะคิดว่าคุณไพฑูรย์ที่อายุสี่สิบกว่าแล้วน่าจะมีความมั่นคงในอารมณ์พอสมควรเลยล่ะ แต่ก็แอบเขียนให้แกหลุดบ้างตอนที่เจอพรายโพยม เพราะตั้งใจแล้วว่าจะลงดราม่าตอนใกล้ๆ จบเรื่อง แต่พอเอาเข้าจริงมันก็ไม่ค่อยดราม่าสะใจเท่าไหร่ แต่ถ้าดรามามากมันก็ขัดกับคาแรคเตอร์ของคุณไพฑูรย์ ไปๆ มาๆ มันก็เลยลักๆ ลั่นๆ ออกมาเป็นบท9นี่แหละค่ะ..
ฉันTalkยาวอีกแล้ว ยังไงก็ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ เรื่องนี้ยังมีตอนต่อค่ะ แต่เป็นมุมมองของตัวละครตัวอื่นแล้ว ไว้จะเอามาลงเพิ่มเติมนะคะ
ปล.พอเขียนเรื่องนี้ไปชักมีคนสงสัยเรื่องอายุคนเขียน ขอปิดไว้เป็นความลับนะคะ กลัวคนอ่านเสื่อมศรัทธา(ยังคิดว่าตัวเองมีกับเขาอีกแน่ะ)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด