พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: juon ที่ 29-05-2011 18:19:54

หัวข้อ: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 29-05-2011 18:19:54
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 29-05-2011 18:24:34
ปิดจองแล้วค่ะ

เฉพาะจองทางไปรษณีย์รอบแรก มีของแถมพิเศษให้นะคะ

เป็นbookletการ์ตูนใบ้ เหมียวนพกับคุณไพฯค่ะ

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/1-1.jpg)

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/2.jpg)

Stair. ขยับรัก ข้ามขั้น (2เล่มจบ)
ราคาชุดละ 470บ. (ไม่แยกขายและยังไม่รวมค่าจัดส่ง)

ที่คั่นที่จะแถมกับตัวหนังสือค่ะ

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/stairbookmark.jpg)

เรื่องย่อ

“คุณไพฑูรย์คะ น้องที่จะมาสัมภาษณ์งานรอพบอยู่ที่ห้องแล้วค่ะ”

ผมทำงานอยู่ฝ่ายบุคคลของบริษัทมาเป็นสิบๆ ปี
ไม่เคยนึกอยากได้ผู้ช่วยเลยสักครั้ง
แต่เพราะเจ้านายที่เป็นรุ่นพี่ห่วงสุขภาพผมในระยะหลังเป็นพิเศษ
 เลยเปิดรับสมัครผู้ช่วยโดยไม่ไถ่ถามผมสักคำ
 เอาเถอะ ผมจะยอมรับไว้สักคนแล้วกัน
ถ้าไม่ได้เรื่อง ผมจะไล่ออก 
แล้วแจ้งกับรุ่นพี่ของผมว่าอย่าได้เปิดรับสมัครผู้ช่วยให้ผมอีกเลย
   เขาเป็นเด็กหนุ่ม รูปร่างหน้าตาหมดจด อายุห่างกับผมคราวลูก...
เด็กขนาดนี้  จะทนไม้ทนมือผมไปได้สักกี่น้ำ...  แต่ทว่า....

   “คุณไพฑูรย์ชอบดูหนังรึเปล่าครับ?  พอดีผมได้ตั๋วฟรีมาสองใบ”

   มารู้สึกตัวอีกที..
คนที่เย็นชาและโดดเดี่ยวตัวเองมาตลอดชีวิตอย่างผม
กลับเคยชินกับการมีเขาอยู่ข้างๆ  เสียแล้ว.....

-----------------------------------------

ตอนพิเศษที่จะลงเฉพาะในรวมเล่ม

** ตอนไปเที่ยวทะเลของนพและคุณไพฑูรย์

** ตอนเสริมในบันทึกของนพ ช่วงเล่นบาสและไปคาราโอเกะ

ถ้ามีเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบค่ะ

***ของแถมพิเศษเฉพาะคนที่สั่งจองรอบแรกทางไปรษณีย์***
Booklet การ์ตูนสั้น เกี่ยวกับแมวนพและคุณไพฯ
-------------------------------------------

รายละเอียดการสั่งจอง

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/My%20neighbor%20is%20spy/42ae91b9.jpg)

ค่าจัดส่งแบบลงทะเบียน ชุดละ40บ.

EMS. 70บ.

อีเมลแจ้งแล้ว กรุณาตรวจเช็กรายชื่อ และสถานะการสั่งจอง ตามลิ้งด้านล่างนี้ด้วยนะคะ

http://jumemon.wordpress.com/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2/

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ^^

--------------------------------------------------


ไพฑูรย์ หัวหน้าแผนกบุคคลผู้ซึ่งเป็นที่หวาดกลัวของผู้คนทั้งบริษัท เรียกว่าเดินไปทางไหนทุกคนต้องหยุดขยับ หรือเงียบกริบไม่กล้าพูดอะไร ถูกรุ่นพี่ซึ่งเป็นเจ้านายบังคับให้รับสมัครผู้ช่วย เพราะกลัวเจ้าตัวจะเครียดจนมีอันเป็นไปเสียก่อน ไพฑูรย์จึงจำต้องรับนพรัตน์ เด็กหนุ่มคราวลูกมาเป็นผู้ช่วย แล้วผู้ช่วยคนใหม่นี้ก็ได้ทำให้ชีวิตแสนเงียบเหงาของหนุ่มวัยสี่สิบเศษเปลี่ยนไป
------------------------------
*ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นสายชอบคนแก่นะเนี่ย กร๊าส
------------------------------
บันไดขั้นที่1
   “คุณไพฑูรย์คะ น้องที่จะมาสัมภาษณ์งานรอพบอยู่ที่ห้องแล้วค่ะ” เสียงใสๆ ของเลขาหน้าห้องสาวสวยทำให้ผมต้องเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ที่อ่านอยู่ พอเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเก้าโมงเศษแล้ว ผมพยักหน้าให้เธอ และหยิบกาแฟที่ดื่มค้างอยู่ขึ้นมาจิบ ก่อนจะถอดแว่น และลุกออกไป
-------------------------------------
   “สวัสดีครับ” คนที่นั่งรออยู่ยกมือไหว้ทันทีที่ผมเดินเข้าไปในห้อง ผมหรี่ตามองเขาขณะที่นั่งลงตรงโต๊ะสัมภาษณ์งาน เป็นชายหนุ่มหน้าตาหมดจด หวีผมแต่งตัวเรียบร้อย ผมหยิบใบประวัติของเขาขึ้นมาดู และล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อหาแว่นสายตา
   “..........................”
   ผมชะงักมือ และเปลี่ยนมาถือใบประวัติของเขาให้ออกห่างไปสักหน่อย ให้ตายสิ ตะกี้ถอดแว่นแล้วลืมเอาไว้บนโต๊ะแน่ๆ อาการสายตายาวถามหาผมก่อนจะถึงวัยอันควรเสียอีก ผมเพิ่งอายุแค่สี่สิบสองจะสี่สิบสามเอง
   “ชื่อนพรัตน์เหรอ ชื่อเล่นล่ะ?” ผมเงยหน้าขึ้นมาและเหมือนจะเห็นเขายิ้มเล็กๆ นพรัตน์ตอบคำถามด้วยเสียงฉะฉาน “นพครับ”
   “อืม” ผมส่งเสียงงึมงำในลำคอ พยายามเพ่งตามองตัวอักษรในประวัติสมัครงานของเขาอย่างยากลำบาก ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวนี้ถึงได้พิมพ์ประวัติกันตัวเล็กนัก น่าจะขยายอีกสักหน่อย
   “เอ่อ... ไม่ใส่แว่นตาหรือครับ?” ได้ยินเสียงเขาถามขึ้นมา ผมเหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดตอบไป
   “ไม่เป็นไรหรอก เรียนจบมาจากมหาลัยTใช่ไหม?”
   “ครับ” เขาตอบยิ้มๆ ผมเดาจากรูปถ่ายในชุดบัณฑิตที่ติดบัตรของเขา ไอ้ข้อมูลที่กรอกอยู่น่ะ จะว่าไปก็มองไม่ค่อยเห็นหรอก แต่จะให้ลุกไปหยิบแว่นก็ดูจะเสียเวลา แล้วก็ไม่ใช่สิ่งที่คนระดับผมสมควรจะทำต่อหน้าคนที่มาสมัครงานใหม่ด้วย อีกอย่าง นี่เป็นการสัมภาษณ์งาน ผมถามเอาจากปากเขาเลยก็ได้
   พอคิดได้ดังนั้น ผมจึงวางเอกสารลง และพิจารณาดูเขาอีกรอบ
   “อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ?”
   “ยี่สิบสามครับ”
   “ก่อนหน้านี้เคยไปทำงานที่ไหนมาบ้าง”
   “ช่วยพี่ชายอยู่ที่บริษัทM แล้วก็ทำฟรีแลนซ์กับบริษัทJกับLครับ”
   “อ้อ” ผมครางในคอ หลังจากถามประวัติการศึกษาอีกเล็กๆ น้อยๆ ผมก็เข้าประเด็น
   “ใครแนะนำให้คุณมาสัมภาษณ์งานที่นี่”
   “คุณพชรครับ”
   “อ้อ” ผมร้อง และนึกไปถึงชายหนุ่มวัยสามสิบห้าปีที่ดูจะห้าวๆ ชวนปวดหัวอยู่สักหน่อย เหมือนหมอนั่นจะทำงานที่ได้สักปีหนึ่งแล้วลาออกไป “เป็นอะไรกันล่ะ เพื่อนหรือ?”
   “ครับ เขาเล่าเรื่องคุณให้ผมฟังด้วย”
   ผมขมวดคิ้ว เกือบจะถามไปแล้วว่านายพชรเล่าอะไรให้ฟังไปบ้าง แต่ก็นึกได้ว่าไม่ใช่สิ่งที่สมควรถาม เลยมองสำรวจเขาอีกครั้ง “คุณนพ ผมไม่รู้ว่าคุณพชรเล่าเกี่ยวกับการทำงานที่นี่ให้คุณฟังแบบไหน แต่ผมบอกไว้ก่อนเลยนะว่างานที่นี่ค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะในตำแหน่งที่คุณระบุมา ผมไม่ได้พูดขู่คุณหรอกนะ ถ้าไม่เชื่อไปถามคุณพชรดูก็ได้”
   “ครับ ผมทราบครับ” นพรัตน์ตอบและมองมาด้วยสายตามุ่งมั่นเต็มที่ ก็สมกับเป็นคนที่อยากจะได้งานดี ผมยิ้มหน่อยๆ และพูดต่อ “มีประวัติการทำงานอย่างอื่นให้ดูอีกไหม?”
   เขาหยิบแฟ้มบางๆ ส่งให้ผมอีกสองแฟ้ม ผมรับมาเปิดผ่านๆ เพราะมองได้ไม่ชัดมาก ก่อนจะพยักหน้า
   “ไว้เดี๋ยวผมจะติดต่อกลับไปแล้วกันนะ”
   เขายิ้มและยกมือไหว้ผมก่อนกลับ
   “แล้วผมจะรอนะครับ”
------------------------------------------------
   งานฝ่ายจัดการทรัพยากรบุคคลไม่ใช่อะไรที่ผมอยากทำเลยสักนิด แต่เพราะจับพลัดจับผลูทำบริษัทนี้มากับรุ่นพี่ที่สนิทกันจนขยายกิจการใหญ่โต หน้าที่นี้เลยกลายเป็นของผมไปโดยปริยาย รู้ตัวอีกทีผมก็กลายเป็นที่ซุบซิบนินทาของพวกพนักงานไปแล้ว เหมือนจะเรียกผมว่าครูใหญ่ หรือจอมเผด็จการ อะไรเทือกนั้นแหละ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ลองมีคนที่คอยจับตาดูการทำงานอยู่แทบจะตลอดเวลา แถมจ้องจับผิดจนน่ารำคาญ ไม่มีใครตั้งฉายาเลยสิแปลก ผมรู้ว่าพนักงานหลายคนไม่ค่อยชอบขี้หน้าผม แต่มันก็เป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำ เพื่อให้บริษัทดำเนินงานไปได้อย่างราบรื่น
   “ไง ไพฑูรย์ เด็กที่มาสมัครงานมีถูกใจสักคนรึเปล่า?” คนที่เอ่ยทักผมเป็นหนุ่มใหญ่วัยใกล้ห้าสิบเข้าไปทุกทีแล้ว พงษ์โพยมเป็นชายร่างใหญ่ หน้าตาดูดีในแบบของคนทำงาน ที่สำคัญยังไม่มีอาการสายตายาวถามหาเหมือนผม เขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบเขาก็ชวนผมมาทำบริษัท และตอนนี้ก็เป็นเจ้าของที่นี่แหละ
   ผมสั่นศีรษะ “ไม่รู้สิ เด็กสมัยนี้ดูง่องๆ แง่งๆ พิกล”
   เขายิ้มออกมา ก่อนจะตบไหล่ผมเบาๆ “หาคนช่วยเสียบ้าง พี่กลัวเธอจะเหนื่อยตายก่อน”
   ผมหัวเราะ “คนช่วยไม่ได้เรื่องสิน่าปวดหัว”
   พงษ์โพยมพยักหน้า มองผมอยู่พักหนึ่ง “ทานข้าวหรือยัง?”
   “แล้ว” ผมตอบ “เรื่องที่แผนกจัดส่งผมจัดการให้แล้วนะ”
   “อืม รู้แล้วล่ะ ถึงได้รีบเดินตามมาไง ถ้าเหนื่อยจะลาพักบ้างก็ได้ พี่เห็นอยู่ว่าเธอทานข้าวไม่หมดมาหลายวันแล้ว”
   “ก็มันเรื่องด่วน” ผมว่า และพูดต่อ “อีกอย่าง กับข้าวกินทุกวันมันก็เบื่อ”
   คนได้ฟังผงกศีรษะ มีสีหน้าครุ่นคิด “งั้นให้คนขับรถพาออกไปทานข้างนอกไหม หรือจะให้สั่งเข้ามาดี”
   ผมหัวเราะอีก “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่ผมเพิ่งทานข้าวไม่หมดครั้งแรกเสียหน่อย ทำงานกันมาตั้งกี่ปีแล้ว”
   เขามองผม จังหวะเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นพอดี พงษ์โพยมกดรับ ผมรู้ว่าถึงเวลาจะต้องแยกกันแล้ว
   “ไว้คุยกันต่อวันหลัง” เขาว่า ตอนที่ผมเดินปลีกออกมา ผมหันไปยิ้มให้เขา และพยักหน้าพอเป็นพิธี
-------------------------------------------------
   ผมกลับมาถึงโต๊ะทำงาน และรู้สึกเพลียขึ้นมา ช่วงนี้ที่ผมเริ่มทานข้าวไม่ลงก็เพราะเสียงซุบซิบกันของพนักงานในบริษัทนั่นแหละ ถึงจะทำงานมานานแล้ว และบอกตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่าเสียงพวกนั้นมันไม่มีความหมายอะไร แต่ได้ยินบ่อยๆ มันก็พาลทำให้กินข้าวไม่ลงอยู่เหมือนกัน
   เดือนนี้ผมตัดสินใจทำเรื่องไล่พนักงานออกไปสองคน และสั่งปรับเงินเดือนลงอีกแปดคน คงพอจะสร้างเสียงนินทาให้กินข้าวไม่ลงไปอีกพักใหญ่
   ผมนึกถึงพงษ์โพยมที่อุตส่าห์เดินตามมาไถ่ถามข่าวคราวผมอย่างเป็นห่วง พอขึ้นตำแหน่งระดับเขาแล้ว เวลาว่างจะคุยกับใครก็น้อยลงไปทุกที ถึงกระนั้นพอมีโอกาสเขาก็แสดงความห่วงใยผมไม่ได้ขาด ที่ผมทำงานให้เขามาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะส่วนดีตรงนี้ของเขาด้วยนี่แหละ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าผมกับเขามีอะไรกันมากกว่าความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง หรือคนร่วมงานนะ ถึงผมจะยังไม่แต่งงาน แต่พงษ์โพยมแต่งงานไปแล้ว แถมลูกสาวของเขาก็กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยอยู่ปีหน้า วันดีคืนดีก็แวะเข้ามาทักทาย “อาไพฑูรย์” อย่างผมให้ได้ชื่นใจอยู่บ่อยๆ
   ผมไม่เคยคิดอะไรกับเขาไปมากกว่ารุ่นพี่และเพื่อนร่วมงาน รวมถึงเจ้านายที่ดีหรอก คนที่ผมเคยคิดเกินเลยน่ะ คือพรายโพยม น้องชายของเขาต่างหาก
   พรายโพยมเด็กกว่าพี่ชายอยู่หลายปี เขาอายุน้อยกว่าผมด้วยซ้ำ ช่วงที่ผมเรียนอยู่ปีสาม เขาก็เข้ามาเป็นรุ่นน้องแล้ว ความน่ารักกระตือรือร้นและหัวไวของเขามัดใจผมเอาไว้อยู่หมัด กว่าจะรู้ตัวอีกที ผมก็หลงชอบเขาไปแล้ว เราคบกันแบบทีเล่นทีจริงอยู่ราวๆ หนึ่งปี หลังจากที่พรายโพยมไปเรียนต่อที่เยอรมัน และเลิกอาลัยในตัวผม ผมก็เพิ่งรู้สึกตัวว่ารักเขาขนาดไหน
   อาการหัวปักหัวปำของผมคงไปสะกิดความสงสารในตัวของพงษ์โพยมซึ่งเป็นพี่ชายเข้า เขาเลยชวนผมไปทำงานด้วย คงอยากจะไถ่โทษแทนน้องชายล่ะมั้ง แต่ผมไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรเขานักหรอก ก็แค่เสียใจและผิดหวังเท่านั้นแหละ พอเวลาผ่านไปมันก็เหมือนดูหนัง นึกย้อนไปแล้วก็ยังขำตัวเองอยู่เลย กระนั้นผมก็ยังทำงานให้เขาอยู่ เพราะซาบซึ้งในความดีงามของเขานั่นเอง
   ผมสะดุ้ง และเพิ่งรู้สึกตัวว่าเผลอวูบหลับ ผมกวาดตามองไปรอบๆ และรู้สึกดีที่ไม่มีใครอยู่แถวนั้น ด้วยตำแหน่ง ผมจำเป็นต้องทำตัวเองให้ดูน่าเกรงขาม อย่างน้อยก็ต้องน่าเกรงใจนั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่มีใครเคารพผม ผมกวาดตามองโต๊ะทำงาน เพื่อหาอะไรมาแก้อาการง่วง ก่อนที่จะมีใครผ่านมาเห็นว่าผมแอบหลับ แล้วเอาไปนินทากันให้สนุกปาก สายตาของผมสะดุดเข้ากับกองเอกสารสมัครงานที่วางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งผมไม่เคยคิดจะเปิดอ่านเลย
   ถึงผมจะเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลของที่นี่ แต่ตำแหน่งผู้ช่วยผม คนเปิดรับสมัครกลับเป็นพงษ์โพยม ท่าทางเขากลัวผมจะทนไม่ไหวและชิงลาออกไปวันใดวันหนึ่ง จึงคะยั้นคะยอให้ผมรับผู้ช่วย จนสุดท้ายเลยเปิดรับสมัครเสียเอง ซึ่งก็ไม่พ้นผมอีกที่ต้องไปนั่งสัมภาษณ์
   ผมกวาดตามองกองเอกสาร เท่าที่จำได้ ไม่มีใครในจำนวนนี้เหมาะจะเป็นผู้ช่วยผมสักคน แต่จนใจที่อาการง่วงไม่ยอมหาย และที่เหลือบนโต๊ะนอกจากนี้คือเรื่องร้องเรียนภายใน ซึ่งบางคนพอเห็นชื่อ ผมก็แทบจะโกยไปขายสำนักพิมพ์นิยายน้ำเน่า บางทีก็นึกสงสัยว่าเจ้าพวกนี้ตั้งใจจะเขียนเรื่องร้องเรียนจริงๆ หรือเขียนนิยายน้ำเน่ามาให้ผมอ่านกันแน่
   เมื่อสภาพอารมณ์ไม่อำนวยให้อ่านเรื่องร้องเรียนพวกนั้น ผมจึงหันมาให้ความสนใจกับกองเอกสารสมัครงานต่อ อย่างน้อยก็คงไม่มีเรื่องงี่เง่าให้อ่านเท่าไหร่นัก
   ผมอ่านใบสมัครกับประวัติงานพวกนั้นไป พลางนึกพยักหน้ากับตัวเอง ไม่มีใครเหมาะเลยจริงๆ นั่นแหละ ผมควรเอาเรื่องพวกนี้ไปคุยกับพงษ์โพยม แล้วให้เขาปิดรับสมัครเสียที
   ผมอ่านใบสมัครงานกับประวัติการทำงานพวกนั้นไปแล้วรู้สึกง่วงยิ่งกว่าเก่า ขณะที่ทำท่าจะสัปหงกอีกรอบ ผมก็ต้องขมวดคิ้ว
   ไอ้ประวัติงานนี่มันอะไรกัน?
   ผมยกมือขึ้นดันแว่น ซึ่งใกล้จะหลุดแหล่มิหลุดแหล่ เพราะไม่ได้ตั้งใจจะใส่ให้มองเห็นชัดนักขึ้นมา ก่อนจะเพ่งสายตามองตัวอักษรพวกนั้น มันใหญ่กว่าของคนอื่นพอสมควร เรียกว่าขนาดผมไม่ตั้งใจมอง ก็ยังพอจะอ่านออก
   ประสบการณ์การจัดการงานบุคคลในบริษัทM
   ผมขมวดคิ้ว บริษัทMที่ว่า ใครๆ ก็รู้ดีว่าเป็นบริษัทใหญ่ คนทำหน้าที่นี้คงต้องเก่งพอตัว ใครกันนะ แล้วนึกไงถึงได้มาสมัครงานที่นี่ ผมนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าใคร เลยต้องรื้อใบสมัครงานขึ้นมาดูอีกรอบ
   รูปถ่ายในชุดครุยของมหาวิทยาลัยที่ดูสะดุดตาของชายหนุ่มหวีผมเรียบร้อยหน้าตาหมดจด ปรากฏขึ้น พร้อมกับชื่อเจ้าของ
   นพรัตน์
   ผมยังคงใช้เวลานึกอยู่พักใหญ่ จึงจะจำได้ว่าเป็นเด็กที่มาสมัครงานเมื่อตอนเช้า ตอนนั้นผมลืมหยิบแว่นไปเลยไม่ได้อ่านชื่อกับนามสกุลเขาให้ดี พออ่านดีๆ แล้วถึงได้รู้ว่าพี่ชายเขาทำงานในตำแหน่งอะไรที่นั่น เรื่องน่าแปลกคือทำไมน้องชายถึงเลือกมาสมัครงานที่นี่
   ผมมองดูเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อกลับของเขา แล้วเปิดอ่านเอกสารสมัครงานของคนอื่นๆ จนครบ และสรุปได้ว่าผมน่าจะเลือกคนที่จะมาเป็นผู้ช่วยได้แล้ว เอาเถอะ ถ้าไม่ได้เรื่องล่ะก็ คงจะได้ยกเป็นเรื่องอ้างให้พงษ์โพยมเลิกหาผู้ช่วยให้ผมสักที
   สงสัยจะเพราะความเพลียบวกอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมจึงตัดสินใจให้เลขาฯติดต่อกลับไปในวันนั้น เพราะขี้เกียจจะทนสัมภาษณ์งานในวันรุ่งขึ้น ทั้งๆ ที่ปกติผมจะรอสักสองสามวันก่อนแท้ๆ
   เอาเถอะ ก็นี่มันตำแหน่งผู้ช่วยผมนี่ ผมจะใช้เวลาพิจารณาเท่าไหร่ก็ได้
----------------------------------------
   เย็นวันนั้นผมกลับบ้านด้วยอาการอ่อนล้าสุดๆ แทบจะหลับบนรถแท็กซี่ ความจริงทำงานมาถึงระดับนี้ ผมมีเงินพอจะซื้อรถขับเองได้สบายๆ แต่ผมอยู่ตัวคนเดียว ครอบครัวพี่น้องก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว เกิดวันหนึ่ง ผมเหนื่อยจนขับรถไม่ไหวขึ้นมา หรือเบลอ มันจะกลายเป็นปัญหาเสียเปล่าๆ พงษ์โพยมเคยหาคนขับรถพร้อมรถส่วนตัวมาให้ผม แต่ปัญหาอยู่ที่ผมเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลนี่แหละ ถ้ามีใครสนิทกับผมเกินไป ก็คงกลายเป็นที่ซุบซิบนินทาอีก สุดท้ายผมเลยตัดปัญหา ใช้บริการรถสาธารณะมันเสียเลย ซึ่งก็ดูเข้าท่าที เพราะพงษ์โพยมมีงบค่ารถให้ผมเบิกต่างหาก
   บ้านที่ผมอยู่เป็นทาวเฮาส์เล็กๆ สองชั้น กว้างไม่มาก เรียกว่าถึงอยู่คนเดียวก็ไม่รู้สึกเหงาเท่าไหร่ ผมเดินสะโหลสะเหลไปเข้าห้องน้ำ ด้วยอาการอ่อนล้าอย่างสุดๆ พลางคิดว่าควรจะทำอะไรเพื่อให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายลงบ้างแล้ว
   แต่เรื่องจะให้ไปผับไปบาร์ตัดทิ้งไปได้เลย ผมอายุสี่สิบกว่าแล้ว แถมยังไม่ใช่ผู้ชายปกติ จะให้ไปบาร์เกย์ซาวน์น่าเกย์ ก็คงจะมีคนหาว่าผมไปออฟเด็ก ซึ่งจริงๆ แล้วผมก็ไม่เคยอยากจะทำแบบนั้นหรอก จะให้ไปที่เที่ยวธรรมดาก็น่าเบื่อ เพราะผมไม่มีเพื่อนสนิทเลยสักคน ตั้งแต่เรียนจบมาและเริ่มทำงาน เพื่อนๆ ก็พากันห่างหายกันไปหมด ต่างคนต่างยุ่งนั่นแหละ ส่วนเพื่อนในบริษัทยิ่งไม่ต้องพูดถึง นอกจากพงษ์โพยมที่ดูจะสนิทกับผมมากที่สุด ซึ่งเจ้าตัวก็แทบหาเวลาว่างไม่ได้เลย ที่เหลือก็ไม่มีใครแล้ว ดังนั้นการพักผ่อนของผมคือการออกไปกินอาหารในร้านอาหารดีๆ สักร้าน ออกไปดูละครเพลงสักเรื่อง ไม่ก็นั่งฟังดูโทรทัศน์อยู่ในบ้านตัวเอง
   ก็เหงานะ แต่ผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว ผมชินเสียแล้วล่ะ

   ผมก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำ และรู้สึกดีที่ยังไม่เห็นรอยตีนกาของตัวเองในกระจก แต่ใครจะไปรู้ มันอาจจะมีแล้วก็ได้แต่ผมมองไม่เห็น อาการสายตายาวเด่นชัดออกมาจนน่าตกใจสำหรับคนวัยนี้ หมอที่ตรวจตาให้ผมบอกว่ามันสืบเนื่องมาจากกรรมพันธุ์ ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่ามันเป็นกรรมแท้ๆ คนอายุเพิ่งสี่สิบต้นๆ หน้าตายังไม่แก่เท่าไหร่อย่างผม มีอันต้องมาควานหาแว่นสายตาอยู่ร่ำไปนี่ไม่เรียกว่ากรรมก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว
   ผมมองนาฬิกาติดผนัง และตัดสินใจว่าคืนนี้คงต้องดูโทรทัศน์เงียบๆ เพราะขืนออกไปข้างนอกอาจจะกลับดึก แล้วร้านอาหารดีๆ ที่เปิดตอนกลางคืนก็คนเยอะจนน่ารำคาญ ผมเผชิญคนที่บริษัทมาเยอะแล้ว จะให้ไปเผชิญคนที่ร้านอาหารอีกคงไม่ไหว
   ละครโทรทัศน์ของฟรีทีวีรอบค่ำมีแต่ความน้ำเน่า สุดท้ายผมจึงไปจบลงที่ช่องหนังของเคเบิล โชคดีที่มันเป็นหนังตลกที่ทำให้ผมขำออก อารมณ์ของผมจึงดีขึ้นพอสมควร
--------------------------------------------------------
   “อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณไพฑูรย์ คุณนพรัตน์มารออยู่หน้าห้องแล้วค่ะ” เสียงเลขาฯสาวทักผม ขณะที่ผมเดินจ้ำๆ มาที่ห้องทำงาน เธอชื่ออาจารีย์ ทำงานเป็นเลขาหน้าห้องผมมาได้เกือบสองปีแล้ว นับแล้วเธอเป็นคนที่อยู่ทนที่สุด ดูเธอจะเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีความสุขกับการทำงานร่วมกับผม เธอบอกว่าเพราะผมไม่มีเรื่องชู้สาวหรือสายตากะลิ้มกะเหลี่ยให้เธอเป็นกังวลเหมือนเจ้านายคนก่อนๆ ผมได้แต่ยิ้ม เธอคงรู้แหละว่าผมไม่ใช่ผู้ชายปกติ เอาเถอะ ให้ทำงานเข้ากันได้ก็พอ
   ผมพยักหน้าและกล่าวทักทายเธอนิดหน่อย ก่อนจะเดินจ้ำๆ และนึกว่านายนพรัตน์นี่ใครกัน
   เมื่อคืนไม่รู้ผมผล็อยหลับไปนอนไหน ตื่นมาอีกทีก็แปดโมงกว่าเข้าไปแล้ว การเผลอหลับบนโซฟาทำให้ผมเกิดอาการหลังยอก ตั้งแต่ลุกขึ้นมาได้ จนมาถึงที่ทำงาน ผมต้องทนกับอาการปวดร้าวพวกนั้นจนทำให้สีหน้าดูถมึงทึงกว่าทุกวัน วัดได้จากอาการเกร็งของยามหน้าบริษัทตอนที่ผมเดินเข้ามา พวกนั้นคงคิดว่าผมกำลังพิจารณาตำแหน่งของใครอยู่อีกแน่ๆ
   “สวัสดีครับ” ชายหนุ่มที่หน้าตาไม่คุ้นเลยซึ่งนั่งรออยู่หน้าห้อง รีบลุกขึ้นและยกมือไหว้ทักทายผม ผมตกมือรับไหว้ ขมวดคิ้วมองเขา นึกไม่ออกว่าเด็กคนนี้เป็นใคร
   “เธอ...”
   “นพรัตน์ครับ ที่มาสัมภาษณ์งานแล้วคุณติดต่อไปเมื่อวานน่ะครับ” เขาอธิบายต่อ สงสัยจะสังเกตจากสีหน้าว่าผมนึกไม่ออก ผมร้องอ้อออกมาทันที “มาเช้าดีนะ”
   พูดไปก็อายปาก ปกติผมไม่ค่อยมาสายหรอก แต่เมื่อคืนสงสัยจะเพลียมากไปจริงๆ นั่นแหละ ไม่รู้เจ้าเด็กนี่มารออยู่นานเท่าไหร่แล้ว ผมไม่อยากให้ตัวเองเสียเครดิตกับผู้ช่วยหน้าใหม่ไปมากกว่านี้ จึงพยายามทำตัวเองให้ดูน่าเกรงขาม และอาการหลังยอกก็ช่วยผมได้ดี เพราะมันทำให้ผมหน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเวลา
   “ไม่สบายหรือครับ?” เขาเอ่ยทัก ตอนที่ผมนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานแล้ว นี่หน้าตาผมเหยเกจนเหมือนคนเป็นไข้เลยรึ? ผมกวาดตามองเขาซึ่งยืนอยู่อีกรอบ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่มีโต๊ะทำงาน จึงต้องลำบากลุกขึ้นไปบอกอาจารีย์ให้หาโต๊ะทำงานมาเพิ่มอีกตัว พลางนึกอนาถตัวเอง ผมเพิ่งรับคนเข้ามาโดยไม่เตรียมตัวอะไรเลยก็คราวนี้แหละ ท่าทางผมจะล้าเกินไปเสียแล้ว
   โต๊ะทำงานถูกยกเข้ามาหลังจากนั้นไม่นาน ผมนั่งมองนพรัตน์เข้าไปช่วยคนงานยกโต๊ะอย่างแข็งขัน เหมือนจะดูมีน้ำใจดี แต่ผมไม่รู้ว่าเพราะอยู่ต่อหน้าผมด้วยรึเปล่า
   พอมีโต๊ะทำงานเพิ่มเข้ามาอีกตัว พร้อมด้วยผู้ช่วยอีกคนหนึ่ง ห้องผมก็ดูเล็กลงไปถนัด แถมยังทำให้รู้สึกแปลกๆ ผมทำงานมาเกือบยี่สิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนอื่นมานั่งทำงานด้วย ขนาดเลขาฯส่วนตัวของผม ยังมีห้องแยกออกไปต่างหากเลย
   “ผมอ่านประวัติการทำงานของคุณแล้ว ทำไมถึงได้เลือกมาทำที่บริษัทนี้ล่ะ?” ผมเริ่มต้นถามประวัติเขาใหม่ ทั้งๆ ที่ดูจะเป็นทำถามง่ายๆ แท้ๆ แต่ท่าทางเขากลับดูกระมิดกระเมี้ยนจนผมคิดว่าตัวเองถามผิด
   “มีปัญหากับพี่ชายหรือ?” ผมถามต่อ เขาสั่นศีรษะ ในที่สุดก็ตอบออกมา “คือ ผมอยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ บ้าง”
   “ไม่ใช่ว่าพี่ชายส่งมาล้วงความลับหรือไง?” ผมลองแหย่ นพรัตน์รีบสั่นศีรษะ
   “ผมไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอกครับ พี่ชายบอกผมว่าเรื่องทรัพยากรบุคคลเป็นความลับสำคัญของแต่ละบริษัท ห้ามแพร่งพรายให้คนอื่นรู้เด็ดขาด”
   “อืม..ผมก็แน่ใจอยู่หรอกว่าคุณคงจะไม่ยอมบอกความลับของบริษัทพี่ชายให้ผมฟัง แต่จะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่เอาความลับของบริษัทผมไปบอกเขา”
   “ผมไม่แลกอนาคตการทำงานของตัวเองกับเรื่องแบบนั้นหรอกครับ” เขาตอบชัดเจน แต่ผมยังคงกัดไม่ปล่อย
   “คำพูดเฉยๆ ยืนยันอะไรไม่ได้หรอกนะ มีอะไรมายืนยันมากกว่านี้รึเปล่า?”
   สีหน้าของคนถูกจี้เริ่มปรากฏเลือดฝาดขึ้นมา คงเริ่มโมโหนั่นแหละ แทนที่จะเรียกมาทำงาน ดันเรียกมาสอบสวนแทน แต่ผมทำงานด้านนี้มานานแล้ว จะรับผู้ช่วยทั้งที มันก็ต้องผ่านการทดสอบบ้างล่ะนะ จริงๆ แล้วบริษัทของพี่ชายเขากับบริษัทที่ผมทำอยู่ กิจการแทบจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย เรียกได้ว่าไม่ได้เป็นบริษัทคู่แข่ง ถึงเขาจะรู้เรื่องทรัพยากรบุคคลภายใน แล้วเอาไปบอกพี่ชาย ก็ใช่ว่าจะไดประโยชน์อะไรขึ้นมา ที่ผมอยากเห็นคือวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของเขาต่างหาก
   “ถ้าอย่างนั้นคุณจะตรวจโทรศัพท์ผมก็ได้ หรือคุณจะให้ผมย้ายไปอยู่ด้วยก็ได้”
   ผมอึ้งไปนิดหน่อยพอได้ยินว่าถึงขั้นจะย้ายมาอยู่ด้วย นพรัตน์รีบพูดต่อ “ผมไม่ได้ประชดนะครับ ผมพูดจริงๆ ผมอยากพิสูจน์ว่าผมจริงใจ”
   “เอ่อ..” ผมกะพริบตาปริบๆ ไม่รู้จะหัวเราะหรือว่าอะไรดี เจ้านี่เลือกวิธีแก้ปัญหาแบบนี้ จะบอกว่าโง่หรือฉลาดดีล่ะ แต่ก็เล่นเอาผมพูดไม่ออกไปเลยเหมือนกัน ผมโบกมือให้เขาหยุดและคิดว่าควรจะพอกับเรื่องนี้ได้แล้ว
   “ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก ผมเตือนคุณไว้ก่อน คงรู้นะว่าถ้าถูกจับได้จะเป็นยังไง”
   “ครับ ผมไม่ทำหรอก รับรองได้” นพรัตน์ตอบเสียงแข็งขัน แต่ยังไม่วายหน้าแดงหน่อยๆ เอาเถอะ หมอนี่อายุแค่ยี่สิบกว่าๆ นับแล้วเป็นลูกผมได้ด้วยซ้ำ ถึงจะทำงานเก่งยังไง ก็ยังเป็นเด็กอยู่ดีนั่นแหละ
   ผมกวาดตามองเขาอีกรอบ ก่อนจะพูดต่อ “เดี๋ยวผมจะพาคุณไปแนะนำให้รู้จักกับคนอื่นๆ “
   เขามองผม แล้วกะพริบตาปริบๆ “แล้วคุณ.....”
   ผมมองหน้าเขา และนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แนะนำตัวเอง “ผม ไพฑูรย์”
   “ครับ คุณไพฑูรย์”
   ผมยิ้มออกมานิดหน่อย รู้สึกพอใจที่เขาไม่พยายามเติมคำนำหน้าว่าพี่หรืออา หรือน้า เพราะผมรู้สึกขนลุกทุกทีเมื่อลูกน้องที่อายุน้อยกว่ามากๆ เรียกพี่ และถ้าเปลี่ยนเป็นเรียกน้าหรืออาก็รู้สึกว่าตัวเองดูแก่ ดีที่นพรัตน์พอจะรู้เรื่องบ้าง อย่างน้อยก็ไม่เหมือนใครคนหนึ่งที่เข้ามาทำงานวันแรกก็เรียกผมว่าลุง
   “อ้อ...คุณเป็นเพื่อนกับคุณพชรสินะ” ผมพูดอย่างนึกได้ ไอ้นายพชรนี่แหละที่เริ่มต้นเรียกผมว่าลุง แล้วก็กลายเป็นชื่อเรียกลับหลังของผมไปทั้งบริษัท ผมยังไม่ได้แก่ขนาดนั้นเสียหน่อย ก็แค่สายตายาวก่อนวัย อย่างอื่นผมก็ยังตึงดี ยกเว้นหูนะ นพรัตน์พยักหน้า และยิ้มตอบ
   “เขาบอกผมว่าคุณชอบให้เรียกแบบนี้”
   “อืม..” ผมคราง นายพชรคงหวังดีกับเพื่อนเหมือนกัน ถ้าแนะนำให้เรียกผมว่าลุงแบบที่ตัวเองเรียก ไม่แน่ว่าผมคงเตะโด่งเจ้านพรัตน์นี่ไปเลยก็ได้ ที่ผมรับนายพชรไว้ตอนนั้นเพราะประวัติงานของเขาตรงกับตำแหน่งที่ขาดพอดี แล้วก็เป็นตำแหน่งจำเป็น ส่วนนายนพรัตน์ ต่อให้ประวัติดีขนาดไหน ถ้าลองทำตัวแบบนายพชรล่ะก็ ผมจะตะเพิดออกไปเลย ก็ตำแหน่งผู้ช่วยผมมันไม่ได้จำเป็นอะไรเท่าไหร่เลยนี่
   “ผมจะอธิบายงานของคุณให้ฟังคร่าวๆ ก่อนแล้วกัน เพราะนี่เป็นตำแหน่งใหม่ ผมไม่เคยรับผู้ช่วยมาก่อน”
   “ครับ” นพรัตน์พยักหน้า ดูท่าทางเขาจะว่าง่ายกว่าเพื่อนที่ลาออกไปเยอะ ดีเหมือนกัน ผมไม่อยากได้ผู้ช่วยที่คอยขวางมือขวางเท้าตัวเองหรอก
   ผมอธิบายงานที่คิดว่าน่าจะให้เขาช่วยได้ในขั้นแรกให้ฟังคร่าวๆ ระหว่างนั้นนพรัตน์พยักหน้าและเอ่ยปากถามบ้างในบางอย่างที่สงสัย ซึ่งก็ไม่ได้ขัดจังหวะการพูดของผม ทำให้ผมรู้สึกพอใจอยู่มากทีเดียว ในที่สุดผมก็ผุดลุกขึ้น เตรียมจะพาเขาไปแนะนำกับพนักงานคนอื่นๆ
   “............”
   “เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” นพรัตน์ถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นผมยืนนิ่ง ค้างอยู่ท่าเดิมด้วยใบหน้านิ่วกิ่ว ผมล่ะโมโหเอวกับหลังตัวเองจริงๆ ได้นั่งพักน่าจะดีขึ้น แต่กลายเป็นว่าพอลุกขึ้นกับแสดงอาการประท้วงอย่างออกนอกหน้า ท้ายที่สุดผมก็กลับลงไปนั่งเหมือนเดิม ได้ยินเสียงเขาถามขึ้นอีก
   “เมื่อคืนนอนผิดท่าหรือ?”
   ผมมองหน้าเขา และเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น “เดี๋ยวผมบอกคุณอาจารีย์ให้พาคุณไปก็แล้วกัน”
   เขามีท่าทีลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ก็พยักหน้าในที่สุด “ได้ครับ”
-------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 29-05-2011 18:25:03
   พออาจารีย์พานพรัตน์ออกไปแล้ว ผมถึงระบายลมหายใจออกมาได้ ขมวดคิ้วนิ่วหน้ากับอาการเจ็บยอกให้หายอยากโดยไม่ต้องสนใจสายตาคนอื่น ให้ตายสิ กะอีแค่นอนผิดที่ผิดทาง มันจะอะไรกันนักกันหนา ผมผุดลุกขึ้น พยายามนึกถึงท่าบริหารร่างกายที่พอจะช่วยแก้อาการหลังยอกได้ ถึงผมจะทำงานตัวเป็นเกลียว แต่ผมก็ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ผมไม่ชอบเลยเวลาเห็นคนรุ่นเดียวกันกลายเป็นตาแก่ลงพุงอะไรทำนองนั้น เพราะอย่างนั้นกับแค่นอนผิดที่หน่อยเดียว ไม่น่าจะอาการหนักขนาดนี้
   แต่ความเป็นจริงตอนนี้คือหลังกับเอวของผมกำลังประท้วงเจ้าของมันแทบเป็นแทบตาย
   ในที่สุดผมก็ลุกขึ้นมาได้ ด้วยท่าทางที่ไม่ควรให้ใครเข้ามาเห็นเป็นที่สุด หลังจากขมวดคิ้วนิ่วหน้ากัดฟันกรอดๆ ด้วยความปวดร้าวอยู่พักหนึ่ง ผมก็เริ่มขยับตัวในท่ากายบริหารต่างๆ ด้วยหวังว่ามันจะช่วยทุเลาอาการได้บ้าง แล้วก็ได้ผล อาการยอกหลังของผมดีขึ้นจริงๆ หลังจากบริหารร่างกายอยู่สักพัก ผมก็ตั้งใจว่าจะจบรายการนี้โดยการทำสะพานโค้งสักรอบ เพราะท่าทางเมื่อคืนผมจะงอหลังมากไป ดังนั้นจึงสมควรจะดัดกลับ
   ถึงผมจะอายุสี่สิบกว่า แต่ท่าสะพานโค้งไม่ได้เป็นปัญหา ผมตัวอ่อนมาแต่ไหนแต่ไร และออกกำลังกายรวมถึงยืดหยุ่นกล้ามเนื้อมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผมไม่ต้องลงไปนอนตั้งท่าด้วยซ้ำ ทำทั้งที่ยืนอยู่ยังได้เลย
   เสียงกร๊อบเบาๆ ของกระดูกที่เคลื่อนเข้าที่ตอนที่แอ่นตัวลงและอาการผ่อนคลายที่ตามมาทำให้ผมรู้สึกพออกพอใจ เพราะขืนผมต้องนั่งจ่อมอยู่บนเก้าอี้ไปทั้งวัน นอกจากจะต้องทนกับอาการเจ็บแล้ว ยังต้องทนฟังเหล่าพนักงานที่เวียนเข้าเวียนออกมาฟ้องนั่นฟ้องนี่ สู้ทำตัวให้พร้อมเข้าไว้ และออกเดินตรวจอย่างทุกวันจะดีกว่า อย่างน้อยก็ได้เห็นปัญหาใหม่ๆ มากกว่าเจ้าพวกขาประจำที่วนมาฟ้องกันแทบทุกวัน
   ขณะที่ผมกำลังจะวางตัวลงนอนราบกับพื้น ประตูห้องก็เปิดผลัวะเข้ามา
   “คุณไพฑูรย์!?”
   บ้าชิบ ถึงเพิ่งจะได้ยินเสียงแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ผมคงจำเสียงไอ้เด็กบ้านี่ไปจนวันตาย จะเข้ามาหัดเคาะประตูไม่เป็นหรือไง โอ๊ย ทำไมต้องเข้ามาเห็นผมในสภาพนี้ด้วยนะ
   ด้วยอารามความโมโห บวกความอาย ผมเตรียมจะลุกขึ้นแล้วด่าเสียให้เข็ด แต่ผมคงจะโกรธจนลืมไปว่าตัวเองทำลังทำท่าอะไรอยู่ ไอ้การพยายามจะทำแบบนั้นเลยกลายเป็นว่าทำให้ผมเสียหลักแทน
   กร๊อบ!
   โอ๊ยยย หลังที่ผมอุตส่าห์จัดการให้หายเป็นปกติแล้วแท้ๆ ไอ้เสียงที่ดังทำเอาผมใจหายวูบ ยังไม่ทันคิดว่าตัวเองจะล้มลงไปกระแทกแบบไหน ใครคนหนึ่งก็ช้อนตัวผมเอาไว้
   “ไม่เป็นอะไรนะครับ?”
   ไม่เป็นอะไรบ้านแกน่ะสิ!! ผมล่ะอยากจะด่าออกไปจริงๆ หน้าของนายนพรัตน์ดูจะตื่นๆ อยู่สักหน่อยตอนที่อุ้มผมขึ้นมา
   “เจ็บมากหรือครับ?” เขาถามอย่างตกใจ พลางยกมือขึ้นเช็ดหางตาผม อ้อ คงคิดว่าผมเจ็บจนน้ำตาเล็ดล่ะสิ ไม่ใช่หรอกนะ ผมอายจนน้ำตาร่วงต่างหากล่ะ
   “ผมเรียกรถพยาบาลดีกว่า” ทางนั้นพูดต่อ ผมล่ะอยากจะบ้าตายจริงๆ ทำไมวันนี้ถึงได้ซวยสุดๆ แบบนี้นะ
   “ไม่ต้อง!” ผมพูดออกไป พยายามจะลดเสียงไม่ให้ถึงขั้นตวาด ก่อนจะผลักเขาออก แล้วก็ต้องกัดฟันกรอดเพราะอาการเจ็บ
   “คุณหลังยอกนี่ ไปหาหมอเถอะนะครับ” เขาว่า ผมเหลือบตาไปมองเขาเชิงตำหนิ ก่อนจะพาดตัวเองเข้ากับโต๊ะทำงาน เพราะลากสังขารไปไหนไม่ไหว
   โอ๊ย หลังผม โอ๊ย หน้าผม...
   ผมพาดตัวลงบนโต๊ะทำงานเหมือนพวกเด็กขี้เกียจสันหลังยาวไม่อยากไปเรียน แต่จริงๆ คือสันหลังของผมไม่ยาว แต่ยอกต่างหาก โชคดีที่โต๊ะทำงานผมสูง พอพาดตัวลงไปแล้วเลยรู้สึกดีขึ้นหน่อย อันที่จริงผมก็ไม่อยากทำท่านี้ต่อหน้าคนอื่นหรอก แต่มันเจ็บมากจริงๆ แล้วผมก็ไม่อยากถูกกอดเอาไว้แบบนั้นด้วย
   “คุณไพฑูรย์ ผมโทรเรียกรถพยาบาลนะ”
   “ไม่ต้อง!” ผมพูด ทั้งๆ ที่ยังพาดตัวอยู่แบบนั้นแหละ เหมือนเขาจะเดินเข้ามาใกล้ พูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “แต่คุณดูจะเจ็บมากนี่ เกิดเป็นกระดูกทับเส้นประสาทกลายเป็นอัมพาตจะแย่เอานะครับ”
   โอ๊ย คนยิ่งเจ็บๆ ยังจะมาพูดแบบนี้อีก ถ้าฉันจะเป็นอัมพาตล่ะก็ เพราะนายนั่นแหละ
   แต่ในฐานะคนที่มีอายุเยอะกว่า ผมควรจะพูดให้เขาเลิกวิตกจริตกับอาการของผมเสียที
   “ผมไม่เป็นอะไรหรอก แค่หลังเคล็ดนิดหน่อย” ผมว่า พยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด นพรัตน์ขยับเข้ามาใกล้อีก ก่อนจะโน้มหน้าลงมามองผมที่นอนพาดตัวครึ่งหนึ่งอยู่บนโต๊ะทำงานด้วยสายตาไม่เชื่อถือ ดังนั้น ผมจึงยันตัวลุกขึ้น
   อื้อหือ... เจ็บซะไม่มี...
   หน้าผมคงเหยเกอย่างไม่ต้องปิดบังกันอีก นพรัตน์ถลันเข้ามาประคองผมอีกรอบ และถูกผมผลักออกไปอีก ผมพยายามตั้งตัวอีกครั้ง ประเมินอาการของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ ก้มตัวลง
   กรึ๊บ....
   เสียงกระดูกขยับเข้าที่ทำเอาผมระบายลมหายใจอย่างโล่งอก ผมกำลังทำท่าง่ายๆ ที่แค่เอามือแตะพื้นทั้งๆ ที่ขายังยืนตรงอยู่ เพื่อกันความผิดพลาด ผมจึงขยับตัวลงคุกเข่าลงกับพื้น ก่อนจะยันตัวให้ตรง แล้วค่อยลุกขึ้น จากนั้นก็ได้เวลามาไล่เบี้ยหาความผิดกับไอ้หนุ่มที่ยืนดูอยู่
   “โห...คุณเล่นโยคะด้วยหรือ?” เขาพูดอย่างตื่นเต้น ไม่ได้ดูสำนักผิดกับสิ่งที่ทำเลยสักนิด ผมตีสีหน้าถมึงทึงใส่เขา และไม่สนใจจะตอบคำถามไร้สาระนั้น
   “บ้านไม่มีใครสอนหรือไงว่าถ้าจะเปิดประตูเข้ามาห้องคนอื่นให้เคาะก่อน”
   นพรัตน์หน้าเจื่อนลงทันที แต่ก็ยังใจแข็งสบตาผม ก่อนจะตอบออกมา “ก็ผมคิดว่านี่เป็นห้องทำงานผมนี่ครับ”
   ผมมองเขา และนึกขึ้นได้ว่าโต๊ะทำงานเขาอยู่ในห้องผมนี่นา อีกอย่าง คงไม่มีใครนึกว่าเจ้านายตัวเองจะทำท่าบ้าๆ บอๆ แบบนี้ตอนอยู่คนเดียวในห้อง
   ผมขบริมฝีปาก ไอ้โกรธนะโกรธอยู่หรอก อายก็อาย แต่จะโวยวายโทษเขาไปหมดก็ใช่ที่ เอาเข้าจริงเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย โมโหไปก็เหมือนเด็กที่พยายามจะกลบความผิดของตัวเอง พอคิดได้อย่างนั้น ผมก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
   “เอาเถอะ ถือว่ามันเป็นเรื่องไม่คาดคิดก็แล้วกัน วันหลังอย่าลืมเคาะประตูก่อนล่ะ”
   “ครับ ขอโทษนะครับ” นพรัตน์ตอบ ผมพยักหน้าให้เขา
   “ว่าแต่ คุณแวะกลับมาทำไมน่ะ?” ผมถามถึงประเด็นที่ทำให้เขาเปิดประตูเข้ามาทั้งๆ ที่ยังออกไปไม่นานเท่าไหร่ นพรัตน์มองหน้าผม แล้วตอบเขินๆ
   “คือ...ผมมาคิดว่า ผมทำงานเป็นผู้ช่วยคุณ ผมเห็นคุณดูจะเจ็บๆ หลัง เลยคิดว่าน่าจะเข้ามาดูอาการคุณก่อน เรื่องแนะนำตัวน่ะ ไว้ทีหลังก็ได้”
   “อ้อ..” พอคิดว่ามีเด็กอายุรุ่นลูกมาเป็นห่วงแบบนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี นี่ผมดูอ่อนแอขนาดนั้นเลยหรือ?
   “ขอบใจนะ ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะ คุณไปเถอะ”
   นพรัตน์พยักหน้า แต่ยังคงยืนนิ่ง จนผมต้องพูดต่อ “มีอะไรอีกล่ะ?”
   “เอ่อ...ถ้าไม่รบกวนมาก คุณไปกับผมได้ไหมครับ จะได้แนะนำงานไปด้วยเลย”
-----------------------------------------
   “โอ้โห ลุงไพฑูรย์ พาน้องใหม่มาแนะนำหรือครับเนี่ย” ชายหนุ่มอายุราวๆ สามสิบสองสามสิบสามเอ่ยทักผมอย่างอารมณ์ดี ตอนที่ผมไปถึงแผนกของเขา ผมตีสีหน้าเหมือนรูปปั้นสิงโตหน้าวัด ก่อนจะพูดออกไป
   “นี่คุณนพรัตน์ ผู้ช่วยของผม”
   “โอ้โห...ยังเด็กอยู่เลย เขาไม่ใช่ลูกลับๆ ของลุงแน่นะ”
   ผมไม่ต่อปากต่อคำกับเขา แต่ให้เลือกได้ ผมอยากสาปให้เขาเป็นใบ้ไปตอนนี้เลย
   “นี่คุณพัชระ หัวหน้าแผนกไอทีของที่นี่ ไม่รู้คุณพชรเคยเล่าเรื่องเขาให้คุณฟังรึเปล่า สมัยทำงานอยู่ที่นี่ พวกเขาสนิทกันมากเลย” ผมพูด และนึกในใจว่าเจ้าคู่นี้เข้ากันได้ดีโดยเฉพาะเรื่องความปากหมานี่แหละ นพรัตน์ยกมือขึ้นไหว้คนที่ผมเพิ่งแนะนำไป และพูดขึ้นบ้าง
   “พี่นัทพูดถึงคุณให้ผมฟังด้วยนะครับ บอกว่าคุณน่ะเฮี้ยวน่าดู”
   “อ้อ นายคงเป็นเจ้าเปี๊ยกที่เขาพูดถึงบ่อยๆ ล่ะสิ นึกไงมาทำงานที่นี่เนี่ย แถมยังมาเป็นผู้ช่วยลุงอีก นัทไม่ได้บอกนายหรือไง ว่าลุงแกโคตรเฮี๊ยบ”
   ผมยืนฟังเจ้าสองตัวนี่พูดข้ามหัวด้วยอารมณ์เหมือนคนพยายามเอาผ้าชุบน้ำโปะกาต้มน้ำร้อนที่ตั้งไฟเอาไว้ เพื่อไม่ให้มันร้องปู๊นๆ ออกมา
   “ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งครับ” นพรัตน์พูดตอบ ไม่รู้เขากำลังนึกถึงเรื่องน่าอายเมื่อครู่ของผมอยู่หรือเปล่า อุณหภูมิอารมณ์ของผมเริ่มเดือดขึ้นเรื่อยๆ ได้ยินเสียงพัชระพูดเย้า
   “นั่น ลุงแกเริ่มเทอโมมิเตอร์ขึ้นอีกแล้ว นพ นายดูแลแกดีๆ หน่อยนะ เดี๋ยวเกิดโมโหจนหน้ามืด เป็นลมเป็นแล้งไป คนที่นี่คงเหงาน่าดู ไม่เห็นแกเดินตรวจงานวันไหนแล้วหลังมันโล่งๆ พิกล”
   “คุณพัชระ คุณแอบโหลดวีดิโอลามกโดยใช้อินเตอร์เน็ตบริษัทอีกแล้วหรือไง?” ผมรู้สึกว่าควรจะปรามเขาบ้างแล้ว พัชระทำงานเป็นหัวหน้าแผนกไอที มีลูกน้องอยู่ราวๆ สองสามคน เขาทำงานดีมากยกเว้นเรื่องปากหมาและแอบอู้ในบางครั้ง
   “โธ่ ลุงครับ นั่นมันเรื่องตั้งนานมาแล้ว ลุงไม่ดูก็อย่ามาว่าคนอื่นสิครับ อีกอย่าง ผมโหลดมานิดหน่อย ไม่ได้ทำการค้านะ”
   “ถ้าคุณโหลดมาทำการค้า ผมคงไล่คุณออกไปแล้วล่ะ” ผมว่า นายพัชระหัวเราะชอบใจ ก่อนจะพูดต่อ “ว่างๆ ผมจะโหลดหนังเกย์เผื่อลุง บางทีลุงน่าจะปลดปล่อยบ้างนะ”
   ผมมองเขา ก่อนจะพูดเสียงขุ่น “คุณพัชระ จะล้อเล่นให้มันมีขอบเขตหน่อยนะ”
   นายพัชระห่อไหล่ ทำท่าว่ากลัวเสียเต็มประดา ก่อนจะหันไปสะกิดนพรัตน์ “นพ ดูแลลุงแกหน่อยนะ ช่วงนี้อากาศร้อนๆ อย่าให้แกไปกัดใครเข้าล่ะ”
   ก่อนที่ผมจะปรอทแตก พัชระก็หยุดการเล่นหัวของเขาไว้แค่นั้น ก่อนจะเรียกลูกน้องมาแนะนำตัวคร่าวๆ ทีละคน
----------------------------------------------
   โชคดีที่มีคนแบบพัชระไม่มากในบริษัท ไม่อยากนั้นผมคงต้องกินยาระงับประสาท กว่าผมจะพาเขาไปดูที่ตั้งและทำความรู้จักกับพวกหัวหน้าฝ่ายและพนักงานบางคนของแผนกที่คิดว่าจะให้เขาดูแลรับผิดชอบในบางเรื่องครบ ก็กินเวลาเที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว ผมก้มลงมองนาฬิกาข้อมืออย่างนึกขึ้นได้เมื่อเห็นป้ายพักเที่ยงวางแปะอยู่ที่แผนกหนึ่ง
   “เออ เที่ยงแล้ว คุณอยากทานอะไรล่ะ? ด้านล่างตึกมีโรงอาหารอยู่ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานฝ่ายผลิต ชั้นสองมีอีกโรงอาหารหนึ่ง แต่คนก็เยอะเหมือนกัน”
   “แล้วปกติคุณทานที่ไหนล่ะครับ?” นพรัตน์เอ่ยถามขึ้น ผมนิ่งนึก สองโรงอาหารนี้ จำได้ว่า ผมลงไปเมื่อไหร่ทุกคนจะเงียบกริบเหมือนเป่าสาก ไม่ก็พูดคุยกันเบาๆ กลัวผมจะได้ยิน แต่ผมก็ได้ยินทุกทีนั่นแหละ หนักๆ เข้าบางทีก็ทำเอาผมกินข้าวไม่ลง อย่างช่วงนี้ไงล่ะ
   ผมตัดสินใจพาเขาไปที่โรงอาหารชั้นสองของตึก แล้วก็อย่างที่คาด พอผมไปถึงก็เหมือนคุณครูเข้าห้องเรียน พวกพนักงานที่ส่วนใหญ่ทำงานชั้นบนต่างพากันเงียบกริบ ก้มหน้าก้มตาทานกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เห็นสภาพแบบนี้แล้วผมยังกินข้าวลงอีกก็แปลกล่ะ
   “อืม...ผมเข้าใจแล้วล่ะ” นพรัตน์พึมพำ ก่อนจะหันมาพูดกับผม “ออกไปทานข้างนอกกันไหมครับ ผมมีเพื่อนเปิดร้านอยู่ใกล้ๆ แถวนี้”
   ผมขมวดคิ้ว พอถามชื่อร้านแล้วก็ต้องร้องอ๋อ “ผมก็ชอบทานร้านนั้นเหมือนกัน”
   นพรัตน์ยิ้มกว้างจนเห็นฟันเขี้ยวซี่เล็กๆ “งั้นไปกันเถอะครับ”
------------------------------------------------
   ผมเพิ่งรู้ว่านพรัตน์ขับรถมาทำงาน ตอนนี้ผมเลยนั่งอยู่ตรงเบาะหน้าในรถของเขา ถึงทางจะไม่ไกลมาก แต่ผมไม่เสี่ยงนั่งเบาะหลังหรอก เกิดกระแทกอะไรขึ้นมาหลังผมไม่แย่ล่ะหรือ
   เราใช้เวลาไม่นานก็ไปถึงร้านอาหารที่ว่า พอก้าวเข้ามาในเงาร่มไม้ที่ปลูกเรียงกันจนครึ้ม ผมก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาทันที แม้จะเป็นตอนเที่ยงที่แดดร้อนเปรี้ยงๆ แต่เพราะร่มเงาของต้นไม้จึงทำให้ภายในร้านไม่ร้อนเลยสักนิด
   แม้ตอนเที่ยงจะคนแน่น แต่เหมือนนพรัตน์จะโทรมาจองโต๊ะไว้ก่อนแล้ว ผมเลยได้นั่งตรงโต๊ะมุมตัวโปรด ใต้ร่มของต้นก้ามปูต้นใหญ่ พนักงานเอาเมนูมาให้หลังจากนั้นไม่นาน
   ผมไม่ค่อยมีประสบการณ์ทานอาหารร่วมกับคนอื่นมากนัก ปกติมาที่นี่ก็สั่งอาหารจานเดียวบ้าง หรือไม่ก็กับข้าวอย่างสองอย่าง ดังนั้นการที่ได้ยินคนร่วมโต๊ะสั่งกับข้าวถึงห้าหกอย่างทำให้ผมอดรู้สึกหวั่นใจไม่ได้
   “ทานหมดรึ?”
   นพรัตน์พยักหน้า และพูดยิ้มๆ “หมดครับ คุณเองก็ทานเยอะๆ นะครับ”
   ผมมองเขาแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก สักพักเขาก็เป็นฝ่ายเริ่มชวนคุยก่อน
   “ผมชอบแกงเหลืองของที่นี่นะ อร่อยดี”
   “อืม” ผมส่งเสียงแค่นั้นโดยความเคยชิน นพรัตน์เงียบไปพักหนึ่ง เหมือนพยายามจะหาเรื่องคุย
   “ตอนบ่ายต้องออกไปเดินตรวจรึเปล่าครับ?”
   “ไม่ต้อง บ่ายต้องจัดการงานเอกสาร” ผมว่า และนึกปวดหัวกับเอกสารร้องเรียนที่มีเข้ามาทุกวันพวกนั้น บางเรื่องอ่านแล้วแทบจะขยำทิ้ง ผมสงสัยจริงๆ ว่าทำไมเจ้าพวกนี้ไม่ลาออกไปเขียนนิยายน้ำเน่าให้รู้แล้วรู้รอด เอาเถอะ เอกสารยังดีกว่าเจ้าตัวมาเอง ให้ตายสิ
   “ผมต้องทำอะไรบ้างครับ ช่วงบ่าย?”
   ผมเหลือบตามองคนถามอย่างนึกขึ้นได้ ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด
   “คุณช่วยผมดูเอกสารร้องเรียนก็ได้” ผมพูด และรู้สึกโล่งใจขึ้นมาที่มีคนมาช่วยอ่านไอ้ของบ้าๆ พวกนั้น นพรัตน์พยักหน้า
   “คุณทำงานนี้มานานแล้วหรือครับ?”
   “จะยี่สิบปีแล้ว” ผมตอบ และมองเขา พลานึกว่า ตอนนายแบเบาะฉันก็ทำงานแล้วล่ะ เขาพยักหน้าอีก
   “นานนะครับ ผมเกิดรึยังไม่รู้”
   “เกิดแล้วล่ะ” ผมว่า พลางมองหน้าเขาและรู้สึกสงสัยว่าเด็กอายุขนาดนี้สามารถทำงานบริหารจัดการอย่างที่ในประวัติเขียนมาได้จริงๆ รึ?
   “คุณนพรัตน์ ผมจะให้เวลาคุณทดลองงานเดือนหนึ่งนะ ถ้าผมเห็นว่าคุณไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้ ผมจะหาตำแหน่งอื่นมาแทนให้”
   นพรัตน์เงยหน้ามองผมครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา “ครับ”
   ผมมองเขาด้วยความงุนงงเอาเรื่อง เพราะปกติถ้าคนอื่นได้ยินคำพูดแบบนี้ คงไม่ยิ้มอย่างสบายใจแบบที่หมอนี่ยิ้มแน่ ผมพยายามวิเคราะห์รอยยิ้มเมื่อครู่ ประชด หรือคิดอะไรกับผมอยู่กันแน่นะ
   “ทานข้าวเถอะครับ คุณไพฑูรย์” เขาพูดเมื่อเห็นผมยังนิ่งทั้งที่อาหารมาวางตรงหน้าครบแล้ว ผมพยักหน้าอย่างคนรู้สึกตัว ก่อนจะเห็นว่าเขาตักกับข้าวมาใส่จานให้
   “ทานเยอะๆ นะครับ มื้อเที่ยงก็เป็นมื้อสำคัญนะ”
   ผมมองเขา บอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับคำพูดและการกระทำนี้กันแน่
   “บอกไว้ก่อนนะ เอาใจผมไป ถ้าทำงานไม่ได้เรื่องผมก็ไม่ละเว้นหรอกนะ”
   “ครับ ผมทราบล่ะครับ” เขาตอบ และยิ้มอีก ผมเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นคนที่ยิ้มง่ายและยิ้มบ่อยมาก เหมือนชีวิตไม่เคยรู้สึกทุกข์ร้อนกับเรื่องอะไรเลย
   “คุณยิ้มเก่งดีนะ น่าจะไปอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์”
   “ผมอยากทำตำแหน่งนี้มากกว่าครับ” เขาว่า ก่อนจะพูดต่อ “คุณไพฑูรย์ชอบดูหนังรึเปล่าครับ? พอดีผมได้ตั๋วฟรีมาสองใบ”
   ผมมองเขาอย่างสงสัย “ไปดูกับแฟนสิ”
   “ยังไม่มีหรอกครับ” เขาพูด และหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ “ไปดูเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ”
   ผมมองหน้าเขา แล้วตักข้าวขึ้นมาทานโดยไม่พูดอะไรอีก
--------------------------------------------
   ดูท่าประวัติงานของนพรัตน์จะพอเชื่อถือได้ การเข้ามาทำงานของเขาทำให้ผมเบาแรงไปพอสมควรสำหรับสัปดาห์แรก ผมตื่นมาในเช้าวันเสาร์ด้วยความครึ้มอกครึ้มใจเป็นพิเศษและคิดว่าจะออกไปเดินเที่ยวสักหน่อย
   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่ผมกำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะ ผมมองหาแว่นสายตาเผื่อว่าจะตั้งอยู่แถวนั้น พอเห็นว่าขืนมัวแต่หาแว่นเพื่อมองว่าคนที่โทรมาเป็นใครท่าทางจะไม่ได้รับสายแน่ๆ ผมจึงกดปุ่มรับไป
   “สวัสดีครับ”
   เสียงในสายดูคุ้นพอสมควร แต่ผมยังนึกไม่ออกว่าใคร แต่ให้ถามเลยตอนนี้คงไม่เหมาะ รอเขาพูดธุระก่อนดีกว่า
   “คุณว่างรึเปล่าครับ ไปดูหนังกับผมไหม”
   ผมขมวดคิ้ว ไอ้บ้าตัวไหนมันกล้ามาชวนผมดูหนัง ครั้งสุดท้ายที่มีคนอื่นชวนไปดูหนังก็คงสักสิบกว่าปีที่แล้วมั้ง
   “คุณ...เอ่อ.... ใครครับ?”
   “นพครับ คุณไพฑูรย์ไม่ได้เมมเบอร์ไว้หรือครับ?”
   “อ้อ...” ผมร้องอย่างนึกขึ้นได้ “โทษที ผมหาแว่นไม่ทันน่ะ”
   เหมือนได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆ “ไม่เป็นไรครับ ตกลงว่าว่างนะครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไปรับ”
   ผมอึ้งไปด้วยความงุนงง จู่ๆ ก็โทรมาชวนไปดูหนัง แล้วจะเอารถเข้ามารับ มันดูจะกะทันหันจนผมตั้งตัวไม่ติด
   “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมไปเจอคุณก็ได้”
   “ครับ” เขาตอบ และนัดแนะสถานที่เสร็จสรรพ
   “มานะครับ ผมรออยู่นะ” เขาว่า และวางสาย ปล่อยให้ผมงงอยู่อีกพักใหญ่ ท้ายที่สุดผมก็ต้องลากขากลับขึ้นไปชั้นบน เพื่อแต่งตัวออกจากบ้าน
----------------------------------------
   ผมไม่ออกจากบ้านไปเที่ยวกับคนอื่นมาหลายปีแล้ว แถมคราวนี้คนชวนดันเป็นลูกน้องที่อายุรุ่นลูกผมอีก ผมยืนงงหน้าตู้เสื้อผ้าอยู่นาน และนึกสงสัยว่าตัวเองตอบตกลงจะไปได้อย่างไร แล้วผมควรแต่งตัวแบบไหน?
   จะแต่งให้สมอายุ ให้เหมือนพ่อกับลูกไปดูหนังรึ?
   ไม่หรอก ถึงผมจะอายุรุ่นพ่อเขา แต่ผมไม่ได้เป็นพ่อเขาสักหน่อย แล้วผมก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองแก่ขนาดนั้น อีกอย่าง ขืนแต่งให้ดูแก เดี๋ยวผมอาจจะถูกมองว่าเป็นพวกคั่วเด็กอีกก็ได้ ทั้งๆ ที่หมอนั่นเป็นฝ่ายชวนก่อนแท้ๆ
   สุดท้ายผมก็ตกลงใจว่าควรจะแต่งอะไรที่มันกลางๆ ดีกว่า
--------------------------------------
   “คิดว่าคุณจะไม่มาแล้ว” นพรัตน์เอ่ยทักเมื่อเห็นผม ในมือเขายังมีถุงขนมอยู่ คิดว่าคงรอมานานพอสมควร ผมมองนาฬิกา และไม่คิดว่าตัวเองจะมาสายขนาดนี้ เอาเข้าจริงคือผมมัวแต่คิดว่าจะแต่งตัวแบบไหนจนลืมมองนาฬิกา พอเห็นเวลาก็คิดว่าเขาน่าจะกลับไปแล้ว ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อยากจะโทรหา ไหนๆ ผมก็ตั้งใจจะออกจากบ้านมาเดินเล่นอยู่แล้ว เขาจะรอหรือไม่รอก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไร แล้วเขาก็ไม่มีสิทธิ์จะมาอิดออดใส่ผมด้วย เพราะเขาเป็นฝ่ายชวนผมโดยไม่ทันให้ตั้งตัวนี่นา
   “อืม โทษที พอดีมันกะทันหันไปหน่อย” ผมว่า เขายิ้มกว้าง “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่คุณมาผมก็ดีใจแล้ว”
   ผมพยักหน้าหน่อยๆ และนึกสงสัยว่าผมตกลงมาตามคำชวนของเขาเพราะอะไร
   นพรัตน์อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตลำลองสบายๆ ผมนึกดีใจที่เขาไม่ได้ใส่เสื้อยืดหรืออะไรทำนองนั้นออกมา เพราะมันคงทำให้ผมยิ่งดูแก่ นพรัตน์มองผม และอมยิ้ม
   “คุณดูดีจัง ถ้าพี่นัทไม่บอกอายุคุณกับผมก่อน ผมคงเข้าใจผิดแล้ว”
   ผมมองเขา และส่งเสียงในคออย่างไร้ความหมาย “อืม”
   “ไปกันเถอะครับ คุณอยากดูเรื่องอะไรล่ะ?”
   “แล้วไม่ทานข้าวก่อนหรือไง?” ผมถาม เขาหันกลับมามอง “คุณยังไม่ทานหรือครับ?”
   “เปล่า ผมทานแล้ว คุณนั่นแหละ”
   เขายิ้มอีก “ไม่เป็นไรครับ ไว้ทานหลังดูจบก็ได้ ผมเองก็ไม่ได้หิวอะไรมาก”
   ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เอาเข้าจริงเขาก็ซื้อป๊อปคอร์นถุงใหญ่ก่อนจะเข้าโรงหนัง จนผมอดพูดไม่ได้
   “ถ้าหิวไปทานข้าวกันก่อนก็ได้”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ หนังจะเข้าแล้ว ไปกันเถอะ”

   ผมไม่ได้มาดูหนังกับใครนานมากแล้ว และเพิ่งรู้ตอนเดินเข้ามาอีกเหมือนกันว่าตั๋วฟรีที่เขาได้เป็นที่นั่งแบบโซฟาคู่ ผมที่ปกตินั่งแต่ที่นั่งธรรมดาก็เรียกไม่ถูกเหมือนกันว่าอะไร แต่พอเห็นแล้วก็ให้รู้สึกอึ้งๆ อยู่เหมือนกัน
   “โทษทีครับ พอดีตั๋วมันได้เป็นที่นั่งแบบนี้น่ะ คุณคงไม่มีปัญหาอะไรนะ” นพรัตน์พูดขึ้น สงสัยจะเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของผม ผมนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะสั่นศีรษะ
   “ไม่หรอก อืม.. น่าจะชวนแฟนมาดูนะ”
   “ก็ยังไม่มีนี่ครับ” เขาตอบและนั่งลงข้างๆ ผม
   “ทานรึเปล่าครับ” เขาถามและยื่นถุงป๊อบคอร์นในมือให้ผม ผมสั่นศีรษะ มองดูป๊อบคอร์นถุงใหญ่ แล้วหันไปมองตรงพนักเก้าอี้
   “เอาวางไว้ตรงนี้ก็ได้” ผมพูดและดึงที่เท้าแขนซึ่งเก็บอยู่ลงมา เขามองดูมันอย่างลังเลพักหนึ่ง และพยายามจะเอาถุงป๊อบคอร์นวางลงไป ซึ่งก็ดูจะใหญ่กว่าช่องใส่
   “วางไว้ตรงกลางดีกว่า” นพรัตน์ว่า และดึงที่เท้าแขนขึ้น ผมพยักหน้า สักพัก ทางโรงก็เริ่มฉายภาพยนตร์ตัวอย่าง
   อย่างที่พูดว่าผมไม่ได้มาดูหนังกับคนอื่นนานมากแล้ว แถมคนชวนยังไม่ค่อยจะสนิท จะไม่เกร็งเลยก็แปลก ช่วงต้นๆ ผมนั่งตัวลีบ พยายามขยับห่างออกมาให้มากที่สุด แต่พอหนังเริ่มฉายสักพัก ผมก็หัวร่องอหงาย นึกไม่ผิดเลยที่เลือกมาดูหนังเรื่องนี้ ผมขำจนลืมเรื่องเกร็งก่อนหน้าไปเสียสนิท รู้สึกตัวอีกทีตอนหนังจบแล้วหันมาหัวเราะกับเขานั่นแหละ
   “โอ๊ย ผมขำจนเจ็บท้องไปหมดเลย” นพรัตน์ว่าขณะที่เราเดินออกมาจากโรงหนัง ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
   “อืม ผมไม่ได้หัวเราะจนน้ำตาไหลแบบนี้มานานแล้ว” ผมว่า เขาหันมาและยิ้ม “ไปหาอะไรทานกันไหม ผมชักหิวแล้วล่ะ”
   ผมมองเขา และยิ้มอย่างเอ็นดู เขายังเด็กอยู่จริงๆ นั่นแหละ ตะกี้ก็ทำเป็นเกรงใจผมไปอย่างนั้นเอง
   “เอาสิ จะทานอะไรล่ะ”
-----------------------------------------------------
   ระหว่างทานอาหาร ผมกับเขาพูดกันถึงเรื่องหนังที่เคยดูกันอย่างออกรส หลังจากนั้นเราเดินย่อยอาหารและซื้อของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย ผมก้มลงมองนาฬิกา และคิดว่าได้เวลากลับแล้ว
   “ขอบใจนะที่ชวน ผมคงต้องกลับแล้วล่ะ” ผมว่า เขามองผมด้วยสายตาเหมือนจะพูดว่าจะกลับแล้วหรือ? แต่ก็พยักหน้าในที่สุด
   “ผมไปส่งคุณนะ”
   “ไม่เป็นไร ผมนั่งแท็กซี่ไปก็ได้” ผมตอบ นพรัตน์มองหน้าผมและพูดติดตลก
   “เอาน่า ผมรับรอง ไม่ชาร์ตมิเตอร์คุณเพิ่มหรอก”
   ผมหัวเราะขึ้นมาบ้าง “บ้านคุณอยู่แถวไหนล่ะ?”
   พอเขาตอบมาผมก็ได้แต่ขมวดคิ้ว “อ้อ...”
   “บ้านคุณล่ะครับ?”
   “ก็ไม่ไกลจากแถวนั้นเท่าไหร่?”
   “ดีล่ะ ให้ผมไปส่งเถอะครับ จะได้ช่วยลดโลกร้อน”
   ผมมองหน้าเขา และนึกขำกับวิธีพูด “อืม ได้”
   
   สุดท้ายเขาก็ขับรถมาส่งผมถึงบ้าน ผมเลยชวนเขาเข้ามาดื่มน้ำเสียหน่อย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท เขาถามอย่างแปลกใจ “คุณอยู่คนเดียวหรือ?”
   “อืม” ผมตอบ และแทบจะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเขาพูดต่อ “น่าเป็นห่วงนะครับ เกิดมีอะไรขึ้นมา ใครจะช่วยคุณเนี่ย”
   “ผมยังไม่แก่ขนาดนั้นหรอกนะ” ผมตอบ และพยายามคิดว่าเขาคงพูดด้วยความเป็นห่วง
   “ผมไม่ได้ว่าคุณแก่นะครับ แต่เรื่องไม่คาดฝันมันเกิดขึ้นได้กับทุกคนนี่”
   “เอาน่า ผมมีเพื่อนบ้านอยู่ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ผมอยู่มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว”
   “ครับ” นพรัตน์พูด และมองหน้าผมอยู่พักหนึ่ง
   “งั้นผมกลับนะครับ รักษาสุขภาพด้วยนะ วันจันทร์เจอกัน”
   ผมพยักหน้า และเดินออกไปส่งเขาหน้าบ้าน

   คืนนั้นผมหลับไปอย่างรวดเร็ว และฝันถึงใครคนหนึ่งที่ไม่นึกถึงมานานแล้ว
   พรายโพยม
-------------------------------------------------------------------
(จบตอน)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 29-05-2011 18:28:13
แปะรูปค่ะ กันคุณไพฑูรย์กลายเป็นลุงไปจริงๆ ฮ่าๆ

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/paitul.jpg)
คุณไพฑูรย์นะคะ

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/nop.jpg)
คุณนพค่ะ

ไม่รู้ใครหน้าแก่กว่าใคร ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MimicClub ที่ 29-05-2011 19:17:04
 :o8:สนุกดีค่ะ จะรอติดตาม
แต่สงสารลุงจัง กร๊อบ  แกร๊บ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 29-05-2011 19:26:31

น่าติดตามๆๆๆ

ชอบนักคนแก่โดนเด็กกินเนี่ย 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: l2ozen ที่ 29-05-2011 20:00:02
 :L2:

ชอบจังโคเด็กฟันแข็งแรงเคี้ยวหญ้าแก่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: epoch ที่ 29-05-2011 20:07:05
แค่ตอนแรกก็สนุกมากแล้วค่า น่าติดตามมากๆ  o13
ยินดีต้อนรับสู่ชมรมผู้นิยมคนแก่ค่า (เราอยู่สองชมรม อีกอันชมรมผู้นิยมกล้าม) หุหุ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 29-05-2011 20:13:46
ยาวได้ใจค่ะ
สนุกจริงๆ นานๆจะเห็นคู่ผู้ใหญ่
ไพฑูรย์เป็นนายเอกใช่มั้ยคะ
บวกหนึ่งจ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: rose ที่ 29-05-2011 20:15:46
หลักจากประสบณ์ปัญหา

ล็อกอินไม่ได้เป็นเวลานาน

นี่คือเม้นแรกที่จะโพสคร้าาาาาาาาาาาาาาาา า

ฮิ้วววววววว ว ~

 :mc4: :mc4: :mc4:

เจิมเรื่องใหม่ค่ะ :z13: :z13: :z13:

ชอบมากกกกกกกกกกกกกก ก แนวนี้

เราเป็นโอจิค่อน ฮ่าๆ

ซึ่งหาอ่านได้ยากมากจริงๆ

ไว้อาลัย  :m15:

เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะคะ

สู้ต่อไปค่ะ

ร๊อรอ  :L2:


หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-05-2011 20:21:51
เรื่อยรื่นๆๆอ่ะ

ภาพวาดสวยๆๆ

ผู่ใหญ๋โดนกิน ยิ่งได้ใจ

555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 29-05-2011 20:26:56
นี่โคแก่จะกินหญ้าอ่อน หรือว่า โคอ่อนกินหญ้าแก่นะนี่ อิอิ ชอบๆ +1
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 29-05-2011 20:34:37
ติดตามต่อจ๊ะ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 29-05-2011 20:36:19
นี่โคแก่จะกินหญ้าอ่อน หรือว่า โคอ่อนกินหญ้าแก่นะนี่ อิอิ ชอบๆ +1

+1ให้เรื่องใหม่ด้วยคน
นั่นสิใครกินใครกันแน่เนี่ยยยยย
ฮ๋าๆๆๆๆ มาตามต่อไป แต่แก่จริงไรจริง  :laugh:
กว่าจะรักกันกว่าจะอะไรกันลุงแกไปปาไป50แล้วหรอน่ากลัวนะ 555++
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 29-05-2011 20:39:37
นพจะปีนเกลียวหรือนี่?
อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: aeyja55 ที่ 29-05-2011 20:46:30
น่าสนุกจัง ในรูปดูคุณไพฑูรย์ยังไม่แก่เท่าไหร่นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-05-2011 20:50:31
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 29-05-2011 21:01:30
ชอบแนวนี้มากเลยค่า :impress2:

รออ่านและเป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 31-05-2011 07:46:20
บันไดขั้นที่2
   “พี่ไพฑูรย์”
   ผมหันไปมองตามเสียง เด็กหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเนกไทสีดำเดินตรงมาและโบกมือหยอยๆ ผมของเขายังยาวไม่มาก เหมือนกับพวกน้องใหม่เฟรชชี่คนอื่นๆ
   “ทำไมพี่ลงมาคนเดียวล่ะ?” เขาถาม ผมทำหน้าเหนื่อย “ติดคุยกับอาจารย์อยู่น่ะ”
   “อ้อ” ทางนั้นส่งเสียงในคอ และพูดต่อ “งั้นพี่ไปกินข้าวกับผมนะ”
   ผมมองหน้าเขา และพยักหน้า “อืม”
------------------------------------------
   “คุณไพฑูรย์ครับ”
   ผมผงะตัวจากภวังค์ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเด็กหนุ่มที่เริ่มจะคุ้นหน้าคุ้นตาขึ้นบ้างแล้วในช่วงนี้ นพรัตน์มาทำงานกับผมได้เดือนกว่าแล้ว ผมไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรมาติงานของเขา ดังนั้นตอนนี้เขาเลยยังนั่งอยู่ในห้องทำงานเดียวกับผมต่อ
   “ผมอยากปรึกษาเรื่องของคุณวลัยภรณ์ แผนกการตลาดน่ะครับ” นพรัตน์เอ่ยขึ้น เขารอจนผมพยักหน้า จึงหยิบเอกสารเดินเข้ามาหยุดข้างผม วางมันลงบนโต๊ะก่อนจะอธิบายให้ผมฟัง
   ผมฟังเขาและพยักหน้าเป็นระยะ นพรัตน์มีข้อดีตรงที่เขารู้จักให้ความเคารพผู้ใหญ่ รู้จักปรึกษาและรับฟังคำแนะนำของผม และบางครั้งก็กล้าที่จะแย้งในบางเรื่อง ส่วนข้อเสีย....
   “ตกลงตามที่คุณว่าแล้วกันครับ” เขาพูด ผมพยักหน้า เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความเคยชิน และแทบจะชนกับปลายจมูกที่ยื่นเข้ามา
   “ขอโทษครับ” เขาว่า และรีบถอยออกไป ผมโบกมืออย่างไม่ถือสา และขยับแว่นสายตาให้เข้าที่ “ถ้าสายตาสั้นก็ตัดแว่น ไม่ก็ใส่คอนแทกต์เลนส์เสียสิ”
   ผมมีปัญหาสายตายาว จะดูอะไรทีถ้าไม่พึ่งแว่นก็ต้องยกห่างออกไปเป็นโยชน์ๆ แต่ดูนพรัตน์จะมีปัญหาตรงกันข้าม เขาชอบก้มหน้าเข้ามาใกล้ทุกครั้ง ผมว่าเขาต้องสายตาสั้นแน่ๆ
   “คงยังไม่สั้นขนาดนั้นมั้งครับ” เขาพูดและหัวเราะเขินๆ ผมมองเขา และหันไปมองกองหนังสือร้องเรียนที่ดูจะไม่จบไม่สิ้นกันเสียที “เดี๋ยวผมจะไปแผนกการเงินสักหน่อย คุณอยู่รับเรื่องที่นี่แล้วกันนะ”
   “ได้ครับ” นพรัตน์ตอบพลางมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ “เดี๋ยวคุณจะแวะเข้ามาก่อนเที่ยงรึเปล่าครับ”
   “ไม่ล่ะ ผมอาจจะไปกับคุณพงษ์โพยม”
   “อ้อ ครับ” นพรัตน์พยักหน้า เหมือนเขาจะทำหน้าผิดหวังหน่อยๆ ตั้งแต่เข้ามาทำงาน เขาก็ไปทานข้าวกับผมตลอด ซึ่งก็คงไม่แปลก เพราะเพื่อนร่วมงานของเขาก็ดูจะมีแค่ผมเท่านั้น แต่ตำแหน่งของผมไม่ใช่เพื่อนทานข้าวของเขา อีกอย่าง ผมอยากรู้ว่ากับคนอื่น เขามีปฏิกิริยายังไง
------------------------------------------------
   “จะเล่นแบบนั้นอีกรึ?” พงษ์โพยมทักผมเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาในห้องทำงานของเขา และตรงไปยังตู้ตู้หนึ่ง ผมพยักหน้าและได้ยินเสียงเขาหัวเราะ
   “พี่อยากทำบ้างจัง แต่หุ่นแบบพี่ใครๆ เขาคงจำได้”
   ผมหันไปยิ้มให้เขา “ความจริงผมก็ไม่อยากทำเท่าไหร่หรอก แต่ไม่ทำมันก็ไม่รู้นะพี่”
   “แล้วผู้ช่วยเป็นไงบ้างล่ะ? นพรัตน์น่ะ”
   “ก็โอเคนะครับ ทำงานคล่องดี”
   “พี่เห็นหน้าตาเธอดีขึ้นก็รู้สึกคุ้มค่าจ้างแล้วล่ะ แล้วนี่จะแวะไปดูเขาด้วยรึเปล่า พี่ว่าปล่อยไปก่อนก็ได้มั้ง คนเรามันมีสองด้านทั้งนั้นแหละ ถ้าเขาดีกับเธอ มันก็น่าจะพอแล้วนี่นา”
   “ยังไม่แน่หรอกครับ แต่ผมจำเป็นต้องรู้ทั้งสองด้านนะ จะได้ประเมินแนวโน้มถูกไง ไม่เป็นไรหรอกครับ ต่อหน้าผมถ้าเขายังทำงานดีอยู่ เอาผมไปพูดลับหลังยังไงผมไม่ถือหรอก”
   “อืม พี่รู้” พงษ์โพยมพยักหน้า ผมหยิบเสื้อแจ็กเกตสำหรับพนักงานส่งของออกมา และหยิบหมวกแก๊ปเก่าๆ ใบหนึ่งออกมาสวม ได้ยินเสียงคนในห้องหัวเราะ
   “พี่ดูยังไงเธอก็ไม่เหมือนพนักงานส่งของเลยนะ ตัวเล็กๆ แบบนี้น่ะ”
   “คุณอรรณพตัวเล็กกว่าผมอีกนะ” ผมแย้ง เขาหัวเราะอีก “เอาล่ะ ส่งของก็ส่งของ ยังไงบริษัทเรามีพนักงานส่งของเดินเข้าเดินออกตลอดเวลาอยู่แล้ว อย่าลืมทานข้าวด้วยล่ะ”
   ผมยิ้มให้เขาอีกครั้ง และเดินออกจากห้องไป
-----------------------------------------
   อย่างที่รู้กันแล้ว คนที่นี่ ถ้ารู้ว่าผมอยู่ตรงไหน พวกเขาจะพยายามระวังตัวเต็มที่ เรียกว่าแทบจะหยุดพูด หยุดกระดิกตัว การเดินตรวจรายวันของผมก็แค่การไปข่มขวัญเท่านั้นเอง ส่วนการตรวจจริงๆ คือแบบนี้ต่างหาก
   ผมเดินอุ้มกล่องของใบเล็กๆ ด้านในใส่กล้องวีดิโอตัวเล็กๆ เอาไว้ ตรงไปยังแผนกที่เป็นปัญหา พอแต่งตัวแบบนี้ ไม่ว่าใครมาเห็นก็คงไม่คิดว่าเป็นผมหรอก
   เทคโนโลยีสมัยนี้ก็พัฒนาเข้าที่ดี ผมไม่ต้องกลัวข้อครหาว่าสร้างหลักฐานเท็จเสนอเจ้านายเพื่อปลดหรือย้ายคนอีก ลำพังแค่ถ่ายวีดีโอเอาไว้ก็เหมือนได้คำให้การล้านปากแล้ว
   ก่อนเที่ยงเป็นช่วงเวลาที่พนักงานส่งของเข้าออกในบริษัทเยอะมากที่สุดช่วงหนึ่ง มีคนร้องเรียนมาว่าเจ้าหน้าที่แผนกตรวจสอบสินค้าแอบยักยอกของบางส่วนเอาไว้แล้วจะส่งให้กับพนักงานส่งของซึ่งนัดแนะกันเอาไว้
   ในที่สุดผมก็ได้หลักฐานมาครบ ผมก้มลงมองนาฬิกา เพิ่งเลยเวลาพักเที่ยงไปนิดหน่อย ผมกลับไปเก็บของที่ห้องทำงานของพงษ์โพยม เก็บเมมโมรีการ์ดใส่กระเป๋า เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดพนักงานทำความสะอาด หยิบผ้าปิดจมูกมาคาด และเดินลงไปชั้นล่าง แวะไปหยิบไม้กวาดกับที่โกย ก่อนจะตรงไปยังโรงอาหารชั้นสอง
   โรงอาหารคึกคักเป็นพิเศษ แน่ล่ะ วันนี้ไม่มีจอมมารไพฑูรย์แวะลงมานี่ ตลอดเดือนที่ผ่านมา ผมออกไปทานข้าวกับนพรัตน์แทบตลอด เจ้าพวกนี้คงโล่งอกโล่งใจกันเป็นการใหญ่ ผมลากไม้กวาดกับที่โกยเข้าไปในห้องอาหาร พลางสังเกตพนักงานพวกนั้น
   ความจริงผมไม่ได้มาจ้องจับผิดอะไรพวกเขาในโรงอาหาร เพียงแต่ผมต้องรู้ว่าพนักงานมีความสัมพันธ์กันอย่างไร กลุ่มไหนมีปัญหา กลุ่มไหนไม่ถูกกัน ซึ่งถ้าผมเดินดู คงไม่มีทางรู้ได้ มันก็ต้องใช้วิธีการแบบนี้แหละ
   เดือนนี้มีการเปลี่ยนแปลงพนักงานไม่มาก ระดับความสัมพันธ์เองก็ดูจะไม่ค่อยต่างจากเดือนก่อนหน้านัก ผมมองสำรวจขณะกวาดขยะไปด้วย ว่ามีกลุ่มไหนดูเปลี่ยนไปจากเดือนที่แล้วบ้าง แล้วผมก็สะดุดตาอยู่กับโต๊ะโต๊ะหนึ่งที่ดูจะมีคนรุมล้อมเป็นพิเศษ ซึ่งจำได้ว่าเดือนที่แล้วไม่มีโต๊ะไหนเป็นแบบนี้
   ด้วยความสงสัย ผมเลยค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้เรื่อยๆ จนเห็นว่าคนที่อยู่กลางโต๊ะเป็นใคร
   นพรัตน์นั่งอยู่พร้อมกับพัชระ เขายิ้มบ้างหัวเราะบ้าง ดูเหมือนเจ้าหมอนี่จะเข้ากับคนอื่นดีเป็นพิเศษ ไม่ก็คนอื่นอยากจะเข้าหาอยู่แล้ว ด้วยตำแหน่งของเขาไงล่ะ
   ผมไม่ได้ยินที่พวกเขาคุยกันหรอก แต่ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่พอสมควร จริงอยู่ ผมไม่มีสิทธิ์ห้ามว่าเขาควรจะคุยกับใครไม่คุยกับใคร แต่เขาควรทำตัวให้มีชั้นเชิงกว่านี้หน่อย ทำแบบนี้เดี๋ยวคนนั้นคนนี้ก็วิ่งเข้ามาหาให้วุ่นวายไปหมด แล้วเขาก็ยังเด็กอยู่ จะประสาอะไรกับคารมปากไอ้คนพวกนี้ล่ะ ผมเกือบจะเดินเข้าไปกลางวงและลากเขาออกมาแล้ว ดีที่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นพนักงานทำความสะอาดอยู่
   ก่อนที่จะปรอทแตก ผมจึงตัดสินใจเดินออกมา แต่สงสัยจะเพราะอารมณ์โมโหจนลืมดูข้างๆ ผมเลยชนเข้ากับใครสักคน และเสียหลักล้ม
   !!
   ผมถึงกับจุก จะร้องก็ร้องไม่ออก ตอนก้นกระแทกกับพื้นดังปึก ดีที่ไม่กัดลิ้นตัวเองด้วย วงสนทนาเงียบทันที ขณะที่ผมหน้าดำหน้าแดงยักแย่ยักยันพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น และปฏิเสธมือที่ยื่นมาให้ของคนแถวนั้น ใครคนหนึ่งก็เดินเข้ามาใกล้
   !!!
   ผมตกใจรอบสอง และเกือบจะร้องออกมา เมื่อร่างถูกช้อนสูงขึ้นจากพื้น ผมคว้าแขนเสื้อเขาอย่างตกใจ และพบว่าไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเจ้านพรัตน์นั่นเอง
   ผมเกิดอาการขนหัวลุก ก็ดีอยู่หรอกที่เจ้าหมอนี่เป็นคนดีมีน้ำใจ แต่ได้โปรดอย่าจำผมได้ในสภาพแบบนี้ ครั้งก่อนผมยังไม่ลืมว่าเขาโผล่เข้ามาเห็นผมในสภาพไหน ไม่รู้ว่าจะเอาไปเล่าต่อให้ใครฟังรึเปล่า
   ผมเห็นคนอื่นเดินตามมาอีกเป็นโขยง สงสัยจะนึกว่าผมเจ็บหนัก จริงๆ ล้มแค่นี้พยุงเอาก็ได้ ไม่เห็นต้องอุ้มมาเลย ผมนึกสยองใจ ถ้าไอ้เจ้าพวกที่เดินตามมาทั้งหมดนี่รู้ว่าผมเป็นใครล่ะก็ งานที่ผมทำมาทั้งหมด มีหวังต้องเริ่มใหม่แน่ๆ แถมหน้าก็ไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหน
   ผมอยากบอกให้นพรัตน์ปล่อยผมลง แต่กลัวว่าถ้าพูดไปแล้วเขาจะจำเสียงของผมได้ มันจะยิ่งซวยกันไปใหญ่ ผมเลยได้แต่นอนนิ่งๆ พยายามคิดหาวิธีช่วยเหลือตัวเองระหว่างนั้น
   “เดี๋ยวผมพาเขาไปนั่งที่โซฟา คงไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ”
   นพรัตน์พูดหลังจากเห็นคนพวกนั้นตามมาไม่เลิก ได้ยินเสียงหลายคนถามอย่างเป็นห่วง นี่ถ้ารู้ว่าผมเป็นใคร เจ้าพวกนี้จะยังห่วงแบบนี้ไหมนะ ผมหน้านิ่วคิ้วขมวด กัดฟันกรอดๆ อยู่ใต้ผ้าปิดปาก ภาวนาให้เจ้านพรัตน์วางผมลงสักที
   เป็นกรรมของเวรที่ชั้นสองไม่มีโซฟา เพราะเป็นโรงอาหารทั้งหมด ได้ยินเสียงใครบางคนถามว่าให้ช่วยไหม ผมภาวนาให้เจ้าหมอนี่ปล่อยให้ผมเดินเองดีกว่าส่งผมให้คนอื่น นพรัตน์ตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ ก่อนจะเดินมาหยุดที่หน้าลิฟต์
   “กดลิฟต์ให้หน่อยครับ” เขาพูด ใครแถวนั้นขยับมากดให้ ขณะที่ผมยังจับเขาแน่น เพราะกลัวตกและกำลังวิตกจริตเรื่องที่จะโดนจับได้
   “ผมจะขึ้นไปห้องคุณไพฑูรย์นะครับ ขอบคุณครับ”
   ดูท่าชื่อผมจะมีอานุภาพไล่คนจริงๆ พอได้ยินว่าห้องคุณไพฑูรย์เท่านั้นแหละ เจ้าพวกไทยมุงทั้งหลายก็รีบถอยทัพ คนหนึ่งเข้ามากดลิฟต์ให้แล้วถอยออกไปทันที ผมเกือบจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แม้จะนึกสงสัยว่าทำไมเจ้าหมอนี่ถึงต้องไปไกลถึงห้องผมด้วยนะ ชั้นอื่นก็มีโซฟาเหมือนกัน แต่เพราะชื่อผมทำให้ไทยมุงพวกนั้นหายไป ผมเลยขี้เกียจจะคิดอะไรมาก
   ก็เขาอุ้มผม ไม่ใช่ผมอุ้มเขาสักหน่อย ผมจะไปเดือดร้อนแทนทำไมล่ะ
   กะอีแค่ที่เป็นอยู่ก็ร้อนอาสน์ผมพอแล้ว
   นพรัตน์ยืนเงียบๆ ไม่พูดอะไรระหว่างอยู่ในลิฟต์ ผมโล่งใจได้พักหนึ่ง ก็นึกวิตกขึ้นมาอีก เขาจะพาผมไปที่ห้อง จริงอยู่ว่าหน้าห้องมีโซฟาตัวใหญ่ แต่ปัญหาคือ ถ้าเขาวางผมตรงนั้น แล้วผมควรจะหาข้ออ้างยังไงเพื่อปลีกตัวออกมาดี ก้นผมยังระบมอยู่ แต่กระดูกคงไม่ถึงกับหักหรอก ผมภาวนาให้เขาหมดแรง ยอมวางผมลงในลิฟต์ ผมจะได้หาทางหนีไปสักที แต่สุดท้ายเขาก็พาผมมาจนถึงโซฟาหน้าห้องจนได้ เรี่ยวแรงคนหนุ่มกับความมุ่งมั่นนี่ไม่ธรรมดาเลย
   แต่ทำไมต้องเป็นผมที่เจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ!
   ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย อาจารีย์ดูจะออกไปทานข้าวด้านนอก ตอนนี้เลยมีแค่ผมกับเขา เอาล่ะ ถ้าจะหนี ก็มีแต่ตอนนี้เท่านั้นแหละ
   “รู้สึกยังไงบ้างครับ?” เขาถาม หลังจากวางผมลงบนโซฟาแล้ว ผมสั่นศีรษะ
   “เจ็บตรงไหนรึเปล่า? อืม.. ผมว่าคุณถอดผ้าปิดปากออกก่อนดีกว่า”
   ผมสั่นศีรษะอย่างเอาเป็นเอาตาย พยายามจะลุกขึ้นตอนนั้น แล้วก็ต้องนิ่วหน้าอีก เขาเลยกดผมให้นอนลงแต่โดยดี
   “ไม่เอาน่า คุณไพฑูรย์ เรื่องแค่นี้เอง ผมไม่ล้อคุณหรอก”
   ผมถลึงตา แทบจะลุกขึ้นมาด่าเขาตอนนั้น แต่ก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ อยู่ใต้ผ้าปิดปาก เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นด่าว่าอะไรดี แล้วไม่รู้ว่าเขาผิดข้อหาไหนด้วย
   พอเห็นผมไม่พูดไม่ขยับ ได้แต่ทำตาลุก เจ้าตัวเลยถือวิสาสะถอดผ้าปิดปากออกเสียเอง ผมเหงื่อออกท่วม ขบปากเอาไว้ไม่ให้ด่าเขาออกไป
   “เจ็บมากหรือครับ เดี๋ยวผมตามหมอให้นะ”
   “ไม่ต้อง” ผมพูดออกมา และนึกว่านี่ผมต้องมาเจรจาความกับเขาในสภาพดูไม่ได้แบบนี้อีกแล้วหรือ นพรัตน์ก้มมองผมอย่างไม่ไว้ใจ “ไม่เป็นไรแน่นะครับ ผมเห็นคุณล้มแรงเลยนะ”
   “อืม” ผมส่งเสียงในคอ พยายามรักษามาดเอาไว้ให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
   “ผมว่าไปโรงพยาบาลหน่อยดีกว่า เผื่อว่ากระดูกจะร้าว”
   “ไม่เป็นไร คงไม่ขนาดนั้นหรอก” ผมตอบ พยายามควบคุมอารมณ์เต็มที่ โดยความรู้สึกผมเอง ผมว่ามันไม่น่าจะถึงขั้นนั้น แต่ดูเขาจะไม่วางใจจริงๆ เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
   “บอกว่าไม่ต้องไง!” ผมเริ่มพูดอย่างมีโมโห เกิดให้บุรุษพยาบาลเข้ามาเห็นผมแต่งตัวแบบนี้ จะให้ผมอธิบายว่ายังไงล่ะ? แล้วถ้าคนในบริษัทรู้เรื่อง ไม่พังกันไปหมดรึ? ผมล่ะอยากบีบคอไอ้เด็กบ้านี่จริงๆ
   “ผมไม่ได้เรียกรถพยาบาลครับ” นพรัตน์พูด ทันทีที่ผมพยายามแย่งโทรศัพท์จากเขา เขากดผมนอนลงบนโซฟา และพูดสายต่อ “ครับ เขายังอาละวาดได้อยู่เลย พี่ว่าเขาไม่น่าจะกระดูกร้าวแน่นะ...อ้อ ครับ ..ครับ เดี๋ยวผมจะลองทำดูนะครับ”
   เขาวางโทรศัพท์ และหันมาพูดกับผม “คุณไพฑูรย์ครับ ขอโทษนะครับ” เขาว่า และจับขาผมยกขึ้น
   “ทำอะไรของคุณน่ะ!!” ผมอดไม่ได้ต้องร้องออกมาด้วยความตกใจ นายนพรัตน์กำลังจับก้นผม น่าเกลียดสุดๆ เจ้าหมอนี่คิดจะทำอะไรกันแน่
   “เจ็บตรงสะโพกรึเปล่าครับ แบบว่าเจ็บเสียวๆ เจ็บร้าวๆ อะไรแบบนี้”
   ผมทนไม่ไหวจริงๆ เลยถีบหมอนั่นไปเต็มแรง
   “คุณไพฑูรย์!” เขาร้อง และเซไปหน่อยหนึ่ง รอยรองเท้าปืนใหญ่ปรากฏขึ้นบนเสื้อ ขณะที่ผมหน้าเหยเกเพราะความเจ็บ
   “ผมว่าคุณกระดูกร้าวแน่ๆ อย่าเพิ่งโมโหถีบผมนะครับ ผมแค่จะเช็กดูว่ามันร้าวจริงๆ รึเปล่าแค่นั้นเอง แต่คุณเจ็บมากเลยใช่ไหมครับ”
   ผมถลึงตามองเขา ไอ้เจ็บก็เจ็บหรอก แต่อายน่ะโคตรๆ เลย
   “อย่ามายุ่ง.. โอ๊ย!” ผมพยายามถีบเขา แล้วก็ต้องหน้าหงิกเพราะความเจ็บอีกรอบ นพรัตน์ยอมถอยออกไป เขามองผมอย่างเป็นห่วง แต่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีเลยสักนิด เพราะตอนนี้ผมกำลังโมโหสุดๆ
   ผมถลึงตาจ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ หมอนั่นก็คงพอจะรู้เหมือนกันว่าผมโกรธ เลยก้มหน้างุด เราทั้งคู่ยืนจ้องยืนก้มกันอยู่แบบนั้นพักหนึ่ง ระหว่างที่ผมเริ่มตาลายเพราะจ้องนานบวกโมโหมากไป เขาก็เงยหน้าขึ้น
   “ผมไปหาเสื้อมาให้เปลี่ยนนะครับ เผื่อใครมาเห็น”
   ผมกะพริบตา ดีกรีโมโหลดมาหน่อยหนึ่ง ถูกของหมอนี่ ใครมาเห็นสภาพผมตอนนี้ท่าทางจะดูไม่จืดแน่ๆ ผมนิ่งไปพักหนึ่ง และถอดเสื้อของคนทำความสะอาดที่ใส่ทับอยู่ออก เสื้อน่ะไม่เท่าไหร่หรอก ตอนถอดกางเกงนี่สิ โคตรยอกตรงก้นเลย ผมชักเริ่มใจเสียว่ากระดูกจะร้าวจริงๆ รึเปล่า
   “เอาไปเก็บในห้อง แล้วห้ามบอกใครนะ” ผมสำทับ ขณะที่ยื่นเสื้อผ้าให้เขา นพรัตน์พยักหน้าหงึกหงัก และเดินงุดๆ เอาเสื้อไปเก็บ ก่อนจะเดินย้อนออกมา
   “จะไปโรงพยาบาลรึเปล่าครับ?”
---------------------------------------------------------
   “ตกลงเป็นอะไรมากรึเปล่า?” น้ำเสียงห่วงใยของพงษ์โพยมที่ดังลอดหูโทรศัพท์ซึ่งนพรัตน์เพิ่งเอามาให้ผมทำเอาแทบน้ำตาไหล ผมกรอกเสียงลงไป “ไม่เป็นอะไรเท่าไหร่ครับพี่ แค่ช้ำเฉยๆ”
   “อ้อ แล้วหมอว่าไง เห็นคุณนพบอกว่าต้องพักสักสองสามวันนี่”
   ผมเหลือบตาขึ้นมองเจ้าของชื่อซึ่งยืนหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ข้างๆ ก่อนจะกรอกเสียงตอบไป “ผมหยุดนานขนาดนั้นไม่ได้หรอก เดี๋ยวคนก็สงสัยกันพอดี”
   ครับ สุดท้ายผมก็ตกลงยอมมาโรงพยาบาล เพราะกลัวกระดูกจะร้าวจริงๆ ก็ดูสิ่งที่นายนพรัตน์ทำกับผมสิครับ ใครเขาตรวจว่ากระดูกร้าวไม่ร้าวแบบนั้นเล่า โชคดีจริงๆ ที่มันไม่เป็นอะไร ไม่งั้นผมคงแย่แน่ๆ
   “อืม พี่แจ้งว่าส่งเธอไปดูงานต่างประเทศก็ได้ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถือโอกาสให้เธอพักเลยดีกว่า ช่วงที่เธอไม่อยู่ก็ให้นพดูแลงานไปก่อน พักสักอาทิตย์หนึ่งก็ได้ พี่คุยกับนพรัตน์แล้ว”
   ผมเหลือบมองนายนพรัตน์อีกรอบ และปลงตกว่าพงษ์โพยมคงอยากให้ผมพักจริงๆ จึงตอบตกลงไป “เอางั้นก็ได้ครับ”
   “อือ งั้นก็ให้นพเขาไปส่งเธอเลยแล้วกัน ส่วนเรื่องพนักงานทำความสะอาด เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
   “ครับ ขอโทษด้วยนะครับ”
   “ไม่เอาน่า เธอทำหน้าที่ดีที่สุดแล้วนี่ พักผ่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงอะไร”
   “อืม” ผมพยักหน้า และวางโทรศัพท์
   “ว่าไงครับ” นพรัตน์เอ่ย เมื่อเห็นผมเอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ยอมพูดอะไร ผมเหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง รู้สึกเคืองเขาเล็กๆ แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่าที่เขาทำไปทั้งหมดเพราะหวังดี แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่ทำให้ผมไม่สบอารมณ์เท่านั้นเอง
   “ตามที่คุณคุยกับคุณพงษ์โพยมนั่นแหละ”
   นพรัตน์ยิ้มกว้าง ผมเริ่มรู้สึกว่าเขาน่าจะไปทำงานประชาสัมพันธ์หรือเป็นดาราไปเสียเลย แทนที่จะมาทำอาชีพแบบนี้
-----------------------------------------
   หลังจากยักแย่ยักยันพาตัวเองออกจากโรงพยาบาลมาขึ้นรถของนายนพรัตน์ได้โดยไม่ต้องให้เขาอุ้มขึ้น ผมก็มีอันพบว่าสังขารคนเราเสื่อมเร็วจริงๆ เพราะพอถึงบ้าน สะโพกผมก็ประท้วงอย่างหนัก จนต้องขอยืมแรงเขาอีกรอบหนึ่ง นี่แหละหนาข้อดีของคนหนุ่ม จะทำอะไรก็เรี่ยวแรงเหลือเฟือ นพรัตน์อุ้มผมเข้าบ้านโดยไม่หอบเลยด้วยซ้ำ ขณะที่ผมเกร็งแทบตายเพราะกลัวจะร่วง โธ่ เกิดมาชีวิตนี้นอกจากตอนแบะเบาะแล้ว เพิ่งมาถูกอุ้มอีกทีตอนอายุสี่สิบกว่านี่แหละ
   เขาวางผมลงบนโซฟา และกุลีกุจอแกะห่อกระเป๋าน้ำร้อนที่แวะซื้อตรงตลาดก่อนเข้าหมู่บ้าน พร้อมกับควานหาหม้อต้มน้ำตามคำแนะนำของหมอ เพราะก้นช้ำ จะนวดยาก็ใช่ที่ ให้กินยาคลายกล้ามเนื้อ กระเพาะของผมก็ไม่แข็งแรงพอจะทนกับยาแรงแบบนั้นได้แล้ว ท้ายที่สุดก็ต้องใช้วิธีพื้นบ้านสุดๆ คือเอาของร้อนประคบ
   ผมนอนแบ๊ปอยู่บนโซฟา ก้นระบมไปหมด โชคดีจริงๆ ที่กระดูกไม่ร้าว ไม่งั้นคงจะแย่กว่านี้ ผมนึกอยากได้หมอนมารองหลังรองขา ขณะที่ควานมือเปะปะ นพรัตน์ก็กลับออกมาจากครัว ก่อนจะหยิบหมอนมาให้ผม
   “เฮ้อ... ค่อยยังชั่ว” ผมครางออกมาหลังจากทางนั้นเอาหมอนมารองหลังรองขาให้เรียบร้อยแล้ว และปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตกับเข็มขัดออก นพรัตน์เอากระเป๋าน้ำร้อนห่อผ้าเรียบร้อยมารองสะโพกของผมหลังจากนั้น ผมหันไปมองเขา
   “ขอบใจนะ” ผมรู้สึกขอบคุณเขาจากใจจริงเลยในตอนนี้ ถ้าเขาไม่มาด้วยผมคงลำบากลำบนกว่านี้แน่ๆ นพรัตน์ไม่พูดอะไรเพียงแต่ยิ้มบางๆ ก่อนจะคุกเข่าลงนั่งข้างๆ โซฟา
   “อยากได้อะไรบอกผมนะครับ”
   ผมพยักหน้า “อืม เร่งพัดลมให้หน่อยสิ”
   เขาเดินไปกดสวิตช์พัดลมที่อยู่ใกล้ๆ แล้วกลับมานั่งต่อ “จะเปลี่ยนเสื้อไหมครับ?”
   ผมสั่นศีรษะ พอดีสายตาเหลือบไปเห็นปลายเท้าที่วางพาดอยู่บนพนักรองแขน
   “รบกวนถอดถุงเท้าให้หน่อยสิ” ผมพูดอย่างเกรงใจ แต่ใส่ถุงเท้าอยู่บ้านแบบนี้มันไม่ค่อยสบายจริงๆ นั่นแหละ เขาเดินไปถอดถุงเท้าให้ผมอย่างว่าง่าย ผมรู้สึกจั๊กจี๋นิดหน่อยตอนเขาจับเท้าผมไว้
   “บ้าจี้เหรอครับ?” เขาถาม ผมพยักหน้า และรีบขู่ “ห้ามแกล้งกันนะ”
   นพรัตน์หัวเราะ และดึงถุงเท้าจนหลุดออกทั้งสองข้าง ผมบอกให้เขาเอาไปใส่ไว้ในตะกร้าด้านหลัง ก่อนจะบอกขอบใจอีกครั้ง
   “โทษทีนะที่ต้องให้มาทำแบบนี้”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ” เขาพูด และนั่งลงข้างๆ โซฟาที่ผมนอนอยู่อีกครั้ง ผมขยับตัว พยายามจะหันมามองหน้าเขา และพบว่ามันใกล้จนดูเบลอไปหมด เลยเปลี่ยนใจหันกลับไปมองฝ้าเพดานแทน
   “กลับได้แล้วล่ะ” ผมพูด เมื่อเห็นเขายังนั่งนิ่ง ได้ยินเสียงเขาพูดตอบ
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณพงษ์โพยมบอกให้ผมไปส่งคุณที่สนามบิน ขืนกลับเร็วเดี๋ยวก็ไม่สมเหตุสมผลสิ”
   ผมพยักหน้า “งั้นไปเดินห้างดูหนังพลางๆ ก่อนก็ได้”
   ถึงผมจะอายุเยอะกว่าเขามาก แต่ผมก็รู้จักเกรงใจเหมือนกัน ให้คนไม่ใช่ญาติไม่ใช่เพื่อนสนิท เป็นแค่พนักงานที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่มาเฝ้าแบบนี้ ไม่รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย ผมไม่อยากให้เขาพยายามดูแลผมเพราะคิดว่ามันเป็นหน้าที่ เท่าที่เขาทำมาทั้งหมดก็เกินพอแล้ว
   “นี่ ไม่ต้องอยู่เฝ้าผมหรอก ผมไม่เป็นไร คุณทำหน้าที่ดีแล้วล่ะ”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมอยากอยู่เฝ้า” นพรัตน์ว่า เหมือนเขาจะซบหน้าลงมาบนโซฟาใกล้ๆ กับไหล่ผม ผมอดรู้สึกสงสัยไม่ได้ “ทะเลาะกับพี่ชายรึเปล่า?”
   เขาดูเหงาๆ บางทีอาจจะมีปัญหากับพี่ชายก็ได้ นพรัตน์ปฏิเสธ “เปล่าครับ ผมดูเหมือนคนหนีออกจากบ้านเหรอ?”
   ผมหัวเราะ “ไม่รู้สิ ดูคุณเหมือนเหงาๆ “
   “แล้วคุณล่ะ อยู่คนเดียว ไม่เหงาหรือไง?”
   “ผมชินแล้วล่ะ” ผมตอบ และรู้สึกว่าเสียงลมพัดโมบายเซรามิกที่ห้อยเอาไว้ตามชายคาบ้านดังกิ๊งๆ ดูผ่อนคลายดีจริงๆ แถมคนที่ซบอยู่ข้างๆ ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด นานแล้วที่ไม่มีใครมาอยู่ข้างๆ ผมแบบนี้ แม้จะแค่อยู่เฝ้าก็เถอะ
----------------------------------------
   “พี่ไพฑูรย์ ดีขึ้นรึเปล่า ผมซื้อโจ๊กมาฝาก” ใครคนหนึ่งพูดกับผม หลังจากเปิดประตูเข้ามาในห้อง ผมพยายามปรือเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมองเขา รอยยิ้มสดใสปรากฏอยู่ตรงหน้า แทบจะไล่อาการไข้ของผมออกไปทันที เขานั่งลงข้างเตียง ผมดำยาวปรกใบหูเป็นเงาสลวย
   “เดี๋ยวผมป้อน”
   ผมมองมือเขาที่ตักโจ๊กมาให้ ไม่รู้ว่าทานหมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเอาถ้วยไปล้าง แล้วกลับมานั่งข้างเตียง ยกมือผมขึ้นมากุมไว้
   “หายเร็วๆ นะ”
-----------------------------------------
   ผมลืมตาขึ้นมา และได้กลิ่นอะไรบางอย่าง ไม่ใช่กลิ่นโจ๊ก แต่เป็นกลิ่นไอดิน หูของผมได้ยินเสียงน้ำไหล
   ฝนตก?
   ผมขยับตัวทำท่าจะลุกขึ้น อาการปวดร้าวที่สะโพกทำให้ผมได้สติ ผมกะพริบตาและมองไปรอบๆ ถึงได้รู้ว่าอยู่ในห้องนอนของตัวเอง ผ้าม่านโดนลมพัดอยู่ไหวๆ ผมค่อยๆ ไถลลงจากเตียง เกาะฝาผนังเพื่อจะไปปิดหน้าต่าง ละอองฝนสาดมาโดนตัวนิดหน่อย นพรัตน์กลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ เขาคงอุ้มผมขึ้นมา แล้วจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้
   ผมนึกอายตัวเองที่หลับสนิทขนาดนั้น ท่าทางผมจะล้าเกินไปแล้ว
   ผมค่อยๆ สอดตัวกลับลงไปในผ้าห่ม และพบว่ามีหมอนวางอยู่ นพรัตน์คงเอามารองหลังกับขาผมเหมือนตอนที่นอนอยู่บนโซฟาแน่ๆ คลำไปอีกหน่อยก็เจอกระเป๋าน้ำร้อน ผมอดยิ้มไม่ได้ เด็กคนนั้นดูจะทำอะไรรอบคอบดี ผมขยับตัวเอาหมอนมารองหลังและขา พร้อมกับกระเป๋าน้ำร้อนที่ยังอุ่นอยู่นิดหน่อย
   ผมหลับตา นอนฟังเสียงฝนตก ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกหนาวขึ้นมา คงเพราะละอองฝนเมื่อครู่ล่ะมั้ง ผมขยับตัว พยายามหาไออุ่นจากสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุด ซึ่งก็คือกระเป๋าน้ำร้อนที่นพรัตน์วางไว้ให้
------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่1 29/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 31-05-2011 07:47:10
   ผมตื่นมาด้วยอาการปวดหัวตึ๊บ แถมหายใจลำบาก นึกในใจว่าคงถึงคราวซวยแล้วจริงๆ เมื่อวานเพิ่งล้มก้นจ้ำเบ้า วันนี้ก็เป็นหวัดอีก ความกระปลกกระเปลี้ยที่เกิดจากอาการไข้ทำเอาผมแทบไม่อยากลุกไปไหน แต่ทุกข์หนักทุกข์เบาไม่เข้าใครออกใคร เข้าแล้วจะห้ามให้ออกได้เสียเมื่อไหร่ ท้ายที่สุดผมก็ต้องลากสังขารลงจากที่นอนทั้งๆ ที่ก้นยังระบมแถมยังปวดหัวซะไม่มีดีไปเข้าห้องน้ำ
   ขณะที่นั่งสะลึมสะลืออยู่บนชักโครก เสียงออดก็ดังขึ้น ผมขมวดคิ้ว นึกไม่ออกว่าใครจะมาหาผมวันนี้ ก็ทุกคนเข้าใจว่าผมไปต่างประเทศกันหมดไม่ใช่เหรอ? อาจจะเป็นเพื่อนบ้านสักคนมาเรียกก็ได้ ผมโซซัดโซเซ พาร่างออกจากห้องน้ำ ไต่บันไดยักแย่ยักยันลงไปเปิดประตูหน้าบ้าน แล้วก็ต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
   “ผมเอากุญแจมาคืน เมื่อวานเห็นคุณหลับไม่ได้สติ ผมเลย...”
   “อืม” ผมพยักหน้า รู้สึกมึนๆ หัวจากอาการไข้ จำได้ว่าเมื่อวานหลับลืมโลกไปจริงๆ ขณะที่คิดว่าควรจะพูดอะไรตอบดี จมูกผมก็คันยิกๆ แล้วก็จามออกมาฟาดใหญ่
   “ขอโทษ” ผมพูดเสียงอู้อี้ เอามือกุมจมูกเอาไว้ และพบว่าน้ำมูกยืดออกมาเป็นสาย ได้ยินเสียงนพรัตน์ตอบเบาๆ
   “ไม่เป็นไรครับ เป็นหวัดเหรอ?”
   ผมเงยหน้าขึ้นมอง พลางพยักหน้า ก่อนจะนึกได้ว่าเขาถูกผมจามใส่ เลยยักแย่ยักยันลากมือเข้ามาในบ้าน
   “รีบๆ ไปล้างหน้าแล้วกินยาซะ เดี๋ยวจะติด”
   นพรัตน์พยักหน้าหงึกๆ และตรงไปยังห้องน้ำ ผมนั่งแปะลงบนโซฟา บอกไม่ได้ว่าระหว่างอาการเจ็บก้น กับอาการหวัด อะไรแย่กว่ากัน จริงๆ คือเหมือนมันจะช่วยกันแย่ไปหมด
   นพรัตน์กลับออกมาพร้อมกับยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำ เขาเดินมาทางผมพร้อมกับถามอย่างเป็นห่วง
   “ไปหาหมอมั้ยครับ?”
   ผมสั่นศีรษะ และชี้มือไปที่ตู้ยาข้างเคาน์เตอร์ครัว “กินยาแล้วพัก เดี๋ยวคงหาย”
   “อือ” เขาส่งเสียง “เมื่อคืนฝนตก ผมก็ลืมปิดหน้าต่างให้คุณ”
   “ไม่เป็นไรหรอก” ผมพูดอู้อี้ ใครมันจะไปนึกว่าฝนจะตกกลางดึกล่ะ “ไปทำงานเถอะ” ผมว่า เพราะเห็นเขาแต่งตัวเรียบร้อยเตรียมจะออกไปทำงานอยู่แล้ว แต่คงแวะมาหาผมเพื่อคืนกุญแจก่อน นพรัตน์เก็บผ้าเช็ดหน้า แล้วหันมาเอามือแตะหน้าผากผม
   “มีไข้ด้วยนะ คุณนอนพักก่อนดีกว่า เดี๋ยวผมออกไปหาซื้อโจ๊กมาให้ ยังไม่ได้ทานอะไรใช่ไหมครับ?”
   ผมสั่นศีรษะ แต่ก็ยังพูดต่อด้วยความเกรงใจ “ไม่ต้องหรอก ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวสายๆ ไข้ลด ผมค่อยออกไปเอง”
   นพรัตน์มองผมด้วยสีหน้าแย้งเต็มที่ ก่อนจะจับผมนอนลงบนโซฟา และใช้หลังมือแตะหน้าผากผมอีกรอบ
   “ไข้อยู่จริงๆ ด้วย เดี๋ยวนะครับ” เขาพูด และลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำ จากนั้นก็กลับออกมาพร้อมด้วยขันน้ำ ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองชุบน้ำแล้วเช็ดตัวผม
   ผมรู้สึกแปลกๆ นานแล้วที่ไม่มีใครเช็ดตัวให้ผม มันเป็นประสบการณ์สมัยยังเป็นเด็กเล็กๆ โน่น มาโดนเช็ดตัวอีกทีตอนอายุสี่สิบกว่า แถมคนเช็ดยังเป็นเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานผมอีก
   “มีผ้าขนหนูอยู่ในตู้ชั้นบนน่ะ” ผมพูด เพราะนึกกระดากที่ต้องให้เขาเอาผ้าเช็ดหน้าตัวเองเช็ดตัวให้ นพรัตน์พยักหน้า ลุกหายไปพักหนึ่ง ก็กลับมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กๆ เขาเช็ดตัวผมอย่างเบามือ พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
   “นอนพักนะครับ เดี๋ยวผมจะออกไปซื้อโจ๊กมาอุ่นไว้ให้ ทำใจให้สบายๆ นะ”
   ผมพยักหน้า และหลับตาลง ผมได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำยาปรับผ้านุ่ม คงจะมาจากเสื้อของนพรัตน์ เพราะร้านที่ผมส่งซักไม่ได้ใช้กลิ่นนี้ ผมเพิ่งรู้อีกเหมือนกันว่าเขาไม่ได้ใส่น้ำหอม อืม.. นี่ล่ะมั้งที่ทำให้เขานั่งทำงานห้องเดียวกับผมได้ ผมแพ้น้ำหอมบางกลิ่น และจะจามอย่างหนักหากมีใครใส่แล้วเดินเฉียดเข้ามาใกล้ ขนาดอาจารีย์ยังต้องเปลี่ยนน้ำหอม ตอนที่เข้ามาทำงานกับผมแรกๆ
   ผ้าชุบน้ำเย็นๆ ที่เช็ดลงบนตัว ทำให้อาการไข้ของผมดีขึ้น ผมปล่อยให้เขาเช็ดจนถึงฝ่าเท้า จากนั้นก็ได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ “เดี๋ยวผมกลับมานะครับ นอนพักเยอะๆ นะ”
--------------------------------------------
   ผมตื่นมาอีกครั้ง พร้อมกับอาการไข้ที่ลดลงจนพอจะหายใจคล่องขึ้น พอมองออกไปด้านนอกก็พบว่าแดดร้อนเปรี้ยง ไม่ต้องดูนาฬิกาก็พอเดาได้ว่ากี่โมง ผมพยุงตัวเองลงจากโซฟา เดินไปเข้าห้องน้ำ กระเพราะเริ่มถามหาของกินที่ยังไม่ตกลงไปเลยตั้งแต่เมื่อวาน ผมจึงตรงไปที่โต๊ะกินข้าวต่อ เมื่อเปิดฝาชีออกก็พบโจ๊กถ้วยหนึ่งวางอยู่ คงจะเป็นนพรัตน์ที่ซื้อมาตั้งเอาไว้ให้
   บรรยากาศในบ้านยังคงเงียบสงบเช่นเคย ผมนั่งทานโจ๊กที่ยังอุ่นๆ อยู่ พลางฟังเสียงนกเสียงหมาเห่าที่ดังแว่วมาเป็นระยะด้วยความรู้สึกผ่อนคลายระดับหนึ่ง ผมนึกถึงเจ้าของโจ๊กถ้วยนี้ นึกถึงมือเบาๆ ของเขาที่พยายามเช็ดตัวให้ผม และนึกดีใจว่ายังมีเด็กดีๆ แบบนี้เหลืออยู่ สงสัยบางทีผมอาจจะทำให้เขานึกถึงญาติผู้ใหญ่ที่บ้านล่ะมั้ง
   ถึงตรงนี้ผมอดหัวเราะไม่ได้ จริงๆ ผมเองก็อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว การที่เขาจะมองเหมือนญาติผู้ใหญ่ก็คงไม่แปลก พอนึกถึงพฤติกรรมของเขาที่ผ่านมาแล้วผมก็นึกเอ็นดูขึ้นมา เขาคงเห็นผมเหมือนน้าเหมือนอาคนหนึ่ง ผมควรจะลดระดับความเขี้ยวใส่เขาลงสักหน่อย
   แต่แบบนั้นก็คงไม่ดี ผมจะเอาเรื่องความเอ็นดูส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานไม่ได้
   ผมนั่งนึกเรื่องเขาในภาวะของคนเป็นไข้ และตกลงใจเอาเองว่าผมจะญาติดีกับเขาเพิ่มขึ้นนอกเวลางาน อย่างน้อยก็คงพอจะตอบแทนความมีน้ำใจของเขาได้บ้าง
   ขณะที่นั่งนึกๆ อยู่ เสียงเรียกของใครคนหนึ่งก็ทำให้ผมสะดุ้ง พอชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นนพรัตน์ยืนอยู่หน้าประตูรั้ว ผมรีบลุกไปเปิดประตูให้เขาอย่างคนที่ยังเจ็บยอกอยู่นั่นแหละ
   “ดีขึ้นหรือยังครับ?” นั่นคือประโยคแรกที่เขาถามเมื่อเห็นหน้าผม ก่อนจะกุลีกุจอเข้ามาประคองผมที่ยังเดินไม่ค่อยสะดวกดีกลับเข้าบ้าน ผมพยักหน้าหงึกๆ
   “ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ”
   “ดีจัง” เขาพูดพลางยิ้มกว้าง ผมไม่เคยนึกชอบรอยยิ้มของใครมานานแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่มักยิ้มเพราะหวังผลประโยชน์ทั้งนั้น แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มของนพรัตน์ดูสะอาดจริงใจดี คงเพราะเขายังเด็กอยู่ล่ะมั้ง เลยยังไม่ค่อยประสีประสาว่าต้องแสดงละครแบบไหนยังไงต่อหน้าใครเท่าไหร่
   ผมยกมือขึ้นลูบศีรษะเขาอย่างเอ็นดู เหมือนนพรัตน์จะหน้าแดงนิดหน่อย เขาเหลือบมองผม ก่อนจะมองผ่านไปยังโต๊ะอาหาร
   “ทานโจ๊กอยู่หรือครับ?” เขาว่า และรีบประคองผมไปนั่งหน้าถ้วยโจ๊ก ก่อนจะวางถุงก๊อบแก๊ปที่ถือมาลงบนโต๊ะ
   “ไปทำงานหรือยังน่ะ?” ผมถามอย่างสงสัย และเริ่มรู้สึกไม่ดีหากเขาขาดงานเพราะต้องมาดูแลผม นพรัตน์พยักหน้า
   “ครับ ผมแวะมาดูคุณตอนพักเที่ยง เห็นคุณลุกขึ้นได้แล้วผมก็สบายใจล่ะ เอ่อ... ผมนั่งทานด้วยได้รึเปล่า?”
   ผมพยักหน้า ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องเสียหายอะไร ก็เขาซื้ออาหารมาแล้วนี่นะ นพรัตน์ยิ้มกว้างอีก และออกปากยืมจานยืมช้อนผม ก่อนจะหายไปหลังบ้าน
   ผมมองมือเขาที่กำลังตักข้าวผัดปูเข้าปาก พลางนึกถึงความทรงจำเลือนรางเมื่อสมัยยังหนุ่มๆ ใครสักคนที่ผมเคยนั่งกินข้าวด้วยเมื่อนานมาแล้ว
   คนคนนั้นก็เคยเป็นเด็กหนุ่มที่ร่าเริงสดใส และยิ้มเก่งแบบนี้เหมือนกัน
   ผมเงยหน้าขึ้นมองนพรัตน์ และนึกเข้าใจขึ้นมาว่าทำไมพักนี้ผมถึงได้ฝันเกี่ยวกับเรื่องราวเก่าๆ บ่อยนัก คงเพราะการเข้ามาของเขาทำให้ผมนึกถึงคนคนนั้น
   พรายโพยม
   เหมือนความฝันจริงๆ ช่วงเวลาความรักสดใสของเขากับผม ไม่รู้ว่าเราเริ่มคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เท่าที่ผมจำได้ วันหนึ่งเขาก็ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับผมแล้ว เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ดีกันบ้างทะเลาะกันบ้าง ตามประสาวัยรุ่นทั่วไป ผมมีเขาอยู่ใกล้เสียจนเคยชิน ไม่เคยนึกเลยว่าจะต้องจากเขาไปวันใดวันหนึ่ง ช่วงนั้นเรามีชีวิตผ่านไปวันๆ อย่างแสนสนุกสนาน
   จู่ๆ ผมก็นึกถึงมือของเขาที่ค่อยๆ ขยับมาจับมือผมไว้ นึกถึงสีหน้ายิ้มแย้มและเสียงหัวเราะเบิกบานนั้น เหมือนผ่านมานานแสนนาน และก็เหมือนเพิ่งผ่านมาไม่กี่วันนี้เอง ผมยกมือของตัวเองขึ้นมอง และมองเห็นริ้วรอยแห่งกาลเวลาบนนั้น
   “มีอะไรหรือครับ?” นพรัตน์ถามอย่างสงสัย เมื่อผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมหันไปมองเขา และสั่นศีรษะ “ไม่มีอะไรหรอก ทานต่อเถอะ”
   นพรัตน์มองผมด้วยสีหน้างุนงง ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกา และหยิบถ้วยจานทั้งของเขาและผมไปล้าง ก่อนที่ผมจะทันได้อ้าปากห้าม ก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าในมือ
   “ผมไปก่อนนะ เดี๋ยวเลิกงานจะแวะมาหานะครับ”
   ผมยิ้มให้เขาอย่างเหนื่อยๆ “ไม่ต้องแวะมาหรอก ผมดูแลตัวเองได้”
   นพรัตน์มองผม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาออกไปทั้งๆ แบบนั้น ผมมองเขาขับรถออกไป แล้วถอนหายใจอีกครั้ง หันมองเก้าอี้ที่เขานั่งเมื่อครู่
   ความเหงามันจะชัดเจนขึ้นมา ตอนที่มีสิ่งให้เปรียบเทียบนี่แหละ
-----------------------------------------
   นพรัตน์แวะมาหาผมอีกทีตอนเย็นจริงๆ ผมถึงกับหน้านิ่วกิ่วเพราะต้องยักแย่ยักยันหอบสังขารที่ถูกรุมทั้งไข้ทั้งอาการยอกออกมาเปิดประตูให้เขา
   “บอกแล้วไงว่าไม่ต้องแวะมา” ผมว่า ขณะที่เขาช่วยประคองกลับเข้ามาในตัวบ้าน
   “ยังเจ็บมากหรือครับ?” เขาถาม เพราะเห็นผมยังเดินกระย่องกระแย่งอยู่ ผมส่งเสียงในคอ “อืม”
   ต่อให้ไม่อยากยอมรับแค่ไหน แต่ร่างกายผมไม่เหมือนเด็กหนุ่มวัยยี่สิบสามยี่สิบสี่แล้ว แค่ล้มก้นจ้ำเบ้าน่ะหนักหนาสาหัสเสียยิ่งกว่าอะไรดี ผมปรายตามองเขา ด้วยอารมณ์หงุดหงิดเพราะความเจ็บ เขาหน้าเจื่อนลงหน่อยหนึ่ง และพูดอ้อมแอ้ม “ขอโทษนะครับ คือผมเป็นห่วง”
   เจอแบบนี้ผมก็ไม่รู้จะหงุดหงิดต่ออย่างไรดี ในที่สุดผมก็ถอนหายใจเฮือก กวักมือเขาเข้ามานั่งใกล้ๆ
   “ผมพูดจริงจังนะ คุณนพรัตน์ ทำดีกับผมไป ก็ไม่ช่วยให้คุณได้เลื่อนตำแหน่งหรือได้เงินเดือนเพิ่มหรอก มันอยู่ที่ประสิทธิภาพการทำงานของคุณที่บริษัท”
   “ครับ ผมรู้” เขาพูด และนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองผม ผมมองเขาอยู่พักหนึ่ง นึกสะท้อนใจกับดวงตาคู่นั้น ดวงตาสีดำสนิท ทอประกายแห่งความมุ่งมั่นของคนหนุ่ม ดวงตาที่ผมไม่เคยเห็นมานานแล้ว ผมถอนหายใจอีก
   “ผมพูดจริงๆ นะ”
   “ครับ” นพรัตน์ตอบ “ผมไม่ได้หวังตำแหน่งหรือเงินเดือนหรอกครับ ผมแค่อยากดูแลคุณ”
   “.....................”
   เราสองคนเงียบกันไปพักใหญ่ เงียบเสียจนได้ยินระฆังลมที่แขวนอยู่ตรงหน้าต่าง ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะถามออกไป
   “ทำไม?”
   นพรัตน์เหลือบตาขึ้นมองผมแวบหนึ่ง ก่อนจะหลุบลงไป หน้าแดงวาบขึ้นมา เขาขบริมฝีปากเหมือนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ตั้งแต่มาทำงานได้เดือนกว่า ผมเพิ่งเห็นเขามีท่าทีกระสับกระส่ายก็ตอนนี้แหละ ลมด้านนอกพัดแรงขึ้น นพรัตน์มีท่าทีละล้าละลังอย่างเห็นได้ชัด จนผมอดคิดไม่ได้ว่าไปสะกิดความรู้สึกอะไรของเขารึเปล่า จึงพูดต่อ
   “ช่างเถอะ”
   นพรัตน์เงยหน้าขึ้นมองผมทันที “คือ.....”
   เขาอ้ำๆ อึ้งๆ ขณะที่ผมมอบตอบ ผมเพิ่งรู้สึกนี่เองว่าสายตาของเขาเหมือนลูกแมวตัวเล็กๆ ที่ดูจะอยากคลอเคลียกับเจ้าของ เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่ผมหลบสายตาคนอื่นก่อน
   “เอาว่าเชื่อผมเถอะนะครับ ที่ผมทำดีกับคุณ ผมไม่ได้หวังเงินเดือนหรือตำแหน่งหรอก”
   ผมพยักหน้า จู่ๆ ก็ขี้เกียจจะไล้จี้เขาต่อ ช่างเถอะเขาจะทำดีกับผมเพราะหวังอะไรก็ช่าง ผมไม่หวั่นไหวไปกับเรื่องพวกนี้หรอก มีชีวิตมาสี่สิบกว่าปี ผมผ่านอะไรมามากพอจะแยกแยะได้แล้วว่า อะไรควรหรือไม่ควรตอนไหน
   นพรัตน์มองผมพักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “ทานอะไรหรือยังครับ?”
   ผมสั่นศีรษะ ได้ยินเสียงเขาพูดอีก “ผมซื้อโจ๊กมาฝาก แต่ถ้าเบื่อแล้ว ผมซื้อกับข้าวมาด้วยล่ะ” พูดจบก็กุลีกุจอหยิบสารพัดถุงที่ถือเข้ามาไปวางที่โต๊ะอาหาร ก่อนจะผลุบหายเข้าไปในครัว ผมมองเขาวุ่นอยู่กับการเทกับข้าวพวกนั้นลงถ้วยแล้วรู้สึกแปลกๆ
   นานแล้วที่ไม่มีใครเข้ามาทำอะไรในบ้านนี้
   ปกติผมอยู่บ้านคนเดียวตลอด เพื่อนฝูงก็ออกไปสังสรรค์กันข้างนอก ญาติพี่น้องส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจะแวะมา เพราะรู้ว่าผมไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ ภาพการทำนั่นทำนี่ของนพรัตน์จึงดูแปลกตาผมอยู่พอสมควร
   สุดท้ายผมก็ฝืนสังขาร พาตัวเองไปที่โต๊ะกินข้าว เพราะไม่อยากนั่งงอมืองอเท้ารอเขามาพยุงไปเหมือนคนเป็นอัมพาต พอเห็นผมเดินมา เขาก็รีบวางมือจากจานอาหารพวกนั้น แล้วตรงมาช่วยพยุงผมทันที
   “ไม่ต้องหรอก” ผมรีบพูด แต่ก็คงช้าไปสักหน่อย เขาปราดเข้ามาถึงผมอย่างรวดเร็ว และแทบจะอุ้มผมไปที่เก้าอี้ ผมเงยหน้ามองเขา และพบว่านพรัตน์เป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง ผิวขาว ผมดำสนิท สันจมูกโด่งได้รูป รับกับสันคางคมสวย ทำไมถึงได้มาเสียเวลาดูแลตาแก่อย่างผมนะ ทั้งๆ ที่ตอนเย็นเขาควรจะออกไปเที่ยวผ่อนคลายกับเพื่อนฝูงแท้ๆ
   จู่ๆ ทางนั้นก็หันมามองหน้าผม สายตาที่ประสานกันทำให้หัวใจผมเต้นแรง ดวงตาสีดำสนิท มองมายังผมด้วยความรู้สึกอะไรบางอย่าง ดวงตาที่ใสราวกับน้ำในแก้ว แม้เห็นไม่ชัดนักแต่ก็ยังรู้สึกได้ ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดัง ตึก ตึก ก่อนจะราบลงอย่างรวดเร็วเมื่อเขาประคองผมลงนั่งบนเก้าอี้ ผมมองเขาอีกครั้ง และถอนหายใจ
   เขาก็แค่เด็กหนุ่มอายุคราวลูก ที่เป็นผู้ช่วยของผมที่ทำงาน ก็แค่นั้นเอง
   “อยากทานอะไรล่ะครับ” นพรัตน์ถาม ทั้งๆ ที่เป็นการถามธรรมดาแท้ๆ แต่ทำไมผมถึงเห็นว่าสีหน้าของเขาเหมือนคนพยายามจะกลั้นยิ้มเต็มที่ แถมหน้ายังแดงเรื่อขึ้นมาอีก ไม่เข้าใจเด็กสมัยนี้จริงๆ ท่าทางของผมมันไปสะกิดโดนเส้นตลกเขาตรงไหน
   “ข้าวสวยก็ได้” ผมว่า พออาการไข้ดีขึ้นแล้ว จมูกมันก็พลอยดีขึ้นไปด้วย โชคดีที่ผมไม่ได้เจ็บคอพ่วง ดังนั้น พอเห็นกับข้าวสารพัดวางเรียงตรงหน้า คนที่สองวันเพิ่งทานไปแค่โจ๊กถ้วยเดียวอย่างผม แทบจะไม่ต้องคิดอะไรมาก นพรัตน์พยักหน้า และยกจานข้าวสวยให้ผม
   พอตักกับข้าวเข้าปาก ผมก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันที รสชาติเดียวกับร้านโปรดของผมเลย ผมหันไปถามที่มากับเขา แล้วก็ถูกเผง ร้านที่ผมชอบไปกินบ่อยๆ จริงๆ
   “ทำไมถึงไปซื้อร้านนี้ล่ะ” ผมถามอีก เขาตอบผมด้วยท่าทีเคอะๆ เขินๆ ที่ดูจะไม่เข้ากับบรรยากาศเอาเสียเลย
   “ผมก็ชอบทานร้านนี้ เขาทำอาหารสะอาดดี”
   ผมพยักหน้า นึกเห็นด้วยในทันที ระหว่างที่นั่งทานข้าวกันอยู่ ลมด้านนอกก็พัดแรงขึ้นเรื่อยๆ แถมด้วยเสียงฟ้าคำราม เตือนให้รู้ว่าพายุฝนกำลังใกล้เข้ามาแล้ว
   “นี่ รีบกลับบ้านเถอะ ฝนจะตกแล้วนะ” ผมพูด เมื่อเห็นเขาเก็บจานไปล้าง นพรัตน์หันมายิ้ม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมได้ยินเสียงเขาล้างชาม แข่งกับเสียงลมที่พัดแรงขึ้นทุกที ผมที่ลุกไม่ขึ้น ไม่รู้จะทำอะไร เลยชะเง้อมองท้องฟ้ายามค่ำด้านนอกที่เริ่มมีเมฆสีแดงตั้งเค้ามาแล้ว
   “คุณนพ รีบกลับเถอะ จานน่ะตั้งไว้ก่อนก็ได้ ขับรถตอนฝนตกอันตรายนะ”
   “อะไรนะครับ” เสียงนพรัตน์ดังแว่วมา แทบจะพร้อมๆ กับเสียงฝนห่าแรกที่เทลงมา ผมนั่งนิ่ง ก่อนจะถอนหายใจเฮือก “ไม่มีอะไรแล้ว”
   เขาโผล่หน้ามาจากครัวอย่างงงๆ “ตะกี้คุณว่าอะไรหรือ?”
   เสียงฝนตกจั๊กๆ แทบจะดังกลบเสียงพูดของเขา ผมสั่นศีรษะ และโบกมือ เขาเลยหายกลับไปล้างจานต่อ ผมมองดูเม็ดฝนที่เทลงมาจนกระแทกกับกระจกหน้าต่าง ผ้าม่านในบ้านปลิวสไว ขณะที่ผมคิดว่าควรจะเดินไปปิดหน้าต่างสักบานสองบานข้างรั้ว นพรัตน์ก็เดินออกมาจากครัว แล้วตัดหน้าผมไปเสียก่อน
   “จู่ๆ ก็ตกอีกแล้ว” เขาบ่น “แบบนี้เป็นหวัดกันทั้งเมืองแน่”
   ผมนึกคล้อยตาม และพูดอย่างนึกขึ้นได้ว่าเขาถูกผมจามใส่เต็มๆ ตอนเข้า “คุณรู้สึกไม่สบายรึเปล่า?”
   นพรัตน์สั่นศีรษะ ทำหน้างงๆ ก่อนจะยิ้มออกมา “ผมคิดว่าน่าจะไม่ติดหวัดคุณนะ”
   ผมย่นคิ้ว พูดออกไปอย่างคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน “ระวังไว้ก็ดีนะคุณนพ หวัดน่ะติดง่ายจะตาย”
   เขาหัวเราะ และพยักหน้า “ครับๆ “ พูดพลางชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่าง ฝนยังคงตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา ผมมองเขา และนึกสงสารขึ้นมา
   “รีบรึเปล่า ถ้าไม่รีบอยู่รอฝนซาก่อนก็ได้” ผมว่า เขาหันมา และยิ้มเขินๆ
   “ความจริงแล้วผมกะจะขอค้างสักคืนน่ะ”
   ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ทางนั้นรีบพูดต่อ “ก็คุณป่วยอยู่ใช่ไหมล่ะ ที่บ้านผม พี่ชายก็พักร้อนไปต่างจังหวัด ไม่มีใครอยู่เลย ผมเลยไม่รู้จะรีบกลับไปทำไมเหมือนกัน”
   “อ้อ” ผมร้อง และนึกสงสัยขึ้นมาจริงๆ ว่าเขาทะเลาะกับพี่ชายรึเปล่า
   “คุณกับพี่ชาย เข้ากันไม่ได้หรือ?” ผมถาม เขาสั่นศีรษะ ทำหน้างงกว่าเดิม “ไม่นี่ครับ”
   ผมมองดูเขาอีกพักหนึ่ง พอเห็นแววว่าฝนคงหยุดยาก แถมเขาก็ยังเด็ก จะเหงาบ้างก็ไม่แปลก ผมไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรในฐานะผู้ใหญ่ เลยได้แต่พยักหน้า
   นพรัตน์ยิ้มกว้าง และหน้าแดงขึ้นมาอีก ผมสงสัยว่าเขาไม่สบายรึเปล่า ถึงได้หน้าแดงบ่อยนัก เลยขยับเข้าไปหาเขา
   “มีไข้รึเปล่าน่ะ” ผมถามและแตะมือลงบนหน้าผากเขา และพบว่าตัวเขาร้อนจี๋ หน้างี้แดงเป็นลูกตำลึง ผมขมวดคิ้ว “ผมว่าคุณไม่สบายแล้วนะ”
   นพรัตน์เงยหน้าขึ้นมองผมแวบหนึ่ง แล้วก้มหน้างุด ตัวยิ่งร้อนจัดกว่าเดิม ผมคิดว่าแย่แน่ๆ ถ้าเขาไม่สบายไปอีกคนใครจะจัดการงานที่บริษัทล่ะ
   “เดี๋ยวผมไปหายามาให้ทานดีกว่า” ผมว่า และขยับสังขารเสื่อมโทรมเต็มทีของตัวเอง เพื่อจะลุกไปหยิบยาจากตู้ออกมาให้ นพรัตน์คว้ามือผมเอาไว้
   “ผมไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไรจริงๆ นะ” เขาพูด พลางเม้มปาก หน้ายังแดงอยู่อย่างนั้น ผมขมวดคิ้วอีก และนึกว่าเขาดื้อเหมือนใครกันนะ ฝนด้านนอกยังไม่มีวี่แววว่าจะซา จะเดินไปหยิบยาเขาก็ยังจับมือผมอยู่ เราทั้งสองเลยอยู่นิ่งๆ กันแบบนั้น ท่ามกลางเสียงฝนที่ซัดกระหน่ำตัวบ้าน
   “คุณไพฑูรย์...” นพรัตน์เรียกชื่อผม ขณะพยายามเงี่ยหูฟังว่าเขาจะพูดอะไรกันแน่ เพราะเสียงฝนที่ตกกระแทกหลังคาก็ดังเสียเหลือเกิน ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมสะดุ้งเฮือก เกือบจะหลุดเสียงอุทานออกมา และรู้สึกว่ามือของนพรัตน์ที่จับอยู่ก็กระตุกกึก ผมหันไปมองหน้าเขา สายตาของเราประสานกันโดยไม่ได้นัดหมาย สักพักหนึ่ง ต่างคนต่างก็หัวเราะออกมา
   “ตกใจหมดเลย” เขาพูดออกมา พร้อมกับทำหน้าโล่งใจ ผมพยักหน้า และถอนหายใจเฮือก “ดีนะที่ไฟไม่ดับด้วย”
   “อืม” ทางนั้นส่งเสียงเห็นด้วย ก่อนจะรีบพูดต่อ “คุณจะอาบน้ำรึเปล่า หรือจะเช็ดตัวครับ? ผมว่าเรารีบอาบน้ำก่อนดีกว่า เผื่อไฟดับ ตกหนักซะด้วยนะเนี่ย”
   ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่พอลุกขึ้น สังขารมันก็ประจานตัวเองออกมา นพรัตน์เข้ามาประคองผมไว้ ขณะที่ผมพยายามบอกตัวเองให้สูดหายใจลึกๆ เจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอก แค่ท่าไม่สวยเท่านั้นเอง
   “ไหวรึเปล่าครับ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เมื่อผมพยายามปัดมือเขาออกอย่างสุภาพ
   “อือ ไม่เป็นไร ผมไหว” ผมพูด พลางยักแย่ยักยันกระเสือกกระสนพาสังขารร่อแร่ของตัวเองไปที่ห้องน้ำ เพราะไม่อยากถูกพยุงไปตลอด ดูแล้วเหมือนคนแก่เป็นอัมพาตสิ้นดี พอถึงหน้าห้องน้ำ ผมจึงเพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้หยิบผ้าเช็ดตัวมาด้วย พอหันกลับมาก็เห็นนพรัตน์ยืนยิ้มเผล่
   “ผ้าเช็ดตัวอยู่ไหนล่ะครับ เดี๋ยวผมไปหยิบให้”
   ด้วยความจนใจในสังขาร ผมจึงต้องฝากให้เขาเอาทั้งผ้าเช็ดตัวและเสื้อนอนลงมาด้วย
   ผมอาบน้ำเสร็จ เลยรู้สึกดีขึ้นมาอีกหน่อย ดีได้พักเดียวเท่านั้นแหละ เพราะอากาศไข้ก็กลับมาอีกไม่นานหลังจากนั้น นพรัตน์ทำหน้าที่ดีเกินเหตุอีกเช่นเคย ด้วยการอุ้มผมขึ้นไปส่งถึงห้องนอน คนหนุ่มนี่นะ จะทำอะไรออมๆ แรงไว้บ้างก็ได้ ดูเหมือนนพรัตน์จะตั้งใจมาค้าง เพราะเขาเตรียมเสื้อนอนมาด้วย ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมก็ไม่รู้ว่าเสื้อผ้าที่มีจะให้เขายืมใส่ได้รึเปล่า ก็ดูตัวเขาสิ ใหญ่อย่างกับช้างกับม้า
   ผมมองเขาตอนที่ช่วยจัดผ้าห่มให้ แล้วถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะชี้มือไปที่ตู้ในห้องนอน
   “มีผ้าห่มกับหมอนอยู่ชั้นบนตู้น่ะ.....” ผมเงียบไปอย่างคนคิดหนัก ตอนแรกว่าจะให้เขานอนตรงโซฟาด้านล่าง แต่ก็คิดว่าคงจะแคบเกิดไปสำหรับคนตัวขนาดนี้ จะให้นอนเตียงเลยก็ไม่ไหว คงจะแคบไป ห้องข้างๆ อีกสองห้องก็มีเอาไว้เก็บนั่นเก็บนี่ เตียงก็มีอยู่หลังเดียว นพรัตน์เดินไปหยิบหมอนและผ้าห่มออกมา และพูดขึ้นเสียเอง
   “งั้นผมไปนอนโซฟาด้านล่างนะ”
   ผมพยักหน้าอึ้งๆ และถามด้วยความเป็นห่วง “นอนได้แน่นะ”
   เขาหันกลับมายิ้ม พลางพูดตอบ “ได้สิครับ”
   ผมพยักหน้าอีก และคิดว่าเขาคงไม่คิดจะขโมยอะไรในบ้านผมหรอก ถ้าทำ น่าจะทำไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
   “ถ้าลำบากอะไรก็บอกแล้วกัน” ผมว่า และไม่ลืมกำชับ “กินยาด้วยนะ จะได้หายไข้”
   เขาหัวเราะเขินๆ แล้วปิดไฟห้องนอน “ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
   ผมพยักหน้าเหนื่อยๆ แล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น ท่ามกลางเสียงฝนตกจั๊กๆ ที่ด้านนอก

   คืนนั้นผมฝัน ฝันว่าใครคนหนึ่งจูบแก้มผมเบาๆ ก่อนจะกระซิบว่าหายไวๆ นะ
   ไม่ใช่พรายโพยม....

   ใครกันนะ.....
--------------------------------------------------------------
*************
ปล. คุณไพฑูรย์กลายเป็นลุงไปจริงๆ หรือคะเนี่ย แกยังไม่อายุ50เลยนะคะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 31-05-2011 09:30:33
พล๊อตเรื่องแบบนี้หาอ่านยากมาก ถูกใจจริงๆ
ที่ได้อ่านแนวนี้ แถมเขียนดีมาก อ่านแล้วรู้สึกสนุก

คุณไพทูรย์ น่ารักมาก ดูเก็กขรึม เนี้ยบ
แต่ที่ไหนได้ตลกมาก
ยังไม่รู้ตัวอีกว่าเด็กอยากจะกินขนาดไหน
เราว่านพคงจะแอบสืบทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับคุณไพทูรย์
ทั้งของที่ชอบ แอบปลอมตัว บ้าน
และนพคงไม่ได้สายตาสั้นด้วย แค่อยากอยู่ใกล้ก็เท่านั้น
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 31-05-2011 09:42:34
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 31-05-2011 10:52:21
กรี๊ดๆๆๆๆ คุณไพฑูรย์ ชอบอ่ะ :o8:
(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/paitul.jpg)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 31-05-2011 10:58:31
ฮึ๋ย แปลกและแหวกแนวดีอ่ะ

ว่าแต่คุณไพฑูรย์เ้นี่ยอ่านไปอ่านมาเหมือนอายุเยอะเลยแฮะ -0-

อายุแค่ 40 นิดๆ ไม่น่าจะมีอาการขนาดนี้นะครับทั้งที่บอกออกกำลังกายแท้ๆ เน้อ

แบบว่าอ่านแล้วทำไมตัวเอกดูแก่จัง T^T

คือย่างพ่อผม 48 ยังไม่มีอาการแบบนี้เลยเน้อแข็งแรงกระดูกแข็งโป๊ก 55+
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 31-05-2011 11:02:57
สนุกดี ชอบๆๆ แถมออฟฟิคข้างๆ มีพี่เขาอายุประมาณนี้ด้วย นึกหน้าพี่แกตามแล้วอย่างฮา  :m20:  :m20:  :m20:
+1 ไปโทษฐานทำฮา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 31-05-2011 11:23:55
เนื้อเรื่องน่ารักจังเลยค่ะ อ่านไปขำไป
รอตอนหน้านะคะ :impress2:
แถมบวกเป็นกำลังใจค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 31-05-2011 12:22:52
โถ อาการมันฟ้องว่าอายุมากจริงๆนะนั่น :impress2:  แต่ไม่ต้องห่วงพ่อหนุ่มโคอ่อนเค้าคงไม่แคร์สื่อเท่าไหร่มั้งนั่น อาการออกซะขนาดนั้น แต่หญ้าแก่ของเราไม่ยักกะรู้นี่สิ สงสัยต้องรอให้บอกไปตรงๆ เลย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 31-05-2011 12:50:40
555++ ยังเดาไม่ค่อยว่าใครจะกินใคร
แต่ว่าคิดไว้ว่าเด็กกินลุงแน่ๆเลยอ่า
555++สงสารลุงเนอะ ไม่ถึง50แตอาการเหมือนคน 50เลย

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: minimonmon ที่ 31-05-2011 14:58:30
คุณไพทูรย์น่ารักอ่ะ :impress2:


คุณนพก็น่ารักไม่แพ้กัน :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 31-05-2011 17:05:51
อ่านตอนนี้แล้วก็รู้สึกถึงความเหงาลึกๆที่ซ่อนอยู่ของคุณลุงน่ะนะ
คาดว่าอายุของคุณไพฑูรย์น่าจะยังน้อยกว่าอาปุ๊ ในน้ำผึ้งขมนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 31-05-2011 18:04:54
ฮึ๋ย แปลกและแหวกแนวดีอ่ะ

ว่าแต่คุณไพฑูรย์เ้นี่ยอ่านไปอ่านมาเหมือนอายุเยอะเลยแฮะ -0-

อายุแค่ 40 นิดๆ ไม่น่าจะมีอาการขนาดนี้นะครับทั้งที่บอกออกกำลังกายแท้ๆ เน้อ

แบบว่าอ่านแล้วทำไมตัวเอกดูแก่จัง T^T

คือย่างพ่อผม 48 ยังไม่มีอาการแบบนี้เลยเน้อแข็งแรงกระดูกแข็งโป๊ก 55+

ฮ่าๆ โมเอะเรื่องสังขารไม่เที่ยง แต่ยังไม่โมเอะตีนกาอ่ะค่ะ คุณไพฑูรย์แกเลยเป็นคนอายุ40ที่อาการเหมือนคนอายุ50-60 แต่...แกก็มีความเครียดสะสมของแกเหมือนกันนะคะ เลยทำให้เจ็บป่วยทีอาการทรุดหนักล่ะมั้ง (ว่าไปนั่น ก็โมเอะความยักแย่ยักยันของแกอ่ะ << ไม่น่าเชื่อเราจะเป็นถึงขั้นนี้!!!)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 31-05-2011 18:11:21
 :-[ ชอบๆๆๆ มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: l2ozen ที่ 31-05-2011 20:25:38
เทคแคร์ดีเหลือเกิน~
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: tartar ที่ 31-05-2011 20:43:00
ชอบอ่ะ

รออ่านน่ะครับ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 31-05-2011 22:07:36
รุ้เลยว่าใครกระซิบบอก อิอิ

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 31-05-2011 22:33:49
เขินแทนอ่ะ น่ารักมากๆๆๆๆๆ คุณไพฑูรณ์พอป่วยแล้วดูแก่ไปเลยจริงๆ  :laugh:
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: aeyja55 ที่ 31-05-2011 22:52:46
นพรัตน์น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 31-05-2011 23:01:35
คุณลุงน่ารักดี  :3059:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 31-05-2011 23:22:47
มีแบบนี้สักคนรักตายเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 01-06-2011 01:41:19
เรื่องน่าอ่านน่าติดตามมากเลยคะ เราออกจะชอบแนวนี้อยู่
ยิ่งแนวโน้มเคะแก่กว่านี้ยิ่งชอบ เอิ้ก เอิ้ก
รีบๆมาต่อนะค๊า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 01-06-2011 11:27:07
Pitul is like`50` up555

u story is very fun

i like it`^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 01-06-2011 12:03:09
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 01-06-2011 12:36:29
บันไดขั้นที่3
   ผมใช้วันหยุดหนึ่งสัปดาห์ไปอย่างคุ้มค่าจริงๆ พงษ์โพยมบอกกับพนักงานคนอื่นว่าผมไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ความจริงคือ ผมนอนซม ทั้งเจ็บก้น ทั้งเป็นไข้อยู่บ้านตลอดสัปดาห์เลยต่างหาก โดยมีนายนพรัตน์คอยแวะมาเยี่ยมแทบจะสามเวลาหลังอาหาร นึกขอบใจหมอนั่นอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่มีเขา ผมอาจจะไม่หายไวขนาดนี้ก็ได้
   วันนี้ผมตื่นเช้ามาด้วยอาการที่ดีขึ้นจนเกือบจะหายเป็นปกติ ขณะที่ยืดเส้นยืดสายออกกำลังกายเบาๆ ตอนเช้า และคิดว่าพรุ่งนี้น่าจะไปทำงานได้แล้ว รถยนต์สีขาวคันหนึ่งก็แล่นมาจอดหน้าบ้านผม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารถใคร ผมเดินไปเปิดประตูรั้วตอนที่เขายังไม่ทันได้ออกมาจากรถดีด้วยซ้ำ นพรัตน์หิ้วถุงกระดาษมาหลายใบ พร้อมกับรอยยิ้มสดใสเช่นเคย เขายกมือไหว้ผม และเดินเข้ามาในบ้าน ผมถามด้วยความสงสัย
   “ซื้ออะไรมาน่ะ?”
   “ของฝากไงครับ” เขาพูดอย่างอารมณ์ดี และเปิดถุงให้ผมดู เมื่อเข้ามาในบ้านแล้ว ผมขมวดคิ้ว “ไปเที่ยวมาหรือไง?”
   คนถูกถามสั่นศีรษะ “ของฝากของคุณน่ะครับ อืม...คุณพงษ์โพยมบอกว่าคุณไปดูงานที่ญี่ปุ่นใช่ไหมล่ะ ถ้ากลับมาแล้วไม่มีของฝากเลย มันไม่ดูน่าสงสัยไปหน่อยหรือครับ”
   ผมนิ่งนึก และพยักหน้าอย่างเห็นด้วย พลางคิดว่าเจ้าหมอนี่รอบคอบหรือเคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนกันแน่นะ
   “แล้วไปซื้อมาจากไหนล่ะ?” ผมถาม ขณะที่เขารื้อของพวกนั้นออกมา
   “ที่ห้างฯ มีขายนะครับ แต่ผมลอกสติกเกอร์ออกหมดแล้ว ไม่มีใครจับได้หรอก”
   ผมมองเขาหยิบของออกมา และเริ่มตั้งข้อสังเกตเมื่อเห็นว่ามันมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ “ซื้อมาทำไมเยอะแยะน่ะ แพงไม่ใช่หรือ?”
   “ก็เผื่อคุณฝากหลายที่ไงครับ”
   ผมย่นคิ้วอย่างคนใช้ความคิด “ผมไม่เคยซื้อของฝากเยอะขนาดนี้เลยนะ”
   ที่ซื้อไม่เยอะไม่ใช่ว่าผมงกเงิน หรือไม่ค่อยอยากซื้อของฝากลูกน้องหรอกนะครับ แต่ผมไม่ค่อยได้ไปเที่ยว ไปเที่ยวทีก็ไปคนเดียว จะซื้อของมาฝากเยอะๆ ก็หิ้วไม่ไหว ผมมองดูกองของฝากที่เจ้านพรัตน์ซื้อมาให้แล้วชักรู้สึกหนักใจ ไอ้กองขนาดนี้ไม่ใช่วิสัยที่คนอย่างผมจะแบกกลับมาแน่ๆ นพรัตน์ตอบคำถามอย่างไม่รู้สึกร้อนใจอะไร
   “คุณเลือกที่คุณอยากฝากไปก็ได้ครับ ถือว่าผมเปิดร้านขายให้”
   ผมหัวเราะออกมา “จะมาค้ากำไรกับผมหรือไง เอาเถอะ ไหนดูหน่อยซิ ว่ามีอะไรขายบ้าง”
   เจ้านพรัตน์หยิบของพวกนั้นขึ้นมาและเริ่มอธิบายสรรพคุณของมันราวกับนักขายมืออาชีพ แถมทำหน้าทำตาเอาจริงเอาจังจนเกินพอดี ทำเอาผมหัวร่องอหงาย
   “คุณนพ คุณอยากไปทำฝ่ายการตลาดไหม มีตำแหน่งว่างอยู่นะ เงินเดือนดีกว่านี้ด้วย” ผมว่า นพรัตน์เงียบเสียงลงทันที แล้วเงยหน้าขึ้นมองผม “ไม่เอาครับ ผมจะทำตำแหน่งนี้”
   ผมมองเขา พอเจอสายตาจริงจังแบบนั้นก็ไม่รู้จะว่าไง ผมแค่แซวเขาเล่นเท่านั้นเอง แต่เขาดันทำหน้าจริงจังเหมือนนึกว่าผมจะจับเขาย้ายเพราะทำผิดหูผิดตางั้นแหละ
   “ไหนว่าสินค้าของคุณมาต่อซิ” ผมวกกลับเข้าเรื่องเดิม นพรัตน์มองผมครู่หนึ่ง และเสนอขายสินค้าของเขาต่อ
   เป็นอันว่าผมตกลงซื้อของฝากมาได้สามถุง เจ้านพรัตน์ก็รอบคอบน่าดู ขายของได้แล้วยังมีถุงให้เปลี่ยน บอกว่าจิ๊กมาจากพี่สาวที่ไปญี่ปุ่นเมื่อเดือนก่อน แบบนี้แนบเนียนไม่มีใครสงสัยแน่ ผมขำระคนเอ็นดูความพยายามของเขา เลยให้ทิปไปเสียหลายบาท เขารีบปฏิเสธเป็นพัลวัน บอกว่าเรื่องแค่นี้ไม่ต้องให้ท้งให้ทิปหรอก ผมเลยบอกว่าผมเป็นผู้ใหญ่กว่า มีเด็กมาทำอะไรให้มากมายแบบนี้จะรับเฉยๆ ก็คงรู้สึกไม่ดี นพรัตน์เลยยื่นข้อเสนอให้ผม
   “เอางี้ไหมครับ ผมได้ตั๋วฟรีไปดูละครเวทีที่กำลังเล่นอยู่อาทิตย์นี้เลย”
   พอเขาพูดชื่อดาราออกมา ผมก็ทำตาโต “ไม่เห็นงานนานมากแล้วนะ เขาเล่นหนังตั้งแต่สมัยผมยังหนุ่มๆ “
   “อือ ใช่ไหมล่ะครับ ผมก็อยากไปดูเหมือนกัน คุณไปดูกับผมนะ”
   ผมเกือบจะพยักหน้า แต่ก็พูดอย่างนึกขึ้นได้ “ทำไมคุณได้ตั๋วฟรีบ่อยนัก เมื่อคราวก่อนก็ตั๋วหนัง”
   เขามีท่าทีกระมิดกระเมี้ยน ยิ้มอายๆ “ผมเอาแต้มบัตรเครดิตแลกมาน่ะ”
   ผมเลิกคิ้ว ถึงจะมีบัตรเครดิต แต่ผมไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่หรอก ยิ่งไอ้เรื่องสะสมคะแนนอะไรนี่ ยิ่งไม่อยู่ในความคิดผมเลย ผมมองเขา และพูดเตือน
   “เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่าใช้เงินเกินตัวล่ะ”
   เขาหัวเราะอีก แล้วพูดตอบ “จริงๆ เอาคะแนนบัตรพี่ชายแลกมาน่ะครับ”
   ผมพยักหน้า มองดูกองของที่เขาหิ้วมาอีกรอบ แล้วให้นึกสงสัยอีก ว่าเขาพยายามช่วยผมจนเดือดร้อนกระเป๋าสตางค์รึเปล่า
“แล้วที่เหลือพวกนี้ล่ะ เอาไง?” ผมถาม เขาตอบยิ้มๆ “พากลับไปบ้านครับ ที่บ้านมีคนช่วยทานเยอะ”
“อ้อ” ผมร้อง ของที่เขาซื้อมาส่วนใหญ่เป็นของกิน คงจะเผื่อไว้แล้วนั่นแหละ ผมถอนหายใจเฮือก
“ยังไงก็ขอบใจนะ แต่... เอางี้ดีกว่า” ผมคว้ากระเป๋าสตางค์ออกมาอีก และพูดต่อ “ของที่เหลือนี่ผมซื้อหมดเลยแล้วกัน แต่ผมให้คุณ ถือว่าเป็นของฝาก”
นพรัตน์ทำตาโตเหมือนเด็กๆ “ฝากผมหรือครับ?”
“อืม” ผมพยักหน้า “ถ้าผมไป ผมก็คงซื้อมาฝากคุณแบบนี้แหละ”
คราวนี้เจ้านพรัตน์ยิ้มแทบไม่หุบ ไม่รู้ว่าดีใจอะไรหนักหนา หรือว่าดีใจที่มีคนช่วยจ่ายกันแน่
“นี่... วันหลังก็อย่าซื้ออะไรเกินตัวอีกนะ” ผมเตือนเขาด้วยความหวังดี นพรัตน์มองผมงงๆ ก่อนจะสั่นศีรษะ “ไม่หรอกครับ ผมมีเงินส่วนตัวพอสมควรอยู่”
“อ้อ... แต่ยังไงๆ ก็ประหยัดไว้หน่อยแล้วกัน คนเราต้องเก็บเงินเผื่อไว้ตอนฉุกเฉินบ้าง” ผมว่า เขาพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “คุณทานข้าวหรือยังครับ นี่ก็สายแล้ว”
พอเขาพูด ผมถึงนึกขึ้นได้ ว่าคุยกับเขาจนตะวันสายโด่ง ทันใดนั้นท้องก็ร้องโครกครากขึ้นมาทันที
“ยัง จะออกไปทานที่ไหนล่ะ?” ผมถาม เขายิ้ม และหยิบถุงออกมาอีกสองสามถุง
“ผมซื้ออูด้งมาล่ะ กะว่าจะมาลองทำดู เผื่อคุณด้วย”
ผมพยักหน้า นึกในใจว่าก็ดี จะได้ไม่ต้องเสียค่าน้ำมันออกไปข้างนอก ถึงมันจะเป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูปก็เถอะ
--------------------------------------
   นพรัตน์ขอยืมใช้ครัว ตั้งแต่ซื้อบ้านมายังไม่มีใครมาทำอาหารในครัวผมเลย เพิ่งมีเขาเป็นคนแรก ดังนั้น ตัวผมที่ร่างกายแข็งแรงดีแล้วจึงเดินตามไปดู ภาพเด็กหนุ่มร่างสูงอยู่ในครัวเล็กๆ ของผมดูแปลกตาดี ผมยืนมองเขาแกะถุง เอาพวกของสดของดิบกึ่งสำเร็จรูปพวกนั้นออกมา ยืนดูอยู่ได้พักหนึ่ง ผมก็ต้องเดินเข้าไปอย่างทนไม่ไหว
   เซ็นต์ด้านการทำอาหารของนพรัตน์ดูจะไม่ได้เรื่องสุดๆ
   แค่ผมเห็นเขาหั่นเต้าหูสีๆ เป็นท่อนใหญ่ๆ ก็แทบจะลมจับ
   “คุณนพ คุณเคยทำกับข้าวรึเปล่า?”
   ได้ยินเสียงเขาหัวเราะแหะๆ “นานๆ ทีครับ”
   ผมขมวดคิ้ว ดูเขาจัดการกับต้นหอมแล้วยิ่งให้ปวดหัวหนัก เด็กสมัยนี้นี่นะ แค่เรื่องเข้าครัวยังไม่เอาอ่าวเลย
   “คุณส่งมีดมาให้ผมดีกว่า เดี๋ยวผมทำเอง” ผมว่า นพรัตน์มองผมอย่างเกรงใจ “ไม่ต้องหรอกครับ คุณไปนั่งรอเถอะ”
   ผมถลึงตาใส่เขา พูดไปโดยลืมนึกถึงน้ำใจคนทำ “ไอ้เต้าหู้ท่อนใหญ่ขนาดนี้ไม่มีใครเขากินลงหรอกนะ กินเข้าไปติดคอตายพอดี แถมหั่นผักท่อนยาวอย่างกับท่อซีเมนต์ เวลาคุณทานคุณไม่เคยดูหรือไงว่าเขาทำกันยังไง?”
   นพรัตน์หน้าเจื่อนลงทันที เขาพูดอ้อมแอ้ม “ก็ผมไม่เคยทำให้ใครนี่นา”
   ผมถอนหายใจ และเบียดเขาออกจากหน้าเขียง “ผมทำเอง ยืนดูไปแล้วกัน”
   จากนั้นผมก็หยิบผ้ากันเปื้อนมาผูก ใส่หมวกคลุมผม เดินไปล้างมือจนสะอาดดี แล้วกลับมาจับมีด หั่นได้เจ้าเต้าหูทรงประหลาดพวกนั้นเป็นแว่นๆ
   “มันต้องหั่นบางๆ แบบนี้ถึงจะน่ากิน” ผมสอนเขา ทางนั้นตอบรับเสียงซื่อๆ “ครับ”
   “แล้วไอ้เส้นนี่ ลวกยังไง?” ผมถาม และชูห่อเส้นหมี่สีขาวให้เขาดู หลังจากขมวดคิ้วเพราะความเล็กของตัวอักษรบนฉลากด้านหลัง ทำไมไม่รู้จักพิมพ์ตัวใหญ่ๆ กันบ้างนะ นพรัตน์รับไป และอ่านให้ผมฟัง
   “ต้มในนำเดือนห้านาที แล้วเอาน้ำเย็นราดครับ”
   “อืม.. คุณหยิบหม้อตรงนั้นใส่น้ำ แล้วเอามาตั้งที่เตานะ” ผมสั่ง ขณะหั่นต้นหอมรูปร่างใหญ่เทอะทะเสียงดังต๊กๆ
   “มันต้องทำน้ำซุปด้วยใช่ไหม?” ผมถาม พอนึกภาพออกลางๆ ถึงพวกอาหารญี่ปุ่นที่โฆษณาอยู่ตามป้ายบนถนน เขาพยักหน้า
   “ใช้อะไรทำบ้างล่ะ” ผมถามต่อ เขาขยับมาหยิบซอสขวดหนึ่งออกมาจากถุง “ใส่นี่น่ะ”
   “อะไร?”
   “ซีอิ้ว”
   ผมขมวดคิ้ว “แค่ซีอิ้วมันจะไปอร่อยได้ยังไงกัน”
   “แต่ปกติอาหารญี่ปุ่นเขาก็ทำกันแบบนี้นะครับ” เขาแย้ง ผมมองหน้าเขา และรู้สึกไม่เชื่อถือเอาเสียเลย ผมเคยกินอาหารญี่ปุ่นครั้งหนึ่ง และรู้สึกว่าจืดสนิท ถึงผมจะไม่กินรสจัด แต่อาหารมันควรจะมีรสหลายๆ อย่างสิ
   ผมดึงกระเทียมที่แขวนอยู่ลงมาสองสามกลีบ ตบเอาเปลือกออกแล้วสับพอแหลก ท่ามกลางเสียงถามอย่างแปลกใจของนพรัตน์ “คุณชอบทำกับข้าวหรือครับ?”
   “เปล่า บางทีเบื่อๆ ก็ทำทานเองบ้างน่ะ” ผมว่า และนึกว่าตัวเองไม่เคยชอบทำกับข้าวเลย แต่คงเพราะเป็นคนเรื่องมากเรื่องอาหาร สมัยเรียนเลยต้องทำครัวอยู่บ่อยๆ ขนาดลักลอบเอากระทะไฟฟ้าไปไว้ที่หอ เพื่อจะได้ทำอะไรทานเอง แล้วก็มีหลายคนชอบมาพลอยด้วยสิ
   ผมนึกถึงคนคนนั้นขึ้นมา
   “คุณไพฑูรย์” ผมสะดุ้ง หันมาถึงเห็นว่านพรัตน์ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างๆ
   “น้ำเดือดแล้ว ให้ผมใส่ลงไปเลยไหม?” เขาถาม มือถือถุงใส่เส้นหน้าตาแปลกๆ อยู่ ผมพยักหน้า “ดูก่อนนะว่ามีพวกซองเล็กๆ ใส่สารกันชื้นหรืออะไรอยู่รึเปล่า ผมว่าคุณเทใส่ถ้วยก่อนดีกว่า แล้วเดี๋ยวเอาตะเกียบไม่ก็ส้อมมาคนๆ ด้วย เส้นมันจะได้ไม่ติดกัน”
   นพรัตน์พยักหน้าหงึกๆ และรีบไปทำตามอย่างว่าง่าย ผมหันมาจัดการกับเหล่าเครื่องปรุงตรงหน้าต่อ นานแล้วที่ไม่ได้ทำอาหารให้ใครทาน

   “น่าทานจัง” นพรัตน์พูด ขณะช่วยผมยกชามเส้นหมี่หน้าตาแปลกๆ นั้นออกมาจากครัว
   “ใช่ไหมล่ะ หั่นบางๆ แบบนี้น่ากินกว่าตะกี้ตั้งเยอะ” ผมว่า เขาหัวเราะแหะๆ ผมถอดหมวกคลุมผมกับผ้ากันเปื้อนออก ก่อนจะมานั่งลงตรงเก้าอี้โต๊ะทานข้าว เขาทำท่าสูดกลิ่นอาหารเหมือนเด็กๆ
   “หอม”
   ไม่รู้ทำไม หน้าผมมันถึงได้มีรอยยิ้มขึ้นมา ผมรีบหันไปทางอื่น แล้วบอกตัวเองว่ามันก็แค่คำชมตามมารยาทนั่นแหละ แต่พอเห็นเขาเงียบ ผมเลยหันกลับมามองอีกครั้ง
   “รสชาติเป็นไง?” ผมถาม นึกกลัวว่ามันจะไม่อร่อยถูกปากเขา เพราะผมเล่นปรุงตามใจตัวเองตั้งแต่เริ่ม นพรัตน์เงยหน้าขึ้นมา ชูนิ้วโป้ง แล้วพูดทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวอยู่ “อร่อยสุดๆ “
   “อย่าพูดตอนทานสิ” ผมเอ็ด แต่ก็หุบยิ้มไม่ลงสักที ถึงจะบอกตัวเองว่าเขาคงชมตามมารยาท แต่ท่าทางกับสีหน้าจริงใจนั้นก็ทำเอาคนทำอย่างผมเป็นปลื้ม ผมไม่กล้ายิ้มนาน เดี๋ยวเขาจะนึกว่าผมหลงตัวเอง เลยก้มหน้าก้มตาทานลงไปบ้าง
   ‘รสชาติก็พอทานได้ล่ะนะ’ ผมนึก ขณะเคี้ยวเส้นหมี่สีขาวพวกนั้น มันนุ่มๆ แปลกลิ้นดีไปอีกแบบเหมือนกัน
   “ผมเติมอีกนะ” นพรัตน์พูด และตักเส้นในถ้วยใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วเติมน้ำซุปในหม้อ ขณะที่ผมยังทานไปได้ไม่ถึงครึ่ง เห็นท่าทางเอร็ดอร่อยของเขาแล้ว ผมแทบจะอิ่มจริงๆ แบบนี้ล่ะมั้งที่เขาเรียกว่าอิ่มท้องคนทาน อิ่มใจคนทำ
   สุดท้ายผมก็ทานไปแค่ชามเดียว ส่วนที่เหลือนพรัตน์เหมาหมด แถมเกลี้ยงไม่เหลือน้ำซุปสักหยด ทำเอาผมนึกเคลิ้มว่าคงทำอาหารอร่อยจริงๆ
   “ถ้าชอบ วันหลังก็เอามาทำทานกันอีกสิ เอาอย่างอื่นบ้างก็ได้ ที่คุณอยากทานน่ะ” ผมเผลอปากพูดออกไป นพรัตย์ยิ้มแต้ ทำท่ากระมิดกระเมี้ยนจนผมนึกสงสัย “ทำไมล่ะ ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก คนกันเอง” เหลือเชื่อจริงๆ ที่ผมหลุดปากออกไปได้ขนาดนั้น สงสัยเพราะหลงเคลิ้มไปกับท่าทางซื่อๆ ของเขาแน่ๆ
   “งั้น วันอาทิตย์หน้า ทำสุกี้ทานกันนะ เดี๋ยวผมซื้อของเข้ามาให้” นพรัตน์ว่า ผมพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไรนัก หลังจากนั้นเราก็ช่วยกันเก็บโต๊ะและล้างถ้วยชาม
   นพรัตน์อ้อยอิ่งอยู่บ้านผมพักหนึ่ พอดูท่าว่าไม่เหลืออะไรให้ทำหรือคุยแล้ว เขาเลยลากลับ ก่อนกลับยังอุตส่าห์ล้วงกล่องใส่อะไรบางอย่างยัดใส่มือผมอีก
   “อันนี้ผมซื้อมาฝากคุณโดยเฉพาะเลยนะครับ ไม่ใช่ของที่คุณซื้อฝากผมนะ ผมฝากคุณนะ”
   ผมพยักหน้า และนึกงงกับคำพูดของเขาจริงๆ ของฝาก ฝากของ เด็กสมัยนี้เล่นสำนวนอะไรกันนี่ เขากุมมือผมอยู่พักราวกับกลัวว่าผมจะทิ้งกล่องนั้นตอนที่เขาปล่อยมือ จากนั้นจึงค่อยผละออกไป
   “เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
   ผมรอจนเสียงรถเงียบไป จึงค่อยแกะกล่องนั้นออกดู ด้านในบรรจุตุ๊กตาแมวที่ทำจากเรซิ่นตัวหนึ่ง ขนของมันดูพลิ้วเสียจนเหมือนขนแมวจริงๆ ผมยังเผลอเอามือลูบเพราะคิดว่ามันนุ่ม ฝีมือการทำดีทีเดียว แมวเหมียวตัวน้อยสีขาวออกน้ำตาลที่นอนคุดคู้ จ้องดวงตาใสแจ๋วมาทางผม ทำเอาผมนึกถึงหน้าคนให้ ผมอมยิ้มอย่างลืมตัว และมองหาที่ว่างในตู้โชว์เพื่อใส่มันเข้าไป แต่ดูแล้วดูอีก ก็หาช่องว่างสวยๆ ใส่ลงไปไม่ได้ สงสัยถ้าผมอยากจะวาง คงต้องจัดตู้โชว์ใหม่ ดังนั้นผมจึงต้องเอาไปวางที่หัวเตียงแทน พลางนึกว่าคงต้องหาเวลาจัดตู้โชว์สักวัน จะได้เอาแมวเหมียวตัวนี้ลงมาอวด
   แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครแวะมาดูรึเปล่า
---------------------------------------------------
   หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป คนที่บริษัทได้เวลาขนหัวลุกกันอีกรอบ เมื่อผมก้าวเข้าไปเหยียบพื้นตึกในตอนเช้า ทุกคนไม่เว้นยามมองมาทางผมด้วยสายตาเกรงอกเกรงใจระคนหวาดระแวงอีกเช่นเคย  แต่เช้าวันนี้ผมคงดูแปลกตาพวกเขาสักหน่อย เพราะหิ้วถุงพะรุงพะรังเต็มไปหมด ผมแวะหยิบถุงใบเล็กออกจากถุงใบใหญ่พวกนั้นและส่งให้ยามที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าบริษัท
   “ของฝาก”
   พวกนั้นทำหน้าอึ้งๆ ตอนที่ผมก้าวเท้าออกไป ก็ของฝากที่เจ้านพรัตน์ซื้อมาเยอะแยะจนผมคิดว่าควรจะกระจายให้ทั่วถึง ดังนั้น กว่าผมจะไปถึงห้องทำงาน ก็กินเวลาไปหลายนาที หลายคนที่ท่าทางจะแช่งให้ผมตกเครื่องบินตายหน้าสลดไปตามๆ กัน เมื่อเห็นว่าผมยังแข็งแรงดีมีครบสามสิบสองประการเหมือนเดิม
   ผมไม่ลืมของฝากอาจารีย์ เธอบอกขอบคุณและพูดยิ้มๆ ว่านพรัตน์มาถึงก่อนแล้ว ผมพยักหน้า ถ้ามาถึงหลังผมสิ น่าดูแน่
   เขายกมือไหว้ผมเช่นเคยตอนผมเปิดประตูเข้าไป พอนั่งลงที่โต๊ะ สิ่งแรกที่ผมทำคือเช็กงานทั้งหมดที่เขาทำในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างละเอียด ทั้งตรวจเอกสาร และถามเขาปากเปล่า ราวกับสอบปากคำนักโทษ จนอาจารีย์ที่เดินเข้ามารับเอกสารไปเก็บต้องพูดขึ้น
   “โหดไปมั้งคะ คุณไพฑูรย์ คุณนพเขาก็ทำงานเต็มที่แล้วนะคะ ผิดบ้างพลาดบ้างนิดหน่อยก็....”
   “ผมมองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้หรอกนะ ผมรู้ว่าคนเราผิดพลาดกันได้ แต่ผิดแล้วให้มองผ่านไปเลยคงไม่ได้หรอก มันต้องทัก ต้องตักเตือนกัน”
   อาจารีย์พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะพูดต่อ “ค่ะ ดิฉันเข้าใจ”
   พูดจบก็เดินออกไป โดยไม่วายชายตามามองนพรัตน์ที่นั่งหน้าซีดหน้าแดงอยู่อย่างสงสาร แต่คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เพราะเจ้านายของเขาและเธอคือผม ซึ่งกำลังนั่งสอบปากคำเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
   นพรัตน์อธิบายบ้างยอมรับบ้างตามเหตุผลและหลักฐาน ความจริงเขาก็ไม่ได้ทำพลาดอะไรมาก แต่ถ้าปล่อยเอาไว้ไม่ทำให้รู้สึกตัวเสียแต่ตอนนี้ มันอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้
   ผมเทศนาเขายืดยาว จนคอแห้งนั่นแหละ ถึงได้หยุด และรับน้ำที่อาจารีย์ยกเข้ามาขึ้นดื่ม ก่อนจะเหลือบตามองนพรัตน์ผ่านแว่น
   เจ้าหมอนั่นทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ เล่นเอาผมใจอ่อนยวบ ชักนึกว่าตัวเองพูดแรงไปรึเปล่า แต่นี่ก็ควรจะเป็นสิ่งที่คนซึ่งคิดจะมาเป็นผู้ช่วยผมควรจะรับรู้และอดทนกับมันได้
   ผมกับเขานั่งจ้องตากันอยู่พักหนึ่ง ท้ายที่สุดนพรัตน์ก็พูดขึ้นก่อน
   “คุณ....อย่าไล่ผมออกนะ”
   ผมกะพริบตาปริบๆ ไม่รู้จะขำหรืออะไรดี อย่างที่บอกไว้แล้วว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเสียหายมากมาย เพิ่งรู้เหมือนกันว่าหมอนี่ก็คิดมากเหมือนกัน
   “ผมไม่ไล่คุณออกหรอก” เสียงผมอ่อนลงกระทั่งตัวเองก็ยังตกใจ คงนึกไม่ถึงว่าเขาจะตีความไปขนาดนี้ล่ะมั้ง นพรัตน์ยังคงช้อนตามองผมต่อ ชวนให้นึกถึงตุ๊กตาแมวที่เขาให้ไว้เมื่อวานจริงๆ
   “คุณ...อย่าโมโหผมนานนะ”
   “ผมไม่โมโหคุณกับเรื่องแค่นี้หรอก ผมแค่อยากเตือนให้จำไว้” ผมว่า เขายังคงมองผมต่อ “อย่าเกลียดผมนะ...”
   “ผมไม่เกลียดคุณหรอก” ผมพูด และถอนหายใจเฮือก ยกมือขึ้นลูบศีรษะเขาอย่างเอ็นดู
   “จริงๆ นะ จะทำงานนี้ไหวรึเปล่าเนี่ยเรา แค่นี้ก็คิดมากเสียแล้ว”
   “ไหว” เขาพูด และเม้มปากจนเป็นเส้นบาง “แค่คุณไม่เกลียดผมก็พอ”
   ผมมองหน้าเขา เห็นแบบนี้แล้วก็นึกไม่ออกว่าจะเกลียดลงได้อย่างไร
-------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่2 31/05/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 01-06-2011 12:37:04
   สงสัยเพราะผมจะรู้สึกผิดนิดหน่อยที่เอ็ดนพรัตน์เสียจนเจ้าตัวทำท่าจะร้องไห้ ทั้งๆ ที่อุตส่าห์ทุ่มทั้งงาน และสละเวลามาดูแลผมเสียขนาดนั้น ประกอบกับความตั้งใจเดิมของผมตอนที่ไม่สบาย ว่าจะญาติดีกับเขานอกเวลางานเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย เย็นวันนั้นผมจึงชวนเขาออกไปทานข้าว
   สีหน้าของนพรัตน์ดูสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขามองผมอย่างกระตือรือร้น “ที่ไหนดีครับ?”
   “อืม” ผมนิ่งนึกครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกชื่อร้านไป เขาตกลงทันทีเหมือนเดิม แถมอาสาขับรถให้ด้วยแน่ะ แน่นอน เขาคงไม่ทิ้งรถไว้แล้วนั่งแท็กซี่ไปกับผมหรอก
   “เดือนนี้ผมจ่ายค่าน้ำมันให้แล้วกัน” ผมว่า ตอนที่ขึ้นรถแล้ว เขาหันมามองหน้าผมอย่างงงๆ
   “ก็คุณอุตส่าห์ขับรถมาดูแลผมหลายวัน น้ำมันก็ต้องเติมเองใช่ไหมล่ะ ผมเองก็ไม่ค่อยสบายใจหรอกนะถ้ารบกวนคุณเฉยๆ โดยไม่ได้ตอบแทนอะไรเลยน่ะ”
   “ไม่ต้องหรอกครับ” นพรัตน์พูด และสตาร์ทรถ ผมพูดต่อทันที “ไม่ได้หรอก เงินคุณก็จริง แต่ยังไงผมก็ต้องช่วยจ่าย คุณพงษ์โพยมมีค่ารถให้ผมรายเดือน ถ้าเดือนนี้ผมใช้รถคุณฟรี ก็เท่ากับผมอมค่ารถเขาน่ะสิ เพราะฉะนั้น คุณรับไปเถอะนะ”
   นพรัตน์หันมามอง ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเขากำลังกลั้นยิ้มอยู่ก็ไม่รู้
   “งั้น... ต่อไปนี้คุณใช้บริการผมแทนแท็กซี่เลยแล้วกันนะครับ ไหนๆ ผมก็ขับผ่านแถวบ้านคุณทุกวันอยู่แล้ว”
   ผมอึ้งไปหน่อยหนึ่ง ด้วยไม่คิดว่าเขาจะมาไม้นี้ นพรัตน์พูดยิ้มๆ “นะครับ ถือว่าช่วยลดโลกร้อน คุณกับผม ยังไงก็ไปทางเดียวกันอยู่แล้ว”
   “อืม” สุดท้ายผมก็ตอบตกลงไป เพราะไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร นพรัตน์ยิ้มกว้างจนเห็นฟันเขี้ยว ผมไม่รู้ว่าเขาจะดีใจอะไรนักหนา กับแค่ผมยอมให้ขับรถไปรับไปส่ง
   “บอกก่อนนะ ถึงมารับมาส่งผม ถ้าคุณทำงานไม่ดีอีก ผมก็จะเทศนาคุณเหมือนวันนี้แหละ”
   “รู้ล่ะครับ” เขาตอบ แต่ก็ยังยิ้มออกมาอยู่ดี ทำเอาผมรู้สึกคันหน้ายิบๆ จนต้องหันไปทางอื่นเสีย
---------------------------------------------------------
   ร้านอาหารคนบางตา คงเพราะเป็นต้นสัปดาห์ของกลางเดือน และยังไม่ค่ำมาก ผมจึงสามารถเลือกมุมสงบๆ นั่งฟังเพลงบรรเลงและเสียงน้ำตกจำลองที่ตั้งอยู่กลางร้านได้อย่างสบายใจ
   พอสั่งอาหารเสร็จ นพรัตน์ก็ตั้งหน้าตั้งตาถามเรื่องงานเสียจนผมสงสาร ท่าทางจะกลัวถูกไล่ออกมาก ผมตอบคำถามเขาเสร็จ แล้วจึงพูดปลอบอย่างที่ไม่ค่อยจะได้ทำเท่าไหร่นัก “เอาน่ะ ผมชวนคุณมาทานข้าว คุณอย่าเพิ่งคิดเรื่องงานตอนนี้เลยนะ มันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นหรอก”
   นพรัตน์มองหน้าผมหวั่นๆ แต่ก็ยอมพยักหน้า เราทั้งคู่เงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายผมกลายเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน
   “คุณนพ ผมมีเรื่องสงสัย แต่ไม่ได้ซีเรียสอะไรนะ คุณรู้ได้ไงว่าพนักงานทำความสะอาดคนนั้นเป็นผม”
   ผมลดเสียงคำว่า’พนักงานทำความสะอาด’ลง เพราะกลัวใครจะได้ยินเข้า นี่เป็นคำถามที่ผมค้างใจมานับสัปดาห์ แต่ยังหาโอกาสดีๆ ถามเขาโดยไม่เสียมาดไม่ได้เสียที นพรัตน์มองผมงงๆ ก่อนจะยิ้มออกมา
   “ผมจำท่าเดินคุณได้ อืม...ผมจำคุณได้น่ะ”
   ผมนึกร้อนใจขึ้นมา “ผมดูออกง่ายขนาดนั้นเลย?”
   นพรัตน์มองผม ก่อนจะหัวเราะ “อืม... ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมว่าคนอื่นคงดูไม่ออก ท่าทางคุณไม่ให้จะไปทำอะไรแบบนั้น มือคุณก็บางๆ ตัวก็เล็ก แต่เวลากวาดพื้นก็คล่องดีนะ”
   ผมถลึงตาใส่เขา ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่ตั้งใจจะล้อผมหรือพูดจริงๆ กันแน่ นพรัตน์รีบพูดแก้ตัว “ผมไม่ได้ล้อคุณนะ แต่ผมว่าคนอื่นไม่รู้หรอก”
   “งั้นทำไมคุณรู้ล่ะ?”
   “เอ่อ...” นพรัตน์อึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะรีบพูดต่อเหมือนเพิ่งนึกได้ “ผมนั่งทำงานกับคุณอยู่ทั้งวันใช่ไหมล่ะ ก็ต้องจำลักษณะคุณได้มากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว มันก็เหมือนดูคุ้นๆ มั้งครับ คนอื่นคงไม่สังเกตกันเท่าไหร่หรอก”
   ผมพยักหน้าอย่างพอจะยอมรับได้ในเหตุผล เพราะพนักงานคนอื่นคงไม่อยากมองผมนักหรอก ยิ่งถ้าผมหายไปได้พวกนั้นคงดีใจ
   “เก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ ถ้าผมรู้ว่าเรื่องรั่วเพราะคุณล่ะก็.......” ไม่ต้องรอให้ผมพูดต่อ นพรัตน์รีบพยักหน้าหงึกๆ “ผมรับรอง ปิดเงียบไม่บอกใครแน่”
   ผมพยักหน้าอีก พอดีกับที่พนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ บทสนทนาจึงชะงักอยู่แค่นั้น
   “คุณไพฑูรย์ ผมถามอะไรสักอย่างได้ไหม?” นพรัตน์ถามขึ้น หลังจากพวกเราทานอาหารไปได้ครู่หนึ่ง ผมเงยหน้ามองเขา
   “คุณ เอ่อ... เคยมีคนที่ชอบรึเปล่า?”
   “ถามทำไมน่ะ?”
   “เอ่อ.... คือเพื่อนผมเขามีปัญหา แบบว่า....มาปรึกษาผม แล้วผมไม่รู้จะตอบเขาไปแบบไหนดี”
   “อ๋อ” ผมร้อง และยิ้มออกมา “เรื่องความรักนี่ไม่เข้าใครออกใครหรอกนะ คุณเลยจะมาปรึกษาผม?”
   “อือ” เขาพยักหน้าอย่างเขินๆ “ผมว่าคุณอาจจะช่วยได้บ้าง”
   “อืม....” ผมนิ่งนึก เรื่องความรัก จะว่าไปผมเองก็ไม่ค่อยมีประสบการณ์ตรงเท่าไหร่ แต่ก็เห็นคนอื่นมามากพอสมควร “ผมคงตอบคุณได้ไม่มากหรอกนะ แต่ถ้าคุณอยากจะปรึกษา ผมก็ไม่ว่าอะไร”
   “อือ...” เขาส่งเสียงในคอ หน้าแดงวาบจนผมสงสัยว่าหมอนี่อ้างชื่อเพื่อนเพื่อจะปรึกษาเรื่องตัวเองรึเปล่า
   “ว่าไงล่ะ?” ผมถามต่อ นึกสนุกขึ้นมา เจ้าหมอนี่แอบไปชอบใครที่บริษัทอยู่รึเปล่านะ แต่เอามาถามผมจะดีหรือ ถามคนมีหน้าที่จับผิดคนอื่นแบบผม มันจะได้อะไรขึ้นมา หรือเขาเห็นว่าผมอายุมากพอจะเป็นที่ปรึกษาเรื่องแบบนี้ได้ หรือว่าเพราะผมเป็นหัวหน้างาน
   “ผมเปลี่ยนใจแล้ว ไปถามเพื่อนก่อนดีกว่าว่าเขาจะให้ผมบอกคนอื่นรึเปล่า” นพรัตน์พูดในที่สุด ผมคิดว่าเขาคงไม่กล้าบอก เพราะกลัวผมจะแฉคนคนนั้นให้เขาฟังแน่ๆ ผมพยักหน้าให้เขาอย่างเข้าใจ
   “ทานข้าวเถอะ เรื่องของคนอื่น อย่าเก็บมาคิดให้มากนักเลย แค่เรื่องของตัวเองก็พาให้รอดก่อน”
   เขาหัวเราะเขินๆ เมื่อได้ยินที่ผมพูด ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อ
   ทานอาหารเสร็จ นพรัตน์ก็ชวนผมไปนั่งรถเที่ยว ผมแย้งทันทีว่าหลังอาหารควรจะเดินออกกำลังกายเสียมากกว่า ในที่สุดเขาก็เสนอสถานที่ที่ทำให้ผมแปลกใจ
   นพรัตน์จอดรถ ก่อนจะพาผมเดินขึ้นบันไดไปโผล่ตรงลานด้านข้าง ของสะพานแขวนที่ยาวและสวยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ลมแม่น้ำยามค่ำคืนที่พัดมาโดนตัว ทำให้ผมซึ่งกำลังเหงื่อออกชุ่มเพราะออกแรงเดินขึ้นสะพานมารู้สึกผ่อนคลาย นพรัตน์เดินนำหน้าไปนิดหน่อย เขาหันมามองผมเป็นระยะๆ ผมเดินทอดน่องไปตามทางข้างสะพาน มองดูทิวทัศน์ยามค่ำคืนของแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งอยู่เบื้องล่าง
   “แบบนี้ไม่ต้องจองโรงแรมก็ได้เห็นวิวแม่น้ำเหมือนกันนะ” ผมพูด เหมือนเห็นนพรัตน์สะดุ้ง ก่อนจะหันกลับมายิ้มเขินๆ “ชอบรึเปล่าครับ?”
   “อืม” ผมส่งเสียงอย่างไม่คิดอะไร เราเดินกันไปเรื่อยๆ เห็นรถราแล่นสวนมาเป็นระยะๆ แต่เพราะทางเดินกว้างและห่างจากถนนพอสมควร ผมจึงไม่รู้สึกรำคาญอะไรมาก
   “มาเดินเล่นบ่อยหรือ?” ผมถาม เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีหนุ่มสาวหลายคู่ เดินเคียงกันไปเหมือนกัน นพรัตน์สั่นศีรษะ “เปล่าครับ เคยมาครั้งหนึ่ง นานแล้วน่ะ”
   “กับแฟน?”
“เปล่าครับ... กับอาจารย์ที่เคยสอนตอนเรียนมันธยม”
“อืม... นึกไงขึ้นมาบนนี้กันน่ะ”
“เขาบอกว่าอยากดูแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลางคืน”
“อ้อ เลยชวนลูกศิษย์มาด้วย”
“อืม... ตอนนั้นผมจีบเขาอยู่”
“?”
“แต่เขาไม่ได้คบผมเป็นแฟนหรอก เพราะพอหลังจากนั้นเขาก็แต่งงาน”
“อ้อ...” ผมร้อง และพยักหน้าอย่างเข้าใจ “อาจารย์ฝึกสอนกับเด็กม.ปลายน่ะ อายุห่างกันไม่มากเท่าไหร่ เป็นเรื่องธรรมดาแหละ”
“เปล่าครับ เขาแก่กว่าผมสิบปี เป็นอาจารย์บรรจุแล้ว”
“..............”
“ผมคงโชคร้าย ที่ไปชอบคนอายุเยอะกว่าขนาดนั้น”
“เอาน่า” ผมพยายามปลอบ “ยังดีกว่าชอบคนมีลูกมีสามีแล้วนะ”
เขาหันมามองผมแล้วยิ้ม “คุณเคยชอบใครบ้างรึเปล่า?”
ผมอึ้งไปเลย
ชอบ?
พรายโพยม......
ผมนึกถึงเขาขึ้นมา นึกถึงรอยยิ้ม นึกถึงเสียงหัวเราะ ผมคง ‘เคย’ ชอบเขา เมื่อครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ชอบโดยที่ผมไม่เคยรู้ตัว ไม่รู้เลยว่าชอบ จนเขาจากไปแล้ว
ผมเคยชอบใครจริงๆ หรือ?
“คุณไพฑูรย์?” ได้ยินเสียงนพรัตน์ถาม คงหวังคำตอบหรือคำแนะนำอะไรบางอย่าง ผมได้แต่ฝืนยิ้มออกไป
“ผมไม่เคยชอบคนอายุเยอะกว่าขนาดนั้น คงช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอก”
เหมือนเขาจะยิ้มตอบกลับมา “คุณไม่เคยชอบใครเลยหรือครับ? ชอบเฉยๆ น่ะ ผมไม่ถามถึงอายุหรอก”
“.............”
“ไม่เคยเลยเหรอ...”
“..........................”
“...................................”
“เคย” ผมตอบ คราวนี้เขาหันตัวกลับมามองผมอย่างจริงจัง ผมกะพริบตา รู้สึกลำบากใจนิดหน่อย แต่ไหนๆ ก็พูดออกไปแล้ว คงต้องต่อให้จบ
“ผมเคยชอบ แต่ผมเพิ่งรู้ตัวว่าชอบตอนที่เขาไม่อยู่แล้ว”
“เขาตายหรือ?”
“เปล่า.. แค่ไปเรียนต่อ”
“อ้าว แล้วทำไมไม่บอกเขาล่ะครับ แค่ไปเรียนต่อเอง เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
“เขาไม่กลับมาเลยน่ะ”
“........................” คราวนี้นพรัตน์เงียบไปบ้าง ผมเองก็เงียบ ได้ยินเสียงรถแล่นผ่านไปคันแล้วคันเล่า ในที่สุด ชายหนุ่มก็ถามขึ้นมาก่อน
“เขาเด็กกว่าคุณ?”
“อืม...”
“แล้ว...ตอนนี้คุณยังชอบเขาอีกรึเปล่า?”
“...........................”
“คุณไพฑูรย์….”
ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา นพรัตน์จ้องนัยน์ตาสีดำสนิทมาทางผม ตาของเขาเหมือนตุ๊กตาแมวตัวนั้นไม่มีผิด ใสๆ อ้อนๆ ผมได้ยินเสียงตัวเองถอนหายใจเฮือก
“คุณนพ อดีตน่ะ นึกไปถ้ามันแก้ไขอะไรในปัจจุบันไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปนึกถึงหรอก”
เขาทำหน้างงๆ ผมเลยพูดต่อ “ผมแนะนำคุณนะ คุณอย่าฝังใจกับอดีตมากไปเลย ตอนนั้นคุณอาจจะชอบอาจารย์ของคุณเพราะคุณยังเด็กอยู่ก็ได้ แต่นี่คุณก็อายุตั้งยี่สิบกว่าแล้ว สำหรับผมคิดว่าเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ คุณน่าจะมองผู้หญิงที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ผู้หญิงอายุเยอะกว่าน่ะ มีปัญหาหลายอย่างนะ ไหนจะแก่เร็ว ไหนจะมีปัญหาเรื่องมีลูก”
นพรัตน์มองผมตาค้าง ก่อนจะหัวเราะออกมา “คุณพูดอย่างกับมีประสบการณ์เลย”
“ผมพูดในสิ่งที่ผมเห็นน่ะ” ผมตอบ เขาถามผมอีก “เพราะงี้คุณเลยไม่แต่งงานหรือ?”
“เอ่อ.... เรื่องนั้น...” ผมเริ่มอึกอัก จะให้ตอบไปว่าเพราะผมไม่ชอบผู้หญิงงั้นหรือ.. ใครมันจะไปพูดกันล่ะ ผมเงียบไปพักหนึ่ง แล้วถอนหายใจอีก “คุณนพ บางเรื่องมันก็ไม่เป็นไปอย่างที่เราคิดหรอกนะ”
นพรัตน์พยักหน้า ไม่รู้ว่าเข้าใจหรือส่งเดชกันแน่ ผมกับเขาเดินกันไปอีกพักหนึ่ง เราเลิกคุยถึงเรื่องหัวใจในอดีตไปโดยปริยาย แล้วหันไปคุยเรื่องสัพเพเหระอื่นๆ แทน

นพรัตน์ขับรถมาส่งผมที่บ้านในตอนค่อนข้างจะดึกอยู่สักหน่อย เขาเดินมาส่งผมถึงประตูรั้ว ก่อนจะขอตัวกลับ ผมไม่ลืมจะยัดค่ารถใส่มือเขา นพรัตน์มีท่าทีอึกอักในตอนแรก แต่ก็ยอมรับไป ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“พรุ่งนี้ให้ผมขับรถมารับคุณนะ ห้ามเรียกแท็กซี่ออกไปก่อนนะครับ”
ผมพยักหน้า และบอกให้เขารีบกลับไปนอนได้แล้ว นพรัตน์หมุนตัว ทำท่าจะเดินไปที่รถ แล้วก็ชะงักอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมา
“คุณไพฑูรย์ อาจารย์ของผมคนนั้นน่ะ เขาเป็นผู้ชาย”
“อืม กลับไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีกนะ” ผมว่า และเดินกลับเข้าบ้าน พอถอดถุงเท้าออก ปลดกระดุมเสื้อไปได้เม็ดสองเม็ด ผมก็ชะงักมืออย่างคนเพิ่งคิดอะไรขึ้นมาได้
อาจารย์คนนั้นเป็นผู้ชาย... แก่กว่าตั้งสิบปี
ผมหันกลับไปมองนอกประตูรั้ว รถยนต์สีขาวคันนั้นไม่อยู่เสียแล้ว หลังจากยืนละล้าละลังกับตัวเองอยู่พักหนึ่ง ผมถึงไปอาบน้ำ เพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม คืนนั้นผมนอนหลับไม่ค่อยสนิทเอาเสียเลย....
-----------------------------------------------
   เพราะนอนไม่ค่อยหลับ ผมเลยตื่นสายโด่งในวันรุ่งขึ้น ขณะที่เพิ่งอาบน้ำ ยังแต่งตัวไม่ทันเสร็จดี ก็ได้ยินเสียงออด ผมกุลีกุจอวิ่งลงมาดู ก็พบนพรัตน์ยืนรออยู่แล้ว ผมที่อย่าว่าแต่ผูกเนกไท ขนาดเสื้อยังติดกระดุมไม่ครบดี จึงต้องเชิญเขาเข้ามานั่งในบ้านก่อน
   “ตื่นสายเหรอ?” เขาถาม ขณะนั่งลงบนโซฟา ผมส่งเสียงงึมงำในคอ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อหวีผมให้เรียบร้อย ปกติผมใช้เวลาแต่งตัวไม่มาก เรียกว่าเป็นมนุษย์ที่มีกิจวัตรประจำวันเป็นตางรางเป๊ะๆ นานๆ ทีจะมีผิดเวลาบ้าง แต่ก็ไม่เคยให้ใครมานั่งรอแบบนี้ ผมชักรู้สึกเกรงใจเขาขึ้นมา
   “คุณนพ คุณไปทำงานก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่ตามไปทีหลัง”
   “ไม่เป็นไรหรอก ผมช่วยดีกว่า” เขาว่า และเดินมาหยิบเสื้อสูทที่วางพาดอยู่
   “จะใส่ไปเลยรึเปล่าครับ?”
   ผมพยักหน้า เพราะกำลังรีบจนไม่มีอารมณ์จะมาใส่ใจเรื่องหยุมหยิม ก็เลยให้เขาช่วยใส่เสื้อสูทให้
   “อย่าลืมแว่นตานะครับ” เขาทัก ขณะที่ผมคว้ากระเป๋า ทำท่าจะเดินออกไป โดยที่ตลับใส่แว่นยังวางเด่นเป็นสง่าอยู่ข้างๆ ผมพยักหน้า และคว้ามันใส่กระเป๋าเสื้อสูท ก่อนจะก้าวฉับๆ ออกไป
   พอขึ้นรถนั่นแหละ ผมถึงพอผ่อนลมหายใจออกมาได้ พลางนึกว่าควรจะบอกให้นพรัตน์ไม่ต้องมารับแล้ว เพราะเกิดมีเรื่องแบบนี้อีก เขาจะได้ไม่เสียเวลา ผมขยับตัว อ้าปากจะพูดกับเขา
   “คุณนพ”
   “ครับ” นพรัตน์มองมา และยิ้มอีกเช่นเคย ผมเหมือนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังขึ้นมาในตอนนั้น รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออก แต่ผมยังเค้นคำพูดออกไปไม่ได้สักคำ
   เขาไม่ได้ถามอะไรต่อ ผมที่พูดไม่ออกเลยก้มหน้าไปมองอย่างอื่นเสีย มือของนพรัตน์ที่จับคันเกียร์ดูจะแข็งแรงดี อืม.. นี่ผมนั่งพิจารณามือเขาเพื่ออะไรกันนะ
   “คุณไพฑูรย์” เขาเรียกผมบ้าง ผมจึงเงยหน้าขึ้นไป
   “เรื่องที่ผมคุยกับคุณเมื่อคืนน่ะ อย่าบอกใครนะครับ” เขาพูดพลางยิ้มอายๆ ผมมองเขาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยิ้มและถอนหายใจ
   “อืม...” เขายังเด็กอยู่จริงๆ นั่นแหละ หัวใจผมเงียบเสียงลงอย่างรวดเร็ว
   นพรัตน์ยังเป็นหนุ่มวัยรุ่น แต่ผมไม่ใช่แล้ว...
   ผมไม่หลงตื่นเต้นไปกับความไร้เดียงสาของเขาอย่างเด็ดขาด
---------------------------------------------------------
   งานที่บริษัทสัปดาห์นี่วุ่นวายเสียจนผมอยากเกิดมามีสามหัวหกมือให้รู้แล้วรู้รอด เอาเถอะ ครั้งอื่นผมยังอยากกลายเป็นทศกรรณ์เลยก็มี คนที่แผนกตรวจสอบสินค้ารับมาตอนที่ผมไม่อยู่ก็มีปัญหา แถมที่แผนกจัดเก็บยังขอคนเพิ่ม ส่วนแผนกจัดส่งยังมีปัญหาเรื่องรถชนรถเสียเขามาเพิ่มอีก ผมบอกให้เขาไปคุยกับฝ่ายช่าง แต่พวกนั้นดันซัดกันไปกันมาว่าอีกคนเป็นต้นเหตุ ผมล่ะอยากจะปวดหัวตายจริงๆ
   เพราะความวุ่นวายที่ดูจะเข้ามาทุกนาที ผมจึงต้องลงไปทานข้าวที่โรงอาหารชั้นสอง ด้วยหน้าตาถมึงทึงราวกับอยากจะฆ่าใคร พอผมก้าวเข้าไป ทุกคนก็แทบจะลุกออก งานนี้ถึงมีคนนิสัยดีเข้ากับคนง่ายอย่างเจ้านพรัตน์เดินตามเข้าไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ผมทำงานที่นี่มาจะยี่สิบปี ไม่มีใครไม่รู้ฤทธิ์เดชผม
   ผมทานข้าวอย่างแทบจะไม่รู้รสชาติอะไร ก็แค่ให้พ้นไปมื้อหนึ่ง หลังจากนั้นจึงเดินออกมา หูก็ยังอุตส่าห์ได้ยินอีกนะ ว่าพวกนั้นนินทาอะไรกัน แต่ช่างเถอะ ผมไม่อยากจะเอาไอ้คำไร้สาระพวกนั้นมาคิดหรอก เท่าที่เป็นอยู่ผมก็ขมปากพอแล้ว พอกลับมาถึงห้อง ก็พบว่ามีคนรอพบอยู่แล้ว คราวนี้เป็นเรื่องชู้สาว
   สรุปว่ากว่าจะถึงวันหยุด ผมก็แทบจะกลายร่างจริงๆ ดีที่ยังมีเจ้านพรัตน์ช่วยรับเรื่องงี่เง่าบางอย่างเอาไว้บ้าง ผมเริ่มคิดว่า ถ้าเขาอายุสักสามสิบสามสิบห้าคงจะช่วยอะไรผมได้เยอะกว่านี้ เนื่องจากอายุยังน้อย ความน่าเชื่อถือเลยน้อยตามไปด้วย งานที่ผ่านๆ ก่อนหน้านี้ คงได้บารมีพี่ชายช่วยเอาไว้เยอะเหมือนกัน
   แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาทำงานไม่ดีหรอกนะ เพียงแค่ยังอายุน้อยเกินไปเท่านั้นเอง
---------------------------------------------------
   วันเสาร์ผมออกไปว่ายน้ำแต่เช้า เพื่อเอาสารพิษตกค้างในร่างกายที่สะสมมาจากความเครียดทั้งสัปดาห์ทิ้งไปบ้าง พอได้ออกแรง ออกเหงื่อ อารมณ์ผมก็ดีขึ้น ดังนั้น พอถูกผู้หญิงในกลุ่มสมาคมแม่บ้านในหมู่บ้านชวนคุยเรื่องสุขภาพหลังขึ้นจากสระ ผมเลยนั่งคุยอยู่เป็นชั่วโมง ท้ายที่สุดพอพวกหล่อนเริ่มวกเข้าเรื่องสามีตนเอง ผมจึงขอตัวกลัว เพราะขี้เกียจรับรู้เรื่องชาวบ้านเพิ่มเติม แค่ที่บริษัทผมก็แทบจะบ้าตายอยู่แล้ว
   ผมเดินชมนกชมไม้มาท่ามกลางแสงแดดแผดจัดของยามสายอย่างคนพยายามจะอารมณ์ดีเต็มที่ เอาเถอะ ถ้าไม่นับเรื่องผัวๆ เมียๆ ที่โผล่ขึ้นมาในตอนหลัง ก็ถือว่าผมได้แลกเปลี่ยนความรู้ด้านการดูแลสุขภาพพอสมควรเหมือนกัน ผมแวะให้อาหารปลาในบ่อเลี้ยงที่ขุดเอาไว้ตรงพื้นที่ส่วนกลาง แวะหยอกลูกใครสักคนที่วิ่งเล่นอยู่แถวนั้น และเดินเอ้อระเหยท้าแดดมาถึงบ้าน
   รถยนต์สีขาวจอดอยู่หน้าบ้านผม พร้อมด้วยเจ้าของที่ยืนชะง้ออยู่หน้าประตูรั้ว พอเห็นผมเดินเข้าไป เขาก็ยิ้มกว้างจนเห็นฟันเขี้ยวซี่เล็กๆ อีกเช่นเคย
   หน้าตาดีขนาดนี้ ไปเป็นนายแบบยังจะรุ่งกว่า
   “มีธุระอะไรน่ะ คุณนพ”
   ดูท่าเขาจะดีใจจนไม่ได้ยินที่ผมพูด จึงพูดสวนออกมา “ผมคิดว่าคุณเป็นอะไรซะอีก โทรเข้าไปก็ไม่รับสาย”
   “ผมไปว่ายน้ำ ไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วยน่ะ” ผมตอบ แนะนึกสงสัยว่าตัวเองดูแก่ขนาดน่ากลัวว่าจะเป็นลมล้มพับในบ้านตัวเองหรือไง นพรัตน์เบิ่งตากว้าง ก็ดูน่ารักดีอยู่หรอก แต่ทำในสถานการณ์แบบนี้ สำหรับคนอายุรุ่นผม มันน่าถีบเสียมากกว่า
   “ผมออกกำลังกายเป็นประจำนะคุณนพ ไม่ใช่พวกขี้โรคหรอกนะ” ผมตอบ พยายามปลอบใจตัวเองว่าเขาน่าจะเข้าใจไปในแนวทางนั้น เพราะตอนเข้ามาใหม่ๆ ผมก็เจ็บนั่นเจ็บนี่จนลำบากเขาต้องคอยมาช่วยดูแล เขาไม่รู้หรอกว่าพออายุมาถึงขนาดนี้แล้ว เวลาเป็นอะไร มันหนักหนาสาหัสเสียจนไม่อยากจินตนาการเชียวล่ะ
   “อือ ผมรู้ล่ะ แบบนี้คุณถึงได้ดูดีตลอดนี่เอง” เขาว่า ผมเกิดอาการกระดากขึ้นมา ตอนแรกเคืองอยู่นิดๆ แต่พอมาเจอคำชมด้วยสีหน้าจริงจังจริงใจขนาดนี้ เลยได้แต่รับมาด้วยสีหน้าอ้ำๆ อึ้งๆ
   “แล้ว.. คุณมีธุระอะไร?” ผมรีบถามเพราะกลัวเขาจะพูดอะไรให้ผมได้อึ้งมากไปกว่านี้ เขามองผม ทำหน้าแปลกใจ
   “คุณลืมจริงๆ ด้วย” เขาพูด และหัวเราะออกมา คราวนี้ถึงตาผมงงบ้าง
   “ลืม?”
   “อืม... ก็วันนี้ผมนัดคุณไปดูละครเวที”
   “ละครเวที?” ผมยังคงงงไม่หาย เขาเลยต้องช่วยผมนึก
   “ก็ต้นสัปดาห์ ที่ผมคุยกับคุณไงครับ เรื่องค่ารถ ว่าไม่ต้องจ่าย คุยก็ยืนยันจะจ่าย ผมเลยบอกว่างั้นคุณไปดูละครกับผมแทนแล้วกัน”
   “อ้อ แต่ผมจ่ายค่ารถคุณแล้วนี่” ผมพูด อย่างคนที่นึกได้เลือนรางเต็มที เขาย่นคิ้ว ทำหน้าเหมือนน้อยใจหน่อยๆ “แต่คุณสัญญาว่าจะไปแล้วนี่”
   “คุณไม่มีเพื่อนคบแล้วหรือไง” ผมแหย่ไปเล่นๆ เพราะนึกขำหน้าน้อยใจของเขา ถึงจะเด็กกว่าผม แต่อายุตั้งยี่สิบสาม ไม่น่าจะทำหน้าแบบนี้แล้วล่ะ เขายิ่งหน้ามุ่ยกว่าเดิม
   “มีครับ แต่ผมจะไปดูกับคุณน่ะ ก็คุณสัญญาแล้ว”
   “เอาล่ะๆ ” ผมรีบโบกมือ หมอนี่อ้าปากก็ทวงสัญญา ทั้งๆ ที่ผมนึกแทบไม่ออก แต่ดูจากสีหน้าแล้วเขาคงไม่ได้โมเมไปเองหรอก คงเป็นผมนี่แหละที่ลืม ก็มันไม่ใช่เรื่องน่าใสใจเท่าไหร่นี่นา
   “ผมไปก็ได้ คุณรอผมเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยแล้วกัน”
----------------------------------------------
   สุดท้ายผมก็ต้องมานั่งดูละครเวทีกับคนรุ่นราวคราวลูก พอเห็นหน้าหนังกับชื่อดารานำแสดงก็พอจะนึกออกได้นิดหน่อยว่าเคยคุยเรื่องนี้กับเขาไว้เหมือนกัน แต่คงเพราะผมเพิ่งผ่านวิกฤติที่ทำงานมา รับรู้แต่ปัญหาชาวบ้านมาทั้งอาทิตย์ พอมาดูละคร ก็ดันเป็นละครปัญหาครอบครัวสังคมอีก ละครสนุก เนื้อหาดี ดารายิ่งไม่ต้องพูดถึง ระดับนี้แล้ว ฝีมือสุดยอด เสียแต่ผมคงแบกปัญหามาเยอะเกินไปในสัปดาห์ที่ผ่านมา พอจบเรื่อง เลยไม่รู้สึกมีความสุขเท่าไหร่ ออกจะหดหู่ในอารมณ์อยู่ด้วยซ้ำ
   ท่าทางนพรัตน์จะรู้ว่าผมอารมณ์ไม่ค่อยดี จึงชวนคุยนั่นคุยนี่ สุดท้ายก็พาผมไปนั่งร้านอาหารที่ตกแต่งสบายๆ เงียบๆ มีเพลงเปิดคลอเบาๆ อย่างที่ผมชอบ ผมเลยค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย
   “ละครเล่นดีนะ” ผมเป็นฝ่ายชวนคุยบ้าง หลังจากสั่งอาหารกันเสร็จ เพราะสงสารเขาที่ชวนผมคุยและเจอผมถามคำตอบคำมาตลอดทาง นพรัตน์พยักหน้า “อือ ผมว่ามีซึ้งๆ หลายฉากเลยนะ”
   “อืม...” ผมครางในคอ นึกต่อไม่ออกว่าจะพูดอะไร เลยหันไปมองหน้าเขา ดูเหมือนนพรัตน์จะเกร็งขึ้นมา ผมนึกสงสัย ปกติเขาตัวเกร็งแบบนี้ทุกครั้งเวลาผมมองรึเปล่า
   “คุณนพ”
   “ครับ”
   “ชอบคนอายุมากกว่าเยอะๆ ไม่ดีหรอกนะ”
   “?!” นพรัตน์ทำหน้าอึ้งๆ ก่อนจะตะกุกตะกักถามออกมา “ทำไมจู่ๆ พูดงี้ล่ะครับ”
   ผมมองเขา พิจารณาแทบจะทุกส่วนที่พอมองเห็น ก่อนจะถอนหายใจ “คนเราพออายุมากขึ้น มุมมองที่มองโลกมองคนอื่นก็จะเปลี่ยนไปด้วย เหมือนอย่างละครที่ไปดูมาไงล่ะ”
   “อ้อครับ แล้ว....” เขาถามต่อ สีหน้ายังสงสัยไม่หาย ผมจึงอธิบายเพิ่มเติม “ผมไม่อยากให้คุณอกหักซ้ำซาก อายุต่างกันมาก มุมมองมันก็ต่างกันมาก มันไปกันไม่ค่อยรอดหรอก”
   “ผมยังไมได้อกหัก” เขาเถียง ผมเลยจี้ต่อ “อาจารย์คุณคนนั้นล่ะ?”
   นพรัตน์กะพริบตาปริบๆ อึ้งไปพักหนึ่ง “นั่นมันตั้งนานมาแล้วนี่ครับ”
   “อ้อ... แล้วตอนนี้ล่ะ?”
   “ตอนนี้ยังไม่รู้หรอกครับ แต่ที่แน่ๆ ผมยังไม่อกหักหรอก”
   “เหรอ รู้ได้ไงว่าจะไม่อกหัก”
   “แล้วคุณรู้รึเปล่าล่ะ?”
   “.....................” ถึงคราวผมอึ้งไปบ้าง เขามองหน้าผม แววตาจริงจังสุดๆ
   “ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกนะ”
   ผมใจเต้นแรงขึ้นมา บ้าเอ๊ย ใช่ว่าเขาจะพูดถึงผมสักหน่อย และถ้าหมายถึงผม ผมก็คง....
   “ทานข้าวเถอะ” ผมตัดบท พอดีกับที่อาหารถูกยกมา นพรัตน์เหมือนจะอยากพูดต่อให้จบ เขาจ้องหน้าผม จนผมรู้สึกคันหน้ายิบๆ เลยต้องก้มลงทานอาหารทั้งอย่างนั้น ได้ยินเสียงนพรัตน์พูดต่อ
   “คุณไพฑูรย์”
   บ๊ะ! ไอ้หมอนี่ไม่ยอมเลิกง่ายๆ หรือนี่
   ผมเงยหน้า เตรียมวางมวย พูดดีๆ ไม่รู้เรื่องก็ต้องรุนแรงกันบ้างล่ะ พอเงยหน้าขึ้นมาก็เขาเขายิ้มแก้มแทบปริ หน้างี้แดงเป็นลูกมะเขือเทศเชียว เขี้ยวนั่นก็น่ารักเสียไม่มี ให้ตายสิ ลาออกไปเป็นดาราหรือทำงานประชาสัมพันธ์ไปเลยไป
   “มีอะไร?” ผมที่เตรียมปะทะคารมเต็มที่มีอันต้องยั้งทัพ นพรัตน์มองหน้าผม ยิ้มอยู่สักพัก แล้วก็สั่นศีรษะ “เปล่าครับ ทานข้าวเถอะ”
   ผมไม่เคยนึกอยากถีบคนมาเป็นสิบๆ ปี เพิ่งคิดอยากถีบก็ตอนนี้แหละ
--------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 01-06-2011 13:58:25
 :laugh:ยิ่งอ่านคุณไพฑูรย์ยิ่งน่ารัก
ส่วนคุณนพ คุณไพฑูรย์เนี่ยสเป็คเลยดิ  :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 01-06-2011 14:23:04
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :-[ อยากอ่านต่ออ่ะ :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 01-06-2011 14:47:47
น่ารักน่าเอ็นดูซ่ะนี่กระไร

นพดันตกหลุมรักเข้าเต็มเปา

สงสัยว่าไพฑูรณ์คงหนีไม่พ้นแน่ๆ 55+
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 01-06-2011 14:50:22
จริงด้วยแหละ ยิ่งอ่านคุณไพทูรย์ยิ่งน่ารักขึ้นทุกวัน
สงสัยจริง ทำไมถึงอยู่เป็ยดสดมาถึงขนาดนี้
คงเพราะไม่มีใครทลายด่านโหดมาได้
นพ รุกคืบไปอีกขั้นแล้ว มีดูละคร ทำกับข้าวกินกัน
ไม่นานก็รู้ผล
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 01-06-2011 14:54:36
ชอบ! ชอบแนวนี้มากมาย ชอบให้ผู้ใหญ่ถูกกิน :-[
เป็นกำลังใจให้คนเขียน
รอตอนต่อไปนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 01-06-2011 15:00:41
โวววโววว เดินหน้าเต็มกำลังแล้วหนูนพ งานนี้มีลุ้นต้องอย่าท้อถอย หึหึ  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 01-06-2011 17:36:35
เรื่องแบบนี้ก็ชอบนะ
หาอ่านได้ยากมากเลย
เขียนดีมากๆ
เพราะงั้นมาอัพบ่อยๆนะ
ติดตามอยู่จร้าา สู้ๆๆๆ ค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 01-06-2011 17:43:04
ให้ตายสิโรบิ้น
มันน่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 01-06-2011 17:55:00
นพน่ารัก คุณไพทูรย์ก็น่ารัก ชอบอ่ะ ชอบ >_<
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 01-06-2011 19:03:47
คุณนพ น่ารักขนาดนี้ คุณไพฑูรก็ให้โอกาสบ้างเถอะจ้า

อายุห่างกันก็ไม่เป็นปัญหาหรอกกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: jamesnaka ที่ 01-06-2011 19:09:56
อยากจะร้องกรี๊ดดังๆ :oni2: ชอบแนวนี้มากค่ะ นายเอกแก่กว่าพระเอกเนี่ย  :o8:
นพขี้อาย น่ารักมากๆค่ะ หน้าแดงประจำ อิอิ
ส่วนคุณไพฑูรย์ แอ๊บโหดน่ารักอีกเหมือนกัน อิอิ

ขอบคุณสำหรับตอนที่ 1,2 และ 3 ค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 01-06-2011 19:28:08
คุณไพฑูรย์ฟอร์มเยอะจริง
นพน่ารักจัง ว่าแต่ไงมาชอบคนแก่ได้นี่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 01-06-2011 20:30:15
+1 ให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: tartar ที่ 01-06-2011 20:44:43
น่ารั๊กกกกกกกกกกอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 01-06-2011 23:22:54
กรี๊ด

มาให้กำลังใจเจ้า

เขียนดีมาก บทดี เนื้อเรื่องน่าติดตาม แอร๊ยยยยย

เอาใจช่วยเด็กน้อยนะคะ มัดใจหนุ่มใหญ่ให้ได้ในเร็ววัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 01-06-2011 23:35:22
อายุเปนเพียงตัวเลขเนาะ :oo1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ต่ายน้อย ที่ 02-06-2011 03:19:55
คุณไพฑูรณ์ค้า ถีบไหวเหรอ ฮุฮุ :laugh:
แอ๊ก! :z6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 02-06-2011 08:16:03
 :o8: :o8: :o8:
มาสมัคร ชมรม รักคนแก่ค่ะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ppgf ที่ 02-06-2011 08:56:11
อยากโดนเด็กกินมั่งอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-06-2011 08:58:48
ค่อยใกล้ชิดกันไปอีกนิดแล้วนะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 02-06-2011 09:34:40
มา +1 ให้ค่ะ  :กอด1:
สนุกมากกกค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 02-06-2011 10:01:32
ลุงฑูรย์น่ารักอะ ชอบๆๆๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 02-06-2011 10:23:56
บันไดขั้นที่4
   ผมคือคุณไพฑูรย์ อายุปาไปค่อนครึ่งศตวรรษแล้ว ทำงานที่บริษัทนี้มาตั้งแต่เพิ่งก่อร่างสร้างตัว เรียกว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้งเลยก็ว่าได้ ผ่านอะไรมามากต่อมาก ไม่ว่าเรื่องอะไร ผมจะจัดการให้มันสำเร็จลุล่วงหรือคลี่คลายไปได้เสมอ
   เพราะอย่างนี้แหละ ผมถึงได้นั่งวางท่ารอเจ้านพรัตน์มารับมาส่งได้เกือบสี่เดือนแล้ว
   “ไปกันเถอะครับ” นพรัตน์พูด พลางช่วยผมถือกระเป๋า ราคาจ่ายเท่าแท็กซี่ แต่บริการดีกว่าเป็นไหนๆ ในเมื่อเขาอยากทำ ผมก็ไม่มีสิทธิ์จะห้าม ดูซิว่าจะทนทำไปได้อีกกี่น้ำ
   “เย็นนี้จะทำอะไรทานกันดีครับ” เขาถามหลังจากที่ผมขึ้นรถแล้ว ผมนิ่งนึก ขณะที่รถแล่นออกไป
   “ยังนึกไม่ออก ไว้ไปตลาดแล้วค่อยว่ากันอีกที”
   หลังๆ เราเริ่มเบื่อการออกไปทานอาหารนอกบ้าน เขาเลยเสนอว่าควรจะทำอะไรง่ายๆ ทานกันเอง สี่เดือนผ่านไป หมอนี่เข้าออกบ้านผมราวกับบ้านตัวเองแล้ว ผมอนุญาตเองแหละ ไหนๆ เขาก็เวียนมาหาผมทุกวัน จนคิดว่าหมอนี่คงนอนไม่หลับ ถ้าไม่เห็นหลังคาบ้านผม ผมเองก็อยู่คนเดียว พอมีคนมาอยู่เป็นเพื่อนบ้าง ชีวิตก็มีสีสันขึ้นมาเยอะ
   ดังนั้น นายนพรัตน์จึงถือกุญแจบ้านบางดอกของผมเป็นที่เรียบร้อย
   “คืนนี้ผมมาค้างบ้านคุณได้รึเปล่า?”
   แน่ะ มุขนี้อีกแล้ว เดือนที่แล้วก็เพิ่งมาค้างไปสองวันไม่ใช่หรือไง?
   “จะมาค้างทำไมน่ะ อย่าบอกนะว่าพี่ชายพี่สาวออกไปเที่ยวอีก”
   นพรัตน์หัวเราะเขินๆ เออ สี่เดือนแล้ว หมอนี่ยังทำท่าเขินแบบนี้ได้อยู่อีก เชื่อเขาเลย อายุเท่าไหร่กันแน่นะ
   “ผมอยากมาค้าง ไม่ได้หรือ? พรุ่งนี้ก็วันเสาร์ เดี๋ยวเช่าหนังมาดูด้วยกันก็ได้ จะได้ไม่เบื่อ”
   ผมยกมือลูบคางอย่างใช้ความคิด พอนึกเหตุผลปฏิเสธไม่ออก ก็ได้แต่ส่งเสียงงึมงำในคอ เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เริ่มจ้อถึงหนังที่อยากดูขณะขับรถไปที่ทำงาน โดยมีผมเป็นลูกคู่คอยสนับสนุนและคัดค้านในบางเรื่อง
--------------------------------------------
   สัปดาห์นี้เรื่องวุ่นวายน้อยมากจนผมแทบทำป้ายประกาศ พลางนึกสงสัยว่านี่จะเป็นลางร้ายล่วงหน้ารึเปล่า ไม่ใช่ว่าเปิดมาสัปดาห์หน้าจะมีเรื่องมากองเป็นโขยงๆ อีกนะ นพรัตน์จัดเอกสารในห้องไปตามเรื่อง ขณะที่ผมนั่งจิบกาแฟ และอ่านหนังสือพิมพ์อย่างที่ทำเป็นประจำทุกเช้า ขณะที่กำลังคิดว่าหนังสือพิมพ์ตัวเล็กเกินไป หรือสายตาผมยาวเพิ่มกันแน่ เสียงเคาะประตูเบาๆ ก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงเปิดประตู
   “ธุระอะไรครับ?” นพรัตน์พูดตามหน้าที่ ผมเงยหน้าขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่วินาที
   !?
   “พี่ไพฑูรย์ ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
   ผมอึ้งสนิท แทบจะลืมไปด้วยซ้ำว่ากำลังยกมือขึ้นขยับแว่นอยู่ ที่เปิดประตูเข้ามาเป็นหนุ่มร่างใหญ่ ใส่เสื้อเชิ้ตสบายๆ อายุคงราวๆ สักสามสิบปลายๆ เกือบๆ สี่สิ ไม่สิ ปีนี้เขาอายุสามสิบเก้า ผมจำได้ ผมดำขลับตัดสั้นนั้นยังคงเป็นเงาสลวยเหมือนเดิม
   “พราย..” ผมได้ยินเสียงตัวเองเรียกออกไป ด้วยอารมณ์ไหนบอกไม่ถูก “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
   พรายโพยมคลี่ยิ้ม รอยยิ้มของเขาดูสุขุมขึ้น นุ่มขึ้น ไม่เหมือนเด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ ที่คอยตามผมเหมือนเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนอีกแล้ว เขากลายเป็นหนุ่มใหญ่ ตัวก็สูงขึ้น หน้าตาคมคายเหมือนเดิมแต่ก็มีเค้าเจนโลกอย่างเห็นได้ชัด เขาเปลี่ยนไปมากพอสมควร แต่ผมก็ยังจำเขาได้ตั้งแต่แรกเห็น
   เพราะผมเคยชอบเขาเอามากๆ ล่ะมั้ง
   “กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เช้านี้เลยแวะมาเยี่ยม พี่สายตาสั้นแล้วเหรอเนี่ย?” เขาถามอย่างแปลกใจ ผมเลยขี้เกียจจะบอกว่าสายตายาวต่างหาก
“เอาเถอะ ถึงไงพี่ก็แทบเหมือนเดิมเป๊ะเลย กี่ปีๆ ก็ดูดีไม่มีเปลี่ยน”
   “พูดเอาใจกันก็ไม่เลี้ยงข้าวหรอกนะ” ผมว่า พลางพูดต่อ “พี่อายุตั้งสี่สิบกว่าแล้ว จะไปดูดีเหมือนตอนอายุยี่สิบได้ยังไง”
   เขาหัวเราะ ถึงจะมีอายุแล้ว แต่เสน่ห์ในตัวของเขาก็ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
   “พี่ก็ชอบถล่มตัวเองอยู่เรื่อย ผมยังไม่เคยเห็นใครดูสมาร์ทเท่าพี่เลยนะ ขอบอก”
   ผมยกมือ บอกให้เขาเพลาๆ ลง “จะยอกันก็ให้มันน้อยๆ หน่อย อายเด็กมันบ้าง”
   เขามองไปทางนพรัตน์ที่นั่งอยู่ และยิ้ม “ผู้ช่วยของพี่หรือ? เด็กอยู่เลยนะ พี่พงษ์เล่าให้ผมฟังเหมือนกันว่าพี่ทำงานหนักน่าดู”
   “อืม” ผมส่งเสียงตามประสา ก่อนจะถามบ้าง “แล้วนี่กลับมาทำไมน่ะ จะย้ายมานี่แล้วหรือ?”
   “อ๋อเปล่า ผมมาธุระน่ะ แต่คงอยู่หลายวันหน่อย จริงสิ เย็นนี้ออกไปทานอาหารด้วยกันไหม ไม่เจอกันจะยี่สิบปีแล้ว ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่หลายเรื่องเลยล่ะ”
   ผมรู้ว่าพรายโพยมไปเป็นวิศวกรอยู่อเมริกาเกือบยี่สิบปีแล้ว สำเนียงของเขาจึงแปร่งไปบ้าง เพราะดีใจที่ไม่ได้เจอเขามานาน ผมเลยตอบรับไปทันที “เอาสิ”
   “โอเค งั้นเดี๋ยวตอนเย็นผมให้คนขับรถมารับแล้วกันนะ ขอตัวไปธุระก่อน” เขาว่า และกลับออกไป ผมพยักหน้า นึกแปลกใจระคนดีใจที่ในที่สุดก็ได้เจอเขาสักที แม้จะดูกะทันหันไปหน่อยก็เถอะ ขณะที่ผมกลับมาตั้งใจกับการอ่านหนังสือพิมพ์ เสียงของนพรัตน์ก็ดังขึ้น
   “แล้วมื้อเย็นของเราล่ะครับ?”
   ผมหันมองเขา แล้วเพิ่งนึกได้ “อืม... เอาไว้วันหลังแล้วกัน วันนี้ติดธุระแล้ว”
   นพรัตน์กะพริบตาปริบๆ และเงียบไปพักใหญ่ สักพักถึงได้ถามต่อ “เมื่อกี้ใครน่ะครับ”
   “อ๋อ” ผมพูดอย่างนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แนะนำเขาให้รู้จักเลย “น้องชายคุณพงษ์โพยม ชื่อคุณพรายโพยม เขาไปทำงานอยู่อเมริกาเกือบจะยี่สิบปีแล้วน่ะ”
   “แฟนเก่าคุณเหรอ?”
   ผมเกือบพ่นกาแฟที่เพิ่งดื่มเข้าไปออกมา “ว่าไงนะ?”
   “เปล่าครับ” นพรัตน์พูด ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า เหมือนเสียงเขาดูห้วนๆ ผมเลยหันไปมอง แต่เห็นเขาทำหน้าอย่างกับรูปปั้น
   “เดี๋ยวผมขอตัวไปแผนกไอทีหน่อยนะ” เขาพูด และผุดลุกขึ้น ผมมองตามอย่างแปลกใจ “ไปทำไมน่ะ”
   “ธุระครับ” นพรัตน์ตอบ เจอคำตอบแบบนี้ผมเลยไม่มีเหตุให้ถามอีก เอาเถอะ ปกติเขาก็ไม่ค่อยจะทำธุระส่วนตัวในเวลางานเท่าไหร่ วันนี้ก็งานไม่ค่อยเยอะ ปล่อยไปก็แล้วกัน
   ผมพยักหน้า ก้มลงอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ และได้ยินเขาเปิดประตูออกไป
-----------------------------------------------
   นพรัตน์หายออกไปจนถึงเวลาพักเที่ยง ผมเลยต้องออกมาทานข้าวคนเดียว พอผมเยี่ยมหน้าเข้าไปในโรงอาหาร มนุษย์ทุกคนก็เงียบกริบเช่นเคย ผมรู้สึกพอใจเล็กๆ ไม่ต้องมีเด็กๆ เดินตามหลังเสริมบารมี ผมก็ยังเป็นที่ขยาดเหมือนเดิมนั่นแหละ ผมกวาดตามองไปรอบๆ อย่างเคยชิน แล้วสะดุดเข้ากับโต๊ะหนึ่ง ที่แท้นายนพรัตน์มาทานข้าวอยู่กับพวกนายพัชระนี่เอง นพรัตน์เงยขึ้นมองผมในจังหวะนั้นเหมือนกัน แล้วก็หลบสายตาวูบ ผมแค่นลมหายใจออกทางจมูก และเดินปราดๆ ไปหาโต๊ะนั่ง
   จะนินทาอะไรไม่ว่าหรอก อย่าให้ผมได้ยินก็แล้วกัน
   โรงอาหารเงียบอย่างกับป่าช้า แต่ผมไม่สนใจ ยังคงนั่งทานข้าวออกแนวจะอ้อยอิ่งด้วยซ้ำ ดูซิ ระหว่างผมกับไอ้พวกนี้ ใครมันจะสติแตกก่อน นั่งทานไปได้พักหนึ่ง ก็ได้รู้สึกเหมือนมีใครเดินเข้ามาหา แวบแรกผมคิดว่าเป็นนายนพรัตน์ แต่วินาทีต่อมาก็ต้องบอกตัวเองว่าคิดผิด
   “พี่ไพฑูรย์ มาทานข้าวเร็วจัง ผมว่าจะแวะรับพี่ออกไปสักหน่อย”
   คนเดินมากลับเป็นพรายโพยม ด้านหลังเป็นฝรั่งในชุดสูทสากลอีกสองสามคน ผมมองหน้าเขาอย่างแปลกใจ
   “คนนี้เป็นหัวหน้างานผม อีกคนเป็นเพื่อนร่วมงาน เขาฟังพี่พงษ์เล่าเรื่องพี่แล้วเลยอยากคุยกับพี่น่ะ”
   พรายโพยมอธิบาย ผมมองฝรั่งหัวแดงสองคนที่ถูกแนะนำ อีกคนคงอายุสักสามสิบกว่าๆ ส่วนอีกคนที่บอกว่าเป็นเจ้านายอายุคงใกล้ห้าสิบเต็มที่ หรืออาจจะน้อยกว่านี้ก็ได้มั้ง เห็นว่าฝรั่งหน้าแก่ก่อนวัย
   ผมเหลือบมองโต๊ะนายนพรัตน์ และเห็นเจ้าตัวทำท่าจะลุกขึ้น หึ...คิดว่าผมต้องการผู้ช่วยอย่างเขาในการพูดกับฝรั่งหรือไง ผมมีพรายโพยมเป็นล่ามอยู่แล้ว อีกอย่างทักษะภาษาอังกฤษของผมก็ไม่ใช่ระดับเบสิก แค่ไม่ได้ทำงานฝ่ายต่างประเทศเท่านั้นเอง
   “ผมบอกแล้วว่าพี่สมาร์ทสุดๆ “ พรายโพยมพูดขึ้นหลังจากที่ผมถกปัญหาการบริหารคนอย่างหน้าดำหน้าแดงกับเจ้าฝรั่งสองคนนั่นจนหมดเวลาพักเที่ยง โรงอาหารที่เงียบเลยมีเสียงภาษาต่างประเทศดังขึ้นแทน ผมมองเขา ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ “พี่ก็เป็นของพี่แบบนี้แหละ”
   พรายโพยมหัวเราะ “อืม เพราะงี้แหละพี่ถึงดูสมาร์ท หมดเวลาพักแล้วนี่นะ พี่จะกลับไปทำงานเลยรึเปล่า?”
   “อืม” ผมพยักหน้า ถึงงานจะมีไม่ค่อยเยอะ แต่ใครจะรับประกันล่ะว่ามันจะไม่เข้ามาถล่มในช่วงบ่ายก่อนวันสุดสัปดาห์ พรายโพยมผงกศีรษะอย่างเข้าใจ หันไปคุยอะไรกับฝรั่งพวกนั้นสองสามคำ แล้วหันมาพูดกับผมต่อ “งั้นเย็นนี้ เจอกันนะ”
   “อืม” ผมตอบ และเดินออกไปพร้อมพวกเขา
-----------------------------------------------
   ผมไม่เงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำตอนที่นพรัตน์เปิดประตูเข้ามา แต่แน่นอนว่าผมดูนาฬิกา เขาหายไปสี่ชั่วโมงกับอีกสามสิบสองนาที ผมจะคิดบัญชีเรื่องนี้กับเขาวันหลัง ตอนนี้เพื่อความสบายใจ ผมจะปล่อยผ่านไปก่อน
   “คุณไพฑูรย์” นพรัตน์พูดเสียงค่อย ผมเห็นเขายืนอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่หน้าโต๊ะผมตั้งแต่เดินเข้ามาล่ะ แต่ผมไม่เงยหน้าขึ้นมองเขาหรอก ยังคงตั้งหน้าตั้งตาสนใจกับหนังสือร้องเรียนในมือต่อไป
   “ผมขอโทษ”
   ขอโทษเรื่องอะไรล่ะ หายไปสี่ชั่วโมงครึ่งกับเศษอีกสองนาที คำขอโทษมันช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ
   “อืม” ผมส่งเสียง ตายังคงไล่อ่านตัวหนังสือหวัดยิบๆ ในมือต่อ นพรัตน์ยังคงยืนอ้ำๆ อึ้งๆ
   “งานการไม่มีให้ทำหรือไง มายืนอยู่ได้” ผมว่า เมื่อเห็นเขายังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น นพรัตน์ขยับตัวอย่างอึดอัด แต่ก็ยอมเดินไปนั่งที่โต๊ะ ผมขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด สงสัยจะต้องทำแบบฟอร์มหนังสือร้องเรียนให้ ระบุให้เขียนตัวบรรจงและใหญ่กว่านี้ แล้วถ้าเรื่องมันเยอะมาก จะเขียนหลายแผ่นก็ได้ ไม่เข้าใจพวกเขียนหนังสือตัวเล็กๆ จริงๆ กะอีแค่ปากกาด้ามละไม่กี่บาท กระดาษก็ไม่ได้หายาก จะประหยัดอะไรกันนักกันหนา
   “คุณไพฑูรย์ คุณโกรธผมเหรอ?” นพรัตน์ที่นั่งเงียบไปได้พักหนึ่งถามขึ้นมาอีก ผมที่กำลังหงุดหงิดอยู่กับตัวหนังสือเบียดๆ พวกนั้น พยายามข่มใจตัวเองเต็มที่ “ไม่ได้โกรธ งานมีก็ทำๆ ไป หยุดถามได้แล้ว”
   เขาเงียบไปได้อึดใจหนึ่ง แล้วพูดออกมาอีก “คุณไพฑูรย์ หนังสือในมือคุณน่ะ ผมช่วยอ่านให้ไหม?”
   คราวนี้ผมหมดความอดทนจริงๆ วางหนังสือร้องเรียนลงบนโต๊ะเสียงดับตึ๊บ เงยหน้าขึ้นมองเขา เตรียมจะเทศนาค่าที่ทิ้งงานไปสี่ชั่วโมงกว่า แต่พอสบเข้ากับดวงตาสีดำอย่างกับลูกแมวที่มองตรงมา ผมก็เพิ่งจะยอมรับนี่แหละว่าโกรธเขาอยู่ แล้วไอ้ความโกรธนั่นมันก็วูบไปครึ่งหนึ่งทันทีที่เงยไปเห็นหน้า
   เอาเถอะ เดิมทีผมตั้งใจจะคิดบัญชีเรื่องนี้วันหลังอยู่แล้ว ปล่อยไปสักวันแล้วกัน อีกอย่าง ตัวหนังสือพวกนี้ก็อ่านลำบาก จ้องมาตั้งนานจนเริ่มปวดตาแล้ว
   “อืม” ผมยอมลงให้เขาในที่สุด และเสือกหนังสือฉบับนั้นไปด้านหน้า นพรัตน์รีบเดินเข้ามา ยิ้มแทบหุบไม่ลง
   เออ ผมโกรธเขาทำไมนะ....
   แล้วเขาก็เริ่มอ่านหนังสือร้องเรียนนั้นให้ผมฟัง กว่าจะอ่านจบผมก็แทบหอบ ไม่ใช่ว่าเขาอ่านไม่คล่อง เสียงไม่ดีอะไรหรอก แต่เพราะมันเป็นเรื่องเดิมๆ อีกแล้ว เชื่อเลยว่าผมนั่งทนแกะตัวหนังสือเบียดๆ นั่น แล้วได้เรื่องงี่เง่าแบบนี้มา
   ผมว่าถ้าผมเลิกทำงานที่นี่ ผมน่าจะไปเป็นกองบก.นิตยาสารนิยายน้ำเน่าได้
   “เอาล่ะ พอๆ ขอบใจมาก” ผมพูด ขี้เกียจให้เขาเปลืองน้ำลายอ่านต่อ เพราะพอจะเดาตอนจบได้ นพรัตน์มองหน้าผม และส่งหนังสือคืนแต่โดยดี ก่อนจะกลับไปนั่งที่โต๊ะ คงกลัวว่าขืนยืนอ้อยอิ่งอยู่จะสะกิดต่อมหงุดหงิดของผมขึ้นมาอีก
   “คุณไพฑูรย์ เย็นนี้จะไปทานข้าวที่ไหนหรือครับ ให้ผมไปส่งนะ” นพรัตน์ถามผมตอนอีกสิบนาทีจะได้เวลาเลิกงาน ผมมองเขา และสั่นศีรษะ
   “ไม่ต้องหรอก วันนี้ออกไปเที่ยวกับเพื่อนกับฝูงเถอะ ทำงานนานๆ มันเครียด เดี๋ยวผมคงนั่งรถไปกับคุณพรายเลย”
   เขาทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นพยักหน้า ผมเลยพูดต่อ
   “คุณนพ คุณยังหนุ่มอยู่นะ ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงเสียบ้าง ไปทำอะไรผ่อนคลาย คุณไม่ต้องตามดูแลผมตลอดหรอก ผมยังไม่แก่ขนาดนั้น”
   “ครับ..ผมรู้” เขาพูด และเงียบไปอีก ผมมองนาฬิกา
   “ถ้าทำงานเสร็จแล้วก็กลับเถอะ เดี๋ยวผมจะอยู่รอคุณพรายที่นี่แหละ”
   นพรัตน์ทำท่าละล้าละลังอยู่อีกพัก แต่ในที่สุดก็ยอมกลับไป
   “เจอกันนะครับ ดูแลตัวเองด้วยนะ” เขาพูด ตอนที่เปิดประตูออกไป ผมนึกขำนิดๆ เมื่อนึกว่าเขาที่อายุคราวลูกมาพูดราวกับผมเป็นเด็กๆ ผมถอนหายใจ มองดูนาฬิกา
   พรายโพยม....
   เกือบยี่สิบปีที่ไม่ได้เจอเขา จะว่าสั้นก็สั้น จะว่ายาวก็ยาว เหมือนช่วงจากกันใหม่ๆ ผมมีอะไรอยากพูดกับเขามากมาย พอห่างไปสักพัก ผมก็คิดถึงเขาแทบทนไม่ไหว แต่หลังจากนั้น ทุกอย่างก็เหมือนภาพฝัน บางทีผมก็นึกถึงเรื่องระหว่างเขากับผมได้แจ่มชัด บางทีก็เลือนลางเหมือนไม่ได้เกิดขึ้นจริง
   จะยี่สิบปีแล้ว....
-----------------------------------------------
   ผมอึ้งนิดหน่อย เมื่อพบว่าในรถนอกจากคนขับแล้ว ยังมีเพื่อนฝรั่งของพรายโพยมอีกสองคน เอาเถอะ เขาคงอยากคุยเรื่องงานกับผมนั่นแหละ ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะหวังอะไรได้มากกว่านี้ ดีหน่อยที่พรายโพยมให้ผมนั่งด้านหน้า เลยไม่ต้องทนเบียดกับฝรั่งตัวใหญ่ๆ พวกนั้น
   “เดี๋ยวผมขอแวะไปส่งเพื่อนก่อนนะ” เขาพูด ผมพยักหน้าอย่างไม่ทันคิดอะไร พลางนึกว่าจะรับมือกับฝรั่งพวกนั้นอย่างไรดี จนกระทั่งสองคนนั่นลงจากรถ หายเข้าโรงแรมไปนั่นแหละ
   “พราย..” ผมเรียกชื่อเขา และหันกลับมามอง พอเห็นหน้า เสียงผมก็หายไปแค่นั้น
   “อยากทานอะไรล่ะครับพี่” เขาถาม พร้อมกับยิ้มอ่อนโยน ผมพูดไม่ออกเลยจริงๆ
   แว้บนั้นผมรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองอีกครั้ง

   พรายโพยมพาผมมาทานอาหารในโรงแรมที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ใช่ว่าผมไม่มีปัญหาจะจ่ายเงินเข้ามาทานอาหารในโรงแรมหรูแบบนี้ เพียงแต่รู้สึกว่าบรรยากาศมันอึดอัดไปสักหน่อยเท่านั้นเอง เขาสั่งอาหาร แน่นอนว่าเป็นของชอบผมทั้งนั้น ผมรู้สึกตื้นตันอยู่ลึกๆ ที่เขายังจำรายละเอียดเกี่ยวกับผมได้
   “งานที่อเมริกาเป็นไงบ้าง” ผมเป็นฝ่ายเริ่มต้นการสนทนาก่อน เขายิ้ม และตอบคำถามผม “ก็งั้นๆ แหละ เคี่ยวกันไปคนละอย่างกับเมืองไทย ดีตรงค่าแรงเยอะกว่าล่ะมั้ง”
   ผมพยักหน้า พลางมองหน้าเขา พรายโพยมยังคงหล่อเหลาคมคายเหมือนเดิม ยิ่งพอโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้ยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์
   “โตขึ้นเยอะเลยนะ เหมือนไม่เห็นกันแค่แว้บเดียวเอง” ผมว่า เขาหัวเราะ “จะบอกว่าผมแก่ขึ้นหรือครับ? ผมว่าพี่สิไม่เปลี่ยนไปเลย อย่างกับถูกจับสตาฟไว้”
   ผมหัวเราะบ้าง “พี่แก่แล้ว ยิ่งพออายุขึ้นเลขสี่นี่ยิ่งชัดเลยล่ะ คนเราพอแก่ตัวไปก็ทำอะไรๆ ได้ไม่เท่าเมื่อก่อนแล้ว สู้คนหนุ่มๆ ก็ไม่ได้”
   “โห อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ เดี๋ยวผมก็ขึ้นเลขสี่ตามพี่แล้วนะ” เขาว่าและทำตาโต ผมหัวเราะอีก “ตามไงก็ไม่ทันหรอก”
   เขาหัวเราะขึ้นบ้าง เหมือนนานแล้วที่เขากับผมไม่ได้พูดคุยแล้วหัวเราะกันแบบนี้ อืม.. ก็มันตั้งเกือบยี่สิบปีแล้วนี่นา
   “แล้วงานพี่ล่ะเป็นไง พี่พงษ์ใช้งานโหดเกิดไปมั้ย?”
   ผมสั่นศีรษะ “ก็ธรรมดาแหละ มีเครียดบ้างบางเวลา”
   “อืม ก็งานจัดการทรัพยากรมนุษย์นี่นะ ผมล่ะโคตรนับถือเลย พี่ทำเข้าไปได้ไง เป็นผมนะ คงสติแตกก่อนแล้วล่ะ”
   ผมตอบยิ้มๆ “จะทำมันก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ”
   เขายกมือชูนิ้วโป้ง “นี่แหละ ผมถึงมองว่าพี่สมาร์ท เพอร์เฟกต์สุดๆ ผมไม่เสียดายเวลาเลยนะ ที่ได้คบกับพี่ พี่เป็นผู้ชายที่สุดยอดมาก ผ่านมาเกือบยี่สิบปีแล้ว พี่ยังสุดยอดอยู่เลย”
   ผมอึ้งไปถนัด นี่เขากำลังจะพูดถึงสมัยที่เราคบกันอยู่หรือ เขายังจำช่วงเวลานั้นได้หรือ?
   เขาขยับตัว มองผมด้วยสายตาเหมือนเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน ไม่น่าเชื่อเลยว่าผ่านมาถึงตอนนี้แล้ว เขายังมีแววตาแบบนี้ให้ผมได้อยู่
   “ผมรู้ พี่จำไม่ได้หรอก พี่คบผมเพราะความเคยชิน ผมไม่โกรธพี่หรอกนะ ก็พี่สมาร์ทออกขนาดนี้ อย่างผมก็แค่เด็กกะโปโลคนหนึ่งเท่านั้นแหละ ตอนนั้นผมตั้งใจแค่จะขู่พี่ว่าผมจะไปเรียนต่อ เผื่อพี่จะแสดงว่ามองผมอยู่บ้าง แต่ว่า... พี่ก็ปล่อยผมไป ผมถึงได้รู้ พี่ไม่ได้มองผม ไม่ได้รู้สึกกับผมแบบนั้นเลย”
   ผมอ้าปากค้าง จะพูด แต่ก็ไม่มีเสียง
   ผมปล่อยเขาไป...?!
   “ขอโทษนะพี่” เขาพูดเหมือนนึกได้ “ผมเอาเรื่องตัวเองมาพูดแบบนี้ แต่ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่จริงๆ นั่นแหละ พอเจอพี่เมิน ผมเลยประชดไปไม่กลับมันเสียเลย มานึกได้ตอนหลังว่าผมก็เกินไปเหมือนกัน ถึงพี่ไม่คิดอะไรแต่ผมน่าจะติดต่อพี่กลับบ้าง แต่กว่าจะคิดได้มันก็หลายปีแล้ว สุดท้ายก็เลยคิดว่ายังไงคงต้องหาโอกาสมาเจอพี่สักครั้ง อยากจะขอโทษพี่ที่ผมหายหน้าไปนานขนาดนี้”
   ผมรู้สึกคอแห้ง ในหัวตื้อไปหมด หน้าเขาก็ดูจะพร่าไปเสียเฉยๆ
   ผมปล่อยผู้ชายคนนี้ไปเอง?....
   พราย....
   
   “พี่ไพฑูรย์ ผมจะไปเรียนต่ออเมริกาล่ะ” วันนั้นพรายโพยมวิ่งมาบอกผมด้วยสีหน้าระรื่นใจ ผมมองหน้าเขา แล้วพูดยิ้มๆ “เอาสิ มีโอกาสแล้วนี่”
   ผมไม่รู้เลยว่าที่หน้าเขาซีดลงตอนนั้นเพราะคำพูดของผมเอง
   ผมไม่เคยนึกเลย ผมไม่เคยรู้สึกเลย...
   ผม..............
   
   “เดือนหน้าผมจะแต่งงานแล้ว ผู้ชายอายุสามเก้าแต่งงาน พี่ว่าไม่แก่หรอกเนอะ ผมเอาการ์ดมาให้พี่ด้วย ถ้าพี่จะไป เดี๋ยวผมซื้อตั๋วไว้ให้เลย”
   ผมหูอื้อ ตาพร่า หัวใจที่ต่อให้มีเรื่องน่าหงุดหงิดขนาดไหนก็ไม่เคยเต้นแรง ตอนนี้เต้นจนปวดไปหมด
   “พี่ไพฑูรย์” ได้ยินเสียงพรายโพยมเรียกชื่อผมอย่างตกใจ “พี่ร้องไห้?”
   “อื้อ” ผมพยักหน้า “แหม...ก็ใครจะคิดล่ะว่าเด็กกะโปโลตอนนั้นจะมาพูดอะไรเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ พี่ซึ้งจนน้ำตาไหลเลยเนี่ย”
   “เอ่อ...แหม.... พี่อึ้งผมขนาดนี้เลยหรือนี่ ผมอายเหมือนกันนะ” เขาว่า และยิ้ม ผมยิ้ม ใช่ล่ะ ผมคือไพฑูรย์ ผู้ชายอายุสี่สิบสองจะสี่สิบสาม ผมผ่านอะไรมามากแล้ว ผมจัดการปัญหาทุกอย่างได้ ขอแค่ผมอยากทำ ขอแค่ผมตั้งใจ อะไรๆ ผมก็จัดการได้ทั้งนั้น....
   ผมอยู่ทานข้าวกับเขาจนดึก คุยนั่นคุยนี่ตามประสาคนไม่ได้เจอกันนาน ผมรู้ว่าเขายังเหมือนเดิม และผมเองก็ยังเหมือนเดิม เราทั้งคู่เหมือนเดิม ทุกอย่างถูกกำหนดให้เป็นไปแต่แรกอยู่แล้ว เราสองคนแค่พลาด ที่ต่างฝ่ายต่างไม่เปลี่ยนไปเลย ถ้าผมรู้ใจตัวเองเร็วกว่านี้อีกนิด ถ้าเขากล้าพูดกับผมตรงๆ กว่านั้นอีกหน่อย
   แต่....มันคงเป็นไปไมได้อีกแล้ว....
   ผมเดินคู่ออกมากับเขา อาหารน่าจะอร่อย แต่ที่ผมรู้สึกคือรสชาติขมเฝื่อนในปาก พรายโพยมเรียกรถ ขณะที่ผมกำลังจะขยับเข้าไปนั่ง สายตาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่ง
   “คุณไพฑูรย์” เขาเรียกผมก่อนที่ผมจะทันทักเขาเสียอีก ผมเงยหน้าจากรถ มองดูเด็กหนุ่มอายุยี่สิบกว่าๆ ที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามา
   “คุณนพ” ผมทักเขา รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกันที่ได้เห็นเขาที่นี่ นพรัตน์ยังอยู่ในชุดเดิมกับที่ทำงาน เขามองผม ขณะที่พรายโพยมชะโงกหน้าออกมา “อ้าว น้องที่ทำงานอยู่ที่ห้องพี่นี่”
   ผมพยักหน้า แต่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ได้ยินเสียงนพรัตน์พูดขึ้น “พอดีผมบังเอิญผ่านมาน่ะ”
   ไม่รู้พรายโพยมคิดไง แต่สำหรับผม ผมว่าข้อแก้ตัวของเขาฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย ผมหันไปยิ้มกับพรายโพยมที่นั่งทำหน้างงอยู่บนรถ ก่อนจะหันมามองเขา และถอนหายใจ
   “พราย พี่กลับกับน้องเขาแล้วกัน พอดีบ้านเขาอยู่ใกล้บ้านพี่ นี่ก็ดึกแล้ว พรายจะได้กลับไปพักผ่อน”
   “เอางั้นก็ได้” พรายโพยมยอมตกลงหลังจากอึ้งไปพักหนึ่ง เขาปิดประตูรถ ขณะที่ผมหันไปมองนพรัตน์ “เอารถมารึเปล่าน่ะ ถ้าไม่เอามาจะได้เรียกแท็กซี่”
   บนหน้าของนพรัตน์ค่อยมีรอยยิ้มขึ้นมา สุดท้ายก็ยิ้มแก้มแทบปริเหมือนเดิม
   “เอามาครับ”
---------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่3 1/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 02-06-2011 10:24:23
   ผมนั่งเงียบมาตลอดทาง เจ้านพรัตน์ก็รู้หน้าที่ดีอีกเช่นเคย พอเห็นผมเงียบ ก็หาเพลงบรรเลงที่ผมชอบมาเปิดเบาๆ แล้วก็ขับรถไปเงียบๆ
   ผมเอนหลังพิงเบาะ มองดูแสงไฟตามถนนที่วูบวาบเข้ามา สมองเบลอๆ ไปหมด ไม่รู้ว่าจะคิดต่อไปในทางไหน ภาพรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพรายโพยมปรากฏขึ้นในห้วงความคิด ทั้งภาพเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน และภาพที่เพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน
   หัวใจผมปวดแปลบ แต่ไม่ถึงขนาดตอนที่เขาจากไปอีกแล้ว เขาแค่กลับมา พูดความในใจของตัวเอง ทำให้คนอย่างผมเข้าใจอะไรได้มากขึ้น ทำให้คนอย่างผมรู้ตัวเองมากขึ้น
   เกือบยี่สิบปีแล้ว เยื่อใยของผมที่มีต่อเขามันก็ขาดไปเยอะแล้วเหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไม น้ำตามันถึงได้ไหลออกมาในตอนนั้น
   คงเป็นสายใยสุดท้ายที่ผมยังเหลืออยู่ล่ะมั้ง…..
---------------------------------------------------
   ผมสะดุ้ง ตอนที่นพรัตน์เรียกชื่อ “คุณไพฑูรย์ครับ ถึงแล้ว”
   ผมลืมตาขึ้นมองเขา เห็นเขามองลงมาด้วยสีหน้าเป็นห่วง “เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
   ผมสั่นศีรษะ ยันตัวลุกขึ้น และยุดมือที่เขายื่นเข้ามาก่อนจะขยับตัวออกไปยืนนอกรถ พอเห็นผมเซหน่อยเดียว เขาก็แสดงอาการเป็นห่วงจนออกนอกหน้า
   “ไหวรึเปล่าครับ?”
   “อืม” ผมส่งเสียง และก้าวเดินออกไปตามปกติ แต่ทำไมขามันถึงสั่นนักก็ไม่รู้ ผมบังคับมืออยู่นาน กว่าจะสอดกุญแจเข้าไปไขประตูบ้านได้ นพรัตน์ยืนอยู่ที่หน้าประตู เหมือนจะรอให้แน่ใจว่าผมคงไม่ล้มลงไประหว่างนี้ ผมหันไปมองเขา มองตาซื่อๆ คู่นั้น แล้วพูดออกไป
   “คืนนี้จะค้างรึเปล่า?”
   เขาเบิ่งตากว้างอย่างแปลกใจพอสมควร แต่ก็พยักหน้า “ครับ”
   “นอนโซฟาเหมือนเดิมแล้วกัน” ผมพูด พลางดึงเนกไทออก หัวใจผมไม่ทำงานหนักขนาดนี้มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ถ้าหากพรุ่งนี้มันเกิดหนีงานไปดื้อๆ จะได้มีคนโทรบอกให้วัดมารับไปทัน
   ผมก็แค่เผื่อเอาไว้ เท่านั้นเอง....
--------------------------------------------------
   ผมทิ้งตัวนอนบนเตียงอย่างคนสิ้นเรี่ยวสิ้นแรง ในหัวมีแต่ภาพของพรายโพยมเต็มไปหมด ได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อผม
   พี่ไพฑูรย์
   เขาอยู่ตรงหน้าผม เรียกชื่อผม สารภาพความในใจกับผม บอกผมว่าชอบ บอกว่ารู้สึกดีกับผม ผมคิดเหมือนเขาทุกอย่าง แต่ผมพูดตอบเขาไปไม่ออกเลยสักคำ
   ราวกับคำพูดพวกนั้นกลายเป็นด้ายร้อยเย็บปากของผมเอาไว้
   ผมรู้สึกตัวช้าเกินไป เขามาพูดกับผมช้าเกินไป เราทั้งคู่ต่างสายป่านขาดกันแล้ว แต่ทำไมถึงมีแต่ผมที่ยังเจ็บอกแปลบๆ
   เพราะเขาได้พูดความในใจที่เก็บมาเป็นสิบปีนั้นแล้ว แต่ผมกลับไม่ได้พูดออกไปเลย มันเลยไหลย้อนให้ผมเจ็บร้าวอยู่ในตอนนี้
   ผมจะพูดออกไปได้อย่างไร ในเมื่อเขากำลังจะมีชีวิตใหม่ เราเดินห่างกันมาไกลเกินจะย้อนกลับแล้ว
   ถึงจะรู้อย่างนั้น หัวใจของผมยังคงเจ็บแปลบๆ เจ็บซ้ำที่เดิมเหมือนเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ราวกับแผลใจถูกแหวะฉีกออกมาอีกครั้ง
   พราย....
   ผมรู้สึกเหมือนตัวเองละเมอเรียกชื่อเขา จากนั้นก็เหมือนได้ยินเสียงใครบางคนเรียกชื่อผม
   คุณไพฑูรย์
   ผมไม่รู้ว่าใคร ผมนึกอะไรไม่ออก เสียงนั้นคุ้นหู แต่ใครกัน? อกผมปวดแทบระเบิด ตัวสั่นกึกๆ เหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ใครคนนั้นกอดผมเอาไว้ ลูบตัวผมอย่างอ่อนโยน กระซิบปลอบผมเบาๆ
   ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะครับ
   เสียงนั้นคุ้นหู แต่ผมนึกไม่ออกเอาเสียเลยว่าเป็นเสียงใคร ถึงอย่างนั้นผมก็กอดตอบเขา เพราะตัวเขาอุ่นเหลือเกิน อุ่นจนผมคิดว่าคงพอทำให้ตัวของผมที่สั่นอยู่หายสั่นลงไปได้ อ้อมกอดของเขาอ่อนโยน คงจะพอปลอบประโลมหัวใจที่เต้นราวกับจะหลุดออกมาของผมลงได้
   ผมกอดใครคนนั้นเอาไว้เหมือนคนเรือแตกที่คว้าอะไรได้ก็รีบคว้า
   ในสภาวะแบบนี้ ผมวางมาดต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
------------------------------------------------
   ผมตื่นมาด้วยอาการเบลอๆ ในเช้าวันรุ่งขึ้น และรู้สึกเหมือนมีใครนอนอยู่ข้างๆ ผมรู้สึกตัวตื่นเต็มที่หลังจากนั้นไม่กี่วินาที
   นพรัตน์นอนหลับซุกหมอนอยู่ ใส่ชุดนอนเรียบร้อย ตัวผมเองก็ไม่มีอะไรผิดปกติ จึงตัดเรื่องอย่างนั้นทิ้งไปได้เลย
   ผมนึกทบทวน เมื่อวานผมถูกพรายโพยมคุ้ยแผลเก่าอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผมเจ็บอกจนหน้ามืด เลยชวนนพรัตน์มาค้างด้วย เพราะกลัวจะหัวใจวายตาย เจ้าหมอนี่คงขึ้นมาดูผมตามประสาพวกขี้เป็นห่วง แล้วท่าทางจะเห็นผมละเมอ ก็เลยมานอนเป็นเพื่อนล่ะมั้ง
   ผมพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวเมื่อคืนอย่างจำได้บ้างไม่ได้บ้าง และนึกอนาถตัวเอง นี่สินะ ที่เขาเรียกว่าขาดสติ ผมทำอย่างกับว่าจะขาดใจตายเสียให้ได้ กับแค่ได้รู้ความในใจของพรายโพยมช้าไปเกือบยี่สิบปี....
   เรื่องเมื่อวานทำเอาผมช็อก แต่ก็ได้แค่นั้นแหละ วันนี้หัวใจผมกลับมาเต้นเป็นปกติ กลับเป็นไพฑูรย์คนเดิมแล้ว ปัญหาคือ จะทำยังไงกับเจ้าเด็กนี่ดี......
   ผมว่านพรัตน์รู้เรื่องผมมากไปแล้ว หมอนี่เห็นสภาพทุเรศทุรังของผมหลายอย่าง นับเป็นมนุษย์คนแรกในโลกที่ได้เห็นคนอย่างผมครบทุกสภาพแบบนี้ นึกแล้วก็อยากบีบคอปิดปากเสียตอนนี้เลย ติดแต่หน้าตอนนอนของหมอนี่ไร้เดียงสาเสียไม่มี ไม่รู้เลยหรือไงว่านอนเตียงคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่
   แล้วจะว่าไป หมอนี่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักอย่าง....
   ผมนึกสงสัยว่านพรัตน์เข้าหาผมเพราะหวังอะไรกันแน่ เหมือนเขาจะจีบผม แต่อายุห่างกันขนาดนี้ ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่หรอก ถึงจะมีเรื่องอาจารย์ที่เขาเล่าก็เถอะ ใครจะไปรู้ว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า หมอนี่คิดอะไรอยู่กันแน่นะ ผมไม่เข้าใจจริงๆ
   ถ้าเขาบอกผมว่าชอบ แล้วผมจะตอบเขาไปว่าอย่างไรนะ...
   ผมมองหน้านพรัตน์ที่นอนหลับอยู่ และบอกตัวเองว่าหยุดฟุ้งซ่านเสียที เขาจะทำเพราะอะไรก็ช่าง ผมก็ต้องเป็นผมนี่แหละ ความรู้สึกของเด็กอายุแค่ยี่สิบกว่า มันจะมั่นคงได้อย่างไรกัน เพราะฉะนั้น คนอายุสี่สิบกว่าแบบผม จึงสมควรที่สุดที่จะรักษาจุดยืนของตัวเองเอาไว้ให้มั่น
   อย่าให้หลุดเหมือนเมื่อวานนี้อีก
-----------------------------------------
   “อือ...อืม...หืม.. อรุณสวัสดิ์ครับ” นพรัตน์พูดอย่างรู้สึกตัวและแทบจะกระโดดลงจากเตียงตอนที่ลืมตาขึ้นมาเห็นผมยืนท้าวสะเอวอยู่
   “อืม ไง นอนหลับสบายไหม?” ผมถาม พยายามทำท่าทางไม่ให้เหมือนประชด เพราะผมนึกคำพูดที่ดีกว่านี้ไม่ออกเหมือนกัน
   “อ้อ...ครับ” เขาพยักหน้า และหน้าแดงวาบ เม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นบาง เวลาเห็นเขาทำแบบนี้ ผมล่ะอยากจะเดินไปถีบจริงๆ อายุตั้งเท่าไหร่แล้ว ยังจะทำท่าอายเหมือนเด็กๆ อยู่อีก
   แต่แน่นอนว่าคนอย่างผมไม่ทำอะไรป่าเถื่อนแบบนั้น ดังนั้นผมจึงยืนมองเขา รอให้เขาเป็นฝ่ายพูดบ้าง เผื่อผมจะพอนึกคำพูดต่อออก
   นพรัตน์ยังคงทำท่าอายม้วนต่อ เชื่อเลย เขาเขินอย่างกับว่าถูกผมจับปล้ำเมื่อวานงั้นแหละ ทำเอาหนังหน้าคนอายุสี่สิบกว่าๆ อย่างผมพลอยร้อนไปด้วย เด็กบ้านี่ น่าถีบจริงๆ
   “คุณนพ เรื่องเมื่อวานน่ะ คุณอย่าเก็บเอามาคิดมากเลยนะ” ในที่สุดผมก็เป็นฝ่ายพูดออกไปก่อน เพราะท่าทางปล่อยไป เขาคงได้ม้วนตัวเข้าไปในที่นอนแน่ๆ นพรัตน์หยุดเขิน เงยหน้าขึ้นมองผมทันที ผมไม่ปล่อยโอกาสได้เขาได้พูดอะไร เพราะถ้ามันจี้ใจดำผมขึ้นมา ผมคงแย่
   “คุณพรายโพยมกับผมมีเรื่องกันนิดหน่อย แต่เข้าใจกันแล้ว เมื่อวานผมแค่ตกใจ คุณเข้าใจนะ”
   เขาพยักหน้าหงึกๆ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเขาไม่เข้าใจ หรืออาจจะเข้าใจดีเกินกว่าที่ผมอยากให้เป็นนะ
   “แล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ” เขาถามออกมาบ้าง ผมสั่นศีรษะ “ผมสบายดีแล้ว หายแล้วล่ะ บอกแล้วว่าผมตกใจเฉยๆ “
   “อือ ผมรู้”
   รู้อะไรของนายน่ะ ผมนึกในใจ แล้วพูดต่อ “ถ้าเจอคุณพราย ไม่ต้องทำหน้าอะไรใส่เขานะ ทำเฉยๆ เหมือนปกตินั่นแหละ รู้แล้วใช่ไหมว่าเขาเป็นน้องคุณพงษ์โพยม”
   “คุณรู้ได้ไงว่าผมจะทำหน้าอะไรใส่เขา” นพรัตน์ถาม ผมว่าตอนนี้เขาทำหน้าแกล้งซื่อแน่ๆ ผมขมวดคิ้ว ทำหน้าจริงจัง พูดด้วยเสียงดุๆ “เอาว่าผมรู้แล้วกัน สัญญาสิว่าจะทำหน้าตาปกติ”
   นพรัตน์เม้มปาก ยิ้มจนเห็นลักยิ้มบนแก้ม ผมว่าเขาคงเกรงใจผมมั้ง ไม่งั้นคงยิ้มจนเห็นเขี้ยวแล้วล่ะ
   “ครับ ผมสัญญา”
---------------------------------------------------------
   สุดท้ายนายนพรัตน์ก็ได้ทั้งนอนค้างและทำกับข้าวทานกับผมเหมือนที่ได้ตกลงกันเอาไว้ตอนแรก ถึงจะเปลี่ยนจากเมื่อเย็นวานมาเป็นเช้าอีกวันแทนก็เถอะ ตอนนี้ผมกับเขากำลังเดินซื้อของไปทำมื้อเที่ยงกันในห้างฯ เพราะเราตื่นสายโด่งจนตลาดวายหมดแล้ว
   เขาชวนผมซื้อนั่นซื้อนี่ด้วยอาการของคนอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ปกติหมอนี่ก็อารมณ์ดีอยู่แล้ว แต่วันนี้เหมือนจะยิ่งดีกว่าวันอื่น วัดได้จากอัตราการยิ้ม ที่แทบจะไม่หุบเลยทีเดียว ผมมองๆ แล้วสงสัยว่าชาติก่อนเขาคงเคยประกวดได้นางสาวไทย
   “ถามจริงเถอะ มาค้างกับผมแบบนี้ ที่บ้านไม่ว่าอะไรเหรอ?” ผมถามเขาตอนที่เรากลับขึ้นรถแล้ว เขาสั่นศีรษะ
   “พี่ชายผมแต่งงานแล้วนะ พี่สาวก็ด้วย แต่เขาแวะมาเยี่ยมผมบ่อยก็เท่านั้นแหละ พ่อแม่ก็เสียแล้ว ความจริงผมก็เกือบจะเหลืออยู่ที่บ้านคนเดียวแล้วล่ะ”
   “อ้าว แล้วนี่ไม่วางแผนแต่งงานบ้างหรือไง หรือเก็บเงินอยู่” ผมแซว เขาหันมามอง ทำหน้ามุ่ย
   “ผมบอกแล้วว่ายังไม่มีแฟน รออยู่เหมือนกัน ไม่รู้จะได้รึเปล่า”
   “ถ้าอายุเยอะกว่ามากๆ ผมว่าไม่ไหวหรอก เชื่อสิ”
   “คุณไม่เคยชอบคนอายุมากกว่า คุณจะรู้ได้ไง” เขาเถียง ทำหน้าไม่เชื่อสุดๆ ผมเลยปั้นหน้าทรงภูมิเต็มที่ “รู้สิ อย่างน้อยผมก็อายุมาก....”
   พูดไปก็กระดากตัวเอง ผมกำลังเล่นอะไรกับเขากันแน่เนี่ย ได้ยินเสียงนพรัตน์พูดต่ออย่างร้อนรน “งั้นไม่ต้องบอกผมนะ ผมไม่อยากรู้”
   “ทำไมล่ะ”
   “ผมกลัวอกหัก”
   เหลือเชื่อจริงๆ คำนี้ของเขาเล่นเอาผมพูดต่อไม่ออก นพรัตน์นิ่งไปอีกพักหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมายิ้มจนเห็นเขี้ยว
   ผมล่ะนึกอยากถีบเขาขึ้นมาตะหงิดๆ
----------------------------------------------------
   ก่อนถึงบ้าน นพรัตน์ยังชวนผมแวะเช่าหนังอีกสองเรื่อง กะว่าจะเอาให้ครบตามคำพูดที่พูดกันวันนั้นเลยทีเดียว เอาเถอะ วันเสาร์ก็ว่างๆ ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ขณะที่กำลังเลือกว่าจะดูเรื่องอะไร ผมก็มีโทรศัพท์เข้ามา
   “สวัสดีครับ อ้อ...พรายเหรอ?” ผมพูดโทรศัพท์อย่างไม่ทันนึก หันไปมองอีกทีก็เห็นนพรัตน์จ้องเขม็ง สงสัยจะได้ยินว่าผมเรียกชื่อใคร
   “พี่ไพฑูรย์ วันนี้ว่างรึเปล่า ผมจะออกไปซื้อของฝากแฟน ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
   ผมมองนพรัตน์ แล้วกะพริบตาปริบๆ “พี่ไม่ว่างหรอก ติดธุระอยู่ โทษทีนะ”
   “อ๋อ งั้นไม่เป็นไร ไว้เจอกันนะ” เขาว่าและวางสายไป ผมเงยหน้าอีกทีก็เห็นเจ้าเด็กนั่นยิ้มแก้มแทบปริ เอ่อ... ผมแค่ไม่อยากไปซื้อของฝากแฟนคนอื่น ก็แค่นั้นเอง เจ้านี่เข้าใจไปถึงไหนเนี่ย
   ผมขี้เกียจอธิบายเหตุผล เพราะไม่รู้จะอธิบายไปเพื่ออะไร นพรัตน์ดูอารมณ์ดีสุดๆ ชนิดแทบจะอุ้มผมลงจากรถตอนที่กลับถึงบ้าน ผมเลยรีบยัดถุงข้าวของใส่มือของเขาแทน
   เที่ยงนั้นเราทำข้าวผัดแฮมกินกัน ฝีมือทำครัวเขายังคงไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม ช่วยได้แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างต้มน้ำ ล้างผัก แล้วก็ล้างชามเท่านั้นแหละ จากนั้นเราก็ทอดข้าวเกรียบเพื่อจะเอาไปนั่งทานกันตอนดูหนังแผ่นหน้าจอทีวี ปรากฏว่าเขาก็ยังทอดไหม้อีก ผมล่ะแทบจะจับเขาเข้าคอร์สเรียนทำครัวจริงๆ พอผมบ่นๆ มากๆ นพรัตน์ก็จะทำหน้าเจื่อนๆ แล้วช้อนตามองผมเหมือนไอ้ตุ๊กตาแมวที่เขาซื้อฝาก ซึ่งผมยังไม่มีเวลาเอามาหาที่วางข้างล่าง มันเลยยังสถิตอยู่บนหัวเตียงของผม
   เจอแบบนี้ผมเลยคร้านจะบ่นต่อ ปากท้องใครปากท้องมัน เอาไว้เขาพึ่งมือผมไม่ได้ก่อน คงนึกถึงสิ่งที่ผมพร่ำสอนไปบ้างนั่นแหละ
   ดูหนังจบไปเรื่อง พอกับข้าวเกรียบที่ทานเข้าไปอืดได้ที่ ผมเลยชวนเขาออกไปเดินเล่นย่อยอาหาร ดูนกดูคนจูงหมาเดินรอบหมู่บ้านในยามเย็น เพื่อนบ้านหลายคนทักอย่างสงสัย เพราะไม่เคยเห็นผมมีญาติมาเยี่ยมกับเขาสักที ผมเลยเนียนไปว่าเป็นลูกของพี่ชายซึ่งเป็นลูกของป้า นพรัตน์ทำหน้ามุ่ยๆ แล้วบ่นอุบอิบอะไรบางอย่างที่ผมฟังไม่ชัด
   เราเดินคุยนั่นคุยนี่ แวะทักเพื่อนบ้าน หยอกเด็กเล่นมาจนถึงสระว่ายน้ำ นพรัตน์เลยได้แผนการใหม่ของสัปดาห์หน้าทันที
   “เสาร์หน้าผมมาว่ายน้ำกับคุณดีกว่า ว่ายคนเดียวเบื่อแล้ว” เขาว่า ผมทำหน้าขึงขัง “ผมตื่นไปว่ายน้ำแต่เช้านะ จะมาทันเหรอ?”
   “ผมก็มาค้างตั้งแต่วันศุกร์ไง” เขาตอบ 
นั่น...รอบคอบเสียไม่มี
ผมชักสงสัยว่าท่าทางเขาจะได้ย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับผมวันใดวันหนึ่ง ดูจากการรุกคืบที่เป็นๆ อยู่ ผมมองหน้าเขา และคิดว่าถ้าเป็นงั้นจริงผมจะทำอย่างไรต่อดี
ซื้อเตียงใหม่สักหลัง หรือซื้อโซฟาแบบปรับเอนได้ดีนะ
ผมนึกขำกับความคิดตัวเอง ท่าทางผมจะเข้าสู่วัยกลางคนเต็มที่แล้ว เลยนึกอยากมีลูกๆ หลานๆ มาอยู่เป็นเพื่อนบ้าง
เจ้าหลานได้ฟรีคนนี้ก็น่ารักพอสมควร เสียแต่ว่าจะทนอยู่กับผมได้กี่น้ำเชียว
“นี่ คุณนพ” ผมเรียกเขา ซึ่งเพิ่งเดินออกมาจากร้านขายไอศกรีม
“ครับ?”
“ถ้าคุณจะลาออก บอกผมสักเดือนสองเดือนนะ ผมจะได้หาคนมาแทน”
นพรัตน์กะพริบตาปริบๆ ค้างมือที่แกะห่อไอศกรีมไว้อย่างนั้น
“ผมไม่ให้ใครมาแทนที่ผมหรอก”
เขายังเด็ก อายุเพิ่งยี่สิบต้นๆ เรียกว่ารุ่นลูกรุ่นหลานผมแล้ว ถึงอย่างนั้น ผมกลับได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรงอีก
แต่ก็เท่านั้นแหละ
เพราะผมจะไม่สั่นคลอนอีกเป็นครั้งที่สอง
-----------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 02-06-2011 11:36:10
สร้างกำแพงเต็มที่เลยไพฑูรย์ แต่อีกฝ่ายก็บุกเต็มที่เหมือนกัน เฮ่อสงสารนพอ่ะ อย่าแกล้งนพเยอะสิคุณjuon  :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 02-06-2011 11:51:35
สงสารนพเหมือนกันนะเนี่ย
ท่าทางจะเหนื่อยอีกนาน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 02-06-2011 12:12:19
นพช้าอ่ะ บอกเลยซิ บอกเลย รุกเข้าไปเยอะๆเลย >_<

ปล. ปลาบปลื้มกับนิยายคุณ juon มากมาย แต่ละตอนยาวววววววววววววได้ใจมากเลยค่า ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 02-06-2011 12:25:26
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก พยายามเข้านะนพ
เค้าก็หลงรักลุงเหมือนนพล่ะ
รักคนอายุมากกว่าการ์ดก็แข็งงี้แหละสู้เค้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 02-06-2011 13:21:52
 :o8:ปลื้มพี่ไพ(เรียกพี่นี่แหละใกล้เคียงสถานะตอนนี้ของเราแล้ว555)
เชียร์นพเพราะก็ชอบเด็ก :impress2:
ว่าแต่เด็กจะกินผู้ใหญ่ทั้งทีต้องค่อยเป็นค่อยไปชะมะ

ที่สุดคือปลื้อผู้เขียน เขียนเรื่องนี้ได้โดนใจและแต่ล่ะตอนยาวได้ใจมากกกกกกก
+1
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 02-06-2011 14:20:56
เชียร์นพสุดใจเลย ตอนแรกก็งงอยู่ว่าใครจะกดใครน๊อ

แต่ตอนนี้รู้แหละ คริ ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 02-06-2011 15:17:11
สงสารนพ    :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 02-06-2011 16:10:55
น่ารักมากค่ะ
40 ยังแจ๋วนะค๊ะ
เชียร์คุณพี่ไพกับหลานนพค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 02-06-2011 16:31:18
น้องนพต้องหมั่นเอาแคลเซี่ยมให้คุณไพฑูรย์ททานทุกวันนะคะ
ไม่งั้นนานไปจะลำบากน้องนพ เล่นท่าไม่ได้  :laugh: :laugh:

แต่ตอนนี้ต้องจีบให้ติดก่อนชิมิ เอ้า น้องนพสู้ๆ :110011: :z7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 02-06-2011 16:35:09
เชิญร่วมกันบริจาค เพื่อซื้อบันได
ให้นพ จะได้ใช้ข้ามกำแพง คุณอาแก ได้ :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 02-06-2011 17:03:44
เชื่อเลยว่าถ้าคุณไพฑูรย์ถีบนพอย่างที่คิดทุกครั้งนพคงช้ำระบมอ่ะ  :laugh:
สงสารนพนะ คุณไพฑูรย์ก็กั้นกำแพงซะหนาเลยอ่ะ ให้มันบางๆ ลงบ้างนะคะนพจะได้ทะลุเข้าไปง่ายๆ แต่แหมนพเขาก็ยอมซะที่ไหนรุกเอารุกเอา มีวางแผนวางโปรแกรมไว้ล่วงหน้าอีก  :-[ แบบนี้เชียร์ขาดใจ แถมดูท่าว่าคุณไพฑูรย์ชอบอะไรคุณนพรู้ใจหมด (สงสัยคงตามสืบมาหมดละ o18)
ชอบมากมาย แต่ละตอนยาวสะใจจริงค่ะ o13
รอตอนต่อไปนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 02-06-2011 18:07:51
ดีใจจังได้ตามอ่านทุกวัน
และก็ยาวด้วย
จะจีบคนแก่ต้องใจเย็นๆ
บวกหนึ่งค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MimicClub ที่ 02-06-2011 18:29:33
 :-[    นพสู้ๆ เชียร์ นพสูดใจ  บุกโลด   :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 02-06-2011 18:43:24
กร๊ากกกก 'หลาน' เลยนะ  :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 02-06-2011 20:03:36
เอะอะก้ออยากจะถีบเค้า ถามจริง ไหวหรอคะคุณไพฑูรย์  :laugh:

แต่อ่านตอนที่คุยกับอดีต(ไม่อยากเรียกชื่อเฉยๆ มันหลอน ) ก้อแอบใจหายแปลกๆเหมือนกันค่ะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 02-06-2011 20:19:01
เพิ่งเข้ามาอ่านทั้งหมดวันนี้เองค่ะ  บอกได้คำเดียวว่า ชอบบบบบบบ
เข้าใจคุณไพทูรย์นะ เพราะอายุ เพราะตำแหน่งหน้าที่ เพราะสถานภาพ-บทบาท
จึงต้องคิดมาก ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง(ทั้งๆแอบคิดไปแล้ว) และทำให้ต้องสร้างกำแพง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 02-06-2011 20:46:31
song-san Nop makkkkkkkkkkkk`T^T
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 02-06-2011 21:02:40
คุณไพฑูรณ์ไม่เปิดช่องบ้างเลย เด็กมันก็สู้นะ แต่คุณไพฑูรณ์ไม่ให้ความร่วมมือเลย
เห้อ เมื่อไหร่จะรู้ใจกันละเนี่ย
ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 02-06-2011 21:34:39
 :L1: +1 เป็นกำลังใจ&เชียร์นพให้เข้าไปในใจคุณไพฑูรย์ได้เร็วๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 02-06-2011 22:20:38
โหว
ตัวเองอะแก่แล้วนะ
อย่าปิดกั้นตัวเองนักสิ เดี๋ยวก็ขึ้นคานหรอก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 02-06-2011 22:38:21
เชียร์นพคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 02-06-2011 22:50:09
เชิญร่วมกันบริจาค เพื่อซื้อบันได
ให้นพ จะได้ใช้ข้ามกำแพง คุณอาแก ได้ :m20:

บริจาคด้วยคนค่ะ ฮ่าๆ <<โดนคนอ่านไล่ตื๊บ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 02-06-2011 22:51:07
เห็นชื่อเรื่องแล้วน่าสนุก แต่ตอนนี้ดึกแล้วลงชื่อจิ้มไว้ก่อน เดียววันหลังจะข้ามาอ่านนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 02-06-2011 23:12:06
คนหนึ่งรุก
คนหนึ่งถอย
แล้วคนทั้งสองคน...จะเป็นเช่นไร
ดูไม่ออกเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 03-06-2011 12:29:08
ไปหาฆ้อนมาช่วย นพ ทุบกำแพงที่ลุงมันก่อไว้ซะสูงดีกว่า เอ๊ะ ไม่เอาฆ้อนดีกว่า ระเบิด กำแพงทิ้งเลยท่าจะดี  :interest: :interest:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 03-06-2011 17:00:00
บันไดขั้นที่5
   พรายโพยมกลับไปอเมริกาหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น ผมซื้อของขวัญวันแต่งงานฝากเขา และบอกว่าคงไปร่วมไม่ได้ เพราะติดงานที่บริษัท เขาไม่ว่าอะไร บอกขอบอกขอบใจผมเหมือนเคย แล้วก็จากไปทั้งรอยยิ้ม
   ผมมองเขา แล้วยิ้มให้ตัวเอง เหมือนเขากลับมาเพื่อกรีดแผลเก่ากลัดหนองของผม บ่งมันออก ในที่สุดมันก็หายเสียที
   กิจวัตรประจำวันของผมที่บริษัทก็เหมือนเดิม แต่กิจกรรมที่บ้านช่วงสุดสัปดาห์ของผมดูจะเปลี่ยนไปเยอะเลยทีเดียว
   พักนี้นพรัตน์มาค้างที่บ้านผมวันศุกร์ แล้วค่อยกลับเช้าวันอาทิตย์ สิริรวมแล้วสองคืนกับอีกหนึ่งวัน ดังนั้นพอเช้าวันเสาร์ สระว่ายน้ำเลยมีคนเพิ่มขึ้นอีก
   ปกติผมจะว่ายน้ำคนเดียว เพราะวันหยุดไม่มีใครตื่นแต่ไก่โห่ไปว่ายน้ำหรอก แต่ผมรู้มาว่า ออกแรงมากๆ ตอนเย็นไม่ดี เลยไปแต่เช้านี่แหละ แถมคนไม่เยอะ แดดไม่ร้อน ได้ยึดสระว่ายคนเดียวสบายใจ แต่ตอนนี้เพิ่มนพรัตน์มาอีกคนหนึ่ง เอาน่ะ คนเดียวใช่ว่าจะทำให้สระแคบลงเสียหน่อย แถมนพรัตน์ก็ไม่ได้ส่งเสียงหนวกหูอะไร
   แค่ร่างกายวัยหนุ่มของเขาทำเอาผมเสียความมั่นใจไปบางส่วนเท่านั้นแหละ
   ผมมันอายุเยอะแล้ว เฟิร์มขนาดไหนก็ฟิตสู้ผู้ชายวัยรุ่นอายุยี่สิบกว่าๆ ไม่ไหวหรอก โชคยังดีที่นพรัตน์เป็นผู้ชายหุ่นนายแบบ ไม่ล่ำกล้ามแบบนักกีฬา มีกล้ามเนื้อพอสวย ดูแล้วก็ให้นึกสงสัยต่ออีกว่าทำไมหมอนี่ไม่ไปเอาดีด้านถ่ายแบบเสียเลย มาทำงานน่าเบื่อน่ารำคาญกับผมอยู่ได้
โชคดีที่ตอนเช้าไม่มีคน ผมขี้เกียจฟังข้อเปรียบเทียบว่าใครหุ่นดีกว่าใคร ถึงผมจะไม่ได้คิดมากก็เถอะ
ผมออกว่ายน้ำตามปกติ ส่วนเจ้านพรัตน์ว่ายบ้างไม่ว่ายบ้าง สงสัยจะมัวแต่จับผิดท่าว่ายน้ำของผมอยู่ ผมเลยชวนเขามาว่ายแข่ง แล้วพบว่าคนหนุ่มๆ แรงดีกว่าจริงๆ นั่นแหละ ถึงอย่างนั้น ผมก็สนุกอยู่พอสมควรทีเดียว
พวกเราว่ายน้ำกันจนพระอาทิตย์เริ่มขึ้นสูง จึงขึ้นจากสระ จากนั้นก็แวะไปทานอาหารเช้าง่ายๆ ตรงร้านค้าที่เปิดอยู่แถวนั้น แล้วค่อยเดินกลับมาบ้าน ผมอาบน้ำอีกครั้ง หลังจากยืนสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจกพักหนึ่ง ถึงได้รู้ว่าต้องออกไปซื้อของบางอย่างมาเป็นการเร่งด่วนเสียแล้ว
“คุณนพ ผมจะออกไปซื้อของตรงร้านหน้าซอยสักแป๊บ ดูบ้านให้หน่อยนะ”
“ซื้ออะไรล่ะครับ ออกไปด้วยกันสิ” เขาว่า ผมทำหน้าอ้ำๆ อึ้งๆ เขามองผม สักพักก็หน้าแดงขึ้นมา
“ผมเข้าใจล่ะครับ ผมไม่แอบดูหรอกว่าไซต์ไหน”
ผมงงกับคำพูดเขาพักหนึ่ง ถึงค่อยนึกออก “คิดว่าผมจะออกไปซื้ออะไรน่ะ?”
นพรัตน์หน้าแดงอย่างกับผู้หญิงเพิ่งพบรักใหม่ๆ “ก็....มันมีอย่างเดียวไม่ใช่เหรอที่ผู้ชายแบบเราต้องซื้อโดยไม่ให้ใครรู้น่ะ”
ผมถลึงตาใส่เขา และเอ็ดขึ้น “จะบ้าเรอะ ผมแค่จะไปซื้อยาย้อมผม”
“อ้อ” เขาร้องอออกมา และมองด้วยสายตาสงสัย “มีผมหงอกหรือครับ?”
“อืม” ผมยอมรับ และสงสัยจริงๆ ว่าทำไมต้องมาบอกเรื่องนี้ให้เขาฟังด้วย

“ทำงานแบบผมมันความเครียดสูง แค่เป็นหงอกยังดี ไม่หัวล้านก็บุญแล้ว คุณเองก็ระวังไว้เถอะ ไม่รีบเปลี่ยนงานระวังจะแก่ก่อนวัย” ผมขู่ ขณะซ้อนท้ายจักรยานที่มีนพรัตน์เป็นคนปั่นออกไปซื้อของ ผมไม่มีรถ แต่จะออกนอกบ้านไปซื้อของนิดหน่อยให้จ้างมอเตอร์ไซค์ก็เสียดายเงิน ดังนั้นเลยซื้อจักรยานมาไว้คันหนึ่ง ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าวันหนึ่งจะมีคนมาปั่นให้ซ้อนท้าย
“แต่คุณก็ยังไม่หัวล้านนี่” เขาว่า ผมขมวดคิ้ว “ผมหมายถึงคุณน่ะ ระวังไว้หน่อยก็ดี”
“คุณไม่ชอบผู้ชายหัวล้านเหรอ?”
“อืม...”
“ผมไม่มีพันธุกรรมแบบนั้นหรอก แต่ผมจะระวังเอาไว้แล้วกัน คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“......” ผมจนคำพูดทันที ไม่รู้ทำไมพักนี้คุยกับเขาแล้วถึงพูดไม่ออกอยู่บ่อยๆ เราเงียบกันสักพัก ผมเงยหน้าขึ้นมองหลังของเขา พลางรู้สึกว่ากว้างดีจริงๆ สงสัยเพราะผมนั่งใกล้ไปด้วยแหละ ได้ยินเสียงนพรัตน์พูดขึ้น
“กอดเอวผมก็ได้นะ ผมไม่บ้าจี้”
ผมหัวเราะ “ผู้ชายที่ไหนเขากอดเอวกันเล่า”
“ผมให้กอดนะ” เขาตอบ ผมหัวเราะขึ้นมาหน่อยหนึ่ง เราเงียบกันไปอีก สักพักผมได้ยินเสียงเขาพูดต่อ
“คุณไพฑูรย์ คุณว่าผมพอมีหวังรึเปล่า?”
“เรื่องอะไร?” ผมถามกลับ และนึกหวาดเสียวรถยนต์ที่แล่นสวนมา แต่นพรัตน์ขี่จักรยานคล่องพอสมควร และผู้ชายสองคนคงน้ำหนักเยอะพอที่จะไม่ให้จักรยานโคลงมากตอนถูกรถสวนด้วยล่ะมั้ง ได้ยินเขาตอบกลับมา
“เอ่อ... เรื่องหาแฟนน่ะ”
ผมตอบโดยอย่าลืมคิดอีกตลบ “นิสัยอย่างคุณหาแฟนไม่ยากหรอก”
“จริงเหรอ คุณพูดจริงๆ นะ” พอฟังจากเสียงเขา ผมเลยได้ฉุกคิด จึงรีบพูดเสริม “แต่ถ้าแก่กว่าผมว่าไม่ไหวแน่”
ได้ยินเสียงเขาครางฮือ ก่อนที่เราทั้งคู่จะหยุดตรงหน้าร้านสะดวกซื้อ ผมตรงไปยังแผงที่ขายน้ำยาปิดผมขาว ขณะที่เขาปลีกออกไปอีกทางแล้วกลับมาพร้อมขนมนิดๆ หน่อยๆ
ขากลับผมเกิดเมื่อยมือที่ยันเบาะหลังอยู่ เลยถือวิสาสะเกาะเอวเขาเพื่อความปลอดภัย ผมไม่อยากหล่นลงไปก้นจ้ำเบ้าอีกเป็นรอบที่สองหรอกนะ เพราะฉะนั้น เลือกปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า ขี่มาได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงนพรัตน์พูดขึ้น
“คุณไพฑูรย์ ผมว่าผมพอมีหวังอยู่นะ”
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องแฟน...”
“อายุมากกว่าไม่ต้องหวังหรอก...”
“ผมว่ายังพอหวังได้อยู่นะ”
ผมเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “ตามใจแล้วกัน”
ได้ยินเสียงเขาหัวเราะน่ารัก “ผมขอหวังหน่อยนะ”
ผมอดไม่ไหว ต้องหยิกเอวเขาไปทีหนึ่ง เจ้าตัวทำสะดุ้งนิดหน่อย แหม...ฟิตขนาดนี้ แค่หยิกยังไม่เข้าเลย จะสะดุ้งอะไรนักหนา
-------------------------------------------------
   วันนี้ผมไปพบพงษ์โพยม เพราะเขาแจ้งมาว่ามีคนเชิญผมไปเข้าร่วมสัมมนา ตอนแรกผมไม่อยากจะไปเท่าไหร่ แต่พอเห็นหัวข้อแล้วก็คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับบริษัท ก็เลยตอบตกลงไป ผมกลับมาที่ห้อง และแจ้งข่าวให้เลขาฯกับผู้ช่วยทราบตามระเบียบ
   “คุณนพ สุดสัปดาห์นี้ผมจะไปสัมมนาต่างจังหวัดนะ อาจจะกลับมาทำงานวันอังคาร ฝากงานด้วยนะ”
   นพรัตน์เบิ่งตาที่เหมือนลูกแมวขึ้นมองผม “ไปคนเดียวหรือครับ?”
   “อืม” ผมมองเขาที่ทำหน้าเป็นห่วงเสียเต็มประดา “ผมไม่เป็นลมตายระหว่างทางหรอกน่า”
   “อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิครับ ผมแค่เป็นห่วง” นพรัตน์ว่า ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะนั่งลงอ่านหนังสือพิมพ์ที่โต๊ะต่อ
   “คุณไพฑูรย์” สักพักเขาก็เรียกชื่อผมอีก ผมส่งเสียงอืมเป็นเชิงอนุญาตให้เขาถามต่อโดยที่ตายังมองหนังสือพิมพ์อยู่
   “มีคนมาจีบคุณเยอะรึเปล่า”
   เอาล่ะสิ เจ้าเด็กนี่ มาถามเรื่องแบบนี้กับผู้ใหญ่ได้ยังไง
   “ไม่มีหรอก” ผมตอบ เขาเงียบไปอีกพักหนึ่งแล้วถามย้ำเหมือนไม่แน่ใจ
   “จริงเหรอ?”
   ผมยกกาแฟขึ้นมาจิบ ก่อนจะทำเสียงแบบคนเพิ่งนึกขึ้นได้ “อาจจะมีก็ได้นะ พวกสายตาสั้นตาถั่ว จีบไม่ดูตาม้าตาเรือไง”
   “ผมไม่ได้สายตาสั้นนะ” เขาเถียงทันที ผมวางแก้วกาแฟลง แล้วพูดต่อ
   “ผมยังไม่ทันพูดถึงคุณเลย” ผมว่า และเหลือบมองเขาผ่านแว่น นพรัตน์หน้าแดง ก้มหน้างุดๆ อยู่ที่โต๊ะ เออ..นี่ผมเหลือบมองเขาทำไมนะ....
   “แล้ว..คุณชอบคนอายุเยอะกว่ารึเปล่า?” เขาถามต่อ ผมนึกถึงรอยตีนกากับพุงพลุ้ยๆ ขึ้นมาทันที ผมอายุปูนนี้แล้ว คนอายุมากกว่าผมก็ท่าทางแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ ใครจะไปชอบลง
   “ผมบอกแล้วไงว่าไม่ชอบคนอายุเยอะว่า” ผมว่า และไม่ลืมจะเหน็บเขา “ผมไม่ได้ชอบรอยตีนกาแบบคุณหรอกนะ”
   “คุณมีแล้วหรือไง?” เขาย้อนทันควัน ผมถลึงตาใส่เขา และตอบปฏิเสธออกไปทันที จากนั้นก็ต้องรีบหุบปากเงียบ เพราะเขายิ้มหน้าบานจนเห็นเขี้ยวอีกแล้ว
   ผมแค้นใจที่เถียงแพ้เขาบ่อยครั้งในช่วงนี้ นึกกับตัวเองว่าคราวนี้จะไม่ยอมเป็นฝ่ายเงียบไปก่อนหรอก จึงพยายามนึกคำพูดโต้ไป
   “เดี๋ยวอีกสักพักมันก็ขึ้น” โอ๊ย ทำไมผมต้องมาแช่งตัวเองให้คนอื่นฟังด้วยนะ ได้ยินเสียงเจ้านพรัตน์ตอบทันอกทันใจ
   “ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ”
   “...................” ผมอึ้งไปถนัด นี่ผมเถียงแพ้อีกแล้วหรือนี่ แพ้เด็กรุ่นลูก? ไม่ล่ะ ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก
   “คุณนพ ผมเตือนด้วยความหวังดีนะ คุณเลิกชอบคนแก่กว่ามากๆ เถอะ ผมไม่เห็นว่าตีนกากับพุงพลุ้ยๆ มันน่ามองตรงไหน”
   คราวนี้เขาเป็นฝ่ายเงียบไปบ้าง ผมนึกกระหยิ่มยิ้มย่องที่เถียงชนะเขาได้ในรอบหลายวัน จึงหันกลับไปขอมองดูหน้าคนแพ้หน่อย
   นพรัตน์มองผมตาเยิ้ม ยิ้มอย่างกับเด็กเพิ่งได้ขนม ผมหันหน้ากลับมาจ้องหนังสือพิมพ์ทันที
   เอาเหอะ ครั้งนี้หยวนให้ก่อนก็ได้
--------------------------------------------------
   ในที่สุดผมก็พาตัวเองมาถึงสนามบิน กำหนดการสัมมนาจริงๆ เป็นวันเสาร์ แต่ผมต้องไปถึงในเย็นวันศุกร์เพราะต้องเข้างานเลี้ยงรับรองในฐานะวิทยากรรับเชิญ ดูจากรายชื่อวิทยากรรอบนี้แล้ว ผมคงได้แลกเปลี่ยนความรู้เพิ่มมากขึ้น
   ผมก้าวลงจากรถแท็กซี่ ลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ ตรงไปยังส่วนของผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ เจ้านพรัตน์ติดงานอยู่ที่บริษัท พอไม่มีหมอนั่นมาคอยเถียงด้วยแล้วผมก็เหงาๆ ปากอยู่เหมือนกัน พูดแล้วยังนึกขำเรื่องที่เขาแวะมาหาผมในตอนเช้า
   “คุณไพฑูรย์ วันนี้ผมไปส่งคุณไม่ได้นะ ยังไงก็ดูแลตัวเอง ระวังตัวด้วยนะครับ”
   ผมยิ้มแล้วลูบศีรษะเขาอย่างเอ็นดู ถึงผมจะเป็นที่เกลียดขี้หน้าในบริษัท แต่คงไม่มีใครบ้าตามไปดักตีหัวผมถึงต่างจังหวัดหรอก เจ้าหมอนี่เป็นเด็กเป็นเล็ก ก็หัดขี้กังวลเสียแล้ว จะรีบทำตัวแก่ไปถึงไหนเชียว
   “แล้วเดี๋ยวผมจะโทรไปหานะครับ” เขาว่า และจับมือผมบีบราวกับคิดว่าผมเมื่อยมือมาก ผมเลยไล่ให้เขารีบไปทำงาน

   ยังไม่ทันเดินถึงเคาน์เตอร์เช็กอิน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมคิดว่าพงษ์โพยมโทรมาเลยรีบกดรับเพราะขี้เกียจรื้อแว่นออกมาใส่ แต่พอได้ยินเสียงก็รู้ทันทีว่าคาดผิดไปแล้ว
   “คุณไพพูรย์ ถึงสนามบินหรือยังครับ” เจ้านพรัตน์นั่นเองไม่ใช่ใครที่ไหน อายุยืนจริงๆ เพิ่งนึกถึงอยู่เมื่อครู่ก็โทรมาล่ะ ผมกรอกเสียงกลับไป
   “ถึงแล้ว กำลังจะเช็กอิน”
   “อ้อ เดินทางปลอดภัยนะครับ แล้วสองวันนี้จะสัมมนาเสร็จสักกี่โมงล่ะครับ”
   ผมนิ่งนึก “ยังไม่รู้เหมือนกัน คงสักหกโมงมั้ง แต่มีงานเลี้ยงต่อน่ะ”
   “อ้อ งั้นผมส่งเมสเสจไปแล้วกันนะ จะได้ไม่รบกวน”
   ผมขมวดคิ้วทันที ไอ้ตัวหนังสือเล็กๆ พวกนั้นอ่านยากจะตาย ถ้ามีธุระอะไรก็น่าจะพูดกันตอนนี้เลยสิ
   “คุณพูดมาเลยก็ได้ มีเรื่องอะไรล่ะ?”
   ได้ยินเสียงเขาหัวเราะเขินๆ ขนาดคุยโทรศัพท์นะเนี่ย
   “ไม่มีอะไรหรอก แล้วผมจะส่งเมสเสจไปหา แค่นี้ก่อนนะครับ” เขาว่า และวางสายไป ผมล่ะงงกับเด็กสมัยนี้จริงๆ ตกลงมีเรื่องจะพูด หรือไม่มีอะไรจะพูดกันแน่นะ สักพักพงษ์โพยมก็โทรมาสอบถามข่าวคราว และบอกผมว่าถ้ากลับมาแล้วเหนื่อย จะลาพักต่ออีกวันก็ได้
   ผมบอกขอบอกขอบใจเขาแล้วจึงวางสาย ก่อนจะเดินไปเช็กอินที่เคาน์เตอร์ ก็หวังว่าคงไม่มีเด็กหรืออะไรส่งเสียงน่ารำคาญบนเที่ยวบินเที่ยวนี้หรอกนะ
   
   ผมไปถึงโรงแรมซึ่งใช้สัมมนาก่อนถึงเวลาเลี้ยงรับรองสักครึ่งชั่วโมง และได้เจอคนรู้จักเก่าๆ หลายๆ คนที่เคยไปร่วมสัมมนาด้วยกันมาก่อน งานสัมมนานี้จัดโดยบริษัทเอกชน จึงไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมาก และไม่ต้องคอยดูแลผู้ใหญ่หรือพวกนักการเมือง
   วิทยากรคราวนี้มีทั้งหมดเจ็ดคน สามคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม และเคยสัมมนาร่วมกันมาก่อน พอเจอกันเลยได้ถกกันถึงเรื่องเก่าๆ ส่วนอีกสี่คนเป็นคนรุ่นหนุ่ม อายุเพิ่งสามสิบต้นๆ แต่ก็มีความคิดความอ่านน่าสนใจทีเดียว พวกเราถกกันถึงหัวข้อสัมมนาในวันรุ่งขึ้นอยู่จนเกือบสามทุ่ม จึงแยกย้ายกันกลับห้องพัก
   หลังอาบน้ำเสร็จ ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อเช็กแบตเตอรี่ เผื่อมันใกล้จะหมด ตอนนั้นแหละถึงเพิ่งเห็นว่ามีเมสเสจเข้า ผมเดินไปหยิบแว่นเพื่อจะอ่านตัวหนังสือเล็กๆ พวกนั้น
   ‘นอนหลับฝันดีนะครับ อย่าลืมล็อกประตูห้องนะ ผมเป็นห่วง’
   ความจริงผมไม่ต้องมองชื่อคนส่งก็พอเดาออกว่าใคร นี่เจ้านพรัตน์คิดว่าผมเป็นเด็กเล็กๆ หรือไงนะ ผมนึกอยากส่งเมสเสจกลับไปบอกเขาให้รู้สึกตัวว่าผมแก่จนจะเป็นพ่อเขาได้อยู่แล้ว แต่จนใจที่ตัวหนังสือบนจอก็เล็ก บนแป้นโทรศัพท์ยิ่งเล็ก แล้วตั้งแต่มีโทรศัพท์มือถือมา ผมไม่เคยใช้งานฟังก์ชั่นพวกนี้เลย สุดท้ายผมก็เลิกล้มความตั้งใจจะเถียงกับเขา เขาอยากจะส่งอะไรก็ส่งมาแล้วกัน ขนาดตอนพูดผมยังเถียงแพ้เขาบ่อยๆ เลย ขืนส่งเป็นเมสเสจสงสัยจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ส่ง
   กะอีแค่มองให้เห็นตัวบนแป้นก็ยากเย็นแล้ว
---------------------------------------------
   งานสัมมนาเป็นไปอย่างราบรื่น วิทยากรต่างมีความคิดและทัศนคติที่หลากหลายและหลักแหลมต่างกันออกไป ผมว่าคนที่มาสัมมนาน่าจะได้อะไรกลับไปเยอะจากการสัมมนาในครั้งนี้ รวมถึงตัวผมที่เป็นวิทยากรด้วย เสียอย่างเดียว ใครสักคนใส่น้ำหอมที่ผมแพ้ วันแรกยังไม่เท่าไหร่ วันที่สองนี่ผมจามจนต้องถือผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ น่าขายหน้าจริงๆ เพราะงี้แหละ ผมถึงไม่ชอบอยู่ร่วมกับคนหมู่มากในที่จำกัด
   ไม่รู้ว่าจะใส่ให้หอมฟุ้งอะไรนักหนา ผมจามจนหูอื้อตาลายไปหมดแล้ว
   ผู้กำกับเวทีเดินเข้ามาหาผมระหว่างพักเบรก และถามอาการอย่างเป็นห่วง รวมถึงวิทยากรคนอื่นๆ ด้วย ผมไม่อยากบอกว่าผมแพ้น้ำหอมของใครสักคนในนี้ เพราะมันก็ไม่ใช่ความผิดเขาสักหน่อย อีกอย่าง นี่ก็วันสุดท้ายแล้ว ผู้ดูแลเวทีเลยให้ยาแก้แพ้ผมมาซองหนึ่ง ผมขี้เกียจเถียงเขาว่ายานี่มันไม่ช่วยให้หายแพ้หรอก มันแค่ทำให้ง่วงแล้วหลับ จะได้ไม่ตื่นมาจามเท่านั้นเอง
   สุดท้ายผมก็ต้องทนนั่งสัมมนาต่อในรอบบ่าย พร้อมกับกำผ้าเช็ดหน้าไปด้วย ผมนึกเคืองอยู่เล็กๆ ที่คนอย่างผมต้องมาพ่ายต่อน้ำหอมขวดเล็กๆ เอาเถอะ ใช่ว่าจามแล้วผมจะดูแย่ลงจนไม่น่ามองสักหน่อย แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเจอเรื่องพวกนี้
   วิทยากรหลายคนขยับออกห่างผมโดยอัตโนมัติ ขณะที่ผมเริ่มบรรยายแล้วปรายตามองพวกเขา ก็ใช่ว่าผมเคืองอะไรมากหรอกนะ แต่จามแบบนี้ผมก็อารมณ์ไม่ดีอยู่เหมือนกันนั่นแหละ
   กว่าจะจบการสัมมนาก็ปาไปเกือบทุ่ม ผมจามจนเจ็บจมูก
   เพราะไม่รู้ว่าใครกันแน่ใส่น้ำหอมที่ผมแพ้ ผมเลยปฏิเสธที่จะร่วมรับประทานอาหารค่ำต่อหลังจบงาน พวกนั้นก็คงเห็นสภาพย่ำแย่ของผมเหมือนกันแหละ เลยรีบบอกให้กลับไปพักผ่อน
   ผมขี้เกียจอุดอู้ตัวเองอยู่ในห้อง เลยออกมาเดินเล่นรับลมทะเลช่วงหัวค่ำ มาสัมมนาใกล้ทะเลทั้งที ไม่ได้เดินหาดทรายเลยก็คงเสียเที่ยว บางคนอยู่เที่ยวต่ออีกวันสองวัน แต่ผมมีงานต้องจัดการที่บริษัทต่อ เลยกลับตามกำหนดเดิม
   ผมถอดรองเท้าและถุงเท้าออกมาถือไว้ แล้วเดินเท้าเปล่าไปตามชายหาด พอออกมาสูดอากาศด้านนอกแล้ว อาการจามเลยดีขึ้นมาหน่อย หาดอยู่ใกล้โรงแรม เลยได้อานิสงฆ์แสงสปอตไลท์ทำให้สามารถเดินได้สะดวกใจ แถมยังมีพวกคู่รัก และพวกที่มากันเป็นกลุ่มๆ เดินเล่นอยู่อีกประปราย ผมคงไม่ต้องกลัวถูกใครดักทุบหัว ถึงจะออกมาเดินคนเดียวก็เถอะ
   ผมเดินเปลือยเท้าไปเรื่อยๆ จนลมทะเลพัดหน้าเหนอะไปหมด พลางนึกว่าถ้านายนพรัตน์มาด้วยคงต้องชวนผมลงไปเล่นน้ำแน่ๆ
   คนหนุ่มๆ ก็งี้แหละ ร่าเริงได้ตลอดเวลา
   จู่ๆ ผมก็นึกอยากโทรหาเขาขึ้นมา แต่ขณะที่คิดว่ากำลังจะหยิบโทรศัพท์ เสียงใครคนหนึ่งก็ทักขึ้น
   “คุณไพฑูรย์”
   เสียงไม่คุ้นเอาเสียเลย ผมหันหน้ากลับมา และพบว่าเขาเป็นชายหนุ่มอายุสักสามสิบต้นๆ ผมเขม่นมองอยู่พักหนึ่ง ถึงพอนึกได้ว่าเขาเป็นวิทยากรที่ร่วมสัมมนาด้วยกัน
   “ไม่สบายอยู่ไม่ใช่หรือครับ?”
   ผมสั่นศีรษะ “เปล่า ผมแค่แพ้อากาศ” แล้วผมก็จามฟืดออกมา ได้ยินเสียงเขาถามต่อ
   “คุณเป็นภูมิแพ้หรือเนี่ย ทานยารึยังครับ”
   ผมสั่นศีรษะอีก และยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูกอย่างไม่เกรงใจคนคุยด้วย ขนาดลมทะเลแรงแล้วนะ ผมยังได้กลิ่นอีก ท่าจะหมอนี่แหละที่ใส่น้ำหอมที่ผมแพ้
   “ผมว่าทานยาแล้วไปพักดีกว่านะครับ จะได้ดีขึ้น”
   ผมเหลือบตามองเขา และพูดทั้งที่มีผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกอยู่ “ผมแพ้น้ำหอมที่คุณใส่น่ะ”
   เขามีสีหน้าเลิกลั่กขึ้นมาทันที ก่อนจะก้มมองตัวเอง แล้วรีบพูดขึ้น “ขอโทษครับ” จากนั้นก็ผลุนผลันออกไป ผมมองตาม แล้วถอนหายใจเฮือก
   หนุ่มๆ สมัยนี้นี่นะ ไม่มั่นใจในตัวเองขนาดนี้เลยหรือไง แค่กลิ่นตัวก็จัดการไม่ได้ ต้องพึ่งน้ำหอมเป็นฝรั่งมังค่าไปได้
   เพราะอาการจามที่กลับมาเป็นใหม่ ผมเลยหมดอารมณ์จะโทรคุยเล่นกันเจ้านพรัตน์ เดินตากลมไปได้สักพักท้องก็ร้องขึ้นมา สุดท้ายผมก็กลับเข้ามาในโรงแรม แวะเข้าไปตรงห้องอาหาร ดูว่ามีอะไรเบาๆ พอทานรองท้องก่อนนอนได้บ้าง
   ท่าทางพวกที่มาสัมมนาด้วยกันจะออกไปต่อด้านนอก ผมเลยค่อยสะดวกใจจะเดินตระเวนตรงโต๊ะบุฟเฟ่โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกทัก
   “คุณไพฑูรย์”
   คราวนี้ใครอีกล่ะ ผมที่กำลังตักโจ๊กอยู่หันกลับมา และพบว่าเป็นเจ้าหนุ่มคนเดิมที่ทักผมตรงชายหาด เหมือนเขาจะไปเปลี่ยนเสื้อมาแล้ว ผมทำจมูกฟุดฟิด
   “ผมอาบน้ำแล้วครับ ไม่เหลือกลิ่นหรอก” เขารีบพูดทันที ผมมองเขาอยู่พักหนึ่ง แล้วถามบ้าง “มีธุระอะไรหรือ?”
   เขามองผมพักหนึ่ง แล้วพูดตอบ “หาที่นั่งคุยกันดีกว่าครับ”
   สุดท้ายผมเลยมีเพื่อนร่วมมื้อดึกโดยไม่ได้ตั้งใจ เจ้าหมอนี่ชื่อกฤตธร ตัวใหญ่กว่าเจ้านพรัตน์หน่อยหนึ่ง คงเพราะอายุมากกว่า ผมรู้สึกว่าเด็กสมัยนี้โตกันเร็วจริงๆ
   “มีอะไรล่ะ?” ผมถามหลังจากนั่งลงแล้ว เขามองหน้าผม และถามถึงเรื่องที่สัมมนากันตอนกลางวัน ผมตอบคำถามเขาเสร็จ ก็ก้มลงทานโจ๊ก เพราะปล่อยไว้เดี๋ยวจะเย็นหมด พอเห็นเขายังนั่งนิ่ง ไม่ยอมลุก เลยต้องเงยหน้าขึ้นมาอีก
   “ยังมีอะไรอยากถามอีกหรือ?”
   เขายิ้ม และพูดตอบมา “เปล่าครับ ผมว่าคุณความรู้ดีจัง มุมมองก็ดูเป็นผู้ใหญ่ ทั้งๆ ที่ยังเด็กอยู่เลย”
   ผมขมวดคิ้ว เกือบสำลักโจ๊ก “คุณกฤตธร ผมอายุสี่สิบสองแล้วนะ”
   ถึงคราวเขาทำท่าจะสำลักน้ำบ้าง เจ้าหมอนั่นพูดออกมาอย่างเกือบลืมรักษามารยาทต่อหน้าผู้ใหญ่ “พูดจริงเหรอครับ คุณอายุสี่สิบกว่าแล้ว?”
   ผมหรี่ตามองเขา “นี่คุณไม่ได้ศึกษาประวัติผู้ร่วมสัมมนาคนอื่นเลยหรือไง?”
   คนถูกถามกะพริบตาปริบๆ “ครับ แต่เขาไม่ได้ลงอายุเอาไว้นี่”
   ไอ้หมอนี่โง่หรือตาบอด ถึงไม่มีอายุ แต่ประวัติงานของผมมันยาวเกินค่อนชีวิตของเขาด้วยซ้ำ
   “ประวัติทำงานผมก็มีนะ” ผมบอกเสียงเรียบ ท้ายที่สุดเขาก็จำต้องพยักหน้ารับ แต่ก็ไม่วายพูดต่อ “คุณยังดูเด็กอยู่เลยนี่ครับ ผมเลยคิดว่าคุณเริ่มงานตั้งแต่อายุไม่เท่าไหร่”
   เอาล่ะ ผมจะคิดว่าหมอนี่กำลังพยายามพูดเอาใจผม เพราะความเห็นของเขาตอนสัมมนาก็ดูมีวิสัยทัศน์ดี
   “คุณกฤตธร ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะครับ คุณไม่ต้องเอาใจผมเรื่องอายุหรอก”
   “ครับๆ ” เขานิ่งไปอีกพักหนึ่ง เหมือนรอให้ผมทานโจ๊กเสร็จ ผมไม่ชอบให้ใครนั่งมองเวลาทานอาหารเสียด้วย เลยต้องพูดขึ้นอีก
   “ยังมีธุระอะไรอีกรึเปล่าครับ ผมจะได้ทานข้าว”
   “อ้อ...เอ้อ...” เขาอ้ำๆ อึ้งๆ พอถูกจ้องหนักๆ เข้า เลยได้พูดออกมา “ผมแค่จะถามว่า เดี๋ยวคุณจะออกไปต่อที่ไหนรึเปล่าครับ?”
   ผมพูดแบบไม่ต้องก้มลงดูนาฬิกา “ไม่ล่ะครับ ผมว่าจะพักผ่อนเลย วันนี้ผมจามมาทั้งวันแล้ว”
   เขามองหน้าผมอึ้งๆ ผมเลยปรายตามองเขาอย่างตำหนิที่ยังนั่งจ้องผมอยู่ สักพักเขาถึงได้ยอมลุกออกไป
   ยังดีที่พอรู้มารยาทอยู่บ้าง ไม่ถึงขนาดให้ผมต้องออกปากไล่
----------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่4-หน้า3 2/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 03-06-2011 17:00:20
   ผมเช็กแบตเตอรี่โทรศัพท์ก่อนนอนเช่นเคย แล้วได้เห็นเมสเสจอีกฉบับ พอหยิบแว่นมาอ่านเนื้อหาแล้วก็ไม่ต้องเดาว่าใคร มีคนเดียวเท่านั้นแหละที่ส่งเมสเสจมาหาผม ผมมองนาฬิกา แล้วกดโทรออก
   “สวัสดีครับ” เสียงตอบรับปลายสายแสดงอาการตื่นเต้นแบบไม่ปิดบัง ผมถามเขาเนือยๆ “นอนหรือยังน่ะคุณนพ”
   “ยังครับ” เออ เสียงตื่นเต้นขนาดนี้ผมว่าเขายังห่างไกลจากอาการง่วงเลยล่ะ
   “มะรืนผมจะกลับไปทำงานแล้ว โรยผักชีให้เรียบร้อยล่ะ” ผมขู่ตามประสา เพราะไม่รู้จะเริ่มให้ดีกว่านี้อย่างไร ได้ยินเสียงทางนั้นหัวเราะ “ผมปลูกไว้เป็นสวนๆ เลย สัมมนาเป็นไงบ้างครับ เอ้อ..คุณจะนอนรึยังน่ะ ให้ผมโทรกลับมั้ย?”
   “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมจะนอนแล้ว สัมมนาก็ดี วันหลังคุณมาด้วยกันสิ”
   “พูดจริงหรือครับ?” เขาถาม เสียงดูตื่นเต้น ผมส่งเสียงตอบไป
   “อืม เผื่อคุณได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมบ้าง วันหลังผมจะลองทำเรื่องเสนอคุณพงษ์โพยมให้แล้วกัน”
   “อือ...ไปกับคุณ ผมไปทั้งนั้นแหละ”
   ผมอึ้งไปพักหนึ่ง รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมาอีก เขาคงไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่ถึงคิด ผมก็ไม่ควรจะเก็บมาคิด...
   “คุณนพ”
   “ครับ?”
   “ผมจะนอนแล้วนะ...”
   “ครับ”
   “ราตรีสวัสดิ์นะ”
   “ราตรีสวัสดิ์ครับ เจอกันวันอังคารนะครับ”
   ความจริงผมคิดจะโทรไปบ่นเขาเรื่องเมสเสจที่ส่งมา แต่ไม่รู้ทำไม พอได้ยินเสียงเขา ผมก็นึกเรื่องบ่นไม่ออก สุดท้ายก็จบแค่นั้น
   ช่างเถอะ ผมไม่ได้เจอเขามาสามวันแล้ว กลับไปคงมีเรื่องให้บ่นน่าดู
---------------------------------------------
   นพรัตน์ยิ้มหน้าบานพอเห็นหน้าผม ผมรู้ว่าเขาเลิกงานแล้วคงรีบตรงดิ่งมายังสนามบินทันทีดูจากเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ ขนาดเน็กไทยังไม่คลายออกเลย ไม่รู้ว่าแอบหนีออกมาก่อนรึเปล่า แต่ก็ดี ผมจะได้มีคนช่วยหิ้วของ
   หมอนี่ปฏิบัติหน้าที่ดีเกินเหตุเช่นเคย กุลีกุจอมาช่วยผมถือของอย่างไม่ต้องออกปาก นี่ถ้าอุ้มผมไปพร้อมของพวกนั้นได้คงทำไปแล้ว พอถึงบ้าน เอาของเข้ามาเก็บเรียบร้อย ผมก็หยิบถุงกระดาษออกมาให้เขาถุงหนึ่ง
   “อะไรครับ?” นพรัตน์ถามอย่างแปลกใจ ผมเลยตอบเสียงเรียบๆ “น้ำพริกกุ้งเสียบ เห็นคุณอยู่บ้านคนเดียว ทำกับข้าวก็ไม่เอาไหน ผมเลยซื้อมาฝาก จะได้ไม่ต้องกินข้าวกับซีอิ้ว”
   ผมเห็นมันขายอยู่ข้างทางตอนก่อนจะกลับ เลยซื้อติดไม้ติดมือมา ไม่ได้ตั้งใจจะฝากเขาหรอก นพรัตน์ยืนอึ้งๆ อยู่พักหนึ่ง แล้วพูดเสียงค่อย “ผมไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย”
   “อ้อ ไหนวันก่อนบอกว่าพี่ชายกับพี่สาวแต่งออกกันไปหมดแล้วไง”
   “ก็ใช่... แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้อยู่คนเดียวนี่”
   “ยังมีพี่น้องอีก?”
   เขาสั่นศีรษะ และพูดตอบ “มีคุณไง”
   “.........................”
   “อย่าไล่ผมไปกินข้าวกับซีอิ้วเลยนะ”
   “.........................”
   “ถึงผมจะทำกับข้าวไม่เอาไหน แต่ผมชอบทานกับข้าวฝีมือคุณนะ”
   “................” ไม่เห็นจะเกี่ยวกันสักนิด...
   “น้ำพริกนี่... ไว้บ้านคุณนะ จะได้ทานด้วยกัน”
   “...............” ไม้นี้อีกล่ะ...
   “คุณไพฑูรย์....”
   ผมทนไม่ไหว เลยพูดออกไป “ผมซื้อมาเผื่อ เผื่อผมไม่อยู่ ไม่ว่าง คุณจะได้ไม่ต้องลำบากออกไปหาอะไรทานด้านนอก ก็แค่เผื่อไว้น่ะ แค่เผื่อ”
   นพรัตน์มองหน้าผม จากนั้นก็เม้มปากนิดหนึ่ง แล้วก็ยิ้มออกมา “ขอบคุณนะครับ คุณห่วงผมด้วย ดีจัง... งั้นผมจะเก็บไว้อย่างดี เอาไว้ทานตอนคุณไม่อยู่ ผมจะได้คิดถึงคุณไปด้วย”
   เออ...คิดได้ เชื่อเขาเลย
   ขณะที่ผมขบปาก นึกไม่ออกจะตอกเขาไปว่าอย่างไรดี นพรัตน์ก็พูดขึ้นต่อ “แต่อย่าเผื่อบ่อยนะครับ ผมไม่อยากให้คุณไปไหนนานๆ ผมคิดถึง”
   ผมอ้าปากพะงาบๆ อยากด่านะ แต่ไม่รู้จะด่าข้อหาอะไร
   นพรัตน์ยิ้มกระมิดกระเมี้ยน อ้อยๆ อิ่งๆ มองผมอยู่อีกพัก จึงค่อยพูดออกมา
   “คุณไพฑูรย์ ผมขอกอดหน่อยได้ไหม กอดเฉยๆ น่ะ กอดเฉยๆ จริงๆ นะ แบบว่าไม่เจอกันตั้งสามวันแน่ะ”
   เหอะ... ไปรับวัฒนธรรมฝรั่งมาหรือไง คนไทยที่ไหนเขากอดกันเล่า
   “นี่...ผมเพิ่งกลับมา ไม่ได้ตัวหอมน่ากอดอะไรขนาดนั้นหรอกนะ” ผมว่า เขามองหน้าผมอึ้งๆ คนมันก็มีกลิ่นมีอะไรเป็นธรรมดานั่นแหละ จะกอดไปทำไมกัน
   “ไม่เป็นไร กอดคุณผมก็ชื่นใจแล้ว”
   “!?”
ผมยังไม่ทันได้อ้าปาก เขาก็โผเข้ามากอดผมแน่น อย่างกับเด็กเล็กๆ  เล่นเอาผมพูดต่อไม่ออก ได้ยินแต่เสียงหัวใจเต้นตึกๆ นพรัตน์กอดผมสักพัก ก็ทำจมูกฟุดฟิดแถวซอกคอ ทำเอาผมดิ้นด้วยความจั๊กจี๋ หมอนี่จะดมพิสูจน์กลิ่นผมหรือไงนะ
   “กลิ่นคุณเหมือนเดิมเป๊ะ ผมดีใจจัง”
   ก็นี่มันกลิ่นตัวผม มันก็ต้องเป็นกลิ่นตัวผมสิ ไอ้หมอนี่คิดจะไปสมัครเป็นสุนัขทหารหรือไง
   “นี่ ปล่อยได้แล้ว ผมจะได้ไปอาบน้ำ” ถึงเขาจะไม่พูดอะไรต่อ แต่ผมกระดากตัวเองเป็นเหมือนกันนะ ผมอาบน้ำตั้งแต่เช้า ออกจากโรงแรมยังเดินหาซื้อของฝาก นั่งเครื่องกลับมาถึงตอนเย็น มันต้องมีกลิ่นตัวอยู่บ้างแหละ แล้วผมก็ไม่ชอบให้ใครมาดมพิสูจน์กลิ่นด้วย
   นพรัตน์ยอมปล่อยผมในที่สุด เขาหน้าแดงก่ำ ขบริมฝีปากพลางก้มมองพื้นงุดๆ เหมือนมองหาเศษสตางค์ เออ ตัวเองเป็นคนขอกอดแท้ๆ ยังจะทำมาอายอีก
   ถ้าไม่ติดว่าผมแก่กว่าเขาตั้งเกือบยี่สิบปี ผมถีบเขาไปแล้วนะเนี่ย
   นพรัตน์ยังคงก้มหน้าหาเศษสตางค์ไปเรื่อยๆ จนผมชักอยากถีบจริงๆ เลยต้องรีบพูดขึ้นก่อน
   “นี่คุณนพ กลับบ้านได้แล้วล่ะ พรุ่งนี้จะได้ไปทำงานแต่เช้า”
   นั่นแหละ หมอนั่นเลยเงยหน้าขึ้นมา ทั้งหน้าทั้งหูแดงเป็นลูกตำลึงเชียว คนหนุ่มนี่เลือดสูบฉีดดีจริงๆ
   “คุณไพฑูรย์”
   “อะไรอีกล่ะ?”
   “วันหลังไปไหนให้ผมไปด้วยนะ”
   หมอนี่เป็นลูกแหง่หรือไง ผมตอบรำคาญๆ “ผมบอกแล้วว่าผมจะลองทำเรื่องเสนอคุณพงษ์โพยมดู คุณจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”
   “ไม่ต้องทำเรื่องก็ได้ครับ เดี๋ยวผมออกทุนเอง ให้ผมไปกับคุณนะ ผมกลัวคุณถูกคนอื่นกอด”
   ผมหันมาจ้องเขาเขม็ง “นี่ คุณนพ ไม่มีใครเขาอยากกอดผมหรอกนะ”
   นพรัตน์กะพริบตาปริบๆ เหมือนไม่เชื่ออย่างที่สุด เออสิ ผมก็เพิ่งนึกหรอกว่าที่พูดไปก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกัน
   อย่างน้อยก็มีหมอนี่คนหนึ่งล่ะ ที่อุตรินึกอยากกอดผม
   นพรัตน์ดูเหมือนจะไหวตัวเร็วใช้ได้ ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ เจ้าตัวก็รีบพูดแทรกขึ้น
   “งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะครับ ขอบคุณสำหรับของฝาก แล้ว...คราวหน้าอย่าลืมทำเรื่องให้ผมไปด้วยนะ คุณสัญญาแล้วนะ”
   เอาอีกล่ะ ผมไปสัญญาตอนไหนกัน
   ผมขยับปากทำท่าจะพูดอีก แต่ก็ไม่ทันเขาจนได้
   “คุณไพฑูรย์ ผมกลับแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์นะครับ อย่านอนดึกนะ”
   “เออ... ราตรีสวัสดิ์” ให้ตายสิ ผมไม่ได้อยากพูดแค่นี้สักหน่อย
   นพรัตน์ไม่รอให้ผมอ้าปากพูดอะไรเพิ่ม เขาเดินตัวปลิวกลับไปที่รถ ก่อนเข้ารถยังไม่วายหันมายิ้มให้ผมอีกแน่ะ
   ต่อให้ยิ้มเหมือนนางสาวไทยสิบคน ผมก็ไม่หลงกลหรอกนะ รอไว้ถึงคราวผมบ้างเถอะ ผมจะ.....
   แต่เมื่อไหร่จะถึงคราวผมบ้างก็ไม่รู้สิ
-------------------------------------------------
   นพรัตน์เป็นคนหัวไว อะไรที่ผมสวดเขาไปในคราวก่อน คราวนี้เขาทำได้ไม่มีพลาด สมราคากับน้ำพริกกุ้งเสียบที่ผมซื้อมาฝากตั้งโหลหนึ่งจริงๆ ผมตรวจงานเสร็จก็อารมณ์ดีพอจะนั่งอยู่กับห้องรอรับเรื่องเฉยๆ แทนที่จะไปเดินสำรวจเขย่าขวัญพนักงานคนอื่นเหมือนเช่นทุกวัน อ้อ เมื่อเช้าผมเพิ่งแวะเอาของฝากไปให้พวกเขา เขาคงขวัญผวากันไปพอสมควรแล้วล่ะ
   นพรัตน์เตรียมเอกสารอยู่บนโต๊ะอย่างขมีขมันเช่นเคย ผมเลยกวาดตามองโต๊ะตัวเอง ไม่อยู่สองวัน ไม่นับเสาร์อาทิตย์ที่เป็นวันหยุด โต๊ะผมดูเหมือนจะมีอะไรเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย
   “คุณนพ คุณซื้อมาหรือ?” ผมถาม และพยักเพยิดไปทางกระถางต้นกระบองเพชรเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ นพรัตน์พยักหน้า
   “ครับ ผมไปเดินเล่นที่จตุจักรฯแล้วเห็นว่าน่ารักดี เลยซื้อมาฝาก”
   ผมกวาดตามองเจ้ากระบองเพชรเล็กๆ ในกระถาง พยายามคิดว่าเจ้านพรัตน์คงไม่ได้ตั้งใจจะเอาผมไปเปรียบเทียบกับเจ้าต้นไม้มีหนามพวกนี้ ก็ผมมันทั้งเย็นชา แล้งน้ำใจ แถมพ่นพิษไปทั่ว ถ้าจะเทียบกับต้นไม้ แม้แต่ผมเองก็ยังลงความเห็นว่าคงไม่พ้นต้นกระบองเพชรนี่แหละ ทนทายาด แถมมีหนามทั้งต้น ใครเลยไม่อยากเข้าใกล้
   ช่างเถอะ ใช่ว่าผมเองอยากจะให้ใครมาเข้าใกล้สักหน่อย
   แต่ต้นกระบองเพชรของเจ้านพรัตน์ไม่ธรรมดา แค่กระบองเพชรต้นเล็กๆ ต้นสองต้น ไม่มีทางให้คนอย่างผมพยักหน้าเห็นด้วยกับคำว่าน่ารักแน่ๆ
   นอกจากต้นกระบองเพชร ดินด้านล่างมีกรวดสีเรียบๆ โรยปิดเอาไว้ มีหินเทียมก้อนเล็กๆ ตั้งอยู่ก้อนหนึ่ง แล้วก็มีแมวเซรามิกตัวเล็กๆ นอนอิงหินกับต้นกระบองเพชรอยู่ตรงนั้น ก็น่ารักดีนั่นแหละ แต่ผมรู้สึกไม่สมจริงเอาเสียเลย
   “คุณนพ เอาแมวมานอนให้ต้นกระบองเพชรทิ่มแบบนี้ ไม่สงสารเหรอ” ผมว่า เขามองผม แล้วยิ้มเขินๆ “แมวมันอยากถูกหนามทิ่มมั้งครับ”
   “แมวที่ไหนมันอยากจะถูกหนามทิ่ม ย้ายออกมาหน่อยดีกว่า” ผมว่า แล้วเอาปลายปากกาเขี่ยมันออกมาหน่อย นพรัตน์ทำหน้ามุ่ย
   “ผมว่าแบบนั้นก็น่ารักดีอยู่แล้วนะ”
   ผมไม่สนใจคำพูดเขา ตั้งหน้าตั้งตาหาข้อสังเกตต่อ “ทำไมแมวมันมีตัวเดียวล่ะ?”
   “มันรอคุณหาคู่ให้อยู่มั้งครับ” เขาว่า ผมเหลือบตามองเขา “ผมไม่มีเวลามาหาคู่ให้แมวในดงกระบองเพชรหรอกนะ”
   “งั้นเสาร์นี้ผมพาไปนะ ไปจตุจักรฯกัน ไปเลือกคู่ให้แมว”
   นั่นไง หมอนี่หาโปรแกรมได้ทุกสัปดาห์จริงๆ ผมยังอารมณ์ดีอยู่เลยพยักหน้า “ตามใจ ออกลูกมาเต็มกระถางผมไม่รู้ด้วยนะ”
   นพรัตน์หัวเราะจนเห็นฟันเขี้ยว “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมช่วยคุณเลี้ยง”
   “เหอะ!” ผมแค่นเสียงขึ้นจมูก แต่ก็อดยิ้มไปด้วยไม่ได้ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรไร้สาระต่อจากนั้น เสียงเคาะประตูเบาๆ ก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงเปิดประตู
   ความอารมณ์ดีของผมหายวับไปเหมือนถูกเช็ด
   “น้องไพ”
   ผมล่ะโคตรเกลียดเวลามีใครเรียกด้วยชื่อหน้าแค่คำเดียวแบบนี้ที่สุดเลย แล้วมีมนุษย์เพียงคนเดียวในโลกเท่านั้นที่กล้าเรียกผมแบบนี้ เรียกมาจะยี่สิบปีแล้วก็ไม่ยอมเปลี่ยน โผล่หน้ามาทีไรก็ทำเอาเส้นเลือดในสมองผมเต้นตุบๆ ทุกที
   ที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้เป็นหนุ่มร่างใหญ่โตอย่างกับหมีในดงพญาไฟ ยิ่งแก่ตัวไปยิ่งคล้ายหมีเข้าไปทุกที ทั้งพุงทั้งหัวเริ่มจะตามแฟชั่นคนรุ่นเดียวกันแล้ว เขาชื่อจิระภัทร์ เป็นรุ่นพี่ผม แล้วก็เป็นผู้บริหารบริษัทซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทที่ผมทำอยู่
   ปกติพงษ์โพยมที่อยู่รุ่นเดียวกันและเป็นเจ้าของบริษัทจะทำหน้าที่คุยกับเขาในฐานะผู้บริหารใหญ่ แต่วันนั้นพงษ์โพยมไม่อยู่ เขาบอกผมตั้งแต่ก่อนผมไปสัมมนาแล้วว่าวันนี้ต้องไปธุระ ผมเลยต้องกลับตามกำหนด เพื่อมานั่งรักษาการแทนตำแหน่งของเขาด้วย ก็นึกอยู่หรอกว่าไอ้พี่จิระภัทร์น่าจะโผล่หัวมา พงษ์โพยมไม่อยู่กันท่าทีไร ไอ้หมอนี่ต้องเสนอหน้ามาให้ผมความดันขึ้นทุกที
   “มีธุระอะไรหรือครับพี่ภัทร์ พรุ่งนี้พี่พงษ์จะเข้ามาตอนสายๆ พี่กลับไปแล้วค่อยมาใหม่ดีกว่า”
   ผมออกปากไล่อย่างรักษามารยาทสุดๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาคงไม่ได้มาธุระกับพงษ์โพยมหรอก
   “เปล่า พี่มาหาน้องไพ มาดูว่าน้องไพยังสวยเหมือนเดิมรึเปล่า”
   เออ ถ้าผมอยากจะฆ่าใครนะ ไอ้พี่ภัทร์คงอยู่รายชื่อแรกสุด ตัวแรกสุด เอาปูนวงไว้ได้เลย
   “พี่ภัทร์ครับ จะพูดอะไรอายเด็กบ้างเถอะ อายุไม่ใช่น้อยๆ กันแล้ว” ผมว่า เขาทำหน้าเหมือนเพิ่งเห็นว่ามีนพรัตน์นั่งอยู่ แต่ก็เท่านั้นแหละ อายุจะห้าสิบแล้ว หนังหน้าเขายิ่งหนากว่าตอนเกือบยี่สิบปีก่อนอีก
   “ไม่เป็นไรหรอกน้องไพ เด็กสมัยนี้มันไม่ถือแล้วล่ะ”
   โห... คิดเองเออเองได้โคตรหน้าด้านเลย ผมชักฉุนหนัก
   “พี่ภัทร์ พี่กลับไปเถอะ อย่าให้ผมต้องไล่พี่ต่อหน้าเด็กมันเลย”
   “โถ...น้องไพ อย่าใจร้านกับพี่งั้นสิ น้องไพก็รู้ว่าต่อให้ไล่ พี่ก็ไม่ไปหรอก ใจพี่มันปักติดน้องมาแต่ไหนแต่ไร”
   ถ้าผมปาถ้วยกาแฟใส่หน้าคนจะถูกปรับเยอะมั้ย?
   เอาล่ะ ถึงผมอยากจะปา อยากจะถีบ อยากจะกระทืบไอ้พี่ภัทร์ใจจะขาดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ผมทำไม่ได้หรอก ไม่ใช่ว่าเกรงใจมันนะครับ ผมกลัวถูกมันจับหักครึ่งต่างหาก เหตุผลเดียวที่ไอ้พี่ภัทร์ยังไม่ถูกผมแจ้งตำรวจมาจับ เพราะหมอนี่ยังไม่เคยลงไม้ลงมือกับผมนี่แหละ แต่ทางที่ดี อย่าได้หาเรื่องใส่ตัวมากกว่านี้จะดีกว่า เห็นหุ่นก็รู้แล้ว ระหว่างผมกับไอ้พี่ภัทร์ ใครจะจอดก่อนกัน
   ขณะที่ผมกำลังเค้นสมองจนเส้นเลือดแทบจะเต้นแอโรบิกได้ เจ้านพรัตน์ก็เคาะแฟ้มเสียงดังโป๊กๆ ทำเอาใครที่กำลังจะอ้าปากพูดอะไรในตอนนั้นต้องรีบหุบปากโดยอัตโนมัติ
   “คุณไพฑูรย์ เรื่องที่แผนกไอที คุณจะลงไปดูเลยรึเปล่าครับ”
   ไม่รู้หรอกว่าเจ้านพรัตน์อยากกอดผมเพราะอะไร แต่ตอนนี้ผมอยากกอดหมอนี่เพราะคำพูดนี้มากเลย ผมพยักหน้าแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด ก่อนจะผุดลุกขึ้น
   “ผมต้องไปทำงานแล้ว พี่อย่ารบกวนเวลาผมดีกว่า”
   จิระภัทร์ทำหน้าอึกอักขึ้นมา มองผมขึ้นๆ ลงๆ แล้วหันไปมองนพรัตน์ซึ่งลุกขึ้นบ้าง
   “เด็กนี่ใครน่ะ”
   “ผู้ช่วยผม” ผมตอบ ไอ้คุณพี่จิระภัทร์กวาดตามองนพรัตน์อีกพักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “พี่ว่าเด็กไปนะ น้องไพรับผู้ช่วยทำไมเด็กงี้ล่ะ”
   “เด็กก็ทำงานได้แล้วกัน” ผมตอบ และพูดต่อ “พี่กลับได้แล้วล่ะ ผมจะได้ไปทำงาน”
   “เดี๋ยวซี่ คุยกันต่อสักแป๊บไม่ได้หรือ พี่ง้อน้องไพมาจะยี่สิบปีแล้วนะ นิดๆ หน่อยๆ น่าจะให้พี่บ้าง”
   ขี้เล็บเดียวผมก็ไม่ให้หมอนี่เด็ดขาด ผมเชิดหน้า ตวัดสายตามองหมอนั่นอย่างเย็นชาที่สุด ก่อนจะแค่นเสียง “หลีกไป ผมจะไปทำงาน”
   ลูกเล่นนี้อาจจะใช้กับคนธรรมดาที่มีสามัญสำนึกสูงได้ผล แต่กับจิระภัทร์ อย่าว่าแต่ได้ผล แค่เสียงของผมทะลุเข้าไปในโสตประสาทเขาได้นับว่าเป็นบุญ
   ไอ้พี่ภัทร์ยังคงยืนขวางเต็มหน้าประตู ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มหื่นๆ ผมล่ะโคตรเกลียดเลย เด็กหนุ่มๆ มีตั้งเยอะแยะ มาตื้อผมอยู่ได้ตั้งจะยี่สิบปี จะเรียกว่าปักใจ หรือจองเวรดีนะ....
   “น้องไพให้ผู้ช่วยออกไปก่อนสิ แล้วเดี๋ยวพี่จะปล่อยน้องไพออกไป”
   ถ้าผมโง่ขนาดเชื่อคำพูดเขา ผมคงไม่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้หรอก ผมตั้งสติ นึกถึงคำพระ ยุบหนอพองหนอ หายใจเข้าออก เย็นไว้ ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งไปด่ามัน เราเป็นคนดีมีมารยาท อยู่สูงกว่ามันตั้งเยอะตั้งแยะ นึกเข้าว่าจะทำยังไงต่อไปดี
   ระหว่างที่ผมกำลังตั้งตบะเต็มที่ ไอ้พี่ภัทร์ก็ยื่นมือมาจับหน้าผม
   ไอ้เ-ยเอ๊ยยย เผลอไม่ได้เลยนะ-ง
   ผมโมโหแทบหน้ามืด แต่ยังไม่ทันอ้าปากด่าออกไป มือใครคนหนึ่งก็ยื่นมาปัดมือของไอ้พี่ภัทร์ออกได้ทันก่อนผมจะตวาดแว๊ด นายนพรัตน์ที่ปกติทำตัวอย่างกับเด็กสิบขวบ ชอบอายม้วนไปม้วนมาต่อหน้าผมจนอยากจะยกเท้าถีบ ตอนนี้แทบจะยืนชนผม นี่ผมกำลังถูกเจ้าหมอนี่ช่วยไว้หรือเปล่านะ? ได้ยินเสียงเขาพูดออกมา
   “ผมถือนะครับ เกรงใจผมหน่อย”
   ช่วยไม่ช่วยไม่รู้ แต่ผมโคตรสะใจ คนวัยเดียวกันโดนเด็กรุ่นลูกด่า เออ โดนเด็กอายุคราวลูกด่าซะบ้าง เผื่อมันจะทะลุเข้าไปในหนังหน้าหนาๆ นั่นได้
   นพรัตน์กับจิรภัทร์ตัวพอๆ กัน แต่ผมเชื่อถือในพลังคนหนุ่ม ใช่ว่าผมมั่นอกมั่นใจอะไรกับเจ้านพรัตน์หรอกนะ แต่ให้เลือกระหว่างถูกเด็กรุ่นลูกพาออกไป กับต้องอยู่ในห้องสองต่อสองกับไอ้หมีควายนี่ ผมเลือกข้อแรกแบบไม่ต้องคิด
   ถึงผมจะรักษามาดยิ่งชีพ เวลาไหนต้องดูดีไม่มีพร่อง แต่เวลาแบบนี้ ผมขอรักษาอธิปไตยสี่สิบกว่าปีของตัวเองเอาไว้ก่อน
   ส่วนเรื่องมาด... รอดไปได้ยังมีอีกหลายวิธีพอจะกู้กลับมาได้อยู่
   จิระภันทร์ทำหน้าอึ้งๆ นานๆ ทีผมจะได้เห็นเขาทำหน้าอึ้งขนาดนี้ คงคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะโดนเด็กรุ่นลูกตอกหน้า
   “พี่ภัทร์ ผมสายแล้วนะ” ผมได้ทีขย้ำต่อ ถึงจะโดนหาว่ารุม แต่สถานการณ์นี้ผมไม่มีทางเลือก ใครมันจะร้องหาความยุติธรรมเอาไว้ตอนหลังแล้วกัน ไอ้พี่ภัทร์มองผม แล้วหันไปมองนพรัตน์ มองกลับไปกลับมาอย่างกับเกมจับผิดภาพเหมือน แต่ผมกับนายนพรัตน์ไม่เหมือนกันเลยสักที่ ท้ายที่สุดเขาก็พูดออกมา
   “เอาเถอะ วันนี้พี่ไปก็ได้ แต่น้องไพอย่าลืมนะ ชอบเด็กน่ะไม่ดีหรอก ดูอย่างพรายสิ เคยดูดำดูดีน้องบ้างมั้ย”
   “ผมบอกพี่ปากจะฉีกแล้ว ผมยอมเป็นโสดจนวันตาย ดีกว่าให้พี่มาคอยดูดำดูดี” ผมว่า เขาทำตาแดงๆ อย่างกับจะร้องไห้ เหอะ มามุขนี้ผมก็ไม่ใจอ่อนหรอก
   “น้องไพ พี่รู้ใจคนเราเปลี่ยนกันได้ สักวันน้องไพจะต้องเห็นความดีของพี่ พี่ไม่หนีน้องไพไปไหนหรอก นึกถึงพี่เมื่อไหร่ พี่ยินดีต้อนรับเสมอ”
   “คุณไพฑูรย์ครับ สายแล้วครับ” เจ้านพพูดแทรกขึ้นมา ผมพยักหน้า พลางมองนาฬิกา
   “พี่ภัทร์ ผมต้องไปแล้ว” ผมว่า และเดินแอบหลังนายนพรัตน์ เบียดหมอนั่นออกไป

   จะว่าไปพี่จิระภัทร์ก็น่าสงสารหรอก ถึงตอนนี้พี่แกจะรูปร่างร่วงโรยไปตามวัย แต่ตอนหนุ่มๆ ก็ป๊อปใช่ย่อย ไม่รู้เวรกรรมอะไร ถึงได้ตามจีบผมไม่เลิกไม่รา ถูกด่าถูกว่าก็ยังหน้าด้านหน้าทนมาจนจะยี่สิบปีแล้ว ผมก็เคยนึกสงสารเขานะ แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะเขาไม่ใช่สเป๊กผม สะกดจิตให้ตายผมก็ชอบเขาไม่ลง
   หัวใจคนเรามันไม่เป็นไปตามหลักเหตุผลหรอก จะชอบใครรักใคร บางทียังหาเหตุผลไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
   เหตุผลมันมักจะตามมา หลังจากที่ชอบไปแล้วนั่นแหละ
--------------------------------------------
   สุดท้ายผมก็เดินมาที่แผนกไอที พร้อมกับนายนพรัตน์ มาเขย่าขวัญพนักงานในแผนกนั้นเล่นอย่างไม่มีสาเหตุ ผมรู้หรอกว่านายนพรัตน์ปั้นเรื่องมาช่วยผมไว้ หัวดีแบบนี้คิดไม่ผิดที่รับมาเป็นผู้ช่วย ผมยืนมองๆ ทำท่าเหมือนตรวจงานอยู่ เผื่อไอ้พี่ภัทร์ดอดตามมาดู จะได้ไม่สงสัยอะไร ขณะที่ยืนนึกๆ ว่าจะทำอะไรต่อไปดี นายพัชระก็โผล่หน้าเข้ามา
   “โห...ลุง ลมอะไรพัดมาเนี่ย ผมว่าแผนกผมไม่ได้ทำกลิ่นอะไรไปเข้าจมูกลุงนะ”
   คนหนึ่งเรียกน้องไพ อีกคนเรียกลุง ที่ผมยังยืนนิ่งๆ อยู่ได้โดยไม่ตวาดออกไปนี่ถือว่าสวรรค์โปรดนายพัชระแล้วล่ะ
   “ผมแวะมาเยี่ยม ไม่ได้หรือไง?” ผมตอบ นายนพรัตน์คงไม่ได้นัดแนะเอาไว้ล่วงหน้าเพราะเป็นเรื่องกะทันหัน เพราะฉะนั้น กว่านายพัชระจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ผมว่านายนพรัตน์คงขยิบตาจนเมื่อย
   พอเริ่มรู้เรื่อง นายพัชระเลยปฏิบัติหน้าที่อย่างที่เพื่อนและลูกน้องที่ดีควรจะทำ
   “ตามมาๆ “ เขากระซิบ ผมเลยเดินวางมาด ก้าวฉับๆ ตามไปกับนายนพรัตน์ ทั้งๆ ที่ยังนึกสงสัยว่าหมอนี่จะพาผมไปไหน แล้วเข้าใจเรื่องว่าอย่างไรกันแน่ ผมว่าสองคนนี่คงไม่ได้เรียนรหัสมอสกันมาเพื่อขยิบตาส่งภาษากันหรอก
   “ผมเพิ่งจัดมุมใหม่ เอาใจพนักงานสาวๆ โดยเฉพาะ” เจ้าพัชระตอบอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับผายมือไปยังมุมกาแฟเล็กๆ ที่มีโต๊ะเก้าอี้คู่รูปร่างทันสมัยตั้งเอาไว้ข้างๆ พอเห็นผมหรี่ตามอง เจ้าตัวเลยรีบพูดต่อ “พนักงานหนุ่มๆ ในแผนกผมหุ้นกันนะลุง ไม่อุ๊บอิ๊บงบหลวงหรอก ลุงไม่เชื่อไปสืบได้เลย แล้วก็ไม่ได้รบกวนพื้นที่ทำงานด้วย ผมแค่อยากเอาใจพนักงานสาวๆ เผื่อจะมีสวยๆ หลงมาบ้าง”
   เออ เชื่อเขาเลย ผมมอง แล้วนึกปลงตกกับเจ้าเด็กพวกนี้จริงๆ
   “คุณควรสนใจศักยภาพการทำงานมากกว่าหน้าตานะ”
   “โห ลุงพูดได้ดิ ก็ลุงไม่มองสาวๆ นี่ ลุงไม่รู้หรอก เวลามีพนักงานสวยๆ มาทำงาน พวกผมก็กระปรี้กระเปร่า พลอยจิตใจคึกคัก อยากทำงานหนักตามไปด้วย”
   ผมมองเขาด้วยสายตาที่บอกชัดว่าไม่เชื่อถือสุดๆ เจ้าพัชระทำหน้าเซ็ง แล้วถึงได้เข้าเรื่อง “ลุงกับเจ้านพหลบที่นี่ก่อนแล้วกัน ผมไม่รู้หรอกว่าคนอย่างลุงต้องหลบใครกับเขาด้วย แต่ถ้าจะหลบ มุมนี้แหละ ลับตาสุด มิดชิดสุด รับรองมองจากนอกแผนกไม่เห็นแน่”
   “คุณจัดให้พวกผู้หญิงนั่งมุมลับๆ แบบนี้ได้ไง” ผมถามทันที พัชระทำหน้าเหมือนโลกจะแตก “เอาน่า ไว้วันหลังผมจัดใหม่ ลุงกับเจ้านพนั่งไปก่อนแล้วกัน อยากไปเมื่อไหร่ค่อยเดินออก ผมไปทำงานต่อล่ะ เดี๋ยวโดนตัดโบนัสอีก”
   เขาพูดเร็วปรื๋อ และรีบเดินออกไปอย่างกับกลัวจะถูกตัดเงินเดือนจริงๆ เลยเหลือแต่ผมกับเจ้านพรัตน์สองคน ผมไม่รู้จะยืนให้เมื่อยทำไมทั้งๆ ที่มีเก้าอี้ตั้งอยู่ เลยนั่งลง ก่อนจะถอนหายใจเฮือก
   “เดี๋ยวสักสิบห้านาทีค่อยออกไปก็ได้ครับ” เจ้านพรัตน์พยายามพูดปลอบ ผมพยักหน้า และพูดขึ้นบ้าง “คุณจิระภัทร์ต้องเข้าบริษัทก่อนเที่ยง เดี๋ยวก็คงไปเองนั่นแหละ”
   “เอ่อ... เขาคือ...”
   “รุ่นพี่ผม เจ้าของบริษัทP พันธมิตรของเรานั่นแหละ ผมไม่อยากมีเรื่องกับเขา วันหลังคุณก็ระวังๆ ไว้หน่อยนะ”
   “อ้อครับ...” นพรัตน์ส่งเสียงตอบรับ ผมมองเขาพักหนึ่ง เขายังเด็ก แต่เอาเข้าจริงก็พอพึ่งได้หลายเรื่องอยู่เหมือนกัน
   “คุณนพ... ขอบใจนะ”
   นพรัตน์พยักหน้า และยิ้มบางๆ เขายิ้มได้หลายแบบ แต่ก็แค่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร
   ก็แค่ยิ้มเท่านั้นแหละ
   ผมนั่ง เขายืน ยืนแล้วยิ้มเฉยๆ แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีก ผมก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั่งเฉยๆ
   แต่ทำไมหัวใจผมถึงเต้นแรงอีกแล้วก็ไม่รู้สิ
-----------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 03-06-2011 17:46:32
นพหึงอ่ะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: tartar ที่ 03-06-2011 18:15:34
ผมก็หัวใจเต้นแรงเหมือกันนนนนนนนน

ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 03-06-2011 18:16:55
 :laugh: :laugh:  แอบฮาอีตาลุงนั่นจริงๆ  


นพสู้ ๆ คุณไพฑูรย์ อย่าใจแข็งกับนพนักสิ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 03-06-2011 18:29:27
รักคนแก่ เลิฟคนหนุ่มจริงๆเรา ^^
ใจอ่อนลงนิดนึงแล้วแต่ยังไม่คืบหน้าไปไหนเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 03-06-2011 18:33:38
โอววว คุณลุงของเราเสน่ห์ล้นเหลือ หนุ่มเล็ก หนุ่มใหญ่ รุมกันเกลียว งานนี้หนุ่มนพต้องรีบแล้วม๊างงง :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: lastlover ที่ 03-06-2011 19:12:40
นี่ขนาดอายุขึ้นเลขสี่แล้วยังมีคนติดตรึมเลยนะเนี่ย น้องไพของพวกเราเสน่ห์ไม่เบา แต่ไม่รู้ตัว :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 03-06-2011 19:44:44
โอ้โห เรื่องราวของคนสี่สิบกับยี่สิบ
มันก็โรแมนติกกว่าเรื่องของหนุ่มๆบางเรื่องอีก
กดไลให้เลย... o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 03-06-2011 19:58:21
คุณลุงเนื้อหอมฟุ้งไม่ต้องพึ่งน้ำหอม  o17
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 03-06-2011 20:01:40
คุณไพฑูรย์แอบฮอทนะคะเนี่ย  :laugh:อ่านแล้วฮาพี่แกจัง
แต่ท่าทางเรื่องหน้าอ่อนนี่สงสัยจะจริง  :eiei1:
จะว่าไปก้อแอบสงสารพี่หมีเหมือนกันนะเนี่ย ท่าทางจะรอเก้อซะแล้ว o16
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 03-06-2011 20:05:17
เขาสั่นศีรษะ และพูดตอบ “มีคุณไง”
   “.........................”
   “อย่าไล่ผมไปกินข้าวกับซีอิ้วเลยนะ”
   “.........................”
   “ถึงผมจะทำกับข้าวไม่เอาไหน แต่ผมชอบทานกับข้าวฝีมือคุณนะ”
   “................” ไม่เห็นจะเกี่ยวกันสักนิด...


เขินมากกับบทสนทนานี้ :-[

เจ้านพกับคุณไพฑูรณ์น่ารักมากกกกก o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 03-06-2011 20:18:03
โอย เมื่อไรจะใจอ่อนคะ

เป็น ฉัน นะ

ฮึ่ม เรื่องจบตั้งเเต่นอนเตียงเดียวกันละ คริๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 03-06-2011 20:27:11
โอ๊ย เขินสุดๆ
คุณนพน่ารักมาก :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 03-06-2011 21:51:04
คุณไพฑูรย์ เสน่ห์แรงมากๆเลยนะเนี่ย
ไม่น่าเชื่อว่ามีคนตามรักมาเป็นสิบๆปี ตั้งสองคน
แบบนี้แล้วนพต้องเร่งสปีดให้มากกว่านี้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: epoch ที่ 03-06-2011 22:07:44
น่าร้าก..ที่ซู้ด.... :impress2:
ชอบเรื่องนี้มากถึงมากที่สุดเลยค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 03-06-2011 22:13:46
เริ่มจะหลงเด็กแล้วจิลุง
ก็นะ ทำไงได้ เด็กมันน่าหลงซะด้วย
555+
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 03-06-2011 22:56:31
โอ๊ะ ๆ คุณพี่ไพเสน่ห์แรงแฮะ :really2: นพเอ๋ย อย่าใจเย็นนะ รีบ ๆ หน่อย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 03-06-2011 22:58:59
จิ้มบวกให้คนเขียนค่ะ ขอบคุณที่แต่ละตอนมายาวได้ใจ ชอบๆ  o13
คุณไพฑูรย์นี่เสน่ห์แรง รุ่นหลาน รุ่นลูก รุ่นพี่หลงกันให้พรึ่บ
ถึงว่าทำไมนายนพถึงได้หวงขนาดนั้น
มีกอดพิสูจน์กลิ่นด้วย  :laugh: ชอบเวลาคุณไพฑูรย์เถียงไม่ออกอ่ะ น่ารัก :-[
แอบเห็นคำผิดหนึ่งคำ ทะหาร : ทหาร นะคะ
รอคอยตอนต่อไปค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 04-06-2011 01:19:05
นพรุกหนักเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 04-06-2011 22:21:30
วันนี้ไม่มาต่อเหรอ
 :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 04-06-2011 22:28:26
ลุง เอ๊ยยย คุณไพฑูรย์ค่ะ ใจอ่อนเร็วนะค่ะ

เราสงสารนพ   :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-06-2011 22:44:20
เรื่มมีความคืบหน้าในความสัมพันธ์ของ 2 คนนี้แหละ อย่างน้อยลุงก็ยอมให้กอดละนะ  นพสู้ๆๆ พยายามต่อไป :m11:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 04-06-2011 22:51:44
น่ารักอ่ะ อ่านไปยิ้มไป
ชอบจังที่ลุงอยากถีบเด็ก อิอิ
ตัวลุงเนี่ยขำๆๆดีน่ะ

ที่สำคัญคนแต่งลงได้ยาวสะใจมาก
ชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 04-06-2011 23:48:43
 :-[

เขินๆ

น่ารักดี

อยากให้คุณไพทูรเปิดใจไวไวจัง

สงสารนพ

แต่ถ้าเป็นเราก็คงคิดหนักอ่ะ  ห่างกันตั้ง20ปี
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 05-06-2011 09:53:10
หายไปหนึ่งวันค่ะ พอดีไปธุระ กลับมาเขียนต่อไม่ทัน แต่นับแล้วเรื่องนี้ลงถี่ที่สุดเป็นประวัติการแล้วค่ะ เพราะปกติจะอัพอยู่ที่สัปดาห์ละหนเป็นอย่างต่ำไปจนถึง1-2เดือนต่อตอน ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ^^
------------------------------
บันไดขั้นที่6
   สุดท้ายผมก็ได้ออกมาจับคู่ให้แมวเซรามิกในวันเสาร์จนได้ เจ้านพรัตน์เคยชวนผมไม่สำเร็จสักครั้งไหม ไม่สิ ผมเคยปฏิเสธหมอนี่ได้สักครั้งรึเปล่าเนี่ย
   เอาเถอะ ก็มันว่างๆ ไม่มีอะไรทำนี่นา
   ผมเคยเป็นหนึ่งในทีมงานผู้เชี่ยวชาญตลาดจตุจักร สมัยก่อนตอนเด็กๆ เหมือนจะอยู่แถวสนามหลวง พอผมขึ้นม.1 ก็ย้ายมาเปิดที่จตุจักรนี่แหละ สมัยนั้นที่เที่ยวไม่ค่อยมาก หลังเลิกเรียนบางทีก็นั่งรถมาเดินเล่นกับพวกเพื่อนๆ ยิ่งตอนเข้าเรียนสายอาชีพ ตลาดมันอยู่ไม่ห่างจากวิทยาลัยเท่าไหร่ ตามเพื่อนมาดูมันหลีสาวแทบทุกอาทิตย์ ดูไปดูมา ผมเลยเดินเที่ยวตลาดแทน ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับสมัยนี้น่ะนะ....
   ผมยืนมึนอยู่หน้าประตูทางเข้าตลาด มันเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ ก็เหมือนเคยนั่งรถผ่านอยู่หรอก แต่ไม่ได้มาเดินเองนานแล้ว ทางเข้าไหนเป็นทางเข้าไหนแทบจะดูไม่ออก แถมคนก็แน่น ทั้งคนไทย ทั้งฝรั่ง ทั้งญี่ปุ่น มาให้มั่วกันไปหมด ร้อนก็ร้อน
   ทั้งอาการร้อน คนเยอะ เสียงดัง เป็นอะไรที่ผมไม่ชอบเอาเสียเลย ติดแต่ดันไปตกปากรับคำกับเจ้านพรัตน์ไว้แล้วว่าจะมาเป็นเพื่อน ก็เลยต้องทนๆ ไป วันนี้นพรัตน์แต่งตัวแปลกหูแปลกตาไปพอสมควร ใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ เสื้อยืนแขนสั้น แถมหมวกอีกใบ คงเตรียมลุยตลาดเต็มที่ เออ... แต่งแบบนี้ก็ดูไม่เลวนักหรอกสำหรับคนวัยนี้ แถมหุ่นก็ดี หน้าตาก็ใช่จะด้อยกว่าชาวบ้าน ผมชักนึกว่าถ้ามีแมวมองมาทาบทาม ผมจะผันตัวเองไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวเจ้านพรัตน์เสียเลย แต่คงไม่ได้หรอก เจ้าหมอนี่ต้องช่วยผมทำงานที่บริษัท
   เป็นโชคดีของคนหนุ่ม อากาศร้อนๆ คนแน่นๆ แบบนี้ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นได้โดยไม่โดนคำครหา แต่คนรุ่นผม ใส่ขาสามส่วนมีหวังได้กลายเป็นอาแปะ ใส่เสื้อยืดก็เกินวัยแล้ว อีกอย่าง ผ้าเสื้อยืดสมัยนี้ก็ร้อน แล้วผมก็ไม่ชอบใส่กางเกงขาสั้นมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นผมเลยใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแลกสีออกครีมๆ ที่ผ้าบางหน่อย พอมาเดินคู่กับเจ้านพรัตน์ มองผ่านๆ ก็คงเหมือนพ่อลูกล่ะมั้ง นพรัตน์สวมหมวก แล้วถือร่มให้ผมที่แต่งตัวแบบนี้ เข้าคู่กันเสียไม่มี
   อย่างกับพ่อลูกกันจริงๆ แน่ะ...
   ถึงปกติผมจะเกลียดการถูกเปรียบเทียบกับคนรุ่นหนุ่มกว่า แต่ในเมื่อตกปากรับคำไปแล้ว และผมก็แต่งตัวเหมาะสมกับวัยที่สุดแล้ว ถ้าจะผิด ก็ผิดที่เจ้านพรัตน์เด็กเกินไปก็แล้วกัน
   พอเดินเข้าไปในตลาด ร่มก็หมดความหมาย เพราะมีหลังคากางตลอด แต่อากาศก็ร้อนอยู่ดี นพรัตน์ขยับตัวเข้ามาใกล้ผมที่ทำหน้าเป็นรูปทองเหลืองเพราะอากาศร้อนจนยิ้มไม่ออก ก่อนจะกระซิบ
   “คนเยอะนะครับ จับมือผมไว้แล้วกัน จะได้ไม่เดินหลง”
   ผมว่าคำพูดนี้ดูจะผิดฐานะไปหน่อย มันต้องเป็นผมสิที่ต้องจูงมือเขา เขาจะได้ไม่เดินหลงไปไหน...
   เอาเถอะ สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปแล้ว ถึงผมอยากทำตัวเป็นผู้ใหญ่ดูแลเด็กยังไง ตลาดที่คนแน่นๆ แล้วไม่รู้ทางแบบนี้ ผมหลงแบบไม่ต้องเดาแน่นอน ดังนั้น ผมจึงจับมือเขาแน่น เพราะไม่อยากถูกประกาศชื่อออกลำโพงว่าเป็นคนแก่หลง
   เวลาผ่านไป เรื่องราวบางอย่างก็กลับหน้าหันหลังไปหมดแล้ว
   แต่ปรากฏว่าถึงจับมือกันก็หลงอยู่ดี เจ้านพรัตน์เดินวนไปเวียนมาก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะหาร้านที่ขายตุ๊กตาประดับกระถางพวกนั้นเจอ นพรัตน์ผิวขาว พอเจออากาศร้อนมากๆ หน้าเลยแดงจัด เลือดสูบฉีดดีก็ดีอยู่หรอก แต่อย่าร้อนจนเป็นลมเป็นแล้งไปก่อนผมก็แล้วกัน เพราะผมคงแบกเขาไม่ไหว
   “คุณไพฑูรย์ ผมขอโทษนะ พอดีไม่ค่อยได้มาบ่อยๆ ก็เลยจำทางไม่ค่อยได้ เราไปหาอะไรเย็นๆ ทานกันก่อนดีมั้ยครับ”
   ผมพยักหน้าเห็นด้วยทันที แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขาล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ อืม... ก็รู้อยู่หรอกว่าผมแก่กว่าเขาเยอะ รุ่นอารุ่นพ่อเข้าไปแล้ว แต่ไม่ต้องดูแลผมเหมือนคนแก่ขนาดนี้ก็ได้
   แต่ตาซื่อๆ ของเขาที่มองมาด้วยทำเอาผมเอ็ดไม่ลง เอาเถอะ เขาก็แค่มีน้ำใจกับคนอายุเยอะกว่าเท่านั้นแหละ
   เราสองคนเดินมานั่งในร้านซึ่งเปิดเป็นเพิง เพราะผมบ่นว่าร้านที่มีแต่ร่มมันก็ร้อนอยู่ดี ผมว่าคนหนุ่มอย่างเขาต้องสั่งน้ำอัดลมมาดื่มแก้ร้อน เลยเตรียมจะสั่งให้พร้อมน้ำฝรั่งของผมเลย ที่ไหนได้ เขาดันสั่งน้ำที่ผมคาดไม่ถึง
   “น้ำฝรั่งแก้วหนึ่ง กับน้ำมะตูมแก้วหนึ่งครับ” สุดท้ายเขาก็เป็นคนสั่ง ผมทำตาโตด้วยความอึ้ง
   “คุณนพ คุณไม่ดื่มน้ำอัดลมหรือไง?”
   เขาหันมามองผม แล้วสั่นศีรษะ “ผมเคยดื่มแล้วปวดท้อง เลยไม่ดื่มอีกเลยน่ะ”
   อ๋อ ที่แท้เป็นพวกกระเพาะไม่ทนกรด แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ดี “แล้วนึกไงสั่งน้ำมะตูม”
   นพรัตน์ทำหน้าแปลก “ก็สมัยก่อนแม่ผมชอบต้มให้ดื่ม พี่สาวมายังต้มทิ้งเอาไว้ให้เลย บ้านผมชอบกินมะตูมนะ มีแบบแห้งเก็บเอาไว้เป็นกิโล”
   ผมได้รับความรู้ใหม่ บ้านนายนพรัตน์ชอบดื่มน้ำมะตูม เออ แปลกดี คิดว่าเด็กรุ่นนี้จะต้องกินแต่น้ำอัดลมเสียอีก วันหลังถ้าผมไปดูงานที่ไหนถ้าเจอคงต้องซื้อกลับมาฝาก
   “เดินต่อไหวรึเปล่าครับ” เขาเอ่ยถามหลังจากดื่มน้ำกันไปได้คนละครึ่งแก้ว ผมพยักหน้า แต่ก็พูดเสริม “แต่ขอนั่งพักให้หายร้อนสักพักแล้วกัน”
   นพรัตน์พยักหน้าหงึกหงัก ผมกลัวเขาจะล้วงเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ผมอีก เลยชิงเอาของตัวมาจัดการตัวเองก่อน หมอนั่นดื่มน้ำมะตูมไป จ้องหน้าผมไป ไม่รู้จ้องหารอยตีนกาหรือร่องแก้ม แต่ขอบอกไว้ก่อน ผมยังไม่มีทั้งสองอย่างนั่นแหละ อย่ามาเสียเวลาจ้องหาให้เมื่อยเลย
   พอหารอยตีนกาบนหน้าผมไม่พบ หมอนั่นก็ลุกขึ้น แล้วบอกให้ผมนั่งรออยู่ก่อน จากนั้นก็เดินออกไปอีกทาง สักพักก็กลับมาพร้อมกับบางสิ่งบางอย่าง
   โอ้โห...ไอติมกะทิ ไม่ได้ทานมาเป็นสิบปี ก็พวกที่ขายๆ อยู่ใส่นมทั้งนั้น ใครมันจะไปทานลง
   ตอนแรกผมไม่อยากทานนักหรอก บ่นกระปอดกระแปดว่าใส่นมบ้างล่ะ ดูไม่น่าอร่อยบ้างล่ะ นายนพรัตน์ก็คะยั้นคะยอจะให้ทานให้ได้ บอกว่าเดี๋ยวจะป้อนให้ อืม..ถึงผมจะอายุมาก ผ่านอะไรมาเยอะ แต่หนังหน้ายังไม่หนาพอให้เด็กมาป้อนไอติมให้หรอกนะ ผมเลยคว้าจากมือเขา แล้วตักเข้าปากให้รู้แล้วรู้เรื่อง
   เออ... แต่มันเป็นไอติมกะทิจริงๆ นั่นแหละ
   คงเพราะไม่ได้ทานมานานมากแล้ว พอลิ้นมันคุ้นว่าเป็นรสดั้งเดิม ปากมันเลยพลอยหยุดไม่ได้ไปด้วย เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็เห็นเจ้านพรัตน์ยิ้มแก้มแทบปริ จะยิ้มอะไรกันนักกันหนา ก็แค่คนกินไอติม ยิ้มบ่อยๆ ผมก็ชักเขินเป็นเหมือนกันนะ
   “จะทานอีกรึเปล่าครับ” เขาถามก่อนที่ผมจะขูดถ้วย ผมทำวางมาด แกล้งลืมๆ ไปซะว่าเมื่อครู่ตัวเองบ่นอะไรออกไป แล้วพูดนิ่งๆ “เอาสิ แต่ไม่ต้องเสียเวลาเดินไปซื้อหรอก เดี๋ยวจ่ายค่าน้ำแล้วเดินไปด้วยกันก็ได้”
   ถึงผมจะอยากทานอีก แต่ไม่ขนาดต้องให้เขาเดินไปเดินมาจนเหงื่อท่วม ดังนั้นพอจ่ายค่าน้ำเสร็จ ผมก็เตรียมไปหาแหล่งที่มาของไอติมกะทิ เจ้านพรัตน์ก็รอบคอบเหมือนเคย จับมือผมไว้แน่น ท่าจะกลัวต้องไปประกาศหาคนหาย ผมก็จับแน่น เพราะไม่อยากกลายเป็นคนแก่หลงทางเหมือนกัน
   หมดไอติมกะทิไปสองถ้วย ผมอารมณ์ดีพอจะดูนั่นดูนี่ตามทางที่เดินไป มาเดินที่ร้อนๆ แบบนี้ต้องประทังชีวิตด้วยของเย็นๆ สิ ดังนั้น พอเจอไอติมหวานเย็นที่ใส่ถังสเตนเลส ผมก็เลยซื้อมาอีกห้าแท่ง เดินไปทานไอติมไปอย่างกับกลับไปตอนอายุสิบกว่าๆ
   เพราะกลัวหลง แต่จับมือกันจะถือจะทานอะไรก็ไม่สะดวก เราเลยแก้ปัญหาด้วยการให้อีกคนหนึ่งถือ อีกคนหนึ่งป้อน ผมถือศักดิ์ว่าอายุเยอะกว่า ยังไงต้องเป็นคนป้อน ดังนั้นเจ้านพรัตน์เลยได้หน้าที่ถือของไปตามระเบียบ
   เพราะอย่างนั้น ก่อนจะหาตุ๊กตาแมวเจอ เราสองคนก็ต้องแวะเข้าห้องน้ำเพราะผมทำไอติมหยดบ้าง เลอะหน้าเจ้านพรัตน์บ้าง เพราะไม่เคยมีประสบการณ์ป้อนอะไรให้ใครมาก่อนด้วยล่ะ แล้วก็พะวงว่าต้องกัดจากด้านข้างเท่านั้น เผื่อสะดุดหรืออะไรจะได้ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะถูกไม้เสียบไอติมทิ่มตอนอายุยี่สิบกว่าๆ
   ผมรู้สึกผิดพอสมควร ที่ทำหน้าเขาเลอะ แถมยังเลอะเสื้อด้วยนิดหน่อย เลยหยิบผ้าเช็ดหน้ามาจะซับหน้าให้ตอนเขาล้างหน้าเสร็จ สงสัยนพรัตน์จะนึกตรงกัน ตอนที่ผมเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นแตะหน้าเขา มือเขาก็จับลงบนมือผมพอดี พออยู่ท่านี้ ผมก็ถูกบังคับกลายๆ ให้ต้องยืนจ้องหน้ากับเขา
   พอเห็นดวงตาสีดำเหมือนแมวคู่นั้น หัวใจผมก็เต้นแรงอีกแล้ว
   นพรัตน์บีบมือผมเบาๆ จากนั้นก็ขยับริมฝีปากเข้าหาผ้าเช็ดหน้า แต่คงขยับเลยไปนิด มันเลยแตะลงบนมือผมแทน
   ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องบังเอิญแท้ๆ แต่วินาทีนั้นหัวใจผมเต้นแรงกว่าเดิม
   นพรัตน์เงยหน้าขึ้นมา และคลี่ยิ้มบางๆ ให้ผม
   “ไปหาแมวกันต่อเถอะครับ”
   นั่นแหละ ผมถึงได้สติ เรากลับออกมาจากห้องน้ำ ตั้งหน้าตั้งตาค้นหาเป้าหมายเดิมกันอีกรอบ กว่าจะถึงร้านขาย มือของเราทั้งคู่ก็ชุ่มเหงื่อ
   เกิดมาผมเพิ่งเคยจับมือใครแน่นขนาดนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละ...
   หลังจากเช็ดมือและยืนให้หายร้อนกันได้พักหนึ่ง ผมก็เจอปัญหาใหม่
   อย่างที่บอกไปว่ามันเป็นกระถางกระบองเพชรกระถางเล็กๆ ดังนั้น แมวที่ประดับอยู่ด้านในมันก็เล็ก ตอนนั้นที่ผมมองเห็นเพราะใส่แว่นสายตาอยู่ แต่นั่นมันในที่ทำงาน แถมในห้องผม ถ้าจะมีคนเห็นก็มีแต่ไอ้เจ้านพรัตน์กับอาจารีย์สองคนนี่แหละ ผมเพิ่งอายุสี่สิบกว่า การต้องมาใส่แว่นเวลาเลือกของเล็กๆ นี่โคตรจะประจานสังขารตัวเองเลย ผมยังไม่แก่แค่สายตายาวเกินวัย แต่ใครจะเข้าใจผมไหมล่ะ
   เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเข้าใจแน่นอน ผมก็ดึงดันจะเลือกตุ๊กตาแมวทั้งๆ ที่ไม่ได้ใส่แว่น พอหยิบลงไปตะกร้าแรก เจ้านพรัตน์ก็ทักขึ้นทันที “นั่นเต่านะครับ”
   “เออ รู้แล้ว” ผมพูดเสียงขรึม “กำลังจะดูว่าเอาเต่าไปเพิ่มด้วยดีรึเปล่า”
   ถึงผมจะมองเต่าไม่เห็น แต่หน้านายนพรัตน์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ น่ะ ผมเห็นชัดแจ๋วเลย เห็นด้วยนะว่าแอบหัวเราะอยู่ ผมเชิดหน้าใส่เขาตามเรื่อง แล้วเดินไปอีกตะกร้า ไอ้เม็ดลางๆ เล็กๆ พวกนั้นคงเป็นแมวหรอก ดูจากสีเอานะ
   “คุณไพฑูรย์ นั่นปลานะครับ”
   “เออ รู้แล้ว” ผมเริ่มเสียงขุ่น หยุดทักสักทีสิเจ้าเด็กบ้า คลำเอาเดี๋ยวก็รู้แล้วว่าปลา จะรีบทักทำไมนะ
   “เดี๋ยวผมหยิบแมวให้ดีกว่า” หมอนั่นว่า เห็นนะว่าแอบหัวเราะอยู่ ไม่สายตายาวบ้างให้มันรู้ไป ไว้เขามีวันนั้นเมื่อไหร่ผมจะมาเยาะเย้ยเขาบ้าง แต่ผมจะอยู่ถึงวันนั้นรึ? แล้วเขาจะอยู่กับผมถึงวันนั้นรึเปล่า?
   “นี่ครับแมว” เจ้านพรัตน์พูดและยัดอะไรใส่มือผม ยังไม่ทันที่ผมจะคลำรู้ว่าอะไรแน่ หมอนั่นก็ขยับมากระซิบข้างหู “หยิบแว่นขึ้นมาใส่ก็ได้นะ ผมไม่ล้อคุณหรอก”
   ผมถลึงตามองเขา เจ้าตัวจึงพูดต่อ “ผมอยากให้คุณเลือกแมวตัวที่น่ารักที่สุด มันจะได้ออกลูกออกหลานน่ารักๆ ออกมาไง”
   เชื่อเลย มันก็แค่คำพูดตลกๆ ของพวกเด็กๆ เท่านั้นแหละ ถึงอย่างนั้น ผมก็ยอมล้วงแว่นตาออกมา ไม่ใช่กลัวลูกแมวเซรามิกไม่สวยนะ ผมกลัวพวกสายตาดีคนอื่นมาที่โต๊ะผม แล้วทักว่าทำไมแมวอีกตัวน่าเกลียดจัง หึ... แบบนั้นผมยอมไม่ได้หรอก
   ในที่สุดผมก็เห็นแมวเซรามิกตัวเล็กๆ พวกนั้นสักที มันอยู่ในตะกร้าเล็กๆ ตรงหน้าร้านนั่นแหละ ถ้าเป็นงงเป็นงูมันคงฉกผมไปแล้ว
   ผมตั้งหน้าตั้งตาเลือกแมวเซรามิกไปประกบคู่กับตัวเดิมที่อยู่บนโต๊ะ กะว่าถ้าใครเดินมาเห็นต้องทักตัวที่ผมเลือกก่อนแน่นอน แต่เลือกอยู่นานจนเหงื่อท่วมก็ยังหาตัวที่ถูกใจไม่ได้สักที ผมมันคนช่างติมาแต่ไหนแต่ไร หยิบตัวไหนขึ้นมาก็เห็นแต่จุดบกพร่อง แล้วทำไมผมถึงรู้สึกว่าแมวตัวที่อยู่บนกระถางมันน่ารักนะ พอเริ่มทนร้อนไม่ไหว ผมก็หันไปหานายนพรัตน์ ออกปากขอแมวตัวแรกที่เขาหยิบมาให้ผม เออ.. ตัวนี้น่ารัก... เอาน่ะ ถึงผมไม่ได้หยิบเอง แต่ผมก็เลือกดูตัวอื่นๆ แล้ว ตัวนี้แหละดูดีที่สุด
   “เอาตัวนี้แหละ” ผมว่า เขาแบมืออีกข้างที่มีเต่ากับปลา แล้วถามต่อ “แล้วพวกนี้ล่ะครับ”
   “จะเอาไปทำไม แค่แมวในดงกระบองเพชรก็ประหลาดแล้ว”
   ผมเห็นเขากลั้นหัวเราะ ไอ้เด็กคนนี้นี่ เรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะหัดลืมๆ ไปบ้างก็ได้
----------------------------------------------------
   เลือกแมวได้ เราก็ออกมาหาอะไรเย็นๆ ทานกันต่อ พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำแล้ว แดดเลยไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ พอนายนพรัตน์ชวนนั่งตรงร้านที่เป็นร่ม ผมเลยพอจะตกลงนั่งไปได้
   นพรัตน์สั่งน้ำแข็งไสมาสองที่ ขณะที่ผมนั่งตักน้ำแข็งไป พิจารณาโครงหน้าของเขาไปอย่างคนที่ไม่รู้ว่าจะเอาสายตาไปทำอะไร เสียงใครสักคนก็ดังขึ้น
   “ตรงนี้ว่างรึเปล่าครับ”
   ผมเงยหน้าขึ้นไปก็พบว่าเป็นชายหนุ่มอายุสักยี่สิบเก้าสามสิบ แต่งตัวระบุได้ว่าไม่ใช่ชายแท้แน่นอน ผมกวาดตามองโต๊ะรอบๆ และพบว่าไม่ว่างสักโต๊ะจริงๆ แม้จะรู้สึกว่าโต๊ะที่มีคนนั่งคนเดียวก็มีทำไมไม่ไปนั่ง แต่จะออกปากแบบนั้นก็ใช่ที่ ผมเลยพยักหน้า
   ผู้ชายคนนั้นนั่งแล้วก็สั่งน้ำแข็งไสมาทานเหมือนกัน ทานไปได้สักครู่ ผมก็เห็นเจ้านพรัตน์มีสีหน้าอึดอัด อืม.. ตั้งแต่เขาเริ่มไปไหนมาไหนกับผม นี่เป็นครั้งแรกล่ะมั้งที่มีคนอื่นมาแทรก ถึงจะแค่ไม่มีที่นั่งก็เถอะ ผมเห็นหน้าเขาแล้วไม่รู้จะขำหรือสงสารดี เด็กๆ นี่นะ เรื่องแค่นี้ก็หัดทนๆ หน่อยสิ
   ผู้ชายคนนั้นทานน้ำแข็งไสหมด ก็ล้วงเอาบัตรอะไรสักอย่างออกมา แล้วเริ่มแนะนำตัว “ผมชื่อสุรัตน์ ทำงานเป็นเอเจนซี่อยู่บริษัทQน่ะครับ เรากำลังหานายแบบไปถ่ายแฟชั่นลงนิตยาสารที่กำลังจะออกใหม่เดือนหน้า แล้วผมว่าน้องชายคุณดูเหมาะมากทีเดียว”
   เขาหันไปทางนพรัตน์ ซึ่งดูมีสีหน้ากระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด เจ้าหมอนั่นมองมาทางผมเหมือนจะขอร้องให้ช่วย ผมนึกสงสัยอยู่ในใจ เด็กนี่ก็แปลก งานแบบนี้มีแต่คนวิ่งเข้าหา ทำสบายๆ แท้ๆ แต่ดันทำท่าไม่อยากรับเสียเต็มประดา ถึงกระนั้นในฐานะผู้ใหญ่ ลองถูกขอร้องทางสายตาแบบนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้อีกนั่นแหละ
   “เขาต้องทำงานนะครับ ไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น” ผมตอบ สุรัตน์พยายามยิ้มอย่างผูกมิตร แล้วพูดต่อ “ไม่รบกวนเวลางานหรอกครับ ถ่ายช่วงวันหยุดก็ได้ ใช้เวลาไม่นาน รายได้ก็ดีด้วย”
   ผมหันกลับไปหานายนพรัตน์อีกรอบ เจ้าตัวยังทำหน้าปฏิเสธเช่นเดิม ผมนึกสงสัยว่าทำไมผมต้องมาตอบคำถามแทนเขาด้วยนะ หมอนี่ชวนเขา ไม่ได้ชวนผมสักหน่อย
   “น้องชายผมคงไม่สะดวก” ผมว่า และเห็นนพรัตน์เม้มปากเหมือนอดทนอะไรสักอย่าง สุรัตน์พูดขึ้นต่อ “ไปลองดูสักครั้งก็ได้ครับ ไม่เสียหายอะไร ผมมีทีมมาด้วย กำลังถ่ายกันอยู่ตรงมุมทางโน้น ถ้ายังไง แวะไปสักครู่ได้รึเปล่าครับ ชอบไม่ชอบเดี๋ยวค่อยว่ากัน”
   โอ้โห...ตื้อน่าดู แต่ทำไมต้องมาตื้อเอากับผมด้วยล่ะ คงเห็นว่าผมดูเป็นพี่ชายของเขาล่ะมั้ง เลยคิดว่าเข้าทางผมน่าจะง่ายกว่า ผมมองนพรัตน์อีกรอบ เจ้าตัวสั่นศีรษะ
   “ผมไม่ไปหรอก ผมไม่ชอบงานแบบนั้น” เขาตอบออกมาในที่สุด คราวนี้สุรัตน์เลยหันไปพูดถูกคนสักที
   “น้องไปลองดูก่อนไม่เสียหายอะไรนี่ครับ พี่ชายไม่ว่าหรอก”
   “เขาไม่ใช่พี่ชายผม” นพรัตน์ตอบออกมา ผมอึ้ง แต่เจ้าสุรัตน์ดูอึ้งกว่า “งั้น...”
   เออ ทำงานมาผมไม่เคยเห็นนพรัตน์มองคนด้วยสายตาแบบนี้เลย ทำงานกันได้สี่ห้าเดือน เจ้าหมอนี่เลียนแบบท่ามองคนของผมมาหรือไงนะ สุรัตน์อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่พักหนึ่ง จึงพูดต่อ “งั้น.. ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” เขาพูด และลุกหายออกไป นพรัตน์ถอนหายใจเฮือก
   “ผมเบื่อไอ้พวกนี้สุดๆ เลย” เขาว่า ผมเคยได้ยินเขาบ่นเบื่อใครเป็นครั้งแรกนี่แหละ
   “โดนแบบนี้บ่อยหรือไง” ผมถาม เจ้าตัวพยักหน้า ทำหน้าเซ็งๆ “จะทานต่อรึเปล่าครับ?”
   “อือ ก็ยังไม่หมดนี่” ผมว่า นพรัตน์พยักหน้า แต่ท่าทางดูไม่ค่อยสบายใจ ผมทานไปได้สองคำ เลยพูดขึ้นมาอีก “นี่ ถ้าอยากไปลองถ่ายแบบน่ะ ไปเถอะ ผมไม่ว่าอะไรหรอก”
   “ผมไม่ไปหรอก”
   “อ้าว แล้วทำไมหน้าง้ำหน้างอแบบนั้นล่ะ”
   นพรัตน์เงียบไปพักหนึ่ง มองหน้าผม ในที่สุดก็ถามขึ้น “คุณคิดอย่างที่คุณพูดกับเขาจริงๆ หรือ?”
   ผมทำหน้างงบ้าง “อะไรของคุณน่ะ”
   “ก็ที่ว่าผมเป็นน้องชาย”
   ผมขำพรืดออกมา “ผมไม่มีน้องชายเด็กขนาดคุณหรอก”
   นั่นแหละ นพรัตน์ถึงยิ้มออกมาได้ ผมเลยพูดต่อ “แต่ถ้าหลานล่ะไม่แน่”
   “ไม่เอา หลานผมก็ไม่เป็น” เขาว่า ผมทำหน้าสงสัย “งั้นจะเป็นอะไร? ลูก?”
   “ลูกก็ไม่เอา...”
   “.......................”
   “คุณไม่รู้จริงๆ หรือว่าผมอยากเป็นอะไรกับคุณ”
   “...................” ผมอึ้ง หัวใจเต้นตุบๆ พยายามไม่นึกว่าเขาจะพูดอะไรออกมา ก้มหน้าก้มตาทานน้ำแข็งไสต่อ ทานไปได้สักพัก ผมก็เหลือบตาขึ้นมอง และเห็นนพรัตน์จ้องผมเขม็ง ผมรู้สึกร้อนใจแปลกๆ เลยพูดออกไป “น้ำแข็งไสไม่รีบทาน เดี๋ยวมันละลายเอานะ”
   “อือ..” ทางนั้นส่งเสียง แต่ก็ยังจ้องผมอยู่ ในที่สุดผมก็พูดออกไปอย่างทนไม่ไหว “คุณนพ ผมเตือนคุณไว้ก่อนนะ อย่าได้คิดอะไรที่คุณจะต้องเสียใจทีหลังเป็นอันขาด ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่ากับคนอายุมากกว่าคุณเลิกหวังจะดีกว่า”
   “ทำไมผมต้องเลิกหวังด้วยล่ะ?”
   “........................”
   “คุณไพฑูรย์”
   “อะไร? ถ้าพูดไม่เข้าหูผม เตรียมกลับคนเดียวเลยนะ” ผมเตรียมรบทัพจับศึกเต็มที่ เจ้านพรัตย์ยิ้มน้อยๆ แล้วพูดต่อ “ผมว่าผมไม่เสียใจทีหลังหรอก แต่ผมจะไม่พูดตอนนี้”
   เออ ถ้าพูดตอนนี้นายได้เสียใจตอนนี้แน่ ถึงอย่างนั้น คนที่เตรียมการศึกแล้วแบบผม พอเจออีกฝ่ายถอยทัพกลับกลางทางก็พลอยทำท่าไม่ถูกไปเหมือนกัน
   “ผมจะพูดตอนที่ถึงเวลาแล้ว แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น คุณสัญญาก่อนนะว่าคุณจะไม่มองผมเป็นน้อง เป็นหลาน เป็นลูก ห้ามมองผมเป็นญาติส่วนไหนของคุณทั้งนั้น สัญญานะครับ”
   “แล้วจะให้ผมคิดว่าคุณเป็นอะไร?” ผมถาม นึกว่าถ้าถือขวานรำได้แบบรามสูร คงจะขว้างหัวเขาไปแล้ว
   “ไว้คุณคิดได้เมื่อไหร่ บอกผมแล้วกัน ผมไม่รีบหรอก น้ำแข็งไสจะละลายแล้วนะครับ” เขาพูดยิ้มๆ และมองถ้วยน้ำแข็งไสของผม ผมกะพริบตาปริบๆ และก้มลงตักน้ำแข็งไสในถ้วยด้วยหัวใจตุ้มๆ ต้อมๆ
   ไอ้เด็กบ้านี่.... มันน่าขว้างกับขวานจริงๆ
--------------------------------------------------
   มาจตุจักรทั้งที จะซื้อแค่แมวเซรามิกเล็กๆ ตัวเดียวก็ใช่ที่ พอตะบี้ตะบันกินน้ำแข็งไสเพิ่มอีกถ้วยอย่างคนกลัวว่าจะใจไม่เย็นพอ ผมก็ลากมือเขาตระเวนตลาดต่อ ชวนเขาคุยนั่นคุยนี่เหมือนกลัวจะถูกแย่งพูด นพรัตน์ตอบโต้ผมได้อยู่หมัดเช่นเคย ด้วยการพยักหน้าและยิ้ม แค่พยักหน้ากับยิ้มเท่านั้นแหละ ก็ทำเอาคนอย่างผมอับจนคำพูดไปได้เหมือนกัน
   หรือวันหลังผมจะเปลี่ยนมาทำแบบนี้บ้างดีนะ เผื่อเขาจะอึ้งกับผมบ้าง
   แต่ทำแบบนั้นไม่ใช่วิสัยคนที่ชื่อไพฑูรย์แน่นอน สุดท้ายผมเลยปั้นหน้าขรึม ออกปากตินั่นตินี่อย่างที่ตัวเองยังรู้สึกรำคาญ นี่เขาไม่รำคาญผมบ้างหรือไงนะ พอหันไปก็เห็นนพรัตน์ยืนยิ้มๆ
   ยิ้มอีกแล้ว เลิกยิ้มสักทีสิ
   แต่ผมไม่รู้ว่าถ้าให้เขาเลิกยิ้มแล้วจะให้เขาทำอะไรดี ให้เขาตีหน้าขรึมผมก็คงรู้สึกแปลกๆ สุดท้ายผมเลยเมินเขาเสียเลย คราวนี้ถึงคราวเขายิ้มไม่ออกบ้างล่ะ
   “คุณไพฑูรย์” เขาเรียกชื่อผม แทบจะเรียกข้างหู อ๋อ แน่นอน เพราะผมกับเขาเดินคู่กันอย่างกับแฝดสยาม ผมจับมือเขาแน่น กลัวหลงนะกลัวหลง ไม่อยากกลายเป็นคนแก่สูญหายในตลาดโดยที่ไม่มีลูกหลานมาคอยรับหรอก ไอ้เจ้านพรัตน์ก็จับแน่น สงสัยกลัวผมไม่มีญาติมารับ
   “มีอะไร?” ผมถามเมื่อเห็นเขาเงียบ แต่ไม่หันไปมองหรอก ขี้เกียจดูเขายิ้มแล้ว
   “ตรงนั้นมีขายน้ำตกเล็กๆ ” เขาชี้มือไปที่มุมหนึ่ง “ไปดูกันนะ”
   ผมตาเป็นประกายเมื่อเดินไปถึงร้าน โอ้โห...น้ำตกเล็กๆ พวกนี้จัดได้สวยชะมัด ขนาดก็กะทัดรัด วางบนโต๊ะได้สบาย คนทำนี่ช่างคิดจริงๆ ผมนึกว่าถ้ามีบนโต๊ะสักอันคงจะสบายตาดี แต่กลัวว่าน้ำมันจะกระเซ็นเลอะเทอะนี่สิ
   “ชอบรึเปล่าครับ” นพรัตน์ถาม หมอนี่รู้ใจผมเช่นเคย รู้ดีไปทุกเรื่องจริงๆ ผมตีหน้าขรึม ชอบก็ชอบหรอก แต่จะซื้ออะไร ก็ต้องดูให้ถ้วนถี่ ไม่ใช่ซื้อแล้วเอาไปใช้จริงตามวัตถุประสงค์ไม่ได้ แบบนั้นก็เท่ากับเสียเงินฟรีน่ะสิ
   ผมอ้าปากถามรายละเอียดกับเจ้าของร้าน เจ้าของร้านก็อธิบายได้ดีจริงๆ ตอบข้อสงสัยของผมได้หมดทุกอย่าง สุดท้ายผมก็ต้องควักเงินซื้อมาอันหนึ่ง ระหว่างรอห่อก็ยังไม่วายสำทับว่า ถ้าน้ำกระเซ็นผมจะมาขอเงินคืนทันที
   นพรัตน์ทำหน้าที่ลูกหาบแสนดีอีกเช่นเคย หมอนี่ทำได้ตั้งแต่ผู้ช่วย สารถี ยันเด็กถือของ มีไว้สักคนคงไม่เสียหายอะไร แต่ไม่รู้อนาคตจะอยากทำหน้าที่อื่นเพิ่มรึเปล่า ช่างมันแล้วกัน เอาไว้ถึงตอนนั้นผมค่อยจัดการอีกที
   พอมีคนช่วยถือของ ผมก็ทำตัวเป็นนายจ้างโหด ถือโอกาสซื้ออะไรที่อยากซื้อแต่ขี้เกียจถือเองเสียเลย จากนั้นเจ้านพรัตน์ก็ชวนผมไปดูของประดับน้ำตกเทียมอันเล็กที่ซื้อมา ก็พวกตุ๊กตาเซรามิกอีกนั่นแหละ เลือกไปเลือกมา ผมได้แมวเกาะขอบน้ำตกมาอีกสองตัว ไม่รู้ทำไมถึงเป็นแมวอีกแล้ว สงสัยว่ามันคงจะเข้าคู่กับแมวในดงกระบองเพชรนั่นล่ะมั้ง
   เราแวะทานอาหารที่ร้านอาหารแถวนั้น กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เกือบสามทุ่มแล้ว หลังจากช่วยกันขนของลงจากรถ ผมกับเขาก็ผลัดกันอาบน้ำ นั่งดูรายการต่างประเทศทางเคเบิลทีวีกันได้สักครึ่งชั่วโมง ผมก็เริ่มหาว ได้เวลานอนเสียที
   นายนพรัตน์ปูที่นอนบนโซฟาเรียบร้อย อย่างที่ว่า พักหลังๆ นี้เขามาค้างบ้านผมช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์จนแทบจะย้ายมาอยู่ได้แล้ว ผมมองโซฟาตัวนั้น มองเขา มองเทียบกันไปเทียบกันมาแล้วจึงเอ่ยปาก
   “คุณนพ เสาร์หน้าไปซื้อโซฟาใหม่กันเถอะ เอาแบบปรับเอนเป็นเตียงได้ คุณจะได้ไม่ต้องลำบากนอนเบียดๆ “
   “แล้วตัวนี้ล่ะครับ?” เขาถาม เพราะบ้านแคบ ถ้าจะเอาโซฟามาเพิ่มอีกตัว ก็ต้องยกตัวนี้ออก ผมมองอยู่พักหนึ่ง แล้วตอบเขา “ยกไปขายร้านเฟอนิเจอร์แถวนี้ก็ได้”
   นพรัตน์มีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะสั่นศีรษะ “ไม่ต้องหรอกครับ รบกวนเปล่าๆ แค่นี้ผมก็นอนได้สบายแล้ว”
   ผมว่าเขาฝืนพูดออกมาแน่ๆ ดูยังไงก็ไม่มีทางใกล้เคียงคำว่าสบายไปได้หรอก โซฟาแคบๆ แบบนั้นน่ะ นอกจากว่าปกติเขาจะนอนตรงป้ายรถเมล์เท่านั้นแหละ
   “ผมว่าจะเปลี่ยนอยู่แล้ว เสาร์หน้าไปเลือกกัน”
   นพรัตน์มองผม แล้วยิ้มออกมาในที่สุด “ก็ได้ครับ”
   แหม...ทนอึดอัดกับโซฟาตัวเล็กได้ตั้งนาน แค่บอกก็จบแล้ว ทำกระมิดกระเมี้ยนเป็นผู้หญิงไปได้
--------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 3/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 05-06-2011 09:54:11
   วันจันทร์ นพรัตน์ทำหน้าที่สารถีคุ้มค่าแรงที่จ่าย ไปรับผมแต่เช้าแถมมาเป็นช่างประกอบน้ำตกเทียมที่ซื้อมาวันเสาร์ให้เสร็จสรรพ
   ผมนั่งมองกระถางกระบองเพชรที่มีแมวนอนอยู่สองตัว แล้วทำไมต้องนอนอิงกันแบบนั้น ผมไม่เข้าใจเจ้านพรัตน์ที่เป็นคนวางเลยจริงๆ แต่อาจจะเพราะที่แคบก็ได้มั้ง หลังจากนั้นก็นั่งจ้องน้ำตกเทียมที่ซื้อมาแบบเตรียมจับผิดเต็มที่ อย่าให้ผมเห็นน้ำกระเซ็นออกมาสักหยดนะ วันเสาร์เจ้าของร้านนั่นได้จ่ายเงินคืนผมแน่
   จ้องสักพัก พอไม่เห็นน้ำกระเซ็น ผมถึงพอโล่งใจ ค่อยไล่มองส่วนอื่นของน้ำตก
   อืม... ดูแล้วสบายตาจริงๆ โดยเฉพาะแมวสองตัวนั่นน่ะ... แต่ดูจะไม่เกี่ยวอะไรกับน้ำตกเลยสักนิดนี่นา
   ผมเพิ่งเห็น หลังน้ำตกเทียมกับต้นกระบองเพชร ตรงกับโต๊ะเจ้านพรัตน์พอดี หมอนี่ตั้งใจจัดให้ตรงรึเปล่าผมไม่รู้ แต่พอเห็นผมมองไป เขาก็หันมายิ้ม ผมเลยเสไปมองทางอื่น และนึกกับตัวเองว่า ต่อให้ย้ายมาอีกมุม มันก็ดูไม่เข้ากับโต๊ะอยู่ดี เพราะฉะนั้น วางไว้ตรงนี้แหละดีแล้ว ผมจะได้มองอย่างอื่น นอนกจากกองหนังสือร้องเรียนกับหน้าเครียดๆ ของคนที่เข้ามาติดต่อบ้าง
   อาจารีย์เป็นคนแรกที่เข้ามาเห็นสิ่งแปลกใหม่บนโต๊ะผม เธอยิ้มกว้าง ทำหน้าประทับใจสุดๆ “น่ารักจังเลยค่ะ คุณไพฑูรย์ นึกไงซื้อมาคะเนี่ย”
   ผมพยักเพยิดไปทางเจ้านพรัตน์ ซึ่งนั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ อาจารีย์พยักหน้าอย่างเข้าใจ “ก็ว่า ปกติคุณไพฑูรย์ไม่น่าซื้อของแบบนี้มาตั้งไว้ที่โต๊ะ”
   ผมขมวดคิ้วทันที หล่อนเลยรีบพูดต่อ “แหม ก็คุณดูคร่ำเคร่งอยู่ตลอดเวลานี่คะ อ้อ จริงสิคะ ดิฉันจะมาเรียนว่า คุณพงษ์โพยมเรียกประชุมผู้บริหารช่วงสิบโมงน่ะค่ะ”
   ผมพยักหน้า “อืม เดี๋ยวผมไปแล้วกัน”
   อาจารีย์พยักหน้า ก่อนเดินออกไปยังไม่วายทิ้งท้าย “แมวน่ารักนะคะ”
   “อือ” ผมตอบ และพยักหน้า
   ก็มันน่ารักจริงๆ นั่นแหละ
--------------------------------------------
   หลังประชุมเสร็จ ผมเลยออกไปทานอาหารเที่ยงกับคณะผู้บริหาร ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นรุ่นพี่ไม่ก็รุ่นเดียวกันนี่แหละ ขากลับผมผ่านร้านเบเกอรี เลยซื้อคุกกี้ถุงเล็กๆ ติดไม้ติดมือกลับไปฝากนพรัตน์ ค่าที่ไม่ได้อยู่ทานข้าวเที่ยงด้วย
   แต่พอผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก็พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งคุยกับเจ้านพรัตน์อยู่ เธอหันมาทำหน้าตื่นๆ ตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป แล้วรีบขอตัวกลับทันที ผมจำได้ว่าเธอเป็นพนักงานในแผนกการตลาด แต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ผมกวาดตามองนายนพรัตน์ที่นั่งอยู่ และเห็นคุกกี้ถุงใหญ่บนโต๊ะเขา จึงถามขึ้น
   “คุกกี้ใครน่ะ”
   “คุณจันทนาทำมาฝากครับ จะทานด้วยกันไหมครับ?”
   “ฝากคุณ?” ผมถาม เขาพยักหน้า ผมเลยสั่นศีรษะ “ไม่ล่ะ ผมไม่ทานคุกกี้”
   “อ้าว แล้วในมือคุณ...” เขาถามต่อ แหม ตาดีช่างสังเกตจริงๆ ความจริงผมเป็นคนชอบของที่ทำเองกับมือมาแต่ไหนแต่ไร รู้สึกว่ามันจริงใจและตั้งใจให้ดี เห็นคุกกี้ถุงใหญ่บนโต๊ะเจ้านพรัตน์แล้วผมเลยไม่กล้าเอาอันในมือให้ จริงๆ เหมือนเจ้าหมอนี่จะเนื้อหอมอยู่แล้ว แต่สงสัยมีผมอยู่เลยไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ผมไม่อยู่เลยรีบฉวยโอกาสกันใหญ่เลยสินะ
   “อันนี้ผมซื้อมาฝากคุณอาจารีย์” ผมตอบ แต่คงเป็นความซวย อาจารีย์เดินเข้ามาได้ยินพอดี เลยพูดเสียแบบไม่ไว้หน้าผม “อ้าว เห็นว่าซื้อมาฝากคุณนพรัตน์ไม่ใช่เหรอคะ”
   เธอทักผมตอนอยู่หน้าห้อง ผมเลยตอบไปว่างั้น แต่ตอนนี้ผมไม่อยากให้แล้วนี่ ผมกะพริบตาปริบๆ รีบพูดตอบไป “ฟังผิดมั้ง ผมว่าจะให้คุณนะ”
   “ถ้าให้คุณอาจารีย์ทำไมไม่ให้เสียแต่หน้าห้องล่ะครับ” เจ้านพรัตน์ได้ทีช่วยย้ำ ผมล่ะไม่รู้จะโกรธใครดี เลยได้แต่ยืนตีหน้าถมึงทึงจนอาจารีย์รีบเดินหลบออกไป หลังจากนั้นเจ้านพรัตน์เลยเดินเข้ามาหาผม
   “ขอผมได้ไหมครับ ผมชอบคุกกี้ร้านนี้”
   “บนโต๊ะมีอยู่ตั้งห่อใหญ่แล้ว”
   “ก็ผมอยากทานที่คุณซื้อมานี่”
   “........”
   “อย่าโกรธเลยนะครับ ต่อไปนี้ผมจะไม่รับของจากใครแล้ว”
   “ผมไม่ได้โกรธ”
   “งั้น คุกกี้ซื้อมาให้ใครครับ?”
   “............”
   “คุณไพฑูรย์”
   “อยากทานก็เอาไปเถอะ” ผมพูดและยัดคุกกี้ใส่มือเขา นพรัตน์รับไปแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
   “ขอบคุณนะครับ”
   “อืม” ผมส่งเสียงในคออย่างไร้ความหมายแล้วเตรียมจะเดินไปนั่งที่โต๊ะ นพรัตน์ฉวยข้อมือผมไว้ ผมเลยหันกลับมามองเขา เจ้าหมอนั่นมองผมเหมือนอยากจะพูดอะไรซักอย่าง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้พูดออกมา
   “คุณนพ?”
   แล้วผมก็เห็นเขาเม้มริมฝีปาก หน้าแดงเรื่อขึ้นมา เชื่อเลย ยืนเฉยๆ ก็หน้าแดงได้ สมองเจ้าหมอนี่จิตนาการอะไรบ้าๆ บอๆ อยู่รึเปล่านะ ผมรีบชักมือกลับ แล้วเดินฉับๆ ไปนั่งที่โต๊ะ
----------------------------------------------
   ไม่รู้ทำไมผมถึงได้คาใจกับคุกกี้ถุงใหญ่นั่นนัก สงสัยเพราะนึกสงสารคนที่อุตส่าห์ทำมาให้ พอเห็นเจ้านพรัตน์ไม่แตะไม่ต้องแต่ดันเล่นกินคุกกี้ที่ผมซื้อมาอย่างกับคนหิวจัดผมเลยต้องทักอีก
   “คุณนพ คุกกี้อีกถุง ไม่ทานหรือไง?”
   คนถูกถามสั่นศีรษะทันที ทำให้ผมต้องถามต่อ “อ่าว ไม่ทานแล้วรับมาทำไมล่ะ?”
   “ก็เขาเอามาให้” เจ้าตัวตอบ ผมขมวดคิ้ว ได้ทีเทศนาสั่งสอนเขาตามเรื่องอย่างคนมีวัยสูงกว่า
   “คุณนพ วันหลังถ้าคุณไม่ชอบ ไม่อยากได้ ไม่ทาน คุณก็อย่ารับของที่ใครเขาให้เลยนะ โดยเฉพาะของทำด้วยมือแบบนี้น่ะ คนให้เขาใช้ใจทำมานะ ถ้าคุณไม่คิดอะไร ก็อย่าไปให้ความหวังเขาเลย”
   “ผมไม่รู้จะปฏิเสธยังไงนี่ครับ เขาอุตส่าห์ทำมาให้ด้วย ผมเลยว่าจะแจกคนอื่น”
   ผมมุ่นคิ้วยุ่ง “ยังไงคราวหลังคุณก็ต้องปฏิเสธให้เด็ดขาด นึกดูสิ ถ้าเขาเห็นคุณเอาไปให้คนอื่น เขาจะรู้สึกยังไง อุตส่าห์ทำมานะ ถ้าไม่รับแต่แรกก็สิ้นเรื่อง ผมน่ะ ถ้าไม่ชอบล่ะก็ ให้อะไรผมก็ไม่รับหรอก ผมไม่อยากให้ความหวัง”
   “ครับ” นพรัตน์พยักหน้า ผมว่าหมอนี่ต้องเรียนรู้วิธีปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นอีกเยอะเหมือนกัน ขืนทำตัวแบบนี้บ่อยๆ มีหวังได้มีคนนั้นคนนี้มายุ่งให้ปวดหัวแน่ๆ แถมทำงานแบบนี้ มันต้องรู้จักปฏิเสธกันเสียแต่เนิ่นๆ สิ
   “ถ้าไม่ชอบก็ไม่รับเลยสินะครับ”
   “อืม...”
   “..............”
   “................” แน่ะ.. เอาอีกล่ะ ยิ้มอีกแล้ว เจ้าหมอนี่ก็แปลกคนจริงๆ เพิ่งโดนบ่นแท้ๆ ยังมาทำยิ้มกระมิดกระเมี้ยนเป็นผู้หญิงถูกจีบได้อีก เชื่อเขาเลย
   “คุณไพฑูรย์”
   “อะไร?”
   “ชอบทานขนมอะไรครับ”
   “ตะโก้” ผมตอบทันควัน และรีบสำทับ “ทำไม่เป็นไม่ต้องทะลึ่งทำมานะ ผมกลัวท้องเสีย ฝีมือทำอาหารคุณยิ่งไม่เอาไหนอยู่”
   “อือ...”
   ไอ้ ‘อือ’ นี่หมายความว่าไงกัน แล้วหยุดยิ้มเป็นนางสาวไทยได้แล้ว ผมอยากย้ายหมอนี่ไปอยู่ฝ่ายการตลาดจริงๆ เวลาเจอลูกค้าโหดๆ ช่างติช่างบ่นแบบผมจะได้คอยยิ้มเบรก ผมว่าน่าจะได้ผลเหมือนกันนะ ดูอย่างผมสิ เริ่มจะเถียงเขาไม่ออกบ่อยขึ้นแล้ว ไม่ได้การ ผมต้องหาวิธีตอบโต้ให้ได้ในเร็ววัน ไม่อย่างนั้นเดียวจะเสียเชื่อไพฑูรย์หมด
--------------------------------------------------------
   เจ้านพรัตน์ขับรถไปรับไปส่งผมเช้าเย็น แถมเสาร์อาทิตย์ยังแวะไปนอนค้างที่บ้านผม ผมเองชักนึกสงสัยว่าก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่ทำอะไรช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือช่วงเย็นของวันทำงานกันแน่ วันหนึ่งตอนที่รถติดแหงกอยู่บนถนนเพราะฝนตกผมเลยได้โอกาสถาม
   “คุณนพ ปกติก่อนคุณมาทำงานกับผม ช่วงเย็นหลังเลิกงานคุณทำอะไรน่ะ?”
   “ก็ไปเตะบอลกับเพื่อนที่ทำงานบ้าง เล่นบาสฯบ้าง ไม่ก็ไปช่วยร้านอาหารเพื่อนน่ะครับ”
   “อ้อ” ผมร้อง เออ หมอนี่ก็ใช้ชีวิตแบบเด็กวัยรุ่นธรรมดานี่นา “แล้วเสาร์อาทิตย์ล่ะ?”
   “ก็ไปดูหนัง บางทีก็ไปผับน่ะครับ”
   “อ้อ... แล้วช่วงนี้หายไป เพื่อนฝูงไม่เลิกคบหมดแล้วเหรอ?”
   “ไม่หรอกครับ เขารู้ว่ามันความสุขผม”
   ขับรถไปรับไปส่ง ไปไหนมาไหนกับคนแก่เนี่ยนะ ความสุข... คนเรานี่มันก็เข้าใจยากดี ถ้าผมเป็นเพื่อนหมอนี่ผมไม่เข้าใจแน่ๆ
   “ผมว่าคุณออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงวัยเดียวกันบ้างก็ดีนะ” ผมเสนอ เขานิ่งนึกอยู่พักหนึ่งแล้วพยักหน้า
   “เสาร์นี้เพื่อนผมโทรมาชวนไปเล่นบาสฯ คุณไปด้วยกันสิครับ”
   เอาอีกล่ะ ทำไมต้องพาผมไปอีกแล้วเนี่ย ผมหัวเราะขึ้นมา “คนรุ่นผมจะสู้แรงคนรุ่นหนุ่มแบบคุณได้ยังไงล่ะ”
   “คุณยังแข็งแรงดีอยู่เลยนะครับ เพื่อนผมก็อายุน้อยกว่าคุณไม่เยอะหรอก ไม่ห่างกันเท่าไหร่”
   “?!” ผมชักเกิดอยากรู้ขึ้นมาจริงๆ เขามาทำงานกับผมหลายเดือนแล้ว แถมดูจะชอบเอาอกเอาใจคนแก่แบบเป็นนิสัย เจ้าเด็กนี่โตมาในสภาพแวดล้อมแบบไหนกันนะ บางทีถ้าไปเห็นเพื่อนฝูงเขา ผมอาจจะเข้าใจอาการชอบคนอายุเยอะกว่าของเขาขึ้นมาบ้างก็ได้ เผื่อจะช่วยรักษาได้
   “ไปนะครับ” นั่น... มาอีกแล้ว ไอ้คำพูดแบบมัดมือชกให้ผมปฏิเสธไม่ออกนี่ เอาเถอะ ถือว่าผมไปศึกษาชีวิตส่วนตัวเขาแล้วกัน เผื่อจะได้รู้เขารู้เรามากขึ้น จะได้เถียงหมอนี่ออกเสียที
   “อืม” ผมตอบตกลงออกไป นพรัตน์ยิ้มกว้าง วันหลังจะรับสมัครผู้ช่วยคนใหม่ ผมคงต้องถามก่อนว่ายิ้มเก่งรึเปล่า ถ้ายิ้มเก่งจะได้ไล่ไปแผนกประชาสัมพันธ์ ไม่ก็การตลาดไปเลย
   แต่ผมคงไม่รับผู้ช่วยใหม่แล้วล่ะ
----------------------------------------
   แล้ววันเสาร์หลังไปเลือกซื้อโซฟากันเรียบร้อย ผมก็ได้มาอยู่ที่สนามบาสฯในร่มของสนามกีฬาสาธารณะแห่งหนึ่ง เพิ่งรู้เหมือนกันว่าเขาให้คนนอกเข้ามาขอเล่นได้ เจ้านพรัตน์คะยั้นคะยอว่าผมต้องมาโชว์ฝีมือให้เพื่อนเขาเห็นสักครั้ง ความจริงผมไม่อยากไปเล่นกับพวกเด็กๆ เดี๋ยวจะหาว่ารังแก แต่พอถูกรบเร้าหนักเข้าเลยจำใจต้องไปรื้อชุดกีฬาขาสั้นกับรองเท้าในตู้ออกมา ใส่มาเล่นกับเด็กพวกนี้ดูสักครั้ง
   เจ้านพรัตน์เตรียมพร้อมเสมอเช่นเคย หุ่นแบบเขาใส่ชุดอะไรก็ดูดีอยู่แล้ว เสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นก็ไม่เลว ตอนเรามาถึงมีเพื่อนของเรารออยู่แล้วสองสามคน ดูแล้วอายุสักยี่สิบห้ายี่สิบหก ก็ยังไม่ห่างกับเขาเท่าไหร่ จากนั้นก็ค่อยๆ ทยอยมาเรื่อยๆ ยี่สิบเก้า สามสิบ สามสิบห้า เออ หลังๆ ชักเป็นรุ่นน้องผมไม่กี่ปีแล้วเหมือนกัน เจ้าหมอนี่คบแต่เพื่อนอายุเยอะกว่าหรือไงนะ
   “อ้าว ลุงมาจริงๆ เหรอเนี่ย” ที่บริษัทมีนายพัชระเรียก พอมาเล่นบาสฯ ยังเจอนายพชรอดีตลูกน้องเก่าอีก เออ ไอ้สองตัวนี่มันช่างเข้าขากันจริงๆ ผับผ่าสิ
   “อืม” ผมส่งเสียงในคออย่างไว้เชิงอีกเช่นเคย แล้วกวาดตามองเขา ได้ยินเจ้าตัวโวย “โหยลุง นอกสถานที่แล้ว เลิกทำตัวเป็นผู้ตรวจการทีเท้ออออ”
   “ผมกำลังจะบอกว่าคุณดูเหมือนเดิมเลย ไม่ได้จับผิดอะไรเสียหน่อย” ผมว่า นายพชรทำหน้าสยดสยอง “แต่สายตาลุงมันชวนให้คนถูกมองขนลุกนี่ครับ ไอ้เปี๊ยกทนไปได้ไงน่ะ”
   เพื่อนนายนพรัตน์ที่มีคราวนี้มีทั้งหมดสิบคน รวมผมกับเขาด้วยก็เป็นสิบสอง แบ่งกันได้ทีมละหกพอดี เจ้าเด็กพวกนั้นเรียงหน้าเข้ามาไหว้ทำความเคารพผมอย่างกับได้เจอครูใหญ่ ผมรับไหว้ไปตามเรื่อง พอกวาดตามองแล้วก็รู้ว่านายนพรัตน์คบเพื่อนอายุเยอะกว่าตัวเองมากจริงๆ มิน่า ถึงได้....
   เพื่อนเจ้านพรัตน์ดูอิดๆ ออดๆ ท่าทางไม่อยากได้ผมเข้าไปร่วมทีม แต่คงเกรงใจไม่กล้าพูด ผมเองก็ไม่อยากจะร่วมทีมกับพวกนี้นักหรอก เพราะไม่รู้จะเล่นเอาอ่าวขนาดไหน แต่กับนายนพรัตน์ดูจะมีคนต้องการตัวมากอยู่ นายพชรที่ไม่เคยเห็นหัวผมมาแต่ไหนแต่ไรเลยเสนอขึ้น
   “เอางี้ จับฉลากกัน ใครได้ไอ้เปี๊ยกก็เอาลุงไปด้วย เพราะขืนให้อยู่คนละทีมกัน มีหวังไอ้เปี๊ยกเล่นไม่ออก”
   สุดท้ายผมเลยกลายเป็นของแถมพ่วงไปกับเจ้านพรัตน์โดยปริยาย ช่างเถอะ เจ้าเด็กพวกนี้ยังไม่เคยเห็นฝีมือผม ตอนนี้เชิญประเมิณคนด้วยอายุกันให้สบายใจไปก่อนแล้วกัน รอลงสนามก่อนเถอะ.....
   นายพชรทำหน้าเหมือนเห็นจานบิน ตอนที่รู้ว่าผมอยู่ทีมเดียวกับเขา หมอนั่นครางอย่างกับถูกรถไฟชน “โอย... ลุงทำไมจองเวรผมนัก”
   ใครไปจองเวรนายมิทราบ ก็ดันอยากจับฉลากได้มาเองนี่นา ผมมองเขา ไม่พูดอะไร สุดท้ายนายพชรเลยบ่นอุบๆ อิบๆ แล้วเดินเข้าสนามไป เป็นไปได้ผมอยากเลือกอยู่ทีมตรงข้ามเหมือนกัน จะได้แอบถีบนายพชรเอาคืนเรื่องที่ปากเสียบ้าง
   ผมว่าอายุเฉลี่ยของผู้เล่นทั้งสองทีมน่าจะพอๆ กัน เพราะฝั่งผมมีนายนพรัตน์มาช่วยหาร เริ่มเล่นไปได้สักพัก ผมก็รู้สึกว่าเด็กพวกนี้เล่นบาสฯใช้ได้ อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้สึกตึงมือได้บ้าง ไม่ใช่เอาแต่วิ่งไล่ลูกอย่างเดียว ถึงจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ผมก็เคยเป็นตัวจริงของทีมคณะเลยนะ เด็กพวกนี้ไม่ได้กินผมหรอก
   อายุเยอะกว่าแล้วไงล่ะ
   กว่าจะครบสิบห้านาทีต่างฝ่ายต่างก็หอบแฮ่ก ต่างคนต่างเดินมาทานน้ำเช็ดเหงื่อ หายใจเอาอากาศเข้าไปให้ฉ่ำปอด ผมยังไม่ถึงกับเหนื่อยมาก แต่ก็เหงื่อออกชุ่มตัวแล้วเหมือนกัน ดูจะมีแต่นายนพรัตน์นี่แหละที่ยังเครื่องดีอยู่ เออ ก็ทั้งสิบสองคน หมอนี่เด็กสุดนี่นา
   “ลุงเล่นบาสฯเก่งเหมือนกันนะเนี่ย ตอนเรียนเป็นนักบาสฯเก่าหรือครับ?” นายพชรที่ตอนแรกโคตรจะอิดออดที่มีผมไปร่วมทีมเดินมาชม เพราะผลแต้มท้ายเกมที่ทำเอาเขายิ้มหน้าบานเป็นจานกระด้งนั่นแหละ ผมส่งเสียงงืมงำในคอไปตามเรื่อง แล้วพยักหน้า เพื่อนอีกคนที่อยู่อีกทีมเดินเข้ามาคุยบ้าง
   “เล่นเข้าคู่กับเปี๊ยกอย่างกับเคยเล่นกันมาก่อนแน่ะ”
   “ผมยังไม่เคยเล่นบาสฯกับเขาเลยนะ” ผมปฏิเสธ แต่นายนพรัตน์ก็รู้เส้นผมจริงน่ะแหละ จะไปทางไหนยังไง หมอนั่นมองตาผมก็ไปตามได้หมด ท่าทางจะเพราะทำงานมาด้วยกันล่ะมั้ง
   เจ้านพรัตน์ยิ้มเขินๆ อีกเช่นเคย เลยโดนเพื่อนอีกคนฟาดหลังดังป้าบ ผมล่ะแอบสะใจจริงๆ
   “เฮ้ย ตัวโตเป็นควายแล้ว ยังจะมาทำเขินอยู่อีก” เพื่อนเขาว่า จากนั้นทุกคนก็หัวเราะชอบใจ พอมีเพื่อนขำ ผมเลยพลอยได้แอบขำตามไปด้วย เจ้านพรัตน์หน้าแดงเป็นลูกตำลึง เดินอายม้วนมาหยิบขวดน้ำข้างๆ ผม
   จะเขินอะไรกันนักกันหนา
   พอพักกันจนหายร้อน เหงื่อแห้งดีแล้ว พวกเราก็ทยอยกันไปอาบน้ำ ใครบ้ามันจะกลับบ้านทั้งอย่างนี้กันล่ะ เหม็นตายพอดี
   ห้องอาบน้ำเป็นห้องรวม ฝักบัวเป็นรางยาว มีคอกกั้นข้างๆ พอกันอุจจาด เพราะสนามก็เก่าแล้ว นพรัตน์เบียดผมให้ไปอาบมุมในสุด แล้วตัวเองก็ยืนอาบข้างๆ กลัวใครมองคนแก่แบบผมนักหรือไง ผมอายุปูนนี้แล้ว เลิกกังวลเรื่องไซต์เรื่องขนาดแล้วล่ะ
   ผมอาบน้ำเสร็จแล้วก็หยิบเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องเปลี่ยนเสื้อ พอเดินออกมาก็เห็นเจ้านพรัตน์ยืนรออยู่แล้ว ขนาดอาบน้ำแล้วแก้มหมอนี่ยังเป็นสีชมพูอยู่เลย เป็นคนหนุ่มสุขภาพดีนี่มันดีจริงๆ นะ ผมเห็นหัวเขายังเปียกๆ อยู่ เลยถือวิสาสะหยิบผ้าขนหนูที่พาดอยู่เช็ดให้ พลางบ่น “โตๆ แล้วก็หัดเช็ดหัวให้แห้งหน่อยสิ”
   เจ้านพรัตน์ยืนนิ่งให้ผมเช็ดผมให้ หน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศอีกแล้ว เพื่อนฝูงก็ไม่ได้อยู่มองสักหน่อย จะอายอะไรนักหนา
------------------------------------------
   เย็นนั้นผมเลยได้ทำบุญใหญ่ เลี้ยงอาหารเจ้าลูกลิงทั้งสิบเอ็ดคนที่ยอมให้ผมเล่นบาสฯด้วย แต่ละคนอายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว แต่พอมาอยู่รวมกันก็ส่งเสียงเจี้ยวจ๊าวเหมือนนกกระจอกแตกรังไม่มีผิด พวกนี้คุยกันได้ตั้งแต่เรื่องงาน ยันเรื่องรองเท้ากัด ถึงจะอายุลดหลั่นกันไป ทำงานกันคนละที่ แต่ก็คุยกันอย่างออกรสจนพลอยทำให้ผมอดขำไม่ได้ เจ้านพรัตน์ดูจะพูดน้อยสุด นานๆ ทีจะเสริมอะไรขึ้นมาบ้าง เหมือนจะกลัวโดนแซวกลับ แหม..ที่กับผมล่ะจ้อเอาๆ
   ทานข้าวเสร็จก็ไปร้องคาราโอเกะกันต่อ ความจริงผมไม่ชอบที่แบบนั้นหรอก แต่ถ้าผมกลับ เจ้านพรัตน์ก็คงกลับด้วย ผมเห็นหมอนี่เอาแต่ถามผมต้อยๆ มาหลายเดือนแล้ว ควรจะมีเวลาสังสรรค์กับเพื่อนฝูงบ้าง
   ดังนั้นตอนนี้ผมเลยต้องนั่งเบียดอยู่กับเจ้าทโมนพวกนี้ในห้องคาราโอเกะแคบๆ นพรัตน์อัญเชิญผมนั่งริมสุดอีกเช่นเคย สงสัยกลัวผมถูกเด็กๆ พวกนี้เบียดตาย นายพชรรีบทำหน้าเห็นด้วย
   “ให้ลุงแกไปนั่งมุมเลย แกจะได้ไม่กัดใคร”
ลาออกไปนานแล้ว ปากยังเสียเหมือนเดิมไม่มีผิด แต่ผมขี้เกียจจะอารมณ์เสียตอนนี้ เจ้าพวกลูกลิงแย่งกันเลือกเพลง มีตั้งแต่สมัยวงไมโครยังดัง ยันเพลงพี่เบิร์ดที่เพิ่งออกใหม่ ผมนั่งจิบน้ำมะนาวไปฟังพวกนั้นร้องเพลงไป เพราะบ้างไม่เพราะบ้างตามประสาคนธรรมดา ไม่ใช่นักร้อง นายนพรัตน์นั่งข้างผม คอยร้องเพลงเป็นลูกคู่ แต่ยังไม่เห็นจะจับไมค์ร้องเองกับเขาสักที มีคนชวนผมร้องด้วย แต่ผมปฏิเสธ มนุษย์อย่างผมถึงจะดูดีไปทุกเรื่อง แต่เรื่องร้องเพลงขอที ผมมั่นใจในตัวเองทุกอย่างแหละ ยกเว้นเรื่องนี้ ไม่ใช่เสียงผมไม่ดีนะ แต่ผมตามไม่ทันคีย์เพลงเอาเสียเลย ดังนั้น ผมจึงปฏิเสธเสียงแข็งว่าจะไม่ร้อง ต่อให้ถูกแซวว่าเสียงไม่เพราะก็ตาม ดีกว่าร้องหลงคีย์ออกมาให้เด็กรุ่นลูกรุ่นหลานได้ยินล่ะน่า
เจ้านพรัตน์ทำหน้าที่ปกป้องคนแก่อย่างผมดีอีกเช่นเคย พอเห็นผมไม่ร้อง ก็ช่วยปฏิเสธให้ด้วย เลยโดนแซวพอหอมปากหอมคอ ไม่ถึงกับทำให้ผมพลอยหงุดหงิด ไอ้พวกเพื่อนก็คงพอรู้เส้นผมเหมือนกันแหละ ไม่ก็นายพชรเตือนเอาไว้ก่อนแล้ว
ร้องเพลงกันไปได้สักพัก ทุกคนก็พร้อมใจกันส่งไมค์ให้เจ้านพรัตน์ เจ้านพรัตน์มองไมค์สองตัวที่เพื่อนส่งมา แล้วหยิบตัวหนึ่งส่งให้ผม ผมนึกงง ตะกี้เพิ่งช่วยปกป้องผมอยู่แหม็บๆ แต่ดันส่งไมค์มาให้ผม ไอ้เจ้าพชรที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยส่งเสียงขึ้นอีกเช่นเคย
“เฮ้ย ลุง รับรองเพลงนี้ลุงร้องได้แน่ รุ่นเดียวกัน”
ผมงี้อยากขว้างไมค์ใส่หน้าคนพูดเสียจริงๆ ติดแต่คงไม่เหมาะกับกาลเทศะเท่าไหร่ ผมเลยเอาไมค์มาถือไว้พอเป็นพิธี ขณะที่เจ้านพรัตน์ลุกขึ้น อื้อหือ...ร้องเป็นลูกคู่เขามานาน พอจับไมค์เองยืนเป็นนักร้องใหญ่เชียว ผมนึกสงสัยว่าเขาจะร้องเพลงอะไรกันแน่ แต่พอทำนองขึ้นเท่านั้นแหละ ผมถึงกับขนลุก เออ ทันรุ่นผมอย่างที่เจ้าพชรว่าจริงๆ
“If I had to live my life without you near me
The days would all be empty
The nights would seem so long
With you I see forever oh so clearly
I might have been in love before
But it never felt this strong
Our dreams are young and we both know
They'll take us where we want to go
Hold me now
Touch me now
I don't want to live without you

Nothing's gonna change my love for you
You ought to know by now how much I love you
One thing you can be sure of
I'll never ask for more than your love
Nothing's gonna change my love for you
You ought to know by now how much I love you

If the road ahead is not so easy
Our love will lead the way for us
Like a guiding star
I'll be there for you if you should need me
You don't have to change a thing
I love you just the way you are
So come with me and share the view
I'll help you see forever too
Hold me now
Touch me now
I don't want to live without you”
เพลงยาวแค่สี่นาทีกว่าๆ แต่ผมรู้สึกเหมือนนานเป็นชั่วโมงๆ เสียงเจ้านพรัตน์ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ ถึงจะออกแนววัยรุ่นแต่ก็ไม่ขัดกับทำนองเพลง เพื่อนๆ นั่งฟังกันเงียบกริบ ผมก็พลอยเงียบไปด้วย ไม่ใช่อึ้งกับพลังเสียงของเขานะ แต่แบบ...ปกติคนร้องคาราโอเกะเขาต้องมองจอดูเนื้อเพลงไม่ใช่เหรอ แต่เจ้านพรัตน์ดันหันมามองหน้าผมอย่างกับมีเนื้อเพลงอยู่บนหน้างั้นแหละ เจอแบบนี้ผมไม่นั่งเงียบก็ไม่รู้จะทำไงแล้วล่ะ ร้องจบนายพชรก็เดินเข้ามากอดเหมือนได้เจอนักร้องตัวจริง เจ้านพรัตน์เขินจนหน้าแดง แอบหันมามองผมด้วยแนะ คงหวังให้ผมหน้าแดงเป็นเพื่อนล่ะสิ ฝันไปเถอะ ผมไม่ไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว เรื่องเขินเรื่องอายมันพ้นวัยมานานแล้ว
พวกนั้นร้องเพลงกันจนสามทุ่ม ถึงได้เลิก ขากลับผมก็กลับมาพร้อมกับนายนพรัตน์อีกเช่นเคย เขามาส่งผมที่บ้าน เข้ามาดื่มน้ำดื่มท่า แล้วก็ขอตัวกลับเหมือนทุกวัน
แต่ไม่รู้ทำไม คืนนั้นผมนอนไม่ค่อยหลับอีกแล้ว
-----------------------------------------------------
แถมลิ้งเพลง Notting gonna change my love for you เอาไปประกอบการอ่านเพื่อให้ได้อรรถรสนะคะ หุๆ

http://www.youtube.com/watch?v=Tr97MQiqW38
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่5-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 05-06-2011 10:13:53
ยาวดีแท้
สะใจสุดๆ ขอบคุณมากสำหรับคุณลุงโมเอะค่ะ



เอ่อ เราก็โอจิค่อนเอามากๆเหมือนกัน
ยิ่งเป็นหนุ่มแว่น(สายตายาว) ยิ่งกริ๊ด
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 05-06-2011 10:33:37
แหม๋  พี่ไพยังทำเนียนไม่รู้ตัวว่าโดนเค้าจีบอยู่อีกนะ
น้องนพเค้าเปิดสุดตัวแล้วนั่น น่ารักจริง :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 05-06-2011 10:58:20
ถูกใจใช่เลยมากๆๆๆๆๆ o13 เจ้านพสู้เค้าล่ะ
คุณไพฑูรณ์ที่ออกแนวซึนเหมือนกันนะคะเนี่ย อิอิ น่ารักจัง
โซฟาไม่ต้องซื้อใหม่หรอกค่า แค่ให้นพไปนอนด้วยที่เตียงก็พอแล้ว
ขอบคุณนักเขียนมาก มาลงสม่ำเสมอและจุใจตลอดเลยค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 05-06-2011 11:33:06
   “ถ้าไม่ชอบก็ไม่รับเลยสินะครับ”
   “อืม...”
   “..............”
   “................” แน่ะ.. เอาอีกล่ะ ยิ้มอีกแล้ว เจ้าหมอนี่ก็แปลกคนจริงๆ เพิ่งโดนบ่นแท้ๆ ยังมาทำยิ้มกระมิดกระเมี้ยนเป็นผู้หญิงถูกจีบได้อีก เชื่อเขาเลย

 :laugh: ขำคุณไพฑูรย์ท่าทางจะยังไม่รู้ความหมายที่เจ้าตัวเขาสื่อมาสินะ คุณไพฑูรย์เนี่ยจะว่าดุก็ดุ โหดก็โหด แถมยังใจแข็งออกปานนั้นแต่ว่า น่ารักๆ จริงๆ เลยให้ตายเหอะ  :-[
นพสู้ๆ
ขอบคุณคนเขียนคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 05-06-2011 11:54:23
   “ถ้าไม่ชอบก็ไม่รับเลยสินะครับ”
   “อืม...”
   “..............”
   “................” แน่ะ.. เอาอีกล่ะ ยิ้มอีกแล้ว เจ้าหมอนี่ก็แปลกคนจริงๆ เพิ่งโดนบ่นแท้ๆ ยังมาทำยิ้มกระมิดกระเมี้ยนเป็นผู้หญิงถูกจีบได้อีก เชื่อเขาเลย
juon

 :laugh: ขำคุณไพฑูรย์ท่าทางจะยังไม่รู้ความหมายที่เจ้าตัวเขาสื่อมาสินะ คุณไพฑูรย์เนี่ยจะว่าดุก็ดุ โหดก็โหด แถมยังใจแข็งออกปานนั้นแต่ว่า น่ารักๆ จริงๆ เลยให้ตายเหอะ  :-[
นพสู้ๆ
ขอบคุณคนเขียนคะ  :L2:
ดิฉันคิดว่าคุณไพฑูรย์แกพอรู้ๆนะนะคะคุณทิวลิปสีส้ม (ดิฉันคิดว่าตัวเองเข้าใจส.ว.นะคะ) ว่าตานพส่งสารใดออกมา
ทั้งโดยวัจนภาษาและอวัจนภาษาน่ะค่ะ (แหมปูนนี้แล้ว อิ อิ) แต่ด้วยวัย ด้วยฐานะหน้าที่การงาน บทบาทหน้าที่ของแก และ...
บุคลิกที่แกเคยเป็นมา แกเลยต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มากกว่า ความจริงแกเขินนะ(ทุกครั้งที่นพสื่อความรู้สึกออกไปแหละ) เป็นความเขินที่ปนความพึงพอใจด้วยแหละ อิ อิ ก็คนเคยเนี้ยบ และวางตัวไว้ในกรอบตลอดเวลาไง เลยไม่ค่อยกล้าปล่อยตัวเองไปตามอารมณ์
งานนี้ตานพคงต้องทั้งอดทน ใจเย็น และขยันหยอดแหละ และต้องหยอดให้เป็น หยอดให้มีศิลปะด้วยน้า
       และขอลงท้ายด้วยการชมคุณ juon อย่างจริงใจค่ะ ไม่ทราบว่าคุณอายุประมาณไหน
แต่ขอบอกว่า คุณช่างเข้าอกเข้าใจคนวัยสี่สิบอัพจริงๆค่ะ เหมือนเข้าไปนั่งๆ นอนๆ วิ่งเล่นในใจคนวัยนี้เชียวแหละ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 05-06-2011 12:51:36
นั่นแน่ะ มีการพาไปโชว์ตัวกับเพื่อนด้วย เข้าใจคิดนะนี่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 05-06-2011 14:04:55
ยาวมาก ๆ ได้ใจมาก ๆ นพเริ่มรุกหนักแล้วชิมิ พี่ไพแกรู้ตัวแล้วใช่ปะเนี้ย
แต่เนียน ๆ ไม่สนใจเรอะ คริ ๆ น่ารักอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 05-06-2011 14:25:10
เชื่อเลยจ้า พ่อคุณ ว่าชอบคนสูงวัย

เล่นมีเพื่อนอายุมากกว่า

ไหนจะเพลง สมัย นู้นนนนนน

เเฟนพันธ์เเท้ล่ะค้า งานนี้ เจ้านายจอมโหด ไม่รอดเเน่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 05-06-2011 14:45:03
   “ถ้าไม่ชอบก็ไม่รับเลยสินะครับ”
   “อืม...”
   “..............”
   “................” แน่ะ.. เอาอีกล่ะ ยิ้มอีกแล้ว เจ้าหมอนี่ก็แปลกคนจริงๆ เพิ่งโดนบ่นแท้ๆ ยังมาทำยิ้มกระมิดกระเมี้ยนเป็นผู้หญิงถูกจีบได้อีก เชื่อเขาเลย
juon

 :laugh: ขำคุณไพฑูรย์ท่าทางจะยังไม่รู้ความหมายที่เจ้าตัวเขาสื่อมาสินะ คุณไพฑูรย์เนี่ยจะว่าดุก็ดุ โหดก็โหด แถมยังใจแข็งออกปานนั้นแต่ว่า น่ารักๆ จริงๆ เลยให้ตายเหอะ  :-[
นพสู้ๆ
ขอบคุณคนเขียนคะ  :L2:
ดิฉันคิดว่าคุณไพฑูรย์แกพอรู้ๆนะนะคะคุณทิวลิปสีส้ม (ดิฉันคิดว่าตัวเองเข้าใจส.ว.นะคะ) ว่าตานพส่งสารใดออกมา
ทั้งโดยวัจนภาษาและอวัจนภาษาน่ะค่ะ (แหมปูนนี้แล้ว อิ อิ) แต่ด้วยวัย ด้วยฐานะหน้าที่การงาน บทบาทหน้าที่ของแก และ...
บุคลิกที่แกเคยเป็นมา แกเลยต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มากกว่า ความจริงแกเขินนะ(ทุกครั้งที่นพสื่อความรู้สึกออกไปแหละ) เป็นความเขินที่ปนความพึงพอใจด้วยแหละ อิ อิ ก็คนเคยเนี้ยบ และวางตัวไว้ในกรอบตลอดเวลาไง เลยไม่ค่อยกล้าปล่อยตัวเองไปตามอารมณ์
งานนี้ตานพคงต้องทั้งอดทน ใจเย็น และขยันหยอดแหละ และต้องหยอดให้เป็น หยอดให้มีศิลปะด้วยน้า
       และขอลงท้ายด้วยการชมคุณ juon อย่างจริงใจค่ะ ไม่ทราบว่าคุณอายุประมาณไหน
แต่ขอบอกว่า คุณช่างเข้าอกเข้าใจคนวัยสี่สิบอัพจริงๆค่ะ เหมือนเข้าไปนั่งๆ นอนๆ วิ่งเล่นในใจคนวัยนี้เชียวแหละ



เห็นด้วยกับเม้นท์นี้ค่ะ  สงสัยเราวัยเดียวกัน
ขอบคุณคุณ Juon มากๆ เลยค่ะ ลงแต่ละตอนยาวมาก อ่านไปยิ้มไปหัวเราะกิ๊กกั๊กอยู่คนเดียว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 05-06-2011 14:46:20
อยากอ่านพาสน้องนพบ้าง

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ares_jum ที่ 05-06-2011 16:32:23
น่ารักอ่ะ (สำเนียงโก๊ะตี๋) >////////<   

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

อยากให้มาต่อทุกวันเลยอ่ะค่ะ

เป็นไปได้มั้ยเนี่ย  555+

 :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Forever_Love ที่ 05-06-2011 17:27:21
ชอบอ่ะ ไม่ค่อยเจอแนวนี้เท่าไหร่ มาต่อไว ๆ นะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Narutear ที่ 05-06-2011 19:52:00
อิๆๆ น่ารักจริงๆ คุณลุง เมื่อไหร่ถึงจะรู้ตัวแล้วยอมรับเด็กซะทีน้า? ^ ^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 05-06-2011 20:21:11
แหม๊... น้องเหมียว เอ้ย น้องนพ พยายามแทรกซึมตลอด ฮ่าๆๆ
คุณไพฑูรย์จะทำไม่รู้ไม่ชี้ได้นานแค่ไหนน๊าาา
จัดบวกเป็นกำลังใจให้ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 05-06-2011 20:50:37
 :-[

เขินๆๆๆพ่อนพรัตน์นี่ชอบเล่นของสูงจิงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: skidK ที่ 05-06-2011 21:46:31

ชอบผู้มีอาวุโส ทำเนียนไม่รับไม่รู้เรื่องราวได้น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: วิหคท่องนภา ที่ 05-06-2011 21:58:58
 :-[อ่านแล้วมันกุ๊กกิ๊กดีจัง  มีความสุข :man1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 05-06-2011 22:13:46
นายนพของลุงน่ารักโครตเลยอ่ะ
โดนรุกเริ่มหนักแล้วน่ะลุง
คิดได้แล้วน่ะ
อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 05-06-2011 22:22:18
หูย ลุงจะทนใจแข็งไปได้อีกนานเหรอเนี่ย
เด็กมันจัดหนัก จัดเต็มทุกตอนเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 05-06-2011 22:43:23
5555+ ขนาดนี้แล้ว ลุงยังทำเฉยได้อีกก็ให้มันรู้ไป~ เนอะ นพ เนอะ  :laugh3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 06-06-2011 01:08:14
เฮ้อ ได้อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกดี
เหมือนกำลังอ่านไดอารี่ของนพเลย
มันเหมือนว่า...นพกำลังรอคอยที่จะสมหวังอะไรประมานเนี้ย ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 06-06-2011 01:17:10
ลุ้นแทนนพมากมาย คุณไพ (แอบเรียก 555) ใจแข็งมั่กๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 06-06-2011 04:42:18
ดูท่าอีตานพ รุกหนักวุ้ย
๕๕ ไอ้เรารึก็อยากดู
ฉาก พรากผู้เฒ่าแระ :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-06-2011 10:44:48
บันไดขั้นที่7
   หลังจากไปเล่นบาสฯและร้องคาราโอเกะกันวันนั้น ผมถึงเพิ่งรู้ว่าเจ้านพรัตน์คบเพื่อนแก่เกินวัยจริงๆ แถมดูแต่ละคนจะรู้จักเขาเป็นอย่างดี เหมือนเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ผมจึงถือโอกาสถามเขาในเช้าวันหนึ่ง
   “คุณนพ ที่ไปเล่นบาสฯกันวันนั้นน่ะ เพื่อนคุณทั้งหมดเลยเหรอ?”
   นพรัตน์ที่กำลังจัดเอกสารอยู่ที่โต๊ะหันมามองผมอย่างงงๆ และพยักหน้า “ครับ ทำไมหรือ?”
   “ผมว่าดูไงก็ไม่น่าจะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน เป็นเพื่อนที่ทำงาน?”
   “อ๋อเปล่า” เขาว่า และยิ้ม “เป็นเพื่อนของพี่ชายด้วยน่ะครับ”
   “อ้อ..” ถึงคราวผมทำหน้างงบ้าง เขาเลยอธิบายต่อ “คือผมเป็นลูกคนสุดท้องน่ะ หลงมาด้วยมั้ง อายุเลยห่างจากพี่ๆ หลายปีอยู่ พอจำความ เริ่มเดินเริ่มจะเล่นได้ ก็เล่นกับพวกเพื่อนๆ ของพี่ชายพี่สาวแล้วล่ะครับ ไปๆ มาๆ ก็เลยเป็นเพื่อนสนิทกันไปเลย”
   มิน่า ตัวโตขนาดนี้ เพื่อนยังเรียกว่าเจ้าเปี๊ยก
   ผมพยักหน้า และถามต่อ “แล้วเพื่อนวัยเดียวกันล่ะ ไม่มีเลยหรือ?”
   “มีครับ แต่ไม่ค่อยสนิท เหมือนผมเข้ากับคนอายุเยอะได้ดีกว่าน่ะ”
   “อ้อ...” ผมนึกเห็นด้วย จะเข้ากับเพื่อนวัยเดียวกันได้ดีรึเปล่าไม่รู้หรอกนะ แต่คนแก่กว่าหมอนี่เข้าถึงได้ดีจริงๆ ผับผ่าสิ
   “วันหลังถ้าเพื่อนโทรมาชวนไปเที่ยว ชวนไปเล่นกีฬาก็ไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก” ผมว่า นพรัตน์ทำหน้างงอีก ก่อนจะยิ้มออกมา “ผมเปล่าเกรงใจนะครับ แต่ผมอยากอยู่กับคุณมากกว่า”
   ผมกะพริบตาปริบๆ ขี้เกียจมองหน้าเขาแล้ว เลยหันหน้าไปทางอื่น “หัดคบเพื่อนคบฝูงเสียบ้าง เดี๋ยวเพื่อนเลิกคบแล้วจะเสียใจทีหลังนะ”
   “ไม่หรอกครับ เขารู้ว่าช่วงนี้ผมต้องใช้เวลา”
   “อ้อ...” ผมลากเสียงยาว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำเสียงแบบนี้ทำไม คงเป็นความเคยชินล่ะมั้ง นพรัตน์มีสีหน้ากระมิดกระเมี้ยนขึ้นมาอีก ผมล่ะคันหน้ายิบๆ เวลาเขาทำท่าแบบนี้ทุกที
   “ผมน่ะ ชอบแต่คนอายุเยอะกว่ามาตลอดเลยนะ แต่จีบไม่เคยติดสักที”
   ผมอดปากไม่ได้ต้องสวนไป “ถ้าติดสิผมว่าแปลก”
   “ทำไมล่ะครับ?”
   ผมได้ทีตั้งตาลปัตรเตรียมเทศนาสั่งสอนเขาให้รู้จักคิดเสียบ้าง “คุณลองนึกดูนะ ตอนนี้คุณอายุยี่สิบสาม แล้วมีเด็กอายุสิบห้ามาจีบคุณ คุณจะรู้สึกยังไง”
   “ผมก็ไม่เอาสิครับ ผมไม่ชอบเด็กนี่”
   “ก็เหมือนกันนั่นแหละ เด็กกว่ามากๆ ไม่มีผู้ใหญ่ที่ไหนเขาชอบหรอก”
   “จริงเหรอ?”
   “อืม...”
   “เพราะอะไรล่ะ?”
   ผมตอบเขาอย่างรำคาญๆ “แล้วทำไมคุณถึงไม่ชอบเด็กอายุสิบห้าล่ะ”
   “ก็ยังเด็กนี่ น่ารำคาญจะตาย”
   “ก็เหมือนกันนั่นแหละ”
   “แต่ผมอายุยี่สิบสามแล้วนะครับ”
   “.............”
   “ผมน่ารำคาญเหรอ?”
   ผมรู้สึกว่ากาแฟในแก้วมันขมกว่าทุกวัน เลยยกแก้วขึ้นมา “คุณนพ ไปชงกาแฟใหม่ให้ผมหน่อย ผมว่ามันขมไป”
   นพรัตน์ไม่เถียงอะไรเช่นเคย เดินมารับแก้วกาแฟในมือผม พร้อมกับยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยว
   ผมอยากไล่ให้เขาไปล้างหม้อกาแฟด้วยเลยจริงๆ
------------------------------------------------
   ตอนบ่ายมีเพื่อนรุ่นน้องสมัยเรียนคนหนึ่งเอาบัตรชมการแสดงหุ่นละครเล็กมาให้ผม เขาทำงานเป็นผู้จัดการอยู่แผนกการตลาดของบริษัทที่เป็นนายหน้าขายบัตรชมการแสดง
   “เห็นพี่เคยบ่นว่าอยากดู เรื่องที่เขาจะเล่นรอบนี้ผมว่าเยี่ยมเลยล่ะ พอเห็นว่าจะจัดหน้าพี่ก็ลอยมาเลย ผมเลยแวะเอามาฝากสองใบ เผื่อชวนใครไปดูด้วย”
   ผมมัวแต่ดีใจที่ยังมีคนนึกถึงเลยลืมเสียสนิทว่าของแบบนี้คงชวนใครไปดูเป็นเพื่อนได้ยาก จนเขากลับแล้วนั่นแหละถึงมานั่งปวดหัวกับบัตรสองใบในมือ จะทิ้งก็เสียดาย แต่นึกไม่ออกว่าใครอยากจะไปดูกับผมบ้าง
   ขณะที่กำลังนึกรายชื่อเพื่อนที่น่าจะชอบดู นพรัตน์ที่ถูกผมส่งออกไปตามงานก็กลับเข้ามาในห้องพอดี
   ผมสองจิตสองใจว่าจะชวนดีไหม เพราะถ้าออกปากชวนตรงๆ หมอนี่ไปแน่ ไม่ว่าจะอยากดูหรือไม่อยากดูก็ตาม แต่ผมไม่อยากให้เขาต้องทนแบบนั้น ผมนั่งคิดไปคิดมาจนเขาเอางานมาส่งแล้วกลับไปนั่งโต๊ะนั่นแหละ ถึงพอจะนึกคำพูดออกมาได้
   “คุณนพ คุณเคยดูหุ่นละครเล็กรึเปล่า?”
   นพรัตน์หันมามองผม ก่อนจะพยักหน้า “สมัยก่อนพี่สาวพาไปดูบ่อยๆ ครับ ทำไมเหรอ?”
   “ชอบรึเปล่า?”
   “ชอบสิครับ คนกับหุ่นทำท่าเหมือนกัน ขยับเหมือนกัน ผมประทับใจมากเลยนะ แต่พอโตชวนใครก็ไม่มีใครไปดู บางทีก็ต้องไปดูคนเดียว”
   คำตอบทำให้ผมรู้สึกผิดคาด ชักนึกสงสัยว่าเจ้านพรัตน์อายุเท่าไหร่กันแน่
   “ไปดูบ่อยรึ?”
   “ก็เกือบทุกรอบที่มีเรื่องใหม่นะครับ แต่ว่าเขาย้ายจากสวนลุมฯไปพัทยาแล้ว จะขับรถไปก็ขี้เกียจ แถมไปคนเดียว ไม่รู้จะไปทำไม”
   ไม่รู้งานนี้เข้าทางใครกันแน่ ผมมองดูบัตรในมือ และเงยหน้ามองนพรัตน์ เอาล่ะ ไหนๆ ก็ไม่เป็นการบังคับขืนใจ แถมถ้าไปกับเขาผมก็ได้คนขับรถที่เชื่อใจได้ รอบที่เล่นก็เป็นรอบค่ำ เพราะฉะนั้นลืมเรื่องไปเช้าเย็นกลับได้เลย เพราะคงต้องค้าง หมอนี่มาค้างบ้านผมสุดสัปดาห์เป็นประจำอยู่แล้ว ถ้าชวนไปค้างนอกสถานที่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ดีกว่าต้องนั่งนึกรายชื่อคนอื่นที่ไม่รู้จะตรงตามเงื่อนไขที่ผมตั้งไว้รึเปล่า
   “คุณนพ ผมได้บัตรดูหุ่นละครเล็กมาสองใบ..”
   “ครับ?”
   “จะไปดูมั้ย...”
   “ไปสิครับ” เขาพูด และยิ้มแก้มแทบปริเช่นเคย นี่ถ้าเจ้านพรัตน์รู้จักกับรุ่นน้องผมคนนั้นนะ ผมคงเชื่อว่าสองคนนี่เตี้ยมกันแล้วล่ะ พอได้ยินว่าเริ่มตอนทุ่มหนึ่ง เจ้าหมอนี่ก็รีบกุลีกุจอจะติดต่อหาโรงแรมพักทันที ผมเลยต้องรีบเบรกเขาก่อนจะได้ทันกดโทรศัพท์
   “ไม่ต้อง เดี๋ยวผมจองเอง”
   “เอ๋? ไม่เป็นไรหรอกครับคุณไพฑูรย์ โรงแรมที่ผมจะจองไม่ใช่โรงแรมกระจอกนะครับ เป็นญาติห่างๆ ผมด้วย รับรองปลอดภัย”
   ผมหรี่ตามองเขา ก่อนจะพูดเรียบๆ “ผมกลัวคุณโทรไปจองแล้วมาบอกผมว่าไม่มีเตียงเดี่ยว มีแต่เตียงคู่ ผมขี้เกียจนอนเบียดกับคุณ”
   เจ้านพรัตน์มองผมอึ้งๆ แล้วหน้าแดงขึ้นมา นั่นไงล่ะ อย่าคิดนะว่าผมรู้ไม่ทัน ผมอยู่มาปูนนี้แล้ว อุบายตื้นๆ อย่าหวังมาใช้กับผมเลย
   ท้ายที่สุดผมเลยโทรจองโรงแรมเอง แล้วหันมาบอกเขายิ้มๆ “เตียงแยกนะ เจ้าของเขาเป็นรุ่นน้องผม รับรองเชื่อถือได้”
   นานๆ ผมจะเห็นเจ้านพรัตน์ทำหน้ามุ่ย หันไปก้มหน้าก้มตาจัดการเอกสารต่อ ผมนึกกระหยิ่มใจ เด็กก็เด็กนั่นแหละ คิดจะนอนเตียงเดียวกับผม ยังเร็วไปอีกร้อยปี
   คราวก่อนนะเผลอ แต่คราวนี้ไม่มีเสียหรอก
-------------------------------------------
   ผมไม่ได้ไปดูหุ่นละครเล็กนานแล้ว พอทำงานก็ไม่ค่อยมีเวลา แถมเล่นค่ำ เลิกก็ดึกพอสมควร เรียกแท็กซี่กลับมาบางทีก็กลัวไม่ปลอดภัย คราวนี้พอมีโอกาสได้ไปดูเลยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เจ้านพรัตน์เสนอแผนเพิ่มเติมว่าไหนๆ ก็ออกไปถึงพัทยา น่าจะแวะเที่ยวข้างทางด้วยเสียเลย ผมก็ลงชื่อเห็นด้วยในทันที
   ดังนั้นวันเสาร์เราจึงออกจากบ้านแต่เช้า ประเดิมเที่ยวตลาดนัดคลองสวนเป็นที่แรก ไปเดินแล้วรู้สึกเหมือนกลับไปช่วงวัยรุ่นไม่มีผิด ที่สำคัญ มันไม่ใช่ตลาดที่อนุรักษ์ความเก่าเอาไว้เพื่อให้คนมาเที่ยวเฉยๆ มันเป็นตลาดที่ยังมีคนในชุมชนละแวกนั้นใช้บริการอยู่จริงๆ เลยยิ่งได้บรรยากาศเข้าไปใหญ่
   เจ้านพรัตน์ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวเต็มที่ สะพายกล้องเก็บภาพผมเดินดูนั่นดูนี่ไปตลอดทาง สงสัยจะเห็นว่าผมดูเข้ากับบรรยากาศล่ะมั้ง ไม่แก่บ้างให้มันรู้ไป สุดท้ายผมทนไม่ไหวเลยเรียกหมอนั่นเข้ามาแล้วให้คนแถวนั้นถ่ายรูปให้ เอาไว้เป็นที่ระลึกสักใบว่าเจ้านี่เคยพาคนแก่มาเที่ยวตลาดเก่า
   ดูเจ้านพรัตน์จะติดใจอยากได้รูปคู่อีก พยายามคะยั้นคะยอจะให้ผมยืนเอาหน้าแนบใกล้ๆ แล้วยกกล้องถ่ายเองแบบที่วัยรุ่นทั่วไปทำกัน แต่ผมไม่เอาด้วยหรอก น่าเกลียดจะตายชัก หน้าหายบ้างหัวแหว่งบ้าง เอารูปดีๆ ไปสักรูปก็พอ
   เราแวะทานก๋วยเตี๋ยวในตลาด แล้วก็เดินดูของกันไปเรื่อยๆ ผมนึกสนุกซื้อลูกข่างสีฟ้าให้เจ้านพรัตน์ลูกหนึ่ง แล้วตีหน้าขรึมพูดว่า “เอาไว้เล่นเวลาผมไม่อยู่แล้วกัน แก้เหงา แต่ผมไม่สอนวิธีเล่นให้คุณหรอกนะ ไปหัดเอาเอง”
   เจ้านพรัตน์รับไปแล้วตอบผมยิ้มๆ “ผมเล่นเก่งนะ ไม่เชื่อคุณซื้ออีกลูกแล้วไปเล่นกับผมตรงลานดินด้านหน้าสิ”
   ผมถลึงตามองเขา โม้ไม่โม้ไม่รู้ แต่ให้คนอายุปูนนี้ไปเล่นลูกข่างหน้าตลาดผมไม่เอาด้วยหรอก ถ้าย้อนเวลากลับไปอีกสักสามสิบปี แล้วผมจะตกลงเล่นกับเขา ดูซิว่าใครมันขี้โม้กว่ากัน
   ผมแวะซื้อแม่เหล็กติดตู้เย็นฝากอาจารีย์ แล้วซื้อขนมที่เคยนึกอยากทานแต่หาทานในเมืองไม่ได้ สุดท้ายก็กลายเป็นทัวร์บริโภค เดินไปทานไปตลอดทาง กว่าจะออกมาจากตลาดก็เกือบเที่ยง อิ่มขนมจนเลิกมองหาข้าวเที่ยงไปเลย
   จากนั้นเราก็ตีรถยาวไปพัทยา มีแวะซื้อของทานเล่นเพิ่มเติมข้างทางบ้างถ้าน่าสนใจ เจ้านพรัตน์ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ขับรถไปฮัมเพลงไป ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาร้องเพลงอะไร เพราะไม่ค่อยได้ฟังเพลงวัยรุ่นสมัยนี้ด้วย ขับไปเรื่อยๆ ถึงจะอิ่มขนม แต่เรายังไม่ได้ทานข้าวเที่ยง ของกินก็เต็มรถ ผมเลยใจบุญ คอยป้อนขนมเจ้านพรัตน์ที่ขับรถอยู่ หกบ้างเลอะบ้างว่ากันไป
   เพราะทัวร์บริโภคกันมาตลอดทาง กว่าจะถึงพัทยาก็เกือบหกโมงเข้าไปแล้ว ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนแผน เพราะยังไงโรงแรมจองห้องไว้แล้ว ห้องไม่หนีไปไหนแน่นอน แต่ถ้าไปไม่ทันรอบการแสดงสิจะมีปัญหา เรามาถึงโรงละครตอนเกือบทุ่ม เรียกได้ว่าฉิวเฉียดเส้นยาแดงผ่าแปดไปหน่อยเดียว
   ผมเพิ่งรู้เหมือนกันว่าเขาพัฒนาไปขนาดนี้ โรงละครใหม่ที่ย้ายมาพัทยาเป็นอาคารสูงสามชั้น ตกแต่งเสียวิจิตอลังการราวกับหลุดเข้าไปในป่าหิมพานต์ก็ไม่ปาน    ผมยืนอึ้งอยู่กับรูปปั้นกินรีตัวสวยที่ขยับได้ ก่อนจะถูกนพรัตน์ลากมือเข้าไปด้านใน
   ตั๋วรอบนี้เป็นรอบดินเนอร์ คือจะมีอาหารบริการระหว่างชมการแสดงไปด้วย ผมกับเจ้านพรัตน์ที่ทานแต่ขนมกันมาทั้งวัน เริ่มจะท้องกิ่วกันแล้ว เรียกว่าถึงมาได้เฉียดฉิวแต่ก็ยังไม่ต้องทนหิวไส้กิ่วดูการแสดงล่ะ
   การแสดงก็พัฒนาไปมาก จากแต่เดิมมีแค่การแสดงหุ่น พอย้ายมาที่นี่มีแสงสีเสียง มีชุดการแสดงที่เป็นคนแสดงประกอบ เรียกว่าอลังการสุดๆ ผมดูแล้วขนลุกซู่ ต้องสะกิดให้เจ้านพรัตน์ถ่ายรูปเก็บไว้ สวยๆ ทั้งนั้น นึกแล้วต้องขอบคุณรุ่นน้องคนนั้น รู้ใจจริงๆ
   กว่าการแสดงจะจบ ก็กินเวลาค่อนข้างดึกพอสมควร ผมทั้งอิ่มใจอิ่มท้อง เดินออกมาแล้วยังออกปากชมกับเจ้านพรัตน์ไม่ขาดปาก เจ้านพรัตน์ก็เออออต่อยอด คุยกันยาวไปจนถึงรถ จนถึงโรงแรม
   โรงแรมที่ผมจองไว้เป็นโรงแรมเล็ก เล็กแต่ขนาด การบริการนั้นติดระดับห้าดาว ทั้งห้องพัก ห้องน้ำ ผมเคยถูกรุ่นน้องที่เป็นเจ้าของเชิญให้มาพักหนหนึ่งแล้วติดใจ จึงแนะนำให้คนอื่นมาใช้บริการต่อ
   เช็กอินเสร็จ ผมก็กะว่าจะอาบน้ำล้างตัว แล้วนอนหลับให้สบายใจเสียที หลังจากตะลอนนั่งรถจนเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว แต่พอเปิดประตูเท่านั้นแหละ หน้าผมก็แข็งเหมือนถูกหล่อด้วยปูนปลาสเตอร์ เจ้านพรัตน์ที่เดินตามหลังมาพร้อมกับพนักงานขนกระเป๋าเอ่ยถามอย่างสงสัย ท่าทางจะคิดว่าผมเจอศพอยู่ในห้องล่ะมั้ง
   “มีอะไรหรือครับ?” เขาเอ่ยถาม ผมหันกลับมาทำตาเขียวใส่พนักงานขนกระเป๋าที่เดินตามมา “ผมจะกลับลงไปชั้นล่าง”
   น่าสงสารเด็กยกกระเป๋าอยู่หรอกที่เจอผมทำตาแบบนั้นใส่ แต่ผมทนไม่ไหวจริงๆ ผมจองห้องเตียงแยกนะไม่ใช่เตียงคู่ ไหงมันกลายเป็นห้องเตียงคู่ได้ล่ะ ผมลงมาโวยวายถึงล็อบบีด้านล่าง โดยมีเจ้านพรัตน์เดินตามมาติดๆ นี่ถ้าไม่คิดว่าจองโรงแรมเอง ผมต้องแว๊ดเขาไปด้วยแล้วแน่ๆ
   สุดท้ายรุ่นน้องของผมก็ต้องลงมารับหน้าด้วยตนเอง ถามไปถามมา สรุปได้ว่าเกิดความเข้าใจผิดตอนระบุห้อง ผมงี้แทบลมจับ จะหาห้องมาเปลี่ยน ห้องก็เต็มหมดแล้ว นึกแค้นใจหรอกนะ แต่ไม่รู้จะแค้นใคร โทษฟ้าโทษดินก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ผมเลยเดินหน้าตึงกลับขึ้นมาบนห้อง โดยมีรุ่นน้องคนนั้นเดินตามมาขอโทษขอโพยติดๆ
   ผมสงสารเขา เพราะจะความผิดเขาก็ไม่ใช่ อีกอย่าง เขาก็เฉ่งพนักงานที่จัดห้องแทนผมไปเรียบร้อยแล้ว ท้ายที่สุดผมเลยต้องปั้นหน้าอโหสิ บอกเขาไปว่าไม่เป็นไร ทั้งๆ ที่ยังฉุนอยู่
   ผมน่ะโมโหแทบตาย แต่เจ้านพรัตน์ดูจะดีอกดีใจจนออกนอกหน้า เห็นเขาพยายามกลั้นยิ้มแล้วผมล่ะอยากจะถีบออกหน้าต่างไปจริงๆ
   ผมปิดประตูเสียงดังพอสมควรเพราะดึกแล้ว เกรงใจห้องข้างๆ แต่ก็อยากให้เขารู้ตัวว่าผมไม่พอใจ นพรัตน์หันมา พยายามทำหน้าจริงจัง ซึ่งทำยังไงผมก็ยังอยากจะถีบเขาอยู่ดีนั่นแหละ ก่อนจะอ้าปากพูดขึ้น
   “เตียงคู่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ กว้างขนาดนี้ นอนไม่เบียดหรอก”
   “หึ” ผมส่งเสียงขึ้นจมูก แล้วเขม่นมองเขา นพรัตน์มองผมแล้วในที่สุดก็ยิ้มเขินๆ ออกมา
   “ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก อย่ากังวลเลยครับ ถ้าผมอยากทำน่ะ ผมทำตั้งนานแล้ว”
   ผมเห็นดวงตาสีดำเหมือนลูกแมวมองตรงมา แล้วได้ยินเสียงเขาพูดต่อ “ผมรู้ว่าคุณนอนไม่ล็อกประตูห้อง”
   ผมไม่ล็อกเพราะเผื่อว่าเกิดเหตุอะไร ตำรวจหรือปอเต๊กตึ้งจะได้ไม่ต้องเสียเวลางัดประตูเข้ามาต่างหากเล่า อีกอย่าง ประตูบ้านผมก็ล็อกมิดชิดดี
   ผมขี้เกียจเสียเวลาเถียงกับเขาตอนดึก เลยเดินเข้าห้องน้ำไปทั้งอย่างนั้น แน่นอนว่าผมไม่ลืมล็อกประตูห้องน้ำ ถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงผมต้องระวังตัวเต็มที่แล้วล่ะ
   ฟ้ากลั่นสวรรค์แกล้งขนาดนี้ ผมไม่ระวังตัวก็บ้าแล้ว
   นพรัตน์ยืนถือเสื้อผ้ารออยู่ตอนผมออกมาจากห้องน้ำ ผมนึกกับตัวเองว่า เออดี อาบน้ำนานๆ เลยนะ ผมจะได้ชิงหลับไปก่อน พอเขาปิดประตูห้องน้ำแล้ว ผมก็รีบสอดตัวเองเข้าไปในผ้าห่ม กะว่ามิดชิดติดขอบเตียง มีอะไรรับรองหนีทันแน่นอน จากนั้นก็บอกตัวเองให้รีบหลับๆ จะได้ไม่คิดอะไรฟุ้งซ่าน แต่หูดันได้ยินเสียงน้ำไหลในห้องอาบน้ำจนทำเอานอนไม่หลับนี่แหละ
   ทำไมไม่เปิดน้ำลงอ่างไปเลยนะ จะได้ไม่ต้องนอนฟังเสียงฝักบัว
   ผมพยายามนึกถึงคำพระ หายใจเข้าหายใจออก ยุบหนอพองหนอ หลับๆ ไปสักทีซี่ ขณะที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียดเพื่อจะพยายามบอกตัวเองให้หลับ เสียงประตูห้องน้ำก็ดังมาให้ได้ยิน
   ผมไม่อยากจะหูดีก็ตอนนี้แหละ
   ผมตอนตัวแข็งทื่อ ตอนที่รู้สึกว่าเตียงยุบลง พยายามบอกว่าเองว่าจงหลับๆ แล้วเจ้านพรัตน์ก็ส่งเสียงขึ้นมาเบาๆ “เวลานอนอย่าขมวดคิ้วสิครับ คุณไพฑูรย์”
   ผมก็อยากจะลืมตาแล้วพูดออกไปเหมือนกันนะ ว่าอย่ามาเที่ยวจ้องหน้าคนอื่นเวลานอนได้มั้ย แต่เดี๋ยวจะเสียแผน ผมเลยนอนนิ่งๆ ทำเป็นว่าหลับแล้ว ได้ยินเขาพูดราตรีสวัสดิ์เบาๆ แล้วก็ได้ยินเสียงปิดสวิชต์ไฟหัวเตียง
   คราวนี้ไม่มีเสียงอะไรมากวนใจผมแล้ว เรียกว่าเงียบสนิทเลยจริงๆ
   แต่มันเงียบจนผมดันได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นนี่สิ
   เจ้านพรัตน์สอดตัวเข้ามาในผ้าห่ม ขยับเข้ามาใกล้ผม โอ๊ย เตียงมีตั้งกว้างจะขยับมาเบียดผมทำไม แต่ในฐานะคนหลับไปแล้ว ผมลุกขึ้นโวยวายไม่ได้ รอเขาเบียดจนผมจะตกเตียงก่อนแล้วกัน ค่อยลุกขึ้นมาโวยวาย
   โชคดีที่เจ้านพรัตน์หยุดขยับเข้ามาเบียดก่อนที่ไหล่จะชนกับผม ผมล่ะแทบจะถอนหายใจออกมา แต่สักพัก มือของเขาก็ค่อยๆ ยื่นเข้ามา
   ไอ้เด็กนี่!!
   ผมเตรียมอาละวาดเต็มที่ กะว่าถ้าแหยมเข้ามาเกินเลยอีกนิดเดียว หมอนี่ได้กระเด็นตกเตียงแน่ นพรัตน์ขยับมือเข้ามาเรื่อยๆ จนแตะเข้ามานิ้วก้อยของผม แล้วเขาก็ค่อยๆ กำมันเอาไว้หลวมๆ
   แค่นั้น........
   ผมนอนหูอื้อ เพราะเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง ดึกก็ดึกแล้ว ไอ้คนข้างๆ ก็นอนนิ่งๆ จริงๆ จับนิ้วผมไปกำแล้วก็นิ่งไปเลย หลับแล้วแน่ๆ แล้วทำไมถึงมีแต่ผมที่ยังตื่นอยู่อีกล่ะ
   ทำไมหัวใจผมถึงเต้นแรงขนาดนี้
   ผมจะเป็นโรคหัวใจรึเปล่านะ.....
-------------------------------------------------
   “คุณไพฑูรย์” ผมลืมตาขึ้นมามองคนเรียก และพบว่าหน้าของนายนพรัตน์แทบจะชนกับหน้าผม ผมพยายามขยับหนี แต่เขาก็เอามือมาจับหน้าผมไว้ จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนเห็นเงาไอ้คุณพี่จิระภัทร์ซ้อนทับหน้าเขา
   “ที่ผมบอกไม่อยากจะทำอะไรคุณน่ะ ผมเปลี่ยนใจแล้ว”
   แล้วหลังจากนั้นก็ล้วงมือเข้ามาในอกเสื้อผม ให้ตายเถอะ ไม่ว่าจะเป็นไอ้คุณพี่จิระภัทร์หรือนายนพรัตน์ ทำแบบนี้กับผมรับรองไม่ตายดีแน่ ผมถีบเขาไปเต็มแรง
   !!
   “คุณไพฑูรย์ ทำอะไรน่ะครับ” เจ้านพรัตน์ที่นอนอยู่ข้างๆ สะดุ้งลุกพรวดขึ้นมา ทันทีที่ผ้าห่มปลิวกระเด็นออกไปเพราะแรงถีบ ผมนั่งอึ้ง เอ่อ... ตะกี้ผมฝันหรอกหรือ....
   ผมกะพริบตาปริบๆ ขณะที่นพรัตน์เปิดไฟหัวเตียง “เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
   ผมสั่นศีรษะ ไม่กล้าหันไปมองหน้าเขา
   “ละเมออีกแล้วเหรอ?”
   รู้แล้วยังจะถามอีก แล้วหันลืมๆ เรื่องเก่าๆ ไปบ้างได้มั้ย อย่ามาใช้คำว่า ‘อีกแล้ว’ นะ   ผมเตรียมจะหันไปใช้สายตาดุเขา แต่ยังไม่ทันได้หัน นพรัตน์ก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด แน่ะ คิดว่าผมเป็นเด็กๆ หรือไง ฝันร้ายต้องกอดปลอบเนี่ย
   “ไม่เป็นไรแล้วนะครับ ผมอยู่ข้างๆ คุณตลอดนะ ไม่เป็นไรแล้ว”
   โอ๋เสียอย่างกับผมเป็นเด็ก เอาเถอะ เห็นแก่ที่มีเจตนาดี ผมยอมให้กอดอีกครั้งก็ได้ มือของเขาที่ลูบมาด้านหลังก็อุ่นดีหรอก ทำเอานึกถึงคืนวันฝนตกนั่นจนได้ เอาเถอะ เขาก็แค่เจตนาดี เจตนาดีก็ควรจะรับเอาไว้
   เพราะเขาเป็นแบบนี้แหละ ผมเลยไม่ล็อกประตูห้องนอน
-----------------------------------------   
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-06-2011 10:45:08
   ผมตื่นมาอีกทีเพราะความอึดอัด แล้วก็พบว่าเจ้านพรัตน์นอนกอดผมอยู่ มองหน้าเห็นไม่ชัดหรอกนะ เพราะอยู่ใกล้แค่ปลายจมูกนี่เอง แต่พอเดาได้อยู่หรอกว่าหลับสบายเชียว
   ผมถือคติโบราณ ไม่ปลุกคนหลับเพราะมันบาป เลยทำบุญทำทาน ให้นายนพรัตน์กอดต่อ ถือว่าเด็กมันขาดความอบอุ่น แอร์มันคงเย็นเกินไป เอาน่า กอดเฉยๆ ไม่สึกไม่หรออะไรหรอก
   นอนนิ่งๆ ไปนานๆ มันชักเคลิ้มๆ ผมเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ คราวนี้หลับสนิท อย่าว่าแต่ฝัน โดนกอดอยู่ยังไม่รู้ตัวเลย ตื่นมาอีกทีก็เห็นว่าสว่างจ้าแล้ว แถมใครบางคนนอนยิ้มอยู่ข้างๆ
   มองคนนอนหลับมันสนุกนักหรือไงนะ
   “อรุณสวัสดิ์ครับ” เจ้านพรัตน์พูด เออ ตื่นมาตอนเช้ามีคนพูดอรุณสวัสดิ์ก็ดี ปกติเวลาหมอนี่มาค้างที่บ้าน พอผมลงมาก็พูดอย่างนี้อยู่แล้ว ตอนนี้แค่ย้ายมาพูดข้างๆ มันก็แค่เปลี่ยนสถานที่เท่านั้นล่ะน่า....
   อย่าไปใจเต้นแรงนักสิ....
   ผมขยับตัวลุกขึ้น ถามหาเวลากับเขา เพราะไม่ได้ใส่แว่น เรื่องจะดูนาฬิกาข้อมือลืมไปได้เลย นพรัตน์ตอบทันอกทันใจอีกเช่นเคย “สิบโมงแล้วครับ”
   ส่ายโด่ง ผมหันไปมองนายนพรัตน์ว่าทำไมไม่ปลุก แต่ก็นึกได้ว่าตัวเองนอนหลับๆ ตื่นๆ แล้วก็เลยมาหลับยาวเอาตอนรุ่งสาง นอนไม่หลับเอง ไม่รู้จะโทษใคร ถึงจะอยากโทษเจ้าเด็กตาใสนี่ก็เถอะ
   ผมเลยลุกขึ้นไปอาบน้ำ เพราะขืนนั่งแช่นานๆ สายตามันพาลจะหันไปเอาโทษนายนพรัตน์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเสียทุกที พอผมลุก หมอนั่นก็ฉวยมือผมไว้ จะถามอะไรเรียกเอาก็ได้ ผมไม่ได้หูหนวก ไม่ต้องดึงเอาไว้อย่างกับเด็กขอผ้าอ้อมงี้หรอก
   “มีอะไร?” ผมหันกลับมาถาม เขามองหน้าผม อ้ำๆ อึ้งๆ สงสัยเห็นสีหน้าอารมณ์บูดเต็มที่ของผมล่ะมั้ง สักพักเขาก็ยอมปล่อย ผมเลยเดินไปเข้าห้องน้ำ
   พอทำธุระส่วนตัว และอาบน้ำเสร็จ ผมเลยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยหนึ่ง เดินออกมาเลยยิ้มให้เจ้านพรัตน์เสียหน่อย ค่าที่ตะกี้ตื่นมาทำหน้าบึ้งใส่ เจ้านพรัตน์ยังนั่งอยู่บนเตียง พอเห็นผมยิ้มให้ก็หน้าบาน ยิ้มจนแก้มแทบปริอีกแล้ว
   ยิ้มง่ายยิ้มเก่งจริงๆ เลยนะ เด็กคนนี้
   เขาทำท่าลังเลเหมือนอยากจะพูดอะไรกับผม แต่แล้วก็เปลี่ยนไปเข้าห้องน้ำแทน ผมเลยนั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ดูหน้าดูตาตัวเองซิว่าโกนหนวดเกลี้ยงดีหรือยัง ผมชอบหน้าเกลี้ยงๆ ลูบแล้วไม่มีอะไรระคายมือแบบนี้สิดี บ้านผมเลยมีใบมีดโกนสต็อกอยู่เป็นกุลุด กะว่าโกนไปทั้งปีไม่มีขาดตอน สามร้อยหกสิบห้าวันรับรองไม่เคยมีใครได้เห็นไรหนวดของผม
   นอกจากหนวดตัวเองแล้ว ผมยังไม่ชอบเห็นคนอื่นไว้หนวด ผมว่าสกปรก
   แต่เอาล่ะ คนเราไว้หนวดมีเหตุผลต่างกันไป บางคนไว้เพราะความเชื่อ บางคนไว้เพราะแฟชั่น ผมเคารพสิทธิคนอื่นนะ แต่...ถ้าไว้หนวดอย่าได้เอาหน้ายื่นมาใกล้ผมเด็ดขาด ไอ้พี่จิระภัทร์รู้ดีที่สุด มาทีไรหน้าเกลี้ยงกว่าหัวทุกที นายนพรัตน์ท่าจะรู้ดีรองลงมา เห็นโกนซะเกลี้ยงทุกวันเหมือนกัน แต่ผมยังไม่เคยลองจับเลยว่ามีแพลมออกมาบ้างรึเปล่า
   เอาเถอะ มันหน้าคนอื่นนี่ ผมจะไปจับทำไมกัน
   นายนพรัตน์อายุยืนจริงๆ กำลังนึกถึงอยู่ก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาล่ะ ผมหันกลับไปมองด้วยความเคยชิน....
   “คางโดนอะไรน่ะ?”
   “มีดโกนบาดครับ มีปลาสเตอร์มั้ย?”
   โห... อายุตั้งยี่สิบสามแล้วยังทำมีดโกนบาดหน้าอีก เชื่อเลย เด็กสมัยนี่มัวแต่พึ่งเครื่องโกนหนวดไฟฟ้าหรือไงนะ ผมพยักหน้า แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา เห็นเจ้านพรัตน์ทำตาโต นึกไม่ถึงล่ะสิว่าผมจะพกกระทั่งปลาสเตอร์ไว้ในกระเป๋าสตางค์ คนอย่างผมรอบคอบเสมอ
   “อยู่นิ่งๆ เลย” ผมเอ็ดเมื่อเขาทำท่าจะเอาไปติดเอง กระจกก็ไม่มี โกนหนวดยังพลาด จะเอาอะไรกับติดปลาสเตอร์
   “ขอบคุณครับ” เขาพูด หลังจากผมติดปลาสเตอร์ให้เรียบร้อยแล้ว ผมนึกหมั่นเขี้ยวกล้ามหน้าท้องแน่นๆ ของเขา เพราะเจ้าตัวนุ่งแต่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา เลยยกนิ้วดีดเสียงดังเพี้ยะ เจ้านพรัตน์ทำหน้าตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหัวเราะ
   “ชอบหรือครับ?”
   เออ ยังกล้าพูดแบบนี้นะคนเรา ผมลอยหน้าลอยตาพูดตอบไป “เปล่า แค่เห็นว่าน่าจะทนมือทนไม้ดี”
   “โห.. ผมไม่ใช่กระสอบทรายนะครับ แต่ถ้าคุณชอบ ผมยอมก็ได้”
   “ผมไม่ใช่คนป่าเถื่อนแบบนั้นหรอกนะ ไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยไป” ผมไล่ เจ้าหมอนั่นเลยเดินไปกลับเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา เออ แบบนี้ค่อยดูเป็นผู้เป็นคนหน่อย
   “เดี๋ยวทานข้าวที่โรงแรมก่อนกลับก็ได้ จะได้ไม่ต้องแวะข้างทาง” ผมว่า เพราะตื่นสายโด่ง ถ้าแวะนั่นแวะนี่แบบขามา มีหวังกลับถึงบ้านไม่ทันไปทำงานพรุ่งนี้แน่
   นพรัตน์พยักหน้า ผมเลยเดินไปเก็บกระเป๋า “งั้นเดี๋ยวขนกระเป๋าลงไปเลย ทานเสร็จแล้วจะได้ออก”
   “คุณไพฑูรย์..”
   อะไรอีกล่ะ เรียกอีกแล้ว ผมหันหน้ากลับมา แล้วเห็นหมอนี้ทำท่าอ้ำๆ อึ้งๆ หน้าเริ่มแดงขึ้นมาอีก
   ผมเพิ่งเห็นคนที่หน้าแดงไม่เลือกสถานที่และสถานการณ์ก็หมอนี่นี่แหละ
   “ไปเก็บกระเป๋าไป เดี๋ยวก็กลับดึกหรอก” ผมไล่ เมื่อเห็นเขายืนบิดๆ ไม่ยอมพูดอะไรสักที นพรัตน์ยังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่อีกพักหนึ่ง ในที่สุดก็เดินเข้ามา จับมือผมไว้ ผมเลยต้องหยุดเก็บกระเป๋า แล้วหันไปมองเขาแทน
   “ผมคิดว่ามีเรื่องจะต้องพูดกับคุณ”
   อ๋อ... ในที่สุดก็ยอมเผยไต๋มาแล้วสินะ ดี ผมจะได้จัดการให้มันเสร็จๆ ผมตั้งท่าเต็มที่ กะว่าเขาพูดเมื่อไหร่จะตอกให้หน้าหงาย นพรัตน์ยืนอ้ำๆ อึ้งๆ หน้าเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ ผมคิดว่าอีกเดี๋ยวเขาคงจะม้วน แล้วเขาก็ม้วน ม้วนมือของผมไปจูบดังจุ๊บ
   เขาจูบมือผมนะ แต่กรามผมค้างสนิทเลย
   “ผมว่าผมมีหวังนิดๆ แล้วล่ะ”
   “.....................”
   “เรื่องหาแฟนน่ะ”
   เรื่องนี้อีกแล้ว ถ้าแก่กว่าน่ะหยุดหวังไปได้เลย ผมเองก็อยากจะพูดออกไปเหมือนทุกทีหรอกนะ แต่กรามมันอ้าไม่ออกเสียดื้อๆ สงสัยกลับไปต้องไปหาหมอฟัน ท่าทางเส้นเอ็นจะมีปัญหา
   “ผมจริงจังนะครับ”
   เออ รู้แล้ว จริงจังจริงๆ ถามไม่เลิกไม่ราสักที แต่เมื่อไหร่กรามผมจะหายค้างนะ จะได้เลิกเถียงหมอนี่ในใจสักที
   “ผมรู้คุณใจแข็ง ใจแข็งมากด้วย”
   เออ รู้ก็ดีแล้ว รู้แล้วยังจะทำมาถามอีกแน่ะ
   “แต่ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก เพราะคุณใจแข็งนี่แหละ”
   ตรรกะอะไรของหมอนี่นะ ฟังแล้วไม่เห็นจะไปกันได้เลย
   “ผมรู้ว่าคุณเข้าใจผมแน่ แต่คุณไม่รู้ว่าจะตอบผมยังไง ไม่เป็นไร ผมรอได้”
   เหอะ เป็นเด็กเป็นเล็กจะหัดมารู้ความในใจคนอายุรุ่นพ่อแบบผมได้ยังไง เชิญรอไปเถอะ ดูสิจะรอไปได้สักกี่น้ำ
   “แต่ผมขอมัดจำไว้ก่อนแล้วกัน คุณจะได้ไม่เบี้ยวผม”
   “?”
   ผมคิดว่าเจ้านพรัตน์พอเห็นแล้วว่าผมมีปัญหาอ้าปากไม่ออก ไม่งั้นคงฉะใส่หน้าเขาไปแล้ว ถึงได้ใจบุญจะช่วยง้างกรามให้ผม แต่ปกติเขาจะง้างกรามกันมันต้องเอามือกดไม่ใช่หรือไง แต่หมอนี่ดัน...ดันเอาปากกด แถมกรามผมที่ค้างๆ อยู่ก็ดันอ้าออกง่ายๆ อีกต่างหาก
   อืม...พูดให้เข้าใจง่าย เขาจูบผมนั่นแหละ
   ในโลกนี้มีมนุษย์สองคนที่เคยจูบผม
   คนแรกคือพรายโพยม
   คนที่สองคือไอ้เจ้านพรัตน์นี่แหละ กล้าหาญชาญชัยเสียไม่มี ไม่คิดหน้าคิดหลังบ้างเลยหรือไงนะว่าจูบผมแล้วจะเป็นยังไงต่อ
   ผมจะเล่าชะตากรรมคนที่เคยจูบผมให้ฟัง คนแรก... โอ๊ย นายนพรัตน์จูบแรงเกินไปแล้ว
ใครเขาเอาลิ้นล้วงกันลึกขนาดนี้เล่า ผมขอหยุดบรรยายเรื่องในอดีตไว้เพียงเท่านี้ ขอไปจัดการกับเจ้าเด็กเวรนี่ก่อน
   เออ ลืมไปเลยว่าตัวเจ้านพรัตน์แข็งโป๊ก มีแต่กล้ามทั้งนั้น หยิกยังไม่เข้า เอาเล็บจิกจะรู้สึกไหมล่ะ ผมเลยเริ่มทุบ แต่ก็ไม่ได้ผลอีกเหมือนกัน ในเมื่อเขากล้าคุกคามผมด้วยปาก ผมก็จะสู้กับเขาด้วยปากนี่แหละ
   ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ปากต่อปาก เสมอภาคเสียไม่มี ซะที่ไหนเล่า ผมว่านะ ไอ้เจ้านพรัตน์เก่งเรื่องไม่ควรเก่งเกินไปแล้ว แลกลิ้นกันอยู่พักหนึ่ง ผมก็เริ่มหน้ามืด กะจะไม่ให้หายใจหายคอกันเลยหรือไงเนี่ย
ในที่สุดนพรัตน์ยอมถอนจูบออก ก่อนที่ผมจะเข้าใจว่าหมอนี่จงใจจะฆาตกรรมผมโดยจูบให้ขาดอากาศตาย เขาขยับตัวออกมามองผมพักหนึ่ง แล้วดึงผมเข้าไปกอดอีก หายใจรดหูผมแล้วจูบซอกคอเบาๆ ผมที่ยังไม่ทันหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดดีมีอันต้องความดันขึ้นต่อ
   เฮ้ย จะมากไปแล้วนะ ตะกี้จูบปาก แล้วนี่จะ.....
   “คุณไพฑูรย์” เขาชิงพูดขึ้นมาก่อนที่ผมจะอ้าปากด่า ผมเลยให้เขาพูดก่อน เพราะยังต้องการเวลาหอบหายใจอีกสักพัก ก่อนจะหน้ามืดไปจริงๆ เขาขยับตัวออกมา ประจันหน้ากับผมเต็มที่ มองผมด้วยแววตาเหมือนแมวไม่มีผิด
   “ผมมัดจำแล้วนะ ห้ามให้ใครจูบอีกนะครับ นานเท่าไหร่ผมรอได้ แต่ผมไม่ยอมให้คนอื่นเด็ดขาด”
   ผมล่ะอยากจะพูดออกไปจริงๆ ว่าไม่มีใครอยากได้ผมนักหรอก นอกจากคนประหลาดบางคนตรงหน้าผมนี่แหละ นพรัตน์ขบริมฝีปากที่ยังเปียกๆ อยู่ พูดทั้งๆ ที่หน้ายังไม่หายแดงดี
   “ผมจะรอจนกว่าคุณจะพูด คราวนี้ผมจะไม่ยอมถูกหักอกอีกแล้วล่ะ”
   ผมคันปากยิบๆ อยากจะด่าออกไป แต่นึกไม่ออกว่าจะด่าอย่างไร หมอนี่จะรอให้ผมพูดอะไรกัน คิดว่ารอแล้วจะมีหวังหรือไง เชิญรอไปเถอะ
   จะรอได้สักกี่น้ำเชียว
   นพรัตน์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทั้งๆ ที่ผมว่าผมตีหน้าถมึงทึงเต็มที่ ขณะที่ผมกำลังนึกหาถ้อยคำเผ็ดร้อนที่พอจะตอบโต้สิ่งที่เขาเพิ่งทำกับผมได้บ้าง เขาก็ยื่นหน้าเข้ามา แล้วหอมแก้มผมเบาๆ
   “เดี๋ยวผมช่วยยกกระเป๋าลงไปนะครับ”
   ผมยืนอึ้งอยู่เป็นนานสองนาน พอนึกขึ้นได้ก็ยกขาถีบเขาดังพลัก นายนพรัตน์ถอยหลังไปหน่อยหนึ่ง จากนั้นก็หน้าแดงวาบ แล้วหัวเราะออกมา
   ผมล่ะอ่อนอกอ่อนใจกับเขาจริงๆ เชียว
----------------------------------------
   เรากลับมาถึงบ้านประมาณสี่ทุ่มกว่า เพราะตีรถยาวมาตั้งแต่เที่ยง ไม่ได้แวะข้างทางเหมือนขาไป พอถึงบ้านต่างคนต่างก็หิวแบบไม่ต้องมองตาก็รู้กัน ผมเลยชงข้าวโอ๊ตให้เขากับตัวเองคนละแก้ว เราสองคนนั่งจิบข้าวโอ๊ตกันเงียบๆ มีเสียงรายการโทรทัศน์ยามดึกเป็นแบกกราวด์
   หลังทานข้าวโอ๊ตเสร็จ เขาก็ขอตัวกลับ แน่นอนว่าผมไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสได้หอมแก้มหรือจุ๊บปากอีกหรอก ปล่อยให้รุกเข้ามามากๆ เดี๋ยวผมจะเสียท่าก่อนเวลาอันควร นพรัตน์ก็พอรู้เส้นผมอยู่ พอผมไม่ยอมก็ไม่ยื้อต่อ กลับไปพร้อมกับคำราตรีสวัสดิ์ ผมกลับมานั่งที่โต๊ะ แก้วเขาน่ะเขาล้างแล้วล่ะ บนโต๊ะเลยมีแค่แก้วผม โทรทัศน์ก็เปิดอยู่เหมือนเดิม
   แต่ทำไมผมถึงรู้สึกเงียบนักก็ไม่รู้
----------------------------------------
   เพื่อให้เขารู้ว่าคนอย่างผมไม่มีทางสะดุ้งสะเทือนแค่เพราะถูกจูบหรือถูกหอมแก้ม หรือต้องนอนเตียงเดียวกันในโรงแรมเพราะความผิดพลาดของพนักงาน วันจันทร์ผมเลยนั่งรอท่าให้เขามารับเหมือนเดิม แล้วก็บ่นนั่นบ่นนี่ตลอดทางเหมือนเดิม
   สรุปว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยสักนิดเดียว
   ถึงแม้ผมจะคิดว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงหน่อยๆ เวลามองหน้าเขาก็เถอะนะ
   เปิดมาวันจันทร์ผมก็ต้องรับศึกหนัก เมื่อเจอขบวนการปล่อยข่าวในบริษัท กว่าจะจัดการได้ก็วันพุธเข้าไปแล้ว
   พอเข้าวันพฤหัสฯ ผมเลยงดโปรแกรมเดินตรวจ เพราะพนักงานยังไม่หายประสาทเสีย และผมเองก็อยากจะพัก ไอ้เรื่อปล่อยข่าวทำเอาผมมึนไปหลายตลบ ไม่นึกว่าจะทำกับซับซ้อนขนาดนี้ ถ้ารู้ช้าไปอีกไม่กี่อาทิตย์มีหวังได้เสียหายหนัก
   ผมจิบกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ แล้วก็มองน้ำตกเทียมที่อยู่ข้างโต๊ะ เพื่อช่วยผ่อนคลายเส้นประสาทที่กระตุกอย่างหนักในสามวันที่ผ่านมา มองเลยไปอีกนิด ก็เห็นนายนพรัตน์ง่วนอยู่กับการแยกหนังสือร้องเรียนที่ผมโยนไปให้ เพราะเห็นแล้วว่างี่เง่าไม่ได้เรื่องทั้งนั้น ให้เขาเอาไปลับฝีมือ เผื่ออนาคตจะได้ส่งไปทำงานเป็นบก.นิตยาสารน้ำเน่ารายสัปดาห์
   ตอนผมกำลังจะสั่งให้เจ้านพรัตน์เอาถ้วยกาแฟไปเก็บ เสียงเคาะประตูเบาๆ ก็ดังขึ้น ตามด้วยชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานอายุราวๆ สักสามสิบปลายๆ ในชุดสูทสากลเรียบร้อยที่เปิดประตูเข้ามา ได้ยินเสียงเจ้านพรัตน์เอ่ยทักไปก่อนที่ผมจะพูดอะไรเสียอีก   
   “พี่นพ?!”
ผมรู้แล้วล่ะว่านพรัตน์มีพี่ชายชื่อนพคุณ ที่สำคัญทำงานแบบเดียวกับที่ผมทำอยู่เสียด้วย แต่เขามาหาผมในเวลางานแบบนี้ทำไมนะ บริษัทเขากับบริษัทผมก็ไม่ได้ทำงานด้านเดียวกัน แถมไม่เคยมีปัญหาเรื่องแย่งตัวพนักงานกันด้วย
   นพคุณยกมือไหว้ทักทายผม เออ ท่าเดินท่าไหว้ก็รู้แล้วว่าเขาเป็นคนเรียบร้อย หน้าตาก็ดูน่าคบหา ของแบบนี้มันเป็นมาทางสายเลือดและการเลี้ยงดูสินะ เขาทักผมแล้วถึงหันไปมองน้องชายที่ทำหน้าตื่นๆ มองแล้วทำหน้านิ่งๆ ไม่พูดอะไร จากนั้นก็หันมามองผม
   ไอ้พี่น้องคู่นี้สื่อสารกันทางโทรจิตหรือไง
   ผมมองหน้านพคุณ หน้าตาอย่างกับพ่อลูกมากกว่าพี่น้อง ได้ยินจากเจ้านพรัตน์แล้วเหมือนกันว่าตัวเขาเป็นลูกคนเล็ก แถมหลงมา เลยอายุห่างจากพี่ๆ มาก แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าพี่ชายจะดูมีอายุขนาดนี้ คือนพคุณไม่ได้ดูไม่ดีหรือแก่ หรือหน้าเหี่ยวอะไรหรอกนะ เขาแค่ดูภูมิฐานกว่าอายุจริงหลายเท่าเลย ผมอดรู้สึกนับถือไม่ได้ เพราะท่าทางอย่างนี้นี่เอง เลยทำงานแบบเดียวกับผมได้ ป้อๆ แป้ๆ ไปวันๆ อย่างนายนพรัตน์คนอื่นเขาจะเกรงใจไหมล่ะ
   “เชิญนั่งครับ” ผมบอกเขาเมื่อเห็นเขายังยืนอยู่ นพคุณลากเก้าอี้มา แล้วนั่งลงตรงหน้าผม ก่อนจะยิ้มออกมา ยิ้มนิ่มๆ ดูสุขุมสมกับท่าทางจริงๆ
   “ผมได้ยินชื่อคุณมานานแล้ว เพิ่งมีโอกาสได้เจอตัวจริงก็วันนี้เอง เป็นเกียรติมากครับ คุณไพฑูรย์”
   ผมยิ้ม พลางนึกว่าเขาได้ยินชื่อผมในรูปแบบไหน และจากใครกันแน่
   “ผมชื่อนพคุณ ทำงานอยู่บริษัทM น้องชายผมอาจจะเคยเล่าให้คุณฟังบ้างแล้ว”
   ผมพยักหน้า แต่ขี้เกียจบอกว่าผมถามเอาตอนสมัครงานต่างหาก เขาพูดต่อ “แต่ผมไม่ได้มาในนามบริษัทหรอกนะครับ ผมมาในนามส่วนตัว เกี่ยวกับเรื่องน้องชายผม”
   เอาล่ะสิ จะมาขอตัวคืนหรือไง ผมยังให้ไม่ได้หรอกนะ เพราะผมเริ่มนิสัยเสีย ขาดผู้ช่วยไม่ได้แล้วล่ะ
   “น้องชายผมจริงๆ เป็นเด็กดีครับ แต่เขามีนิสัยแปลกๆ อยู่สักหน่อย อาจจะทำตัวรุ่มร่ามกับคุณไปบ้าง”
   เจ้านพรัตน์อ้าปากพะงาบๆ เหมือนจะเถียง แต่เถียงไม่ออก ได้แต่สั่นศีรษะแล้วหันมาทางผม เหมือนจะขอร้องให้ช่วย
   เจอแบบนี้ ผมไม่ช่วยก็ไม่ได้
   “ไม่หรอกครับ เขาไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นกับผม” ผมตอบ แต่ก็ไม่วายนึกถึงเรื่องที่พัทยาขึ้นมาจนได้ เอาน่า มันก็แค่การกระทำของเด็ก จะเก็บมาคิดทำไม นพคุณยิ้มออกมาอีก แล้วพูดต่อ
   “คุณโอเคกับการทำงานของเขารึเปล่าครับ”
   นี่เขามาตรวจสอบการทำงานของน้องชายหรือไงนะ ผมพยักหน้า และพูดตอบไป “ก็โอเคดีครับ ถ้าไม่ติดว่าอายุน้อยไปหน่อย”
   นพรัตน์ทำหน้าน่าสงสารเต็มที่ ได้ยินพี่ชายของเขาถามต่อ “แล้วเป็นอุปสรรค์กับคุณมากรึเปล่าครับ”
   “ก็ไม่เท่าไหร่นะ” ผมตอบ และชักนึกเอะใจว่าเขากำลังถามด้วยจุดประสงค์อะไรกันแน่ นพคุณยิ้มอีก เออ ไอ้พี่น้องคู่นี้มันเหมือนกันตรงยิ้มบ่อยนี่แหละ ชาติที่แล้วไปประกวดนางสาวไทยกันทั้งบ้านเลยหรือไง
   “งั้นผมขอฝากน้องชายเอาไว้ด้วยนะครับ”
   “อืม” ผมส่งเสียงงึมงำตามเรื่อง จะมาฝากมาฝังอะไรตอนนี้ หมอนี่ทำงานกับผมมาจะครึ่งปีแล้ว ไม่ต้องฝากแล้วล่ะ เขาขยับตัว แล้วหยิบถุงกระดาษขึ้นมาใบหนึ่ง
   “ผมรู้ว่าคุณไม่ค่อยรับของฝาก แต่ช่วยรับนี่ไว้หน่อยเถอะครับ”
   “เงินทองน่ะผมไม่รับหรอกนะ” ผมตอบทันที นพคุณสั่นศีรษะ “เปิดดูก่อนก็ได้ครับ”
   ผมเลยรับถุงมาดู อยากรู้เหมือนกันว่าพี่ชายนายนพรัตน์จะซื้ออะไรมาฝากผม พอเปิดดูเสร็จ ผมก็เงยหน้าขึ้นมองเขา เห็นเขายิ้มอีก
   เออ พี่น้องพอกันเลย
   “เปี๊ยกบอกว่าคุณชอบทาน ผมเลยซื้อมาฝาก เป็นของญาติที่รู้จักกันนะครับ ทำสะอาด เชื่อถือได้”
   ผมพยักหน้า แล้วเหลือบไปมองนายนพรัตน์ทีหนึ่ง เขานั่งหน้าเจี๋ยมเจี้ยม เหลือบตามองมาทางผมอย่างของความเห็นใจเต็มที่
   ผมล่ะอยากถอนหายใจออกมาจริงๆ
   “ผมขอตัวก่อนนะครับ ขอบคุณที่ช่วยดูแลน้องชายนะครับ” เขายกมือไหว้ลาผม แล้วเดินกลับออกไปเงียบๆ เหมือนตอนเข้ามา ผมมองเขาปิดประตู มองขนมตะโก้ในถุงตรงหน้า แล้วมองนายนพรัตน์ ซึ่งก็นั่งขบริมฝีปาก หน้าแดงเป็นลูกตำลึงอีกแล้ว
   ทำก็ไม่ได้ทำ ซื้อก็ไม่ได้ซื้อ จะมาหน้าแดงหาพระแสงอะไรนะ
   ผมจะรับฝากเจ้าหมอนี่ไว้สักพักแล้วกัน จะได้ไม่ต้องไปเที่ยวทำตัวเป็นเด็กสิบขวบต่อหน้าใครต่อใครคนอื่นอีก
   แต่ก็ไม่รู้จะฝากไว้ได้นานเท่าไหร่หรอกนะ ไม่รู้ว่าเขาจะหนีกลับบ้านไปหาพี่ชายก่อนผมจะเลิกรับฝากรึเปล่า....
----------------------------------------------
   “คุณนพ ผมว่าคุณทำตัวแบบนี้พี่ชายเป็นห่วงนะ” ผมพูดกับเขาในตอนนั่งรถกลับบ้าน นพรัตน์หันมามองผมอย่างงงๆ ก่อนจะหันกลับไปมองทางต่อ
   “ผมไม่ได้ทำตัวเสียหายอะไรนี่ครับ แค่ขับรถมาส่งคุณเอง”
   “ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องขับรถ” ผมว่า และรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมา “ผมหมายถึง คุณชอบไล่จีบคนอายุเยอะกว่า พี่ชายเขาเลยเป็นห่วง”
   “อ๋อ” เจ้านพรัตน์ร้องออกมา และพูดตอบ “พี่เขาเป็นห่วงจริงๆ แหละครับ ผมยอมรับ ตอนนี้มรดกส่วนของผมเลยต้องให้เขาดูแลไปก่อน เพราะเขากลัวผมไปโดนผู้ใหญ่หลอก”
   “เออ นั่นแหละ เปลี่ยนๆ ตัวเองบ้าง อย่าทำให้พี่ชายเป็นห่วงมากนัก”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่มาพบคุณแล้วนี่ ผมว่าพอเขาเห็นคุณ เขาคงเบาใจไปเยอะเลยล่ะ”
   “....................”
   “คุณไพฑูรย์....”
   ผมล่ะลุ้นว่าเมื่อไหร่ไฟตรงแยกจะกลายเป็นสีเขียวสักที ไอ้ป้ายนับถอยหลังจะติดไปให้เปลืองงบประมาณทำไมกันถ้าไม่ใช้
   “รับฝากผมหน่อยนะ”
   “อือ....” ไฟรีบๆ เขียวหน่อยสิ จะติดไปถึงไหนกันนะ
   “ผมฝากยาวเลยนะ ไม่ไปไหนแล้ว”
   โอ๊ย จะแดงอะไรนานๆ รถก็ไม่เยอะสักหน่อย ไฟเสียล่ะมั้งนี่
   “ตกลงรับฝากผมนะครับ”
   ผมว่าผมควรจะโทรศัพท์ไปร้องเรียนว่าไฟแดงที่แยกนี้เสียแล้วล่ะ แต่ก่อนที่ผมจะทันกดโทรศัพท์ ไฟก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวเสียก่อน เออดี พนักงานคอลเซ็นเตอร์จะได้ไม่ต้องปวดหัวกับผม
   ไฟน่ะเขียวแล้วล่ะ แต่หน้าเจ้านพรัตน์ตอนนี้น่ะแดงแจ๋เลย
   ผมควรจะไปแจ้งซ่อมที่ไหนดี ยังมีที่ไหนรับซ่อมรึเปล่านะ....
-------------------------------------------------
   ผมกลับถึงบ้านตามเวลาเดิมถึงแม้ไฟแดงที่แยกจะเสีย นพรัตน์เดินมาส่งผมถึงประตูบ้านตามเคย ทำหน้าที่ดีเกินเหตุจนน่าประทับใจเสียไม่มี
   เขาเป็นเด็กดี ทำตัวน่ารัก รู้จักเคารพผู้ใหญ่ ที่ทำให้ผมทั้งหมดก็เพราะความซื่อล้วนๆ
เขาสมควรได้รับอะไรตอบแทนบ้าง แต่ผมไม่รู้ว่าควรจะให้อะไรดี
   คนอย่างผมไม่ถนัดกับเรื่องพวกนี้เสียด้วยสิ
   ผมมันอายุสี่สิบกว่าเข้าไปแล้ว ข้าวของเงินทองผมให้ได้ แต่อย่างอื่น ผมไม่รู้ว่าควรจะให้อย่างไร ให้ดีไหม
   เจ้านพรัตน์ยังเด็ก เขาเหมือนคนที่เพิ่งเริ่มก้าวเดินในบันไดชีวิต บันไดเขาทั้งกว้าง ทั้งมีสารพัดทางแยก เดินไปต่อให้หลงก็ยังถอยหลังกลับมาได้ แต่ผมเดินขึ้นบันไดมานานแล้ว บันไดของผมทั้งสูงทั้งแคบ ไม่เหลือทางแยก ไม่เหลือทางให้ถอยกลับ
   ก้าวพลาดก็มีแต่ร่วงสถานเดียว
   ถึงตอนนี้เขาจะพยายามไต่บันไดทางเดียวกับผม พยายามไล่ตามผม แต่เขายังห่างไกลจากผมอีกหลายขั้น ยังไม่เจอทางแยกทางเลี้ยว
   พอถึงจุดหนึ่ง เขาจะเลิกเดินตามผม หันไปเดินบันไดของตัวเอง
   ผมผ่านจุดที่เขาเดินมาแล้ว ทำไมผมจะไม่รู้ แต่เขาคงยังไม่รู้ว่าจุดที่ผมยืนอยู่มันสูงมันแคบขนาดไหน
   ผมกับเขามันคนละขั้น คนละชั้น เขาไม่มีวันตามทันผมหรอก
   แต่บางทีผมก็รู้สึกว่า เขาปีนบันไดเร็วเสียเหลือเกิน อย่างกับใช้ทางลัด บางทีก็เหมือนมาโผล่อยู่ด้านหลังผมแล้ว
   แต่ผมยังใจไม่แข็งพอจะให้ใครมายืนเบียดที่ เพราะผมไม่รู้ว่าพอเบียดกันแล้ว ใครจะร่วงลงไปก่อน
   แต่ขาผมล้าเต็มทีแล้ว ถ้าร่วงลงไปคราวนี้ ผมคงไต่กลับขึ้นมาไม่ไหว
   ผมเลยวัยที่จะเสี่ยงโชคเสี่ยงดวงไปแล้ว
   ผมยืนมองหน้านายนพรัตน์อยู่ตรงหน้าประตูบ้าน เขาเองคงงงเหมือนกันที่วันนี้ทำไมผมถึงไม่รีบเข้าบ้านสักที
   เขาอายุยังน้อย อายุแค่นี้ก็พยายามปีนบันไดชันๆ ที่ตัวเองไม่น่าจะปีน บางทีผมก็กลัวเขาจะร่วง บางทีผมก็กลัวเขาจะพลั้ง แต่ผมเอื้อมมือไปฉุดเขาขึ้นมาไม่ได้ เพราะจุดที่ผมยืนอยู่ก็แคบเต็มที
   เขายังผิดได้ พลั้งได้ แต่ผมผิดไม่ได้ พลาดไม่ได้อีกแล้ว
   “คุณไพฑูรย์....”
   นพรัตน์ยังเด็ก แววตาและท่าทางของเขาซื่อจนผมสะท้อนใจ ผมยกมือขึ้นจับหน้าเขา เขาสะดุ้ง ดูจะงงกับท่าทีของผม ผมยิ้ม
   “ผมไม่ชอบคนมีไรหนวด ดีแล้วล่ะที่คุณโกนเกลี้ยงทุกวัน”
   นพรัตน์มองหน้าผมอึ้งๆ แล้วก็ยิ้มออกมา
   ผมไม่รู้ว่าเขาปีนบันไดขึ้นมาทันผมจริงๆ หรือเป็นแค่ภาพหลอนที่มาหลอกล่อผมกันแน่ แต่ถ้าผมเอื้อมมือไปคว้า ผมคงร่วง
   ผมใจแข็งก็จริง แต่ผมทนเริ่มต้นใหม่ไม่ไหวอีกแล้ว
   ผมเลยยืนนิ่งๆ รอดูว่าเขาจะปีนขึ้นมาได้อีกกี่ขั้น จะร่วงลงไปตอนไหน จะมาได้ใกล้เท่าไหร่
   แต่ผมคงยืนนิ่งได้ไม่นาน คนเราอาจจะก้าวเร็วในขั้นแรกๆ และช้าลงในขั้นหลังๆ เพราะมันเริ่มชันและแคบไปทุกที จะช้ายังไง แต่ผมก็ต้องก้าวขึ้นไปเรื่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดชีวิตที่มองไม่เห็นว่าขั้นสุดท้ายอยู่ตรงไหน
   เขาเองก็ต้องก้าวต่อ ไม่ว่าเขาจะพลาด จะพลั้ง หรือจะก้าวตามหลังผมมาได้ สุดท้าย เขาจะต้องแยกบันไดกับผม
   เพราะบันไดของเขาก็คือบันไดของเขา บันไดของผมก็คือบันไดของผม
   ไม่มีใครเดินบนบันไดชีวิตของคนอื่นได้
   “คุณนพ... ราตรีสวัสดิ์นะ ขับรถกลับดีๆ ล่ะ” ผมพูดออกมา หลังจากที่เห็นว่าฝูงยุงยังคงออกหากินอยู่ ทั้งๆ ที่ออกจะดึกแล้วแท้ๆ นพรัตน์มองหน้าผมงงๆ แล้วก็ยิ้มตอบอีกหน “ครับ ราตรีสวัสดิ์นะครับ พรุ่งนี้เจอกัน”
   เราลากันด้วยคำพูดเดิมๆ เวลาเดิมๆ รอยยิ้มเดิมๆ เขาเดินไปที่รถ และขับหายออกไป
   ผมรู้ว่าเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ไม่มีใครหยุดเวลาได้ ผมรู้ว่าเขาปีนขึ้นมา ผมรู้ว่าผมต้องเดินต่อไป
   แต่บางที ผมก็อยากหยุดเฉยๆ หยุดเขาไว้ที่รอยยิ้มแบบนี้ เสียงหัวเราะแบบนี้
   คงเพราะบันไดที่ผมยืนทั้งสูงทั้งแคบเต็มทีแล้ว
------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 06-06-2011 11:13:27
ลุยโลด รุกรุกรุก 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 06-06-2011 12:05:46
อย่างว่าเนอะ อายุห่างกันเยอะมาก
จะไม่ให้คุณไพฑูรย์กลัวเลยก็เป็นไม่ได้อ่ะ เข้าใจคุณไพฑูรย์นะเรื่องนี้อ่ะ
นพคงต้องอดทนและพยายามต่อไปนั่นแหล่ะ

ปล. ขอบคุณ คุณ juon มากมาย อัพต่อเนื่องและแต่ละตอนก็ยาวจนหน่ำใจคนอ่านเลยค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 06-06-2011 14:10:34
อ่านๆยิ้มๆอยู่ดีๆ มาจ๋อยตอนช่วงสุดท้ายนี่แหละค่ะ :m17:
เข้าใจคุณไพฑูรย์นะ แต่ก้อไม่อยากให้ลุงแกเสียใจเหมือนในอดีตอีก
เพราะงั้นสู้ต่อไป น้องแมว(ผู้ซึ่งหลงใหลคนอายุมากกว่าอย่างจริงจัง) :a9:
ขอบคุณสำหรับตอนนี้ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 06-06-2011 14:11:01
คุณไพน่ารักอ่ะ บางทีทำเหมือนไม่อยากให้ความหวังอะไร แต่ก็ชอบทำโดยไม่รู้ตัวเน๊อะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 06-06-2011 14:48:41
เรื่องนี้น่ารักสุด ๆ ของสุด ๆ ไปเลย เราแอบอ่านตอนทำงานละ 555+
อดใจอ่านไม่ไหว ตอนจูจุ๊บเราแทบกริ้ดแหนะ คริ ๆ
ตอนท้าย ๆ มาม่านิดนึงอะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 06-06-2011 14:58:23
คุณไพฑูรย์น่ะจริงๆแล้วเป็นคนมีอารมณ์ขันนะ ดูเวลาที่เค้าเขินซีคะ เค้าเขินแล้วน่ารักจัง
เค้าทำให้คนอ่านได้ยิ้ม ได้หัวเราะ อารมณ์ดี รู้สึกชื่นมื่นไปกับเค้าด้วยแหละ(ยกเว้นลูกน้องเค้าจ้ะ 555)
เอาล่ะ นพมีโอกาสแน่ๆ ใจเย็นๆ คนวัยนี้ และก็อัพกว่านี้ เค้าคิดเยอะ เค้ารอบคอบ เพราะเค้าไม่อยากประมาทกับชีวิตน่ะ
(แต่เด็กรุ่นใหม่มักค่อนขอดว่าเชื่องช้า เรื่องมาก คิดมากไม่เข้าท่า ใช่ปะคะ)
 ก็แหม...ถ้าพลาดพลั้งไปในวัยนี้ มันเสียหายมากนะ ทั้งทางรูปธรรมนามธรรม (ในความรู้สึกของคุณไพฑูรย์เค้าน่ะ)

ฝากผ่านรีพลายนี้ถึงคุณyeyong ค่ะคงวัยเดียวกันถ้า คุณไพฑูรย์เรียกคุณyeyongว่าพี่ อิ อิ อิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 06-06-2011 15:02:30
ลุงก็หยุดรอเด็กหน่อยสิ  :oni3:  เด็กมันจะได้รีบปีนขึ้นไปหา ยิ่งขึ้นไปสูงยิ่งหนาวนะ หาคนแก้หนาวเดินไปด้วยกันดีกว่านะลุง  :จุ๊บๆ:

ขอชมคนแต่งว่า ดำเนินเรื่องได้ดี ไม่เยิ่นเย้อ ไม่ค่อยมีคำผิด และลงเรื่องได้ยาวแถมสม่ำเสมอด้วย (ลงเรื่องแบบนี้คนแต่งคงเหนื่อยมาก)  ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 06-06-2011 15:24:06
คุณไพฑูรณ์ถ้าไม่หยุดรอ ก็เดินช้าๆลงหน่อย หรือ ช่วยนำทางคุณนพบ้างก็เห็นจะดีนะคะ
คุณนพเดินขึ้นบันไดมาเรื่อยๆก็อยากจะได้การนำทางบ้าง หรือ อยากรู้ว่ามีปลายทางสำหรับเขาอยู่จริง
เดินไปบนบันไดร่วมกันก็น่าจะดีนะคะ

ขอบคุณคนแต่งมากๆ คุณแต่งได้เก่งมากๆๆ  เนื้อหาดี วางเรื่องดี ภาษาดี ลงตัวทุกอย่าง ขอบคุณมากจริงๆค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 06-06-2011 15:46:57
ลุงแก น่ารักดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 06-06-2011 16:03:09
จูบกันแล้ววววววววววววววว

คุณไพฑูรย์ก็ดูใจอ่อนลงเยอะแล้ว

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 06-06-2011 16:03:58
เข้าใจพี่ไพ :เฮ้อ:เรื่องของสัจธรรมเรื่องเวลานี่หลีกไม่พ้นจริงๆ
แต่ก็เชีร์ยน้องนพให้ก้าวบันไดตามพี่ไพให้ทัน
หรือไม่ก็สร้างบันไดตีคู่กันไปเลย :mc4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 06-06-2011 16:11:31
อัพยาวได้ใจมาก ๆ ค่ะ อ่านช่วงท้ายตอนแล้วแอบเครียด
อายุห่างกันมากเลย จนเราแอบกลัวมาม่าค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 06-06-2011 16:15:01
อ่านตอนนี้แล้วรุ้สึกสะเทือนใจกับความรู้สึกของคุณไพฑูรย์
ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไร แต่ความไม่มั่นคงเพราะความต่างมันก็ยากจะหาอะไรมาเชื่อมต่อได้


แต่เค้ารักคุณไพฑูรย์มากๆ อยากให้มีคนคอยพยุง หนุนแล้วเดินตามไปจริงๆ ;___;
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: mink2538 ที่ 06-06-2011 16:44:37
สนุกมากค่า
มาต่อไวๆนะคะ
^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 06-06-2011 20:01:17
เฮ้อ! ยี่สิบปีไม่น้อยเลย
คุณไพฑูรย์จะกล้าก้าวผ่านมันไปได้หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 06-06-2011 20:10:37
นพรัตน์ตั้งใจแน่วแน่จริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 06-06-2011 20:40:36
 :-[


จูบกันแล้วววว


แต่มาจ๋อยเอาตอนหลังนี้แหล่ะ

เปิดใจเถอะๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 06-06-2011 20:53:12
ดูเหมือนทุกคน/ทุกอย่างจะเป็นใจให้นพดีนะเนี่ย  :eiei1:
หวังแต่ว่าคุณลุงจะตัดสินใจดีๆนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 06-06-2011 20:58:15
คุณไพฑูรย์บันไดแคบก็จริงแต่ว่า
เด็กน้อยเค้าแรงดีนะคะ เบียดไม่ได้ก็ให้เค้าอุ้มเดินไปด้วยกันเลยซิคะ
เค้าเต็มใจอุ้มคุณอยู่แล้วละ
หุหุ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Narutear ที่ 06-06-2011 21:02:02
ละลาย...

คุณไพจะน่ารักไปไหนค่ะ? เริ่มอยากลงไปแย่งบ้าง

นพ อดและทนต่อไปนะ คุณไพอย่ายอมง่ายๆเด็ดขาด เดี๋ยวเด็กมันขาดประสบการณ์(ตี้อครั้งสุดท้ายใน)ชีวิต  o18

เพราะถ้าจีบติดคราวนี้ คงได้จอดไม่มีแจวต่อแล้ว หุๆๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 06-06-2011 22:26:30
ตอนท้าย อ่านแล้วเครียดเลย  o22
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 07-06-2011 11:45:49
เพราะ น้องนพ เเกใช้ บันไดเลื่อนค่า

เลยตามมาเร็ว มาเเรง ได้ใจเต็มๆ

คริๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 07-06-2011 12:46:03
บันได ยิ่งสูงยิ่งแคบ  เข้าใจ  วัยต่างกัน 

โอกาศของน้องก็ยังมีอยู่เยอะ


ปล. ของคุณรุ่นพ่อ เป็น รุก ได้ไหมคะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 07-06-2011 13:21:58
นพทั้งน่ารัก น่าสงสาร
ทั้งเพื่อนๆ พี่ ก็สนับสนันทั้งนั้น
คุณไพทูรย์ ใจอ่อนเร็วๆเถอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 07-06-2011 15:53:58
ก็เข้าใจนะค่ะ ว่าอาจจะกลัวเพราะตัวเลขมันห่างเกินไป
แต่...ก็ขอให้เชื่อใจคุนนพบ้าง
แสดงออกขนาดนั้น...คงไม่โกหกหรอกค่ะ
นพ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 07-06-2011 17:15:02
สวัสดีค่ะ

มาลงชื่อว่าเพิ่งได้อ่าน (เพิ่งเห็นอ่ะค่ะ)

เขียนได้ละเอียดและละเมียดมากๆ แถมยาวจุใจอีก ชอบนพรัตน์จัง น่ารัก และรักจริง ทำไมคุณไพฑูรย์ไม่ใจอ่อนซักทีน้า  :o12:

มุมมองของคุณไพฑูรย์เราก็เข้าใจนะ ตามประสาคนใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและจริงจัง

แต่ถ้าคุณไพฑูรย์จะละวางแล้วหันมาใช้ชีวิตให้คุ้มบ้าง

ก็จะพบว่าชีวิตนี้แสนสั้น อะไรที่เป็นความสุขได้ก็ควรรีบเก็บเกี่ยว

ชอบฉากที่คุณไพฑูรย์ช็อคตอนที่รู้ว่าตัวเองเป็นคนปล่อยมือพรายพโยมไป เพราะความรู้ตัวช้า

นึกถึงหนังเรื่อง my best friend wedding ตอนที่นางเอกรู้ว่าเพื่อนที่ตัวเองสนิทมาก แท้จริงคือคนที่ตัวเองรัก พอเค้าโทรมาบอกว่าจะแต่งงาน ถึงขั้นตกใจจนล้มทั้งยืนเลย จนเป็นที่มาของ quote ท้ายเรื่องที่เราประทับใจมาก

if you love someone you say it, you say it right then, out loud. Otherwise the moment just... pass you by

แต่คุณไพฑูรย์คงไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยใช่มั้ยจ๊ะ  o18 อีกอย่างพ่อนพรัตน์ก็ดูเอาจริง สู้ไม่ถอย คนอ่านก็ช่วยลุ้นด้วย

http://www.youtube.com/v/xaVLbk_3UeU

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 07-06-2011 19:13:44
บันไดขั้นที่8
   วันสิ้นปีใกล้มาแล้ว สำหรับผมหมายถึงช่วงวันอันยาวนานเพราะต้องตรวจสอบรายชื่อพนักงานและผลงานที่เสนอเข้ามาเพื่อขอรับโบนัสในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
   พงษ์โพยมมีนโยบายจ่ายโบนัสพนักงานทุกไตรมาส แต่ไตรมาสสุดท้ายจะจ่ายเยอะเป็นพิเศษ หน้าที่ของผมคือคัดกรองว่าใครเหมาะสมจะได้โบนัสก้อนใหญ่นี้กันคนละเท่าไหร่ ดังนั้นช่วงนี้ของทุกปี ผมถึงต้องนั่งหน้าดำคร่ำเครียดกับกองหนังสือประเมินพฤติกรรม และกองหนังสือร้องเรียน ซึ่งเข้ามาทุกวี่ทุกวันเหมือนจะแข่งกันว่าใครกองใหญ่กว่า
   ปีนี้ดีหน่อยที่มีนพรัตน์เข้ามาช่วย ปีก่อนๆ ผมกับอาจารีย์ทำงานกันจบแทบจะขนหมอนขนที่นอนมาค้างที่บริษัท แต่อย่างว่า บริษัทเปิดมานาน ขยายกิจการตลอดเวลา จำนวนพนักงานก็เพิ่มขึ้นเหมือนเงาตามตัว
   ถึงปีนี้มีคนช่วยเพิ่มมาอีกคน ก็ยังแทบจะต้องหอบผ้าหอบผ่อนมานอนค้างหน้าโต๊ะทำงานอยู่ดี
   “ออกไปพักหน่อยดีไหมครับ?” นพรัตน์ที่เดินถือถ้วยกาแฟเข้ามาให้ผมทักขึ้น ผมนั่งงมอ่านกองหนังสือรายงานพฤติกรรมพวกนี้มาตั้งแต่ช่วงบ่าย อาหารเย็นยังต้องยกมาทานที่โต๊ะ หัวหน้าแผนกบางคนก็เขียนมาแถเสียไม่มี ผมว่าก่อนพิจารณาโบนัสลูกน้อง ผมจะพิจารณาตัดเงินเดือนหัวหน้าแผนกก่อนเลย
   ผมเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ สี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ผมให้อาจารีย์กลับไปก่อน เพราะผู้หญิงกลับบ้านดึกๆ มันอันตราย ตอนนี้เลยมีแต่ผมกับเจ้านพรัตน์อยู่โยงเฝ้ากองเอกสารกันสองคน
   “ขอตรวจแผนกนี้ให้เสร็จก่อนแล้วกัน” ผมว่า เขาพยักหน้า และขยับเก้าอี้มาช่วยจัดแยกกองจดหมายพวกนั้นออกเป็นกลุ่มๆ เพื่อให้ผมอ่านง่าย แล้วก็อ่านคัดกรองบางส่วนก่อน เราทำงานกันเงียบๆ ได้ยินแต่เสียงพลิกกระดาษ เสียงแก้วกาแฟกระทบกับจานรอง บางครั้งเงยหน้าขึ้นมาเพราะล้าจากการนั่งอ่านเอกสารติดกันนานๆ ก็เห็นเจ้านพรัตน์กำลังมองผมอยู่ พอเห็นผมเงยหน้า หมอนั่นก็ยิ้มออกมา ผมเลยต้องยิ้มตอบ
   งานน่ะเครียด เอกสารแต่ละหน้าไม่ใช่ว่าอ่านผ่านๆ แล้วเซ็นอนุมัติได้ ผมผจญกับกองเอกสารพวกนี้มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว แต่ละปีเครียดพอๆ กัน พนักงานเปลี่ยนหน้าไปแต่พฤติกรรมวนเวียนซ้ำซาก เรียกว่าหน้าเปลี่ยน แต่พฤติกรรมแบบเดิมเป๊ะจริงๆ พงษ์โพยมรู้ดีกว่าใครๆ ว่างานผมโหดแค่ไหน ดังนั้นพอจบช่วงนี้ เขาจะให้ผมลาพักร้อนยาวจนถึงปีใหม่ เรียกว่าให้พักผ่อนกันเต็มที่หลังฝ่าศึกมานับสัปดาห์เลยทีเดียว
   แต่ที่ผมเร่งทำงานไม่ได้หวังจะได้วันหยุด ผมทำเพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ยังไงก็ต้องทำให้เสร็จตามกำหนด
   ทุกปีผมจะหน้านิ่วคิ้วขมวด นั่งอ่านเอกสารเงียบๆ ให้บรรยากาศเหมือนภูเขาไฟใกล้ระเบิด ขนาดอาจารีย์ที่ไม่ต้องมาทนนั่งแยกเอกสารในห้องให้ผม ยังไม่อยากจะแวะเข้ามาเท่าไหร่เลย แต่ปีนี้ดูจะแปลกไปสักหน่อย ผมนั่งเงียบๆ ตรวจเอกสารหน้าดำคร่ำเครียดเหมือนเดิม กระนั้นบรรยากาศกลับไม่ตึงเครียดเท่าไหร่เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ
   คงเพราะไอ้พวกของประดับทั้งนำตกเทียมทั้งต้นกระบองเพชรแถมแมวอีกสองคู่ ที่ตั้งอยู่พอให้ผมได้คลายสายตาพวกนี้ล่ะมั้ง แล้วก็....
   “คุณไพฑูรย์ ผ้าเย็นไหมครับ” นพรัตน์เอ่ยถาม ผมพยักหน้า เพราะเริ่มตื้อไปทุกทีๆ กาแฟก็ช่วยอะไรได้ไม่มาก เขาเดินออกไปจากห้อง สักพักก็กลับมาพร้อมผ้าขนหนูห่อน้ำแข็ง จากนั้นก็ค่อยๆ เช็ดต้นคอของผม
   พอมีเขาอยู่ด้วยแล้ว ถึงงานจะเท่าเดิม แต่ผมรู้สึกเครียดน้อยกว่าปีที่ผ่านๆ มาเยอะเลย
   คงเพราะมีเขาอยู่ใกล้ๆ คอยเป็นเพื่อน คอยถามนั่นถามนี่ แล้วก็คอยยิ้มให้กำลังใจผมตลอดเวลา
   เขาเป็นเด็กดีจริงๆ
   สุดท้ายผมก็ไม่ได้ออกไปพัก พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที นาฬิกาก็กลายเป็นเลขศูนย์แล้ว นพรัตน์นั่งอยู่ข้างๆ ผม ตาเริ่มแดงเพราะอยู่ดึกมาหลายวัน ผมเองก็ปวดกระบอกตาเต็มที หลังจากกวาดตามองกองเอกสาร นั่งประเมินเงียบๆ อยู่สักพัก ผมก็ชวนเขากลับ
----------------------------------------------
   นพรัตน์พยายามชวนผมคุยแบบมึนๆ งงๆ ผมก็ตอบเขาไปอย่างงงๆ ง่วงๆ เหมือนกัน ถึงอย่างนั้นเราก็ยังหัวเราะกันออกระหว่างอยู่ในรถ กลับมาถึงบ้านก็เกือบตีหนึ่ง ผมถอดเข็มขัดนิรภัย แล้วหันไปหานพรัตน์
   “คุณนพ ถ้าขับรถกลับไม่ไหวน่ะ คืนนี้นอนที่นี่ก่อนก็ได้นะ”
   เพราะเขาขับรถไปรับไปส่งผมดึกแบบนี้มาได้ครึ่งสัปดาห์แล้ว ผมไม่รู้บ้านเขาอยู่ไกลจากบ้านผมมากรึเปล่า แต่ดึกขนาดนี้แถมหน้าตาก็ดูง่วงจนเห็นได้ชัด ไม่ควรจะปล่อยให้ขับรถกลับคนเดียว นพรัตน์มองหน้าผมงงๆ แต่ก็พยักหน้า ผมเลยให้เขาเอารถเข้ามาจอดในบ้าน อาบน้ำล้างตัว แต่เขาไม่ได้เตรียมชุดนอนมาค้าง ผมเลยต้องหาเสื้อตัวใหญ่แล้วก็กางเกงขาสั้นที่เป็นยางยืดให้เขาใส่ ใส่แล้วเหมือนผู้ใหญ่ใส่เสื้อเด็กไม่มีผิด นี่ขนาดเป็นเสื้อกับกางเกงตัวใหญ่ที่สุดในบ้านที่ผมมีแล้วนะ
   “สงสัยผมต้องเอาเสื้อผ้ามาทิ้งไว้ที่บ้านคุณบ้าง” เขาว่า หลังจากพยายามขยับเสื้อผ้าอย่างเคอะๆ เขินๆ เพราะมันก็ดูตลกจริงๆ ผมพยักหน้า
   “เอามาทิ้งไว้บ้างก็ได้ เผื่อฉุกเฉิน”
   “อือ เผื่อมีใครมาบ้านคุณ จะได้รู้ว่ามีผมอยู่ด้วย”
   ผมเลยดีดมือเขาไปทีหนึ่ง นพรัตน์หัวเราะ จากนั้นก็เดินไปเตรียมที่นอนตรงโซฟา ผมยืนมองเขาเตรียมที่นอนอยู่พักหนึ่ง แล้วก็เอ่ยปากขึ้น
   “คุณนพ คุณไปนอนเตียงข้างบนก็ได้ พรุ่งนี้จะได้ไม่ตื่นสาย”
   ผมรู้ว่าโซฟานอนไม่สบายหรอก ถึงจะเป็นแบบปรับเป็นเตียงได้ก็เถอะ มันก็แคบอยู่ดีสำหรับคนตัวขนาดเขา ปกติที่เขานอนมันเป็นช่วงวันศุกร์เสาร์ แล้วก็ไม่ได้กลับดึกขนาดนี้
   นพรัตน์มองหน้าผม แล้วหน้าแดงขึ้นมา นี่ขนาดง่วงๆ นะนี่
   “นอนเฉยๆ นะคุณนพ ผมไม่ให้ทำอะไรมากกว่านั้น แค่นอนอย่างเดียว” ผมขู่ นพรัตน์รีบพยักหน้า แล้วหอบหมอนเดินตามผมขึ้นชั้นบน
   เจ้านพรัตน์เดินเข้ามาในห้องนอนผมแล้วจู่ๆ ก็ยิ้ม ผมหันไปมองหน้าเขาอย่างงงๆ เขาเลยพูดออกมา “ตุ๊กตาแมวน่ารักรึเปล่าครับ”
   นั่นแหละผมถึงได้รู้ว่าเขากำลังมองตุ๊กตาเรซิ่นแมวที่ให้ผมไว้เมื่อตอนเข้ามาทำงานแรกๆ ซึ่งตั้งอยู่บนหัวเตียง ผมพยักหน้า “น่ารักดี แต่ผมยังไม่มีเวลาจัดตู้โชว์ข้างล่างเลย จะได้เอาไปวางอวดคนอื่น”
   “ไม่ต้องหรอก ไว้ตรงนี้แหละครับดีแล้ว ผมอยากให้คุณมองแค่คนเดียว”
   ผมเกิดสำลักน้ำลายขึ้นมากะทันหัน เลยรีบบอกให้เขานอน เพราะดึกมากแล้ว เจ้านพรัตน์เดินอย่างว่าง่ายไปที่อีกฟากหนึ่งของเตียง วางหมอนปุลงไป รู้ด้วยนะว่าควรจะนอนให้ชิดริม จะได้ไม่มาเบียดผม
   “ราตรีสวัสดิ์นะครับ” เขาว่า ขณะล้มตัวลงนอน ผมพยักหน้า ปิดไฟในห้อง แล้วเดินมาที่เตียง นั่งอยู่พักหนึ่ง แล้วถึงได้ล้มตัวลงนอนบ้าง
   “คุณนพ..”
   “ครับ?”
   “ขยับมาอีกก็ได้นะ เดี๋ยวจะตกเตียง”
   เตียงผมจริงๆ จะว่ากว้างก็ไม่กว้างหรอก แต่ก็พอนอนสองคนได้ เจ้านพรัตน์ขยับเข้า ผมเองก็กลัวจะตกเตียง เลยขยับเข้าไปบ้าง ไหล่ของเรากระทบกันเบาๆ ผมเลยขยับมือออกไปหน่อยหนึ่ง จะได้นอนสบายขึ้น แต่บังเอิญไปแตะกับมือเจ้านพรัตน์พอดี หมอนั่นก็เลยจับมือผมไว้หลวมๆ แหม... ไม่ได้ไปเดินที่ไหนสักหน่อย ไม่ต้องกลัวผมหลงทางกระทั่งในฝันหรอก
   แต่แปลก คืนนั้นผมไม่ฝันอะไรเลย
   ผมหลับสนิท โดยมีเขานอนจับมืออยู่ข้างๆ
------------------------------------------------------------
   หนึ่งสัปดาห์แห่งการพิจารณาโบนัสผ่านไปอย่างทรมาทรกรรมสิ้นดี ผมคิดว่าตัวเองคงใกล้ได้ย้ายไปที่สวนสัตว์เชียงใหม่ เผื่อรัฐบาลจีนขอตัวหมีแพนด้าคืนก่อนกำหนด คงจะพอเอาผมไปทดแทนได้บ้างล่ะมั้ง
   ไม่ได้ทดแทนตรงความน่ารักนะ ทดแทนเรื่องเบ้าตาดำๆ ต่างหาก
   วันนี้ผมงดดื่มกาแฟ เพราะกลัวคาเฟอีนเกินในกระแสเลือดจนต้องเข้าโรงพยาบาลแบบปีที่แล้ว ดังนั้น พอตกบ่ายก็แทบจะเอาหัวโหม่งโต๊ะ เพราะง่วงสิ้นดี
   เอาน่า อย่างน้อยผมก็พิจารณาเรื่องโบนัสพวกนี้เสร็จทันกำหนดล่ะ
   ผมเค้นพลังเฮือกสุดท้ายเขียนหนังสือพิจารณาโบนัสให้กับอาจารีย์และนพรัตน์ แต่ทำงานกับผม อย่าคิดว่าจะได้โบนัสกันง่ายๆ ผมนั่งเขียนรายงานความประพฤติของอาจารีย์ ก่อนจะเขียนจำนวนเงินโบนัสไว้ด้านหลัง แน่นอนว่าผมทำสำเนาหนังสือพวกนี้เอาไว้ด้วย ถ้าไม่พอใจก็เอาไปดูได้เลย จะได้รู้ว่าพฤติกรรมที่ผ่านมามันสมควรจะได้เท่าไหร่กันแน่
   เอาล่ะ สามเดือนนี้อาจารีย์ทำงานดีพอสมควร ถึงจะพลาดมากกว่าไตรมาสที่แล้วอยู่สักหน่อย แต่รวมๆ ในรอบปีที่ผ่านมาก็ถือว่าดีกว่าปีที่แล้ว ผมให้โบนัสเพิ่มก็แล้วกัน
   ผมเขียนจบก็เกือบสัปหงก จนเจ้านพรัตน์ที่นั่งจัดกองหนังสือขอโบนัสที่ผ่านการพิจารณาแล้วเพื่อส่งให้คณะผู้บริหารอ่านกันอีกรอบหนึ่งหันมาทักผม
   “ไหวรึเปล่าครับ?”
   “อือ” ผมส่งเสียงงึมงำ พยายามจะทำว่ากำลังตื่นเต็มที่ แต่หนังตาจะปิดอยู่มะรอมมะร่อ พอแก่ตัวแล้วให้อดตาหลับขับตานอนแบบนี้นานๆ ร่างกายมันก็ไม่สู้เสียแล้ว สมัยก่อนตอนเปิดบริษัทใหม่ๆ ผมไม่นอนสามวันยังไม่ออกอาการขนาดนี้เลย นี่ขนาดนอนก็นอนแล้ว ผู้ช่วยก็มีแล้ว ตายังจะปิดเสียให้ได้
   เวลานี่มันทำร้ายคนจริงๆ
   แต่ผมยังเหลือต้องพิจารณาโบนัสเจ้านพรัตน์อยู่ ผมนั่งเอาปากกาจิ้มๆ กระดาษ พยายามนึกว่าเขามีอะไรควรจะพิจารณาเพื่อให้โบนัสบ้าง แต่นึกไปไม่เท่าไหร่ หัวก็จะหล่นไปโขกกับโต๊ะทุกที ท่าทางของผมคงทุเรศทุรังเต็มที เจ้านพรัตน์เลยต้องเดินมาถาม “ไม่ไหวก็พักก่อนเถอะครับ”
   ผมสั่นศีรษะ พยายามจะสู้รบกับหนังตาที่จะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่อย่างสุดกำลังความสามารถ พอเห็นว่าถ้าไม่ใช้ตัวช่วยคงไม่ไหว เลยหันไปถามหาผ้าเย็นกับเขา นพรัตน์กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปหาผ้าเย็นนอกห้อง ขณะที่ผมต้องเอายาดมมานวดขมับ ปลุกปลอบตัวเองให้ทนเขียนหนังสือจ่ายโบนัสฉบับสุดท้ายให้เสร็จก่อนจะจอดเพราะอาการง่วง
   พอได้ผ้าเย็นมาช่วย ผมเลยพอมีแรงเขียนพฤติกรรมของเจ้านพรัตน์ต่อ ตัดเรื่องส่วนตัวที่ไปรับไปส่งผมบวกเรื่องอื่นๆ ออกไปก่อนเลย เหลือแต่เรื่องที่ทำงาน อืม... เขาก็ทำงานพอใช้ได้ ถ้าเทียบกับคนวัยเดียวกัน แต่ผมไม่คิดว่าอายุจะเป็นข้ออ้างได้ การทำงานควรจะมีมาตรฐานเท่าๆ กันหมด ดังนั้นโบนัสของเขาก็ปกติทั่วไป ไม่พิเศษไปกว่าคนอื่น
   “คุณไพฑูรย์ครับ พักก่อนเถอะครับ” นพรัตน์พูดขึ้นอีก โถ...ผมใกล้จะเขียนหนังสือขอโบนัสให้เขาเสร็จแล้วเชียว แต่ด้วยอาการง่วงอย่างหนัก ผมพูดไม่ออกหรอก ได้แต่โบกมือให้เขาเลิกถามเสียที ถามมากๆ เดี๋ยวก็ตัดโบนัสเสียหรอก
   กว่าจะเขียนจบ ผมว่านายนพรัตน์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะคงลุ้นจนเหนื่อย ว่าหัวผมจะโขกโต๊ะก่อน หรือผมจะเขียนหนังสือจบก่อน ผมเขียนจบก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แทบจะหลับไปทั้งอย่างนั้น
   “ผมไปส่งที่บ้านนะครับ” นพรัตน์เดินเข้ามา ผมพยักหน้า แล้วคว้ามือของเขาที่ยื่นมาให้เพื่อทรงตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินสะลึมสะลือเกาะไหล่เจ้านพรัตน์ไปที่รถ พอขึ้นรถแล้วผมก็หลับน็อกไปเลย มารู้สึกตัวอีกทีตอนถึงบ้านนั่นแหละ
   “คุณไพฑูรย์ เข้าบ้านก่อนนะครับ”
   ผมลืมตาขึ้นมองเขาแบบยากลำบากเต็มที ก่อนจะพยักหน้า แต่ขยับตัวไม่ไหวเอาเสียเลย ความง่วงจู่โจมร่างกายผมอย่างหนัก ผมเลยพยายามจะยกมือขึ้น บอกให้เขาช่วยเอาผมออกไปที นพรัตน์หัวไวอยู่แล้ว พอผมทำท่าแบบนั้นก็รีบเข้ามาประคองผมออกไปจากรถ เออ แบบนี้ค่อยคุ้มกับที่จ้างมาเป็นผู้ช่วยหน่อย
   นพรัตน์ประคองผมขึ้นไปถึงเตียงนอนที่อยู่ชั้นบน ตอนแรกเหมือนเขาอยากจะให้ผมอาบน้ำอาบท่าก่อน แต่ร่างกายผมย่ำแย่เต็มที พอถึงเตียงนอนก็ไม่อยากจะลุกแล้ว เขาเลยต้องถอดเสื้อนอกให้ผม ดึงเนกไทออก ปลดกระดุมเสื้อออกบางส่วน แล้วก็เอาเข็มขัดไปให้พ้นเอวผมเสียที
   เฮ้อ แบบนี้ค่อยสบายตัวหน่อย
   แล้วผมก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว ขนาดง่วงจนแทบหลับกลางอากาศ ผมยังอุตส่าห์ฝันอีก ฝันว่าใครบางคนก้มลงเหนือตัวผม จูบหน้าผาก จูบปลายจมูก จูบแก้มผมเบาๆ จากนั้นก็ผละออกไป เออ ฝันแปลกดีแท้ หลังจากนั้นผมก็หลับสนิท จำอะไรไม่ได้อีกเลย
--------------------------------------
   ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าด้านนอกสว่างจ้าแล้ว ลุกขึ้นมานั่งสะลึมสะลืออยู่ได้สักพักถึงเห็นว่ายังสวมชุดเดิมอยู่ จากนั้นผมถึงได้นึกจะหันไปมองนาฬิกา สิบเอ็ดโมงเข้าไปแล้ว จำได้ว่าเมื่อวานออกจากบริษัทสักสามสี่โมงเห็นจะได้ นี่ผมหลับลืมโลกไปเป็นสิบชั่วโมงเลยหรือนี่ เอาน่ะ ยังดีกว่าปีที่แล้วที่พอจัดการงานจบก็เข้าโรงพยาบาลล่ะ
   ผมตื่นขึ้นมาก็หิวท้องกิ่ว นึกสงสัยว่าตอนนอนใช้พลังงานอะไรนักหนา เลยลุกออกจากเตียงไปอาบน้ำแปรงฟัน กะว่าเดี๋ยวจะออกไปหาอะไรรองท้องเสียหน่อย
   ขณะที่กำลังสวมชั้นใน ประตูก็ถูกเปิดเข้ามา
   “?!”
   ผมหันไปจ้องเขม็ง เจ้านพรัตน์พอเห็นว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ก็หน้าแดงวาบ แล้วรีบปิดประตูทันที เออ จะเปิดก็เปิดเข้ามา ไม่รู้จักเคาะอีกแล้ว เกิดเป็นตากุ้งยิงล่ะผมไม่รับผิดชอบหรอกนะ
   ผมสวมเสื้อผ้าเสร็จ ก็ค่อยออกมาเปิดประตู เห็นเจ้านพรัตน์ยืนหน้าแดงเป็นแตงโมอยู่หน้าห้อง พอเห็นหน้าผมก็รีบแก้ตัวเป็นพัลวัน
   “ผมคิดว่าคุณหลับอยู่ ก็เลย...”
   “ก็เลยไม่เคาะประตู”
   “ครับ”
   เชื่อเลย ผมน่ะควรจะอายหน้าแดงที่ถูกมองตอนกำลังใส่ชั้นในแท้ๆ แต่หมอนี่ดันทำอย่างกับว่าตัวเองกำลังแก้ผ้าอยู่ แล้วผมเปิดเข้าไปเจองั้นแหละ อะไรของเขานะ
   “แล้วจะขึ้นมาทำไม” ผมถามต่อ
   “ก็ว่าจะมาเรียกคุณลงไปทานข้าว เห็นว่าใกล้เที่ยงแล้วน่ะครับ”
   “อ้อ” ผมค่อยมานึกได้ว่าเมื่อวานให้เจ้านพรัตน์มาส่งที่บ้าน เจ้านี่ก็บริการดีส่งถึงหน้าเตียง แถมเช้ามาอุตส่าห์ปลุกผมทานข้าวอีก บริการดีเกินหน้าที่สมควรได้รับคำชมจริงๆ แต่ผมดันเป็นพวกที่นึกคำติได้ก่อนคำชมน่ะสิ
   “นี่กลับบ้านไปรอบหนึ่งแล้ว หรือว่าค้าง?” พอนึกไม่ออกว่าจะชมอะไร ผมเลยตั้งคำถามกับเขาต่อ
   “เมื่อคืนค้างครับ แต่เมื่อเช้าแวะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อ”
   “อ้อ...” ผมพยายามไม่คิดว่าเมื่อคืนเขานอนที่ไหน คงจะโซฟาด้านล่างนั่นแหละ “แล้วทานอะไรรึยัง”
   “ข้าวเช้าทานแล้วครับ”
   “อืม... งั้นเดี๋ยวออกไปหาข้าวเที่ยงทาน” ผมว่า รู้สึกท้องไส้โครกครากเต็มที นพรัตน์สั่นศีรษะ “ไม่ต้องออกไปหรอกครับ แดดร้อน ผมเตรียมอาหารเที่ยงไว้แล้วล่ะ?”
   ผมเลิกคิ้ว มองเขาอย่างงงๆ นพรัตน์มองผมแล้วยิ้ม “ลงไปทานกันเถอะครับ กำลังร้อนๆ เลย”
--------------------------------------
   บนโต๊ะมีกับข้าวอยู่สามอย่าง ผัดผักรวม ต้มจืด แล้วก็ปลาทอด กำลังร้อนๆ กลิ่นงี้ฉุยมาเชียว พอได้กลิ่นแล้วกระเพาะผมก็แทบเต้นระบำได้ นพรัตน์จัดแจงตักข้าวสวยในหม้อให้ผม ที่ยังมีควันกรุ่นๆ ท่าทางผมจะหิวจัดเพราะใช้พลังงานไปกับการนอนจริงๆ พอเห็นกับข้าวตรงหน้า กับข้าวสวยร้อนๆ ตรงหน้า ก็ก้มหน้าก้มตาทานโดยลืมจุกจิกเรื่องร้านที่ไปซื้อเสียสนิท
   นพรัตน์ทานไป นั่งมองผมไป ราวกับว่ากระเพาะติดกันกับผม แต่ผมกำลังหิวหน้ามืด ไม่มีเวลาตั้งคำถามแขวะเขาหรอก รอจนทานหมดจานนั่นแหละ ถึงได้หันไปถาม
   “คุณนพ ซื้อกับข้าวที่ไหนน่ะ?”
   “อร่อยรึเปล่าล่ะครับ”
   “อือ”
   “ผมทำเอง”
   “?”
   “ผมพูดจริงๆ นะ คุณอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ”
   สงสัยผมคงทำหน้าเหมือนเห็นฮิปโปกินไดโนเสาร์อยู่ล่ะมั้ง “ทำเองจริงๆ รึ?”
   “หลักฐานมีนะครับ กองเต็มครัวยังไม่ได้ล้างเลย” เจ้านพรัตน์ว่า คราวนี้ผมยอมเชื่อ เพราะขี้เกียจเดินเข้าไปดูสภาพครัว กลัวจะเป็นลมก่อน
   ผมอึ้งไปสักพัก อาจจะเพราะหิวเลยหน้ามืดกินอาหารฝีมือเขาเข้าไปได้ แต่กับข้าวเมื่อครู่ก็คงอร่อยจริงๆ นั่นแหละ เพราะคนอย่างผม ต่อให้หิวหน้ามืดขนาดไหน ก็ไม่มีทางชมอาหารที่ไม่ถูกปากออกมาเด็ดขาด ให้นกออกลูกเป็นกิ้งก่ายังง่ายว่าให้ผมชมใครเลย
   “ไปหัดมาจากไหนล่ะ?” ผมถามต่อ เจ้านพรัตน์ที่ไม่เอาอ่าวสุดๆ เรื่องทำอาหาร จู่ๆ ก็มาทำกับข้าวให้ผมที่สุดแสนจะเรื่องมากแทบจะหาตัวจับยากสุดๆ ทั้งโลกมนุษย์ สวรรค์ บาดาลทาน มันน่าแปลกใจน้อยเสียเมื่อไหร่ เขาเอาเวลาที่ไหนไปเรียนกันนะ
   “ดูมาจากคุณนั่นแหละครับ” นพรัตน์ตอบยิ้มๆ “คุณขยันสอนผม แต่ผมก็ยังไม่เคยลองทำให้คุณทานสักที วันนี้เลยลองดู ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะอร่อยขนาดนี้หรอก”
   ผมชักนึกหวั่นใจ อีกสองชั่วโมงท้องผมจะเสียไหมนี่ นพรัตน์ยิ้มกระมิดกระเมี้ยน เอาอีกล่ะ ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักแอะ ทำท่าแบบนี้อีกแล้ว อยากถูกถีบมากนักหรือไงนี่
   “ผมเข้าใจความรู้สึกคุณล่ะ เวลาทำอาหารให้ผมทาน คุณก็มีความสุขเหมือนกันสินะ”
   ผมปวดหัวเพราะความไม่เอาอ่าวเวลาช่วยงานครัวของเขาต่างหากเล่า! แต่เห็นว่ารอบนี้เขาพยายามได้ดี ผมจะชมเขาสักหน่อยแล้วกัน
   “ทำอาหารได้แบบนี้ รับรองหาแฟนไม่ยาก เชื่อผม”
   “จริงเหรอ?”
   เอาล่ะสิ ผมพูดไม่คิดอีกแล้ว แต่อย่าหวังว่ารอบนี้จะได้ตอกผม ผมมั่นใจว่าอ้าปากได้เร็วกว่าเขาแน่นอน
 “เออ แต่คนแก่กว่าเขาทำอาหารเก่งอยู่แล้ว อย่าไปหวังเสียให้ยากเลย”
   พูดไปอยากจะสำลักน้ำลายตัวเอง ผมเหลือบมองนายนพรัตน์ คิดว่าเขาคงจะสำนึกตัวบ้าง แต่ก็เปล่าเลย หมอนี่ยิ้มอีกแล้ว ชอบขบปากแล้วยิ้มจริงๆ ให้ตายสิ
   “อือ คุณทำอาหารอร่อย ผมชอบทานอาหารฝีมือคุณนะ เย็นนี้ไปซื้อมาทำกันเถอะ”
   ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องจริงๆ ผมนั่งขบฟันกึกๆ หาจังหวะตอบโต้ เพิ่งพ้นมรสุมงานมา ก็ต้องมาเค้นสมองสู้รบกับเจ้าเด็กรุ่นลูกนี่อีกแล้ว มีไอ้เรื่องพวกนี้มากระตุ้นสมองได้แทบตลอดเวลา คนอย่างผมคงบอกลาโรคอัลไซเมอร์ได้ ผมควรภูมิใจนะเนี่ย
   “คุณนพ คุณทำอะไรในครัวผมพังบ้างรึเปล่า?” ผมว่าสู้กับเขาเรื่องเดิมมันเสียเปรียบ ผมเปิดเวทีใหม่ที่ผมได้เปรียบดีกว่า นพรัตน์รีบสั่นศีรษะ “ไม่มีนะ ไม่เชื่อไปดูเลยครับ”
   คิดจะท้าผมยังเร็วไปอีกสิบปี ผมมันสุดยอดนักจับผิด มาท้ากันแบบนี้ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ ผมหมายหมั้นปั้นมือจะเอาคืนเขามานานแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้น เดินไปที่ครัวทันที
   โอ้แม่จ้าว บอกผมที นี่ครัวหรือสนามรบ!!
   ผมลมแทบจับ เข่าอ่อนกะทันหันจนต้องเอามือจับกรอบประตู เจ้านพรัตน์ทำอะไรกับบ้านผมเนี่ย ทั้งหม้อ จาน เขียง มีด เศษผัก สารพัดจะเลอะเทอะ ผมหันกลับมามองเจ้าของเรื่องที่ตอนนี้ยืนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ข้างๆ
   “ไม่มีอะไรเสียจริงๆ นะครับ ผมกะว่าทานให้เสร็จก่อน แล้วค่อยล้างทีเดียวพร้อมจาน”
   ผมหันกลับไปมองครัวอีกรอบ ไอ้ตรงที่เป็นอ่างล้างจานมันยังมีที่ว่างพอจะวางอย่างอื่นลงไปเพิ่มโดยไม่ถล่มลงมาได้อีกหรือ
   “คุณไพฑูรย์ไปนั่งเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการให้” นพรัตน์ว่าและรีบดึงตัวผมกลับเข้าไปในบ้าน สงสัยจะกลัวผมตวาดแว๊ดออกมา ไม่ก็กลัวผมเส้นเลือดแตกเพราะความตกใจ
   ผมหันมามองเขา ไอ้ตกใจก็ตกใจ อึ้งก็อึ้งอยู่หรอก แต่จะโกรธเลยก็ใช่ที่ เขาอุตส่าห์พยายามทำกับข้าวให้ผมทาน ผมก็รู้อยู่แล้วว่านายนพรัตน์ไม่เอาอ่าวเรื่องนี้ ผมว่าเขาทำอาหารออกมาให้ผมกินได้ก็มหัศจรรย์มากแล้วล่ะ ส่วนเรื่องครัว.....
   เอาน่ะ ค่อยๆ ล้างเดี๋ยวก็สวยสะอาดเหมือนเดิม
   “ไม่เป็นไร ช่วยกันล้างดีกว่า” ผมบอกเขาก่อนเขาจะอุ้มผมมานั่ง นพรัตน์ทำหน้าเกรงอกเกรงใจเช่นเคย “ไม่เป็นไรหรอกครับ ลำบากคุณเปล่าๆ “
   “ผมช่วยน่ะถูกแล้ว คุณจะได้ไม่แอบทำลายหลักฐานว่าทำอะไรพังบ้าง”
   นพรัตน์หัวเราะแหะๆ ผมเลยเดินเข้าไปในครัว มองหาไม้กวาดเพื่อจัดการกับพวกเศษผักที่ร่วงอยู่ตามพื้น ขณะที่นพรัตน์ไปหยิบถุงมือยางมาใส่ เตรียมจะล้างใหญ่อ่างล้างจาน
   การลงมือถล่มครัวของนพรัตน์ทำได้ผมมีโอกาสได้ล้างครัวใหม่ หลังจากไม่ได้ล้างใหญ่มานานแล้วเหมือนกัน เราง่วนกันอยู่จนเกือบบ่าย ทุกอย่างถึงกลับมาสะอาดเอี่ยม
   ผมยืนชื่นชมครัวที่เหมือนได้ใหม่อยู่พักหนึ่ง แล้วถึงเดินมาล้างหน้าล้างตา พอหันมาอีกทีก็เห็นเจ้านพรัตน์ยืนอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่
   “มีอะไรอีกล่ะ?” ผมถาม ระแวงว่าเขาจะยิงคำพูดที่ทำให้ผมอ้าปากไม่ออกอีกรึเปล่า
   “ขอปลาสเตอร์หน่อยได้ไหมครับ?”
   “โดนจานบาดหรือไง”
   “เปล่าครับ โดนมีดบาด”
   “ตอนไหนเนี่ย?”
   “ตอนทำกับข้าวน่ะครับ”
   “แล้วทำไมไม่รีบบอก” ผมล่ะปวดหัวจริงๆ สรุปว่าเขาโดนมีดบาด แล้วทนทำกับข้าวจนเสร็จ จากนั้นช่วยผมล้างนั่นล้างนี่ แล้วเพิ่งมาขอปลาสเตอร์ เชื่อเลยคนเรา ผมเดินเข้าไปหาเขา
   “ไหน ขอผมดูหน่อย”
   นพรัตน์ยื่นมือซ้ายออกมา ผมเห็นเลือดซึมๆ อยู่ที่นิ้วชี้ เลยจับเขาเข้าห้องน้ำ ล้างทั้งแผลล้างทั้งมือ ฟอกสบู่จนสะอาด แล้วเดินไปหยิบกล่องยาที่อยู่ในตู้ใกล้ประตูครัวออกมา
   “เอาล่ะ นั่งๆ เดี๋ยวผมทำแผลให้”
   นพรัตน์นั่งลงตรงเก้าอี้โต๊ะทานข้าว ยื่นมือมาให้ผม โชคดีที่มีดคม แผลเลยเรียบ ผมว่าสักวันสองวันก็น่าจะหาย ไม่ลึกไม่ยาวเท่าไหร่ ผมหยอดยาให้เขาแล้วปิดพลาสเตอร์ จากนั้นก็ตบเบาๆ “หายซะนะ เพี้ยง”
   นพรัตน์หัวเราะ แหม... ผมรึก็อยากทำตัวเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ว่ามนต์ให้เด็กๆ มันบ้าง ทำมาหัวเราะอีก เห็นเป็นเรื่องตลกไปได้
   “คุณไพฑูรย์..”
   เออ เขาน่ะคนโดนมีดบาด ส่วนผมน่ะคนทำแผล ทำเสร็จแล้วไอ้คนโดนมีดบาดดันยุดมือคนทำแผลเอาไว้ คิดจะให้ผมติดปลาสเตอร์เป็นเพื่อนหรือไง คนอย่างผมไม่ซุ่มซ่ามขนาดทำมีดบาดมือตัวเองหรอกนะ
   “ผมอยากได้โบนัส”
   แน่ะ ทำมาขอโบนัส ทำหน้าอ้อนกว่านี้ก็ไม่ขึ้นให้แล้วล่ะ ผลงานแค่ไหนให้แค่นั้น ตามมาดูแลถึงบ้านก็ไม่ช่วยหรอกนะ
   “ผมทำเรื่องไปแล้ว คุณได้พอสมควรแล้วล่ะ” ผมตอบ เขาสั่นศีรษะ
   “เปล่า ผมไม่ได้หมายถึงโบนัสที่บริษัท ผมหมายถึงโบนัสที่คุณจะให้ผมน่ะ”
   เฮ้ย นี่ผมต้องให้โบนัสเขาด้วยหรือ ผมเป็นเจ้านายเขาจริง แต่ไม่ใช่นายจ้างเขานะ
   “ผมไม่เคยบอกว่าจะให้โบนัสส่วนตัวกับคุณนะ” ผมว่า แต่จริงๆ ผมก็คิดว่าน่าจะให้เขาบ้าง เล็กๆ น้อยๆ กับการที่เขาช่วยเหลือดูแลผมอย่างดีมาหลายเดือน แต่ขอผมหาคำพูดดีๆ ที่มันดูไม่น่าเกลียดให้ได้ก่อน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่7-หน้า5 6/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 07-06-2011 19:14:04
   “คุณไม่ได้พูดหรอก แต่ผมอยากขอ”
   อ่อ... แล้วก็ไม่บอกแต่แรก ปล่อยให้ผมนึกสงสัยอยู่ได้ว่าเคยพูดเอาไว้ตอนไหน
   “จะเอาเท่าไหร่ล่ะ?” ถึงเวลาผมทำตัวเป็นเจ้าสัวใจป้ำ เขาดูแลผมนอกเวลางานมานาน สมควรที่ผมจะเอาเงินส่วนตัวจ่ายเป็นโบนัสให้กับเขา แบบนี้ยุติธรรมดี รับรองไม่มีใครกล้าติผมแน่
   เจ้านพรัตน์ทำท่ากระมิดกระเมี้ยน หน้าแดงขบปากอีกตามเคย แน่ะ อ้าปากขอเองแท้ๆ พอถามว่าจะเอาเท่าไหร่ดันทำมาเหนียม จะขอให้ผมยกทรัพย์สมบัติให้หรือไง เวลาห้าหกเดือนคิดจะมาเป็นทายาทสมบัติผมยังเร็วไป ผมยังไม่พร้อมยกหม้อไหจานชามพวกนี้ให้ใครหรอกนะ เพราะมั่นใจว่าตัวเองน่าจะอยู่อีกนาน
   คนอย่างผมมันอายุยืน ตายยากอยู่แล้ว อย่ามาหวังสมบัติเสียให้ยากเลย
   “ผมไม่เอาเงินหรอกนะ”
   “จะเอาของ?”
   “ไม่เอาเหมือนกัน”
   “แล้วจะเอาอะไร?”
   “คุณ”
   “.........................”
   “ผมอยากใช้เวลาช่วงวันหยุดยาวนี้กับคุณ นะครับ”
   เออ ถ้าพูดต่อช้ากว่านี้อีกสามวินาทีนะ ผมคงได้ยกเท้าถีบยอดอกเขาไปแล้ว ริอาจเล่นของสูง เดี๋ยวก็ได้ถูกถีบกระเด็นออกนอกบ้านหรอก นพรัตน์เงยหน้าขึ้นมองผม ช้อนตาแบบอ้อนเต็มที่ เหอะ นึกว่าจะขออะไรที่ยากกว่านี้เสียอีก ปกติหมอนี่ก็ไปไหนมาไหนกับผมแทบจะตลอดอยู่แล้ว จะขอทำไมกัน
   “อืม” ผมแค่ส่งเสียงงืมงำไปแบบนั้นแหละ แต่นพรัตน์ดันยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยว เห็นเขายิ้มแบบนี้ทีไร ผมจะเป็นโรคหัวใจทุกที ว่างๆ คงต้องไปให้หมอตรวจบ้างแล้ว ว่าทำไมมันถึงชอบเต้นแรงนัก
   “ขอบคุณนะครับ” เขาว่า ผมยังไม่ทันอ้าปากพูดอะไรเขาก็ดึงมือผมเข้าไปจูบดังจุ๊บอีกแล้ว ผมล่ะกลัวตัวเองเป็นโรคหัวใจจริงเชียว
   เด็กสมัยนี้นี่นะ.. ทำอะไรไม่ห่วงใจผู้ใหญ่แบบผมบ้างเลย
-----------------------------------------------------------
   บ่ายนั้นเรานั่งๆ นอนๆ ดูโทรทัศน์อยู่ในบ้านเพราะอากาศร้อน ผมได้วันหยุดหลังพ้นช่วงสัปดาห์วิกฤตยาวจนถึงปีใหม่ เรียกว่าหยุดยาวกันเป็นสัปดาห์ อาจารีย์กับนพรัตน์ที่เป็นลูกน้องผม อดตาหลับขับตานอนมาพอๆ กันก็พลอยได้อานิสงฆ์ไปด้วย เรียกว่าปิดแผนกไปช่วยคราวเลยก็ว่าได้ ผมว่าหยุดยาวขนาดนี้ ถ้าเจ้านพรัตน์คิดจะย้ายมาอยู่กับผม สงสัยคงต้องขนกระเป๋าเดินทางมาล่ะ พอกำลังจะอ้าปากถามก็เหลือบไปเห็นว่าวางอยู่ใกล้ๆ โซฟาพอดี โอ้โห... เรียกว่าวางแผนมานานหรือคาดไว้แล้วกันแน่เนี่ย
   ผมเมื่อยๆ เลยเอนตัวนอน พอดีว่าโซฟามันสั้น จะไล่เจ้านพรัตน์ลงไปนั่งพื้นก็ใช่ที่ ผมเลยจำต้องหนุนตักเขาแทนหมอน แต่แหม แข็งโป๊กอย่างนี้ ผมขอหมอนมาเสริมด้วยดีกว่า
   นพรัตน์ดูดีอกดีใจที่ได้ทำหน้าที่เป็นหมอนให้ผม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แถมเอามือจับปอยผมผมเล่นอีกต่างหาก หัดเคารพผู้ใหญ่บ้างก็ดี ผมเพิ่งย้อมผม ไม่มีหงอกให้หาหรอกนะ
   “คุณนพ ถามจริงๆ เถอะ คบผู้ใหญ่มันสนุกตรงไหน?” ผมถามเขา เมื่อเห็นว่ารายกายโทรทัศน์ดูจะน่าเบื่อเกินไปแล้ว นพรัตน์ก้มลงมองผม ตอบยิ้มๆ
   “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมชอบ”
   “อกหักแล้วก็ยังไม่เข็ดอีกรึ?”
   “เข็ดนะครับ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ผมชอบของผมแบบนี้นี่”
   “แปลกคนจริง”
   เขาไม่ตอบอะไรผม ได้แต่ยิ้ม เราเงียบกันไปสักพัก ผมเลยเอื้อมมือไปหยิบรีโมทฯมาปิดโทรทัศน์ เพราะเริ่มรำคาญเสียงแล้ว ด้านนอกพอมีลมพัดบ้างหรอก เลยได้ยินเสียงกระดิ่มลมดังกริ๊งๆ ผมไม่ชอบเปิดแอร์ เพราะมันอึดอัด ตอนนี้ข้างโซฟาเลยมีพัดลมทำงานหนักอยู่สองตัว
   “คุณไพฑูรย์ อยู่คนเดียวไม่เหงาหรือครับ?”
   “เหงา แต่ชินแล้ว” ผมว่า มองดูปอยผมสีดำของนพรัตน์ที่ร่วงลงมาปรกหน้า “ตอนอายุรุ่นๆ คุณผมก็เคยอยากหาคนอยู่ข้างๆ อยากมีคนอยู่ใกล้ๆ แต่พอมาถึงตอนนี้ ผมชินแล้วล่ะ”
   “ไม่กลัวตอนอายุมากๆ ไม่มีคนดูแลหรือครับ” เขาแหย่ ผมสั่นศีรษะ “ไม่กลัวหรอก สถานสงเคราะห์คนชรามีเยอะแยะ เก็บเงินไว้สักก้อน เดี๋ยวก็มีคนคอยดูแลเองแหละ”
   “แบบนั้นผมว่ามันไม่ค่อยจริงใจนะครับ”
   “อือ ผมรู้ แต่ทำไงได้ล่ะ คนเราแก่ตัวไปจะหวังพึ่งใครได้”
   “ไม่อยากมีคนอยู่ข้างๆ ไปจนแก่หรือครับ?”
   ผมหัวเราะหึๆ “พูดตอนนี้น่ะมันง่ายคุณนพ คนเราแก่ตัวแล้วอะไรๆ มันก็ไม่ดี ไม่ฟิตเหมือนตอนหนุ่มๆ ดูอย่างผมสิ อายุสี่สิบก็สายตายาวแล้ว”
   “อือ”
   “แก่ตัวไปผมก็หงอก หนังก็เหี่ยว ข้อดีด้านร่างกายก็ไม่เหลือ แต่นิสัยเสียเหมือนเดิม ใครมันจะทน ผมรู้ตัวผมนะว่าผมเป็นยังไง ผมไม่หวังใครมาจริงใจด้วยหรอก”
   “แต่ถ้ามีก็ดีไม่ใช่หรือครับ?”
   ผมมองหน้าเขา แล้วยิ้ม “คุณนพ คุณยังเด็กอยู่เลยนะ เด็กมาก”
   นพรัตน์พยักหน้า “อือ ผมเด็ก ทำยังไงก็แก่ไม่ทันคุณหรอก”
   ผมหัวเราะออกมา ได้ยินเขาพูดต่อ “แต่ความจริงใจไม่ได้วัดกันที่อายุหรอกนะครับ”
   ผมยิ้มให้เขา รู้สึกเอ็นดูเขามากจริงๆ ตาของเขาเหมือนแมว ยิ้มของเขาน่ารัก เขาเป็นเด็กดี ถ้าเขาอายุเยอะกว่านี้สักสิบห้าปี หรือผมอายุน้อยกว่านี้สักสิบยี่สิบปี ผมคง....
   แต่ความจริงคือผมอายุสี่สิบสองจะสี่สิบสามแล้ว เขาเพิ่งอายุยี่สิบสาม ผมรู้ว่าเขาจริงใจ ผมรู้ว่าเขาไม่โกหก แต่เขากับผมห่างกันมากเกินไป ผมไม่กล้าหวังอะไรอีกแล้ว
   สี่สิบปีที่ผ่านมา ผมรู้ดีว่าเวลาคือสิ่งที่เปลี่ยนคนได้มากที่สุด
   ผมห้ามคนอื่นไม่ให้เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่ผมห้ามใจตัวเองได้
   ถึงอย่างนั้น บางเวลาผมก็ยังรู้สึกหวั่นไหวอยู่ดี
----------------------------------------
   ในที่สุด ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนผมก็มีคนมาช่วยใช้ ผมแบ่งซีกตู้ครึ่งหนึ่งให้นายนพรัตน์แขวนเสื้อ แล้วก็ถือโอกาสจัดเสื้อผ้าของตัวเองไปด้วยเลย จากนั้นถึงได้รู้ว่า สมควรได้เวลาซื้อเสื้อผ้าใหม่แล้ว ดังนั้นวันนี้ผมจึงชวนนายนพรัตน์ออกไปเดินซื้อเสื้อผ้าตั้งแต่ห้างฯเพิ่งเปิด
   ผมใส่เสื้อมียี่ห้อ ไม่ใช่ว่าติดหรูหรืออะไร แต่เสื้อพวกนี้เนื้อผ้ามันดีกว่า ทนกว่า ซื้อไปครั้งเดียวใช้ได้นานหลายปี ไม่เปื่อยง่ายขาดง่ายต้องกลับมาซื้อใหม่บ่อยๆ นับเป็นโชคดีที่ที่ห้างฯกำลังจัดลดราคาเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายอยู่พอดี ผมกับนพรัตน์เลยเลือกกันสนุกมือ
   “คุณไพฑูรย์ ผมว่าตัวนี้ก็ดีนะครับ” นพรัตน์ชูเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนพาดลายสีขาวเล็กๆ ให้ผมดู ผมทำหน้ายู่
   “คุณนพ คุณเลือกเสื้อให้เหมาะกับคนวัยผมหน่อยสิ แบบนั้นคุณใส่เองเถอะ”
   นพรัตน์หัวเราะชอบใจ “มันไม่มีไซต์ผมน่ะครับ มีแต่เบอร์S สงสัยหุ่นผมมาตรฐานเกินไป ไม่เหลือมาเซลเลย”
   “ตัวคุณใหญ่ไปต่างหาก เขากลัวเปลืองผ้า เลยไม่ทำออกมาขาย” ผมค่อนแคะ ทั้งๆ ที่ ก็รู้อยู่หรอกว่าหุ่นเขาน่ะมาตรฐาน แต่ผมสิ ตัวเล็กไปหน่อย เอาน่ะ อย่างน้อยก็มีเบอร์ให้ใส่ล่ะ ก็นี่มันเสื้อไซต์ฝรั่ง จะเอามาเทียบกับคนเอเชียรุ่นดั้งเดิมแบบผมได้ยังไง
   “คุณไพฑูรย์ ตัวนี้ล่ะ?”
   ผมหันไปมอง คราวนี้สีม่วงอ่อน ผมล่ะปวดหัวกับเขาจริงๆ “คุณนพ คุณเลือกเสื้อสีลูกกวาดให้ผมใส่ไปงานวันเด็กกับคุณหรือไง”
   นพรัตน์หัวเราะจนเห็นฟันเขี้ยว ผมเห็นนะว่าพนักงานผู้หญิงที่ยืนอยู่แอบมองแล้วยิ้มให้เขาด้วย แหม... ผู้ช่วยผมน่ารักขนาดนี้ เป็นใครใครก็ชอบมอง ผมยังชอบมองเลย แต่มองเวลาเขาไม่ได้มองผมนะ เดี๋ยวโดนจับไต๋ได้
   “งานวันเด็กผมก็ไปนะ ถ้าคุณพาไป” เขาว่า ผมที่เลือกเสื้ออยู่อดไม่ได้ต้องตอกกลับ “ผมไม่พาคุณไปหรอก เด็กตัวใหญ่ขนาดนี้ไม่มีใครเขาให้ของขวัญแล้ว”
   เจ้านพรัตน์หัวเราะโชว์ฟันเขี้ยวเช่นเดิม ดูจะชอบใจที่ได้แหย่ผมจริงๆ แต่ผมไม่สนใจหรอก แหย่ก็แหย่สิ ผมเลือกเสื้อต่อดีกว่า
   “คุณไพฑูร์ สีนี้ๆ “
   คราวนี้สีส้ม ผมล่ะอยากเอากองเสื้อที่เลือกไว้ตีหัวเขาจริงๆ “คุณนพ คุณจะให้ผมแต่งสีรุ้งกินน้ำเลยมั้ย?”
   เขาหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดี “สีรุ้งก็มีนะครับ” เขาว่า และหยิบให้ผมดู ผมรีบพูดทันที “วางเลยนะคุณนพ หยุดซนได้แล้ว”
   นพรัตน์วางเสื้อสีอย่างกับนกแก้วลงตามคำสั่งผม แล้วทำหน้างอนๆ “ผมแค่อยากให้คุณใส่อะไรที่มันดูสดใสหน่อย”
   “เอาไว้ให้รุ่นคุณใส่แล้วกัน ผมน่ะเลยวัยแล้ว” ผมว่า และจัดแจงหอบเสื้อผ้าที่เลือกไว้เตรียมจะไปจ่ายเงิน นพรัตน์เดินเข้ามา
   “มีแต่สีทึมๆ ทั้งนั้นเลย มาๆ เอาที่ผมเลือกไปสักตัวนะ ไว้ใส่ไปเที่ยวด้วยกัน เดี๋ยวผมซื้อให้”
   แล้วเขาก็หยิบกองเสื้อพวกนั้นจากมือผม จากนั้นก็หยิบเสื้อที่เลือกเอาไว้ยัดเข้าไป แล้วเดินไปที่แคชเชียร์ ไม่รอถามผมสักคำ เห็นนะว่าเป็นเสื้อสีชมพู
   “คุณนพ ผมว่าคุณเสียเงินฟรีแน่” ผมค่อนแคะ ตอนที่เขาหยิบเงินมาจ่ายในส่วนของเสื้อตัวนั้นให้ผม นพรัตน์ตอบยิ้มๆ
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรู้ว่าคุณใส่แน่”
   “เหอะ” ผมแค่นเสียงอย่างไร้ความหมาย ขณะเอาบัตรเครดิตให้พนักงาน
   เลือกเสื้อเสร็จผมตั้งใจจะไปซื้อรองเท้าต่อ ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว ซื้อทีเดียวให้ครบไปเลย ตอนเดินเลี้ยวผ่านล็อกขายเสื้อผ้าผู้ชายล็อกหนึ่ง ผมก็สะดุดตากับเสื้อที่อยู่บนหุ่นโชว์
   “คุณนพ ทำไมคุณไม่แต่งแบบนี้บ้าง”
   นายนพรัตน์มองหุ่นโชว์แล้วกะพริบตาปริบๆ จากนั้นหันมามองผม “แบบนี้น่ะใส่ไปเที่ยวพอได้ครับ แต่ใส่ไปทำงานไม่ไหวหรอก”
   ผมพยักหน้าเห็นด้วยเพราะมันเป็นเสื้อแนวแฟชั่น ผมน่ะรู้สึกมานานแล้วว่าเสื้อผ้าเวลาใส่บนหุ่นมันสวย แต่พอเอามาใส่กับคนจริงมันดูไม่ได้ทุกที แต่พอเห็นชุดนี้ ผมว่านายนพรัตน์น่าจะใส่แล้วดูดีกว่าหุ่น
   “คุณชอบรึเปล่า?”
   นพรัตน์ทำหน้าอ้ำๆ อึ้งๆ “ผมไม่รู้จะใส่ไปไหนนี่...”
   “ใส่ไปเที่ยวก็ได้”
   “จะดีหรือครับ มันดูวัยรุ่นไปนะผมว่า” เขาตอบ ผมล่ะอยากจะเขกกะโหลกเขาจริงๆ
   “วัยรุ่นน่ะแหละถูกแล้ว คุณจะรีบทำตัวแก่ไปไหน”
   เขาทำหน้ายู่ “ผมไม่ได้ทำตัวแก่นะ ผมเป็นของผมแบบนี้อยู่แล้ว ใส่เสื้อแบบนี้เดี๋ยวคุณไม่ไปเที่ยวกับผม”
   “ผมยังไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย” ผมตอบ นพรัตน์หันมาทำตาโต ขบริมฝีปากอย่างคนกลั้นยิ้มเต็มที่
   “งั้นผมใส่”
   ผมอดยิ้มให้เขาไม่ได้ สุดท้ายผมก็ซื้อเสื้อผ้าชุดนั้นให้ แลกกับที่เขาซื้อเสื้อสีชมพูให้ผม เราจะได้เจ๊ากันไป นพรัตน์เดินหิ้วถุงเสื้อ ทำท่ากระมิดกระเมี้ยนตามเคย
   “คุณไพฑูรย์ มะรืนไปเที่ยวสวนสนุกกันนะ ผมจะได้ใส่ชุดนี้ เดี๋ยวคุณใส่เสื้อที่ผมเลือกให้ ไปเล่นรถไฟเหาะกัน”
   ผมตีเขาไปทีหนึ่ง “คุณนพ คุณจะฆ่าผมหรือไง อายุปูนผมเล่นรถไฟเหาะไม่ไหวแล้ว”
   “งั้นบ้านผีสิง”
   “ของหลอกเด็กแบบนั้นผมไม่เข้าหรอก”
   “งั้น...ม้าหมุน”
   ผมตีเขาอีกที “จะบ้าเหรอ ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
   นพรัตน์หัวเราะคิกคัก ก่อนจะพูดต่อ “งั้นไปเล่นไอซ์สเก็ตกัน ผมมีบัตรฟรี”
   “บัตรฟรีอีกแล้ว หยุดเลยนะ คนอายุรุ่นผมใครเขาจะไปเล่นของแบบนั้น”
   “แหม คุณแข็งแรงจะตาย เล่นไม่เป็นเดี๋ยวผมสอน จับมือสอนแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เป็นแล้ว”
   “ผมไม่เชื่อคุณหรอก เกิดลื่นล้มไปแข้งขาหักผมก็ลำบากสิ”
   “ไม่มีใครขาหักในลานไอซ์สเกตหรอกนะครับ”
   “ไม่ล่ะ ผมไม่ชอบที่เย็นๆ “ ผมตัดบท นพรัตน์ทำหน้ายู่ๆ อย่างขัดใจเต็มที เขานิ่งไปพักหนึ่งระหว่างที่เราเดินไปซื้อรองเท้า สักพักก็หาที่มาเสนอต่อ
   “งั้นไปปั่นเรือเป็ดกันที่สวนสัตว์”
   ผมอดไม่ได้ต้องขำออกมา “คุณนพ คุณจะรีบไปไหน ค่อยๆ คิดก็ได้ ผมว่ามีที่เที่ยวอีกตั้งเยอะนะ”
   “ก็ผมอยากได้โปรแกรมเลยนี่ครับ อยากใส่เสื้อที่คุณซื้อให้ อยากเห็นคุณใส่เสื้อที่ผมซื้อให้ อยากไปเที่ยวกับคุณน่ะ”
   ผมถอนหายใจออกมา เด็กหนอเด็ก เขายังเด็กอยู่จริงๆ เลย
   “งั้นผมซื้อรองเท้าก่อนแล้วกัน”
---------------------------------------
   เราแวะทานอาหารเที่ยงกันในห้าง จากนั้นก็ขับรถออกมา ตอนแรกผมตั้งใจจะกลับบ้าน แต่เจ้านพรัตน์ขับรถผ่านป้ายโฆษณาแล้วก็เสนอขึ้นมา
   “คุณไพฑูรย์ ไปงานเฟอร์นิเจอร์กันมั้ย?”
   ผมมองตามเขา แล้วพยักหน้า “อืม กลับไปก็ไม่มีอะไรทำ ไปเดินเล่นก็ได้ เผื่อจะซื้ออะไรเข้าบ้าน”
   “อือ” นพรัตน์ส่งเสียง แล้วขับรถต่อไปทันที

   งานเฟอร์นิเจอร์ที่อิมแพคยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ นี่ถ้าบ้านผมมีที่ ผมก็อยากจะซื้อพวกตู้เข้าไปเพิ่มหรอกนะ แต่ละแบบสวยๆ แถมราคาไม่แพง มีให้เลือกเยอะจนตาลายไปหมด เดินไปเรื่อยๆ ผมถึงได้เห็นว่ามันมีงานจิวเวลรี่เข้ามาพ่วงด้วย ดีนะที่ผมไม่มีภรรยา ไม่งั้นกระเป๋าฉีกแน่ เจ้านพรัตน์ดูจะสนใจร้านที่ขายแหวนทองคำขาวเป็นพิเศษ พอผมเห็นราคาแล้วก็ต้องรีบดึงเขากลับ
   “จะซื้อไปทำอะไรน่ะ?”
   นพรัตน์หัวเราะ แก้มแดงเป็นลูกมะเขือเทศอีกเช่นเคย ผมไม่รอให้เขาพูดต่อ รีบเอ็ดซ้ำลงไป “อย่าคิดจะซื้อมาทำอะไรแปลกๆ นะ ผมไม่ใส่แหวน”
   “นิ้วคุณสวยออก ไม่สนจะใส่สักวงหรือครับ”
   นั่นแนะ เข้าร้านแป๊บเดียว หัดทำตัวเป็นนายหน้าค้าเครื่องประดับเสียแล้ว แต่ผมไม่ใช่ผู้หญิง ไม่สนใจเรื่องแบบนี้หรอก
   “ไม่ใส่ นิ้วผมเกลี้ยงๆ แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”
   “แต่ผมอยากใส่ให้นี่”
   “ไม่ใส่”
   “คุณไพฑูรย์...”
   “บอกแล้วไงว่าไม่ใส่”
   “วงเดียวก็ไม่ได้หรือ?”
   “ไม่ได้”
   “งั้นผมใส่เป็นเพื่อน”
   “......................” ผมว่าต้องมีใครใส่น้ำหอมแบบที่ผมแพ้อีกแน่ๆ จมูกมันเลยคันยิบๆ ทำท่าจะจามอีกแล้ว นพรัตน์ยิ้มแต้ ขณะที่ผมยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก
   ชักจะกล้าหาญเข้าไปทุกวันแล้วนะ เด็กคนนี้
   ผมขี้เกียจเห็นเขาถูกล่อไปซื้อแหวนราคาแพงหูฉี่ เลยลากออกมาจากตรงนั้น เดินเลยออกมาหน่อยถึงได้รู้ว่ามีงานเวดดิ้งแฟร์จัดควบกันด้วย
   จัดทีเดียวสามงานนี่เอง หมั้น แต่งงาน เฟอร์นิเจอร์ ครบสูตรเลย เป็นแผนการตลาดที่เยี่ยมจริงๆ
   นายนพรัตน์ท่าทางคิดตกว่าตัวเองควรจะหาเจ้าสาวเป็นตัวเป็นตนได้แล้ว เลยจูงผมตระเวนดูราวกับผมสามารถให้ความเห็นแทนเจ้าสาวได้
   “คุณไพฑูรย์ แพกเกจถ่ายรูปร้านนี้ถูกมากเลยล่ะ ซื้อมั้ย?”
   ผมมองหน้าเขา “หาเจ้าสาวได้แล้วหรือไง”
   เขาไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มเขินๆ ผมเลยตั้งข้อสังเกต “เจ้านี้อย่าซื้อเลย แต่งรูปไม่ค่อยสวย แต่งเสียหลอก ไม่รู้ตัวจริงจะหน้าตาดีอย่างนี้รึเปล่า?”
   “ที่ไหนเขาก็แต่งรูปกันทั้งนั้นแหละครับ แต่ผมว่าสวยดีนะ”
   ผมสั่นศีรษะ “ไม่เอาหรอก หน้าผมดีอยู่แล้ว ไม่ต้องแต่งก็ดูดี” เออ ผมพูดไปยังอายปากตัวเองไปเลยนะ แต่นายนพรัตน์รีบพยักหน้าเห็นด้วยทันที ไม่อายแทนผม อายตัวเองหน่อยก็ได้
   “หน้าคุณดูดีตลอดอยู่แล้วล่ะ งั้นเอาร้านไหนดีครับ เอาเป็นแพกเกจใหญ่หรือแพกเกจเล็กดี มีแบบถ่ายในสตูอย่างเดียว แล้วก็ถ่ายนอกสถานที่ด้วยนะ”
   ผมชักนึกสงสัยขึ้นมาตะหงิดๆ ว่านายนพรัตน์เคยทำงานเป็นเซลขายอะไรพวกนี้มาก่อนรึเปล่า หรือรับค่านายหน้ามากันแน่
   “จะไปถ่ายให้เปลืองเงินทำไม อยากถ่ายกล้องก็มี ถ่ายกันเองก็ได้”
   “แหม..ก็อยากจะได้ใส่กรอบใหญ่ๆ ไปติดที่บ้านนี่ครับ”
   “นี่... รูปผมช่วยกันขโมยไม่ได้หรอกนะ”
   เจ้านพรัตน์หัวเราะจนแก้มแดง ผมเลยรีบดึงมือของเขาออกมา เพราะเดี๋ยวจะเสนอขายแพกเกจถ่ายรูปกับผมอีก เผลอๆ จะเสนอขายแพกเกจแต่งงานให้ผมเลยรึเปล่าก็ไม่รู้
   ถึงเขาไม่อาย แต่ผมอายเป็นเหมือนกันนะ
   สุดท้ายผมกลับไปเดินกลับตรงที่ขายเฟอร์นิเจอร์อีกรอบ และได้ตู้ใส่รองเท้ามาใบหนึ่งแทนตู้อันเก่าที่เริ่มผุพังตามกาลเวลา จากนั้นเราก็แวะออกมาหาเครื่องดื่มเย็นๆ ดื่มกันนิดหน่อย แล้วขับรถกลับมาแวะทานอาหารตรงร้านประจำแถวบ้าน
   “คุณไพฑูรย์ ผมรู้แล้วล่ะว่ามะรืนจะไปเที่ยวไหนกันดี” นพรัตน์พูดตอนที่ช่วยผมขนของเข้ามาในบ้าน ตู้ใส่รองเท้าเดี๋ยวอีกสองสามวันเขาจะให้ช่างเอาเข้ามาติดให้
   “จะไปไหนอีกล่ะ” ผมถาม เที่ยวทุกวันมันเหนื่อยเกินไป ผมเลยบอกเขาแต่แรกแล้วว่ายังไงก็ต้องพักผ่อนอยู่บ้านบ้าง นพรัตน์ยิ้มกว้าง “ไปล่องเรือชมแม่น้ำเจ้าพระยากัน ผมมีบัตรฟรี”
   “เอาล่ะๆ อยากไปล่องเรือก็บอก ไม่ต้องบอกว่าบัตรฟรีหรอก ผมรู้คุณซื้อเอาทุกที”
   นพรัตน์หัวเราะเขินๆ “ก็ผมกลัวคุณไม่ไป...”
   “ไม่ฟรีผมก็ไป” ผมตอบ เขาเงยหน้าขึ้นมองผม จากนั้นก็...
   จุ๊บ
   เขาไม่ได้จุ๊บปากผมนะ แค่จุ๊บแก้ม แต่ก็เสียงดังชื่นใจดีเชียวล่ะ แหม..เด็กสมัยนี้นี่ เผลอไม่ได้เลยเชียว
   “คุณไพฑูรย์” เรียกอีกล่ะ คราวนี้จะพูดอะไรอีก
   นพรัตน์ยืนขบริมฝีปาก ช้อนตาขึ้นมองผม แก้มก็แดง ทำตัวอย่างกับเด็กหญิงอายุสิบขวบ ตกลงหมอนี่อายุเท่าไหร่กันแน่นะนี่ ผมล่ะเหนื่อยใจแทนพี่ชายพี่สาวเขาจริงๆ ยืนอ้ำๆ อึ้งๆ พักหนึ่ง พอทำท่าจะพูด เสียงโทรศัพท์ก็ดังแทรกขึ้นมา
   ท่าจะเป็นโชคของนายนพรัตน์ เพราะผมเตรียมจะถีบเขาอยู่แล้ว ถ้าเกิดเขาพูดอะไรน่าอายออกมา
   นพรัตน์รับโทรศัพท์ทั้งที่ยังหน้าแดงไม่หาย แต่พอคุยไปได้สักพัก หน้าเขาก็เริ่มซีดลงจนผมอดตกใจไปด้วยไม่ได้
   “จริงหรือครับ...อือ....อืม...ครับ... ได้ครับ ครับ เดี๋ยวผมไป” เขาพูดโทรศัพท์จบก็เงยหน้าขึ้นมองผม ผมไม่เคยเห็นหน้าเขาซีดขนาดนี้มาก่อน ตาเขาเหมือนคนจะร้องไห้
   “คุณไพฑูรย์” เขาเรียกชื่อผม เสียงแห้งจนน่ากตกใจ
   “มีอะไรหรือ?”
   “พี่สาวผมที่อยู่แคนนาดาป่วยหนัก หมอบอกว่าโอกาสรอดห้าสิบๆ “
   ผมยืนอึ้ง พลอยสะเทือนใจกับเขาไปด้วย นพรัตน์เม้มปาก ผมว่าเขาเองก็ตกใจจนไม่รู้จะเริ่มยังไงเหมือนกัน
   “พี่ชายผมจองตั๋วไว้แล้ว ผมต้องบินไปกับเขาคืนนี้”
   “.........”
   “คุณไพฑูรย์”
   “รีบไปเถอะ” ผมพูด และพบว่าเสียงตัวเองแหบพร่าแทบไม่ได้ยิน นพรัตน์มองผม ขบริมฝีปากแน่น
   “พรุ่งนี้ผมคงขับรถมารับคุณไม่ได้แล้ว”
   “ไม่เป็นไรหรอก...”
   “ผมอยากไปเที่ยวกับคุณ”
   “ไม่เป็นไร วันหลังก็ได้...”
   “คุณไพฑูรย์...”
   “จะเข้าไปเอาเสื้อผ้าก่อนไหม?”
   เขาสั่นศีรษะ ตาแดงเรื่อ ผมรู้ว่าเขาสะเทือนใจ เขายังเด็ก ยังเด็กอยู่มากจริงๆ
   ผมไม่เคยเป็นฝ่ายกอดใครมาก่อน แม้กระทั่งหลานตัวเอง ผมไม่ชอบการถูกสัมผัส แต่.... ผมทนเห็นเขาทำตาแบบนั้นไม่ได้จริงๆ
   “ไม่เป็นไรนะคุณนพ พี่สาวของคุณไม่เป็นอะไรแน่ เชื่อผมเถอะ” ผมดึงตัวเขาเข้ามากอด พยายามพูดปลอบเท่าที่สมองจะนึกออกได้ในตอนนั้น นพรัตน์ซุกหน้าเข้ากับอกผม กอดแน่น
   “คุณไพฑูรย์” เสียงเขาพร่าจนผมใจหาย
   “ไม่เอาน่า คุณนพ โตป่านนี้แล้ว ร้องไห้เป็นเด็กๆ ไปได้”
   ได้ยินเสียงเขาสูดหายใจอยู่หลายที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมยกมือขึ้นเช็ดหน้าให้เขา แก้มของเขาเปียก ผมรู้สึกสะท้อนใจจริงๆ นพรัตน์ปล่อยให้ผมเช็ดหน้าสักพัก ก็จับมือผมเอาไว้
   “คุณไพฑูรย์ ผมจะรีบกลับมานะ เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน”
   ผมพยักหน้า “ไม่เป็นไรหรอก ไปดูแลพี่สาวเถอะ”
   เขายกมือผมแนบแก้ม เรายืนนิ่งกันอยู่พักหนึ่ง สักพักเขาก็ขยับออก
   “ผมจะเอาเสื้อที่คุณซื้อให้ไปด้วย จะได้ใส่ตอนกลับมา”
   ผมได้แต่พยักหน้า จากนั้นเขาก็เข้ามากอดผมอีกรอบ ก่อนจะพูดต่อ
   “ผมไปก่อนนะ แล้วผมจะโทรมา”
   “โชคดี เดินทางปลอดภัยนะ...”
   ผมมองดูเขาเดินออกไปขึ้นรถ ขับออกไป ยืนอยู่จนไม่ได้ยินเสียงรถอีก ถึงเดินเข้าไปบ้าน
   บ้านผมเหมือนเดิมทุกอย่าง ตู้รองเท้าที่ซื้อมาใหม่ก็ยังไม่ได้มาติด จะมีแปลกไปก็คงเป็นกองถุงเสื้อผ้าที่ผมเพิ่งซื้อมา แค่นั้นเอง แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม...
   ผมไม่เคยรู้ว่าบ้านตัวเองเงียบขนาดนี้
   เงียบกระทั่งได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น
   ผม..............
------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 07-06-2011 19:46:32
ง่า  :monkeysad:  หลังๆแอบซึ้งอะ
หวังว่าห่างกันคราวนี้จะทำให้คุณไพฑูรณ์รู้ใจตัวเองมากขึ้นนะคะ
ขอบคุณคนแต่งมาก  :pig4:
+1 จ้ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 07-06-2011 20:10:53
โถ่ กำลังซึ้งๆ :sad11:
หวังว่าต่อจากนี้จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนะ
รู้สึกจะมีลางอะไรแปลกๆก็ไม่รู้
+1ให้คนเขียน
อัพยาวและถี่ได้ใจมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 07-06-2011 20:11:31
 :m15:
รีบไปรีบกลับนะคะน้องนพ แต่ไปไกลแบบนี้ คนใจแข็งอาจจะหวั่นไหวก็ได้เน๊อะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 07-06-2011 20:18:14
รีบกลับมานะค๊ะ และต้องปลอดภัยกลับมาด้วยล่ะ
คราวนี้คุณไพรู้ใจตัวเองแน่เลย :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 07-06-2011 20:39:43
ใจอ่อนซักทีน๊าลุง
เด็กนอยน่ารักขนาดนั้นหาไม่ได้ง่ายๆนะค๊า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 07-06-2011 21:18:04
ความจริงคุณไพฑูรย์น่ะรู้ใจตัวเองมาได้ระยะนึงแล้วละ
แล้วก็รู้สึกด้วยว่าด้วยว่าช่วงนี้ชีวิตตัวเองมีสีสันกว่า และไม่โหวงๆเหมือนเดิม 
แต่ด้วยความคิดมากตามประสาคนที่ระมัดระวังการใช้ชีวิต เลยไม่อยากยอมรับความรู้สึกนั้น
คราวนี้แหละ คงเป็นคราวที่คุณไพฑูรย์ต้องยอมแพ้ใจและยอมรับความรู้สึกจริงๆซะที
แอบอิจฉาคุณไพฑูรย์อีกแหละดิฉัน หึ หึ หึ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 07-06-2011 21:20:21
แต่ละตอน ยอดเยี่ยมทั้งคุณภาพและปริมาณ
แถมคนเขียนยังขยันอีก
เรื่องนี้ทำให้มุมมองของเราที่มีต่อพี่ๆ ซีเนี่ยร์ในที่ทำงานเปลี่ยนไป
แต่ก่อนมองแค่ชื่นชมว่าใครเก่งใครขยัน แต่เดี๋ยวมีแอบหื่นปนเล็กน้อย 5555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kenshinkenchu ที่ 07-06-2011 21:37:02
แวะมาดันแอนด์คอนเฟิร์ม เรื่องนี้สนุกทุกตอนเลย :)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 07-06-2011 22:02:44
+1 จ้าาา

ติดเรื่องนี้มาก ตามอ่านทุกวัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 07-06-2011 22:12:23
กำลังไปได้สวย
เหมือนตัดฉับกลับไปซดน้ำมาม่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 07-06-2011 22:16:34
กดบวกให้คนเขียน

ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมันค่อยๆเปลี่ยนไป
ให้หอมแก้มอย่างนี้ ให้จับมือนอนอย่างนี้ เห็นมีนอนหนุนตักด้วย
ปากว่าไม่ แต่การกระทำมันขัดกันนะจ๊ะคุณไพฑูรย์
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยั$
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 07-06-2011 22:30:26

ชอบบบบบบ คะ พยายามตามอ่านเรื่องนี้ให้ทัน
สุดยอด น่ารักมาก ชอบแนวนี้จัง ดูกุ๊กกิ๊กๆกันดี
ไม่หวานเลี่ยนเกิน (ฮา)

ห่างกันไกลแล้วละคราวนี้ คุณไพรฑูรย์จะทนไหวไหมน้อ
เหตุเกิดจากความเหงาที่ทำให้รู้ว่ารักเธอเท่าไหร่
ความห่างไกลมันทำให้ฉันคิดถึงเธอ ~


รออ่านตอนต่อไปอยู่จ้า
+1 ให้ค้าบบบ จุ๊บๆ .
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: skidK ที่ 07-06-2011 22:31:57

อย่าไปนานนะกลัวคุณเค้าจะเหงา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 07-06-2011 22:32:15
ไปแล้ว...อย่าไปลับ
ปล่อยให้เหงาจนไม่เชื่อใจใครอีกเลยนะ
คุนนพ  :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 07-06-2011 22:41:42
คุณไพฑูรย์น่ารักตลอดๆ ปลื้มใจแทนน้องนพ
แต่ตอนท้ายๆแอบซึมๆหวั่นๆ(อีกแระ)
เอาใจช่วยทั้งคู่เลยจ้าาา :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 07-06-2011 22:50:04
ห่างกันสักพัก ห่างกันสักพัก

เอาให้คุณลง เหงาจับจิตไปเลย

จะได้ตกลงกับน้องบ่าวซะที ฮิ้วๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: lastlover ที่ 07-06-2011 23:01:16
คุณไพฑูรย์เป็นคนที่ไม่ค่อยรู้ใจตัวเองเท่าไหร่ หรือไม่ก็กลัวการเจ็บปวด แต่ก็นั่นแหละคงเป้นเพราะวัยที่ห่างกันมากไปทำให้นายเอกของเราไม่สบายใจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 07-06-2011 23:22:21
รีบกลับนะคุณนพ อย่าทิ้งให้คุณไพอยู่คนเดียวนาน ๆ ละ เดี่ยวแกจะรู้ตัวซะก่อนว่าคิดถึง 555+ o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 07-06-2011 23:51:08
กำลังไปด้วยดีแท้ ๆ เลย

 :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-06-2011 23:56:30
เหอๆๆๆ คราวนี้แหละ ลุงแกน่าจะรู้สึกอะไรบ้างแล้วนะ แต่นพอย่าไปนานนะ คิดถึงท่ายิ้มกระมิดกระเมี้ยน  :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 08-06-2011 00:02:04
ตอนอยู่ใกล้กันทุกวันก็สร้างกำแพงไว้กัน แล้วทีนี้เจ้าตัวดีเค้าไม่อยู่แล้วทีนี้ละจะได้รู้ใจตัวเองซักที
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 08-06-2011 00:02:46
กรี๊ดดด เพิ่งมาตามอ่านรวดเดียวจนทัน ชอบๆๆๆๆ เด็กแมวนพ 55+ รีบไปรีบมานะ คุณลุงใจหาย
บวกให้ค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 08-06-2011 00:17:09
คุณไพฑูรย์เริ่มรู้ใจตัวเองบ้างรึยังคะเนี่ย เค้าเป็นห่วงนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 08-06-2011 00:28:23
เพิ่งเห็นว่ามาลงบอร์ดนี้ด้วย
มา +1  :กอด1: ให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MimicClub ที่ 08-06-2011 00:57:08
 :o8:  น่ารักจังเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 08-06-2011 02:37:55
T^T

ทั้งที่คุณไพฑูลย์อ่อนลงแล้วแท้ๆ นะ นพมีการหอมแก้มด้วย

ขอให้พี่สาวนพอย่าเป็นอะไรไปเลยนะ

เฮ้อ รักต่างวัย มีอุปสรรคมากมายจริงๆ ถ้าเป็นผู้หญิงเค้าก็มองว่าเด็กหลอก หรือไม่ก็ตัณหากลับ ทั้งชาย/หญิงนั่นแล

แต่นี่เป็นชายๆ เหมือนกันด้วย งืมๆ จะไปยังไงก็นะคู่นี้

ปอลิง 42 มีหงอกแล้ว แสดงว่าเครียดเกินไปแล้วเน้อ คุณไพฑูลย์ก็ลดๆ ความเครียดลงหน่อยเนอะ เด๋วความดันถามหา

ปอลิง 2 นพ สู้ๆ

ปอลิง 3 คุณไพฑูลย์แอบแรงแหะ มีจะถีบกันด้วย ถนอมๆ พระเอกเราหน่อย 55+

ปอลิง 4 (ยาวจังวุ๊ย) ขออภัยที่ไม่ได้เม้นหลายตอนครับ พอดีอ่านจากมือถือไม่สะดวกที่จะเม้น T^T
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 08-06-2011 03:04:17
อย่าปล่อย"หัวใจ"ไปอีกเลยนะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 08-06-2011 09:24:42
จากกันคราวนี้ขออย่าได้มีอะไรเลยนะ


กำลังไปได้ด้วยดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 08-06-2011 09:44:32
มาม่าใช่มัียๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไม่อาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 08-06-2011 12:19:44
คุณไพทูรย์ ใจเริ่มอ่อนลงแล้วแหละ
แต่นพก็ต้องเดินทางไกล
ขอให้เวลาที่ห่างกัน คุณไพทูรย์รู้ใจตัวเองทีเถอะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 08-06-2011 14:53:54
 :sad11:

ตอนนี้หล่ะคุณไพได้รู้ใจตัวเองซักที

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 08-06-2011 15:10:19
บันไดขั้นที่9
   เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นมาด้วยอาการตื้อๆ ในหัว ท่าทางจะดูโทรทัศน์ดึกไปหน่อย ผมเงยมองนาฬิกา มันบอกเวลาแปดโมงครึ่งแล้ว เอาล่ะ วันนี้ผมตื่นสายกว่าปกติ แต่คงไม่เป็นอะไรเพราะหยุดงาน ผมอาบน้ำแต่งตัว แล้วลงมาด้านล่าง ถุงข้าวของยังคงกองระเกะระกะอยู่ข้างโซฟาเปล่าๆ ผมนึกถึงนพรัตน์ ช่วงหลังๆ นี้ลงมาทีไรก็เห็นหน้าเขานั่งยิ้มอยู่บนโซฟาตัวนั้นทุกที
   ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
   เขาเป็นเด็กน่ารักมากจริงๆ เมื่อคืนตอนที่เขารู้ข่าวพี่สาว ผมเห็นความห่วงหาอาทรเต็มเปี่ยมอยู่ในตัวเขา ผมยังไม่ได้ซักประวัติเขาละเอียด แต่เขามีพี่น้องสี่คน ตัวเองเป็นคนสุดท้อง และเป็นลูกหลง ดังนั้น พี่สาวพี่ชายก็คงเหมือนพ่อเหมือนแม่เขานั่นแหละ เห็นเขาห่วงใยพี่น้องขนาดนั้น ผมก็รู้สึกดีที่รับเขามาเป็นลูกน้อง เขาเป็นเด็กดี เป็นคนดี สมควรที่จะได้รับความรักจากคนรอบข้าง
   เขารีบไปเยี่ยมอาการของพี่สาวแทนที่จะขลุกอยู่กับผม เขาทำถูกต้องแล้วล่ะ
   ถึงเขาไม่ใช่ญาติไม่มีสายเลือดร่วมกับผม ผมก็รู้สึกภูมิใจในตัวเขา ภูมิใจที่มีเขาอยู่ข้างๆ
   ไว้ถ้าเขากลับมาเมื่อไหร่ผมจะชมเขาสักที จะบอกเขาว่าดีใจที่ได้เขามาเป็นลูกน้อง ดีใจที่ได้เจอเด็กดีๆ อย่างเขา
   ผมเดินเข้าครัว หุงข้าวทิ้งเอาไว้ จากนั้นก็เดินมารื้อเสื้อผ้าที่ซื้อเมื่อวาน ผมไม่ชอบกลิ่นเสื้อใหม่ และไม่กล้าใส่โดยที่ยังไม่ซักด้วย เพราะไม่รู้ว่าตอนทำผ่านอะไรต่อมิอะไรมาบ้าง ดังนั้น พอได้เสื้อมาใหม่ ผมจะเอาไปแช่น้ำ ขยำๆ ให้อะไรที่ติดมาหลุดออก ตากให้แห้ง ส่งร้านรีด แล้วค่อยใส่ อย่างนี้ถึงค่อยสบายใจ
   ปกติผมใส่แต่เสื้อสีพื้นๆ ไม่ฉูดฉาด สีเทากับสีขาวเป็นสีที่มีเยอะที่สุดในตู้เสื้อผ้าของผม รองลงมาก็สีกรมท่า สีฟ้าหม่น สีครีม สีน้ำตาลอ่อน คราวนี้ดันมีสีชมพูอ่อนเส้นขาวเพิ่มขึ้นมาอีกสีหนึ่ง ใส่ไปทำงานคงจะดูแปลกพิลึก เอาไว้ใส่ตอนไปรับเจ้านพรัตน์ก็แล้วกัน
   ผมแยกเสื้อออกเป็นสีๆ เอาใส่กะละมังแช่น้ำทิ้งไว้ แล้วเดินออกมายืดเส้นยืดสายหน้าบ้าน หน้าบ้านผมมีสนามหญ้าเล็กๆ แล้วก็มีมะม่วงอยู่ต้นหนึ่ง ปลูกเอาไว้ตั้งแต่ซื้อบ้านใหม่ๆ คงสักสิบกว่าปีได้แล้วมั้ง ผมไม่ค่อยได้ดูแล แค่จ้างคนมาตัดหญ้าเดือนละสองครั้ง น้ำก็รดบ้างไม่รดบ้าง ถึงอย่างนั้นมันก็ออกลูกให้ผมทานแทบทุกปี หวานอร่อยเสียด้วย รู้สึกว่าจะเป็นพันธุ์อกร่องล่ะมั้ง ผมเห็นมันออกดอกเต็มต้น เรียกพวกตัวแตนตัวต่อมาให้หึ่งไปหมด ปีนี้มันคงลูกดกอีกเช่นเคย ก็ดี ผมจะเก็บไว้ให้นายนพรัตน์ ไม่รู้ว่าจะชอบทานมะม่วงด้วยรึเปล่า
   เก็บไว้ให้ก่อนก็แล้วกัน
   ยืนยืดเส้นยืดสาย ดูตัวต่อตอมดอกมะม่วงอยู่ได้พักหนึ่ง คุณน้าข้างบ้านก็เดินมาทักผม เราคุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศว่าปีนี้ท่าทางหน้าหนาวจะมาช้า ซึ่งทั้งผมทั้งแกก็เห็นว่าดีกันทั้งคู่ เพราะหน้าหนาวทีไร มันลำบากเวลาอาบน้ำทุกที ยิ่งแกเป็นเก๊ายิ่งทรมานเข้าไปใหญ่ ดีนะที่ผมยังไม่มีปัญหาเรื่องพวกนี้ แต่ใครจะไปรู้ อนาคตอาจจะเป็นก็ได้ เพราะอย่างนั้นผมเลยพยายามรักษาสุขภาพเต็มที เพราะเวลาป่วย มันไม่มีใครมาป่วยแทนเราน่ะสิ
   เราคุยกันเรื่องหยูกเรื่องยาอยู่พักหนึ่ง ก็มาออกกันที่ต้นมะม่วงหน้าบ้านผม แกบอกว่าหลานอยากได้พันธุ์ไปปลูกที่ที่ดินที่กาญจนบุรี สุดท้ายผมเลยบอกแกว่า รอมันออกลูกก่อน เดี๋ยวผมจะตอนไว้ให้ เพราะตอนตอนนี้กลัวจะเสียลูก แกก็ว่าเดี๋ยวถึงตอนนั้นค่อยบอกแกอีกทีแล้วกัน จากนั้นลูกแกก็เดินมาตามแกไปทานข้าว ผมเลยเข้าบ้านมาทานข้าว ก่อนที่จะกลายเป็นเพื่อนต้นมะม่วง ยืนตากแดดสังเคราะห์แสงกันอยู่ตรงนั้น
   ผมเปิดตู้เย็นพลางนึกขอบใจเจ้านพรัตน์ที่ซื้อของมาตุนเอาไว้เสียมากมาย ตั้งใจว่าวันไหนที่อยู่บ้านจะทำกับข้าวทานกันให้เต็มอิ่ม แต่สุดท้ายก็มีแต่ผมที่ต้องทำเองทานเอง เอาเถอะ อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องออกไปซื้อกับข้าวอีกหลายวันล่ะ
   ทานข้าวเสร็จ ผมก็เอาเสื้อที่แช่น้ำเอาไว้ไปตาก แขวนรวมกันบนราว ไอ้ตัวสีชมพูนั่นก็เด่นกว่าเพื่อน ผมนึกขำตัวเอง ไม่รู้ว่าใส่เข้าไปแล้วจะตลกขนาดไหน เกิดมาผมยังไม่เคยใส่สีพวกนี้เลย
   จู่ๆ ผมก็นึกถึงหน้านายนพรัตน์ที่ชอบทำท่าเขินๆ ใส่ผม ตอนเขาทำผมไม่เคยยิ้มหรอกนะ ตีหน้าตายตลอดด้วยซ้ำ แต่พอมานึกถึงตอนนี้ ผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
   เขาเขย่าหัวใจผมได้รุนแรงจริงๆ นั่นแหละ
   กวาดบ้านถูพื้นเสร็จ ผมก็มานอนดูโทรทัศน์ที่โซฟา เพราะแดดแผดร้อนเสียจนไม่อยากจะออกไปไหน นี่คือข้อเสียและจุดเด่นของหน้าหนาว เป็นหน้าที่ไร้เมฆ ดวงอาทิตย์เลยแผดแสงร้อนแรงตั้งแต่เช้ายันเย็น แถมยังส่องมาทางหน้าบ้านผมอีกแน่ะ พอเที่ยงๆ บ่ายๆ ก็เริ่มร้อนน่าดู ดีว่าพอมีต้นมะม่วงบังอยู่ พัดลมที่มีอยู่สองตัวเลยยังไม่ต้องซื้อเพิ่ม
   ที่ผมเปิดดูเป็นช่องสารคดี เปิดมาก็เจองูเงี้ยวเขี้ยวขอมากันให้เต็มจอไปหมด ดูไปได้พักหนึ่งชักง่วงๆ เลยเปลี่ยนช่อง พอดีกับเจอรายการเพลงเก่า เลยเปิดแช่ไว้แบบนั้น แล้วเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แถมหลับฝันดีอย่างกับตัวเองเป็นพระเอกมิวสิกเพลงลูกทุ่ง นอนหนุนตักเจ้านพรัตน์ตรงกองฟางที่ไหนสักแห่ง ดูดู๋ ผมยังกล้าฝันไปได้
   ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการกระดากตัวเองพอควร แก่จนจะเป็นพ่อเขาได้อยู่แล้วยังมาฝันอะไรแบบนี้อีก ใครรู้เข้ามีหวังไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ไหน มองนาฬิกาก็เห็นว่าสี่โมงเย็นเข้าไปแล้ว ป่านนี้เจ้านพรัตน์จะถึงแคนนาดารึยังหนอ แล้วพี่สาวจะอาการดีขึ้นไหมนะ
   ถ้าพี่เขาเป็นอะไรไป ผมว่าเขาต้องเศร้ามากแน่ๆ
   ผมอยากเห็นเขายิ้ม อยากเห็นเขาหัวเราะโชว์ฟันเขี้ยวอีก
   เพราะอย่างนั้น ขอให้พี่สาวเขาปลอดภัยด้วยเถอะ
--------------------------------------------------
   คืนนั้นผมเข้านอนแต่หัวค่ำ เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ ก่อนนอนยังอุตส่าห์ไปขยับเจ้าตุ๊กตาแมวบนหัวเตียงใหม่ กะมุมว่าเดินเข้ามาจะต้องเห็นว่าหันมามองผมอยู่ ทั้งๆ ที่แต่ก่อนไม่ได้สนใจอะไรกับมันเท่าไหร่เลย ผมก็นี่ก็แปลกคนเหมือนกัน
   เตียงนอนก็นอนมาเป็นสิบปีแล้ว เปลี่ยนเบาะไปหนหนึ่งตอนห้าปีที่แล้วเท่านั้นเอง ผ้าปูที่นอนก็ลายเดิม นอนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยคิดว่ามันกว้าง ทำไมตอนนี้พอมองไปถึงได้รู้สึกกว้างนักไม่รู้ ผมไม่เคยกลัวว่าจะมีสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้มานอนข้างๆ หรอกนะ อยู่มาตั้งเป็นสิบปี แต่คืนนี้ผมต้องไปรื้อหมอนจากตู้มาวางไว้ข้างๆ เพราะจะได้รู้สึกว่าเตียงมันแคบลงบ้าง นอนแล้วจะได้ไม่เหงา
   นอนไปแล้วก็ยังไม่วายนึกถึงมือของเจ้านพรัตน์ที่จับไว้หลวมๆ คืนนั้น นี่ผมเป็นอะไรไปแล้วนะ นั่งคิดนอนคิดถึงเรื่องเขาอยู่ได้ทั้งวัน ท่าทางสิ่งที่เขาพยายามทำมันจะส่งผลกับผมแล้วล่ะ
   ถึงคืนนี้ไม่มีเขานอนข้าง แต่ผมก็ยังรู้สึกอุ่นใจอยู่ลึกๆ
------------------------------------------
   ผมใช้ชีวิตประจำวันเหมือนเดิมทุกอย่าง ตื่นเช้ามาออกกำลังกาย ทำกับข้าว อ้อ ช่วงนี้คงต้องงดออกไปทานข้าวนอกบ้าน เพราะกับข้าวในตู้เย็นมันมีเยอะจนกลัวจะเสีย ก็มันเผื่อไว้สำหรับสองคนนี่นา นายนพรัตน์ทานน้อยเสียเมื่อไหร่ พอเขาไม่อยู่ ความเหงามันก็ชัดเจนขึ้นทันทีในความรู้สึกผม เขาเคยนั่งมองผม ยิ้มให้ผมตอนผมนั่งทานข้าว ไม่รู้ว่าชอบดูอะไรนักเวลาคนทานข้าว ชอบถามคำถามที่ทำให้ผมคันปากยิบๆ แต่ก็ตอบโต้อะไรไม่ได้ บางทีผมก็รู้สึกว่ายังมีเขาอยู่ใกล้ๆ มาแอบยืนมองผม แอบยิ้มเขินๆ อยู่คนเดียว หลายเดือนที่ผ่านมา เขาประสบความสำเร็จในการทำให้ผมชินกับการมีอยู่ของเขาแล้วล่ะ
   พอเขาหายไป ผมเลยต้องมานั่งสู้กับความเหงาในบ้านตัวเองคนเดียวตอนอายุสี่สิบสอง ไม่รู้ว่าควรจะไปโทษใครดี
   ผมเริ่มหาวิธีบำรุงดูแลต้นมะม่วง ไม่กล้ามั่วเองเพราะคุณน้าที่มาคุยวันก่อนบอกว่าตอนมีดอก มะม่วงไม่ต้องการน้ำ วันนี้ผมเลยออกไปร้านหนังสือ หาคู่มือดูแลต้นมะม่วง แล้วยืนอ่านมันตรงนั้นเลย ไม่ใช่ว่าผมงกเงินหรืออะไรหรอกนะ แต่บ้านผมมีต้นมะม่วงแค่ต้นเดียว ไม่ได้มีเป็นสวนๆ ไม่รู้จะซื้อตำรามาทำไม อ่านแค่พอรู้ว่าควรทำอะไรบ้างแบบคร่าวๆ ก็พอแล้ว อ่านไปหลายเล่ม สุดท้ายก็สรุปได้ว่าผมคงไม่ต้องทำอะไรเลย ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาตินั่นแหละ เพราะปีก่อนๆ มันก็ลูกดก หวานอร่อยมาทุกปี แต่ปีนี้ผมว่าจะปีนขึ้นไปห่อมันสักหน่อย ลูกจะได้สวยๆ ให้ใครแล้วไม่น่าเกลียด
   เข้าร้านไปแล้วคนระดับผมยืนอ่านอย่างเดียวก็น่าเกลียด ขากลับผมเลยซื้อหนังสือนำเที่ยวกรุงเทพฯมาหนึ่งเล่ม คนขายคงงง ผมเข้าไปอ่านคู่มือการเกษตร แต่ดันซื้อคู่มือนำเที่ยวกลับมาเสียอย่างนั้น ผมขี้เกียจผจญกับที่เที่ยววัยรุ่นที่นายนพรัตน์นึกน่ะสิ สวนสนุกบ้างล่ะ ลานไอซ์สเกตบ้างล่ะ แต่ละที่ ขืนให้ผมไปก็ได้แต่ยืนเฉยๆ น่ะสิ
   หนังสือเล่มนี้ละเอียดใช้ได้ หลากหลายดีด้วย มีทั้งที่กินที่เที่ยว วัยรุ่นไปได้ ผู้ใหญ่ไปดี ผมเห็นแก่ความเพียรพยายามของนายนพรัตน์ที่นึกสถานที่เที่ยวแบบพยายามเอาใจผมเป็นพิเศษ เอาล่ะ ถึงผมจะไปลานไอซ์สเกต หรือสวนสนุกกับเขาไม่ได้ แต่ผมจะพยายามหาที่เที่ยวที่ทั้งเขาและผมสนุกไปด้วยกันได้
   ถึงผมจะปรับอายุเข้าหาเขาไม่ได้ แต่ผมจะพยายามปรับตัวเองก็แล้วกัน ทั้งหมดนี่เพราะเขาไต่บันไดมาได้สูงเกินความคาดหมายของผมแท้ๆ เชียว
--------------------------------------------------------
   นพรัตน์ไปแคนนาดาได้เกือบสัปดาห์แล้ว เขาเงียบไปจนผมนึกเป็นห่วง ตอนผมไปสัมมนา เขายังคอยเมสเสจหาผม เอาเข้าจริงๆ แล้วเหมือนผมกับเขาจะตัวติดกันแทบตลอดเวลา พอจบจากที่ทำงาน เขาก็มาส่งผมที่บ้าน นั่งคุยอะไรกันเล็กๆ น้อยๆ ทุกวัน เสาร์อาทิตย์ก็มาค้างที่บ้าน เขาไม่เคยขาดการติดต่อกับผม พอเขาหายไปแบบนี้ผมเลยนึกเป็นห่วง
   ก็รู้อยู่หรอกว่าค่าโทรศัพท์ที่ต่างประเทศแพง แถมเขาไปเพราะอาการป่วยของพี่สาว อาจจะไม่มีเวลาโทรหาผมก็ได้ ผมเปิดโทรทัศน์ดูข่าวทุกวัน ไม่เห็นข่าวอุบัติเหตุทางเครื่องบินผมก็สบายใจ เขาคงไปถึงแคนนาดาได้อย่างปลอดภัยนั่นแหละ
   ผมรู้ว่าเขาคงมีเหตุไม่สะดวกหลายอย่างให้ติดต่อกลับมาไม่ได้ แต่ผมไม่ได้ยินเสียงเขามาจะสัปดาห์แล้ว คงไม่น่าเกลียดหรอกมั้ง ถ้าผมจะโทรไปหาเขาก่อน ให้แน่ใจว่าลูกน้องผมถึงที่หมายอย่างปลอดภัยจริงๆ แล้วจะได้ถามอาการของพี่สาวเขาด้วย
   บ่ายวันนั้นผมฝ่าแดดร้อนออกไปศูนย์ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปิดเบอร์ให้โทรออกต่างประเทศได้ หลังจากกรอกข้อมูลและนั่งรอคิวได้พักหนึ่ง เบอร์โทรศัพท์ของผมก็ได้รับการอนุมัติ ผมรีบกลับมาที่บ้าน ไม่กล้าโทรในที่สาธารณะ เพราะเสียงดังโหวกเหวก แถมไม่รู้ว่าโทรแล้วถ้าผมเกิดยืนยิ้มคนเดียว คนอื่นจะหาว่าผมประสาทน่ะสิ
   คนวัยผมมายืนโทรศัพท์หาเด็กรุ่นลูก ใครรู้เข้าอายไปถึงไหนต่อไหน เพราะฉะนั้น กลับมาโทรที่บ้านนี่แหละ ไม่มีใครรู้ใครเห็นแน่
   ผมกลับมาถึงบ้านแล้วก็ยังไม่ได้โทรทันที เพราะไม่รู้ว่าเวลาที่แคนนาดากับเมืองไทยห่างกันกี่ชั่วโมง เกิดโทรไปปลุกเขาเข้ามันจะไม่สวยเอาน่ะสิ ดังนั้นผมเลยโทรไปถามเพื่อนที่เคยไปแคนนาดาก่อน ไอ้เพื่อนผมมันคงนึกงงๆ อยู่เหมือนกันนั่นแหละว่าจู่ๆ ทำไมผมโทรมาถามเรื่องนี้ ผมเลยเนียนไปว่ามีหลานไปเรียนต่อที่นั่น มันเลยถามผมว่าเมืองอะไร เท่านั้นแหละ ผมก็อึ้งกิน นายนพรัตน์ไม่ได้บอกผมด้วยสิว่าเมืองอะไร พอเห็นผมอ้ำๆ อึ้งๆ เพื่อนมันก็หัวเราะแล้วบอกให้ผมถามหลานมาด้วย เพราะแคนนาดามันกว้าง บางเมืองก็ห่างมากบางเมืองก็ห่างน้อย ผมขี้เกียจฟังมันกระแนะกระแหนความซื่อบื้อของผม ก็เลยถามไปตรงๆ ว่าตกลงมันเฉลี่ยที่เท่าไหร่ สุดท้ายเลยได้ความกลับมาว่าประมาณสิบสองถึงสิบห้าชั่วโมง จากนั้นก็เหน็บผมต่อว่าลองย้ายไปอยู่สิ จะได้เด็กลงตั้งครึ่งวัน โถ... มันก็อายุพอๆ กับผมนั่นแหละ ทำมาเหน็บคนรุ่นเดียวกันไปได้
   และถึงผมย้ายไป ก็ใช่จะเด็กลงทันเจ้านพรัตน์เสียหน่อย ผมอยู่ของผมแบบนี้แหละดีแล้ว
   พอรู้ว่าเวลาห่างกันขนาดนั้นผมก็มองนาฬิกาอย่างอึ้งๆ หกโมงเย็นแล้ว เพิ่งเลยเวลาเอาธงลงจากเสาไปสักสิบห้านาทีเห็นจะได้ ถ้านายนพรัตน์อยู่มอนทรีอัลหรือโตรอนโต้ ที่นั่นก็คงประมาณหกโมงเช้านี่แหละ เขาคงยังไม่ตื่นหรอก หรือถ้าตื่นก็คงง่วนอยู่กับการจัดการตัวเอง โทรไปก็คงไม่เหมาะ รอสักทุ่มสองทุ่มน่าจะดีกว่า
   แต่ถ้านายนพรัตน์เกิดอยู่แถวแวนคูเวอร์ ที่นั่นคงเก้าโมงเช้าเข้าไปแล้ว เอาน่ะ เผื่อไปอีกสองชั่วโมงก็เที่ยง ยังโทรได้ไม่น่าเกลียด ดีกว่าโทรไปปลุกตอนเช้าล่ะ
   ผมเลยไปหาอะไรทานรองท้อง พักนี้ผมเริ่มงดมื้อเย็นแล้ว เพราะกลัวหุ่นจะเพิ่ม พออายุมากอะไรๆ มันก็ขึ้นง่าย น้ำหนักกับชั้นไขมันนี่ตัวดี สมัยก่อนหนุ่มๆ กินไปเถอะ เท่าไหร่ก็หายหมด พออายุเยอะ กินอะไรมันก็ออกมา เรียกว่าไม่มีหาย เข้าไปเท่าไหร่ก็แสดงออกมาเท่านั้น ผมไม่อยากตามเพื่อนรุ่นเดียวกัน เลยพยายามดูแลรักษาทั้งสุขภาพและรูปร่างอย่างเต็มที่
   สุดท้ายผมรื้อเจอฝรั่งในตู้เย็น ก็ของนายนพรัตน์อีกนั่นแหละ ผมเลยผ่าเป็นซีกๆ แล้วเอามานั่งทานหน้าโทรทัศน์ รอเวลาจะได้โทรไปหาเขา นั่งๆ ไปผมชักรู้สึกว่าตัวเองดูนาฬิกามากกว่ามองโทรทัศน์เสียอีก พอรู้สึกตัวก็นึกขำตัวเอง ผมทำตัวอย่างกับกำลังจีบผู้หญิงแล้วต้องแอบโทรหาเพราะกลัวพ่อแม่เขาจับได้ เกิดมาสี่สิบกว่าปี ผมเพิ่งเคยทำแบบนี้นี่แหละ
   เพราะเจ้านพรัตน์แท้ๆ เชียว
   ผมเตรียมแว่นไว้พร้อม ไล่กดหาเบอร์เจ้านพรัตน์ พอสองทุ่มสิบห้าก็โทรออกทันที หวังว่าผมคงไม่โทรไปปลุกเขาหรอกนะ ผมเอาโทรศัพท์แนบหู รู้สึกใจเต้นตึกตั่ก คิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อย เงียบอยู่สักอึดใจ ก็มีเสียงตอบรับ
   “หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
   ผมกะพริบตาปริบๆ เกือบจะกลืนน้ำลายไม่ลง เอ่อ... มันคงมีอะไรผิดพลาดสักอย่างแหละ โทรไปต่างประเทศอาจจะติดยาก ก็มันไกลกันนี่นา คลื่นมันอาจจะหายระหว่างทางก็ได้
   ผมลองกดโทรออกใหม่ ด้วยความหวังว่าคราวนี้มันจะติด เงียบไปอีกสักพัก
   “หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
   “...............” ผมชักฉุน ลองโทรอีกที ก็ยังไม่ติด เลยโทรไปโวยวายกับคอลเซ็นเตอร์ที่ให้บริการโทรศัพท์ ว่าผมเปิดเบอร์โทรออกต่างประเทศแล้วทำไมโทรไม่ได้ เขาให้ผมรอสายบอกว่าจะเช็กให้ ผมนั่งฟังเพลงด้วยความหงุดหงิด สักพักเจ้าหน้าที่ก็กลับมารับสาย แจ้งกับผมว่าเครื่องผมให้รับอนุญาตให้โทรออกนอกประเทศได้ตั้งแต่ไปแจ้งไว้เมื่อช่วงกลางวันแล้ว ผมเลยแจ้งกับเขาว่าผมลองโทรตั้งหลายหนแล้วก็โทรไม่ติด เขาเลยแจ้งว่าเบอร์คู่สายอาจจะปิดเครื่องอยู่
   ปิดเครื่อง?
   ผมไม่รู้ว่าพนักงานพูดเพื่อตัวรอดไปที หรือว่านพรัตน์ปิดเครื่องจริงๆ หรือว่าเครือข่ายมีปัญหา แต่ผมไม่สามารถโทรเช็กกับคนอี่นได้ เพราะไม่มีเพื่อนสนิทอยู่ต่างประเทศเลยสักคน หรือมีก็ไม่มีเบอร์โทร ผมลองอีกสองสามครั้ง ก็ยังเหมือนเดิม สุดท้ายเลยมานึกกับตัวเองว่านพรัตน์อาจจะต้องเฝ้าพี่สาวในห้องไอซียู คงจะเปิดโทรศัพท์มือถือไม่ได้ พอคิดได้แบบนี้แล้วผมก็นึกสะเทือนใจขึ้นมา เขาคงพยายามให้กำลังใจพี่สาวอยู่ นิสัยอย่างเขาคงพยายามจะทำอะไรตลกๆ เพื่อให้ทางนั้นรู้สึกดีขึ้น
   ในที่สุดผมก็ล้มเลิกความตั้งใจจะโทรศัพท์หานายนพรัตน์ เพราะคิดว่าเขาคงกำลังอยู่ในช่วงวิกฤตของชีวิต ต้องใช้เวลาทุกวินาทีไปกับพี่สาวคนสำคัญของเขาให้เต็มที่ ชีวิตคนเรามันสั้น เขาเป็นเด็กดี ต้องทำได้ดีที่สุดแน่ๆ
--------------------------------------------------
   ใกล้วันสิ้นปี แถวบ้านผมเงียบกริบ ทุกคนออกจากบ้านไปเที่ยวปีใหม่กันหมด เหลือผมนั่งเฝ้าต้นมะม่วงอยู่บ้านคนเดียว ปกติปีใหม่จะอัตคัดเรื่องของกินเป็นที่สุด เพราะร้านรวงจะปิดกันหมด แต่ปีนี้ท่าทางผมจะไม่มีปัญหา ยังมีของเหลืออีกเพียบในตู้เย็น พอสำหรับคนคนเดียวจะหมกตัวอยู่บ้านได้สักครึ่งเดือน
   เช้าวันนี้นอกจากเสียงนก ก็มีเสียงถอยรถของคนข้างบ้านนี่แหละที่ดังมาเข้าหูผม เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกสามคน คงเตรียมไปเที่ยวทะเลกันมั้ง เห็นมีห่วงยางมีอะไรใส่ไปด้วย พวกเขาแวะทักผมที่เดินยืดเส้นยืดสายอยู่หน้าบ้าน ท่าจะอยากได้คำอวยพรจากผู้ใหญ่ ผมเลยบอกให้เขาขับรถระวังๆ เดินทางปลอดภัย เที่ยวให้สนุก
   พอตกสาย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมสะดุ้งเฮือก นึกขึ้นมาทันทีว่าอาจจะเป็นสายของนายนพรัตน์ เลยรีบรับโดยไม่ทันได้หาแว่นมามองชื่อ
   “น้องไพ”
   ผมงี้แทบปาโทรศัพท์ทิ้ง เรียกแบบนี้ไม่ต้องเดาเลยว่าใคร มีแต่ไอ้พี่จิระภัทร์คนเดียวเท่านั้นแหละที่บ้ากล้าหาญเรียกมาได้จะยี่สิบปี ไม่เปลี่ยนสักที ผมเคยต่อยปากเขาไปทีหนึ่งด้วยนะตอนสมัยหนุ่มๆ แต่เหมือนเขาจะไม่สะดุ้งสะเทือนอะไร ยังเรียกแบบนี้มาตลอด
   ไอ้คุณพี่จิระภัทร์พยายามตื้อผมตั้งแต่สมัยเรียน ยันเรียนจบก็พยายามจะหาทางติดต่อกับผม ผมก็พยายามหนีเขาตลอด ทั้งด่าทั้งไล่ แต่เขาก็ไม่เลิกไม่รา จองเวรจองกรรมผมไม่จบไม่สิ้นสักที เรื่องโทรศัพท์นี่ก็เหมือนกัน ผมบล็อกเบอร์เขาทิ้งไปนานแล้ว เขาก็ใช้เบอร์อื่นโทรมา แรกๆ โทรโคตรถี่ หลังๆ สงสัยต้องเอาเวลาไปจัดการปัญหาธุรกิจ เลยโทรมาหลอกหลอนผมน้อยลง แต่ผมถือคติระวังตัวเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว เห็นเบอร์แปลกๆ โทรมา ผมจะไม่รับ วันนี้ดันพลาด รับสายเขาพอดี
   “น้องไพจ๋า น้องรับโทรศัพท์พี่ พี่ดีใจจัง”
   โอ๊ย ผมขี้เกียจทนฟังต่อ เลยวางสายใส่ ให้ตายสิ จะปีใหม่แล้วแท้ๆ หัดมองหาคนใหม่บ้างก็ได้ เงินก็มี หัวล้านหุ่นหมีคนเดี๋ยวนี้ไม่เกี่ยงกันแล้วล่ะ จะมาจองเวรจองกรรมอะไรผมนักหนา
   เพื่อกันความผิดพลาด คราวนี้ผมเลยเอาแว่นมาวางไว้ใกล้ๆ โทรศัพท์ ใครโทรมาจะได้ดูชื่อก่อนกดรับ
   สักพัก มีสายเข้ามาอีก ผมใส่แว่นกะว่าไม่มีพลาดแน่นอน พอเห็นว่าเป็นสายของพงษ์โพยม เลยกดรับ
   “ไพฑูรย์ ปีใหม่ไปเที่ยวที่ไหนรึเปล่า?”
   “เปล่าครับ” ผมตอบไป เสียงเขาดูสดชื่นและอบอุ่นดีจริงๆ
   “พี่อยู่อเมริกาแล้ว จะฝากซื้ออะไรไหม? พวกเสื้อผ้าอะไรพวกนี้”
   ผมหัวเราะ พงษ์โพยมบอกผมตั้งแต่ก่อนหยุดงานแล้วล่ะ ว่าปีใหม่เขาจะไปเยี่ยมพรายโพยมน้องชายที่อเมริกา เลยชวนผมไปด้วย แต่ผมปฏิเสธ เพราะไม่รู้ว่าจะไปทำไม อีกอย่างตอนนั้นผมกำลังมึนๆ เพราะเรื่องโบนัส ไม่มีกะใจจะไปเมืองนอกหรอก
   “เสื้อไซต์ฝรั่งผมใส่ไม่ได้หรอก พี่ไม่ต้องซื้ออะไรมาฝากนะครับ ถ่ายรูปมาก็พอ” ผมว่า พงษ์โพยมหัวเราะ “คุยกับพรายมั้ย? มันยืนรอทำหน้าอยากจะคุยกับเธออยู่ข้างพี่นี่แหละ”
   ผมตอบตกลงออกไป สักพัก เสียงพรายโพยมก็ดังลอดหูโทรศัพท์ออกมา “พี่ไพฑูรย์ สบายดีรึเปล่าครับ”
   “อือ อเมริกาเป็นไงบ้างล่ะ”
   “อเมริกาก็งั้นๆ แหละพี่ ช่วงนี้เริ่มจะเข้าหน้าหนาวแล้ว พี่พงษ์มาถึงก็บ่นใหญ่ ออกไปนอกบ้านทีใส่เสื้ออย่างกับอยู่ขั้วโลกเหนือ”
   ผมหัวเราะ “แหม..ก็เมืองไทยมันร้อนนี่”
   พรายโพยมหัวเราะตอบ “พี่ไพฑูรย์ ผมมีข่าวดีจะบอกพี่ล่ะ ผมจะมีหลานให้พี่แล้วนะ”
   “โอ้โห..” ผมร้องใส่หูโทรศัพท์อย่างไม่เกรงใจคนฟัง “สามสิบเก้ายังฟิตปั๋ง งี้พี่ก็เป็นลุงแล้วสิ” พรายโพยมแต่งงานไปได้สองสามเดือนแล้ว ถ้าไม่ท้องก่อนแต่งเขาก็มีลูกเร็วเหมือนกันนะเนี่ย
   “กี่เดือนแล้ว” ผมว่า ทางนั้นหัวเราะเขินๆ “เพิ่งตรวจเจอ ได้เดือนกว่าๆ เองพี่ แต่ผมตื่นเต้นมากเลย ต้องรีบบอกพี่ก่อน พี่จะได้อึ้งว่าเด็กกะโปโลแบบผมจะเป็นพ่อคนแล้ว”
   ผมหัวเราะ “ระวังอย่าเลี้ยงลูกให้กะโปโลเหมือนตัวเองแล้วกัน”
   พรายโพยมหัวเราะชอบใจ “พี่ไพฑูรย์ พี่จะแวะมาดูหน้าหลานรึเปล่า”
   “โห...เพิ่งติด กำหนดคลอดเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย” ผมว่า และพูดต่อ “เอางี้ ไว้ใกล้ๆ ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน”
   “เดี๋ยวผมให้พี่พงษ์ปิดบริษัทเลย พี่จะได้มาดูหน้าหลาน”
   ผมได้ยินเสียงพงษ์โพยมโวยวายอยู่ด้านหลัง เราคุยสัพเพเหระกันอยู่อีกพักหนึ่ง จากนั้นเขาก็วางสายไป
   ผมกลับมาเผชิญหน้ากับความเงียบของบ้านอีกครั้ง ในเมื่อไม่มีนายนพรัตน์คอยส่งเสียง ผมก็จัดการเปิดโทรทัศน์แล้วลงมือจัดนั่นจัดนี่ตามประสาคนไม่มีอะไรทำ เริ่มจากตู้โชว์ข้างโทรทัศน์ก่อน ซึ่งความจริงมันก็ไม่ได้รกอะไร ผมขยับของพวกนั้น เปลี่ยนที่ตั้งนิดหน่อย แล้วก็นึกไปว่าได้มาจากไหน หรือใครเป็นคนให้บ้าง สรุปว่าผมใช้เวลาไปกับการระลึกถึงความหลังจากของที่ระลึกพวกนั้น โดยที่แทบไม่ได้จัดอะไรใหม่เลย นั่งดูนั่งจัดไปได้สักเที่ยงกว่าๆ ถึงเลิกแล้วไปทานข้าว
   ล้างจานเสร็จ ผมย่อยอาหารด้วยการกลับไปนั่งจัดตู้โชว์ต่อ จัดไปได้สองตู้ หรือจะพูดให้ถูกคือระลึกความหลังจบไปได้สองตู้ พอเปิดตู้ต่อมาก็เจอหนังสือนิยายสมัยยังวัยรุ่นกองซ้อนกันอยู่ ผมเพิ่งนึกได้เหมือนกันว่าเอามาใส่ไว้ในนี้ โอ้โห กลิ่นกระดาษเก่าหึ่งไปหมด ผมหยิบออกมา และกะว่าจะเอาไปใส่ตู้หนังสือข้างบน แต่ไหนๆ ก็ไม่ได้อ่านมันตั้งนานแล้ว เปิดดูสักหน่อยแล้วกันว่าเนื้อหาเป็นอย่างไรบ้าง ไม่อ่านนาน ชักจะลืมไปหมดแล้ว
   สุดท้ายผมก็อ่านนิยายพวกนั้นจนฟ้ามืด ถึงได้รู้สึกตัวแล้วเดินไปเปิดไฟ ขณะที่เดินกลับมาจะอ่านนิยายต่อ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันที ผมนึกแว้บถึงไอ้พี่จิระภัทร์เป็นคนแรก แต่ใส่แว่นอยู่แบบนี้ผมไม่พลาดดูชื่อคนโทรหรอก
   ปรากฏว่าเบอร์ที่โทรมาเป็นเบอร์ที่ผมไม่รู้จัก แต่ก็ไม่ใช่เบอร์ที่จิระภัทร์โทรมาเมื่อเช้า ผมจึงลังๆ เลๆ ที่จะรับ ปล่อยให้มันดังอยู่อีกพักใหญ่ ในที่สุดก็กลั้นใจกดรับไป เอาว่ะ ถ้าเป็นเบอร์ไอ้พี่จิระภัทร์อีก ผมจะได้ไปแจ้งให้เขาบล็อกทั้งสองเบอร์เลย
   “คุณไพฑูรย์”
   ผมอุ่นวาบไปทั้งตัว ได้ยินเสียงตัวเองเรียกชื่อเขาไปอย่างตื่นเต้น “คุณนพ?!”
   “ครับ คุณเป็นไงบ้าง ผมโทรมารบกวนรึเปล่า?”
   “เปล่า ผมสบายดี” ผมตอบเขาไป เสียงของเขาดูเหนื่อยๆ ผมมองนาฬิกา แล้วถามเขาต่อ “ที่นั่นกี่โมงล่ะคุณนพ”
   “เจ็ดโมงเช้าครับ ของคุณสักทุ่มหนึ่งแล้วใช่ไหม?”
   “อือ”
   “คุณไพฑูรย์ ผมทำโทรศัพท์หายตอนถึงสนามบิน เลยต้องขอยืมพี่ชายมาโทรก่อน ขอโทษนะครับที่ไม่ได้ติดต่อไปเลย”
   “ไม่เป็นไรหรอก ผมรู้ว่าคุณยุ่ง” ผมว่า และเข้าใจเสียทีว่าทำไมผมถึงโทรหาเขาไม่ติด “แล้วพี่สาวอาการเป็นไงบ้างล่ะ”
   “ทรงๆ ครับ แต่ไม่ค่อยดีเลย ต้องรอผ่าตัดอีกรอบ” เขาพูด เสียงดูพร่าๆ แล้วเงียบไปพักหนึ่ง ผมว่าเขาคงสะเทือนใจพอสมควร
   “แล้วจะผ่าเมื่อไหร่ล่ะ?”
   “มะรืนนี้ครับ”
   ผมดูปฏิทินตั้งโต๊ะที่วางอยู่บนชั้น แล้วพูดตอบ “ปีใหม่พอดี?”
   “ครับ เป็นเคสด่วนน่ะครับ”
   “งั้นไม่เป็นไรหรอก ผมเชื่อว่าพี่สาวคุณจะต้องหายแน่ๆ “
   เขาเงียบไปอีก ผมเลยพยายามคิดหาคำพูดปลอบ ในฐานะผู้ใหญ่กว่า “โบราณเขาว่าปีเก่าไปปีใหม่มา สิ่งร้ายๆ อะไรเดี๋ยวมันก็ผ่านพ้นไป แล้วเริ่มต้นกันใหม่ในปีหน้า พี่สาวคุณได้คิวผ่าตัดวันสิ้นปีพอดี เชื่อผมสิ เธอหายแน่ๆ รับรองเลย”
   นพรัตน์นิ่งไปอีกพักหนึ่ง แล้วหัวเราะออกมา “ขอบคุณนะครับ”
   ผมถอนหายใจ “เข้มแข็งไว้นะคุณนพ โอกาสน่ะมีเสมอแหละ ตราบเท่าที่เรายังไม่ยอมแพ้”
   “ครับ” เขาเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “ผมต้องวางสายแล้ว สวัสดีปีใหม่นะครับ”
   “อือ สวัสดีปีใหม่”
   ผมวางโทรศัพท์ บ้านทั้งบ้านเงียบสนิท มีแต่เสียงกระดิ่งลมดังมาให้ได้ยินแว่วๆ เหมือนความสะเทือนใจของนพรัตน์ส่งผ่านสายโทรศัพท์มาถึงผม สมัยก่อนเวลาเขาคุยกับผม เขาทั้งยิ้มทั้งหัวเราะ หาเรื่องมาแหย่ผมก็บ่อย คุยกับเขาทีไรไม่เคยขาดเสียงหัวเราะสักที
   ผมเหมือนเห็นความเหนื่อยล้าในตัวเขาผ่านเสียงที่คุยกับผม เขากำลังอยู่ในช่วงวิกฤตของชีวิต คนที่เขารักเป็นตายยังไม่รู้ มันเป็นเรื่องที่ทำใจยากสำหรับเด็กอายุเท่านั้น ความเป็นห่วงเป็นใยที่เขามีให้พี่สาวมากจนผมประทับใจ แต่ถึงเขาจะอยู่ในช่วงเวลาลำบาก เขาก็ยังนึกถึงผม
   ถ้าเขากลับมาเมื่อไหร่ ผมจะกอดเขาสักที แล้วถ้านึกคำพูดอะไรได้ตอนนั้นผมจะบอกเขา นพรัตน์สมควรจะได้รับรางวัล สมควรได้รับอย่างที่สุด
--------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่8-หน้า6 7/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 08-06-2011 15:10:42
   คืนนั้นผมขี้เกียจอ่านนิยายต่อ เลยเข้านอนหลังจากนั้นสักพัก พอหลับกำลังได้ที่ ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมา ทำเอาผมสะดุ้งตื่น จากนั้นฝนที่ไม่มีแววจะตั้งเค้าเลยในช่วงกลางวันก็เทกระหน่ำลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว ผมตาลีตาเหลือกวิ่งไปปิดหน้าต่าง ก่อนที่ฝนจะสาดเข้ามา ผมเห็นต้นมะม่วงถูกลมพัดเอนจนลู่ โถ...ดอกกำลังบานก็มาถูกฝนตีเสียแล้ว ไม่รู้จะเหลือติดเป็นลูกสักเท่าไหร่ ผมปิดหน้าต่างแล้วก็ต้องไปหยิบผ้ามาเช็ดพื้นที่เปียกเพราะฝนสาด ฝนยังคงตกอย่างหนัก ฟ้าร้องฟ้าแลบให้แสบหูไปหมด
   ผมถูกพื้นยังไม่ทันเสร็จไฟก็ดับวูบ ซึ่งก็สมควรอยู่หรอก เพราะร้อนมาหลายวัน จู่ๆ ฝนก็ตก แถมตกหนักขนาดนี้ ไม่เสาไฟฟ้าหักก็หม้อแปลงระเบิดอย่างไม่ต้องสงสัย ผมเอาผ้าไปเก็บในห้องน้ำ แล้วคลำทางมา อาศัยแสงฟ้าแลบด้านนอกช่วยเอาจนถึงเตียง
   ผมพยายามข่มตานอนท่ามกลางเสียงฟ้าร้องที่ดังกึกก้องอยู่ด้านนอก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเจอฝนตกหนักขนาดนี้ แล้วก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมนอนคนเดียวตอนไฟดับ สี่สิบสองปี ผมผ่านเรื่องพวกนี้มาด้วยตัวคนเดียวตลอด ผมไม่เคยหวั่นไหว แต่คืนนี้ ผมกลับอยากให้มีใครมาคอยอยู่ข้างๆ นอนเบียดกันในผ้าห่ม จับมือผมไว้ แล้วพูดว่าไม่เป็นไร
------------------------------------------------------
   ผมตื่นสายพอสมควรในเช้าวันรุ่งขึ้น ฟ้าใสสว่างจ้า ไม่เหลือเค้าพายุเมื่อคืนเลย แต่แอ่งน้ำที่ขังอยู่บนพื้นสนามและน้ำที่ยังหยดอยู่ตามชายคายืนยันแน่ชัดว่าเมื่อคืนฝนตกหนักจริงๆ
   กิ่งมะม่วงถูกลมพัดหักอย่างที่ผมกลัว พออาบน้ำแปรงฟันเสร็จ ผมเลยต้องหยิบเลื่อยตัดกิ่งไปเลื่อยมันออก น่าเสียดาย กำลังออกดอกอยู่แท้ๆ ก็มาโดนพายุ แถมกิ่งยังหักอีก ไม่รู้ปีหน้าจะเหลือให้ทานสักกี่ลูก
   ผมเลื่อยกิ่งมะม่วงที่หักออกแล้วก็ถือโอกาสตัดแต่งกิ่งที่ไม่มีดอกออกไปด้วยในตัว เอาเถอะ ที่เสียไปแล้วก็เสียไป ที่ยังเหลืออยู่ผมก็จะบำรุงให้ดีที่สุด มันอยู่กับผมมาหลายปี ออกลูกให้ทานมาตลอด ผมควรต้องดูแลมันบ้าง
   ไม่แน่ว่าปีนี้ ลูกของมันอาจจะอร่อยกว่าปีที่แล้วก็ได้
   วันนี้วันสิ้นปี เงียบสนิทจริงๆ ทั้งซอยเหลือบ้านผมบ้านเดียวที่ยังมีคนอยู่ เช้านี้เลยมีแต่ยามที่ปั่นจักรยานผ่านหน้าบ้านผม ผมเห็นว่าฝรั่งที่ยังเหลืออยู่อีกเป็นกิโลฯในตู้เย็นไม่ค่อยดีแล้ว เก็บไว้ก็ทานไม่ทัน เลยแบ่งใส่ถุงมาให้เขาถุงหนึ่ง เจ้ายามรับไปอย่างงงๆ ระคนดีใจ คงเพราะปกติผมชอบตีหน้าบึ้งไปบ่นนั่นบ่นนี่ที่สำนักงานยามตลอดเลยล่ะมั้ง
   เนื่องจากเป็นวันสิ้นปี ผมเลยถือคติเอาสิ่งไม่ดีออกจากบ้าน โดยการล้างบ้านขนานใหญ่ ปลดผ้าม่านลงมาซัก ถอดมุ้งลวดออกมาล้าง ยกเครื่องดูดฝุ่นลงมาดูดโซฟาและพรมที่วางอยู่ใต้โต๊ะรับแขก ซักผ้าปูที่นอน ขนหมอนไปตาก พอตกเย็น บ้านผมก็สะอาดเอี่ยมอ่อง พร้อมต้อนรับปีหน้าที่กำลังจะมาถึง
   ฝนตกหนักเมื่อคืนนำพาเอาอากาศหนาวมาด้วย ผมรู้สึกแล้วล่ะว่ามันเริ่มมีลมเย็นๆ มาตั้งแต่เมื่อเช้า แต่เพราะออกไปเลื่อยกิ่งมะม่วง เลยยังไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ พอตกเย็น พระอาทิตย์ลับฟ้า ความหนาวมันก็เริ่มแสดงตัวออกมาให้เห็นเด่นชัด ท่าทางมันจะกลัวคนกรุงเทพฯต้องไปเคาน์ดาวน์เบียดกันในบรรยากาศร้อนอบอ้าว เลยหนาวเอาวันสิ้นปี ทันเวลาพอดี
   ผมไม่เคยไปเคาน์ดาวน์ ไม่เห็นด้วยกับการอดตาหลับขับตานอนรอเลข00.00ซึ่งก็ไม่รู้ว่าได้สาระอะไรขึ้นมาบ้าง ผมไม่เห็นพวกที่ไปเคาน์ดาวน์กลับมาแล้วทำงานดีขึ้นเลยสักคน ดังนั้น ถึงจะเป็นวันสิ้นปี ผมก็เข้านอนเหมือนกับทุกวัน มันก็แค่วันวันหนึ่งเท่านั้นแหละ ก่อนนอนผมวางโทรศัพท์เอาไว้ด้านล่าง เพราะขี้เกียจได้ยินเสียงเมสเสจ สิ้นปีทีไร มีเมสเสจเข้าจนเต็มเครื่องทุกที เหมือนเจ้าพนักงานที่ลาออกไปบางคนใช้บริการส่งเมสเสจแบบเหมาจ่าย ก็เลยพลอยส่งมาถึงผมด้วย
   ถึงคืนนั้นผมไม่ต้องทนกับเสียงฟ้าร้อง ไม่ต้องทนกับเสียงเมสเสจ แต่ดันต้องทนกับเสียงพลุแทน นี่กะจะจุดให้กันฟ้าทะลุหรือไงนะ
   อยากหนีไปนอนที่แคนนาดาเสียจริงๆ แต่ไม่รู้จะจุดพลุกันแบบนี้ด้วยรึเปล่า
-------------------------------------------
   ผมต้อนรับปีใหม่ด้วยการทนอ่านเมสเสจตัวเล็กๆ ที่กระหนำส่งกันเข้ามาเหมือนทุกปี ยาวบ้างสั้นบ้าง ส่งแบบโหลๆ บ้าง ตั้งใจส่งบ้างก็มี ไอ้แบบตั้งใจส่งนี่มีน้อยคนอยู่หรอก คนแรกหนีไม่พ้นแน่นอน
   ไอ้คุณพี่จิระภัทร์ เปลี่ยนเบอร์แต่พฤติกรรมไม่เคยเปลี่ยน ผมจะยกตัวอย่างข้อความของเขาปีที่แล้ว เป็นการเปรียบเทียบพฤติกรรมคร่าวๆ ให้ฟัง
   “ปีใหม่เปลี่ยนไป แต่ใจพี่ไม่เปลี่ยนตาม ยังถามถึงน้องไพเสมอนะจ้ะ”
   โห.... อย่าไปบอกใครเลยนะว่าพี่แกอายุสี่สิบห้าเข้าไปแล้ว ผมว่าไม่มีใครเชื่อแน่ๆ คิดแล้วยังอายแทน ส่วนของปีนี้......
   “ปีใหม่หัวใจเปลี่ยน แต่ใจพี่ไม่เปลี่ยนไปไหน ยังรอน้องไพคนเดียว”
   ผมอ่านไปมือสั่นกึกๆ ไม่ได้อยากอ่านหรอกนะ แต่มันต้องไล่อ่าน เผื่อมีผู้ใหญ่ที่ไหนส่งมาจะได้ส่งกลับ อ่านไปอยากจะโทรไปด่าเขาจริงๆ แต่อย่าหวังเลยว่าเขาจะสำนึก ดีไม่ดีจะคิดว่าผมให้ท่าอีกต่างหาก
   ดังนั้นผมจึงต้องกล้ำกลืนอ่านแล้วรีบๆ ลบทิ้ง นั่งสาปนั่งแช่งตัวเองว่าไม่ต้องความจำดีขนาดนึกเมสเสจปีที่แล้วของเขาออกทุกปีก็ได้
   จากนั้นก็เมสเสจของพงษ์โพยม อวยพรให้ผมสุขภาพดีอีกเช่นเคย มีของพรายโพยมส่งมาด้วย นี่คงเป็นปีแรกล่ะมั้งที่ผมได้เมสเสจจากเขา เขียนมาว่า
   “ขอให้พี่ไพฑูรย์อายุมั่นขวัญยืน เป็นที่รักของหลานๆ นะครับ” นั่น ใช้คำว่าหลานๆ เสียด้วย แปลว่าตั้งใจจะมีหลายคนน่ะสิ ผมไม่รู้หรอกนะว่าพอลูกเขาเห็นผมแล้วจะรักผมรึเปล่า ไม่ใช่เห็นแล้วร้องไห้จ้า แบบพวกพนักงานที่บริษัทหรอกนะ ผมว่าพวกเขาอยากร้องไห้ตอนเห็นหน้าผมทุกทีนั่นแหละ
   แล้วก็เมสเสจจากนายพชร ปกติทุกปีมาแบบใช้ระบบอัตโนมัติ ส่งทีเดียวไปทั่วถึงทั้งสมุดโทรศัพท์ ปีนี้มาแปลก
   “ลุง ปีใหม่แล้วเลิกโหดบ้างเหอะ ดูแลเจ้าเปี๊ยกดีๆ ด้วยนะ”
   เออ ลาออกไปแล้วก็ไปให้พ้นๆ เลยไป ไม่ต้องมาทำหวังดีแบบนี้หรอก
   ผมนั่งอ่านนั่งตอบเมสเสจพวกนั้นอย่างเงอะๆ งะๆ ตามประสาคนตาไม่ดี นี่ถือเป็นกิจกรรมรับปีใหม่อย่างหนึ่งของผมมาได้หลายปีแล้ว
   มีทั้งเมสเสจของคนที่รู้จักกันบ้าง ลืมไปแล้วบ้าง จากรุ่นพี่ รุ่นน้อง แต่ผมยังไม่เห็นเมสเสจของนพรัตน์เลย พี่ของเขากำลังเตรียมจะผ่าตัด เขาคงไม่มีกะใจจะมานั่งส่งเมสเสจปีใหม่หรอก ผมดูนาฬิกา เห็นว่าสิบโมงกว่าเข้าไปแล้ว ไม่รู้พี่สาวเขาเข้าห้องผ่าตัดหรือยัง หรืออกมาแล้ว หรือผ่าตัดเสร็จแล้วนะ เพราะเวลาที่นั่นห่างจากที่ประเทศไทยสิบสองชั่วโมง นับแล้วเขากำลังจะฉลองปีใหม่ ส่วนผมเข้าสู่ปีใหม่มาได้หลายชั่วโมงแล้ว
   แน่ะ เจ้านพรัตน์ อายุน้อยอยู่แล้วยังไปลดอายุหนีผมอีก
   ผมมาคิดว่าผมควรส่งกำลังใจให้ครอบครัวของเขาบ้าง อย่างน้อยก็ในฐานะผู้ใหญ่ที่ทำงานด้วยกัน ดังนั้นจึงส่งเมสเสจไปทางเบอร์ของพี่ชายเขา ใจความว่าขอให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น จากนั้นอีกสักพักก็มีเมสเสจตอบกลับมาว่า “ขอบคุณครับ”
   ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนเขียน อาจจะเป็นพี่ชายของเขาก็ได้ แต่เอาเถอะ ให้เขารู้แล้วกันว่าผมเอาใจช่วยอยู่ ผมหวังว่าพี่สาวเขาจะหาย หวังว่านพรัตน์คงจะกลับมาสดชื่นให้เหมือนก่อน หวังว่าเขาจะกลับมาทำงานกับผมได้ในเร็ววัน
   ก็ผมนั่งรถเขาชินจนไม่อยากกลับไปนั่งแท็กซี่แล้ว
------------------------------------------------
   แต่สุดท้ายเช้าวันทำงานวันแรกผมก็ต้องกลับมานั่งแท็กซี่เหมือนเดิม อาจารีย์ทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นผมมาถึงห้องทำงานคนเดียว
   “คุณนพล่ะคะ?” เธอถาม ผมเลยเล่าเรื่องที่เขาต้องไปแคนนาดากะทันหันให้เธอฟัง พอฟังจบเธอก็ทำหน้าตกใจ
   “น่าสงสารจัง หวังว่าพี่สาวของเขาจะปลอดภัยนะ เขายังไม่ได้ลาออกใช่ไหมคะ?”
   ผมอึ้งไปพักหนึ่ง ผมนึกถึงคำว่าลาออกของเขามานานแล้ว เอาเข้าจริงคือผมไม่เคยคิดอยากให้เขาลาออกเลยต่างหาก พอมาเจอทำถามนี้ ผมถึงนึกขึ้นมาได้
   ถ้าเขาต้องอยู่ดูแลพี่สาวที่โน่น หรือถ้าเขาต้องอยู่ยาวล่ะ?
   “คุณไพฑูรย์คะ?” อาจารีย์ถามเมื่อเห็นผมเงียบไปนาน ผมเลยสั่นศีรษะ “ยังหรอก เขายังไม่แจ้งผม”
   เธอยิ้มออกมา “อย่าให้คุณนพลาออกเลยค่ะ เขาทำงานดี ช่วยคุณได้ตั้งหลายอย่าง”
   “อืม...” ผมส่งเสียงในลำคออย่างไร้ความหมาย ก่อนจะเดินเข้าห้องไป
   ถ้าเขาจะลาออก ผมก็ไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปห้ามเขาหรอก

   พงษ์โพยมมาหาผมที่ห้องตอนสาย พร้อมกับของฝากจากอเมริกา เป็นเครื่องดื่มไฟเบอร์กึ่งสำเร็จรูป ซื้อมาเพราะเห็นว่าผมชอบดูแลสุขภาพ น่าจะชอบทานอะไรแบบนี้ ผมบอกขอบคุณเขาและขอโทษขอโพยที่ไม่มีอะไรมาฝากเลย เขาก็ไม่ว่าอะไร บอกว่าปีหน้าผมควรไปเที่ยวไหนเสียบ้าง ผมได้แต่หัวเราะ จากนั้นเขาก็กลับห้องทำงาน
   ผมทำงานไปสักพักก็มีโทรศัพท์เข้า พอดูชื่อก็พบว่าเป็นชื่อของพี่ชายนายนพรัตน์เลยกดรับสาย
   “คุณไพฑูรย์ใช่ไหมครับ”
   ถึงจะคล้ายกัน แต่ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่เสียงของนายนพรัตน์ ผมส่งเสียงตอบรับออกไป เขาจงพูดต่อ
   “ผมนพคุณนะครับ ผมโทรมาลางานให้น้องชาย พอดีว่าพี่สาวผมอาการทรุดอีก ต้องรอผ่าตัดช่วงกลางเดือน”
   ผมอึ้งๆ ก่อนจะส่งเสียงตอบกลับไป “อืม แล้ว..คุณนพรัตน์เป็นไงบ้าง”
   “เขาอยู่เฝ้าพี่สาวมาหลายวันแล้วครับ ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนเลย”
   ผมพยักหน้า สมกับเป็นเขาแล้วล่ะ เขาเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับคนที่รักมากมายจริงๆ
   “ผมขอโทษด้วยนะครับที่ต้องโทรมาลางานแทนเขา แต่ผมกลัวเขาจะพูดกับคุณไม่รู้เรื่อง สภาพเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ เขายังเด็ก” ผมตอบ รู้สึกตื้อๆ ในคอ “ยังไงก็ขอให้พี่สาวคุณปลอดภัยนะครับ”
   “ขอบคุณครับ.. เอ่อ... คุณไพฑูรย์ครับ”
   “ครับ?”
   “คือผมไม่อยากให้คุณลำบากใจน่ะครับ เพราะไม่รู้ว่าน้องชายผมจะกลับไปทำงานได้เมื่อไหร่ ถ้าคุณจะรับผู้ช่วยใหม่ก็ตามสบายเลยนะครับ ทางผมไม่ติดใจอะไร”
   “อ้อ..” ผมคราง รู้สึกตีบในลำคอมากไปทุกที “เรื่องนั้นไว้ค่อยพูดเถอะครับ”
   “ครับ ขอบคุณนะครับ” เขากล่าว และวางสายไป
   ผมวางโทรศัพท์ รู้สึกตื้อๆ ในหัว นพรัตน์ยังเด็ก แต่เด็กขนาดนี้เขาก็ยังรู้จักแยกแยะความรัก เขาไล่ตื้อผมมาหลายเดือน แต่พอพี่สาวป่วย เขาก็รีบไปเฝ้า ไปดูแลไม่ห่าง ทุ่มเทยิ่งกว่าใครๆ เขาเป็นเด็กดี เป็นเด็กดีมากจริงๆ
   ผมรู้ว่าเขาทำถูก เขาทุ่มเทให้เรื่องที่ควรทุ่มเท ไม่มีอะไรที่ผมจะตำหนิเขาได้เลย แต่ทำไมหัวใจของผมถึงเจ็บจี๊ดๆ ขึ้นมาก็ไม่รู้
--------------------------------------------------
   ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมีความสุขทุกครั้งที่มองข้าวของที่เขาซื้อมาสุมไว้บนโต๊ะผม มองเลยน้ำตกเทียมกับต้นกระบองเพชรนั้นไปยังเหมือนเห็นเขานั่งจัดเอกสารอยู่ที่โต๊ะ นึกถึงสีหน้าของเขาเวลาทำท่าเขินอาย หรือหันมายิ้มโชว์เขี้ยวให้ผม
   เดือนกว่าแล้วที่ผมกลับมาใช้บริการรถแท็กซี่ และทำงานโดยไม่มีผู้ช่วย หลังจากวันนั้น ทางฝ่ายนพรัตน์ไม่เคยติดต่อผมกลับมาอีก ผมเข้าใจว่าเขาคงยุ่ง บางทีอาจจะกำลังอยู่ในช่วงเวลาโศกเศร้าสุดๆ ผมที่เป็นคนนอกก็ควรจะให้เกียรติพวกเขา ให้เวลาเขาได้พัก ได้ทำใจ
   พงษ์โพยมเริ่มถามผมเรื่องผู้ช่วยคนใหม่ แต่คราวนี้ผมปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ผมจะไม่รับผู้ช่วยอีกแล้วไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม เพราะขี้เกียจปวดหัวมานั่งฝึกใหม่ แถมไม่รู้ว่าจะทำงานได้ดีรึเปล่า ผมเคยทำงานนี้คนเดียวมาก่อนตั้งเป็นสิบปี ต่อไปนี้ก็จะทำคนเดียวต่อไป หวังว่าผมคงได้ปลดเกษียณตามกำหนด ไม่น่าจะถึงขั้นเกษียณก่อนวัยอันควร
   ถึงอย่างนั้น โต๊ะทำงานอีกตัวในห้องผมก็ยังวางอยู่ที่เดิม เช็ดสะอาดทุกวันเหมือนรอให้เจ้าของเดิมกลับมานั่ง ทั้งๆ ที่แม้แต่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ กลับมารึเปล่า
   ถึงอย่างนั้นผมก็ยังให้ตั้งเอาไว้ เพราะหวังอยู่ลึกๆ ว่าสักวันเขาจะกลับมา เขาก็แค่ติดธุระเรื่องครอบครัวนานสักหน่อยเท่านั้นเอง
-------------------------------------------------
   มะม่วงหน้าบ้านผมเริ่มติดลูกแล้ว ผมลงทุนไปซื้อถุงแบบพิเศษมาห่อ เพื่อให้มันขาวอวบน่าทาน กำลังปีนบันไดห่ออยู่ดีๆ ก็มีคนนั้นคนนี้มาจองไว้เสียแล้ว ไม่ล่ะ ผมมีคนที่อยากจะให้อยู่ ไว้เขาไม่มารับหรือไม่อยากได้ ค่อยแจกให้แล้วกัน
   ผมไม่คิดถึงนายนพรัตน์ทั้งวันทั้งคืนอย่างตอนที่เขาจากไปแรกๆ อีกแล้ว นานๆ ก็มีนึกถึงบ้าง เวลาเห็นเสื้อผ้าเขาในตู้ เห็นตุ๊กตาที่วางอยู่บนหัวเตียง หรือเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์แล้วเห็นแมวพวกนั้น แต่ผมเข้าใจว่าชีวิตคนเรามีความจำเป็นต่างกัน ตอนนี้เขามีความจำเป็นของเขาอยู่ สักวัน หากเขายังนึกถึงผม เขาคงกลับมาเอง
   ผมกลับมาใช้ชีวิตคนเดียวได้พักใหญ่ๆ แล้ว พอมองย้อนกลับไปก็นึกแปลกใจดีเหมือนกัน นพรัตน์เข้ามาในชีวิตผมเหมือนความฝัน จู่ๆ เขาก็มาสมัครงาน แล้วผมก็ให้เขาเข้ามาทำงานในวันรุ่งขึ้น เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมหัวเราะ ทำให้ผมโมโห ทำให้ชีวิตผมมีสีสัน ทำให้ผมจำไม่ลืมกับรอยยิ้มและท่าทีกระมิดกระเมี้ยนชวนให้อยากยกเท้าถีบของเขา
   เขาน่ารัก เหมือนลูกแมว เข้ามาคลอเคลีย เข้ามาอ้อนผม แล้ววันหนึ่ง เขาก็จากไป
   หายไปจากชีวิตผมแบบกะทันหัน พอๆ กับตอนที่เขามา
   บางทีผมก็นึกสงสัยว่า ผมคงฝันดีนานไปหน่อย พอตื่นขึ้นมารู้ว่าต้องไปทำงานเลยงงๆ อยู่บ้าง แต่ผมอยู่ของผมแบบนี้มาสี่สิบสองใกล้ครบสี่สิบสามปีแล้ว แค่เวลาไม่กี่เดือนไม่ทำให้คนอย่างผมสะดุ้งสะเทือนหรอก ผมยังจะต้องอยู่อีกยาว คอยเขย่าขวัญพวกพนักงานในบริษัทให้ขยันทำงานกันขึ้นมาบ้าง
   แต่แล้ววันหนึ่ง ช่วงประมาณเก้าโมงเช้า ตอนที่ผมกำลังนั่งจิบกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์ตามปกติ โทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น ผมก้มดูเบอร์ พอเห็นว่าเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก กลัวว่าเป็นโทรศัพท์ของพี่จิระภัทร์ เลยไม่กล้าเสี่ยงรับ เลยปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้น เพราะโดยส่วนใหญ่ ถ้าเป็นพี่จิระภัทร์ โทรแล้วผมไม่รับสาย เขาจะโทรอีกหน ถ้าไม่รับอีกเขาละหยุดใช้เบอร์นั้นโทร แต่ผมนึกสงสัยว่าเขาจะโทรหาผมทำไมวันนี้ ไม่ใช่วันพิเศษอะไรเสียหน่อย ถ้าเป็นวาเลนไทน์ล่ะว่าไปเรื่องหนึ่ง
   โทรศัพท์ดังขึ้นอีกหน และอีกหน
   คราวนี้ผมชักนึกหลัวว่าจะเป็นสายจากลูกค้าหรือใครที่มีธุระสำคัญ พอครั้งที่สามผมเลยรีบกดรับ
   “คุณไพฑูรย์!”
   หัวใจของผมที่คิดว่าแห้งกร้านไปแล้วกลับชุ่มชื่นขึ้นมาราวกับต้นไม้ถูกฝนสาด แค่ได้ยินเสียงของเขาเท่านั้นแหละ ผมไม่ได้ยินเสียงของเขามาเป็นเดือนๆ แล้ว ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าพอได้ยินอีกที จะเล่นเอาผมพูดไม่ออก คอมันตีบไปหมดเลย
   “คุณไพฑูรย์?” เขาเรียกผมอีกรอบ สงสัยจะคิดว่าโทรผิดหรือโทรไม่ติด ผม....ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาผมคิดว่าผมชินกับการไม่มีอยู่ของเขาแล้ว แต่พอได้ยินเสียง ผม....
   “คุณนพ” ผมได้ยินเสียงตัวเองเรียกออกไป แล้วทางนั้นก็ตอบกลับมาทันที “คุณไพฑูรย์”
   เรียกกันไปเรียกกันมามันสนุกตรงไหนนะ แต่ผมจับความดีใจในน้ำเสียงของเขาได้ ผมเองก็ดีใจไม่แพ้เขาหรอก
   ไม่คิดเลยว่าเขายังนึกถึงผมอยู่
   “ผมขอโทษนะที่ไม่ได้โทรหาคุณเลย ผมคิดถึงคุณสุดๆ คุณยังสบายดีใช่ไหมครับ ยังไม่ได้รับผู้ช่วยใหม่ใช่ไหม?”
   ผมอ้าปากค้าง ไม่ได้คุยกับเขามาหลายเดือน พอได้คุย ผมกลับพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
   “คุณไพฑูรย์”
   “พี่สาวคุณเป็นไงบ้างน่ะ” ในที่สุดผมก็พูดออกไปจนได้ เขาตอบผมมารวดเร็วทันใจ “ดีขึ้นมากแล้วล่ะ เพราะคำอธิฐานของคุณแน่ๆ เลย“
   “อ้อ...ผมยินดีด้วยนะ ผ่าครั้งที่สองสำเร็จได้ด้วยดีสินะ”
   “อื้อ ตอนปีใหม่น่ะเล่นเอาผมใจเสียเลยล่ะ คิดว่าพี่จะตายแล้ว ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับ ผมอยากโทรหาคุณนะ แต่ผมกลัวจะร้องไห้ใส่คุณ ผมเลยให้พี่ชายโทรหาแทน”
   “อ้อ” เด็กหนอเด็ก ผมจะตำหนิเขาตรงไหนได้บ้างล่ะนี่
   “ขอโทษนะครับ ผมรู้ว่าผมหายไปเลย ผมกลัวคุณจะคิดว่าผมเป็นเหมือนรุ่นน้องคนนั้นของคุณ ผมไม่ลืมคุณนะ ผมจำได้ว่าพูดอะไรไปบ้าง แต่ผมไม่สะดวกจะโทรหาคุณจริงๆ “
   “ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าคุณต้องอยู่ดูแลพี่สาว เธอดีขึ้นผมก็ดีใจแล้วล่ะ”
   “คุณไพฑูรย์ โต๊ะผมยังไม่มีใครไปนั่งแทนใช่ไหม?”
   “อืม ยังหรอก”
   “คุณรอผมกลับไปอยู่ใช่ไหม?”
   “...........”
   “คุณไพฑูรย์....”
   “จะกลับมาเมื่อไหร่น่ะ?”
   “อีกสองสัปดาห์ครับ ถ้าไม่รบกวน...ไปรับผมได้มั้ย ผมอยากเจอคุณ เดี๋ยวผมจะโทรหาอีกทีนะ”
   “อืม...” ผมตอบงึมงำในลำคอ
   “คุณไพฑูรย์...” ไปตั้งหลายเดือนแล้วแท้ๆ ยังติดนิสัยชอบเรียกเฉยๆ แบบนี้อยู่อีก มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาเลยสิ ค่าโทรศัพท์ไม่ใช่ถูกๆ นะ
   “ไว้เจอกันนะครับ”
   “อืม...” ผมวางสายโทรศัพท์ เอนตัวลงกับพนักพิงเก้าอี้ มองดูน้ำตกเทียม ผ่านไปถึงโต๊ะทำงานของเขา
   จากนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองยิ้มออกมา
------------------------------------------
   คราวนี้ผมเปลี่ยนจากมองนาฬิกามามองปฏิทินแทน ตอนจะโทรหาเขาครั้งแรกผมมองแต่นาฬิกา แต่ช่วงนี้ พอรู้ว่าอีกสองสัปดาห์เขาจะกลับ ตาผมก็จ้องอยู่แต่ตัวเลขบนปฏิทิน รอว่าเมื่อไหร่จะถึงกำหนดกลับของเขาเสียที พอใกล้ถึงกำหนด เขาก็โทรมาบอกเที่ยวบินกับผม
   “คุณไพฑูรย์ ผมไปถึงคงห้าทุ่ม เอางี้แล้วกัน เดี๋ยวผมไปหาคุณที่บ้าน... ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยววันรุ่งขึ้นผมไปรับคุณที่บ้านเหมือนเดิม แล้วไปทำงานด้วยกันเลย คุณจะได้ไม่ต้องนอนดึก”
   เขาพูดเร็วเป็นต่อยหอยด้วยความตื่นเต้น ผมเลยต้องบอกให้เขาใจเย็นๆ
   “คุณไม่ต้องมารับผมตอนเช้าหรอก คุณมาถึงนี่ก็คืนวันศุกร์แล้ว วันเสาร์ผมไม่ทำงานหรอกนะ”
   เขาหัวเราะเขินๆ “ขอโทษครับ งั้น..เช้าผมไปหาคุณนะ”
   “เดี๋ยวผมไปรับคุณก็ได้”
   “แต่มันดึกนะครับ”
   “ไม่เป็นไรหรอก”
   “คุณไพฑูรย์”
   “หืม?”
   “ขอบคุณนะครับ ผมจะได้กลับไปแล้ว คิดถึงคุณสุดๆ เลย”
   เขาว่าและวางสายไป หลังจากนั้นผมก็แทบนับชั่วโมงรอเขา
   ผมนี่ก็เป็นเอามากใช่ย่อยเหมือนกันนะเนี่ย
----------------------------------------------
   ผมออกจากบ้านตอนสามทุ่ม นึกๆ อยู่ว่าจะใส่เสื้อตัวไหนไปรับเขาดี ก็เห็นเสื้อสีชมพูที่เขาซื้อไว้ให้พอดี เอาล่ะ ไหนๆ เขาเป็นคนซื้อ ไหนๆ มันก็มืดแล้ว คงไม่มีใครสังเกต อีกอย่างสนามบินก็คนเยอะแยะ ไม่มีใครจำผมได้หรอก ผมใส่ไปรับเขาให้ชื่นใจสักหนก็ได้
   สรุปแล้วผมก็ใส่เสื้อตัวนั้นกับกางเกงขายาวสีขาวมาที่สนามบิน พอมาถึงก็ล้วงหาแว่นอย่างไม่กลัวอายคนเพื่อดูว่าเครื่องที่เขานั่งมาจะลงจอดตอนกี่โมง แหม คนเดินออกเยอะแยะ ใครมันคงไม่สังเกตหน้าผมหรอก
   ผมกลัวพลาดไม่ได้เจอหน้าเขาตอนลงจากเครื่อง มากกว่ากลัวคนจะหาว่าแก่เสียอีก
   จากนั้นผมก็เดินไปรอที่หน้าทางออก โอ๊ย ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าตัวเองจะมีวันแบบนี้ ผมกำลังรอเด็กรุ่นลูกให้เดินออกมาอย่างใจจดใจจ่อ อย่าให้ใครรู้เชียวนะว่าผมเป็นเอาหนัก รู้ถึงไหนอายถึงนั่น เอาหน้าซุกบาดาลท่าทางจะยังไม่หายอาย
   แล้วเจ้านพรัตน์ก็เดินออกมา เขาดูหนากว่าเดิมนิดหน่อย ที่เหลือก็ไม่ต่างอะไรกับตอนไป แถมใส่เสื้อที่ผมซื้อให้มาอีกแนะ ใจตรงกันเสียไม่มี ผมเตรียมสีหน้าไว้หลายแบบ ว่าจะทำหน้าแบบไหนใส่เขา ที่แน่ๆ ผมจะไม่กอดกับเขากลางที่สาธารณะแบบนี้เด็ดขาด เจ้านพรัตน์พอเห็นผมก็ยิ้มจนเห็นฟันเขี้ยวเหมือนเคย น่ารักจริงๆ เลยนะ
   ความจริงผมเตรียมสีหน้าไว้หลายแบบ ผมมันจอมวางมาด เวลาไหนผมต้องดูดีเสมอ ไม่เว้นตอนที่มารับเด็กรุ่นลูกแบบนี้ แต่ผมไม่ได้เตรียมสีหน้าสำหรับสิ่งที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้มาก่อน
   นพรัตน์เดินมาหาผม ท่าทางดีใจจริงๆ แต่ข้างตัวเขามีเด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลอีกคน อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เดินเกาะแขนกันมาอย่างกับคู่รัก
   ผมรู้สึกตาพร่าขึ้นมาตอนนั้นเอง
   “คุณไพฑูรย์” นพรัตน์ยังคงยิ้มกว้าง ไม่ได้รู้สึกเลยว่าผมไม่ยิ้มกับเขาแล้ว เออ ใช่ ลืมไป ปกติผมก็ไม่ค่อยจะยิ้มให้เขาอยู่แล้ว ผมได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงคนนั้นทักผมเป็นภาษาอังกฤษ แต่หูผมอื้อเต็มทน เสียงอะไรก็ดูจะดังวิ้งๆ ไปหมด
   ผมมันคนจิตแข็ง ผมเจอมาแล้วทุกอย่าง น้อยเรื่องที่จะทำให้ผมหวั่นไหวได้ ผมรู้แล้วเขายังเด็ก ผมรู้แล้วเขาจริงใจ แต่ผมเพิ่งรู้เหมือนกันว่าเขาเปลี่ยนใจได้เร็วเหลือเชื่อ และที่สำคัญ ผมเพิ่งรู้อีกเหมือนกันว่าเข้าใจผิดไปเองเต็มๆ
   เขาไมได้คิดอะไรกับผมเลยใช่ไหม เขาถึงได้ทำแบบนี้ เขาคิดว่าผมเป็นแค่เจ้านายในที่ทำงาน เป็นคุณอาใจดีที่ไปเที่ยวเป็นเพื่อนเขา เขาถึงพาผู้หญิงมาพบผมได้อย่างหน้าชื่นตาบาน ราวกับว่าอยากอวดให้ผมเห็น แล้วอย่างนั้น...แล้วอย่างนั้น วันนั้นเขาจูบผมเพื่ออะไร?
   ผมอยากเห็นหน้าเขา ผมอยากเจอตัวเขามาตลอดหลายเดือน คิดถึงเขาแทบตาย แต่ว่าตอนนี้....
   “คุณไพฑูรย์?!”
   ผมไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากได้ยินเสียงของเขาแล้ว
   ผมไม่อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว
---------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 08-06-2011 15:43:51
กรี๊ดดดดดดดดดดด อ่านตั้งแต่ช่วงต้่นถึงช่วงกลางของขั้นที่ 9 ก็รู้สึกว่าวันนี้คุณไพฑูรย์เพ้อมากมายอ่ะ
พอมาเริ่มอ่านช่วงท้ายตอนต้นๆ แอบใจหาย แอบสงสาร คุณไพฑูรย์ T^T
พอมาช่วงท้ายจริงๆ แอบดีใจ คุณไพฑูรย์ ดูสดใสดูมีความสุขขึ้นแล้ว
แต่ทำไมจบตอนแบบนี้อ่ะ เกิดไรขึ้นเนี่ย? มันต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆเลย T^T
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 08-06-2011 15:51:22
อ่านตอนท้ายแล้วน้ำตาจะไหล
ถึงจะเข้าใจผิดแต่ตอนเห็นใครจะทำใจได้
T____T
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 08-06-2011 15:52:57
คิดเองเออเอง
.
เมื่อไหร่จะได้กันซักที???
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 08-06-2011 16:52:27
ง่ะ ชะนีน้อย ใครคะ
อุส่าห์ลุ้นแทบตาย กว่าคุณไพจะใจอ่อน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 08-06-2011 17:46:11
 :sad11:

อ่านตอนแรกแล้วแบบได้อารมณ์เหงาเลยอ่ะ

คุณไพรู้ใจตัวเองแล้ว

แต่ตอนหลังนี้สิเล่นเอาอึ้ง

นายนพนี่ก็นะบอกว่ารักคุณไพแต่ยอมให้ชะนีน้อยนั้นควงแขน

หล่อนเป็นใคร  :angry2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 08-06-2011 17:53:57
เหมือนแอบอ่านกิจวัตรประจำวันของคุณไพทูรย์ 555
และทำให้เรารู้ว่า คุณไพทูรย์ก็คิดถึงนพมากแค่ไหน
แอบดีใจกับทั้งคู่ด้วยที่จะได้เจอกันแล้ว
แต่ แต่ ยัยเด็กสาวนั้นใคร
นพพาใครกลับบ้านมาด้วย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 08-06-2011 17:57:37
เข้าใจผิดแน่ๆ :serius2:
เข้าใจผิดใช่มั้ย :serius2:
ขอให้เป็นเรื่องเข้าใจผิดเถอะ :call:
สงสารพี่ไพหงะ :monkeysad:
หักอกคนสูงอายุมันปาบนะนพ :angry2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 08-06-2011 18:16:04
คุณไพฑูรย์จิตตกไปเรียบร้อย พอๆกับคนอ่านเลย :sad2:
คงมีการเข้าใจอะไรผิดไปแน่ๆใช่มั้ย :serius2: นพเคลียร์ด่วนนนน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 08-06-2011 18:20:54
อ๊ากกกก มาต่อวันนี้เลยได้ป่าววววว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 08-06-2011 18:22:40
คุณไพฑูรย์ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร
ไหง คิดเอาเองอย่างนั้นล่ะ  ตั้งสติหน่อยคุณไพฑูรย์
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 08-06-2011 18:26:51
Who is she???
ไม่นะ ลูกสาวของพี่สาวหรือเปล่าฮะเนี่ย
ไม่ดราม่านะฮะ ไม่อยากเครียด ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 08-06-2011 18:45:08
หล่อนเป็นใคร??????????????????

เครียด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 08-06-2011 18:51:44
 :monkeysad: เจ็บนะกับคำนี้ "คิดไปเอง" :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: rose ที่ 08-06-2011 19:16:16
ง๊ากกกกกก ก

ตากุยยย ย

 o9

จาอ่านอีกกกกกก ก

ทำไมมันเป็นอย่างนี้ :z3: :z3: :z3:


หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 08-06-2011 19:23:39
คิดเองเออเอง
.
เมื่อไหร่จะได้กันซักที???

ใช่เลยค่ะ ถามเขาก่อนสิคะ อย่าคิดมาก ซิกๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: tartar ที่ 08-06-2011 19:43:36
โอ้ยยยยยยยยยยยยยคิดมาก
เฮ้อคนแก่น่ะคนแก่55

ขอบคุณครับ รอเสมอ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 08-06-2011 19:50:18
ง่ะ

ทำไมเป็นแบบนี้

 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 08-06-2011 20:02:07
เอ้าาาา เกิดอะไรขึ้น จะดีๆอยู่แล้วเชียว อะไรอีกเนี่ย ชะนีน้อยนางนี้คือใคร อยากรู้ๆๆๆ :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: lastlover ที่ 08-06-2011 20:18:07
 :call:ขอให้เข้าใจผิดทีเหอะ :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 08-06-2011 20:29:36
ง่า
ทำไมตัดจบแบบนี้ละค๊า
อ๊าย อยากอ่านต่อไวๆๆ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครค๊า อยากรู้อ่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 08-06-2011 20:32:47
อ่านช่วงต้นๆช่วงที่คุณไพฑูรย์เหงา และคิดถึงนพ ก็พลอยใจเหี่ยวใจแห้งไปด้วย
มาช่วงรอวันนพกลับก็พลอยดีใจและมีความสุขในการรอไปกับคุณไพฑูรย์
และฟันธงในใจว่า คุณไพฑูรย์รักนพเข้าแล้วเต็มเปา
ลุ้นในใจว่า ให้คุณไพฑูรย์เผลอใจกอดนพทีเทอะ  
เอ๊า..ไหง มาหักมุม ให้มีเหตุให้คุณไพฑูรย์ต้องเกิดอารมณ์เสียใจ น้อยใจ(หึง)ซะงั้น
อารมณ์คนอ่านก็พลอยหวิวๆหม่นๆไปด้วยซีคะ
***นี่แหละค่ะเสน่ห์ของเรื่องนี้แหละ เหมือนเชฟฝีมือดี ที่สามารถปรุงอาหารอร่อยล้ำหลากรส
ให้คนได้ลิ้มรสหลากหลาย ในเวลาเดียวกัน  แล้วใครจะไม่ติดใจล่ะ***
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Stitch ที่ 08-06-2011 20:40:18
คุณไพฑูรย์ เข้าใจผิดแน่ๆ 

อยากอ่านต่ออ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: วิหคท่องนภา ที่ 08-06-2011 20:56:30
 :serius2:ม่ายยยยยยย  ค้างที่สุดในโลกมนุษย์!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: butterfly_bee ที่ 08-06-2011 21:04:21
อ่านแล้วรู้สึกโหวงๆในใจ อินไปกับคุณไพฑูรย์เลยทีเดียว
นพรัตน์หายไปตั้งหลายเดือนขนาดนั้น
แล้วยังกลับมากับสาวอีกตะหาก  :เฮ้อ:
ขอให้คุณไพฑูรย์เข้าใจผิดนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 08-06-2011 21:17:47
คุนไพเพ้อเอามากๆ
หวังว่าจะสมหวังกันซะทีนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 08-06-2011 21:59:36
เด็กคนนั้นคงเป็นหลาน ลูกพี่ลูกน้อง ญาติสนิท เด็กแถวบ้านที่รักกันเป็นพี่น้องเท่านั้น อะไรทำนองนั้นใช่มั้ย

ไม่งั้นเค้าจะสงสารคุณไพฑูรย์มาก ยิ่งแต่ชอบน้อยใจเรื่องความต่างของอายุอยู่  :m15:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 08-06-2011 22:09:09
คุณพี่ไพน่ารักมากกกกกกกกกกก อ่านเพลินเลยละค่ะ
แต่ตอนท้าย ๆ ไม่เอาแบบนี้น๊าาาาาาาาาา รีบ ๆ มาเคลียร์ด่วนเลยคุณนพ แฟนคลับพี่ไพเคืองนะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: skidK ที่ 08-06-2011 22:31:13

นพก็ช้าจริงแทนที่จะแนะนำซะเร็วๆ เราอยากรู้นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 08-06-2011 22:37:58
ง่า อะไรก๊านนนนนนนนนนนน :serius2: ไม่ใช่แบบนั้นแน่ๆคุณไพฑูรณ์ อย่าเข้าใจผิดสิค๊า
รออ่านต่อ :monkeysad:
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 08-06-2011 23:08:19
กว่าลุงแกจะใจอ่อน ไม่ใช่ง่ายๆ นะค่ะเนี๊ย

โอ๊ยยย ทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอ่ะ    :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MimicClub ที่ 09-06-2011 00:07:10
 :-[  ในที่สุดคุณไพ  ก็รักนพ  อย่างรู้ใจตัวเอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-06-2011 09:36:56
เดี๋ยวดิลุง ฟัง นพ อธิบายก่อนนะ ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้นค่อยโมโห  แต่ นพ ก็นะ รีบๆทำไรเข้าดิ  :serius2:  :serius2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 09-06-2011 09:38:21
บันไดขั้นขั้นสุดท้าย
   ชีวิตนี้ผมช็อกครั้งแรก ตอนที่รู้ว่าพรายโพยมรักผม แล้วผมเป็นฝ่ายปล่อยเขาไปเอง ผมช็อกเพราะคิดว่าเขาลืมผมแล้วมาโดยตลอด
   คราวนั้นผมแค่น้ำตาร่วง แต่คราวนี้.....
   ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ สิ่งแรกที่เห็นคือหลอดไฟนีออนในรางสเตนเลส จากนั้นจมูกก็ได้กลิ่นอะไรสักอย่าง จำได้ว่าเคยได้กลิ่นนี้ตอนช่วงหลังหมดสัปดาห์จ่ายโบนัสปีก่อนโน้น หลังจากนั้นอีกสักสองสามวินาที ผมถึงรู้ว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล พอหันหน้าไปข้างเตียงก็เห็นเจ้านพรัตน์นั่งตาแป๋วอยู่ อย่างกับแมวปั้นบนหัวเตียงที่ผมมองมาตั้งหลายเดือนแน่ะ แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะมองหน้าเขาหรอก เลยหันหน้าหนีไปอีกทาง
   “คุณไพฑูรย์....”
   เหอะ เรียกอยู่ได้ น่ารำคาญจริงๆ ผมหันหน้ามาอีกทาง จะได้ไม่ต้องเจอหน้านายนพรัตน์ แต่ก็ดันเจอสาวฝรั่งผมสีน้ำตาลคนนั้นนั่งอยู่แทน ตาแป๋วเป็นแมวเหมือนกันไม่มีผิด โดนจ้องจากสองข้างแบบนี้ สุดท้ายผมเลยหันหน้าไปมองเพดาน สบตากับไฟนีออนให้รู้แล้วรู้รอด
   “คุณไพฑูรย์....นอนจ้องไฟไม่ดีต่อสายตานะครับ”
   อย่ามายุ่งน่ะ คนมันอยากจ้องก็ปล่อยให้จ้องไปสิ นายสองคนนั่นแหละมานั่งหน้าสลอนทำอะไรกัน หวังขอคำอวยพรแต่งงานจากผู้ใหญ่อย่างผมหรือไง?!
   “ออกไปได้แล้ว ผมจะได้พักผ่อน” ผมเอ่ยปากไล่เมื่อเห็นสองคนยังคงนั่งนิ่ง  นพรัตน์ขยับตัวยุกยิกขณะที่อีกคนดูจะฟังไม่เข้าใจ
   “แต่คุณเพิ่งตื่นนะครับ” เขาว่า ผมล่ะเบื่อพวกช่างสังเกตเหลือเกิน
   “เออ ผมตื่นได้ก็นอนต่อได้”
   “ไม่เป็นไรครับ ผมจะนั่งเงียบๆ “
   “ผมไม่ชอบให้ใครมาจ้องตอนนอน”
   “เปล่าจ้องนะครับ”
   “งั้นก็ออกไปสิ”
   “.............”
   “ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง อย่าให้ผมต้องออกปากไล่นะ”
   “ฟังรู้เรื่องครับ แต่คุณฟังผมก่อนได้รึเปล่า?”
   “......” แน่ะ กลับมาปุ๊บก็ตั้งหน้าตั้งตาต่อรองกับผมปั้บ เอาล่ะ ผมมันเป็นผู้ใหญ่ ใจกว้างพออยู่แล้ว ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว... ให้ตายสิ ผมไม่อยากนึกเลยว่าตัวเองมานอนโรงพยาบาลเพราะอะไร ตอนนั้นผมเห็นเขาเดินควงมากับเด็กสาวคนนี้ แล้วผมก็โมโห...แล้วผมก็....
   “คุณไพฑูรย์ คุณเป็นลมไปนะ จำได้รึเปล่าครับ”
   “เออ” จำได้สิ เด็กบ้า จะพูดออกมาทำให้ให้อายคนอีกเล่า
   “หมอบอกว่าคุณช็อก เพราะตกใจมาก”
   “..........”
   “คุณตกใจที่เห็นผมควงผู้หญิงมาใช่ไหม?”
   โอ๊ย ผมล่ะอยากจะลุกขึ้นแล้วหันไปบีบคอเขาเสียจริงๆ รู้อยู่แก่ใจยังจะมาถาม
   “คุณนพ ออกไปได้แล้ว ผมจะได้นอน” ผมไล่ ขี้เกียจจะฟังเขาพูดต่อ แต่เขาไม่ไปง่ายๆ กลับมาจากแคนนาดานอกจากจะหน้าด้านขึ้น ยังทำหูทวนลมได้เก่งขึ้นด้วย ไม่ไปไม่พอ ยังจับมือผมอีก ผมทนไม่ไหวจริงๆ ต้องหันมาอ้าปากเตรียมจะด่าเขา
   “หึงผมใช่ไหมครับ คุณหึงผมจนเป็นลมเลยใช่ไหม?”
   ผมอ้าปากค้าง ถ้าผมเป็นลมไปอีกรอบหนึ่งนะ ผมให้หมอเอาผิดเจ้าหมอนี่ได้เลย ผมจะเป็นลมเพราะเขานี่แหละ ไอ้เด็กบ้านี่
   “ผมดีใจจัง” พูดไปหน้าแดงอีก โอ๊ย หยุดพูดเองเออเองสักทีได้แล้ว คนเป็นลมยังจะมาดีใจอีก ไอ้เด็กเวรนี่
   “คุณนพ หยุดแกล้งผมได้แล้ว คุณพาผู้หญิงมาให้ผมดูทำไม บอกมาตรงๆ เลยดีกว่า” ผมพยายามรักษาสติ ไม่ได้ด่าเขาออกไป แต่มาถึงตอนนี้คงต้องถามกันตรงๆ แล้ว นพรัตน์มองหน้าผม ยิ้มกระมิดกระเมี้ยนอีก โอ๊ยยย ผมล่ะอยากถีบเขาให้ตกหน้าต่างโรงพยาบาลไปตอนนี้เลย ผมไม่ชอบยิ้มเขาแล้ว ไม่น่ารักสักนิด
   “เธอขอตามมาด้วยน่ะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะพามานะ”
   โอ้โห แก้ตัวได้ฟังขึ้นเสียไม่มี ผมแค่นเสียงดังเหอะ “มีผู้หญิงตามมายังจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจอีก คุณนพ ถ้าคุณไม่คิดอะไรกับผมก็เลิกยุ่งกับผมดีกว่า”
   “คุณอยากให้ผมคิดอะไรกับคุณล่ะครับ?”
   ผมล่ะอยากเอาหัวโขกเขาจริงๆ แต่ก็ระลึกได้ว่า ผมแก่กว่าเขาตั้งเกือบยี่สิบปี จะไปทำแบบนั้นมันก็ไม่เหมาะ “คุณนพ ออกไปเถอะ ก่อนที่ผมจะโมโหไปมากกว่านี้”
   “ไม่ไปครับ”
   “ผมบอกให้ไป”
   “ก็ผมไม่ไป ผมจะอยู่กับคุณ”
   ผมอดไม่ได้ต้องหันมาถลึงตาใส่เขาอีกรอบ “จะอยู่กับผมทำไม คุณมีผู้หญิงอยู่ด้วยแล้วนี่ ผมไม่ให้คุณใช้บ้านผมเป็นรังรักหรอกนะ”
   “ไม่เป็นไรครับ ใช้บ้านผมก็ได้”
   ผมพยักหน้า เออในที่สุดก็คิดได้กับเขาบ้างนะ แต่รออยู่จนเริ่มเมื่อยเขาก็ไม่ปล่อยมือสักที แถมไม่มีท่าทีว่าจะลุกอีก ผมอดไม่ได้ ต้องส่งเสียงต่อ “อ้าว ไปบ้านคุณก็ไปสิ นั่งหน้าสลอนกันอยู่ทำไม”
   “ผมรอคุณลุกอยู่ไงครับ จะได้ไปด้วยกัน”
   “นี่คุณนพ บ้านคุณคุณก็ไปกันเองสิ ผมไม่มีรถไปรับไปส่งคุณหรอกนะ”
   “ผมจะให้คุณไปด้วยนี่ครับ”
   “ให้ผมไปทำไม?”
   “ไปสร้างรังรักกับผม ทำรังกันแค่สองคนก็พอ”
   ผมว่าพี่จิระภัทร์หน้าด้านแล้วนะ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่านายนพรัตน์หน้าด้านกว่าอีก อายุแค่ยี่สิบต้นๆ ไปเอาความหน้าด้านมาจากไหนกันเนี่ย
   “คุณนพ คุณมีผู้หญิงอยู่แล้ว คุณจะพาผมไปทำไมอีก”
   นพรัตน์มองหน้าผมยิ้มๆ จากนั้นก็ดึงมือผมเข้าไปจูบ
   อย่ามาเล่นมุขนี้นะ เล่นไปผมก็ไม่ใจอ่อนหรอก
   ผมโกรธจนตัวสั่น คราวนี้เขาเลยหยุดยิ้ม แล้วทำหน้าจริงจังขึ้นมา คงกลัวผมเป็นลมเป็นแล้งไปอีก เออ ถ้าผมเป็นอะไรไปนะ เขาจะได้โดนข้อหาจงใจฆาตกรรมผมแน่ๆ
   “คุณไพฑูรย์ ผู้หญิงที่คุณว่าน่ะ เป็นหลานแท้ๆ ของผมน่ะครับ”
   “?”
   “เธอเป็นลูกพี่สาวผมที่อยู่แคนนาดาน่ะ พอผมจะกลับเลยขอตามมาเที่ยวด้วย”
   “?!”
   “จริงๆ นะครับ ไม่เชื่อถามเธอดูสิ”
   ผมรู้สึกหน้าชา นี่ผมเป็นลมเพราะเข้าใจผิด ไม่ แต่ผมไม่เชื่ออะไรง่ายๆ หรอก มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาอาจจะพูดแก้ตัวไปก็ได้
   “Hey, do you want to speak with me?” เสียงน่ารักดีนะ ถึงผมไม่ชอบผู้หญิง แต่ผมไม่เสียมารยาทต่อหน้าผู้หญิงหรอก พอหันกลับไปก็เห็นเธอยิ้ม แนะ ยังจะมีฟันเขี้ยวเหมือนกันอีก อยากจะให้ผมเชื่อจริงๆ ใช่ไหม?
   “I know you are my little uncle’s sweet heart, you’re so very cute than I thought.”
   ผมเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง เจ้านพรัตน์ให้ผมถาม แต่ผมไม่รู้จะถามอะไรแล้ว หันกลับมาเอาเรื่องกับเขาท่าทางจะง่ายกว่า
   “คุณนพ นี่มันอะไร?”
   “หลานผมไงครับ ชื่อเจสซิก้า”
   “ไม่ใช่ คุณไปเล่าอะไรให้เธอฟัง”
   “อ๋อ” เขาร้อง หน้าแดง เม้มปากแล้วบิดไปบิดมา ไอ้เด็กบ้า ทำตัวเป็นเด็กสิบขวบแบบนี้จะมีปัญญาดูหลานโตขนาดนี้ได้ไง เชื่อก็บ้าแล้ว
“ผมเล่าให้เธอฟังว่าผมมีแฟนอยู่ที่เมืองไทย อายุเยอะกว่าแต่น่ารักสุดๆ “
   ผมตัวสั่นกึกๆ อยากด่าเขา อยากถีบเขาตอนนี้เลย เขาไปเล่าเรื่องบ้าๆ อย่างนี้ให้เด็กผู้หญิงฟังได้ยังไง
   “Um… Uncle, I think I will go out side now. Leave you and him alone.” เจสซิก้าพูดแทรกขึ้นมา ไม่พูดเปล่า พูดจบดันก้มลงหอมแก้มผมดังฟอด ไม่ใช่ญาติไม่ใช่โยมกันเสียหน่อย ผมไม่ใช่ฝรั่งนะ จะมาจูบแก้มกันทำไม
   “Good luck”
   ก่อนไปยังทิ้งท้ายอีกแน่ะ ผมเห็นนพรัตน์สำทับตามไปว่าอย่าออกไปเดินเล่นไกลๆ นะ แหม.. ทำตัวสมเป็นน้าเสียไม่มี แต่..เอ่อ....คราวนี้ก็เหลือแค่ผมกับเขาแล้วสิ?
   “คุณไพฑูรย์” เขาเรียกชื่อผม แล้วยื่นหน้าเข้ามา ผมรู้สึกตัวเองตกที่นั่งลำบากสุดๆ เหมือนเผลอกระโดดลงหลุมที่เขาขุดดักไว้ทั้งตัว ผมจะหนียังไงดีเนี่ย
   เป็นลมเพราะเห็นเขาควงหลานมา ผมควรจะแก้ตัวยังไง ควรจะเอาหน้าไปซุกไว้ไหน? ฝากกับDHLให้ไปส่งไกลๆ เขาจะไปส่งให้ผมไหมนี่
   “ผมกลับมาแล้วนะ มารับส่วนที่เหลือจากมัดจำคราวที่แล้ว”
   มัดจำอะไร อย่ามาทำโมเมนะ ผมก็อยากจะเถียงเขาแบบนี้อยู่หรอก แต่ขากรรไกรดันค้างอีกแล้ว บ้าจริง ทำไมผมต้องใบ้กินเวลาแบบนี้ทุกทีเลย ตายๆ แย่แน่ๆ
   นพรัตน์ขยับตัว กดมือผมลงไปบนเตียง ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ โอ๊ย ขอทีเถอะ สงสารคนแก่อย่างผมบ้าง อย่าเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ แบบนี้ หัวใจผมเต้นแรงไปหมดแล้ว
   จากนั้นเขาก็ขย้ำริมฝีปากลงไปบนต้นคอผม เล่นเอาขนลุกเกรียวไปหมด
   “คุณนพ นี่โรงพยาบาลนะ” ผมโวยทันที เพราะขืนเงียบต่อไปมีหวังไม่รอดแน่ นพรัตน์เงยหน้าขึ้นมอง ตาเขาดำสนิท เชื่องเหมือนแมวอย่างเดิมนั่นแหละ แต่คราวนี้ผมเห็นแววอย่างอื่นปนอยู่ด้วย
   เออ เขาเพิ่งอายุยี่สิบสาม ไม่รู้สึกเรื่องพวกนี้เลยก็บ้าแล้ว
   นพรัตน์ขบริมฝีปาก ก้มลงกระซิบข้างหูผม “ครับ โรงพยาบาล แต่ผมไม่สนหรอก”
   เขาก้มลงอีกครั้ง ขย้ำริมฝีปากลงบนต้นคอผมอีกรอบ ก่อนจะขบติ่งหูของผมเบาๆ โอ๊ย แอร์นะเปิดอยู่หรอก แต่ผมร้อนวูบไปทั้งตัวเลย
   “คุณนพ ทำที่นี่ไม่ได้!”
   นพรัตน์เงยหน้าขึ้นมามองผมอีกรอบ จากนั้นก็ยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยว หน้าแดงอย่างกับมะเขือเทศ แต่ผมว่าผมควรอายมากกว่าเขาอีก
   “งั้น กลับบ้านกันนะครับ”
   ผมนอนอึ้ง... เอ่อ...ที่ผมพูดออกไปน่ะเขาเข้าใจว่าไงน่ะ....
   “งั้น... ผมทำต่อนะ” เขาว่า คราวนี้กดมือผมติดเบาะเตียงแน่นเลย โอ๊ย อย่าเอาเปรียบกันได้มั้ยเล่า ผมรุ่นนี้แล้ว จะสู้แรงเขาไหวได้ยังไง
   “เอาล่ะ กลับบ้านก็กลับ” ผมรีบตกลง เพราะขืนมัวแต่อิดออดจะไม่รอดไปถึงพรุ่งนี้ ถึงบ้านค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้เอาตัวรอดจากสถานการณ์เฉพาะหน้าก่อน
   นพรัตน์ยิ้มแก้มปริเช่นเคย “งั้นผมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นะ” เขาว่าและปลดกระดุมเสื้อผมออก ผมเลยดึงเสื้อกลับ แล้วขยับหนีไปอีกทาง
   “ไม่ต้อง ผมเปลี่ยนเอง”
   “คุณไพฑูรย์”
   เรียกไปผมก็ไม่ใจอ่อนกับเรื่องแบบนี้หรอกนะ “คุณอยากถอด ก็ถอดของตัวเองสิ” ผมว่า แล้วหันหน้ามาถลึงตาใส่เขาเพื่อให้รู้ว่าผมไม่พอใจ แต่ผมคิดผิดขนาดหนัก เพราะพอหันไป เขาก็ยิ้มอย่างเขินสุดๆ
   “อือ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วผมจะถอด”
   ผมรีบจ้ำอ้าวเข้าห้องน้ำไปทันทีราวกับคนปวดท้องหนัก
----------------------------------------------------
   สุดท้ายผมก็กลับมากับนายนพรัตน์ พร้อมด้วยหลานของเขาที่ชื่อว่าเจสซิก้า ผมไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว เพราะน้าหลานคู่นี้พอยิ้มหน้าราวกับถอดมาจากพิมพ์เดียวกัน จะต่างก็แต่เจสซิก้าหน้าติดฝรั่ง แต่วิธียิ้มน่ะเหมือนกันเด๊ะเลย เจ้านพรัตน์ให้ผมมานั่งข้างหน้า เพราะกลัวผมถูกหลานตัวเองขืนใจ ยัยหนูเจสซิก้าเห็นผมแล้วต้องพุ่งเข้าใส่ ไม่รู้เป็นอะไร อายุก็ไม่น้อยแล้วแท้ๆ เห็นเจ้านพรัตน์บอกว่าจะสิบแปดแล้ว น้าหลานอายุห่างกันแค่นี้ ผมชักสงสัยว่าพี่สาวของเจ้านพรัตน์คนนี้อายุเท่าไหร่กันแน่
   “เขาเป็นพี่คุณหลายปีเลยล่ะ” นพรัตน์ตอบผม ผมทำหน้าเหวอ เออ ผมเดาไม่ผิด พี่สาวกับพี่ชายเหมือนพ่อกับแม่เขาจริงๆ ดีแล้วที่คนนี้เป็นพี่สาวคนโต ถ้ายังมีแก่กว่านี้ผมไม่อยากนึกว่าเขาเกิดตอนแม่อายุเท่าไหร่ ไม่ปัญญาอ่อนก็นับว่าบุญ เอาเถอะ นอกจากเขาไม่เฉียดเข้าใกล้คำว่าปัญญาอ่อนแล้ว ยังเกิดมาหน้าตาหล่อเหลา แถมฉลาดเสียไม่มี คงเป็นบุญของคนเป็นพ่อเป็นแม่ แต่คงเป็นเวรกรรมของผม ที่ตกหลุมพรางเขาเข้าเต็มเปา
   นพรัตน์เล่าระหว่างขับรถว่าพี่สาวของเขาคนนี้ดีทุกอย่าง เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเลี้ยงดูพี่น้องที่เหลืออีกสามคนตั้งแต่ยังสาวๆ พอเขาได้สองขวบก็ย้ายไปอยู่แคนนาดา แต่ก็ยังส่งขนมส่งเสื้อผ้า ของใช้ ของเล่นมาให้ตลอด เรียกว่าตัวไม่อยู่แต่ใจนึกถึงน้องเสมอ แต่สองอย่างที่เธอไม่ชอบเอามากๆ คือเรื่องที่เขาเป็นเกย์ กับเรื่องที่ชอบคนอายุเยอะกว่ามากๆ
   ผมนึกเห็นด้วย ถ้าผมเป็นพี่เขา ผมคงไม่ปลื้มเหมือนกันแหละ อย่างน้อยก็ไอ้เรื่องชอบคนอายุเยอะกว่าเนี่ย
   “พี่ชายผมต้องกลับมาทำงานด้วยแหละ ผมเลยต้องอยู่เฝ้าพี่สาว ผมอยากโทรหาคุณนะ แต่ก็ห่วงว่าพี่จะกังวล กลัวเขาจะเอาไปคิดว่าผมคบคนแก่กว่าหรือเป็นผู้ชายอีกรึเปล่า”
   “ดีแล้วล่ะที่คุณไม่โทร” ผมว่า เพราะเรื่องที่พี่สาวไม่ชอบเขาทำครบสูตรเลย นพรัตน์ยิ้มแห้งๆ
   “ผมก็กลัวคุณทิ้งผมเหมือนกันนะ คุณยิ่งไม่ค่อยเชื่อใจผมอยู่ เห็นว่าผมเป็นเด็กอยู่เรื่อย”
   “ก็คุณยังเด็กจริงๆ นี่” ผมว่า เขาทำหน้ามุ่ย ได้ยินเสียงเจสซิก้าโวยวายว่าคุยอะไรแปลให้ฟังบ้ง เจ้านพรัตน์เลยหันไปดุ แหม... ตัวแค่นี้จะไปดุใครเขาได้ หลานเขาเลยทำหน้ามุ่ยบ้าง แล้วหันมาอ้อนผมแทน
   เออ พอกันเลย น้าหลานคู่นี้
----------------------------------------------
   ผมรู้สึกเหมือนถูกแมวสองตัวรุม ดีว่าแมวอีกตัวขับรถอยู่ เลยอาละวาดได้ไม่มาก ปล่อยแมวสาวผมสีน้ำตาลเอาคางเกยเบาะนั่งแล้วถามนั่นถามนี่ให้ผมตอบจนหูอื้อไปหมด กว่ารถจะหยุด ผมก็ตาลายเต็มทน
   แต่พอเงยมองออกไปนอกกระจกก็เพิ่งรู้ว่านี่ไม่ใช่บ้านผม บ้านหลังไม่ใหญ่ไม่เล็ก เก่าแต่ดูดี พอรู้ว่ามีคนทำความสะอาดอยู่เรื่อยๆ ผมหันกลับมามองนพรัตน์ เขาเลยยิ้ม แล้วตอบคำถามทางสายตาของผม
   “บ้านผมเอง นานแล้วล่ะ ตั้งแต่สมัยพ่อแม่ยังอยู่” ผมมองตัวบ้าน และพยักหน้า เก่าแล้วจริงๆ บ้านที่เคยอยู่กันหลายคน พอมาเหลือยู่คนเดียว มันก็เหงาอยู่เหมือนกันนะ สักพักผมก็ได้ยินเขาพูดอีก
   “Hey, Jessy go home.”
   ผมหันมามองเขาทันที ขณะที่เจสซิก้าโวยวาย
   “No, I want to go with you too.”
   “I don’t want you go with us, understand?”
   ผมเพิ่งรู้ว่านายนพรัตน์ก็โหดกลับหลานเหมือนกัน แต่จะปล่อยให้เด็กผู้หญิงแถมเพิ่งมาจากต่างประเทศอยู่บ้านคนเดียวได้ไง
   “คุณนพ คุณจะทิ้งเธออยู่บ้านคนเดียวเหรอ?”
   “เดี๋ยวค่ำๆ พี่ชายผมก็แวะมาดูน่ะ”
   ผมมองหน้าเขา “ปล่อยเอาไว้คนเดียวจะดีเหรอ ผมว่าให้ไปด้วยกันก็ได้”
   “แล้วผมล่ะ” นพรัตน์ทำหน้าน่าสงสาร “ก็ไปด้วยกันน่ะสิ” ผมตอบ เขาทำหน้ายู่ สักพักก็พยักหน้า “ก็ได้ครับ แต่ห้ามเอาเจสมาอ้างนะครับ”
   “เออ” ผมตอบไปงั้นๆ เพราะไม่รู้ว่าจะเอาเธอไปอ้างเรื่องอะไร

   ท้ายที่สุด บ้านผมก็มีลูกแมวตัวใหญ่เพิ่มมาอีกสองตัว ตัวหนึ่งซนจริงๆ มาถึงก็ชี้ต้นมะม่วง ชี้ถุงที่ห่ออยู่ ถามนั่นถามนี่เสียงแจ้วๆ ไปหมด อีกตัวก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แต่ขอบเข้ามากระแซะผมอยู่เรื่อย ไปร้องเมี้ยวๆ ไกลๆ เลยไป ไม่ต้องมาทำเป็นคลอ
   เย็นนั้นผมที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ก็ต้องมาทำอาหารให้ลูกแมวสองตัวนี้ทาน เอาล่ะ อย่าให้ใครรู้ว่าผมเข้าโรงพยาบาลน่ะดีแล้ว เพราะเกิดถูกถามว่าเข้าเพราะโรคอะไร ผมคงต้องเอาหน้ามุดดินแทนที่จะตอบ
   ใครมันจะไปบอกว่าช็อกเพราะเห็นเจ้านพรัตน์ควงหลานมาอวดกันล่ะ คนอื่นรู้เข้ามีหวังหัวเราะฟันร่วง แล้วผมคงต้องลาไปผูกคอกับยอดหญ้าตาย
   อะไรมันจะขายหน้ากว่านี้อีกไหม
   แมวสองตัวปากดีพอกัน ทานไปชมไป สงสัยกลัวถูกจ่ายค่ากับข้าว แหม ผมใจป้ำอยู่แล้ว เลี้ยงลูกแมวแค่นี้ไม่คิดค่าอาหารหรอก ขออย่างเดียว อย่ามาคลอผมบ่อยๆ ก็พอ โดยเฉพาะไอ้แมวตัวน้า กลับมาแล้ว ทำผมช็อกเรียบร้อยแล้ว ยังพัฒนาทักษะการคลอเคลีย เล่นเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
   ไม่กลัวผมเป็นโรคหัวใจบ้างหรือไงนะ
   แมวสองตัวทานข้าวเสร็จก็ไปช่วยกันล้างจาน ดีมากทั้งน้าทั้งหลาน เพราะถ้ายังให้ผมล้างอีก ผมจะถีบส่งออกนอกบ้านทั้งคู่ จากนั้นเราก็ออกไปเดินย่อยอาหารกันในหมู่บ้าน ผมกับนพรัตน์ต้องช่วยกันตอบคำถามของเจสซิก้ากันจนเหนื่อย เห็นนกก็ถาม เห็นกระรอกก็ถาม ที่แคนนาดาไม่มีให้ดูหรือไงนะ
   พอหนึ่งทุ่มเราก็กลับเข้าบ้าน อาบน้ำอาบท่าเปิดโทรทัศน์ดูตามปกติ คราวนี้ปัญหามาอยู่ที่โซฟา ตอนแรกนายนพรัตน์นั่งกลาง เบียดผมให้ไปนั่งริม แล้วให้เจสซิก้านั่งอีกฝั่ง แต่ยัยหนูเจสซิก้าเป็นอะไรก็ไม่รู้ ร่ำๆ จะมานั่งข้างผมให้จงได้ นายนพรัตน์ก็ไม่รู้จะหวงอะไรหลานตัวเอง ไม่ยอมให้นั่ง สุดท้ายแม่หนูเลยมานั่งทับตักผมเสียเลย ตัวก็ไม่ใช่เบาๆ เล่นเอาผมหน้านิ่ว นพรัตน์เลยรีบดึงตัวหลานออก แล้วรวบตัวผมไปกอด
   เอาล่ะ รู้ว่าเป็นห่วงผม... แต่กอดไปไม่ช่วยให้ผมหายเจ็บ แล้วก็ช่วยหัดอายหลานหน่อยสิพ่อคุณ เด็กมันนั่งตาดำๆ อยู่เนี่ย
   ท่าทางน้าหลานคู่นี้เห็นผมเป็นเชือกชักเย่อ พอน้ากอด หลานเอามั่ง แต่คนละฝั่งกันนะ ผมทนไม่ไหวเลยตะเพิดทั้งคู่ แล้วไปลากเก้าอี้ทานข้าวมานั่งแทน อยากจะกัดกันก็กัดกันไปให้พอเลย
   นายนพรัตน์นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนโซฟา ขณะที่เจสซิก้าดูมีความสุขเป็นพิเศษ อ้าปากถามนั่นถามนี่ผม ราวกับอยากแย่งความเอ็นดูแข่งกับน้าชาย ผมก็เอ็นดูเด็ก หลานเขาน่ารัก ตาแป๋วเป็นแมว เสียงแจ้วๆ ฟังแล้วก็เพลินหูดี ผมเลยตอบจนเมื่อย พอสี่ทุ่มนายนพรัตน์ก็เป็นมนุษย์อนามัย ชวนผมเข้านอนทันที
   “นอนได้แล้วครับ สี่ทุ่มแล้ว”
   อืม... ก่อนเขาไปแคนนาดาจำได้ว่าห้าทุ่มบางทียังนั่งขำเกมโชว์กันอยู่เลย กลับมาแล้วทำมาอนามัย เจ้าหนูเจสซิก้าเห็นกัดกันแง่งๆ กับน้าชายมาทั้งวัน พอเขาบอกให้ไปนอน ก็ว่าง่าย อ้าปากขอหมอนขอผ้าห่มเรียบร้อย ผมมองๆ ว่าโซฟาตัวเดียวจะนอนพอสองคนได้ยังไง เจ้านพรัตน์เลยช่วยแก้ปัญหาให้
   “เดี๋ยวผมขึ้นไปนอนกับคุณไง”
   เอาล่ะ หมดปัญหาเรื่องโซฟาแคบ แต่ผมสิ ท่าจะมีปัญหาแทน
   นายนพรัตน์เป็นธุระเดินไปเอาหมอนเอาผ้าห่มมาบริการให้หลานตัวเองเรียบร้อยโดยไม่ต้องรอให้ผมขยับตัว แน่นอน เพราะผมขยับตัวไม่ออกอยู่นานแล้ว ก่อนหน้านี้ผมเคยให้เขานอนด้วยก็จริง แต่ตอนนั้นผมรู้ว่าเขาจะไม่ทำอะไร แต่ตอนนี้...
   ผมก็รู้อีกนั่นแหละว่าเขาจะทำอะไร....
   เพราะผมรู้ ผมเลยยืนตัวแข็งอยู่นี่ไงล่ะ
   “คุณไพฑูรย์ครับ ไปนอนเถอะครับ” นพรัตน์พูด หลังกล่าวราตรีสวัสดิ์กับหลานสาวและปิดไฟแล้ว พอผมยังยืนนิ่งก็ทำเนียนมาโอบเอว แค่นี้ผมไม่เคลิ้มหรอกนะ ผมยังคงยืนดื้อแพ่งอยู่หน้าบันไดเหมือนเดิม
   “คุณไพฑูรย์ อย่าดื้อนะครับ ไม่งั้นผมอุ้มขึ้นไปนะ”
   ผมแค่นเสียง แต่ยังไม่ทันพูดสักคำว่าจะขึ้นหรือไม่ขึ้น เขาก็ยกตัวผมจนลอย ผมไม่ตกใจก็บ้าแล้ว คว้าไหล่เขาได้ก็กอดแน่น ใจเต้นแรงจนน่ากลัว
   ผมกลัวตกลงไปน่ะ กลัวเขาทำร่วง
   แต่นายนพรัตน์ก็แรงดี จำได้เหมือนกันว่าตอนเข้ามาทำงานใหม่ๆ เขาเคยอุ้มผมจากชั้นสองขึ้นมาที่ห้องทำงานหนหนึ่งแล้ว และเหมือนกับว่าเคยอุ้มผมจากชั้นล่างขึ้นไปนอนที่เตียงชั้นบนด้วย แต่ตอนนั้นกับตอนนี้มัน....
   “คุณนพ ปล่อยผมได้แล้ว ผมเดินเองได้” ผมว่า ตอนที่ถึงหน้าประตูห้องแล้ว เจ้านพรัตน์เลยยอมปล่อยผม ผมขยับตัวปรับความดันอยู่พักหนึ่งก็เอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู กะว่าเดี๋ยวเปิดปุ๊บ จะรีบปิดปั้บ รับรองเขาตามเข้ามาไม่ทันแน่ บ้านผมบ้านเดี่ยว ปิดประตูดังไม่มีใครโวยวายหรอก แต่เหมือนเขารู้ทัน พอผมจับลูกบิดปั้บเขาก็จับมือผมอีกที อย่างกับว่ากลัวผมจะบิดลูกบิดไม่ออก
   ยังมีอะไรแย่กว่านี้อีกไหม
   ผมยืนนิ่ง แข่งวัดแรงมือกับเขา เรายืนกำลูกบิดกันอยู่พักหนึ่ง สงสัยเขาจะเริ่มเมื่อย เลยเอามืออีกข้างมาพักแถวเอวผม แต่มือที่จับลูกบิดนะมือขวานะ มันเกี่ยวอะไรกับมือซ้ายของเขาไม่ทราบ!?
   “คุณไพฑูรย์ ไม่เปิดประตูสักทีล่ะครับ” เขากระซิบข้างหูผม ฝันไปเถอะ แค่กระซิบกับหายใจเป่าหูเป็นคนโบราณผมไม่หลงกลง่ายๆ หรอก ผมยืนนิ่งไม่มีถอย เขาเลยดูจะเมื่อยมือซ้ายหนักขึ้น เริ่มลูบหน้าท้องผม ลูบๆ ไปก็ต่ำลงเรื่อยๆ ผมสะดุ้ง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่9-หน้า7 8/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 09-06-2011 09:50:14
   “เฮ้ย!”
   “ไม่เข้าผมทำตรงนี้เลยก็ได้นะ” เขาว่าแล้วจูบต้นคอผม จากนั้นก็เริ่มเลียเป็นแมว ผมขนลุกเกรียว เสียหน้าก็ยอมล่ะ ขอเอาตัวรอดจากสถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อนแล้วกัน
   ผมยอมบิดลูกบิด ก่อนที่เขาจะล้วงเข้าไปในกางเกงนอนผม โอ๊ย มีมือก็หัดให้มันอยู่นิ่งๆ บ้างซี่
   นพรัตน์ปิดประตูเสียงดังกริ๊ก ล็อกซะด้วย ผมมองเตียง มองห้องน้ำ มองหน้าต่าง และรู้สึกว่าตัวเองเหลือทางหนีน้อยเต็มที จะเข้าไปแอบในห้องน้ำก็น่าเกลียด จะกระโดดหน้าต่างเกิดพลาดแข้งขาหักมันจะลำบากร่างกายเอา จะยอมเขาดีๆ มันก็.........
   “คุณไพฑูรย์” นพรัตน์กระซิบเรียกชื่อข้างหู จากนั้นก็เริ่มลูบไล้ร่างกายผม ผมน่ะยังนึกถึงเตียงนะ แต่หมอนี่ไม่นึกเลยหรือไง
   “คุณนพ!” ผมพยายามจะดึงมือเขาออก แล้วก็ต้องสะดุ้งวาบ เมื่ออะไรแข็งๆ ชนเข้ากับหลัง ผมละแทบหัวใจหยุดเต้น
   ได้ยินเสียงนายนพรัตน์หอบหายใจหนักๆ อยู่ด้านหลัง เออ ผมรู้ เขาทนมาได้ขนาดนี้ถือว่าเหนือคนทั่วไปแล้ว เขาเพิ่งอายุยี่สิบสาม มีน้ำอดน้ำทนกับผมมาได้ตั้งหลายเดือน แต่... แค่เตียงน่ะ แค่เตียง ไปที่เตียงไม่ได้หรือไงเล่า
   เขาลูบผมจนร้อนไปทั้งตัว จูบต้นคอของผม จากนั้นก็เลียหูผมอย่างกับว่ามันอร่อยนักหนา ผมน่ะอยากจะบอกเขาอยู่หรอกว่าให้ใจเย็นๆ เตียงก็มี อยู่ใกล้ๆ นี่เอง แต่พออ้าปากไปก็ไม่ได้พูด มัวแต่สูดหายใจเฮือกๆ เพราะถูกเขาจับถูกเขาจูบนั่นแหละ
   ลูบๆ ไปสักพักกระดุมเสื้อผมชักจะหลุดไปทีละเม็ดสองเม็ด ขยับออกจากประตูได้ไม่ถึงเมตร เขาก็ดึงเสื้อนอนผมไปกองไว้ที่แขน ขยำหน้าอกแบนๆ ของผม นึกว่าผมเป็นผู้หญิงหรือไง ไม่มีเต้าเต่งตึงดึ๋งดั๋งให้ขยุ้มเล่นหรอกนะ แต่ถ้ายอดอกน่ะ ผมรู้สึกอยู่เหมือนกัน
   นายนพรัตน์เริ่มลูบผมหนักมือขึ้น กัดคอผมเบาๆ แล้วดึงกางเกงนอนของผมออก จากนั้นก็รั้งเอวผมเข้าไปอีก คราวนี้หลังผมเลยชนกับตรงนั้นของเขาเต็มๆ
   ทั้นร้อนทั้งใหญ่ ผมจะตายมั้ยเนี่ย?!
   ผมยังตกใจกับไอ้แข็งๆ ข้างหลังไม่หาย มือของเขาก็ดันเลื่อนมาจับไอ้ของที่อยู่ตรงหว่างขาของผมไว้อีก ผมก็สะดุ้งน่ะสิ ตรงนั้นของใครใครก็หวง จู่ๆ คนอื่นมาจับ จะไม่ตกใจได้ไง ไม่งั้นจะเรียกว่ากล่องดวงใจทำไมล่ะ จากนั้นเขาก็เริ่มรูดมันขึ้นลง แล้วดันตัวผมให้หันหน้าไป จากนั้นก็บดริมฝีปากลงมา
   นี่เป็นหนที่สองที่ผมจูบกับเขา หนแรกผมยังจำได้ว่าเทคนิคเขาดีเกินวัย เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมถึงหัดเก่งเรื่องพวกนี้แล้วนะ เพราะงั้นคราวนี้ผมไม่ประมาทเด็ดขาด
   คราวที่แล้วเขาจูบผมจนแทบหน้ามืด แต่หนนี้หนักกว่า เจตนาชัดยิ่งกว่าชัด แถมยังมีองค์ประกอบอื่นช่วย ผมไม่เข่าอ่อนกลางทางก็นับว่าบุญโข จูบอยู่ท่านั้นสักพักท่าทางจะไม่ถนัดพอ คราวนี้เขาเลยจับตัวผมให้หันไปประจันหน้ากับเขา โอบเอวผม เบียดเสียดตรงนั้นเข้ามา แล้วประโลมจูบที่ทำให้ผมหูอื้อตาลายไปหมด
   จากนั้นเขาก็ถอนจูบออก เงยหน้าขึ้นสบตากับผม ผมเห็นหน้าเขาแดงจัด ดวงตาเป็นประกายวาว เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก จากนั้นก็ดึงผมเข้าไปจูบอีกรอบ ผมว่าตอนนี้เขาไม่ใช่แมวแล้วล่ะ เริ่มจะเหมือนเสือเข้าไปทุกทีแล้ว
   เขาจูบปากผมแล้วเลื่อนไปตามซอกคอ เนินไหล่ ไหปราร้า ยอดอก กะว่าจะชิมให้ทั่วทั้งตัวผมเลยมั้ง แล้วก็ต่ำลงมาจนถึงสะดือ จากนั้นก็...
   ผมสะดุ้งเฮือก พอตรงนั้นถูกเขาใช้ปลายลิ้นตวัดเข้าไปในปาก เอ่อ.... ผมน่ะ สมัยวัยรุ่นก็ไม่ใชว่าไร้เดียงสาอะไรหรอกนะ แต่ผมมันพวกเรื่องมาก แถมตอนนั้นเป็นเกย์ต้องปิดกันแทบตาย มีไอ้พี่จิระภัทร์เท่านั้แหละที่เปิดเผย ช่วยไม่ได้ ผมไม่ได้หนังหนาหน้าหนาขนาดนั้น ดังนั้น นอกจากจูบแล้ว ผม.....
   เจ้านพรัตน์ใช้ลิ้นคล่องเกินไปแล้ว ตรงนั้นของผมมันใช้การไม่ได้มานาน เพราะความเรื่องมากของผม เลยหาคนถูกใจไม่ได้ แถมงานก็เครียด อารมณ์มันเลยหายไปจนหมด มันนอนสงบนิ่งมาเป็นสิบๆ ปีจนผมคิดว่าตัวเองตายด้านไปแล้ว แต่ผมว่าตอนนี้มันเริ่มจะตื่นนิดๆ ในปากเขาแล้วล่ะ
   นพรัตน์ก็อดทนดีจริงๆ เห็นอยู่แล้วว่าผมป้อแป้หาความน่าตื่นเต้นไม่ได้ขนาดนี้ ยังพยายามช่วยผมอย่างเต็มความสามารถ ผมอดไม่ได้ต้องก้มมองเขา แล้วเห็นเขาช้อนตาขึ้นมามองตอบพอดี
   โอ๊ย ผมว่าผมเริ่มความดันขึ้นแล้วล่ะ
   ลิ้นของเขาคล่องจนน่ากลัวเกินไปแล้ว ผมว่าของผมมันตื่นเต็มที่แล้วล่ะ หลังจากโงหัวไม่ได้มาหลายปี ดังนั้น หยุดก่อนที่มันจะระเบิดออกมาอีกกว่า ผมไม่อยากทำอะไรเลอะเทอะต่อหน้าเขา
   ผมพยายามบอกให้เขาหยุดก่อน แต่สิ่งที่เขาทำคือ กระตุ้นมันเพิ่มเข้าไปอีก ผมได้ยินเสียงหลังตัวเองกระแทกประตู ได้ยินเสียงตัวเองหอบหายใจ ผมจับศีรษะของเขาเอาไว้ แต่ไม่มีปัญญาทำอะไรได้มากกว่าวางมือเอาไว้แบบนั้น เขาจะให้ผมเสร็จทั้งๆ ที่ยืนแบบนี้หรือไง
   !!
   ห้ามโทษผมว่าทำอนาจารเด็กอายุยี่สิบสามนะ เขาบังคับผมก่อน ผมไม่อยากทำแบบนี้ ผมได้ยินเสียงตัวเองครางฮือ รู้สึกว่าหลังพิงแนบเข้ากับประตู ขณะที่ท่อนเอวยังกระตุกกึกๆ
   ปากเขายังหุ้มตรงนั้นของผมอยู่เลยตอนผมหลั่ง
   เอาล่ะ ผมจะไม่คิดว่าเขาทำอะไรกับของเหลวพวกนั้น เพราะหัวผมเบลอเต็มที นายนพรัตน์ก็จิตใจดี เห็นผมยืนพิงประตู ท่าทางหมดเรี่ยวหมดแรงก็ลุกขึ้น คงกะจะมาช่วยประคองผมไปส่งเตียงสักที ผมเหลือบมองหน้าเขา และเห็นว่าปากเยิ้มเชียว อยากจะไล่ไปล้างก่อนจริงๆ นะ
   แต่ยังไม่ทันได้ไล่ เขาก็ขยับเข้ามาจูบผมก่อน อืม... เรียกว่าให้ผมได้รู้รสชาติของตัวเองว่างั้นเถอะ หลังจากนั้นเขาก็เข้าใจคำว่าเตียงนอนสักที
   นพรัตน์อุ้มผมไปที่เตียง ดึงกางเกงผมออก จากนั้นก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเองบ้าง
   ผมขนหัวลุกขึ้นมาอีกรอบ พยายามช่วยเหลือตัวเองเฮือกสุดท้าย
   “คุณนพ ถุงยาง?”
   ผมมั่นใจว่าเขาไม่ได้พกขึ้นมาแน่ ไม่เห็นเขาหยิบเลย ถ้าไม่มีถุงยางผมจะอ้างไล่เขาลงไปซื้อ ผมไม่ยอมเสียอย่าง เขาจะทำอะไรได้ เจ้านพรัตน์มองหน้าผม จากนั้นก็คว้าเสื้อนอนที่เพิ่งถอดไปขึ้นมา ล้วงซองถุงยางออกมาจากกระเป๋าที่อกเสื้อ ช่างรอบคอบจริงๆ ให้ตายสิ! จากนั้น ก็ฉีกออก แล้วสาธิตให้ผมดูวิธีการใส่ทุกขั้นตอน อย่างกับอาจารย์สอนเพศศึกษา แต่ผมไม่ใช่เด็กนักเรียนแล้ว แล้วก็ไม่มีอาจารย์โลกไหนสอนกันแจ่มแจ้งแดงแจ๋ขนาดนี้
   ผมเย็นวาบไปถึงสันหลัง อลังการขนาดนี้ ผมจะตายมั้ยเนี่ย
   “คุณนพ ผมว่าใส่เข้าไปไม่ได้แน่” ไม่ไหวล่ะ ถึงผมจะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจากเทคนิคเมื่อตะกี้ แต่ถ้าเจอใหญ่ขนาดนี้ ผมว่าผมไม่รอดไปถึงพรุ่งนี้เช้าแน่ เจ้านพรัตน์มองผมยิ้มๆ “ไม่ลองไม่รู้นะครับ”
   ผมสั่นหัวดิก ไงๆ ก็มองไม่เห็นว่าจะเข้าไปได้แน่ๆ นพรัตน์เม้มปาก จากนั้นก็จูบปากผมทีหนึ่ง “เชื่อใจผมเถอะ ไม่เจ็บมากหรอก”
   ใครมันจะเชื่อ ผมเถียงขาดใจเลย ไม่เจ็บก็บ้าแล้ว
   สงสัยเจ้านพรัตน์จะได้ยินที่ผมด่าในใจ เลยลุกจากเตียง เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า คงจะเอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาเปลี่ยนให้ผม ดีแล้วที่สำนึกได้ เป็นเด็กดีแบบนี้แหละน่าเลี้ยงเอาไว้ ผมเกือบจะถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่แล้ว แต่สักพักเขาก็เดินกลับมา พร้อมกับขวดอะไรบางอย่าง
   “อะไรน่ะคุณนพ?”
   “เจลครับ” เขาตอบ แถมทำหน้าซื่อเสียด้วยแน่ะ ผมทนไม่ไหวต้องขยายความชัดๆ “ผมหมายถึง ทำไมมันถึงมาอยู่ในตู้เสื้อผ้าผมได้”
   คราวนี้เจ้านพรัตน์หน้าแดงขึ้นมาทันที ยิ้มเขินๆ แล้วตอบผม “ผมแอบเอามาไว้ตอนช่วงปีใหม่ กะว่าเผื่อมีโอกาสตอนนั้น”
   “เด็กบ้า” ผมเอ็ดทันที “ใครสั่งใครสอนให้คิดเรื่องแบบนี้กับผู้ใหญ่!”
   เขาหน้าแดงเป็นแตงโมผ่าซีก ขบปากแล้วตอบผมเขินๆ “ไม่มีใครสอนหรอก ผมคิดของผมเอง”
   เชื่อเขาเลย ผมล่ะปวดหัวกับเด็กนี่จริงๆ
   ขณะที่กำลังนึกละเหี่ยใจ เขาก็จับขาผมยกขึ้น จากนั้นก็เอาหมอนมารองหลังให้ ผมขนหัวลุกอีกรอบ
   “คุณนพ อย่านะ”
   เขาขยับตัว จับขาผมให้แยกออก แล้วก้มลงจนจมูกแทบจะชนกัน “ผมบอกแล้วไงครับ ว่าจะมารับส่วนที่เหลือทั้งหมด ผมยังได้ไม่ถึงครึ่งเลยนะตอนนี้”
   ผมอยากถีบเขานะ แต่คงคิดช้าไปหลายวิฯ เพราะขาผมถูกเขาจับแยกจนหมดสิทธิ์เลือกทางนั้นไปเรียบร้อย ผมเลยได้แต่นอนนิ่งๆ พยายามข่มจิตข่มใจยอมรับชะตากรรมอย่างมั่นไม่ใจความปลอดภัยในชีวิตสักนิด
   เขาเปิดฝาขวดเจล ราดมันลงไปบนนิ้ว แล้วจากนั้น.....
   โอ้แม่จ้าว เขาสอดเข้ามาแล้ว แค่นิ้วนะ แค่นิ้ว แค่นิ้วผมก็ตกใจจนเกร็งไปหมด ได้ยินเสียงเขากระซิบ “อย่าเกร็งสิครับ เกร็งแล้วจะเจ็บมากนะครับ”
   ใครบ้ามันจะไม่เกรงเวลาถูกทำแบบนี้เล่า อย่าพูดเหมือนมันง่ายได้มั้ย ไม่มาโดนเองบ้างจะรู้ได้ไง
   ผมนอนฮึดฮัดอยู่บนเตียง เถียงเขาในใจจนหน้าดำหน้าแดง เขาเลยช่วยสงเคราะห์ผม ด้วยการก้มลงจูบผมอีกรอบ จูบปากผมแล้วก็เลยไปจูบสะดือ แล้วก็เลยไปถึงตรงนั้น จากนั้นก็....
   ผมรู้ฤทธิ์เดชลิ้นของเขาดีอยู่แล้วจากเรื่องเมื่อครู่ แต่อย่าหวังว่าผมจะป้องกันตัวเองหรือทำอะไรเขาได้ สุดท้ายผมก็นอนหอบ ปล่อยให้เขาชิมมันให้พอ รู้ตัวอีกทีด้านหลังมันก็แน่นไปหมดแล้ว มีแต่นิ้วของเขาล้วนๆ
   ผมสูดหายใจเฮือกๆ ขณะที่ลิ้นกับนิ้วของเขาขยับเข้าจังหวะกันเสียไม่มี มาถึงขั้นนี้แล้ว คนแก่อย่างผมจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากนอนรอรับชะตากรรมไปโดยดุษฎี แต่ใช่ว่าผมอายุเท่าเขาแล้วผลลัพธ์มันจะไม่ออกมาแบบนี้นะ ดูหุ่นเขาสิ ผมจะสู้แรงเขาได้ไหมล่ะ แล้วผมก็ไม่นึกอยากกดคนอย่างเขาหรอก
   ดังนั้น ผมเลิกโวยวายก็ได้
   ในขณะที่ผมกำลังเพลินได้ที่ เจ้านพรัตน์ก็หยุด ถอนทั้งนิ้วทั้งปากออก จากนั้นก็....
   !!
   ไหนใครว่าไม่เจ็บ.... ห๊ะ!?
   ใครว่าไม่เจ็บมาลองดูเองมั้ย?
   ผมอยากถามเขาหรอกนะ แต่พูดไม่ออก ได้แต่อ้าปาก จะครางยังครางไม่ออกเลย รู้สึกโคตรชัดว่าเขากำลังเบียดเข้ามา ทั้งใหญ่ ทั้งแน่น
   ผมเริ่มขนหัวลุกอีกรอบหนึ่งแล้ว
   นพรัตน์ขบริมฝีปาก เหมือนพยายามอดทนกับผมเต็มที่ เขาค่อยๆ เบียดเข้ามาทีละนิด ขณะที่ผมหอบฮั่กๆ เข้ามาอีกแล้ว เข้ามาอีกนิด โอย.. ก้นผมจะฉีกรึเปล่าเนี่ย
   นายนพรัตน์พยายาม และอดทนกับผมมากจริงๆ แน่นขนาดนี้ เขาก็ยังค่อยๆ สอดเข้ามา จากที่ตอนแรกผมเจ็บแทบตาย หลังๆ ผมค่อยหายใจโล่งคอขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าเขาเอาออกไปนะ มันเข้ามาเกือบสุดแล้วต่างหาก
   ไม่ค่อยเจ็บแล้วล่ะ แต่รู้สึกชัดเลยว่ามันร้อนอยู่ในตัวผม
   “คุณไพฑูรย์” นพรัตน์เรียกชื่อผมเสียงพร่า ก้มลงจูบผม กอดผมเหมือนดีใจที่ประสบความสำเร็จในการสอดใส่ ผมก็เห็นว่าเขาควรดีใจ เพราะดูอดทนและใช้ความพยายามมานานเต็มที
   เขากอดผม จูบผมอยู่สักพัก ผมก็ยอมให้เขากอดนะ มีกอดตอบเขานิดหน่อยด้วย แล้วหลังจากนั้น เขาก็เริ่มขยับ
   โอ้แม่จ้าว นี่มันอะไรกันเนี่ย!!
   ผมว่าตัวผมไม่เคยขาดสติขนาดนี้นะ ตอนช็อกเรื่องพรายโพยมจนน้ำตาร่วงว่าหนักแล้ว มาเป็นลมเพราะเจอเจ้านพรัตน์ควงหลานก็ว่ายิ่งกว่า แต่ตอนนี้น่ะ... โอ๊ย ผมขอหยุด ขอหยุดบรรยายความรู้สึกไว้ก่อนนะ แบบว่า...ผมบรรยายไม่ถูกแล้ว ไอ้เจ้านพรัตน์มัน...
   เสียงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดจนผมกลัวเด็กผู้หญิงที่นอนข้างล่างจะได้ยิน จะอ้าปากบอกเจ้านพรัตน์ให้ช้าลงหน่อยก็ไม่ไหว อ้าปากทีไรก็ได้ยินแต่เสียงตัวเองร้องครางน่าเกลียด ผมดึงผ้าปูที่นอนจนแทบจะฉีกให้ขาด นายนพรัตน์ก็ไม่ยั้งแรงบ้างเลย รู้แล้วล่ะว่าทนมานาน แต่..ยั้งๆ ไว้บ้างก็ได้
   เขาทำกับผมท่านั้นสักพัก ดูจะยังไม่หนำใจ เห็นว่าผมแข็งแรงดีอยู่ด้วยมั้ง เลยจับขาผมยกขึ้นข้างหนึ่ง จากนั้นก็ขยับต่อ พ่อเจ้าพระคุณเอ๋ย ผมล่ะไม่รู้จะบรรยายอะไร ไว้มาลองกันเองก็แล้วกัน แล้วเขาก็จับผมคว่ำหน้า โอบเอวผมขึ้นสูงแล้วทำกันต่อ เออ ผมรู้ตัวว่าผมน่ะแข็งแรง แต่ทำอะไรช่วยนึกถึงอายุการใช้งานผมหน่อยได้ไหม
   เจ้านพรัตน์แรงดีมาแต่ไหนแต่ไร เวลาแบบนี้คงไม่ต้องพูดถึง หน้าแล้วหลังแล้ว ยังไม่พอ จับผมนั่งตัก กระแทกกระทั้นผมต่อแบบไม่กลัวหมอนรองกระดูกผมเคลื่อน ทีเวลาแบบนี้ไอ้สติจะมาห่วงใยสุขภาพร่างกายของผมดูจะปลิวไปจากสมองของเขาอย่างกับไม่เคยมีอยู่งั้นแหละ จากนั้นเขาก็จับผมนอนหงาย ยังดีที่นึกได้ว่าต้องเอาหมอนรองหลังผมหน่อย แล้วก็จับมือผมกดลงกับเตียง กระแทกจนเตียงสั่น ผมไม่ตายก็ใกล้เห็นสวรรค์รอมร่อ
   ผมไม่รู้ว่าเขาถึงจุดตอนไหนหรอก รู้แต่ผมกอดเขาไว้แน่นเลย
------------------------------------------
   สติผมล่องลอยเหมือนอยู่ในปุยเมฆ นุ่มๆ เบาสบาย นี่ผมหัวใจวายตายรึเปล่านะเนี่ย ถ้าต้องเป็นข่าวว่าทำกับเด็กอายุคราวลูกจนขาดใจตายคาเตียงผมก็อยากจะตายซ้ำอีกรอบ ไม่ล่ะ ผมเพิ่งอายุแค่สี่สิบสอง แม้จะใกล้สี่สิบสามอีกไม่กี่วัน แต่ผมไม่ยอมตายตอนนี้หรอก ตายด้วยสาเหตุพรรค์นี้น่าเกลียดที่สุด
   เสียชาติคนชื่อไพฑูรย์หมด
   จากนั้นผมก็รู้สึกจั๊กจี๋ที่หลัง เลยค่อยรู้สึกตัว ปรือตาสู้แสงภายนอกอยู่ได้สักพักก็พอจะมองเห็นว่าอะไรเป็นอะไร เจ้านพรัตน์สอดมือมากอดผมไว้จากด้านหลัง จูบหัวไหล่ผมเบาๆ นี่เองที่ทำให้ผมรู้สึกจั๊กจี๋ ผมขยับตัว จะหันหน้าไปหาเขา
   โอ้แม่จ้าว เจ็บยอกสิ้นดี นี่ขนาดผมออกกำลังกายเป็นประจำนะเนี่ย
   “อรุณสวัสดิ์ครับ” นพรัตน์เอ่ยทัก แต่พอเห็นผมทำหน้าเหยเก ก็หน้าเจื่อนลงไปนิดหน่อย “เมื่อคืนไม่ดีหรือครับ?”
   โห... ดีจนผมคิดว่าจะตายเลยล่ะ ยังจะมีหน้ามาถาม ไอ้ที่ทำหน้าย่นเพราะเจ็บต่างหาก อยากลองมาเป็นฝ่ายรับดูบ้างไหมล่ะ?
   พอเห็นผมไม่หือไม่อือ เอาแต่ทำหน้าบึ้ง เจ้านพรัตน์ก็ยิ่งหน้าเจื่อน อ้ำๆ อึ้งๆ สุดท้ายก็พูดออกมา “ขอโทษนะครับ ผมคงยังไม่เก่งพอ ไว้คราวหลัง.....”
   ไม่ต้องคราวหลังหรอก ฟังเขาพูดแค่นี้ ขนสันหลังผมก็ลุกเกรียว ขืนปล่อยให้เขาตีความต่อไปผมได้ตายคาเตียงจริงๆ แน่
   “คุณทำดีมากแล้วล่ะ คุณนพ” เออ ผมก็นะ นึกจะชมอะไรใครดันต้องมาชมเรื่องแบบนี้ จะบอกว่าน่าอายหรือเป็นเวรเป็นกรรมดีล่ะนี่ พอได้ยินผมพูด เจ้านพรัตน์ก็ยิ้มกว้าง หน้างี้แดงเป็นลูกตำลึงหน้าบ้านผมเลย แล้วเขาก็คว้าตัวผมเข้าไปกอด ผมล่ะแทบร้องซี้ด เจ็บร้าวไปหมดทั้งตัวเลย โดยเฉพาะตรงที่เขาใส่เข้าไปเมื่อคืน
   “ผมเห็นคุณสลบไป เลยไม่รู้ว่า.....”
   ผมสลบอีกแล้ว โอ๊ยตาย... ผมสลบคาอกเด็กรุ่นลูก รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ผมควรรีบจัดการปิดปากเขาให้สนิท เขารู้เรื่องน่าอายของผมเยอะไปแล้ว
   “สรุปว่าดีสินะครับ ผมดีใจจัง” เขาพูด แล้วยิ้ม จากนั้นก็เข้ามาจูบปากผม หอมแก้มผม ตกลงเลยไม่รู้ใครปิดปากใคร ผมเลยต้องรีบพูดดักทางไว้ก่อน ก่อนที่เขาจะจัดการทำให้ผมง่อยเปลี้ยมากกว่านี้ “เออ แต่ผมเจ็บ”
   นายนพรัตน์หน้าเจื่อนไปนิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเขินๆ “ไม่เป็นไรหรอกครับ ทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชิน”
   ผมถลึงตามองเขา อยากถีบให้ตกเตียงตอนนี้เลย “มันจะชินได้ยังไงน่ะ!?”
   “ขยายบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินเอง เชื่อผมสิครับ”
   ใครจะไปเชื่อ
   “คุณไพฑูรย์”
   “หืม?”
   เขาทำหน้าแดงๆ ยิ้มกระมิดกระเมี้ยนอีกแล้ว ถึงขั้นนี้ยังจะมาทำหน้าแบบนี้อยู่อีก น่าถีบจริงๆ
   “เมื่อคืนครั้งแรกของคุณรึเปล่า?”
   ใครสั่งใครสอนให้ถามเรื่องแบบนี้กับผู้ใหญ่กัน!?
   เขามองผม ผมมองเขา เรามองกันพักหนึ่งแล้วเขาก็ยิ้ม “ผมดีใจนะ”
   เด็กบ้า ดีใจอะไร เรื่องแค่นี้....
   “คุณไพฑูรย์” เขาเรียกแล้วดึงมือผมเข้าไปจูบ เมื่อคืนเขาเหมือนเสือ ตอนนี้เขากลับมาเหมือนแมวอีกแล้วล่ะ
   “ผมสัญญาว่าจะดูแลหัวใจคุณเป็นอย่างดี ไม่ทำให้คุณเป็นลมแบบเมื่อวานอีกแล้วล่ะ”
   บ๊ะ เด็กบ้านี่ จู่ๆ ก็พูดอะไรออกมาน่ะ ไม่ดูตัวเองเลย อายุเท่านี้ กล้ามาพูดแบบนี้กับคนรุ่นผม... กล้าดีแท้ๆ เอาเถอะ แต่ผมไม่ได้รังเกียจเขาที่กล้าบ้าบิ่นขนาดนี้หรอก
   “เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องรับฝากผมแล้วนะ ผมให้คุณไปเลย ทั้งตัวทั้งหัวใจผม ความจริงผมให้คุณมานานแล้วล่ะ” เขาพูดแล้วยิ้มเขินๆ เหมือนเด็กๆ ถ้าเขาตัวเล็กกว่านี้อีกนิดหนึ่งนะ ผมจะดึงเขามากอด แล้วขยี้หัวให้หายหมั่นเขี้ยวเลย
   เออ แต่ใช่ว่าตัวเท่านี้แล้วจะทำไม่ได้สักหน่อย
   “อ๊ะ” เจ้านพรัตน์ร้องอย่างตกใจตอนถูกผมดึงตัวเข้ามา ก่อนจะหัวเราะคิกคักเมื่อถูกผมเอามือขยี้หัว “นี่แน่ะ เด็กบ้า ทะลึ่งกับผู้ใหญ่จริงๆ เลย บอกแล้วว่าอย่าหวังๆ “
   นพรัตน์หัวเราะจนหน้าแดง แต่ผมโคตรเจ็บ ทำอะไรไม่ได้ดูสังขารตัวเองเลย แต่ก็สะใจพิลึก ได้เอาคืนเขานิดหน่อยก็ยังดี จากนั้นเขาก็ดึงผมเข้าไปกอดแน่น
   “ขอบคุณนะครับ”
   “เรื่อง?”
   “คุณรู้หรอก ผมรู้คุณรู้แต่คุณไม่พูด แต่ผมรู้คุณนะ”
   “เหอะ...”
   “คุณไพฑูรย์ เสื้อสีชมพูคุณใส่แล้วดูดีมากเลยนะ”
   “อืม” คนอย่างผมใส่อะไรก็ดูดีอยู่แล้ว ถึงจะเป็นเสื้อสีฉูดฉาดขนาดนั้นก็เถอะ
   “เสื้อคุณผมใส่แล้วเป็นไง”
   “อืม... ไม่รู้สิ ยังมองไม่ชัดเลย”
   “ผมรู้ คุณเป็นลมก่อน”
   “.........” เด็กบ้านี่ จะย้ำกันอีกนานมั้ย
   “เสาร์หน้าใส่ไปเที่ยวกันนะ ไปล่องเรือกัน เดี๋ยวผมซื้อตั๋วให้”
   “ถ้าตั๋วแพงก็ช่วยกันออก จะได้ไม่เดือดร้อนกระเป๋า”
   “อือ”
   “...........”
   “คุณไพฑูรย์” เขาเรียก แล้วก้มลงจูบผม แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
   “เดี๋ยวผมไปเปิดเอง” เขาว่า และลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหยิบกางเกงนอนที่หล่นอยู่มาใส่ จากนั้นก็เดินไปเปิดประตู เดี๋ยวสิ...ผมว่าคนมาเคาะไม่ใช่ใครหรอก แล้วเขาไม่อายหลานตัวเองบ้างเลยหรือไงนะ ใส่ไปแค่นั้นน่ะ
   ผมอ้าปากไม่ทันบอกให้เขาหยิบเสื้อ เขาก็แง้มประตูออกก่อน ยืนคุยอยู่พักหนึ่ง ให้ผมมองหลังขาวๆ ของเขาที่มีรอยข่วนแดงๆ เต็มไปหมดให้เขินเล่น จากนั้นเขาก็หันกลับมายิ้ม
   “เจสบ่นว่าหิว ผมเลยให้เธอชงข้าวโอ๊ตทานไปก่อน”
   ผมเลิกคิ้วอย่างนึกขึ้นได้ “กี่โมงแล้ว”
   “สิบโมงครับ ถ้าคุณอยากอาบน้ำ เดี๋ยวผมช่วย”
   เออ ดีแล้ว รู้หน้าที่ เมื่อคืนเล่นผมเอาไว้หนัก ผมว่าต่อให้เป็นรุ่นเดียวกับเขา ก็คงอาการไม่ต่างจากผมนักหรอก
   “นี่ อาบน้ำอย่างเดียวนะ ห้ามทะลึ่งทำอย่างอื่น” ผมขู่ ตอนที่เดินกอดคอเขามาถึงหน้าห้องน้ำ นพรัตน์หัวเราะจนเห็นเขี้ยว แล้วก็ประคองผมเข้าห้องน้ำ
   เฮ้อ... ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าชีวิตผมนะมีวันนี้ ผมไต่บันไดคนเดียวมานาน ล้มเองลุกเองก็บ่อย เห็นคนอื่นล้มคนอื่นหล่นมาก็เยอะ ผมไม่เคยคิดหรอกว่าจะมีใครปีนบันไดแข่งกับผม ปีนบันไดไล่หลังผม จนมาเจอนพรัตน์
   แต่ผมก็คาดผิดอีกนั่นแหละ เขาไม่ได้ปีนบันไดไล่หลังผม แต่เขาปีนบันไดตีคู่มากับผมเลยต่างหาก แม้ว่าบันไดของเขาจะดูแปลกหูแปลกตาผม แต่ในเมื่อเขามาได้ไกลถึงขั้นนี้ ผมจะจับมือเขาเอาไว้ก็แล้วกัน
   จนกว่าจะถึงบันไดขั้นสุดท้าย หวังว่าเขาคงไม่ปล่อยมือผมก่อนหรอกนะ เพราะผมจะจับให้แน่นเลย
------------------------------------------------------
*********
ขอTalkหน่อยนะคะ^^
ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านมาจนถึงบทนี้ค่ะ ทุกๆ รีพลายช่วยให้กำลังใจฉันให้มีแรงฮึดมาเขียนตอนต่อลงอย่างต่อเนื่อง (ขอบคุณนะคะ)
เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวที่อัพต่อเนื่องที่สุดตั้งแต่เริ่มเขียนนิยายมาเลยค่ ปกติจะอัพอยู่ที่ประมาณเดือนละตอน ไม่ก็สัปดาห์ละตอน
โดยปกติฉันไม่ถนัดเขียนนิยายเกี่ยวกับชีวิตคนธรรมดาแบบนี้เลยล่ะค่ะ (ใครเคยอ่านงานก่อนหน้านี้จะเห็นว่ามันจะวนเวียนอยู่ในวงการอาชญากรรมมาโดยตลอด ฉันเป็นคนชอบความซับซ้อน วางแผน ลึกลับ และซ่อนเงื่อนน่ะค่ะ) ที่เริ่มเขียนเรื่องนี้เพราะจุดประสงค์แค่ว่าอยากจะเขียนเคะมีอายุที่ต้องหาแว่นสายตายาวอยู่ตลอดเวลา คิดว่าฉากหาแว่นน่าจะน่ารักดีค่ะ แต่ไปๆ มาๆ คุณไพฑูรย์ก็ไม่ค่อยได้หาแว่นเท่าไหร่เลย...^.^" ส่วนคาแรกเตอร์นายนพรัตน์ สารภาพว่าเพิ่งมาเป็นรูปเป็นร่างเอาจริงๆ ประมาณตอนที่สองที่สามแล้วค่ะ
ตอนแรกกะว่าเรื่องนี้น้ำเน่าแน่ๆ เพราะพล็อตช่างธรรมดาและเบสิกมาก(สำหรับคนเขียน) เลยคิดว่าคงจะเขียนไปไม่รอดได้ไกลเท่าไหร่ (พล็อตไหนรักๆ กันออกแนวน้ำเน่า ฉันจะรีบจบโดยอัตโนมัติเลยค่ะ) แต่พอเขียนๆ ไป..มันก็เหมือนจะน้ำเน่านะ..แต่มันก็น่ารักดีอ่ะ กลายเป็นสนุกกับการเขียนฉากเดทของคุณไพฑูรย์กับนพรัตน์ไป ฮ่าๆ ฉันชอบนะคะ สองคนนี้จีบกัน แบบปากไม่บอก แต่พฤติกรรมโจ่งแจ้งสุดๆ คุณไพฑูรย์ก็หน้าตายได้ใจจริงๆ
บทที่เขียนยากที่สุดสำหรับฉันคือบทที่9ค่ะ เพราะโดยปกติฉันเป็นพวกชอบความดราม่า นั่งเขียนมาตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนเก้า พยายามลากตัวเองให้พ้นความดราม่ามาโดยตลอด เพราะคิดว่าคุณไพฑูรย์ที่อายุสี่สิบกว่าแล้วน่าจะมีความมั่นคงในอารมณ์พอสมควรเลยล่ะ แต่ก็แอบเขียนให้แกหลุดบ้างตอนที่เจอพรายโพยม เพราะตั้งใจแล้วว่าจะลงดราม่าตอนใกล้ๆ จบเรื่อง แต่พอเอาเข้าจริงมันก็ไม่ค่อยดราม่าสะใจเท่าไหร่ แต่ถ้าดรามามากมันก็ขัดกับคาแรคเตอร์ของคุณไพฑูรย์ ไปๆ มาๆ มันก็เลยลักๆ ลั่นๆ ออกมาเป็นบท9นี่แหละค่ะ..
ฉันTalkยาวอีกแล้ว ยังไงก็ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ เรื่องนี้ยังมีตอนต่อค่ะ แต่เป็นมุมมองของตัวละครตัวอื่นแล้ว ไว้จะเอามาลงเพิ่มเติมนะคะ
ปล.พอเขียนเรื่องนี้ไปชักมีคนสงสัยเรื่องอายุคนเขียน ขอปิดไว้เป็นความลับนะคะ กลัวคนอ่านเสื่อมศรัทธา(ยังคิดว่าตัวเองมีกับเขาอีกแน่ะ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Narutear ที่ 09-06-2011 10:15:17
จบซะแล้ว อยากอ่านต่อจัง กำลังน่ารักอยู่เลย เสียดายจังจ๊ะ T0T

แต่มีตอนพิเศษก็ยังดี กระซิกๆ ถ้าว่างๆเขียนเรื่องนี้ต่ออีกได้ก็ดีน้า คิๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 09-06-2011 11:09:11
ชอบเรื่องนี้มาก ๆ ๆ เลยค่า ชอบจนติดเลยละค่ะ ไม่คิดเลยว่านายเอกที่อายุเยอะกว่าพระเอกจะน่ารักได้มากขนาดนี้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 09-06-2011 11:11:11
นพจัดเต็ม

 :oo1: :oo1: :oo1:

 :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 09-06-2011 11:11:35
+1   ด้วยจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นที่6-หน้า4 5/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 09-06-2011 11:14:09
   “ถ้าไม่ชอบก็ไม่รับเลยสินะครับ”
   “อืม...”
   “..............”
   “................” แน่ะ.. เอาอีกล่ะ ยิ้มอีกแล้ว เจ้าหมอนี่ก็แปลกคนจริงๆ เพิ่งโดนบ่นแท้ๆ ยังมาทำยิ้มกระมิดกระเมี้ยนเป็นผู้หญิงถูกจีบได้อีก เชื่อเขาเลย
juon

 :laugh: ขำคุณไพฑูรย์ท่าทางจะยังไม่รู้ความหมายที่เจ้าตัวเขาสื่อมาสินะ คุณไพฑูรย์เนี่ยจะว่าดุก็ดุ โหดก็โหด แถมยังใจแข็งออกปานนั้นแต่ว่า น่ารักๆ จริงๆ เลยให้ตายเหอะ  :-[
นพสู้ๆ
ขอบคุณคนเขียนคะ  :L2:
ดิฉันคิดว่าคุณไพฑูรย์แกพอรู้ๆนะนะคะคุณทิวลิปสีส้ม (ดิฉันคิดว่าตัวเองเข้าใจส.ว.นะคะ) ว่าตานพส่งสารใดออกมา
ทั้งโดยวัจนภาษาและอวัจนภาษาน่ะค่ะ (แหมปูนนี้แล้ว อิ อิ) แต่ด้วยวัย ด้วยฐานะหน้าที่การงาน บทบาทหน้าที่ของแก และ...
บุคลิกที่แกเคยเป็นมา แกเลยต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มากกว่า ความจริงแกเขินนะ(ทุกครั้งที่นพสื่อความรู้สึกออกไปแหละ) เป็นความเขินที่ปนความพึงพอใจด้วยแหละ อิ อิ ก็คนเคยเนี้ยบ และวางตัวไว้ในกรอบตลอดเวลาไง เลยไม่ค่อยกล้าปล่อยตัวเองไปตามอารมณ์
งานนี้ตานพคงต้องทั้งอดทน ใจเย็น และขยันหยอดแหละ และต้องหยอดให้เป็น หยอดให้มีศิลปะด้วยน้า
       และขอลงท้ายด้วยการชมคุณ juon อย่างจริงใจค่ะ ไม่ทราบว่าคุณอายุประมาณไหน
แต่ขอบอกว่า คุณช่างเข้าอกเข้าใจคนวัยสี่สิบอัพจริงๆค่ะ เหมือนเข้าไปนั่งๆ นอนๆ วิ่งเล่นในใจคนวัยนี้เชียวแหละ

อ่อ มันเป็นเช่นนี้นี่เอง  :-[ ว่าแต่ว่าไม่ได้เข้ามาตามอยู่ไม่กี่วัน....จบแล้ว  :a5: ยังดีนะที่มีตอนต่อ ชอบมากๆ เลยล่ะ จิ้มบวกให้คนเขียนนะคะ โดยส่วนตัวเราชอบฝ่ายรับที่อายุมากกว่าอยู่แล้ว แล้วยิ่งกับพระเอกที่ห่วงใยเอาใจใส่แบบนี้เรายิ่งปลื้มเขาไปใหญ่ ในบรรดาที่เคยอ่านมาทั้งหมดเรื่องนี้ตรงใจเรามากทั้งคาแรคเตอร์ตัวละคร เนื้อหาและการบรรยาย ชอบเวอร์! เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่สร้างรอยยิ้มให้เรามากมายขนาดนี้  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 09-06-2011 11:29:10
สวีท หวาน แหวว กันเลยทีเดียว
น่ารักมาก ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MokGaLaKom ที่ 09-06-2011 11:29:27
อ่านแล้วหุบยิ้มไม่ลงเลย
จบแล้วคงคิดถึงนพแย่เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 09-06-2011 11:55:10
จบแล้วหรอ อยากอ่านอีก
ขอตอนพิเศษ สวีทๆ บ้างได้ป่าวครับ
.
.
'โดน'น้อยไปนิดนะ คุณไพฑูรย์ คึคึ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 09-06-2011 12:15:33
อยากบอกว่าเป็น NC ที่ขำดีค่ะ น่ารักมากๆด้วย
ชอบคุณไพฑูรย์มาก น่ารักมากๆ ^^

ขอบคุณ คุณ juon นะคะ จะรออ่านเรื่องอื่นๆต่อไปนะ ^^



+ และ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 09-06-2011 12:32:48
 :L2: จบแล้ว แฮปปี้มีความสุขกันทั้งสองคน
ตานพก็ยั้งๆไว้บ้างนะ คุณไพทูรย์ยังไม่เชิ่ยว
ค่อยๆสอนไปก็ได้ 555
อยากอ่านจากความคิดของนพบ้าง ว่าตกหลุมรักคุณไพทูรย์ตอนไหน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 09-06-2011 12:38:18
เรื่องสนุกมากๆค่ะ^^

โดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะต่ออีกสักหน่อย แบบนี้ค่อนข้างให้ฟีลว่ามีไรกันแล้วก็แฮปปี้เอดดิ้ง ถือว่ารักกันแล้วยังไงก็ไม่รู้

แอบชอบช่วงที่เปรียบเทียบเรื่องที่คุณไพฑูรย์อยู่บันไดที่ทั้งแคบทั้งสูง ไม่มีทางให้ลงอีกแล้วจัง เขียนดีมากๆ

อยากรู้จักเลยค่ะว่า นพไปชอบคุณไพฑูรตอนไหน ดูเหมือนจะชอบตั้งแต่ก่อนเข้ามาทำงานใช่ไหมคะ แต่ในเรื่องไม่ค่อยได้กล่าวถึง มันเลยเหมือนยังติดๆอยู่ในใจอ่ะค่ะ

ปล.จะรอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 09-06-2011 14:16:07
ฮ่าๆๆ ถึงขั้นเป็นลม คุณไพฑูรย์นี่น่ารักตลอด :o8:
เรื่องนี้น่ารักมากๆค่ะ ในส่วนของคุณไพฑูรย์ แบบ...ยิ่งอ่านแกยิ่งน่ารักอ่ะค่ะ
ตอนนี้อยากอ่านในส่วนของน้องนพมากๆ อยากรู้มุมมองของนพที่มีต่อคุณไพฑูรย์ :impress2:
ขอบคุณสำหรับนิยายตอนยาวๆๆๆนะคะ รอตอนหน้าค่ะ :L2: +1กำลังใจ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 09-06-2011 14:43:00
ขอบคุณคนแต่งสำหรับเคะน่ารักๆ แบบคุณไพฑูรย์นะคะ
ชอบความถลำลึกลงไปทีละนิดๆ ของคุณเค้าจริงๆ
ไม่ต้องบอกว่ายังไง แต่ก็รับเค้ามาไว้ในชีิวิตแบบหมดตัวหมดใจ

น่ารักสุโค่ย >__<b
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 09-06-2011 15:52:40
กรี๊ดๆๆๆๆ ลงเอยกันแล้วววววววววว แต่ขยันเป็นลม สลบบ่อยๆนี่ไม่ไหวนะลุง  :haun4: :haun4:

ปล.ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆที่แต่งขึ้นมานะคะ  :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: butterfly_bee ที่ 09-06-2011 16:20:13
อ่านแล้วมีความสุขดีจริงๆ
เรื่องดำเนินไปเรียบๆ เหมือนจะไม่มีอะไร
แต่ในความเรียบนั้นมันมีเสน่ห์ของมันอยู่นะ
อ่านแล้วติดใจมาก  o13
ต้องขอตามไปหาเรื่องอื่นๆของคุณjuonมาอ่านซะแล้วเรา


ปล.แมวน้อย(?)นพรัตน์กลายร่างเป็นพ่อเสือหนุ่มซะแล้ว 555 คุณไพฑูรย์โดนจัดหนักจริงๆงานนี้  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 09-06-2011 18:16:39
ใจหายเลยที่บอกว่าจบแล้ว
ติดตามทุกวันเลยค่ะ ว่าจะมาต่อหรือเปล่า
ไม่ค่อยได้เจอตัวละครที่เคะอายุมากๆขนาดนี้
ยิ่งบันไดขั้นสุดท้ายด้วยแล้ว ยิ่งเห็นว่าคุณไพฑูรย์น่ารักขนาด  ไม่พูดไม่บอกรัก แต่การกระทำเห็นชัดๆ
ส่วนนพก็เริ่มรุก ไม่ค่อยกลัวคุณไพฑูรย์มากแล้ว แค่เกรงๆ 

จะรอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 09-06-2011 18:25:13
ขอบคุณนักเขียนมากจริงๆสำหรับเรื่องนี้ บอกได้เลยว่าสนุกมากๆ ภาษาดีมาก มีการวางโครงเรื่องที่แน่นอน ตัวละครน่ารัก

แบบว่าชอบทุกอย่างจริงๆ  ติดตามอ่านทุกวัน ^^

จะติดตามผลงานอื่นๆด้วยนะคะ

ขอบคุณมากๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 09-06-2011 18:26:13
มีความสุขจัง ทั้งสองคนแฮปปี้เอนดิ้ง  :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-06-2011 18:40:24
เหอะๆ ในที่สุด
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: KaZuKi ที่ 09-06-2011 19:16:06
เลิศอ่ะ ในที่สุด ในที่สุด นพก็ชนะเลิศ เข้าเส้นชัยอย่างสวยงาม ฮาๆๆๆ
คุณไพทูรย์นี้ก็เรียบร้อยโรงเรียนนพไปแล้ว อยากรู้ว่าจะเป็นไงต่อ มันดูจะสดใส แต่ก็ด้วยความต่างของอายุอ่ะนะ
รอตอนหน้าค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MimicClub ที่ 09-06-2011 19:19:55
 :กอด1:  มีความสุขที่ได้อ่านเรื่องนี้้มากๆเลย
 :L2: ขอบคุณคนแต่ง  ที่นำสิ่งดีๆมาให้เราได้อ่าน กัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 09-06-2011 19:50:29
ชอบนะ เรื่องนี้อ่ะ
ประทับใจมากเลย
แต่งแบบนี้อีกนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: tartar ที่ 09-06-2011 20:00:14
น่ารักอ่ะ

ช๊อบบบชอบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: lastlover ที่ 09-06-2011 20:18:04
เรื่องนี้เป็นเนื้อเรื่องที่ธรรมดาก็จริง แต่ก็แอบไว้ด้วยการคิดที่แตกต่างในบางช่วง การแสดงออกของตัวละครก็คล้ายคลึงกับบุคคลที่มีอายุจริงตามนั้นและสิ่งที่ชอบมากๆเลยคือ ความคงเส้นคงวาของพระเอกนายนพของเรา แม้ว่าจะอายุห่างกันมากๆแต่การแสดงออกอย่างที่เป็นก็ทำให้อายุของนายนพเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น ประทับใจค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 09-06-2011 20:23:21
อู๊ย เรื่องนี้น่ารักมากคะ
เราชอบที่เคะอายุมากกว่านี่แหละ
เราว่าเนื้อเรื่องสมเหตุสมผลกะอายุของตัวละครแต่ละตัวแล้วละค่า
เสียอย่างเดียวเรากำลังอ่านเรื่องนี้เพลินๆมาวันนี้จบซะแล้ว
แบบกำลังสนุกเลยอ่า ถึงมันจะจบได้ลงตัวก็จริงแต่เรายังอยากอ่านต่อไปอ่า
ดีนะคะที่บอกว่ายังจะมีตอนพิเศษมาลงให้อ่านอีก ถูกใจเรามากๆเลยค่า

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: koraorni ที่ 09-06-2011 21:00:10
อ่านรวดเดียวจนจบเลยค่ะ สนุกมากนายเอกของเราน่ารักมาก
ชอบตอนที่หาแว่นสายตาใส่ แบบว่าบ่งบอกอายุมาก
ส่วนคุณนพก้อน่ารักมากตอนยิ้มหน้าแดงเนี่ยแบบว่าบ่งบอกอายุพอกัน
แต่เรื่องของอายุไม่เป็นปัญหาจริงๆๆ อ่านไปยิ้มไป
ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 09-06-2011 21:57:54
ตามมาอ่านรวดเดียวเลยค่า
ชอบมากเลย คุณไพ น่ารัก อิอิ
เอะอะๆ ก้อถ่อมตัวเองว่าแก่ตลอดๆ
ยังฟิตอยู่เลย ถึงแม้จะเป็นลมบ่อยก้อเหอะ ฮี่ๆ
+1 เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 09-06-2011 22:41:42
อยากอ่านตอนพิเศษ :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 09-06-2011 22:56:46
ว้าว จบแล้ว ในทึ่สุดคุณนพก็สมหวัง แต่ขอบอกว่าคุณไพแอบฮาตลอดเลยอะ  :laugh:

สนุกมากเลยค่ะเรื่องนี้ ขอบคุณ นักเขียน ที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่านค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: babyfaibossy ที่ 10-06-2011 09:55:08
 :o8:

เขินจัง

อ่านเรื่องนี้แล้ว อบอุ่นจังเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 10-06-2011 11:52:33
จบเร็วจริง  :a5:  ไม่อยากให้รีบจบเลย อยากอ่านต่อ ตอนแรกที่อ่านรู้สึกเหมือน นพ ตั้งใจมาสมัครงานตำแหน่งนี้ เหมือนแอบชอบ ลุงแกมาก่อนเลยอะ หรือว่า อ่านแล้วคิดไปเอง  :laugh:

อยากอ่านตอนที่เป็นมุมของ นพ บ้าง  :o8:

ปล. nc ยังไม่จุใจเลยอะ   :haun4:  :haun4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Kee ที่ 10-06-2011 14:50:41
เป็นเรื่องที่สั้นผิดคาดนะคะ
ถึงจะจบแล้วยังไง ก็ยังอยากอ่านตอนพิเศษของคู่นี้อีก
จะรอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 10-06-2011 15:53:35
ดีใจจัง....จบแบบน่ารักด้วยล่ะ
อิ อิ คุณไพฑูรย์มีฉากนั้นด้วย เจ้านพเป็นผู้โชคดีที่สุด
ชอบใจจังที่ผู้เขียน ให้ผู้สูงวัยเป็นตัวเอกน่ะค่ะ
ขอมอบ :L2:สำหรับผู้เขียนแทนคำว่าขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 10-06-2011 23:34:55
เอาไปเลย  o13
หวานอมเปรี้ยวเลยแระเรื่องนี้
อ่านไปยิ้มไป น่ารักมาก
ขนาดฉากเลีฟฟฟฟฟ อิอิ ยังมีแอบฮ่าเลย
สนุกมากเลย รอตอนต่อไป มาไวไวน่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 11-06-2011 00:08:52
ขอบคุณค่าสำหรับเรื่องน่ารักๆ คาดไม่ถึงเลยว่าจะมี NC ด้วย  :-[ อิอิ

ถ้ามีตอนพิเศษอีกสักหลายตอนก็จะดีมาก  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 11-06-2011 21:35:48
*** หายไปปิดเล่ม My neighbor 4มาค่ะ กลับมาต่อตอนพิเศษแล้วค่ะ^^
------------------------------
คำบอกเล่าของนายพชร
   ไม่มีใครเข้าใจสเป็กของนพรัตน์ พอๆ กับที่ไม่รู้ว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนนั่นแหละ
   นพรัตน์เป็นน้องชายเพื่อนผมที่ชื่อนพคุณ นพรัตน์เป็นลูกหลง ตอนผมเห็นหน้าเจ้าเด็กนี่ครั้งแรกเราก็อยู่ม.3กันแล้ว ตอนนั้นนพรัตน์เพิ่งเริ่มเข้าอนุบาล ผมของดพูดถึงตาลุงไพฑูรย์ก่อนนะ เพราะสมัยนั้นแกคงเรียนจบ ทำงานไปแล้วล่ะ
   นพรัตน์เกิดมาตอนพ่อแม่อายุมากแล้ว แถมเกิดมาแค่ปีกว่า แม่กับพ่อมันก็โดนรถชนเสียชีวิตอีก ดังนั้นเจ้าหนูนพรัตน์เลยถูกส่งไปให้ญาติผู้ใหญ่ที่ต่างจังหวัดเลี้ยง กลับมาอยู่กับพี่น้องอีกทีก็ตอนอายุได้สักสามสี่ขวบ บ้านมันมีพี่น้องสี่คน สองคนแรกเป็นพี่สาว นพคุณซึ่งตอนแรกเป็นลูกคนเล็กก็กลายเป็นพี่ชายมันไป พอนพรัตน์กลับมาอยู่บ้าน ก็เป็นที่เอ็นดูของพี่ๆ
ตอนผมเจอมันครั้งแรก ผมยังว่ามันน่ารักเลย ขาวๆ ตัวเล็กๆ ตาแป๋ว ชอบถามชอบอ้อน หลังจากนั้น มันก็เริ่มมาเล่นกับเราทุกวัน มันเพิ่งสามสี่ขวบนะครับ แต่มาเล่นกับเด็กอายุสิบห้าสิบหก เอากะมันสิ
   สาเหตุเพราะมันติดหนึบนพคุณพี่ชายมันมาก เรียกว่าเกาะแจไม่ยอมห่าง บ้านนพคุณชื่อต้นขึ้นด้วยนพหมด นพคุณเป็นสุดท้องมานานทั้งบ้านทั้งเพื่อนเลยเรียกมันว่านพ พอนพรัตน์เกิด เลยได้ชื่อเล่นไปโดยปริยายว่าไอ้เปี๊ยก ก็ตัวมันเล็กขนาดนี้ ใครก็เรียกมันเปี๊ยกทั้งนั้นแหละ
   ไอ้เปี๊ยกเป็นที่นิยมของพวกเราอย่างรวดเร็ว ตอนเย็นๆ นพคุณจะไปรับมันที่โรงเรียนอนุบาล แล้วพามันมาดูพวกเราเตะบอลกันที่สนามหลังโรงเรียน มันก็น่ารัก นั่งดูตาแป๋ว บางทีก็มีไปซื้อขนมมานั่งกิน วันดีคืนดีก็ซื้อมาให้พวกเราด้วยแน่ะ เรียกว่ารู้จักประจบผู้ใหญ่แต่เด็กๆ
   พอมันอยู่อนุบาลสาม มันก็เริ่มมาเตะบอลกับเราแล้ว ตอนนั้นพวกผมอยู่ม.6กันแล้วล่ะ บอลมีเตะบ้าง แต่ก็ต้องท่องหนังสือสอบเหมือนกัน มันก็เอากับเขาด้วย เรียกว่าพวกเราทำอะไร ถ้ามันทำได้ มันทำตามหมด แต่มันไม่แก่แดดแก่ลมนะ ยังคงความน่ารักของมันไว้เป็นเอกลักษณ์ ท่าทางทั้งญาติทั้งพี่มันจะสอนมาดี
   หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้เจอมันพักใหญ่ เพราะนพคุณเข้ามหาวิทยาลัย เลยต้องส่งมันไปอยู่โรงเรียนประจำ ตอนนั้นเรายังไม่รู้หรอกว่ามันมีสเป็กประหลาด จนมันอยู่สักม.3 วันหนึ่ง นพคุณก็โทรมาหาผม
   “ไอ้นัท ปรึกษาหน่อยสิ จำเปี๊ยกน้องกูได้มั้ย”
   “เปี๊ยก?” ตอนแรกผมงง พอนึกไปสักพักก็ถึงบางอ้อ “เออ ไอ้เปี๊ยก ไม่เจอโคตรนาน เป็นไงบ้างวะ? อยู่ม.ไหนแล้ว”
   “ม.3” มันตอบผม จากนั้นก็คุยอย่างภาคภูมิใจ “มันสอบได้ที่หนึ่งด้วย มันเรียนเก่งนะ”
   “แล้วยังน่ารักเหมือนเดิมรึเปล่า ไม่ใช่ว่าโตแล้วแก่แดดแก่ลมนะ”
   “โอ๊ย ขี้อ้อนเหมือนเดิมแหละ เออ ไอ้นัท กูมีเรื่องจะปรึกษา เกี่ยวกับเปี๊ยกนี่แหละ”
   เอาล่ะสิ ผมเห็นมันเล่าดิบดีกว่าน้องมันดีอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วมันจะปรึกษาอะไรผม สงสัยจะเรื่องเรียนต่อ เพราะมันจะขึ้นม.4อยู่ไม่กี่เดือนแล้ว
   “ว่ามาสิ” ผมกระทุ้ง เมื่อเห็นนพคุณเงียบ “นัท.. เป็นเกย์รักษากันได้ป่าววะ?”
   “เฮ้ย มาถามอะไรกูเรื่องนี้” ผมเอ็ด แล้วถามมันต่อ “ถามทำไมวะ ไอ้เปี๊ยกมันเป็นหรือไง?”
   “เออ กูว่าท่าทางจะเป็นว่ะ ตอนปิดเทอมมันกลับมาบ้าน กูเห็นมันโทรศัพท์บ่อย เลยแซวว่ามีแฟนหรือไง อยู่โรงเรียนไหน ว่างๆ พามาแนะนำกูบ้าง รู้มั้ย มันตอบว่าไง”
   “มึงเล่าเลยดีกว่า” ผมว่า ขี้เกียจฟังมันอารัมภบทนาน
   “มันบอกว่าเปล่า เป็นอาจารย์ กูก็นึกว่าอาจารย์ฝึกสอน มึงนึกถึงสมัยเราเรียนออกใช่มั้ย สมัยนั้นกูกับมึงก็เคยนึกจะหม้ออาจารย์ฝึกสอนเหมือนกัน กูเลยแซวมัน ว่าอาจารย์ฝึกสอนก็อาจารย์นะเว่ยเปี๊ยก พอมันตอบกูมา กูอึ้งเลย มันบอกเป็นอาจารย์บรรจุแล้ว รุ่นน้องกูปีสองปี”
   ผมอ้าปากเหวอ อึ้งไปพักใหญ่
   “ยัง มึงต้องฟังให้จบ กูเลยเอ็ดมันไปว่า จะชอบใครก็ชอบไป แต่ขอร้องอย่าไปชอบคนมีลูกมีผัว มันตอบกูว่าไง มึงทาย”
   “กูไม่ทาย มึงเล่าๆ มาเลย”
   “มันบอกว่า ยังไม่มีหรอก เพราะเป็นผู้ชาย นัท กูอยากร้องไห้”
   ถ้าอยู่ใกล้ๆ ผมตบบ่ามันไปแล้วนะเนี่ย รู้อยู่หรอกว่านพคุณโคตรรักไอ้เปี๊ยกเลย “เฮ้ย มึงทำใจดีๆ ไว้ กูว่ามันอาจจะเบี่ยงเบนชั่วคราว แบบว่าเพราะสภาพแวดล้อมอะไรงี้ มึงส่งมันไปอยู่โรงเรียนชายล้วน แล้วมันเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มไม่ใช่เหรอ สิบห้าเองนี่”
   “เออ กูก็พยายามคิดว่าแบบนั้น ปีหน้ากูส่งมันไปเรียนโรงเรียนสหฯดีกว่า อยู่โรงเรียนชายล้วนทำน้องกูเสียคนหมด กูทำงานหลายปีพอมั่นคงแล้ว เดี๋ยวหาเวลาไปรับไปส่งมัน มันน่าจะหาย”
   ผมเห็นด้วยทันที จากนั้นเราก็คุยกันถึงโรงเรียนที่จะส่งนพรัตน์ไปเรียนต่อ
   หลังจากนั้น พอนพรัตน์ขึ้นม.4 มันก็เริ่มไปไหนมาไหนกับพวกเราอีกรอบ เพราะนพคุณไปรับมันจากโรงเรียนแล้วพามาเที่ยวกับพวกเราต่อ ตอนแรกผมกลัวมันจะแก่แดด แต่นพคุณมันสอนน้องดี พอเราไปเทคไปผับมันจะเทศนาสั่งสอนก่อนเข้าเสียจนผมล่ะฝ่อแทนนพรัตน์เลยล่ะ น้องมันก็ดี เชื่อฟังพี่ทุกอย่าง ไม่เจอมันนาน มันโตขึ้นเยอะ ตัวใหญ่ หุ่นดี หน้าตาหล่อขึ้น แต่นิสัยน่ารักเหมือนเดิม ชอบอ้อน ถึงมันตัวใหญ่ขนาดนี้ โตจะข้ามหัวเราแล้ว เราก็ยังเรียกมันว่าไอ้เปี๊ยกอยู่ดี
   แล้วไอ้เปี๊ยกก็กลับมาสนิทกับพวกเราอีกรอบ วันดีคืนดีมันก็มาถามหาข้อมูลทำรายงานจากเรา บางทีมันก็มาขอให้สอนการบ้าน ผมว่าไอ้เปี๊ยกเรียนเก่งเพราะมีพวกเราหนุนหลังอยู่นี่แหละ ดังนั้น พอมันใกล้จบม.6 เราก็จัดงานฉลอบแบบขำๆ ให้มัน ค่าที่มันมีชีวิตรอดมาได้จนจะขึ้นมหาวิทยาลัย
   ปรากฏว่าวันนั้นไอ้เปี๊ยกมาแบบจ๋อยสนิท ปกติมันยิ้มเก่งถามเก่ง เรียกว่าคุยอะไรรับลูกได้หมด พอมันจ๋อย คนอื่นก็พลอยจ๋อยกับมันไปด้วย ถามไปถามมาได้ความว่ามันเพิ่งอกหัก พวกผมเลยปลอบมันไป ว่าเดี๋ยวเข้ามหาวิทยาลัย ยังมีสาวให้มันมองอีกเยอะ นพคุณหน้าเจื่อนก่อนเพื่อน จากนั้นก็พูดอย่างคนปลงตกว่า “น้องกูมันชอบผู้ชาย”
   พวกเรางี้อ้าปากค้าง ไอ้เปี๊ยกทำหน้าน่าสงสาร “ก็ผมชอบ”
   เป็นอันว่าวิธีแก้ไขปัญหาที่ผมเสนอให้นพคุณเมื่อคราวก่อนไม่ประสบผลสำเร็จ สรุปวันนั้นพวกเราต้องมานั่งทำใจว่ามีเพื่อนในกลุ่มอีกคนเข้าสู่โลกที่เราไม่สามารถเข้าใจได้ไปแล้ว เอาล่ะ เราเห็นไอ้เปี๊ยกมานาน นอกจากเรื่องชอบผู้ชายมันไม่มีข้อเสียเรื่องอื่น เป็นเกย์ก็ไม่เป็นไร เพื่อนๆ รับได้ แต่เราเพิ่งมารู้หลังจากนั้น ว่านอกจากไอ้เปี๊ยกจะเป็นเกย์แล้ว มันยัง...
   “นัท จำที่เปี๊ยกอกหักวันก่อนได้มั้ย?” นพคุณถามผม ตอนที่พวกเรานัดกันไปร้องคาราโอเกะ
   “เออ จำได้” ผมว่า และพูดต่อ “ไม่เป็นไร กูทำใจได้แล้วว่าเปี๊ยกมันเป็นเกย์ พวกกูไม่รังเกียจมันหรอก”
   “เออ... มันเป็นเกย์ กูปลงแล้ว รู้ว่าพวกมึงก็ปลง แต่กูกลัวมันเข้ามหาลัยแล้วเสือกไปจีบอาจารย์อีกน่ะสิ มึงรู้มั้ย ที่มันจีบแต่ละคน แก่กว่ามันเป็นสิบปีทั้งนั้น กูล่ะจะบ้าตาย เป็นเกย์ไม่พอ ดันชอบคนแก่อีก นัท กูอยากร้องไห้”
   คราวนี้ผมมีโอกาสได้ตบบ่าปลอบนพคุณล่ะ การร้องคาราโอเกะเลยกลายเป็นการปรึกษาเรื่องนพรัตน์ไป
   เราสรุปว่า เปี๊ยกมันคงชอบของมันแบบนั้นเพราะมันยังเด็ก ไม่แน่ว่าพอเรียนมหาวิทยาลัย หรือจบไปแล้วทำงาน มันอาจจะหันมาชอบคนรุ่นเดียวกัน หรือเด็กกว่าก็ได้ นพคุณพยักหน้า พยายามจะให้ความหวังตัวเองอีกเช่นเคย จากนั้นมันก็แต่งงานหลังไอ้เปี๊ยกเข้ามหาวิทยาลัยได้สักเทอมหนึ่ง แล้วมันก็เงียบไปเลย เพราะต้องให้เวลากับเมียและครอบครัวเมีย
   นพรัตน์เลยเข้ามาแทนที่พี่ชายของมันโดยปริยาย ถึงมันเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว มันก็ยังไปไหนมาไหนกับพวกเราบ่อยๆ จนผมอดค่อนแคะไม่ได้ว่า มันแอบชอบใครในกลุ่มเรารึเปล่า เพราะดูแล้วก็เป็นผู้ชาย แถมแก่กว่ามันเป็นสิบปีทั้งนั้น มันคำหน้าเคือง แต่ไม่กล้าด่าผม เออ ผมก็แค่ล้อเล่นหรอก พวกผมแก่จริง เป็นผู้ชายจริง แต่เรื่องหน้าตาดีตัดไปได้ ซกมกสมชายแท้แทบทุกคน ไม่งั้นคงไม่แต่งออกกันน้อยอย่างนี้หรอก
   โชคดีที่พอเข้ามหาวิทยาลัย ไอ้เปี๊ยกเลิกไล่จีบอาจารย์สักที มันไม่มีแฟนเป็นอาจารย์แล้ว แต่ดันมีเพื่อนเป็นอาจารย์แทน ไปๆ มาๆ อาจารย์กลายเป็นเพื่อนมันหมด มันกลายเป็นคนเส้นสายดีเพราะความเข้าถึงผู้ใหญ่เก่งมาแต่กำเนิดของมันแท้ๆ วันหนึ่งผมอดไม่ได้ ต้องเรียกมันมาถาม
   “เฮ้ย เปี๊ยก พี่ถามจริง ทำไมเปี๊ยกชอบคบคนแก่กว่า?”
   “พี่นัทหมายถึงแฟนหรือเพื่อนล่ะ?” มันถามกลับ ผมเลยระบุไปทั้งสองอย่าง
   “ผมมีเพื่อนรุ่นเดียวกันนะ แต่คุยกันไม่ค่อยถูกคอ ไงดีล่ะ ผมว่ามันไม่ใช่น่ะพี่ พอคุยกับพวกอาจารย์ไม่ก็พวกพี่แล้วรู้สึกดีกว่า คุยกันรู้เรื่อกว่า”
   โห... ผมจะบอกว่ามันแก่แดด อัจฉริยะ หรือว่าอะไรดี “งั้น แฟนล่ะ?”
   มันอึ้งๆ เงียบไปพักหนึ่ง แล้วตอบออกมา “ไม่รู้สิ ผมไม่ได้ตั้งสเป็กนะ แต่ผมชอบที่ดูภูมิฐานแล้วก็รูปร่างดีๆ “
   “เออเปี๊ยก คนรุ่นเดียวกันกับนายที่ดูภูมิฐานแล้วก็รูปร่างดีก็มีเยอะนะ พวกคนอายุมากๆ อ้วนลงพุงไม่ก็ผอมเป็นกุ้งทั้งนั้น ไม่ก็หนังเหี่ยวตีนกาขึ้น นายคงไม่ได้พิสวาสรอยตีนกาหรอกนะ”
   “ผมยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก” มันรีบปฏิเสธ ผมเลยได้ทีสำทับต่อ “ลองมองคนรุ่นเดียวกันบ้างสิเปี๊ยก แบบที่นายชอบก็มีไม่น้อยเหมือนกันนะ”
   “ไว้ผมเจอก่อนแล้วกัน” มันว่า ผมเลยรีบตอกตะปูปิดฝาโลง “เปี๊ยกอย่าไปมองคนแก่กว่าเยอะๆ เลย คนอายุมากเขาไม่ค่อยจริงจังกับเด็กหรอก เขาว่าเราดูไม่มั่นคง”
   มันพยักหน้ายอมรับ ผมล่ะภูมิใจตัวเองจริงๆ เอาล่ะ เดี๋ยวเปี๊ยกมันเรียนจบไป มันคงหาย ไอ้นพคุณจะได้เลิกวิตกจริตเสียที ปล่อยให้มันไปวิตกกับเมียกับลูกในอนาคตของมันก็พอแล้ว
   ไอ้เปี๊ยกเรียนจบโดยไม่มีข่าวว่าริจีบอาจารย์ หรือแอบไปคบคนมีคู่มีเมียแล้ว มันเคยบอกเหมือนกันว่ามันรับได้ทุกอย่าง ยกเว้นคนมีลูกมีเมีย เออ ถ้ามันยังเอาอีกนะ ผมว่าเราควรพิจารณาเลิกคบมันได้แล้วล่ะ งานวันรับปริญญามัน เพื่อนๆ หน้าชื่นตาบาน เห็นมันมีเพื่อนรุ่นเดียวกันเยอะเราก็ดีใจว่ามันยังปกติ หลังจากนั้นเราก็เริ่มเห็นอาจารย์คณะโน้นคณะนี้มาถ่ายรูปกับมัน... พอมองดูพวกตัวเองก็อายุพอๆ กับอาจารย์พวกนั้นแหละ ไม่ก็แก่กว่าอีก เออ..หรือเรามีส่วนผิดที่ทำให้มันเป็นแบบนี้เนี่ย? แต่เอาล่ะ เราสามารถแยกได้ว่าไหนเพื่อนเก่ามันไหนเพื่อนใหม่มัน โดยดูจากชื่อเรียก ถ้าใครเรียกมันเปี๊ยก ชัวร์ เพื่อนเก่ามันแน่ แต่ถ้าเรียกนพ นั่นเพื่อนใหม่ ผมรู้ว่าชื่อเปี๊ยกเหมาะกับมันตอนเด็กๆ เท่านั้นแหละ โตมาใครจะคิดว่ามันตัวใหญ่เต็มบ้านขนาดนี้ ถ้าผมเป็นเพื่อนที่เพิ่งรู้จักมันผมก็คงเรียกมันว่าเปี๊ยกไม่ค่อยลงเหมือนกัน แต่มันไม่มีชื่อเล่นเป็นทางการ มันเลยให้เพื่อนเรียกนพ ตามพี่มันไปอีกคน
   จบมาแล้วนพรัตน์ก็ไปช่วยพี่ชายทำงาน และรับจ๊อบเล็กๆ เกี่ยวกับการดูแลจัดการงานอีเว้นท์บ้างอะไรบ้าง ตามประสาคนมนุษย์สัมพันธ์ดี แถมยังแวะไปช่วยเพื่อนผมอีกคนที่เปิดร้านอาหารอยู่เป็นประจำ เพราะมันบอกว่า แฟนเพื่อนผมที่เป็นพ่อครัวทำกับข้าวอร่อยดี เออ เพื่อนผมเป็นเกย์ก็พอมีนะ พอมันพูดแบบนี้ผมล่ะเสียวมันจีบแฟนเพื่อนจริงๆ แต่ก็เห็นไปช่วยเป็นปีๆ ไม่มีเหตุอะไร เลยพอเบาใจหน่อย
   ร้านอาหารเพื่อนคนนั้นจริงๆ อยู่ใกล้กับที่ทำงานที่ผมทำอยู่ แต่ผมไม่ค่อยได้แวะไปทาน ไม่ใช่ว่ารังเกียจไม่อยากอุดหนุนเพื่อนนะ แต่ผมรู้มาว่าไอ้จอมจับผิดของบริษัทชอบไปทานอาหารร้านนี้ ผมเลยขี้เกียจไปเจอหน้าแก เออ ได้เวลาผมพูดถึงตาลุงไพฑูรย์แล้วสินะ
   ที่ผมเรียกแกลุง ไม่ใช่ว่าแกหน้าแก่ ย่น เหี่ยว เหนียงยาน คางยื่น หรืออะไรหรอกนะ เอาเข้าจริงแล้วแกเป็นผู้ชายวัยสี่สิบต้นที่หน้าตาดีเวอร์ๆ ผมเกิดมาเพิ่งเคยเห็นผู้ชายด้วยกันดูดีขนาดนี้ก็แกนี่แหละ ดีขนาดที่เจอตอนแรกผมยังมองตาค้าง ตอนนี้แกอายุสี่สิบกว่า แกยังดูดีอย่างกับทำเบบี้เฟส ผมนึกเลยว่าตอนหนุ่มๆ แกคงป๊อบน่าดู แต่พอแกเริ่มอ้าปากสัมภาษณ์งาน ผมก็รู้แล้วว่าทำไมแกมาทำตำแหน่งแบบนี้ แล้วพอเข้ามาทำงานจริงๆ ผมไม่เสียใจเลยที่เรียกแกว่าลุง ผมว่าแกควรจะรู้ได้แล้วว่าแกน่ะลุงจริงๆ
   แกทำงานคุ้มค่าจ้าง เอาล่ะ แกก็ควรจะทำคุ้ม เพราะแกไม่ได้เป็นลูกจ้าง แต่แกเป็นคณะผู้บริหาร มีอำนาจรองจากคุณพงษ์โพยมผู้บริหารใหญ่คนเดียว ใครไม่กลัวแกก็บ้าล่ะ แถมคุณพงษ์โพยมก็โคตรจะเอาใจแกเลย เห็นว่าทำงานกันมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท ที่สำคัญ แกเป็นนักจับผิดตัวยง ใครอย่าได้อู้อย่าได้ทำงานพลาดให้แกเห็น ไม่สิ อย่าได้ริอาจอู้หรือทำงานพลาดเลยดีกว่า เพราะไม่รู้แกรู้ได้ยังไง รู้ตัวอีกทีก็โดนแกหักเงินโบนัสบ้าง เงินเดือนบ้าง พร้อมกับจดหมายอธิบายสาเหตุยาวเหยียดที่จะเถียงก็เถียงไม่ออก ใครๆ เลยสารพัดจะตั้งฉายาให้แก ผมไม่ยกตัวอย่างนะ เดี๋ยวกระทบกระเทือนใจไอ้เปี๊ยกมัน
   กลับมาที่ร้านอาหารเพื่อนผมต่อ อย่างที่บอกไปแล้วว่าผมไม่ค่อยแวะไปร้านมันเพราะขี้เกียจเจอหน้าลุง แต่วันหนึ่งมันก็โทรมาหาผม บอกว่าเที่ยงนี้ไปทานข้าวที่ร้านหน่อย ไอ้เปี๊ยกมีเรื่องจะปรึกษา ผมก็ตอบตกลงไปโดยไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเอ็นดูไอ้เปี๊ยกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกอย่างผมเข้าทางประตูส่งของหลังครัวก็ได้ เผื่อลุงแกอยู่จะได้ไม่ต้องเจอหน้ากัน เดี๋ยวแกหาว่าผมอู้งานตอนเที่ยงอีก
   พอมาถึง ทานข้าวกันไปได้จานหนึ่งพออิ่มท้อง ไอ้เพื่อนผมที่เป็นเจ้าของร้านก็เข้าเรื่อง
   “นัท เปี๊ยกมันแอบชอบลูกค้าคนหนึ่ง เราเห็นว่านายทำงานอยู่บริษัทเดียวกับเขา เลยคิดว่าน่าจะรู้จัก”
   ผมอิ่มๆ กำลังอารมณ์ดี เลยถามไอ้เปี๊ยกไปอย่างไม่คิดอะไร “ใครวะเปี๊ยก พาไปดูหน่อย เผื่อรู้จักเดี๋ยวจะแนะนำให้”
   ไอ้เปี๊ยกยิ้มหน้าบาน สมกับเป็นที่รักที่เอ็นดูของเพื่อนๆ อย่างที่สุด จากนั้นมันก็พาผมไป ผมล่ะนึกไว้หลายคน แต่พอเห็นว่าใครในระยะยี่สิบเมตร ผมรีบดึงมือไอ้เปี๊ยกกลับ
   “เฮ้ย เปี๊ยก ใครวะ อย่าบอกนะว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น”
   “อือ คนตัวเล็กๆ ขาวๆ หน้าตาเรียบร้อยที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะมุมนั่นล่ะ”
   ผมจำได้ว่าตอนนั้นรีบกระชากมือมันเข้ามาหลบหลังเสาที่มีต้นไม้บังอยู่อีกที แทบจะเอ็ดตะโรมันลั่นร้าน
   “เปี๊ยก ดูไม่ผิดแน่นะ ใช่ตาลุงนั่นแน่นะ”
   เปี๊ยกทำหน้ามุ่ย “ผมไม่เห็นว่าเป็นลุงเลย เขาน่ารักจะตาย”
   ผมสิจะเป็นลม เปี๊ยกกล้าพูดว่าไอ้จอมวายร้ายนั่นน่ารักหรือนี่ เออ ผมขอโทษนะครับ ต้องเรียกฉายาแกออกมา แต่ที่ผมตั้งนะ เบสิกสุดๆ แล้วล่ะ
   “เฮ้ย เปี๊ยก เอ็งเป็นเกย์พี่ไม่ว่า เอ็งชอบอาจารย์พี่รับได้ แต่พี่ขอร้อง เอ็งอย่าไปชอบคนนี้เลย แกน่ะอายุได้ๆ รุ่นพ่อเอ็งแล้วนะ สี่สิบกว่าเข้าไปแล้ว”
   ไอ้เปี๊ยกทำตาโต ผมล่ะคิดว่ามันจะสำนึกได้เรื่องอายุ แต่เปล่า มันรีบถามผมด้วยความตื่นเต้น “จริงหรือพี่ เขายังหน้าเด็กอยู่เลยนะ พี่รู้จักเขาใช่ไหม แนะนำผมหน่อยสิ”
   เปี๊ยกมันเป็นเด็กน่ารักครับ ตั้งแต่รู้จักกับมันมา ไม่มีใครนึกอยากถีบอยากทำร้ายมันเลย แต่ตอนนี้ผมอยากจะกระทืบมันจริงๆ ถ้าผมกล้าพามันไปแนะนำกับแก ผมคงไม่มาแอบหลืบเป็นผู้ร้ายหนีคดีแบบนี้หรอก
   “ไม่ได้ คนนี้ห้ามไปยุ่งเด็ดขาด ยุ่งไปมีแต่จะซวยเปล่าๆ ” ผมว่า ไอ้เปี๊ยกทำหน้าสงสัย ผมเลยเล่าสารพัดความดุร้ายของแกให้มันฟัง แต่ไอ้เปี๊ยกอาการหนัก ที่เขาเรียกหมูไม่กลัวน้ำร้อนนี่มันชัดๆ เลย
   “อือ.. เขาชื่อไพฑูรย์เหรอ..”
ผมเล่าจนเหงือกแห้ง ขนาดลากมันกลับมานั่งที่โต๊ะด้านในแล้วเล่าจนดื่มน้ำไปสองแก้ว สิ่งที่มันจำได้คือชื่อ... โอ๊ย ผมล่ะอยากกระทืบมันให้หายหน้ามืดตามัวจริงๆ
“พี่นัท ที่บริษัทพี่มีตำแหน่งงานว่างอีกมั้ย เดี๋ยวผมไปสมัคร จะได้เจอแก่บ่อยๆ “
ผมงี้ตาเหลือก รีบห้ามมันทันที “อย่านะไอ้เปี๊ยก เอ็งไม่ได้จีบแกหรอก แกไม่ให้ใครยุ่งกับแกเลย ขนาดซื้อขนมฝากแกยังไม่รับเลย แกอย่าหวังสูงดีกว่า พี่ขอเหอะเปี๊ยก ใครก็ได้ แต่อย่าไปยุ่งกับแกเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 11-06-2011 21:36:05
ไอ้เปี๊ยกทำหน้าเศร้า แบบเด็กที่ถูกห้ามไม่ให้ไปเล่นของเล่น แต่ผมไม่ใจอ่อนกับมันหรอก ผมรักและเอ็นดูมันนะเนี่ย เลยไม่อยากให้มันพยายามทำอะไรที่สูญเปล่า มันจีบอาจารย์ยังมีได้คุยกัน ได้ทำอะไรกันบ้าง แต่ถ้าจีบคุณไพฑูรย์ ผมว่าที่มันจะได้คือถูกแกนั่งจับผิด ตัดเงินเดือน เผลอๆ แกจะไล่มันออกถ้ามันเกิดไปทำอะไรรุ่มร่ามใส่แก ไม่เอาล่ะ ผมรักน้องผมคนนี้ ผมไม่ส่งมันไปขึ้นตะแลงแกงหรอก แม้ว่ามันจะอยากจนตัวสั่นก็เถอะ
หลังจากนั้นผมก็ขุดสารพัดพฤติกรรมสุดทารุณต่อพนักงานของแกขึ้นมาพูด พูดไปเหลียวหลังไป กลัวว่าถ้าแกเกิดมายืนด้านหลังผมคงไม่มีหน้าไปทำงานในวันรุ่งขึ้น เล่าจนเกือบเลยเวลาพักเที่ยง พอเห็นว่าไอ้เปี๊ยกหน้าเจื่อน ท่าทางจะฝ่อดีแล้ว ผมเลยกลับไปทำงานต่อ ความจริงผมฝากเพื่อนผมที่เป็นหัวหน้าแผนกตอกบัตรแทนให้ได้ แต่ถ้าแกเกิดเดินมาเจอตอนผมเข้าสายพอดีมันจะซวยกันทั้งผมทั้งเพื่อน ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ผมขอตรงเวลา นี่ล่ะมั้งคุณงามความดีของแกที่มีต่อบริษัท แต่สำหรับพนักงาน แกมันตัวมารชัดๆ เลย
แล้วผมก็มารู้หลังจากนั้นว่าไอ้เปี๊ยกไม่เข็ด มันพยายามไปร้านเพื่อนผมทุกวัน หลังๆ นี่มันเริ่มทำตัวเป็นเด็กเสิร์ฟแล้ว ผมจะบ้าตายกับมันจริงๆ มันบอกว่าแกไม่ค่อยพูด เออสิ แผนกแกมีแกกับเลขาสองคน เลขาแกน่ะโคตรสวยเลย แต่แกไม่มีท่าว่าจะหลีจะจีบ คนเลยลือกันให้แซ่ดว่าแกเป็นเกย์ เพราะแกสี่สิบกว่าแล้ว หน้าตาก็ดี การงานก็สูง สมบัติไม่ต้องพูดถึง แกเป็นระดับผู้บริหาร เงินเดือนแกขนาดไหนไม่อยากจะจินตนาการ แต่แกไม่มีลูกมีเมีย ยังโสด ไม่ใช่เกย์แล้วจะอะไรอีกล่ะ แต่ก็ไม่เคยเห็นแกควงผู้ชายเหมือนกัน ไม่แน่ แกอาจจะไม่ชอบใจมนุษย์โลกเลยสักคนก็ได้ ก็ดูนิสัยแกสิ...ผมว่าที่แกเป็นโสด เพราะแกเรื่องมากจุกจิกนี่แหละ
ผมทำงานได้ที่นั่นสักปีครึ่งก็ลาออก ไม่ใช่เพราะถูกแกไล่ออกนะ พอดีผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะเอาเงินสักก้อนไปทำธุรกิจส่วนตัวกับเพื่อนที่รู้จักกัน บริษัทนี้ก็ให้เงินเดือนพนักงานดี สวัสดิการเยี่ยม โบนัสก็มหาศาล ติดที่มีคุณไพฑูรย์เป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลนี่แหละ
ออกมาแล้วผมก็ลืมๆ เรื่องแกกับไอ้เปี๊ยกไปพักหนึ่ง เพราะมัวแต่ยุ่งกับการจัดการธุรกิจใหม่ แล้ววันหนึ่ง พัชระซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกไอทีและเป็นเพื่อนผมที่บริษัทก็โทรมา
“นัท ลุงแกเปิดรับผู้ช่วยแล้วนะ เออ คุณพงษ์เปิดให้แกต่างหาก ไอ้น้องที่เคยเล่าให้ฟังวันก่อนยังอยากลองดีกับลุงแกอยู่ป่าววะ ลองมาสมัครดูสิ”
ผมเลยนึกขึ้นมาได้ ไม่รู้บุญแต่งหรือกรรมส่งไอ้เปี๊ยก ผมเขาไปทำงานอยู่ปีครึ่ง แต่พอรู้มาว่าตั้งแต่เปิดบริษัท ลุงแกไม่เคยรับผู้ช่วยเลย ถึงคุณพงษ์จะพยายามคะยั้นคะยอให้แกรับก็เถอะ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่อยากโทรบอกไอ้เปี๊ยก เผื่อมันลืมๆ ไปแล้วดันติดไฟใหม่ ผมจะบาปเอา เลยโทรไปหาเพื่อนผมที่ทำร้านอาหารแทน
“ดีเลยนัท เปี๊ยกมันมาเฝ้าทุกวัน เราน่ะสงสารมันนะ มีโอกาสแล้วก็ให้มันไปลองๆ เถอะ”
นั่นแหละ ผมเลยโทรบอกไอ้เปี๊ยก เล็งเห็นว่านี่คงเป็นคราวเคราะห์สุดท้ายของมันแล้ว ถ้ามันได้เจอฤทธิ์เดชลุงไพฑูรย์ มันอาจจะเข็ดขยายผู้ใหญ่ไปเลยก็ได้
พอไอ้เปี๊ยกรู้ว่าแกรับสมัครผู้ช่วย มันก็ดีใจสุดๆ อย่างกับว่าจีบแกติดแล้ว เวอร์ซะไม่มี ผมเลยต้องเตือนมันอีกสารพัด และลงท้ายว่า “ถ้าแกไม่รับก็ตัดใจนะเปี๊ยก พี่ว่าเปี๊ยกได้คุยกับแกจริงๆ เปี๊ยกคงถอยเองแหละ”
มันรับปากผมแบบขอไปทีสุดๆ ผมล่ะอยากไปนั่งดูตอนมันสัมภาษณ์กับแกจริงๆ ดูว่ามันจะออกมาหน้าเจื่อนขนาดไหน
หลังจากนั้นสองวันมันก็ลาออกจากผู้ช่วยพี่มัน นพคุณก็โคตรใจดี ผมว่ามันน่าจะรู้ว่าน้องมันไปคราวนี้มีจุดประสงค์แอบแฝง แต่มันก็ยังปล่อยน้องมันไปอีก ไม่ตามใจก็คงปลงตกกับน้องมันแล้วล่ะ แล้วไอ้เปี๊ยกก็ไปสมัครงาน ตำแหน่งประวัติศาสตร์ของบริษัท ตกเย็นมันก็โทรมาหาผม เสียงดูดีใจสุดๆ
“พี่นัท ผมได้งานแล้ว คุณไพฑูรย์เขารับผมเป็นผู้ช่วยแล้วล่ะ”
ผมยืนอึ้ง นึกในใจว่าเปี๊ยกมันต้องฟังผิดแน่ๆ “รู้ได้ไงวะเปี๊ยก”
“เขาให้เลขาเขาโทรมาบอก พรุ่งนี้ผมได้เริ่มงานเลย”
ผมอึ้ง มองเห็นแต่ลางร้ายเต็มไปหมด เงียบไปสักพัก ผมก็พูดไป “เออ โชคดีแล้วกัน”
-------------------------------------------------
   หลังจากนั้นผมกับพวกเพื่อนๆ ก็มาประชุมกัน เตรียมวางแผนรับมือไอ้เปี๊ยกที่คงจะอกหักแน่ๆ อยู่ที่ว่ากี่วัน งานนี้ไม่มีนพคุณมานั่งเป็นประธาน เพราะติดดูแลเมียที่ป่วย แต่ผมโทรบอกมันแล้ว เพื่อให้มันสบายใจ มันก็ดูปลงกับน้องคนเล็กมันแล้วล่ะ จากนั้นเราเลยลงความเห็นกันว่า ไอ้เปี๊ยกอกหักคราวนี้ จะต้องซ้ำมันจนมันเข็ด ไม่งั้นเดี๋ยวมันได้ไปทำงานสถานสงเคราะห์คนชราแน่ๆ คิดดูนะ ตอนมันอายุสิบห้า มันชอบอาจารย์อายุยี่สิบห้ายี่สิบหก พอมันอายุสิบเก้า มันก็ขยับไปที่อาจารย์อายุสามสิบกว่า ตอนนี้มันอายุยี่สิบสาม ล่อซะรุ่นพ่อเลย ขืนปล่อยต่อไป ผมว่ามันคงสมัครตัวเองเข้าไปทำงานบ้านบางแคแน่ๆ เพื่อนๆ อย่างพวกผมรับไม่ได้เด็ดขาด
   เราวางแผนกันเป็นมั่นเป็นเหมาะ นับวันรอเวลาไอ้เปี๊ยกอกหัก กะว่าคราวนี้แหละมันคงเข็ดหลาบสักที แต่เรื่องเหนือธรรมชาติที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้มีจริง ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
   สัปดาห์แรกนอกจากพวกเราจะรอเก้อแล้ว เราได้รู้ข่าวว่าเปี๊ยกมันประสบความสำเร็จในการชวนคุณไพฑูรย์ไปดูหนัง หลังจากนั้นพวกเราเลยต้องเรียกมันมาสัมภาษณ์ ถามว่ามันเล่นของอะไร ถึงชวนลุงแกไปดูหนังได้ มันก็ยิ้มกระมิดกระเมี้ยนภาษามันนั่นแหละ แล้วตอบว่า
   “ก็ชวนปกตินั่นแหละ เขาน่ารักสุดๆ เลยล่ะ”
   ผมเห็นไอ้เปี๊ยกทำหน้าเขิน แล้วพูดคำว่าน่ารักแล้วนึกขนลุก เอ่อ..ที่ขนลุกไม่ใช่เพราะมันทำแล้วน่าเกลียดนะ มันทำแล้วดูน่ารักนั่นแหละ แต่..คนที่ทำให้มันทำท่าแบบนี้ดันเป็นตาลุงปิศาจนั่นน่ะสิ อ๊ะ ผมเผลอเรียกฉายาแกอีกแล้ว เอาน่า นิดๆ หน่อยๆ ไม่มีใครอยากเรียกชื่อจริงแกหรอก นอกจากไอ้เปี๊ยก กับเพื่อนแก
   หลังจากนั้นพวกเราเลยมีงานอดิเรกใหม่ คอยฟังข่าวว่าเปี๊ยกกับลุงแกไปถึงไหนกันแล้ว โห... มันมีดวงเกินคาด ตอนแรกเราคิดว่ามันจะถูกแกไล่ตะเพิดออกภายในสองอาทิตย์ ที่ไหนได้ อาทิตย์แรกมันชวนแกไปดูหนังสำเร็จ เดือนต่อมามันก็ได้ไปนอนบ้านแกแล้ว มันบอกว่าแกป่วย มันเลยไปดูแล พวกเรางี้เหวอกินไปตามๆ กัน โดยเฉพาะผม ซึ่งเคยเห็นแกมาตั้งปีกว่า คนอย่างแกเนี่ยนะให้ใครไปดูแลตอนป่วย ทำงานปีกว่าผมไม่เคยเห็นแกไม่สบายด้วยซ้ำ แกอยู่ยงจนเข้าขั้นตายยาก ไอ้เปี๊ยกทำท่าเขินสุดๆ ท่าทางมันจะดีใจ มันบอกว่า
   “แกไม่สบาย เป็นหวัด ร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรง ผมเลยต้องไปดูแล”
   โห... ถ้าผมไม่รู้จักไอ้เปี๊ยกมาตั้งแต่มันยังตัวกระเปี๊ยกนะ ผมด่ามันว่าตอแหลแน่ๆ ลุงแกทนยิ่งกว่ากระเบื้องตราช้าง มาบอกแกร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เอาเถอะ มันไม่ใช่คนโกหก เราเลยลงความเห็นกันว่า บางทีเปี๊ยกมันอาจจะมีดวงสมพงษ์กับลุงแก แต่เราไม่ได้บอกมันนะ กลัวยิ่งไปให้ความหวังมันอีก พออกหักทีนี้จะดามกันลำบาก
   หลังจากนั้นเราก็ได้รู้ว่า คุณไพฑูรย์แกทำอาหารอร่อย เฮ้ย ไอ้เปี๊ยกมันพัฒนาสุดๆ มันไปบุกถึงบ้าน ให้แกทำอาหารให้ทานเรียบร้อย พวกผมงี้อึ้งกิมกี่ เริ่มมีลุ้นกับมันแล้ว ที่ลุ้นกับมันน่ะ เพราะเวลามันเล่าเรื่องแก มันหน้าแดง ท่าทางเขินโคตร เราไม่เคยเห็นมันมีความสุขแบบนี้ ปกติเห็นมันมาก็หน้าสลด เพราะอกหัก เราเลยพลอยลุ้นให้มันสมหวังไปด้วย
   พักนี้ไอ้เปี๊ยกไม่ค่อยได้มาเจอพวกเราบ่อยแล้ว เพราะมันอาสาขับรถไปรับไปส่งคุณไพฑูรย์แกเช้าเย็น เพิ่งรู้เหมือนกันว่าบ้านแกกับบ้านมันอยู่ใกล้กันโคตร มันถึงกับเพ้อว่าคงเป็นพรหมณ์ลิขิต พวกเราก็ไม่อยากขัดมัน เพราะเริ่มจะเชื่ออย่างนั้นจริงๆ ก็ลุงแกเคยซะที่ไหน ให้คนอื่นขับรถไปรับไปส่ง เพิ่งมีมันเป็นรายแรก แล้วก็เรื่องก่อนหน้านี้อีก พอเราไม่ค้านกันเหมือนแต่ก่อน ไอ้เปี๊ยกเลยยิ่งฮึดหนัก ระยะหลังนี่ได้ยินว่ามันได้ไปค้างบ้านแกช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วย เหลือเชื่อไหมล่ะ? เรางี้สงสัยว่ามันคงจีบแกติดแล้วมั้ง เพราะพฤติกรรมอย่างกับคู่แต่งงาน แต่มันบอกว่ายังไม่รู้เลยว่าแกจะเอายังไง แกเป็นคนใจแข็ง แถมไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้า ไม่รู้ว่าแกคิดอะไรอยู่กันแน่
   ข้อนี้ผมเห็นด้วย ลุงแกหน้าตายจริงๆ ที่ไอ้เปี๊ยกได้ใกล้ชิดแกขนาดนี้ เรียกว่าอภินิหารสุดๆ แล้วล่ะ เรารู้ว่ามันต้องใช้เวลาเข้าถึงลุงแก แต่เราก็คิดถึงมันเหมือนกัน วันหนึ่งผมเลยโทรไปชวนมันมาเล่นบาสฯ มันทำท่าอึกๆ อักๆ ท่าทางจะติดที่ต้องไปค้างบ้านลุง ผมเลยแหย่ไป
   “ชวนลุงแกมาเล่นด้วยกันดิ จะได้ครบคู่”
   เออ ผมพูดเล่นนะตอนนั้น แต่วันเสาร์มันก็มาจริงๆ ชวนลุงแกมาด้วย ผมงี้ขนลุก ไม่อยากเชื่อว่ามันจะพาแกมาได้ ผมลาออกมาหลายเดือนแล้วนะ แต่เจอแกอีกที แกมองผมแบบเดิมเป๊ะ อย่างกับตอนอยู่ในบริษัทงั้นแหละ เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนที่มองคนอื่นได้กดดันทุกเวลาทุกสถานการณ์ก็แกนี่แหละ ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าไอ้เปี๊ยกชอบแกตรงไหน แล้วไหนคือความน่ารักของแก
   ผมชวนไอ้เปี๊ยกเล่นๆ แต่มันดันพาลุงแกมาได้จริง เพราะอย่างนั้น พวกเราเลยกระอักกระอ่วนกันอย่างหนัก เพราะไม่รู้ว่าแกจะเล่นได้สักกี่นาที กลัวแกจะเป็นลมเป็นแล้งถึงขั้นหามส่งโรงพยาบาล สุดท้ายเลยให้ไอ้เปี๊ยกจับคู่ดูแลแกไปเลย เพราะขืนแยกกัน เปี๊ยกมันคงโยนลูกให้แกแทนที่จะส่งให้ฝั่งเดียวกันแทนน่ะสิ
   ตอนผมรู้ว่าได้แกกับเปี๊ยกมาอยู่ทีม ผมงี้ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี ได้แกมาอยู่ทีมก็ดี ถ้าอยู่ฝั่งตรงข้ามเกิดเจอหน้าแกแล้วชนแกล้มขึ้นมา ผมว่าความซวยต้องเกาะหลังผมแน่ๆ แต่อยู่ทีมเดียวกันผมไม่รู้ว่าจะต้องหามแกส่งโรงพยาบาลตอนไหน แต่แกมั่นของแกนะ แกเดินชิลๆ ลงสนาม แถมมองพวกผมด้วยสายตาประมาณว่า อย่าถ่วงฉันล่ะ โอ๊ย ผมสงสัยจริงๆ ว่าไอ้เปี๊ยกมันทนสายตาแบบนี้ก็แกไปได้ยังไง
   แล้วเกมก็เริ่ม เฮ้ย.. ลุงแก.. เก่งว่ะ ไม่บอกไม่รู้แกสี่สิบกว่า แกเล่นบาสฯโคตรคล่อง มารู้จากไอ้เปี๊ยกตอนหลังว่าแกออกกำลังกายประจำ มากกว่าพวกผมเสียอีก เออ มิน่าแกเลยไม่ค่อยป่วยไม่ค่อยไข้ แถมหุ่นดีเวอร์ๆ
   ตั้งแต่ผมเกิดมา เพิ่งเข้าใจคำว่าเพอร์เฟกแมนตอนที่เห็นแกเล่นบาสฯนี่แหละ นิ้วแกยาว เล็บก็ตัดจนมน ไม่สั้นมากไม่ยาวมาก เคาะลูกบาสฯได้ไม่มีปัญหาอะไร นิ้วแกโคตรสวย เรียวไม่มีรอยหัก หุ่นแกก็เพรียว เวลาแกกระโดดขึ้นชู้ตลูกที พวกเราได้แต่ยืนมองอึ้งๆ แบบว่าแกดูดีเวอร์เลยล่ะ
   สรุปว่าทีมผมชนะขาดลอย นอกจากลุงแกจะเล่นบาสฯเก่งเกินกว่าที่พวกผมคาด ไอ้เปี๊ยกยังทำหน้าที่ป้องกันแกอย่างดี คนอื่นก็ไม่มีใครกล้าบั๊มกับมัน เพราะกลัวซี่โครงหัก ผมเลยยิ้มหน้าบาน เพราะตอนแรกปลงแล้วว่าแพ้แน่ๆ หลังจากนั้นเราก็อาบน้ำ เปี๊ยกมันก็หวงของมันอีกแน่ะ พาลุงแกไปอาบในซอก ผมล่ะอยากจะบอกมันจริงๆ ว่าของลุงแกไม่มีใครอยากดูหรอก นอกจากตัวมันนั่นแหละ
   แล้วเราก็ไปทานข้าวกันต่อ มื้อนี้ลาบปาก เพราะลุงแกเลี้ยง พอออกนอกบริษัทแกก็ใจดีลมเป็นผู้ใหญ่เหมือนกันนะ เราก็เด็กดีไร้ความเกรงใจ กินกันเต็มอิ่ม เพราะรู้ว่าแค่นี้ขนหน้าแข้งแกไม่ร่วงหรอก จากนั้นเราก็ชวนกันไปร้องคาราโอเกะตามสูตร พร้อมกับเตรียมลาเปี๊ยก เพราะมันคงต้องกลับพร้อมกับลุง แต่ปรากฏว่า ลุงแกบอกว่าจะไปร้องด้วย พวกเรางี้อึ้ง หันไปมองหน้าเปี๊ยก ไอ้เปี๊ยกก็หน้าแดง จนพวกผมชักนึกสงสัยว่ามันกับลุงแกขั้นไหนกันแล้วแน่
   พวกเราวัยรุ่น ชอบลองของ เอาล่ะ เราอาจจะไม่รุ่นเด็กอายุยี่สิบ แต่ก็ยังไม่รุ่นสี่สิบแบบลุงแล้วกัน ดังนั้นเมื่อแกบอกจะไป พวกเราก็สนองเต็มที่ โชคดีมีบางคนกลับไปก่อน เราเลยไม่ต้องจองห้องใหญ่ เราหน้าด้านให้แกเลี้ยงข้าวมาแล้ว คาราโอเกะคงให้แกเลี้ยงต่อไม่ไหว กลัวแกจะพ่นไฟใส่ เราเลยออกกันเอง ห้องเล็กๆ แบบนี้แหละ อบอุ่นและถูก
   ไอ้เปี๊ยกหวงลุงเช่นเคย พาไปนั่งริมสุด ก็ดี พวกผมไม่อยากเบียดกับแกนักหรอก กลัวถูกแกมองด้วยสายตาจิกกัด แล้วเราก็แหกปากร้องเพลงกันแบบไม่เกรงใจผู้ใหญ่ ปกติไอ้เปี๊ยกนี่ก็ตัวร้องคาราโอเกะนะ แต่วันนั้นมันซุ่มเงียบ นั่งข้างลุงร้องเป็นลูกคู่พวกเรา แล้วสักพักมันก็สะกิดเพื่อนคนหนึ่งให้เลือกเพลงให้ พวกผมพอเห็นชื่อเพลงแล้ว ตื่นเต้นแทนมันสุดๆ เพราะเชื่อว่ามันจะร้องจีบลุงแกแน่นอน
   พอถึงช่วงเพลงขึ้น ผมรีบส่งไมค์ให้เปี๊ยก แล้วบังคับลุงแกถือไว้ไมค์หนึ่ง เพราะไม่รู้จะให้ใครถือ ให้แกเอาไปถือนั่นแหละ เผื่อสายไมค์จะสื่อใจถึงแกได้บ้าง แล้วเปี๊ยกก็เริ่มร้อง โอ้โห.. พวกเราโคตรจะเขินแทนมันเลย มันร้องไปมองหน้าแกไป นี่ขนาดพวกผมเป็นผู้ชาย เป็นคนดูแท้ๆ ยังเขิน แต่.. คุณไพฑูรย์แกไม่ธรรมดา นอกจากแกจะอายุสี่สิบสองและได้รับสารพัดฉายาไม่น่าพูดถึงจากเหล่าพนักงานในบริษัท แกยังเป็นจอมวางมาดแบบหาตัวจับยาก ตอนไอ้เปี๊ยกร้องเพลงที่พวกเราเขินกันแทบตาย แกนั่นหน้านิ่งสนิท นิ่งจริงๆ นะ ผมไม่อยากบรรยาย นิ่งจนเรายังอึ้งแทนเปี๊ยก แกนิ่งขนาดนี้เปี๊ยกมันจะทนร้องจนจบได้รึเปล่าเนี่ย
   แต่ปรากฏ ไอ้เปี๊ยกร้องจนจบได้ เพื่อนๆ ซาบซึ้งโคตรๆ นับถือความพยายามของมัน ผมงี้ต้องลุกไปกอดมันเลยนะ เพราะสงสารมันสุดๆ มันทำขนาดนี้ลุงแกยังหน้านิ่งอยู่เลย เปี๊ยกเอ๊ย เวรกรรมของเอ็งแท้ๆ เลย แต่เปี๊ยกมันแฮปปี้ของมัน เหมือนรุ่นซิมโทรศัพท์ มันร้องเสร็จก็เขินเองเสร็จ ท่าทางมีความสุขกับหน้าตายๆ ของลุงแกมา ผมล่ะไม่รู้จะลุ้นกะมันยังไงดี เอาล่ะ ในเมื่อมันชวนแกให้มาเล่นบาสฯ มาร้องคาราโอเกะแบบหน้าตายๆ กับเราได้ ผมว่ามันกับแกความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ
   เราเลยโทรไปเล่านพคุณหลังจากนั้น เหมือนมันจะพอรู้เรื่องจากน้องมันบ้างแล้ว มันบอกว่าคุณไพฑูรย์เป็นคนดังในแวดวงบริหารทรัพยากรบุคคลเลยล่ะ ว่างๆ มันก็อยากจะไปเจอดูสักที
ทำงานแบบเดียวกัน แถมเป็นระดับผู้บรรยาย ไม่ธรรมดา มันว่ามางี้ ผมว่านะมันเตรียมจะไปดูหน้าน้องเขยหรือน้องสะใภ้ในอนาคตที่อายุมากกว่ามันมากกว่า
ผมไม่รู้นพคุณแวะไปแล้วรึเปล่า แต่ผมมารู้อีกทีหลังจากนั้นว่ามันกับไอ้เปี๊ยกต้องไปดูแลพี่สาวคนโตซึ่งป่วยอยู่ที่แคนนาดา แล้วเหมือนเปี๊ยกต้องไปอยู่ยาว เพราะนพคุณต้องกลับมาทำงานต่อ
เปี๊ยกมันไปดูแลพี่สาวได้สักสามเดือนมั้ง มันกลับมาอีกที ผมเห็นมันหน้าบานเป็นจานกระด้ง เหมือนว่าจะหอบผ้าหอบผ่อนย้ายไปอยู่กับลุงแกเรียบร้อยแล้ว
นี่ถ้าไม่ประสบเองกับตัวผมไม่เชื่อนะเนี่ย พวกเพื่อนๆ อนุโมทนาสาธุว่าเปี๊ยกมันคงได้เจอเนื้อคู่สักที คุณไพฑูรย์แกไม่ใช่คนคบคนง่ายๆ ด้วย ที่แกยอมลงกับไอ้เปี๊ยกขนาดนี้ เปี๊ยกมันคงได้อยู่ยาว
ก็หวังว่าแกจะอยู่นานๆ ให้เปี๊ยกมันดูแลไปจนแก่จนเฒ่าทั้งคู่ล่ะนะ ส่วนพวกผม ขอหาภรรยาอายุน้อยกว่าหรือพอๆ กันก็แล้วกัน ผมไม่อยากเลียนแบบไอ้เปี๊ยกมันหรอก ปล่อยให้มันชอบของมันไปคนเดียวก็พอ
-----------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : ขั้นสุดท้าย P8 9/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 11-06-2011 21:38:20
อ่านแล้วรู้สึกว่าคุณนพน่ารักมากกกกกก
คอยดูแลลุงแ่ก่ๆ รึเปล่า 5555
พรุ่งนี้จะมาอ่านต่อนะ ไม่ไหวขอไปนอนก่อนตาจะปิดแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 11-06-2011 21:58:31
แบบว่าอ่านแล้วรู้สึกว่าทุกคนมองลุงในแง่ร้ายแฮะ

มีแต่นพคนเดียวละมั้งที่เห็นความน่ารักที่ซ่อนอยู่ของลุง 55+
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 11-06-2011 22:11:44
อ่านจากมุมมองคนอื่นแบบนี้แล้วฮามากค่ะ ฮากว่ามุมมองของ
คุณไพค่ะ อาจเพราะคุณไพรักษามาดได้ดีก็เป็นได้
ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 11-06-2011 22:14:36
พี่ไพน่ารักจะตายไป เราหลงพี่ไพจะแย่ คริ ๆ

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะค่า หวังว่าจะมีให้อ่านกันอีกน๊า อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 11-06-2011 22:20:15
คุณไพฑูรย์แกเนี๊ยบทุกองศาจริงๆ อ่านแล้วน่ารักดี
และคงเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ เพราะน้องแมวของเราโชคดีได้เห็นมุมหลุดๆของแกตลอดๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 11-06-2011 22:30:58
น่าร้ากกกกกอ่ะ ประเด็นหลายอย่างที่เคยสงสัยก็มาเคลียร์ในตอนนี้ จัดมาอีกนะคะ ยังไม่อยากให้จบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 11-06-2011 22:33:49
คนเราย่อมมีหลายมุม บางคนในที่ทำงาน กับคนในที่ทำงานจะบุคลิกหนึ่ง ที่บ้านกับคนสนิทจะมีอีกบุคลิก
ดังนั้นบางครั้งจึงต้องอยู่แบบคลุกคลีกันจริงๆ จึงจะได้เห็นตัวตนจริงๆของเค้า
ขอบคุณมากค่ะสำหรับตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: KaZuKi ที่ 11-06-2011 22:40:49
กรี้ดด :mc4: อ่านแล้วหลงเปี้ยกอ่ะ เปี้ยกน่ารักกก อ้ายยยยยย อยากอ่านต่อแล้วค่าา
ตอนแรกไม่คิดว่าจะอ่านนะ เพราะเห็นอายุห่างกันหลายปี แต่เห็นนิยายส่วนใหญ่เขียนแต่ โชตะค่อน ไม่เคยอ่านแนวนี้
เลยลองอ่านดู อ่านแล้ว ชอบอ่ะ ลุงน่ารักในแบบของเขา ส่วนเปี้ยก น่ารักมากก เทคแคร์ลุงดีมากอ่ะ ชอบๆ o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 11-06-2011 23:02:27
ฮ่าฮ่า ลุงแกในสายตาคนอื่นนี้ดูโหดร้ายจังเลยเนอะ

แต่ในสายตานพ นี้คงน่ารักสุดๆ เลยอะดิ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: butterfly_bee ที่ 11-06-2011 23:11:25
อ่านจากมุมมองคนอื่นแล้วคุณไพฑูรย์ดูดีขึ้นเยอะเลยนะ
คือ ก่อนหน้านี้ก็คิดว่าคุณไพฑูรย์ก็คงรูปร่างหน้าตาดูดีไม่ใช่ย่อยนั่นแหละ
แต่มันเป็นมุมมองจากคุณไพฑูรย์เองไง ที่แกโคตรจะถล่มตัวเลย
คิดว่าตัวเองแก่บ้างล่ะ บ่นเรื่องสุขภาพต่างๆนานา
ที่ไหนได้ มองจากมุมมองของคนอื่นแล้วคุณไพฑูรย์ดูดีกว่าที่แกมองตัวเองเยอะเลย 555
ถ่อมตัวจริงๆคุณไพฑูรย์ของเปี๊ยก  :o8:
อ่านตอนนี้แล้วยิ่งเห็นความน่ารักของเจ้าเปี๊ยกนะเนี่ย น่ารักจริงๆอ่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 11-06-2011 23:25:10
ฮะฮะฮะ

ชอบมากๆเลยค่า

ทั้งเด็กน้อย ทั้งลุงเลย

อิจฉาเเท้ๆ น้อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 11-06-2011 23:30:31
ชอบตอนพิเศษมาก อ่านแล้วโครตชอบเลย
เพิ่งรู้นะว่าพชรตามลุ้นตามดูคู่นี้ด้วย o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 11-06-2011 23:33:46
กร๊ากกกกกก อ่านตอนพิเศษแล้ว ใครจะหลับจะนอน ไม่สนละ ขอหัวเราะให้ลั่นห้องหน่อย
 :jul3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยั$
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 11-06-2011 23:37:20
ชอบคำพูดพี่นพคุณอ่ะ "นัท กูอยากร้องไห้" คึคึ
พี่นัทก็ช่างเม้าท์คุณไพฑูรย์นะ แต่ฮาดีนะ มุมมองของคนอื่น
ส่วนนพน่ารักมาก เด็กหนุ่มตัวโตๆ นั่งเขินนั่งอายหน้าแดง อิอิ


+ และ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 11-06-2011 23:39:22
นพรัตน์มีความพยายามสูงมาก ในที่สุดก็ได้ของที่ใฝ่ปองมาครอบครอง :mc4:  รู้สึกดีใจเหมือนลูกชายตัวเองออกเรือน  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 11-06-2011 23:39:46
โหววววว ประวัติความเป็นมาของพ่อยอดชายนายนพ เป็นแบบนี้นี่เอง มิน่า เทสถึงได้มาแนวนี้  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 11-06-2011 23:40:31
ยิ่งมุมของพชร แล้ว อ่านแล้วขำค่ะ
ที่จริงน้องนพเอง ก็มีที่ปรึกษาความรักทีมใหญ่เลย
อยากรู้จังว่าพอพัฒนาเป็นคู่รักกันแล้ว  เวลาที่ทำงานคุณไพฑูรย์แกจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 12-06-2011 00:02:25
อยากอ่านอีก  อยากอ่านอีก
ขอแบบต่อจากนั้นนะค่ะ
ขอร้องน้า~~~~
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: วิหคท่องนภา ที่ 12-06-2011 00:18:19
 o13เป็นตอนพิเศษ ที่ "พิเศษ" จริงๆ   เหมือนได้ดูเบื้องหลังตอนละครจบ เหอๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: gogo_jk ที่ 12-06-2011 00:20:53
 o13 ตอนพิเศษน่ารักมากเลย รู้สึกถึงความน่ารักน่าเอ็นดูของน้องเปี๊ยกมากเลย
คุณไำพฑูรย์แกก็ออกจะน่ารัก..แต่เกราะแกหนาไปหน่อย
คนนอกเลยสยองไปหมด..จริงๆแล้วคุณไพเราออกจะฮาอยู่นะ
แต่มองกันคนละมุม..เลยอดเห็นความน่ารักอย่างที่เปี๊ยกเห็นล่ะซิ  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 12-06-2011 09:19:15
สูตรพิเศษ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 12-06-2011 09:56:38
อ่านเรื่องนี่แล้วมีความสุขมาก
ทุกคนดูมองโลกในแง่ดี เป็นคนดีกันทั้งนั้น
อ่านจากมุมมองของ นัท
เปี้ยก น่ารัก มีความพยายามมาก
พี่นพ ก็รักน้องมาก
คุณไพ ยิ่งอ่านยิ่งตลก กับแต่ละฉายาของคุณไพ
เปี้ยกก็ดีมีทั้งพื่อนและพี่ๆคอยสนับสนุน
ขอบคุณสำหรับตอนใหม่น่ะค่ะ
อยากอ่านจากมุมมองของ เปี้ยกบ้างจัง
ว่าจะเป็นอย่างไร
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 12-06-2011 11:11:24
ขอบอกว่าน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ขำตอนลุงเป็นลม แค่เห็นสาวมากับนพรัตน์
แต่ขอชมคนเขียนนะว่า เขียนออกมาได้น่าร้ก
คิดได้ไงนะ นายเอกอายุตั้ง 42 พระเอก 23
เค้าอยากไ้ด้แบบนี้มั่งจัง   o22

 :L2:    เป็นกำลังใจให้นะค่ะ 
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 12-06-2011 11:16:24
เปี๊ยกน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ  :o8: แต่คุณไพฑูรย์ท่าทางจะมีแต่คนขยาด  :laugh:
ดีแล้วๆ ให้มีแต่เปี๊ยกที่มองเห็นความน่ารักคนเดียวก็พอแล้ว
ขนาดคุณไพฑูรย์แกเฮี้ยบๆ ยังมีคนมาหลงเสน่ห์เยอะแยะเลยเพราะงั้นให้คนอื่นมองไม่เห็นก็ดีแล้ว  :laugh:
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Narutear ที่ 12-06-2011 11:17:19
อ่านจบแล้วกระโดดเกาะขาคนเขียน   :monkeysad:

เขียนอีกเยอะๆนะค่า อย่าเพิ่งทิ้งกันไป ให้ดีเขียนจนรวมเล่ม(แบบหนาๆ)เลยได้ยิ่งดี จะได้ซื้อเก็บ  :impress2:

ปล. ดิ้นๆๆๆๆๆ เขาจะเอาตอนต่อออออออออออออออ  :m31:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 12-06-2011 12:12:01
ตอนพิเศษหนึ่ง แสดงว่าต้องมีตอนพิเศษสองใช่ม๊า อร๊างงงงงงงดีใจๆ

อยากอ่านฝพาร์ทของเจ้าเปี๊ยกบ้างจัง ต้องน่ารักแน่ๆ!
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 12-06-2011 14:06:07
ตอนพิเศษที่ทำให้ได้รู้ที่มาที่ไปแบบนี้ ยิ่งน่ารักขึ้นเข้าไปอีกค่ะ :-[
ขอบคุณมากๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 12-06-2011 14:59:52

ลุงงง ทำไมลุงน่ารักอย่างนี้เล่า 5555
ชอบเรื่องนี้มากๆคะ เสียดายจบซะแล้ว
ชอบคะๆ อยากอ่านตอนพิเศษเยอะๆ

ยังไงก็จะติดตามอ่านเรื่องต่อไปนะคะ
ขอบคุณมากคะ ที่นำเรื่องราวดีมาให้อ่านกัน
+1คะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 12-06-2011 15:01:49
 :impress3:

น่ารักมากกกกเลยยย

แถมตอนจบมี  :m25: ด้วยยย

อิอิ

ตอนพิเศษก็น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 12-06-2011 15:03:47
 :haun4:
เพิ่งอ่านจบ คุณนพน่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: BiGgYDrIb ที่ 12-06-2011 15:04:56
ไล่อ่านตั้งแต่ต้นจนจบรวดเดียว สนุกมาก เรื่องน่ารักๆไม่เครียด
นพรัตน์น่ารักจัง ในชีวิตจริงจะมีคนแบบนี้มั้ยนะ
เป็นผู้ใหญ่กว่าอายุ แถมยังมั่นคงอีกตะหาก

คุณไพฑูรย์นี่ก็น่าอิจฉา มีเด็กมาติดพัน รักจริงหวังแต่งซะด้วย ^ ^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 12-06-2011 15:22:19
 :impress3: :impress3:

 นพโคตรน่ารั๊ก อ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 12-06-2011 15:39:19
ความมั่นคงพ่วงความน่ารักพระเอกเราที่หนึ่ง  5555555

อยากฟังพระเอกเราเล่าเรื่องบ้างอ่ะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 12-06-2011 17:45:12
อ่านจบแล้วกรี๊ดดด คุณไพก็น่ารักแบบนิ่งๆ นพก็หล่ออ่านแล้วดูช่างเอาใจและอบอุ่น o18
พยายามจิ้นถึงหน้าตาคุณไพว่าจะเป็นแบบไหนก็นึกไม่ออก แต่ต้องดูดีม๊ากกก

อยากอ่านตอนพิเศษอีก :man1: :man1:

ขอบคุณที่เขียนเรื่องสนุกๆให้อ่านค่า o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: akanae ที่ 12-06-2011 19:23:02
มีบทเฉลยไหมคะ นพเก่งมาจากไหนกัน คุณไพ ของเรา เป็นหนุ่มไม่โสดซะทีน้าาาา เย่ๆ
คุณไพคงหน้าเด็กจริงๆ อ่ะนะคะ ใครๆ ก้อทักคงดูสักสามสิบต้นๆ ล่ะนะ แต่โถ สวรรค์ช่างทำร้าย
ให้คุณไพสายตายาวแล้วไม่มั่นใจซะงั้น ชอบฉากที่แมวอยุ่กับต้นกระบองเพชรค่ะ ดูอบอุ่นและน่ารักดีค่ะ
ชอบๆ จังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 12-06-2011 23:38:47
ขอบอกว่าตอนพิเศษ ฮามากกกกกกก  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 12-06-2011 23:44:22
น่ารักน่าเอ็นดูนะ  นายนพ       แต่ตอนพิเศษอย่างฮาอ่ะ     ไม่มี นพเวอร์ชั่น  มาลงให้อ่านบ้างอ่ะ  อยากรู้ว่านายนพจะรู้สึกอย่างไง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยั$
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 13-06-2011 00:45:35
อ่านแล้วเหมือนแอบฟังพชรนินทาเปี๊ยกอยู่เลย
ขำก็ขำ แต่ชอบมากกกกกกกกก

ได้ความรู้สึกอีกอย่างว่า คุณไพฑูรย์หล่อมาก เนี๊ยบ และนิ่งสุดยอด
มองในด้านนี้แล้วเทียบกับภาคปกติ
แปลว่าข้างนอก(ร่างกาย)แค่ สามสิบ ข้างใน(ความคิด) สี่สิบห้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 13-06-2011 02:26:22
อยากอ่านในมุมของนพ ไม่ก็ เอ็นซี ซักตอนไปเลย555+
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MimicClub ที่ 13-06-2011 07:17:38
 :-[  น่ารักจริงๆ คุณนพ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 13-06-2011 10:10:42
น่ารักจังนะฮะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 13-06-2011 11:31:06
วันนี้เข้ามาย้ำว่า คนอายุ42อย่างคุณไพฑูรย์ ไม่แก่หรอกค่ะ(ถ้าไม่นับเรื่องสายตายาว)
ดูคุณป๊อบวราวุธ ผู้ประกาศช่อง3ไงคะ 39แล้ว หน้ายังกะเด็กปี3ปี4ป.ตรีแน่ะ
ดิฉันก็เลยจิ้นหน้าคุณไพฑูรย์โดยการเทียบเคียงกับหน้าคุณป๊อบอ่ะค่ะ
ดังนั้นนายนพเดินไปด้วยกันกับคุณไพฑูรย์ ก็จะดูไม่ต่างกันนักหรอก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 13-06-2011 11:52:11
วันนี้เข้ามาย้ำว่า คนอายุ42อย่างคุณไพฑูรย์ ไม่แก่หรอกค่ะ(ถ้าไม่นับเรื่องสายตายาว)
ดูคุณป๊อบวราวุธ ผู้ประกาศช่อง3ไงคะ 39แล้ว หน้ายังกะเด็กปี3ปี4ป.ตรีแน่ะ
ดิฉันก็เลยจิ้นหน้าคุณไพฑูรย์โดยการเทียบเคียงกับหน้าคุณป๊อบอ่ะค่ะ
ดังนั้นนายนพเดินไปด้วยกันกับคุณไพฑูรย์ ก็จะดูไม่ต่างกันนักหรอก

จริงๆ ผู้ชายอายุ40ต้นๆ ดูแลตัวเองดีๆ หน้าตาไม่แก่มากหรอกค่ะ ที่แน่ๆ ตีนกายังไม่ขึ้นแน่นอน เราๆ ชอบเทียบกับผู้หญิงที่"แก่ง่ายตายยาก" เลยรู้สึกว่าแก่กันมั้งคะ (แต่ผู้หญิงบางคนจะสี่สิบแล้ว หน้าตายังเหมือนยี่สิบกลางๆ อยู่เลยก็มีนะคะ เคยเจอ!!)

แหม.. ขนาด"ป๋าเบิร์ด" นี่ห้าสิบกว่าเข้าไปแล้ว หน้ายังปริ๊งอยู่เลย เพราะฉะนั้น คุณไพฑูรน์จะไป(หน้า)แก่ได้ยังไง ใช่ไหมล่ะคะ อิอิ

ปล. คุณป๊อบ39แล้วหรอค่ะ (แอบช็อก!!)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 13-06-2011 12:03:13
วันนี้เข้ามาย้ำว่า คนอายุ42อย่างคุณไพฑูรย์ ไม่แก่หรอกค่ะ(ถ้าไม่นับเรื่องสายตายาว)
ดูคุณป๊อบวราวุธ ผู้ประกาศช่อง3ไงคะ 39แล้ว หน้ายังกะเด็กปี3ปี4ป.ตรีแน่ะ
ดิฉันก็เลยจิ้นหน้าคุณไพฑูรย์โดยการเทียบเคียงกับหน้าคุณป๊อบอ่ะค่ะ
ดังนั้นนายนพเดินไปด้วยกันกับคุณไพฑูรย์ ก็จะดูไม่ต่างกันนักหรอก

จริงๆ ผู้ชายอายุ40ต้นๆ ดูแลตัวเองดีๆ หน้าตาไม่แก่มากหรอกค่ะ ที่แน่ๆ ตีนกายังไม่ขึ้นแน่นอน เราๆ ชอบเทียบกับผู้หญิงที่"แก่ง่ายตายยาก" เลยรู้สึกว่าแก่กันมั้งคะ (แต่ผู้หญิงบางคนจะสี่สิบแล้ว หน้าตายังเหมือนยี่สิบกลางๆ อยู่เลยก็มีนะคะ เคยเจอ!!)

แหม.. ขนาด"ป๋าเบิร์ด" นี่ห้าสิบกว่าเข้าไปแล้ว หน้ายังปริ๊งอยู่เลย เพราะฉะนั้น คุณไพฑูรน์จะไป(หน้า)แก่ได้ยังไง ใช่ไหมล่ะคะ อิอิ

ปล. คุณป๊อบ39แล้วหรอค่ะ (แอบช็อก!!)
ยังไม่เต็ม 39หรอกค่ะ คุณป๊อบเค้าเกิดปลายปี  เค้าเกิด 5 พฤศจิกายน 2515
ชิ..ผู้หญิงบางคนก็แก่ไม่ง่าย และตายไม่ยากนะ อิ อิ(แอบแอ๊บบบบ..นิดนึง)
อยากอ่านผลงานของคุณต่ออีกนะ







หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 13-06-2011 12:10:11
อ่านตอนพิเศษแบบนี้ ทำให้รู้ว่า ลุงแกชวนสยองมากแค่ไหน  และเจ้าเปี๊ยกน่ารักมากแค่ไหนด้วย  ต้องชมคนแต่งว่า เขียนบรรยายออกมาได้ดีนะคะ

ปล. ไม่อยากให้เรื่องนี้จบลงเลย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Kee ที่ 13-06-2011 13:48:15
นายเปี๊ยกน่ารักมากกกก ถึงรสนิยมจะแปลกไปหน่อยก็เถอะ...
แต่ถ้าได้แบบคุณไพฑูรย์นี่..เราให้อภัยได้   (เพราะน่ารักเว่อร์)

ปล. อยากอ่านเรื่องราวหลังจากนั้นของทั้งคู่ด้วยคะ   ขออีกสักหน่อย
ตอนนี้เหมือนจะยังหวานไม่สุดเลย   :m15:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: prettypearl ที่ 13-06-2011 15:53:34
อ่านจากความคิดขอบพชรแล้ว (หรือพัชระหว่า  สักคนแหละ  :z2: )

นพน่ารักเว่อร์ๆอ่ะ โคตรจะดูแล อยากจะมีแบบนี้บ้างอะไรบ้าง แต่ไม่ต้องเด็กขนาดนั้นนะ  o18

พิมพ์ว่าคุณลุงไม่แก่ขนาดนั้น  แต่ชอบบรรยายว่าตัวเองดูแก่อ่ะ

อย่าง hyde ณ larc en ciel ไงคะ 40 กว่าเข้าไปแล้ว ยังแป๊ะอยู่เลย แถมเดี๋ยวนี้ยังทำตัวแอ๊บอีกต่างหาก  :laugh:

คุณครูที่รร. สมัยมัธยมของพิมพ์ก็หน้าเด็ก แบบว่ารู้อายุครั้งแรกตกใจ  40 แล้วจริงง่ะ  หนูนึกว่า 20 กว่าๆ  o22

อยากอ่านมุมมองของนพบ้างอ่ะค่ะ  ทำไงถึงไปปิ๊งรักลุงไพฑูรย์ได้ 

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 13-06-2011 22:29:14
อ่านแล้วชอบคุณไพฑูรย์กับนพรัตน์จัง  :-[ +1 จ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 14-06-2011 09:08:09
จากพี่จิระภัทร์ ถึงน้องไพฑูรย์
   ถ้าไม่เคยเกิดมารูปหล่อพ่อรวย คงจะไม่เข้าใจความรู้สึกผมหรอก ครับ ผมจิระภัทร์ อย่าให้บอกนามสกุล เพราะบอกแล้วรับรองว่าจะต้องอึ้ง เอาเป็นว่าผมเป็นลูกคนเดียว เกิดมาหน้าตาดี พ่อแม่มีเงินมีทองให้ใช้ไม่ขาดมือ เรียกว่าคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดก็ได้
   ผมเกิดมามีแต่คนพินอบพิเทา ด้วยมีทั้งนามสกุล ทุนพ่อทุนแม่ และหน้าตาระดับที่เรียกว่าโตขึ้นคงได้เป็นซูเปอร์สตาร์ หล่อยิ่งกว่าพี่เบิร์ด อ๊ะๆ พี่เบิร์ดยังเป็นรุ่นพี่ผมนะครับ ใครๆ เห็นผมก็ต้องเข้ามาเอาอกเอาใจ อยากได้อะไรก็ไม่มีปฏิเสธ รีบหามาให้ทันที แหม.. แต่ผมไม่ใช่คนอยากได้อะไรกับใครเขาบ่อยๆ หรอก เพราะปกติก็มีคนเอามาวางไว้แทบเท้าอยู่แล้ว
   ชีวิตผมโรยด้วยกลีบกุหลาบ สมหวังในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องความรัก เรียกว่าผมพอใจใคร เดี๋ยวได้มาครอบครองแน่นอน ชีวิตรักผมมันง่ายไปหมด ดังนั้นผมจึงเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น แน่นอน เพราะนามสกุลผม บวกหน้าตา บวกสารพัด ผมเลยมีทั้งชายและหญิงมาติดพัน แหม..ป๊อบขนาดนี้ ผมยังต้องกลัวอะไรอีก
   ครับ ชีวิตผมเป็นแบบนี้มาจนอยู่มหาวิทยาลัยปีสาม วันนั้นเป็นวันรับน้องปีหนึ่งวันแรก ผมจำแม่นเลย เพราะคณะที่เราเรียนพอถึงปีสามมีธรรมเนียมว่าต้องไปรับน้องปีหนึ่ง ที่ผมจำแม่นเพราะเพื่อนที่สนิทกันโทรมาบอกว่า นายรีบมาดู มีน้องคนหนึ่ง แจ่มโคตร นั่นแหละ ผมถึงได้ถ่อไป ไม่มีสาวน่ารักผมไม่ไปทนร้อนหรอกนะ
   ปรากฏว่าน้องผู้หญิงที่เพื่อนผมบอกน่ะแจ่มจริงๆ แต่น้องผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ กันสิ หน้าตาโคตรนิ่ง มองน้องผู้หญิงแล้วก็เลยมองเห็นไปด้วย ผมเห็นหน้าแล้วหมั่นไส้ เลยเรียกให้ออกมา
   “น้องผู้ชายที่นั่งอยู่ริมขวาสุดน่ะ ออกมาหน้าแถวหน่อยครับ”
   ไอ้เพื่อนที่ชวนมาทำท่าแปลกใจ มันคิดว่าผมจะเรียกน้องผู้หญิง แต่ผมบอกมันว่า อยากแกล้งไอ้น้องผู้ชายนี่ เห็นทำหน้านิ่งเชียว เพลงอะไรก็ไม่ยอมร้อง มือก็ตบไปงั้นๆ มันเลยเห็นด้วย แล้วน้องคนนั้นก็ลุกออกมา
   ที่ผมคิดอย่างแรกตอนนั้นคือ ขาวจังวะ ขนาดผมที่บ้านประคบประหงมอย่างดี ยังไม่ขาวขนาดนี้เลย น้องใส่ชุดนักศึกษามาพร้อม กางเกงรีดจนเป็นรอยจีบ เสื้อก็เรียบสนิท ติดกระดุมถึงคอ ผูกไทเรียบร้อย ผมเห็นแล้วอดทักไปไม่ได้
   “น้องครับ บ้านน้องทำร้านซักรีดหรือครับ?”
   น้องคนนั้นเหลือบตามามองผม ปกติรุ่นน้องเข้าใหม่ รุ่นพี่เรียกมันต้องหันมามองหน้าใช่ไหมล่ะ แต่ไอ้น้องคนนี้ มันไม่หัน มันแค่เหลือบตามามอง เกิดมาผมเพิ่งเคยถูกคนมองแบบนี้ เลยรู้สึกเกลียดขี้หน้าไอ้น้องนี่ขึ้นมาทันที
   “น้อง บ้านไม่สอนมารยาทหรือไง รุ่นพี่เรียกทำไมไม่หันหน้ามา” นั่นแหละ มันถึงได้หันมา เออ ขาวจริงๆ ปากงี้สีชมพูเลย ถ้าเป็นผู้หญิงจะบอกว่าน่ารักเลยนะ แต่นี่เป็นผู้ชาย แถมสายตาที่มองมานี่เรียกว่าเย็นชาสุดๆ เห็นแล้วโคตรหงุดหงิด
   “น้องชื่อไรครับ?”
   “ไพฑูรย์” โห... บอกชื่อเต็มยศ ป้ายชื่อมันก็เขียนไพฑูรย์ ผมเลยถามมันต่อ
   “น้องไม่มีชื่อเล่นหรือครับ?”
   มันไม่ตอบ ผมเลยพูดต่อ “งั้นพี่ตั้งให้ เป็นน้องไพนะครับ”
   เพื่อนผมนั่งขำ เพราะชื่อมันพอเรียกตัวหน้าโคตรเหมือนผู้หญิง ผมก็ขำนะ มันยืนนิ่งๆ จากนั้นก็เดินเข้ามา ระหว่างที่เรากำลังขำกันอยู่ จากนั้นก็....
   ผลัวะ!
   โรงอาหารที่ใช้เป็นสถานที่รับน้องเงียบกริบราวกับกดปุ่มปิดเสียง ผมน่ะนั่งอยู่นะ แต่หน้าหันเลย เจ็บจี๊ดที่แก้มโคตรๆ ตั้งแต่เกิดมาจะยี่สิบปี ผมยังไม่เคยโดนใครต่อยเลย อย่าว่าแต่ต่อย ถูกตียังนับครั้งได้ ผมตกใจจนอึ้งไปพักใหญ่ พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที มันก็กลับไปนั่งที่เดิมแล้ว โมโหก็โมโหนะ ใจโคตรอยากจะเดินไปกระชากคอเสื้อมันขึ้นมาต่อยเลย แต่เพื่อนๆ ห้ามเอาไว้
   “ใจเย็นๆ ภัทร์ เดี๋ยวเราจัดการให้แล้วกัน” พงษ์โพยมบอกผม หมอนี่เป็นประธานรุ่นครับ หน้าตามันไม่ได้หล่อเหลาอะไรเมื่อเทียบกับผม แต่มันดูดีแบบผู้ใหญ่ เพราะนิสัยง่ายๆ ไม่เรื่องมาก รับผิดชอบ และเข้ากับคนง่าย มันเลยได้รับคัดเลือกเป็นประธานรุ่นตั้งแต่ปีหนึ่ง
   “น้องไพฑูรย์ ออกมาหน้าแถวอีกรอบสิครับ” พงษ์โพยมออกโรงบ้าง ไอ้น้องไพฑูรย์ก็ลุกขึ้น เดินออกมาทั้งหน้าตายๆ อย่างนั้นแหละ ผมเห็นแล้วอยากเดินไปชกหน้ากลับจริงๆ ได้ยินเสียงพงษ์โพยมถามต่อ “น้องไปต่อยพี่เขาทำไมครับ?”
   “ผมไม่ชอบให้ใครเรียกชื่อหน้า”
   มันตอบเสียงเรียบ แต่ฟังชัดเจนมาก ผมยังฉุนอยู่ ไม่อยากให้เรียกก็บอกดีๆ สิ ทำไมต้องต่อยกันด้วยวะ
   “น้องไม่ชอบก็ควรจะบอกพี่เขาก่อนสิครับ ไม่ใช่มาต่อยกันแบบนี้”
   ไอ้น้องไพฑูรย์พยักหน้ายอมรับ ผมนั่งฮึดฮัดมองหน้ามันอยู่ตรงเก้าอี้ รอว่าพงษ์โพยมจะทำอะไรกับมันต่อ แค่เรียกมาว่าแค่นี้ผมไม่พอใจหรอกนะ แก้มยังเจ็บแปลบๆ อยู่เลย
   “น้องเดินไปขอโทษพี่เขาดีๆ แล้วกัน จะได้ไม่มีปัญหากันวันหลัง” พงษ์โพยมว่า ไอ้น้องไพฑูรย์ยืนนิ่งๆ อยู่พัก แต่สุดท้ายก็ยอมเดินเข้ามา ผมก็นั่งวางมาด รอมันมาขอโทษ ตอนแรกกะให้มันกราบเท้าเลยด้วยซ้ำ แต่เพื่อนห้ามไว้ บอกว่าเอ็งก็เกินไป ผมเลยนั่งเฉยๆ ดูซิว่ามันจะขอโทษยังไง
   “ผมขอโทษ” มันพูดสั้นๆ แค่นี้ แถมก้มหน้าอีก ผมเลยทนไม่ไหวต้องพูดขึ้นมาบ้าง “จะขอโทษก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากันบ้างสิ จะได้รู้ว่าสำนึกผิดแล้ว”
   ไอ้น้องไพฑูรย์เงยหน้าขึ้นมาครับ มันมองผมเคืองๆ แล้วก็พูดอีกหน “ขอโทษครับ”
   ผมเกลียดขี้หน้ามันได้ถึงวินาทีนั้นเท่านั้นแหละครับ มันมองผมด้วยสายตาเคืองๆ นะ ดูยังไงก็ไม่เต็มใจขอโทษแน่ๆ แต่มันแก้มแดงด้วย ไม่รู้ว่าโกรธหรืออะไร แต่ผมนี่สิ ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น ตึกตึก แม่เจ้าโว้ย ทำไมรู้สึกว่ามันทำหน้าแบบนี้แล้วดูน่ารักขึ้นมาก็ไม่รู้ เด็กผู้ชายด้วยนะ อายุสิบแปดสิบเก้าแล้ว
   ผมอึ้งไปสักพัก ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ คนอื่นที่ดูอยู่ก็ลุ้น ลุ้นว่าผมจะพูดอะไร สุดท้ายผมเลยไล่มันกลับแถวไป
   “เออๆ กลับไปนั่งร้องเพลงที่แถวไป”
   ไพฑูรย์ยืนอยู่อีกพัก จนผมพูดต่อ “ไม่โกรธแล้ว ไปนั่งไป”
   นั่นแหละ มันถึงได้เดินกลับไป คราวนี้แทนที่ผมจะมองน้องผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างมัน ผมก็เปลี่ยนไปมองมันแทน มันไม่ยอมร้องเพลงจริงๆ ได้แต่ตบมือไปเรื่อยๆ ผมนั่งมองมันอยู่พัก ก็เรียกมันอีก
   “น้องไพฑูรย์ ทำไมไม่ร้องเพลงล่ะครับ”
   มันออกมายืนหน้าแถวสามรอบแล้ววันนี้ เรียกว่ารับน้องวันแรก เพื่อนคงรู้จักมันกันทั้งชั้นปี ไพฑูรย์ยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง แล้วตอบสั้นๆ “ผมร้องเพลงไม่เพราะ”
   โห...เพลงเชียร์ใครเขาสนใจความเพราะ ผมพูดต่อ “น้อง ไม่ได้ไปร้องเพลงประกวดนะ ร้องทำกิจกรรมน่ะ น้องเข้าใจคำว่ากิจกรรมมั้ย?”
   ไพฑูรย์พยักหน้า
   “เออ งั้นก่อนน้องกลับไปนั่ง ร้องนำเพื่อนๆ สักเพลง เอาเพลงเชียร์คณะก็ได้ เฮ้ย ปุ๋ม กลองให้น้องเขาหน่อยเด๊ะ”
   ไอ้ปุ๋มมือกลองจัดไปตามคำขอของผม ตีไปสักพัก น้องไพฑูรย์ยังไม่ยอมร้อง พงษ์โพยมเห็นแล้วท่าจะสงสาร เลยพูดขึ้นบ้าง “เดี๋ยวพี่ร้องเป็นเพื่อนแล้วกัน”
   แล้วมันก็เริ่มร้องเพลง โอ๊ย ไอ้พงษ์มันเสียงดีเวอร์ อย่างกับนักร้องเพลงปลุกใจ ผมล่ะนึกสงสัยว่าน้องไพฑูรย์ฟังมันแล้วจะกล้าร้องตามมั้ย ไพฑูรย์ยืนฟังพงษ์โพยมร้องเพลงสักพัก ก็ยอมร้องตาม พงษ์โพยมมันก็สมกับเป็นรุ่นพี่ พอน้องร้องมันก็เริ่มค่อยๆ เบาเสียง จากนั้นแหละ เราถึงได้รู้ว่าน้องไพฑูรย์หลงคีย์เพลงแบบสุดๆ ชนิดคาดไม่ถึงว่ามนุษย์โลกคนหนึ่งจะหลงได้ขนาดนี้
   น้องไพฑูรย์ร้องเพลงไปได้สักพัก พอเห็นพวกผมพยายามกลั้นขำ มันก็หยุดร้อง หันมามองเคืองๆ มองเพื่อนมันด้วย พวกเราเลยไม่มีใครกล้าขำให้มันเห็น เพราะกลัวถูกต่อย พงษ์โพยมท่าทางจะสงสารน้อง ไม่ก็อนาถใจกับความหลงคีย์ของมัน เลยบอกให้มันกลับไปนั่ง แล้วตบมือไปเฉยๆ ก็ได้
   ไพฑูรย์พยักหน้า มันขบปากนิดๆ แก้มแดงหน่อยๆ มองพวกผมอย่างเคืองๆ แล้วเดินกลับไปนั่งที่แถว ไม่รู้เพื่อนคนอื่นคิดไงนะ แต่ผมน่ะเตลิดไปเรียบร้อย ผมรู้สึกว่าไอ้น้องไพฑูรย์นี่น่ารักสุดๆ เป็นผู้ชายก็ไม่เกี่ยงแล้วล่ะ
   หลังจากนั้นผมก็มารับน้องทุกวัน หาเรื่องแกล้งน้องไพให้เขินหน้าแดงแล้วนั่งมองน้องกลับไปนั่งตบมือในแถว ไพฑูรย์ก็รู้นะว่าผมมองอยู่ มีหันมามองค้อนผมบ้าง แต่เจอกับสายตาจริงใจของผมเข้าไป น้องไพก็หลบตาทุกที ผมงี้ยิ่งชอบเข้าไปอีก เรียกว่าแกล้งแล้วชอบ ชอบแล้วเลยต้องแกล้งต่อ
   พอเข้าเปิดเทอม ผมก็ตามจีบน้องไพอย่างไม่อายฟ้าอายดิน สมัยนั้นเกย์ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนะ ผมเองก็ไม่เคยชอบผู้ชายหรอก มาชอบก็น้องไพนี่แหละ พอชอบแล้วจะให้กระมิดกระเมี้ยนมองเฉยๆ ก็ไม่ใช่นิสัยผมอีก ผมเลยจีบแบบโจ่งแจ้ง เดินไปหาที่ห้อง ชวนไปทานข้าว ซื้อดอกไม้ไปให้ เออ ตั้งแต่ผมเกิดมา ผมยังไม่เคยลงทุนจีบใครทั้งตัวทั้งใจขนาดนี้เลย อย่างที่ว่า บ้านผมรวย นามสกุลผมก็ไม่ธรรมดา เรื่องที่ผมจีบน้องผู้ชาย เลยไม่มีใครกล้าว่า จะมีเตือนๆ หน่อยก็คงเป็นพงษ์โพยมนี่แหละ
   พอดีว่าตอนเปิดรหัส พงษ์โพยมได้ไพฑูรย์เป็นหลานรหัส เพราะเลขที่ตรงกัน สองคนนี่เลยสนิทกันเป็นพิเศษ ท่าทางน้องไพรำคาญที่ผมตามจีบด้วยมั้ง เลยชอบไปไหนมาไหนกับพงษ์โพยมบ่อยๆ เพราะมีแต่พงษ์โพยมคนเดียวนี่แหละที่กล้าตำหนิผมตรงๆ แถมผมก็เกรงใจมันด้วยสิ แหม...ถึงพงษ์โพยมมันจะไม่ได้รูปหล่อจัด บ้านมันก็ไม่ได้รวยมาก แต่มันมีรัศมีอำนาจในตัวมันเองนะ เรียกว่าเหมือนเกิดมาเพื่อเป็นผู้ปกครองคนโดยเฉพาะ ขนาดผมยังเกรงใจมันเลย ดังนั้น น้องไพเลยอาศัยบารมีพี่พงษ์หลบผมได้เป็นระยะ แต่ผมมันพวกกัดไม่ปล่อยซะด้วยสิ เกิดมายังไม่เคยชอบใครขนาดนี้ ผมไม่ถอยง่ายๆ หรอก
   วันหนึ่ง ผมอาศัยช่วงจังหวะที่พงษ์โพยมไปเข้าเรียนคลาสวิชาเลือก แอบดอดมาหาน้องไพ ผมรู้ตารางเรียนน้องไพละเอียดยิบ รู้ว่าเรียนตรงไหนกี่โมง จะเดินจากตึกไหนไปตึกไหนเวลาไหน พอพงษ์โพยมไม่อยู่ ผมก็ดอดไปหาทันที
   “น้องไพจ้ะ ว่างคุยกับพี่สักครู่มั้ย?” ผมยืนหลบอยู่ตรงมุมเสา พอจังหวะที่ไพฑูรย์เดินมาก็เข้ามาดัก มั่นใจว่าอย่างน้อยน้องไพต้องตกใจจำทำหน้าตาน่ารักๆ ออกมาบ้างแหละ แต่ที่ไหนได้ คนที่ตกใจดันเป็นเพื่อนผู้หญิงที่เดินมาด้วยกันแทน ร้องกรี๊ดแล้ววิ่งไปหลบหลังน้องไพ เหมือนเห็นผมเป็นสัตว์ประหลาด แต่หลบหลังน้องไพก็ดี ผมจะได้มองน้องไพได้ชัดๆ ไม่มีใครมายืนบัง
   ไพฑูรย์สูงสักร้อยเจ็ดสิบห้า ซึ่งเป็นความสูงมาตรฐานชายไทยในตอนนั้นแล้ว แต่เขาตัวบางมาก บางแต่ไม่ถือว่าผอมนะ อธิบายยังไงดีล่ะ เป็นพวกโครงสร้างเล็กล่ะมั้ง พอเห็นผมโผล่มาอย่างกะทันหันแล้ว น้องไพไม่เพียงแต่จะไม่ตกใจเท่านั้น ยังเดินหน้านิ่ง ตอบผมเสียงเรียบ “ไม่ว่างครับ ผมรีบไปเรียน”
   แล้วก็เดินผ่านผมไปเลย ท่าทางน้องไพจะชินกับการจีบแบบสายฟ้าแลบของผมเสียแล้ว เลยทำหน้านิ่งได้ขนาดนี้ เอาเถอะ ก็ผมเล่นตามตื้อเขาแบบนี้มาจะสองเดือนแล้วนี่นา แต่ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก เมื่อไม่ยอมหยุดคุยดีๆ ผมหยุดเองก็ได้
   ไม่ใช่หยุดรังควานน้องเขานะ ผมจะหยุดไม่ให้น้องเขาเดินไปต่างหาก
   “พี่ภัทร์ ผมรีบ” ไพพูรย์เริ่มพูดอย่างมีโมโหเมื่อผมเล่นยืนขวางหน้า ชนิดถ้าไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครองจะไม่ยอมให้ผ่าน
   “ไม่เป็นไร พี่รู้ วิชานี้อาจารย์ไม่เช็กชื่อ”
   “วันนี้ผมมีสอบ”
   “ตารางเรียนน้องไพสอบอาทิตย์หน้า พี่ดูมาแล้ว”
   “...............”
   “โดดเรียนไปกับพี่สักวันสิ”
   “พี่ภัทร์”
   “จ๋า”
   “ตรงผมพี่มีอะไรติดไม่รู้ หลับตาสิ เดี๋ยวผมปัดให้”
   อะไรติดหัวผมไม่รู้หรอก แต่พอคิดว่าน้องไพจะยื่นมือขาวๆ เรียวๆ มาปัดออกให้ผม ผมรีบหลับตาทันที รอว่าเมื่อไหร่น้องไพจะยื่นมือเข้ามา จะได้คว้าเอาไว้ไม่ปล่อย
   ปรากฏ... เงียบกริบ ผมยืนอยู่นานชักสงสัย เลยลืมตาขึ้นมา
   อ้าว น้องไพหายไปแล้ว หันไปมองอีกทีก็เห็นรีบวิ่งตื๋อขึ้นตึกไปอย่างกับหนีโจรงั้นแหละ เจอแบบนี้แทนที่ผมจะเซ็ง ผมยิ่งชอบ ชอบความฉลาดเอาตัวรอดนะ รู้จักใช้ความรักแบบหน้ามืดตามัวของผมให้เป็นประโยชน์ ยิ่งคิดยิ่งอยากได้น้องไพมาไว้ในครอบครองจริงๆ เล่นด้วยยากแบบนี้สิมันถึงจะสนุก
   ผมตะบี้ตะบันจีบน้องไพจนไม่ค่อยได้ไปซ้อมบาสฯซึ่งผมเล่นเป็นตัวจริงทีมคณะ เอาล่ะ คนเราจีบใครมันต้องสละอะไรบางอย่างไปบ้าง ในเมื่อผมไม่ยอมเสียเวลาเรียน ผมก็ต้องยอมเสียเวลากิจกรรมนั่นแหละ มนุษย์กิจกรรมดีเด่นอย่างผมมาหายไปแบบนี้ คนแรกที่เดือดร้อนไม่ใช่ใครอื่น พงษ์โพยมนั่นเอง
   พงษ์โพยมเป็นหนุ่มร่างใหญ่ นอกจากจะเป็นประธานรุ่นและเป็นที่นับถือของทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องแล้ว หมอนี่ยังเป็นกับตันชมรมบาสฯของคณะ พอเห็นผมโดดซ้อมขนาดนี้ ด้วยนิสัยรับผิดชอบสุดๆ เขาก็มาตามตัวผม บอกว่าวันนี้ให้เข้าซ้อมด้วย จะคัดตัวนักกีฬาใหม่ พอเห็นผมทำท่าอิดๆ ออดๆ เขาก็เลยต้องพูดต่อ   
   “ไพฑูรย์จะมาคัดด้วย ไปเข้าซ้อมนะ”
   พอพูดชื่อน้องไพออกมาเท่านั้นแหละ ผมเหมือนหมาได้กลิ่นกระดูก รีบตอบตกลงทันที เย็นนั้นผมไปถึงโรงยิมที่ใช้ซ้อมคนแรก พอพงษ์โพยมเห็นผมนั่งรออยู่ก็ขำพรืด ผมเลยต้องรีบถามเขา “นี่ พงษ์ ไม่ใช่ว่าอำเรานะว่าน้องไพจะมาน่ะ”
   “ไม่ได้อำ แค่ขำ นายดูจริงจังกับน้องเขาสุดๆ เลยนะ”
   “อ้อ แน่นอน นายไม่เคยเห็นเราจริงจังขนาดนี้ล่ะสิ”
   “อือ ปกติเราเห็นนายลอยไปลอยมา ไม่คิดว่าจะตั้งใจทำอะไรได้ขนาดนี้”
   ไอ้พงษ์โพยมมันหลอกด่าผมหรือไงนะนี่ เอาเถอะ ผมขี้เกียจเถียงกับมัน เลยหันไปซ้อมรอ เผื่อน้องไพมาถึง ได้เห็นลีลาการเล่นบาสฯของผมแล้วจะประทับใจ ยอมใจอ่อนกับผมสักนิดก็ได้
   ผมซ้อมบาสฯไป พงษ์โพยมก็กวาดพื้นโรงยิมไป เออดี ผมจะได้ไม่มีคู่แข่งแย่งสายตาจากน้องไพ พงษ์โพยมมันก็ดีอย่างนี้แหละ มันรู้ว่าเวลาไหนควรขึ้น เวลาไหนควรลงกับเพื่อน ผมว่านะ มันต้องเป็นคนชวนน้องไพให้มาคัดตัวแน่ๆ คงหวังให้ผมกลับมาเล่นบาสฯต่อล่ะมั้ง นึกแล้วก็ซาบซึ้งกับความมีน้ำใจของมันจริงๆ รู้จักเอาของชอบมาล่อเพื่อน แบบนี้สิเรียกว่ารู้ใจกันจริง
   แล้วน้องๆ ก็ทยอยกันมาถึงทีละคนสองคน ผมงี้กวาดสายตาอย่างกับเรดาร์เรือดำน้ำ มองหาว่าน้องไพอยู่ไหน เมื่อไหร่จะมา แล้วน้องไพก็เดินเข้ามา น้องใส่แค่กางเกงขาสั้นที่ยาวถึงเข่ากับเสื้อยืดธรรมดานะ แต่ผมมองตาค้าง สมองนึกไปว่าถ้าน้องไพได้ใส่เสื้อทีมที่เป็นแขนกุด แล้วกางเกงสั้นกว่านี้อีกนิด... ผิวน้องไพขาวขนาดนี้ ต้นขาต้นแขนคงขาวน่าดู ขนหน้าแข้งก็บ๊างบาง เอวก็สวย ก้นน่ะขนาดใส่กางเกงขาสั้นโคร่งๆ ยังพอเห็นเค้าว่าแน่นขนาดไหน เวลาใส่กางเกงนักศึกษาไม่ต้องพูด น้องไพใส่เสื้อกับกางเกงเข้ารูปพอดีเป๊ะ แต่ไม่ถึงกับรัดติ้วหรอกนะ ถึงอย่างนั้น คนที่จิตนาการบรรเจิดอย่างผม มีหรือจะมองภาพจากส่วนเว้าส่วนโค้งน้อยๆ พวกนั้นไม่ออก ว่าไปแล้วทั้งก้นทั้งเอวน้องเขาช่าง...น่าฟัดสุดๆ ผมชักไม่อยากคัดตัวนักบาสฯแล้ว เปลี่ยนไปคัดตัวนักรักบี้แทนได้ไหมเนี่ย ผมจะได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงน้องไพให้หนำใจไปเลย
   ไพฑูรย์เดินหน้าเฉยเข้ามาเช่นเคย แต่ผมงี้ยิ้มเป็นคนบ้า ระรี้ระริกทำท่าจะเดินเข้าไปหา เลยถูกพงษ์โพยมดึงตัวกลับมา
   “ภัทร์ ซ้อมไป รอน้องมาครบก่อน จะได้เริ่มคัดตัว”
   สมาชิกทีมมีกันราวๆ เจ็ดแปดคน ความจริงปีที่แล้วมีอยู่สิบสองสิบสามคน แต่พอขึ้นปีสี่ก็เลิกกันไปทำทีสิท เลยต้องรับน้องปีหนึ่งเข้ามาทุกปี พวกผมเองปีหน้าก็ต้องเลิกเล่น ไปทำทีสิทแล้วเหมือนกัน เรียกได้ว่าปีนี้จะเล่นกันเป็นปีสุดท้าย
   พวกเพื่อนๆ ร่วมทีมทยอยกันมาครบหลังจากนั้น พอเห็นหน้าผมก็พากันขำ คงรู้ล่ะสิว่าคนอย่างผมโผล่หน้ามาเพราะเหตุผลอะไร ถ้าไม่ใช่น้องไพสุดที่รักที่ยืนรออยู่กับพวกเด็กปีหนึ่งอีกสักเกือบสิบคนตรงมุมสนาม
   สมาชิกเก่ามากันก็ซ้อมกันอยู่สักสิบนาที เรียกว่าข่มขวัญรุ่นน้องที่มาคัดใหม่ โชว์ฝีมือกันเต็มที่ โดยเฉพาะผม เพราะกะอวดน้องไพอยู่แล้ว วันนี้เลยเล่นดุดันเป็นพิเศษ จนเพื่อนแซวกันให้ขรม ว่าระวังพรุ่งนี้จะไปเรียนไม่ไหว แต่คนอย่างผมซะอย่าง แค่นี้ไม่สะเทือนหรอก
   หลังจากซ้อมเรียกเหงื่อเสร็จ พงษ์โพยมก็เรียกน้องๆ มา ตอนแรกให้เริ่มจากวิ่งรอบสนามอบอุ่นร่างกายสองรอบ ไพฑูรย์ดันอยู่กลางแถวอีก จะมองก็มองไม่ถนัด โธ่เอ๋ย รู้งี้บอกพงษ์โพยมว่าให้น้องไพวิ่งรั้งท้ายก็ดี ผมจะได้ดู’ท้าย’ได้เต็มที่
   จากนั้นก็ให้วิ่งสไลล์อีกสองรอบ คราวนี้ผมได้ดูทั้งหน้าทั้งหลังน้องไพเต็มตา แหม..น้องไพพอออกแรงแล้วแก้มแดงยิ่งน่ารักเข้าไปอีก อบอุ่นร่างกายกันเสร็จ ยืดแข้งยืดขาสักพัก พงษ์โพยมก็สั่งให้น้องเลี้ยงลูกบาสฯอ้อมกรวยที่วางเอาไว้ เป็นการทดสอบขั้นแรก
   น้องปีหนึ่งปีนี้ฝีมือใช้ได้ ท่าทางทะมัดทะแมง แต่ละคนเคาะลูกบาสฯกันคล่องๆ ทั้งนั้น โดยเฉพาะน้องไพของผมที่ดูจะทำเอาพี่ๆ อึ้ง เออ นี่ไม่ใช่ผมพูดเข้าข้างเพราะไล่จีบน้องเขาอยู่นะ เราเห็นน้องไพ ขาวๆ ปากแดงๆ ท่าทางเรียบร้อยและเงียบๆ แบบนั้น ท่าทางไม่น่าจะเล่นกีฬาเก่ง ที่มาคงเพราะถูกพงษ์โพยมชวนมามากกว่า แต่พอเริ่มเคาะลูกบาสฯ โห...น้องเขาเคาะคล่องจริงๆ นะ เลี้ยงก็คล่อง อย่ากับว่าเล่นมานานแล้ว เห็นนิ้วเรียวขนาดนั้นไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเล่นบาสคล่องขนาดนี้ ไม่เคยนิ้วซ้นบ้างหรือไงนะ
   จบจากนั้นเราก็ลองให้น้องลองชู้ตลูกใต้แป้น ลองชู้ตลูกโทษกันให้ดู เราเริ่มเห็นกันแล้วล่ะว่ามีน้องหลายคนเคยเล่นบาสฯกันแบบจริงๆ จังๆ มาก่อน ไม่ใช่เล่นกันเอาสนุกอย่างเดียว แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นรวมไพฑูรย์ด้วย พอให้น้องลองกันสักพักแล้ว พงษ์โพยมก็เรียกพวกเราลงไปในสนาม แล้วแบ่งทีม โดยให้พวกผมเป็นตัวยืนกันอยู่ทีมละสองคน ที่เหลือเป็นน้องปีหนึ่ง เราแบ่งกันได้สี่ทีม เล่นกันทีมละสิบนาที ผมได้อยู่ทีมเดียวกับพงษ์โพยม ซึ่งเล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์ ส่วนผมที่ตัวใหญ่ล่ำสันรองลงมาเล่นตำแหน่งการ์ด น้องไพฑูรย์อยู่อีกทีม เพราะตัวเล็กท่าทางคล่องๆ เพื่อนผมที่อยู่อีกทีมเลยจัดให้เป็นปีก ผมก็หมายมั่นปั้นมือว่าคราวนี้แหละจะได้ล้วงลูกน้องไพพูรย์สักที
   เกมนั้นเป็นเกมแรกที่ผมได้มีโอกาสเล่นบาสฯกับน้องไพ พอลงสนามผมก็เล่นเต็มที่นะ ถึงผมจะหลักลอย แต่พอถึงเวลาเอาจริงผมก็จริงจังเหมือนกัน อีกอย่างผมเกรงใจพงษ์โพยมที่อยู่ทีมด้วยกันด้วยแหละ
   พอเริ่มเกมไปได้สักพัก เราถึงรู้ว่าน้องปีหนึ่งทั้งที่อยู่ทีมเราและทีมตรงข้ามปีนี้ฝีมือดีไม่ใช่เล่น โดยเฉพาะไพฑูรย์ นี่ผมไม่ได้เข้าข้างนะครับ ไพฑูรย์เล่นบาสฯคล่องมาก ตัวเล็กๆ แต่คล่องเชียวล่ะ เหมาะกับตำแหน่งปีกจริงๆ ถึงอย่างนั้น พอสิบนาที่ผ่านไป ผลปรากฏว่าทีมของผมและพงษ์โพยมเป็นฝ่ายชนะ แน่นอนเพราะความเก่งเทพของผม และความหนาอึดของพงษ์โพยมที่เล่นเป็นเซ็นเตอร์ แค่ผมกับเขาใครก็แทบบุกเข้ามาไม่ได้แล้วล่ะ ต่อให้เป็นน้องไพก็เถอะ
   สรุปว่าเราได้น้องใหม่มาร่วมทีมอีกห้าคน แน่นอนว่าหนึ่งในนี้มีน้องไพของผมด้วย ตอนแรกเพื่อนๆ แซวกันว่าน้องไพท่าจะได้เข้าทีมเพราะเส้นผม แต่พอถึงตอนนี้ ทุกคนยอมรับว่าไพฑูรย์ฝีมือดีจริงๆ เรียกว่าเข้ามาได้เพราะฝีมือล้วนๆ
   เรามารู้กันตอนหลังว่าไพฑูรย์เคยได้เป็นตัวสำรองของทีมโรงเรียนเก่า ทั้งๆ ที่ฝีมือก็น่าจะลงเป็นตัวจริงได้ ผมมาถึงบางอ้อตอนที่พงษ์โพยมวิเคราะห์ให้ฟังในวันที่เริ่มซ้อมกันวันแรกหลังจากคัดตัวแล้วว่า น่าจะเพราะไพฑูรย์เล่นทีมเวิร์คไม่ค่อยดี ผมเลยนึกถึงตอนแข่งกันครั้งก่อน จะว่าไปเขาก็ไม่ค่อยจะส่งลูกให้ใครจริงๆ นั่นแหละ เรามานั่งปรึกษากันเกี่ยวกับแผนการซ้อมว่าจะทำอย่างไร แล้วพงษ์โพยมก็ได้บทสรุปเกี่ยวกับการละลายพฤติกรรมฉายเดี่ยวของน้องไพโดยให้น้องไพมาจับคู่ซ้อมกับผม
   แหม ผมล่ะอยากจะกระโดดจูบพงษ์โพยมจริงๆ ผับผ่าสิ แต่ขืนทำจริงมีหวังโดนต่อยฟันร่วงแน่
   น้องไพดูจะอารมณ์เสียที่ต้องมาจับคู่ซ้อมกับผม ทั้งๆ ที่ปกติพยายามหลบพยายามหนีแทบตาย พงษ์โพยมเลยอธิบายเหตุผลอย่างจริงๆ จังๆ ว่าไพฑูรย์จะต้องละลายพฤติกรรมเล่นคนเดียวของตัวเองให้หมด จับคู่กับผมน่ะเหมาะแล้ว เพราะไม่ค่อยถูกกัน ถ้าเล่นกับผมได้ ก็น่าจะเล่นกับคนอื่นได้ไม่มีปัญา
   แหม...ผมนะถู๊กถูกกับน้องไพนะ มีแต่น้องไพเท่านั้นแหละที่ไม่ถูกกับผม
   ในที่สุดไพฑูรย์ก็ยอมรับข้อเสนออย่างจำใจสุดๆ ผมเลยเลื่อนรายชื่อพงษ์โพยมมาอยู่ในอันดับเพื่อนรักสุดๆ เพราะทำให้ผมได้มีโอกาสใกล้ชิดกับน้องไพแบบถึงเนื้อถึงตัว แบบนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนรักแล้วจะให้เป็นอะไรเล่า
   หลังจากนั้น ผมก็ตั้งใจมาซ้อมอย่างดี ไม่มีขาด แถมหยุดไปรังควานน้องไพที่ห้องเรียนแล้ว เพราะรู้ว่าไงๆ หลังเลิกเรียนก็ได้เจอน้องเขาอยู่ดี
   ไพฑูรย์ก็รับผิดชอบครับ ถึงจะรู้ว่าต้องมาฝึกคู่กับผม แต่ก็ไม่เคยเกี่ยง ไม่เคยมาสาย เรียกว่าแยกออกระหว่างความชอบส่วนตัว และหน้าที่ แบบนี้สิน่ารักจริง
   พงษ์โพยมให้พวกเราจับคู่กันซ้อมฟาสเบรก ผลัดกันส่งลูกผลัดกันชู้ตลูก เพื่อนๆ แซวว่าผมส่งบอลให้เบาลงหน่อย ส่งแรงเดียวน้องไพจะกระเด็น ผมก็เถียงไปว่าผมส่งไปด้วยความรัก น้องไพรับแล้วกระเด็นแปลว่าตกตะลึงในความรักของผม แต่ความเป็นจริงคือไพฑูรย์นั่นแหละที่ส่งลูกให้ผมแรงโคตรๆ อย่างกับปาใส่ พอซ้อมกันได้สักพักผมเลยแซวไปว่า
   “น้องไพไม่ต้องรักพี่ขนาดทุ่มความรักใส่แบบนี้ก็ได้ เดี๋ยวพี่รับไม่ไหว รักน้องไพกระเด็นไปแล้วจะเสียใจแย่”
   เพื่อนขำใหญ่ แต่ไพฑูรย์หน้านิ่งเป็นรูปปั้น เอาเถอะ หลังจากนั้นเขาก็ส่งลูกให้ผมเบาลง ไม่ปาใส่เหมือนตอนแรก ผมก็รู้จังหวะนะ ไม่แซวเขาต่อ กลัวเขาจะหันกลับมาปาลูกบาสฯใส่ผมอีก
   ผมกับไพฑูรย์จับคู่ซ้อมกันแล้ว ยังจับคู่กันเล่นทีมตลอด เรียกว่าผูกตัวติดกันเลยก็ได้ ตอนแรกน้องไพยังหยิ่ง ได้ลูกแล้วยังไม่ส่งให้ผมเหมือนเคย พอผมส่งซิกว่าให้ส่งมาก็ทำหน้าบึ้ง ตะบี้ตะบันเลี้ยงเดี่ยวไปโดนพงษ์โพยมกระแทกซะกระเด็น จนทุกคนเห็นว่าให้จับคู่กับผมน้องไพคงถือทิฐิจนไม่ยอมส่งลูกแน่ แต่พงษ์โพยมเชื่อมั่นในทฤษฏีตัวเองครับ พอซ้อมเสร็จก็พยายามมาคุยปรับความเข้าใจกับน้องไพเรื่อยๆ ผมก็พลอยมาร่วมวง นี่ไม่ได้ตั้งใจหลีนะครับ แต่ผมเองก็อยากได้คนดีๆ มาเข้าทีมเหมือนกัน ไพฑูรย์ฝีมือดี ติดอย่างเดียวที่เล่นทีมเวิร์คไม่ได้เรื่องนี่แหละ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ1 P10 11/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 14-06-2011 09:08:38
   โดนพวกพี่ๆ ทั้งพงษ์โพยม ผม และคนอื่นๆ พูดกรอกหูทุกวัน ทิฐิของไพฑูรย์ดูจะเบาลงได้จริงๆ นั่นแหละ หลังๆ เขาเริ่มส่งลูกให้ผมแล้ว เราเข้ากันเรื่องเล่นบาสได้ดีขึ้น กระทั่งแค่มองตาก็รู้ว่าควรจะส่งให้ใครตอนไหน จนเพื่อนเริ่มแซวว่าผมคงจีบน้องเขาติดเพราะลูกบาสฯ
   ตำแหน่งเดิมของผมคือการ์ด มีหน้าที่ยืนคุมโซนด้านหลังคู่กับเซ็นเตอร์และการ์ดอีกคน พอถูกจับไปเล่นคู่กับไพฑูรย์ ซึ่งตำแหน่งเดิมที่เคยเล่นตอนอยู่โรงเรียนเก่าเป็นปีกอย่างที่ใครๆ เดา ผมเลยต้องพลอยขยับมาเป็นปีกด้วย จะได้ประสานงานกันเวลาทำเกมบุก ผมน่ะเล่นเป็นปีกยังพอไหว ถึงไม่คล่องเท่าน้องไพ แต่พอถึงโซนหลังฝ่ายตรงข้าม ก็เอาความหนาเขาเบียดแทรกเล่นลูกใต้แป้นได้เหมือนกัน ส่วนไพฑูรย์ก็อาศัยความคล่องชู้ตสามแต้มบ้าง ใต้แป้นบ้าง สลับกันไป โดยมีผมคอยช่วยสกรีนให้เวลาเข้าใต้แป้น
   แต่อย่างที่บอก ตำแหน่งเดิมของผมคือการ์ด แล้วพงษ์โพยมไม่อยากเปลี่ยนตำแหน่งผมอย่างถาวร เพราะผู้เล่นทีมเรามีปีกที่เก่งกว่าผมอยู่แล้ว ไพฑูรย์เลยต้องมาเล่นตำแหน่งการ์ดคู่กับผมด้วย ตอนแรกโคตรน่าสงสาร เพราะปีกที่เล่นอยู่คนเดิมถึงตัวไม่ใหญ่มาก แต่พอเทียบกับไพฑูรย์แล้วก็ดูตัวใหญ่ขึ้นมาทันที ปกติคนเล่นตำแหน่งการ์ดจะต้องตัวใหญ่สักหน่อย คอยบล็อกคอยกันไม่ให้ปีกฝ่ายตรงข้ามเข้ามาถึงพื้นที่ใต้แป้น แต่ไพฑูรย์ตัวเล็ก ยืนคุมเส้นใต้แป้นด้านหลังไม่ค่อยไหว พอปีกฝั่งตรงข้ามมาถึงทีไรก็เสร็จทุกที เพราะตัวไม่ใหญ่พอจะดันเอาไว้ แถมจะบล็อกลูกก็บล็อกไม่ทัน แต่น้องไพก็ปรับตัวเก่ง เรียกว่าผ่านการเล่นปีกคู่กับผมมาได้ เล่นการ์ดแล้วเสียเปรียบแค่เรื่องขนาดตัวแค่นี้ จิ๊บๆ สำหรับน้องไพ
   น้องไพเริ่มขยับตัวเองออกนอกเส้นหลัง แต่ยังไม่ดันขึ้นไปแทนตำแหน่งปีกนะ แค่เพิ่มพื้นที่เล่นให้ตัวเองสักหน่อย เพราะเบียดใต้แป้นสู้เขาไม่ได้ เลยต้องไปสู้กับเขาก่อนจะเข้ามาถึงใต้แป้น ตอนแรกผมกะว่าถ้าได้น้องไพมาร่วมทีมจะล้วงลูกให้เข็ด แต่ตอนนี้ผมเห็นแล้วว่า น้องไพล้วงลูกเก่งไม่แพ้กัน พูดให้ดูคิดลึกน้อยกว่านั้น ไพฑูรย์แย่งลูกเก่งครับ แย่งแบบไม่กลัวนิ้วซ้น เคาะๆ ลูกดูจังหวะกันอยู่ เผลอแว้บเดียวลูกหายแล้ว
   หลังจากเห็นว่าละลายพฤติกรรมฉายเดี่ยวของน้องไพสำเร็จแล้ว พงษ์โพยมเลยย้ายผมกลับไปเล่นตำแหน่งเดิม เลิกคอร์สฝึกจับคู่ที่ทำเอาผมมีความสุขหน้าบานมาได้ตั้งเทอมกว่า ผมก็แอบเซ็งนิดๆ เหมือนกันนะ แต่ก็เข้าใจได้ว่ามันเป็นเรื่องของทีมกับหน้าที่ และถึงผมจะไม่ได้จับคู่กับน้องไพแล้ว แต่พฤติกรรมที่น้องไพมีให้ผมตอนนี้ก็ดูจะเย็นชาน้อยลงกว่าช่วงแรกๆ ล่ะ ถึงอย่างนั้นก็อย่าคิดว่าผมจีบน้องเขาติดแล้ว ท่าทางคำว่าจีบติดยังห่างออกไปเป็นวาๆ สำหรับผม แค่น้องไพยอมให้ผมนั่งเยื้องๆ ตอนที่ทานข้าวรวมกันก็นับว่าบุญโขแล้ว
   ปีนั้นทีมคณะเราไปจนถึงรอบตัดเชือกในกีฬาภายในมหาวิทยาลัย แต่ก็แพ้รอบสุดท้ายให้กับแชมป์เก่าจนได้ ถึงอย่างนั้นพวกเราก็มีความสุขกันมาก ปิดร้านหมูกระทะเลี้ยงฉลองกันเป็นการใหญ่ เพราะปีก่อนๆ ทำได้แค่มาถึงรอบสี่ทีมเท่านั้นเอง
   พงษ์โพยมรับความดีความชอบไปเต็มๆ ในเรื่องนี้ไปเต็มๆ แบบไม่มีใครคัดค้าน เขาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการทำทีมมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง แล้วประสบผลสำเร็จดีเสียด้วย เพราะทีมพัฒนาขึ้น จนเราอยากจะเล่นต่อกันอีกสักปี เผื่อจะได้ถ้วยแชมป์มาครอง แต่กิจกรรมก็กิจกรรม ปริญญาก็ปริญญาครับ อยากกันขนาดไหนก็ต้องสละที่ให้เด็กรุ่นใหม่มาสืบสานงานกันต่อ เรามองๆ แล้วพวกปีสองที่จะขึ้นปีสามปีหน้าก็ไม่ใช่ย่อยๆ คงจะสานต่อการพัฒนาและเจตนารมณ์ของกัปตันพงษ์โพยมต่อไปได้
   วันสุดท้ายของการซ้อม ไพฑูรย์ทำเซอร์ไพรส์ผม ด้วยการท้าชนผมตัวต่อตัว ตอนเข้าทีมใหม่ๆ ผมเล่นจับคู่กับเขาก็จริงนะ แต่ยังไม่เคยดวลกันตัวต่อตัวเลย พงษ์โพยมเปรยว่าเป็นการท้าชนระหว่างอนาคตปีกฝีมือดี กับอดีตสุดยอดการ์ดตัวเก่ง แต่เพื่อนคนอื่นแซวว่าสงสัยน้องไพอยากจะซัดลูกใส่หน้าผมมานานแล้ว ก่อนจะจากกันเลยขอสักที ส่วนผมนะ ผมว่าน้องไพคงซาบซึ้งกับการต้องจากผมในสนามบาสฯบ้างล่ะน่า เล่นกันมาขนาดนี้แล้ว เลยอยากจะทำอะไรคู่กับผมอีกครั้งเป็นการทิ้งท้าย
   เอาล่ะ ใครพูดอะไรไม่รู้ แต่พงษ์โพยมเปรยไว้ไม่ผิด ผมพอจะทระนงตัวได้ว่าเป็นสุดยอดการ์ดของทีม ถึงจะแพ้อีกคณะในรอบสุดท้ายก็เถอะ แล้วฝีมือน้องไพก็ไม่ธรรมดา เล่นเดี่ยวแบบนี้เห็นกันชัดสุดๆ เทคนิคลูกไม้แพรวพราวสมกับที่ฉายเดี่ยวมาเกือบตลอดจนมาเจอผมจริงๆ แต่ผมเล่นคู่กับเขามาเป็นเดือน รู้กันแทบหมดแล้วล่ะว่ามุขไหนเป็นยังไง ไม่ได้กินผมง่ายๆ หรอก
   เพื่อนที่นั่งดูกันอยู่ส่งเสียงแซวผมบ้างอะไรบ้างตามประสา ผมกับไพฑูรย์ยืนประจันหน้ากัน ดูซิว่าใครจะวอกแวกก่อน น้องไพก็มาหน้านิ่งเหมือนเดิมครับ ผมเองมียิ้มบ้าง พูดจากวนประสาทบ้าง แต่เรายังจ้องตากันเขม็ง แหม...เล่นกันมาสองเทอม เราถึงขั้นมองตารู้ใจแล้วล่ะ ผมรู้ว่าเขาจะยังไม่บุกทางนี้ เขาเองก็รู้ว่าผมยังไม่เปิดช่องให้เขาบุกเหมือนกัน
   เสียงเคาะลูกบาสฯสลับกับเสียงรองเท้าเสียดสีกับพื้นโรงยิมดังให้ได้ยิน เราผลัดกันรุกผลัดกันรับจนเหงื่อเริ่มออก ไพฑูรย์โยกไปซ้ายทีขวาที เขาไวจริงๆ แต่ผมเดาสายตาเขาได้ จะไปทางไหนผมก็ดักได้หมด เพื่อนๆ เริ่มเงียบ เพราะมัวแต่อึ้งกับการเล่นเอาจริงเอาจังของพวกเราสองคน
   น้องไพแหย่จะเข้ามาเล่นใต้แป้นอยู่หลายรอบ ก็ยังบุกเข้ามาไม่ได้ ผมเองก็ยังแย่งลูกมาจากเขาไม่ได้เหมือนกัน เราก็ยังยังจดๆ จ้องๆ กันอยู่ สีหน้าเขานิ่งเหมือนเดิม เหงื่อเริ่มออก แก้มเริ่มแดงอีกแล้ว เสียงเคาะลูกบาสฯยังดังเป็นจังหวะ เท้าของเขาก็ยังขยับอย่างต่อเนื่อง คล่องจริงๆ ให้ตายสิ ถึงผมจะหลงเขาหัวปักหัวปำ แต่เล่นวัดฝีมือกันแบบนี้ ผมไม่อ่อนให้หรอกนะ เขาก็คงไม่หวังให้ผมอ่อนให้เหมือนกัน เพราะผมรู้ว่าเขานิสัยแบบนี้แหละ ผมเลยเลิกชอบเขาไม่ได้เสียที
   เสียงเคาะลูกบาสฯยังคงดังอยู่ ไพฑูรย์ขยับตัวโยกซ้ายโยกขวา ประจันหน้ากับผม จังหวะเดิมลีลาเดิม เสียงเคาะลูกบาสฯดังตึ๊บๆ พ่วงด้วยเสียงรองเท้าเสียดกับพื้นโรงยิม วินาทีนั้น ไพฑูรย์ก็หันหลังให้ผม ผมมองไม่เห็นตาเขาแล้ว..
   เสียงเคาะลูกบาสฯดังให้ได้ยินอีกครั้ง หลังจากนั้น....
   ผมเห็นไพฑูรย์กระโดด กระโดดโดยที่ยังหันหลังให้ผมอยู่ เขากระโดดสูงไม่ใช่เล่น ถึงอย่างนั้นระยะเท่านี้ผมไม่พลาดให้เขาแน่นอน แต่เขาหันหลังให้ผม...
   ผมเดาไม่ออกว่าเขาจะชู้ตลูกทางไหน
   จากนั้นผมก็เห็นเขาเอี้ยวตัวกลับมาด้านหลัง ผิวของเขาขาวอย่างกับขนปีกหงส์ คอก็ยาวเรียวได้รูป แล้วผมก็เห็นลูกบาสฯสีส้มหลุดจากมือเขา มือขาวๆ เรียวๆ ที่ไม่เคยเห็นซ้นเลยสักครั้ง
   สวบ!
   เสียงลูกบาสหล่นห่วงลอดตาข่ายก่อนจะตกลงสู่พื้นดังขึ้นด้านหลังผมที่ยืนอึ้ง เท้าของไพฑูรย์แตะพื้นนานแล้ว ผมเห็นเขากำลังยิ้ม...
   ผมตามจีบไพฑูรย์มาจะครบหนึ่งปีการศึกษา เห็นเขาทำหน้าหลายอย่าง แต่ไม่เคยเห็นเขายิ้มเลย นี่คงเป็นการยิ้มครั้งแรก ที่สำคัญ เขาไม่ได้ยิ้มเยาะผม เป็นรอยยิ้มซื่อๆ ใสเหมือนแก้ว
   ขอบคุณ...
   ผมเหมือนได้ยินเขาพูดคำนี้ออกมาเลยล่ะ แค่มองตาเขานะ ทั้งโรงยิมเงียบกริบ ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรผมก็คว้าตัวไพฑูรย์มากอดหมับ คงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมได้กอดเขาล่ะมั้ง แถมจะกอดทั้งที แทนที่ผมจะกอดด้วยอารมณ์เปลี่ยว ผมดันกอดเขาด้วยอารมณ์ซาบซึ้งและปลาบปลื้มในฐานะของรุ่นพี่เต็มๆ
   “นายนี่มันยอดจริงๆ “ ผมว่าและตบหลังเขาอย่างแรง ได้ยินเสียงไพฑูรย์หัวเราะแหะๆ จากนั้นเพื่อนๆ ก็ทยอยเข้ามา ตบไหล่ผมดังปึ๊ก แล้วแซวผม “เฮ้ย ภัทร์ แพ้แล้วฉวยโอกาสลวนลามน้องหรือไง”
   ผมเถียงขาดใจ “ไม่ได้ลวนลามโว้ย ฉันซาบซึ้ง ซาบซึ้งน่ะ พวกนายเข้าใจไหม ดูสิ ไอ้เด็กนี่มันล้ำหน้าพวกเราแท้ๆ อนาคตทีมเราต้องไปได้สวยแน่“
   “เออ งั้นนายปล่อยน้องเขาก่อน เดี๋ยวเขาสำลักเต่านายตาย” ไอ้เพื่อนอีกคนว่า ผมเลยยอมปล่อยไพฑูรย์ เขาเงยขึ้นมา หน้าแดงหน่อยๆ แล้วโค้งให้พวกผม “ขอบคุณพี่ๆ มากนะครับ”
   หลังจากนั้นทุกคนเลยไปรุมตบหลังตบไหล่ไพฑูรย์แทน
   วันนั้นหยุดหลีน้องไพแบบหน้าด้านหน้าทนอย่างที่เคยทำแบบปกติไปหนึ่งวัน เราไปกินเลี้ยงส่งท้ายกันที่ร้านหมูกระทะร้านเดิม จากนั้นก็ทยอยกันกลับบ้านกลับหอ ผมเดินอ้อยอิ่งทั้งๆ ที่เลยรถตัวเองไปแล้ว เพราะรอจะเจอกับน้องไพอีกสักรอบ น้องไพเดินคุยมากับพงษ์โพยมเช่นเคย พอเห็นผมเดินทอดหุ่ยอยู่ พงษ์โพยมก็รู้ใจ ปลีกตัวออกไปอย่างเงียบๆ เหลือผมกับน้องไพสองคนเดินกันริมถนน
   “น้อง..อืม..ไพฑูรย์ ไหนๆ วันนี้ก็เปิดเทอมวันสุดท้ายแล้ว ปีหน้าพี่คงไม่ได้มาเล่นบาสฯด้วยแล้ว เวลาว่างก็คงไม่ค่อยมีมาตามกวน เพราะต้องไปทำทีสิท”
   “อืม...”
   “พี่รู้ว่าปีที่ผ่านมาน้องรำคาญพี่ แต่พี่อยากจะบอกน้องว่า ยังไงพี่ก็ชอบน้องเหมือนเดิม ไม่เสียใจเลยที่ตามจีบน้อง รักน้องมาจนถึงตอนนี้ แล้วพี่ก็จะรักต่อไป”
   “อือ”
   “ไพ.....”
   “ผมจะกลับหอล่ะ พี่กลับไปที่รถเถอะ”
   ผมรู้ครับ ผมไล่จีบมาขนาดนี้ แต่ไม่เคยไปละลาบละล้วงชีวิตส่วนตัวของน้องไพถึงหอเลย แม้ผมจะอยากจับเขากดอยู่บ่อยครั้ง แต่ผมมียางอายพอครับ แค่นี้ผมว่าเขาไม่ด่าผมฉอดๆ มันก็ดีแล้ว ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังเดินคู่กับเขามาเรื่อยๆ
   “พี่ภัทร์...” ไพฑูรย์พูดขึ้นต่อจากนั้น “ผมชอบพี่ไม่ได้หรอก ผมชอบพี่แบบนั้นไม่ได้ พี่ไม่ใช่สเป็กผม”
   ผมอึ้งไปพักหนึ่ง รู้แล้วล่ะว่าเขาต้องตอบแบบนี้ ถึงเขาไม่พูด ผมก็รู้อยู่แล้วว่าเขาคิดแบบนี้ แต่....
   “ไม่เป็นไร พี่ชอบน้องไพ น้องไพไม่ชอบพี่ไม่สน พี่จะชอบ พี่อยากชอบ ให้พี่ชอบต่อไปเถอะนะ”
   “..............”
   “พี่รักน้องนะ”
   “ผมกลับหอนะพี่...”
   “.............”
   “โชคดีนะ” เขาพูด แล้วหันมาโบกมือให้ผม จากนั้นผมก็เห็นเขายิ้มหน่อยๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไป
   ผมเป็นคนเพิ่งถูกสลัดรัก เอาจริงๆ คือถูกเขาสลัดรักมานานแล้วล่ะ แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงยิ่งรู้สึกว่าเขาน่ารัก อยากจะรักต่อ รักไปเรื่อยๆ เขาไม่รักผมก็ไม่เป็นไร ขอให้ผมได้รักเขาก็พอแล้ว
   สงสัยผมจะแอบโรคจิตแน่ๆ
--------------------------------------------------------------
   ถึงจะขึ้นปีสี่ ไม่ได้เล่นบาสฯด้วยกันแล้ว แต่พอมีเวลาผมจะแวะไปดูน้องไพซ้อมเป็นประจำ เรียกว่าเป็นแฟนใกล้ชิดติดขอบสนาม น้องไพมีคู่หูใหม่แล้ว เป็นปีกเหมือนกัน อยู่ปีสอง แต่หล่อน้อยกว่าผมเยอะเลย ผมเลยไม่หึงเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าน้องไพใจแข็งอยู่แล้ว แค่เล่นบาสฯด้วยกันไม่ทำให้น้องไพตกหลุมรักง่ายๆ หรอก ดูอย่างผมสิ พยายามมาตั้งหนึ่งปี ได้แค่ยิ้มกลับมาเท่านั้นเอง แต่แค่นั้นก็ถือว่าผมประสบความสำเร็จแล้วล่ะ
   น้องไพสวยไปทุกกระเบียดนิ้วจริงๆ คนอื่นอาจจะมองว่าหล่อ แต่ผมจะมองว่าสวยของผม ใครจะทำไม ไพฑูรย์เป็นคนบุคลิกดีมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แต่งตัวเนี๊ยบกริ๊บ กางนักศึกษาก็รีดจนเป็นจีบ เสื้อซักจนขาวจั๊วะ ใส่ชุดพอดีตัว เดินหลังตรงเด๊ะ อกผายไหล่ผึ่ง ขนาดเวลาซ้อมบาสแค่เดินลงสนามในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดาๆ ก็ดูอย่างกับนายแบบ เรียกว่าดูดีไปทุกจุดจริงๆ
   ขึ้นปีสองแล้วน้องไพดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่มีเขินหน้าแดงทำตาค้อนๆ แบบปีหนึ่งแล้วล่ะ แต่ยิ้มมากขึ้น พูดกับคนอื่นมากขึ้น มนุษย์สัมพันธ์ดีขึ้น แต่ก็ยังเว้นระยะห่างกับคนอื่นเหมือนเดิม แหม...นี่แหละเสน่ห์ของน้องไพ ใครจะเข้าถึงได้ง่ายๆ ที่ไหน ขนาดหน้าด้านๆ อย่างผมยังทำอะไรเกราะน้ำแข็งของเขาไม่ได้เลย เพราะแบบนี้แหละผมถึงรักถึงหลงนัก
   คนสวยใจแข็งนี่เร้าอารมณ์นักล่ะ
   ปีสี่ ทีสิทโหด อาจารย์ที่ตรวจก็โหด นักศึกษาเตรียมจบอย่างพวกผมพากันฝ่อไปหมด ไม่มีอารมณ์จะไปอะไรกับใครที่ไหน อยากนอนลูกเดียว ขนาดผมที่คึกคักแข็งแรงมาตลอดยังพลอยฝ่อๆ แต่วันไหนได้ไปดูน้องไพซ้อมนะ ผมกลับมาคึกทุกที แหม... ไม่อยากบอกเลยว่า ช่วงนั้นผมใช้น้องไพเป็นเป้าเกือบตลอดเลยล่ะ คนอะไร สวยเป็นบ้า ดูมาสองปีแล้วยิ่งสวยขึ้นทุกวัน ผิวขาวเกรียมแดดลงหน่อยก็ไม่เป็นไร ยิ่งดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ปากยังแดงเหมือนเดิม หน้าสวยคอเรียว ผมตัดสั้นก็ดูทะมัดทะแมงดี แขนเรียวขาเรียว นิ้วงี้สวยสุดๆ เอวสอบ ก้นแน่นขนาดใส่กางเกงบาสฯหลวมๆ นะ ผมยังจ้องจนเห็นเชฟสวยๆ เห็นแล้วน้ำลายจะหกจริงๆ อยากจับฟัดตรงนั้นเลยล่ะ
   แต่ผมยังมีจิตสำนึกอยู่ครับ ในเมื่อน้องไพไม่ยอม ผมก็ไม่อยากขืนใจ ได้แต่หาโอกาสแต๊ะอั๋งไปตามเรื่อง แล้วเอาไปใช้ประกอบการเสริมสร้างจินตนาการเวลาอย่างนั้น แหม..มาย้อนคิดแล้วก็เขินเหมือนกันนะเนี่ย แต่ทำไงได้ ก็น้องไพน่ารักน่าหลงจริงๆ นี่นา
   วันรับปริญญาผม น้องไพมาถ่ายรูปด้วยตามประสารุ่นน้องที่ดี แน่นอนว่าเขาไม่ค่อยมาถ่ายรูปกับผมหรอก เกาะแจอยู่กับพี่รหัสอย่างพงษ์โพยมนั่นแหละ ก็สองคนนี่สนิทกันจะตาย ถ้าผมไม่รู้จักพงษ์โพยมดีนะ ผมคงหึงใส่ไปแล้วล่ะ แต่หมอนี่ชายแท้ แมนทั้งแท่ง แถมผมก็เกรงใจเขาสุดๆ เพราะฉะนั้น ยอมให้พงษ์โพยมสักคนแล้วกัน
   ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มีโอกาสผมก็จะดึงน้องไพมาถ่ายรูป น้องไพก็มาครับ ทำหน้าตายๆ ถ่ายรูปกับผม อ่ะ ไม่เป็นไร ไม่ทำหน้ารังเกียจก็พอ ผมรู้ ถ้าน้องไพไม่อยากมาถ่ายจริงผมลากยังไงก็ไม่มาหรอก นี่แหละความน่ารักของน้องไพ แหม... ถ้าทำได้อยากจะหอมแก้มสักฟอดจริงๆ นะ
   วันนั้นพงษ์โพยมพาน้องชายมาด้วย เห็นว่าจะเอ็นทรานส์เข้ามหาวิทยาลัยปีหน้านี่แหละ น้องเขาชื่อพรายโพยม ชื่อแปลกดีแท้ๆ เรียกแค่ชื่อหน้ายังหลอนๆ
   พรายโพยมตัวใหญ่เหมือนพี่ ขนาดเพิ่งอายุสิบเจ็ดสิบแปดนะ หน้าตาหล่อเหล่าใช้ได้เลย นิสัยห้าวๆ คุยสนุกดี ผมเห็นก็นึกถูกชะตาอยู่ ถ้าไม่ติดว่าเจ้าหมอนี่ดูจะระริกระรี้กับ’พี่ไพฑูรย์’ จนออกนอกหน้า น้องไพก็ใจดีกับเด็กเหลือเกิน ถามอะไรก็ตอบ จะไปไหนก็พาไป ผมล่ะอดอิจฉาขึ้นมาไม่ได้ นี่ถ้าผมเป็นเด็กปีหนึ่ง น้องไพจะใจดีกับผมแบบนี้ไหมนะ แต่เอาล่ะ ผมเป็นรุ่นพี่ แก่กว่าตั้งหลายปี ผมจะไปอิจฉาเด็กทำไม เด็กก็เด็กนั่นแหละ น้องไพใจแข็งอยู่แล้ว ยังไงๆ ก็ไม่อ่อนตามง่ายๆ หรอก
   หลังจากเรียนจบ ผมเริ่มกลับมาทำธุรกิจต่อที่บ้าน และเริ่มขยายกิจการของตัวเองด้วย ช่วงแรกๆ วุ่นวายน่าดู เลยขาดการติดต่อกับน้องไพไปพักหนึ่ง แต่พอปลีกตัว หาเวลาได้ ผมก็รีบแว้บไปหาน้องไพที่มหาวิทยาลัยทันที
   ชะช้า... ผมไม่อยู่ไม่กี่เดือน เจ้าพรายโพยมแอบดอดเข้าหาน้องไพซะแล้ว ได้ยินว่าเป็นหลานรหัสน้องไพซะด้วย แต่ผมเห็นน้องไพท่าทางมีความสุขดี ก็เลยขี้เกียจไปยุ่ง สำหรับผมความสุขของน้องไพสำคัญที่สุดอยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นผมก็อดไม่ได้ต้องเตือน
   “น้องไพ คบเด็กไม่ดีหรอกนะ ระวังจะเจ็บอกเอา”
   ผมถือโอกาสที่เจ้าพรายโพยมไปเรียนแวะไปหาน้องไพที่ห้องเรียน น้องไพทำหน้างงๆ แบบโคตรน่ารัก ก่อนจะตอบผม “อือ”
   ผมไม่รู้ว่า’อือ’หมายความว่าอะไรกันแน่ แต่เอาเถอะ น้องไพเสียอย่าง แค่เด็กคงไม่ถึงกับทำให้กระทบกระเทือน
   ปีนั้นน้องไพพาทีมบาสฯคณะไปจนถึงศึกรอบตัดสิน แล้วชนะเสียด้วย ความจริงแล้วเพื่อนเขาอีกคนหนึ่งทำหน้าที่กัปตันนะ ส่วนน้องไพทำหน้าที่คล้ายๆ เลขาฯ คอยบริหารเวลาซ้อมของลูกทีม ผมว่าน้องไพเริ่มฝึกการบริหารจัดการคนจากชมรมบาสฯนี่แหละ แล้วหลังจากนั้นก็ได้เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยไปแข่งกีฬามหาวิทยาลัยด้วย ตอนแข่งน่ะ ถ้าสนามใกล้ แล้วผมว่างนะ ผมจะตามไปดูไม่มีพลาด
   น้องไพสวยเนี๊ยบเหมือนเคย ผมว่านะ ต้องมีคนอยากจีบเยอะแน่ๆ แต่มีเจ้าพรายโพยมคอยกันท่าอยู่ เลยไม่มีใครกล้าแหยมเข้ามามาก ผมไม่รู้สองคนนี่ไปถึงไหนกันแล้ว แต่สมัยนั้นคนเป็นเกย์ไม่กล้าเปิดเผยตัวกันนักหรอก จะมีก็คงผมนี่แหละ ผมเลยพอจะเบาใจว่าคงยังไม่ถึงขั้นมีอะไรกัน ก็น้องไพใจแข็งแถมไว้ตัวขนาดนั้น คงไม่ยอมใครง่ายๆ หรอก
   แหม.. ถึงจะจีบไม่ติด แต่ผมก็หึงของผมเหมือนกันนะ
   ทีมบาสฯมหาวิทยาลัยเราไปได้ถึงรอบสี่ทีม ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ตอนนั้นเลย ถึงแพ้แต่ผมว่าทุกคนคงดีใจกับผลงานในคราวนี้ ช่วงนั้นผมไม่ว่าง ติดเจรจาธุรกิจกับลูกค้า เลยให้คนเอาดอกไม้ไปส่งให้แทน ไม่รู้น้องไพจะรับไว้รึเปล่า แต่คงรับไว้แหละ แอบเอาไปทิ้งตอนหลังก็ไม่เป็นไร ให้ถึงมือน้องไพผมก็พอใจแล้ว หลังจากนั้นวันหนึ่ง ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากน้องไพ ใจความง่ายๆ สั้นๆ  ว่า “ขอบคุณนะครับ สำหรับดอกไม้” เห็นไหมล่ะ แบบนี้ไม่ให้ผมรักผมหลงได้ยังไง
   ไพฑูรย์เรียนจบ ก็ไปทำงานกับบริษัทบริษัทหนึ่ง ตอนงานรับปริญญาผมชวนเขามาทำงานด้วยนะ แต่เขาปฏิเสธ สงสัยกลัวโดนผมที่เป็นเจ้านายแต๊ะอั๋งแน่ๆ ส่วนพงษ์โพยม ตอนนั้นกำลังเริ่มๆ ทำธุรกิจตัวใหม่ เจียดเวลามาได้ช่วงสั้นๆ ผมเลยกระทุ้งให้ลองชวนน้องไพไปทำงานดู แต่น้องไพก็ปฏิเสธอีกแหละ ว่าน่าจะไม่ถนัด เอาล่ะ ในเมื่อทั้งผมทั้งพงษ์โพยมชวนไม่สำเร็จ เราก็ต้องปล่อยน้องเขาไป
   จากนั้นหนึ่งปี ผมได้ยินว่าพรายโพยมจะไปเรียนต่ออเมริกา ตอนที่ผมได้ข่าวผมนึกถึงน้องไพเลยนะ คือผมน่ะ จีบน้องไพมานานก็นาน ผมว่าผมพอมองความในใจของน้องไพออกนะว่าคิดอะไรกับพรายโพยม แต่เพราะน้องไพเป็นคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึก ผมเลยไม่รู้ว่าก่อนจะไปเรียนต่อ สองคนนี่ตกลงกันว่าไง แต่ช่วงนั้นผมยุ่งๆ อยู่กับธุรกิจ เพราะพงษ์โพยมเริ่มก่อร่างสร้างตัวได้พอสมควรแล้ว แต่ยังต้องการคนช่วย ผมที่คอยช่วยอยู่ห่างๆ เลยได้รู้ข่าวว่าพรายโพยมไปเรียนต่อนั่นแหละ
   ถึงจะยุ่ง แต่ข่าวน้องไพเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของผมเสมอมา หลังพรายโพยมไปได้สักครึ่งปี ผมรู้ข่าวว่าไพฑูรย์ลาออกจากบริษัทเดิม แล้วเงียบไปเลย ผมงี้ใจหายวาบ ปกติน้องไพรับผิดชอบจะตาย แถมขยันสุดๆ ลาออกจากที่เก่าแล้วหายเงียบไปแบบนี้มันผิดปกติ ผมเลยโทรศัพท์หาเขา เขาก็ไม่รับสาย สุดท้าย ถึงผมจะรู้เต็มอกว่าไพฑูรย์ไม่ชอบให้ใครไปยุ่งเรื่องส่วนตัว ผมก็ยังอุตส่าห์ตามไปหาเขาถึงที่พัก เพราะความเป็นห่วงล้วนๆ นั่นล่ะ
   พอไพฑูรย์เปิดประตูออกมา ผมงี้อึ้ง น้องไพน่ะสวย เฉียบ เนี๊ยบอยู่เสมอนะ ไม่เคยปล่อยตัวเองให้โทรมเลย แต่วันนี้น้องไพดูโทรมมาก แก้มก็ตอบลง หน้าก็ดูไม่ดี เรายืนมองหน้ากันอยู่พักหนึ่ง ผมได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไป
   “ไพ... เพราะพรายใช่ไหม?”
   ไพฑูรย์ไม่ตอบคำถามผม เขาเงียบไปพักหนึ่ง แล้วพูดเสียงเรียบ “ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะครับ”
   แล้วเขาก็ปิดประตู ผมยืนนิ่งไปเลยล่ะ โกรธน่ะโกรธสุดๆ เลย โกรธพรายโพยมนะว่า ทำไมถึงทิ้งให้น้องไพกลายเป็นแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่าคนใจแข็งน่ะ เวลาอ่อนแล้วมันอ่อนยวบเลยล่ะ ผมโคตรโมโห ถ้าพรายโพยมอยู่ใกล้ๆ ผมคงซ้อมเขาไปแล้ว ค่าที่ทำร้ายจิตใจน้องไพรุนแรงขนาดนี้ แต่พรายโพยมไปอเมริกา แล้วผมก็ติดต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผมเลยไปลงกับพี่ชายเขาแทน
   พงษ์โพยมดูท่าทางตกอกตกใจที่รู้ว่าน้องชายตัวเองคบกับน้องรหัสเก่า ผมงี้อยากจะต่อยเขาแถมไปด้วย ค่าที่ซื่อบื้อ แต่เอาล่ะ ผู้ชายแท้ๆ ใครมันจะนึกว่าน้องตัวเองเป็นเกย์กับน้องรหัสล่ะ ผมไปอาละวาดใส่พงษ์โพยมเสียยกใหญ่ สมัยนั้นโทรศัพท์ที่ใช้โทรไปต่างประเทศยังไม่ค่อยได้เรื่อง ผมเลยขอที่อยู่พรายโพยมจากเขา กะว่าจะเขียนจดหมายไปด่าสักปึ๊งหนึ่ง เอาให้น้ำตาร่วงคากองกระดาษ แต่พงษ์โพยมขอไว้ ว่าไหนๆ พรายโพยมก็ไปไกลขนาดนั้นแล้ว เขาอยากให้น้องชายตั้งใจเรียนให้คุ้มกับที่อุตส่าห์หาเงินส่งไป เออ ผมสงสารความพยายามของมัน แล้วก็พอจะเข้าใจว่าพรายโพยมยังเด็ก อาจจะไม่รู้เลยก็ได้ว่าคนใจแข็งอย่างไพฑูรย์มีใจกับเขาขนาดนี้ ถึงผมจะโมโหกระฟัดกระเฟียด แต่ผมโตพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว เพราะฉะนั้น ผมไม่เขียนจดหมายไปด่าพรายก็ได้ แต่ผมจะบังคับให้พงษ์โพยมรับผิดชอบน้องไพแทน
   แต่ไม่ใช่หมายถึงให้เอาน้องไพมาเป็นแฟนนะครับ ผมหมายถึงให้ดึงน้องไพกลับมาจากความโศกเศร้าต่างหาก
   ผมน่ะรู้อยู่เต็มอกว่าผมคงช่วยน้องไพจากเรื่องนี้ไม่ได้แน่ เพราะน้องไพเกลียดขี้หน้าผมมาแต่ไหนแต่ไร ถึงอกหักก็อย่าหวังว่าจะยอมให้ผมเขาไปดามหัวใจ ดูแล้วก็น่าจะมีแต่พงษ์โพยมนี่แหละที่เขาเกรงใจอยู่ ถ้าชวนมาทำงานอาจจะยอมมาก็ได้ ถึงจะแสลงใจว่าเป็นพี่ชายพรายก็เถอะ แต่พงษ์โพยมมันน่าจะมีวิธีการของมันอยู่แหละ
   พงษ์โพยมก็รับปากกับผมเป็นมั่นเป็นเหมาะ มันความรับผิดชอบสูงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมว่าต่อให้ผมไม่บังคับให้มันทำอะไรสักอย่าง มันก็คงจะทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ด้วยตัวมันเองอยู่ดีนั่นแหละ
   หลังจากนั้นมันก็ชวนน้องไพมาทำธุรกิจด้วย เห็นไหมล่ะ ถ้ามันออกปากเองอย่างจริงจัง น้องไพต้องมาแน่นอน น้องไพก็สมเป็นคนสวยใจแข็ง มาทำงานได้สักพักก็อาการดีขึ้น เรียกได้ว่ากลับมาเนี๊ยบ เฉียบ เย็นชาเป็นเจ้าชายน้ำแข็งเหมือนเดิมแล้ว ผมมันคนแฟร์ๆ ตอนน้องไพช้ำผมไม่ซ้ำหรอก แต่เมื่อน้องไพดีแล้ว ก็ได้เวลาของผม
   ผมตามไปตามตื้อตามจีบน้องไพตามสูตร สำหรับผมแค่ได้เห็นหน้ายังไม่พอหรอก เพราะน้องไพจะทำหน้าเฉยๆ ใส่ผม เหมือนกับคนอื่นๆ ไม่ล่ะ ผมอยากเป็นคนพิเศษกว่านั้น ดังนั้น ผมโผล่ไปดีไร จะมีประโยคน้ำเน่าแบบสมัยเรียนติดไปด้วย ขอแค่เห็นน้องไพมองผมเคืองๆ ก็พอ จะได้รู้ว่าผมก็เป็นคนพิเศษกับเขาเหมือนกัน ถึงจะเข้าข่ายหน้าด้านเป็นพิเศษก็เถอะ ผมพอใจของผม ใครจะทำไมล่ะ หลังๆ พอเห็นว่าชักจะหนักข้อ พงษ์โพยมเลยออกมารับหน้าผมแทน แต่แบบนั้นก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงผมกับเขาต้องเจรจาธุรกิจกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ถ้าวันไหนเขาไม่อยู่ ผมก็ดอดเข้าไปหาน้องไพ ให้น้องไพค้อนใส่ ให้น้องไพไล่
   ผมนี่ท่าจะโรคจิตเข้าขั้นเลยนะเนี่ย
   วันหนึ่ง ผมได้ข่าวมาว่าน้องไพรับผู้ช่วย ก็พงษ์โพยมนั่นแหละเป็นคนรับให้ ถึงน้องไพจะทำงานฝ่ายบุคคล แต่ก็ยังฉายเดี่ยวตลอด เห็นว่ามีเลขาฯอยู่อีกแค่หนึ่งคนเท่านั้นเอง เลขาฯคนนั้นก็สวย แต่น้องไพไม่สนหรอก ผมเชื่อ ดังนั้นผมเลยนอนใจมาหลายปี จนได้ข่าวเรื่องผู้ช่วยนี่แหละ
   ได้ยินว่าผู้ช่วยที่รับมาใหม่เป็นผู้ชาย อายุรุ่นลูกผมแล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายนะ รู้ๆ อยู่น้องไพเป็นคนยังไง ผมเลยอดห่วงไม่ได้ กลัวน้องไพจะเผลอใจอ่อนทำประวัติศาสตร์ซ้ำร้อยอีก
   ดังนั้น พอพงษ์โพยมไม่อยู่ ผมเลยฉวยโอกาสตามปกติ แวะมาดูน้องไพกับผู้ช่วยคนใหม่สักหน่อย
   อืม... เจ้าเด็กที่มาเป็นผู้ช่วยน้องไพหน้าตาหล่อเหลาไม่เบาจริงๆ แต่สู้ผมตอนหนุ่มๆ ไม่ได้หรอก ปัญหาคือ ผมไม่หนุ่มแล้ว และตอนหนุ่มๆ น้องไพก็ไม่เคยมองผม คิดแล้วเจ็บแค้นฟ้าดินจริงๆ สร้างน้องไพลงมาให้ผมหลงรักหัวปักหัวปำ แต่น้องไพไม่สนผมเอาเสียเลย สงสัยฟ้าดินจะลงโทษ ค่าที่ผมรักมักง่ายไปก่อนหน้านั้นล่ะมั้ง
   ผมรู้น้องไพน่ะใจแข็ง ยิ่งอายุเยอะยิ่งแข็งแกร่ง แต่ใครจะไปรู้ล่ะ น้องไพยิ่งมีจุดอ่อนเรื่องเด็กๆ อยู่ แถมสายตาเจ้าเด็กผู้ช่วยนั่น น่าระแวงเสียไม่มี เห็นก็รู้แล้วว่าคิดไม่ซื่อกับน้องไพแน่ๆ ช่วยไม่ได้ น้องไพดันเกิดมาสวย เฉียบ เนี๊ยบขนาดนี้ ใครมันจะไม่หลงเสน่ห์ ดูอย่างผมสิ ตามจีบมาเป็นยี่สิบปีแล้ว ยังเลิกไม่ลงเลย พอเห็นหน้าสวยๆ แล้วใจมันละลายทุกที คนอะไร สวยไม่สร่างจริงๆ
   หลังจากได้เจอผู้ช่วยนั่นแล้ว ผมก็ลงทุนไปสืบประวัติ เอาให้รู้ว่าเป็นลูกใคร มีพี่น้องกี่คน ทำอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง เผื่อเอาไว้น่ะ คราวก่อนพรายโพยมผมยังไม่ได้จัดการให้สาสมกับที่ทำกับน้องไพไว้ แล้วเรื่องมันก็ผ่านมานานมาก จนน้องไพคงไม่คิดอะไรแล้วล่ะ แต่คราวนี้มันใกล้ตัว ผมก็แค่เตรียมไว้ก่อน เผื่อเจ้าเด็กนี่เกิดทำร้ายจิตใจน้องไพเข้า ผมจะได้จัดการให้เข็ดหลาบ
   ถึงน้องไพไม่ใช่แฟนผม แต่ผมรักผมหวงของผมนะเนี่ย
   ระยะหลังมานี่ น้องไพท่าทางดูมีความสุขขึ้น ไอ้เจ้าผู้ช่วยนั่นไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย อยู่ไม่กี่เดือนก็ทำลายเกราะน้ำแข็งของน้องไพซะราบคาบแล้ว แหม..ผมอิจฉาก็อิจฉานะ แต่จะทำไงได้ มันหัวใจของน้องไพนี่ ผมใช้เวลายี่สิบปียังเข้าไม่ถึง มันอยู่ที่ความชอบส่วนตัวจริงๆ ด้วยสินะ แต่เอาล่ะ น้องไพไม่ชอบผม ไปชอบคนอื่นก็ไม่เป็นไร ขอให้ผมได้ชอบน้องไพต่อไปก็พอ.. แต่คนอื่นน่ะ อย่าได้ริอาจทำน้องไพของผมน้ำตาตกในเชียว ถ้าผมรู้ ผมไม่ปล่อยเอาไว้แน่
   ก็น้องไพน่ะ เป็นแก้วตาดวงใจของผมเลยนี่นา
-------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 14-06-2011 10:00:16
 :z13:
เห็นความรักฝังแน่นของคุณภัทรแล้วนับถือเลย
คนอะไรจะรักหนักแน่นมั่นคงได้ขนาดนี้
แต่ก็นะคนมันไม่รักยังไงก็ไม่รัก
แล้วตอนนี้น้องไพก็เจอคนดีแล้ว
พี่ภัทรก็มองหาคนดีของตัวเองได้แล้วมั้ง
อยากเห็นคนรักจริงเจอคู่ดีๆมั้งจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: lee-jeans ที่ 14-06-2011 10:05:47
อ่านตอนพิเศษของพี่ภัทร์แล้วชอบมากกกกกกกก
ตอนแรกนึกว่าจะเป็นแค่ตัวที่มาเรียกความฮาให้กับนิยายเรื่องนี้
แต่พอมาอ่านตอนนี้ แบบว่า ชอบพี่แกมากค่ะ
ชอบที่รักน้องไพตลอดไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เป็นห่วงเป็นใยแทนเสมอ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ  :กอด1:

ปล.รีเควสตอนพิเศษของนพรัตน์หน่อยจ้า  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Kee ที่ 14-06-2011 10:22:15
พี่ภัทร์เป็นคนดีไรอย่างนี้เนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 14-06-2011 10:48:52
คุณพี่ภัทร์ พออ่านมุมนี้แล้วน่ารักมาก ๆ เลยค่ะ รักเดียวใจเดียวยาวนานจริง ๆ
แต่พี่ไพคงมีรสนิยมชอบเด็ก ๆ จึงไม่สนคุณพี่เลย
น่ารักจริง ๆ ตอนนี้ ความรักและความปราถนาดี
ขอยกนิ้วโป้งให้พี่ภัทร์เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 14-06-2011 11:31:28
สุดยอดเลยอ่ะ แอบรักมาได้เป็นยี่สิบปีเลยนะเนี่ย o13
ตอนอ่านพาสน้องไพ ก็คิดว่าตามจีบขำๆ แต่มีเครอบครัวของตัวเองแล้ว
อยู่คนเดียวมาได้จนอายุปูนนี้แล้ว คิดจะเปลี่ยนไปชอบคนอื่นไหวมั้ยเนี่ย พี่ภัทร์
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 14-06-2011 11:49:51
เวลาผ่านไป20ปี และพรากความเยาว์วัย พรากความหล่อของพี่ภัทรไป
แต่ไม่สามารถพรากความรัก และความปราถนาดีที่พี่ภัทรมีต่อน้องไปไพเลย
จริงๆแล้วพี่ภัทรนี่น่ารัก และเป็นคนดีคนหนึ่งเลยที่เดียว
ผู้เขียนคะ ถ้าจะมีตอนพิเศษต่ออีก จะได้ไหมคะ  แล้ว...
จะเป็นไปได้ไหมคะที่พี่ภัทร จะมีคนมาคอยดูแลกันและเป็นเพื่อนกัน ในวัยที่กำลังจะเริ่มวัยทองน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 14-06-2011 11:57:30
คุณภัทร   o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 14-06-2011 12:11:08
อยากจะเศร้าแทนภัทร แต่ภัทรยังไม่เศร้าแล้วเราจะเศร้าทำไม  :laugh:

อึ้งในความรักมั่นไม่เปลี่ยนแปลงจริงๆ โลกนี้ก็ตลกดี ให้พยายามแค่ไหนแต่หัวใจก็กะเกณฑ์กันไม่ได้ แปลกใจตรงที่ภัทรไม่ตัดใจนี่แหละ รักกันจนแก่เลยทีเดียว อยากให้พี่ภัทรรักน้องไพแบบพี่น้องจัง แล้วเปิดโอกาสให้ตัวเองได้พูดคุยกับคนอื่นมั่ง ให้น้องไพไปตามทางกับนพรัตน์น่ะดีแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 14-06-2011 12:16:22
อ่านจากมุมพี่ภัทร์แล้วน้ำตาซึม
ทั้งสงสารพี่เค้า ทั้งซาบซึ้งกับความรักความห่วงใยที่มี ต่อน้องไพ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 14-06-2011 13:32:27
อ่านตอนนี้แล้วรักอิพี่ภัทร์ขึ้นมาเลยแหะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 14-06-2011 14:01:28
คุณภัทรอ่ะ .....
ซิกๆ เค้าหล่ะทึ่งในความรักที่มีเลยอ่ะ
เป็นคนดีกว่าที่คิดไว้มากเลย
เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: bbyuqin ที่ 14-06-2011 14:32:15
 o13 ยกนิ้วให้กับความพยายามและมั่นคงของพี่ภัทร์จริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: prettypearl ที่ 14-06-2011 14:48:01
ส่งใจให้พี่ภัทรเลย  :L1:
นึกว่าจะเป็นตาลุงที่หลีคุณไพฑูรย์ไปวันๆซะอีก

เป็นรักที่มั้นคงยืนยาวมากเลย  o13
อยากให้พี่ภัทรมีรักที่สวยงาม สมหวังจังเนอะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 14-06-2011 15:00:45
ขำพี่ภัทร์ก็ขำนะ เห็นใจก็เห็นใจ แต่ยังไงพี่ไพก็คู่กับน้องนพนะจ๊ะ

คนแต่งที่รักจ๋า หาคู่ให้พี่ภัทร์ทีเุุถอะ พลีสสสส
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 14-06-2011 15:41:07
+1 ให้ตอนนี้แรงๆเลย 
พี่ภัทรถูกใจมาก อ่านแล้วแบบ ชอบมากกกกกคนแบบนี้ เป็นบทบาทของพระรองดีมากๆ
รักพี่ภัทร :L1:
มามะ หนูขอกอดลุงภัทรซักที อิอิ :กอด1:
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 14-06-2011 16:35:48
อ่านแล้วรักพี่ภัทร
รักของเฮียตรงไปตรงมามาก และมั่นคงจนต้องเสียน้ำตาให้เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 14-06-2011 16:40:28
ทึ่ง อึ้ง เสียว พี่ภัทรอ่านตอนแรกรู้สึกรังเกียจหน่อยๆ กับคนนิสัยแบบนี้นะ

พอมามองในมุมของภัทรกลับรู้สึกว่าน่ารักแฮะ คือแบบ ชอบนะให้รู้ว่าชอบ

จะรักตอบหรือไม่รักตอบก็ช่าง 

ช่างเป็นคนที่ให้นิยามรักไม่ต้องการสิ่งตอบแทนดีจริงๆ

ปอลิง พวกรักไม่ต้องการสิ่งตอบแทนแบบเศร้าๆ อ่ะมันนอยด์ไป ต้องแบบนี้ 55+
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 14-06-2011 17:08:05
โถน่าสงสสาร รักมากมายขนาดนี้ แต่ก็นะ ฟ้าไม่ได้สร้างให้มาคู่กันทำใจซะเถอะเนอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 14-06-2011 17:11:48
เห็นเลี่ยนๆแบบนี้
คุนภัทร์ก็สุดยอดเหมือนกันนะเนี่ย o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยั$
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 14-06-2011 17:21:38
พอได้อ่านมุมมองของคุณไพฑูรย์ที่มาจากคุณจิระภัทร์ แบบว่าอึ้งนะเนี่ย
รู้สึกได้รู้จักคุณไพฑูรย์เพิ่มมากขึ้นเยอะ แล้วก็นับถือในความรักของคุณจิระภัทร์ด้วย
สเปกของคุณไพฑูรย์ก็คงเป็นคนอายุน้อยกว่าอยู่แล้วล่ะเนอะ อิอิ


+ และ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 14-06-2011 18:08:08
อ่านจบแล้วอยากกรี๊ดให้ลั่นห้อง อิคุณพี่ภัทร์ แมนมากกกกกกกกกกกกกกกกก น่ารักได้อีก  :m3:
ตอนที่อ่านจากเนื้อเรื่องหลักแอบจินตนาการตัวละครตัวนี้ได้อุบาทว์มาก (ขอประทานโทษคุณพี่แกอย่างแรง  :m5:) 

พอมาได้อ่านตอนพิเศษแบบนี้ พี่แกก็น่ารักไม่แพ้ใครในเรื่องเลย โอ๊ยยยย อยากจะละลายในความน่ารัก  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: babyfaibossy ที่ 14-06-2011 18:33:07
ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ไม่มีคำอะไรบอกความรู้สึกได้เ่ทา่นี้แล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 14-06-2011 18:51:40
อ่านแล้วเอ็นดูคุณภัทร์อ่ะ :กอด1: น้องไพของพี่ภัทร์น่ารักจริงๆน่ะแหละ
ยังไงขอให้เจอคนที่ใช่ของกันและกันเร็วๆนะ :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Narutear ที่ 14-06-2011 19:34:22
ซึ้งสนิท  :monkeysad:

แต่อ่านล่ะก็คิดว่า.................



ตูว่าล่ะ ว่าน้องพรายของพี่ไพ มัน "เมะ" จริงๆ  :laugh:


ลุงแกก็ช่างกล้าคิดไปได้นะว่า ตัวเองเป็น "เมะ" น้องเขา  ลุงช่างกล้า :z3:


ปล. ดีล่ะที่น้องมันไป ไม่งั้นอาจมีรายการศึกชิงตำแหน่งบน-ล่าง  :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยั$
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 14-06-2011 19:56:21
พี่ภัทรสุดยอด รักจริงหวังแต่ง นึกว่าจีบขำๆ
อยากให้พี่เค้าได้เจอคู่มั้ง เป็นเอาะๆเหมือนช่วงน้องไพวัยรุ่น

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 14-06-2011 20:14:16
 :impress3:

ทำไมเราอ่านแล้วรู้สึกชอบผู้ชายแบบพี่ภัทรจัง

โครตอบอุ่นอ่ะ

แม้จะดูหลุกหลิกไปบ้างแต่ โครตตตตรักจริงอ่ะ


หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MimicClub ที่ 14-06-2011 20:16:36
 :เฮ้อ:  สงสารพี่จิระภัทร์  จริงๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 14-06-2011 20:35:56
อยากให้เขียนเรื่องของพี่ภัทรจัง ท่าจะฮา

อยากจะบอกพี่ภัทรว่า ถึงตอนนี้พี่จะไม่หล่อแล้ว แต่'ใจ'พี่ ''หล่อ'สุดๆอ่ะ!
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: gogo_jk ที่ 14-06-2011 20:44:22
พี่ภัทร์น่ารักอ่ะ... ตอนแรกก็ขำๆ+จะติดรำคาญนิดๆ
ที่พี่แกมาเกาะแกะคุณไพฑูรย์ของเรา(ขอหน่อยนะ) แหะๆๆ
แต่พอมาดูจากมุมมองของพี่แกแล้ว..
อืม..พระเอกมากมาย.......  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 14-06-2011 21:17:17
ไม่น่าเชื่อ พี่ภัทรจะรักมั่นต่อลุงไพฑูรย์นานขนาดนี้
แต่ตอนนี้ลุงเค้าสมหวัง พี่ภัทรก็อวยให้เค้าเุถอะนะ

อยากอ่านของนพรัตน์บ้างค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 14-06-2011 21:24:44
เขามีความหลังกันมาพอสมควรนะเนี่ย
แต่น้องไพใจแข็งจริง  รอเนื้อคู่มาเกิด
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: DEVIL nures ที่ 14-06-2011 22:45:59
หลังจากเป็นอีแอบมานาน พอได้อ่านมุมของพี่ภัทรแล้วทนไม่ไหว อิจฉาน้องไพจริงๆที่มีคนที่รักน้องไพขนาดนี้ พี่ภัทรน่าจะมีคู่นะเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: mink2538 ที่ 14-06-2011 23:01:44
นับถือทพี่ภัทร์มากๆเลยค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 14-06-2011 23:11:11
โหหหหห คนดีศรีสังคมสุดๆ
เลยแอบสงสารเล็กๆ ที่อกหัก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 15-06-2011 01:22:41
รู้สึกเลยว่าคุณไพฑูรย์เป็นคนที่โชคดีมากๆ

พี่ภัทร พี่สุดยอดเลย  o13

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ 2 ค่ะ :L2: (จิ้มบวก)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ2 P11 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-06-2011 13:14:31
แวบมาแปะรูปคาแรคเตอร์+รูป(อยากวาด)ประกอบตอนค่ะ หุๆ (ถ้าทำให้เสียอรรถรสในการจิ้นขออภัยด้วยนะคะ^^")

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/2re.jpg)

ฮ่าๆ คุณไพฑูรย์ วาดออกมาแล้ว...ทรงผมกับแว่นทำให้แก่นะ... แต่ที่แก่กว่าคือ..การบรรยายถึงตัวเองของคุณไพฑูรย์นี่แหละ ฮ่าๆ (เอาน่า สำหรับเราแล้วตรงนี้คือความโมเอะของเค้าล่ะ :o8:) ส่วนเจ้านพ...เอ่อ...ยังไม่รู้จะวาดฉากยิ้มกระมิดกระเมี้ยนยังไงดี... ติดไว้ก่อนแล้วกันค่ะ

แถมรูป(อยากวาด) ประกอบตอน...แบบว่า...ตอนคุณไพฑูรย์และคุณนพไปเดินjjกัน มันช่าง เป็นการเดทที่อลังการล้านแปดมาก จับมือป้อนไอติมกัน (แต่คุณไพฑูรย์บรรยายได้หน้าตายสุดๆ ฮ่าๆ)

แปะๆ

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/datere.jpg)

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ สำหรับตอนพิเศษพาสคุณนพรัตน์ มีให้อ่านแน่นอนค่ะ (ตอนนี้กำลังเขียนอยู่ค่ะ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 15-06-2011 13:49:47
เห็นรูปแล้ว กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

รอตอนพิเศษ ฝั่งน้องนพ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: อิสระ ที่ 15-06-2011 14:01:10
รออ่านภาสของนายนพ :กอด1:
คงเต็มไปด้วยอาการจิ้นถึงพี่ไพแบบเลิศหรูสีชมพูแหง :o8: :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: babyfaibossy ที่ 15-06-2011 14:11:48
เห็นด้วยกับรีบน จริงๆ

อยากอ่านภาคของนพอ่ะค่ะ  นพน่ารักๆๆๆๆๆ

 :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 15-06-2011 14:25:29
 :m1:รอตอนพิเศษของนพเหมือนกันจ้าาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: butterfly_bee ที่ 15-06-2011 14:30:17
อ่านเรื่องของพี่ภัทร์แล้วแบบว่า เอ้ยย พี่ภัทร์น่ารักนะเนี่ย
น่ารักมั่นคงในความรักจนอยากจะเชียร์
แต่เสียดายที่คุณไพฑูรย์เค้าแพ้ทางเจ้าเปี๊ยก
แถมสไตล์การจีบของพี่ภัทรก็ไม่โดนใจคุณไพฑูรย์อีก
ถ้าพี่ภัทรค่อยๆรุก เข้ามาแบบเนียนๆบางทีอาจมีหวังก็ได้นะ

ปล.อยากอ่านตอนพิเศษเจ้าเปี๊ยกเหมือนกันค่า  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 15-06-2011 15:52:53
เข้ามากรี๊ดกับรูปค่ะ น่ารักจริงๆ ชอบๆ  :m4:
มองหน้าคุณไพฑูรย์ตอนป้อนไอติมให้นพแล้วขำกร๊าก คุณแกนิ่งจริงๆ ค่ะ หน้าตายมาก  :laugh: (แต่ว่าที่จริงมันก็คงต้องมีแอบเขินบ้างแหละน่า...เนอะ o18)
ยังรอตอนพิเศษต่อไปอยู่นะคะ  :m1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 15-06-2011 17:15:55
นพ นพ นพ
เปี๊ยก เปี๊ยก เปี๊ยก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 15-06-2011 17:38:15
แอร๊ยยยยส์
การ์ตูนสวยมว๊ากกก
คุณไพ หน้านิ่งได้อีก ชอบรูปนพแก้มแดง อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 15-06-2011 17:43:34
 :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 15-06-2011 17:57:54
เข้ามาชื่นชมภาพค่ะ วาดได้สวยมากกกก ไม่ถือว่าเสียอรรถรสในการจิ้นของคนอ่านหรอกค่ะ เพราะจิ้นใครก็จิ้นใครซิคะ
แล้วก็ขอบคุณล่วงหน้า สำหรับตอนพิเศษของนพรัตน์ที่กำลังจะมาในเร็ววัน นอนรอ นั่งรอ ใจเย็นๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 15-06-2011 18:36:17
เห็นรูปที่เดินเจเจแล้ว แหม คุณไพฑูรย์หน้านิ่งยิ่งเหมือนเมะมากกว่าอีกอ่ะค่ะ
ส่วนเจ้านพถึงจะเป็นเมะ แต่บางเวลาก็ดูเคะเหมือนกันนะจะบอกให้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-06-2011 19:14:36
ปกติ เคะมักเป็นฝ่ายเขิน...แต่เรื่องนี้เมะดันเป็นฝ่ายเขินแทน อิอิ

(จริงๆ ฉันยังมีอีกเรื่องที่เมะนิสัยเคะกว่าเจ้านพรัตน์อีกนะคะ ไว้ถ้ามีโอกาสจะเอามาลงให้อ่านกันค่ะ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 15-06-2011 20:05:09
ชอบสายตาคุณไพฑูรย์ จิกมากกกก ตาจิกแต่หน้าอย่างนิ่ง :laugh:
รูปสวยดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 15-06-2011 20:40:24
ลุงแกหน้าเด็กม๊ากกกกกกกกกกกก  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Stitch ที่ 15-06-2011 21:18:43
อยากอ่านส่วนของนพรัตน์กับตอนพิเศษหลังจากเป็นแฟนกันแล้วอีกอ่ะ

ชอบรูปคุณไพฑูรย์ตอนถอดแว่น
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-06-2011 21:56:20
อ่านตอนพี่ภัทร์แล้ว ขอบอกว่่า เทใจในรักแท้ให้พี่ภัทร์เป็นที่หนึ่งเลย

สุดดดดดดดดดดด

แล้วพระเอกเราจะมาเรียกคะแนนได้ไหมหว่า

รูปน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 17-06-2011 08:07:33
ตามอ่านทันแล้วค่ะ หรือต้องบอกว่าจบอ่ะ แต่ก็ยังจะมีตอนพิเศษนี่นา
สนุกแบบวางไม่ลงเลยค่ะ(ใช้คำนี้ถูกแล้ว เพราะอ่านในโทรศัพท์) ชอบคุณไพฑูรมาก บุคลิกโดนใจสุด ๆ คนที่จะเอาคนอย่        างนึ้อยู่ก็ต้องประมาณเจ้านพจริง ๆ นั่นแหละ ตอนแรกก็ร่วมด้วยช่วยคุณไพฑูรรำคาญคุณภัทรนะ แต่มาเปลี่ยนใจตอนอ่านตอนพิเศษนี่แหละ เป็นคนที่น่านับถือมาก ๆ   o13
จะรออ่านพาร์ทตานพนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 17-06-2011 20:53:53
กระมิดกระเมี้ยนี่ต้องก้มหน้าช้อนตาขึ้นนิดๆรึเปล่านะ


ชอบรุปลุงไพทูณมากค่ะ~
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 17-06-2011 21:09:34
รูปแอบตรงที่จิ้นไว้ด้วย...

น่าร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 17-06-2011 21:19:35
ตามมาดูรูปสองหนุ่มค่า ชอบรูปตอนไปเจเจ  :-[

แล้วขอก็รอตอนพิเศษของนพรัตน์ด้วย :กอด1: :กอด1:

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ipookza ที่ 17-06-2011 22:02:00
อ่านไปยิ้มไปอะ ชอบมากๆเลย :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MimicClub ที่ 17-06-2011 23:28:28
 :-[  น่ารักอ่า



 :กอด1: รออ่านตอนพิเศษ  อีก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 18-06-2011 19:52:00
สนุกค่ะ  ชอบมากๆ
ยิ่งอ่านยิ่งมันส์

คุณไพฑูรย์ นิ่งมากก นิ่งจนคนอื่นไม่รู้ว่าคิดอะไร แต่ก็ใจดีสุดๆ  :impress2:
คุณนพรัตน์ น่ารักสุดๆ ชอบตอนหน้าแดงอ่า  :o8:
สุดท้ายคุณพี่ภัทร เท่สุดๆ ใจหล่อมากกกก  :3123:

ไม่น่ารีบจบเลยอ่าา  กำลังสนุกเลยย
ดีใจที่ได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้
ขอบคุณคุณนักเขียนนะคะ
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 18-06-2011 20:24:07
คิดถึงตอนพิเศษแล้วนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 19-06-2011 12:04:06
จะมายังน่าาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 19-06-2011 19:55:43
**ช่วงนี้ติดธุระค่ะ (เริ่มกลับมาใช้ชีวิตฟรีแลนซ์วิ่งไปวิ่งมาอีกแล้วล่ะค่ะ หลังจากนั่งว่างอยู่ช่วงหนึ่ง) ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
---------------------------------------
บันทึกของนายนพรัตน์ (ช่วงที่1)
   18 มิถุนายน 254x
   ผมมาอยู่ที่โรงเรียนประจำได้เดือนกว่าแล้ว คิดถึงพี่นพเหมือนเดิม แต่ไม่เหงาขนาดสองสามสัปดาห์แรก เพราะเริ่มจะสนิทกับเพื่อนๆ แล้ว
   วันนี้ไอ้วีรูมเมทผมลงไปซักผ้าที่ลานซักล้างตอนเช้า เจอรุ่นพี่ม.4ที่เป็นกระเทยจีบด้วยล่ะ มันเลยวิ่งหน้าตื่นออกมาจากลานซักล้าง ผ้าเผ้อทิ้งเอาไว้อย่างกับเจอผี ผมเห็นมันวิ่งหน้าตื่นเปิดประตูเข้ามาในห้อง เลยถาม มันเลยเล่าให้ฟัง ผมฟังแล้วสงสารมันนะ แต่ก็ขำด้วย มันเลยเคืองผม บอกว่าไม่โดนเองบ้างก็แล้วไป
   ผมเลยพยายามปลอบใจมัน สุดท้ายเราก็เดินลงไปเอาผ้าที่เหลือด้วยกัน มันบังคับผมให้เอาผ้าลงไปซักเป็นเพื่อนมันด้วย สุดท้ายผมเลยต้องซักเสื้อที่มีอยู่แค่ตัวเดียว เพราะผมเพิ่งซักไปเมื่อวานเป็นเพื่อนมัน
   พอไม่เห็นรุ่นพี่กระเทยโผล่มาอีก ไอ้วีมันก็บอกขอบอกขอบใจผม และตกลงเองเสร็จเลยว่าคราวหน้าผมต้องมาซักผ้ากับมัน เวลาเจอกระเทยจะได้ช่วยกันรับเคราะห์ในฐานะรูมเมท เอาล่ะ ถ้ามันกล้าคิดได้แบบนี้ ผมก็กล้าตกลงกับมันล่ะ เห็นสภาพมันอกสั่นขวัญหายแล้วก็สงสาร ช่วยๆ มันหน่อยก็แล้วกัน
---------------------------------------
   7 กรกฏาคม 254x
   ในที่สุด วีมันก็ถูกรุ่นพี่กระเทยคนนั้นจีบติดจนได้ ถึงจะมีผมไปซักผ้าเป็นเพื่อนมันทุกวันก็เถอะ เพราะพี่เขาตามไปจีบมันที่ห้องเรียน ผมเป็นรูมเมทกับมันก็จริง แต่เรียนคนละห้องกับมันนะ ผมเพิ่งรู้วันนี้เองว่ามันตกลงเป็นแฟนกับพี่เขาแล้ว แถมมันยังมากระซิบบอกผมอีกนะ ว่า ‘ข้างหลัง’สุดยอด ผมไม่เข้าใจความหมายของมันหรอก แต่ในเมื่อมันหยุดกลัวกระเทยแล้ว ผมก็คงไม่ต้องรอไปซักผ้าพร้อมมันอีก ก็ดี เพราะไอ้วีซักผ้านานมาก สงสัยมันจะพิรี้พิไรพินิจพิจารณาเส้นใยผ้าอยู่
----------------------------------------
   25 กันยายน 254x
   สอบไฟนอลวันสุดท้ายแล้ว ผมว่าผมทำข้อสอบได้พอสมควรเลยล่ะ วันนี้หลายคนสอบเสร็จก็ทยอยกันกลับบ้าน ผมคิดถึงพี่นพอีกแล้ว แต่รู้ว่าพี่นพงานยุ่ง ถึงผมอยากกลับพี่ก็คงไม่มีเวลามาดูแลผมอยู่ดี เพราะฉะนั้น ผมอยู่ต่อที่นี่แหละ พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก ผมดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว
------------------------------------------
   1 ตุลาคม 254x
   วีเพิ่งมาบอกผมว่ามันจะกลับบ้านวันนี้ ผมแอบเหงานิดหน่อย เกือบร้องไห้ด้วยล่ะตอนมันเก็บกระเป๋ากลับ แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่ายังมีเพื่อนคนอื่นที่อยู่ที่นี่ต่อในช่วงปิดเทอม ไม่ใช่มีแค่ผมคนเดียวสักหน่อย
   ผมคิดถึงพี่นพจัง กลัวนอนแล้วร้องไห้เลยลุกขึ้นมานั่งเขียนบันทึกต่อ วันนี้มีเรื่องแปลกๆ ด้วยล่ะ ตอนผมเดินไปส่งวี ขากลับเลยแวะโรงอาหาร ซื้อขนมอยู่ดีๆ ใครก็ไม่รู้แอบมาจับก้นผม ผมว่าผมก็ไม่น่าจะเหมือนผู้หญิงเท่าไหร่นะ มาจับผิดแบบนี้ได้ไง แต่ผมไม่เห็นหรอกว่าใครจับ เพราะคนเดินไปเดินมาตรงนั้นเยอะ พอกลับมาถึงห้อง ผมก็เลยจัดการสำรวจหุ่นตัวเองเป็นการใหญ่ ถึงผมจะตัวเล็กอยู่ แต่ก็ไม่น่าจะเหมือนผู้หญิงนะ เพราะผมไม่มีหน้าอกเสียหน่อย ถึงอย่างนั้นผมคิดแล้วล่ะว่าจะลองเล่นกีฬาแบบจริงๆ จังๆ ดู เผื่อจะได้ตัวใหญ่ แมนๆ แบบพี่นพบ้าง จะได้ไม่มีใครมาจับก้นผมอีก
---------------------------------------------
   7 ตุลาคม 254x
   ผมไปเข้าชมรมบาสฯล่ะ ช่วงเปิดเทอมที่โรงเรียนมีกิจกรรมให้นักเรียนที่อยู่ประจำทำ ผมปรึกษากับอาจารย์แล้ว ดูว่าเล่นบาสฯนี่แหละน่าจะเหมาะ เพราะเล่นแล้วจะสูงขึ้น ไม่แน่นะ เจอกันคราวหน้า ผมอาจจะสูงทันพี่นพแล้วก็ได้ แต่ตอนนี้ผมตัวเล็กที่สุดในกลุ่มที่ไปสมัครเลยล่ะ อาจารย์ที่สอนยังทักเลยว่า ผมจะชู้ตลูกถึงไหมเนี่ย วันนี้ผมเลยได้ลองชู้ตลูกบาสฯด้วยล่ะ ผมโยนถึงแป้นนะ แต่คงโยนแรงไปหน่อย มันเลยกระเด็นใส่หน้าผม ดีนะที่เลือดไม่ออก แค่เจ็บๆ เพื่อนๆ ขำกันใหญ่เลย อาจารย์เลยใช้ให้ผมไปหัดเคาะลูกบาสฯอยู่ข้างสนามก่อน
   ผมดูพี่ๆ ที่อยู่มาก่อน กับเพื่อนบางคนเคาะลูกบาสฯแล้วประทับใจจัง เขามือกว้างเหมือนพี่นพเลยล่ะ ส่วนผมเคาะติดกันได้สามสี่ครั้งก็ดีสุดๆ แล้ว เมื่อไหร่ผมจะตัวใหญ่นิ้วยาวๆ แบบพวกพี่บ้างนะ เขาว่าเด็กผู้ชายจะโตขึ้นพอเริ่มขึ้นม.1 แต่ผมอยู่ม.1 มาเทอมหนึ่งแล้ว ผมเพิ่งสูงขึ้นแค่เซ็นเดียวเอง สงสัยผมจะเปี๊ยกจริงๆ อย่างที่พวกพี่เรียกแน่ๆ
------------------------------------------------
   17 ตุลาคม 254x
   ผมเคาะลูกบาสฯคล่องขึ้นนิดหนึ่งแล้วล่ะ แต่อาจารย์ก็ยังให้ผมอยู่ข้างสนามอยู่ดี วันๆ ก็หัดเคาะลูก กับซ้อมวิ่ง ผมยังไม่ได้ลองกระโดดชู้ตลูกเลย แบบนี้ผมจะสูงขึ้นกับเขารึเปล่านะ
   อ้อ เกือบลืมเขียน คนที่ต้องเคาะลูกบาสฯอยู่ข้างสนามไม่ได้มีแค่ผม ผมมีเพื่อนแล้วล่ะ มันชื่อเอ อยู่ม.1เหมือนกัน เรียนคนละห้อง แต่มันอยู่หอตรงข้ามผมนี่เอง
   เอมีเครดิตดีกว่าผมหน่อยตรงที่มันไม่โดนลูกบาสฯที่ตัวเองโยนเองหล่นใส่หน้า แต่มันตัวเล็กๆ ผอมๆ พอกับผมนี่แหละ มือก็เล็กพอกัน ฝีมือเคาะลูกไม่ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ เคาะไปคุยไป จนผมเริ่มสนิทกับมันแล้วล่ะ เลยรู้ว่ามันมีเป้าหมายเดียวกับผม คืออยากสูงขึ้น แต่มันมีความฝันส่วนตัวของมันด้วยนะ มันบอกว่าอยากจะทำแอร์วอล์กแบบไมเคิล จอร์แดน ผมงี้นับถือความฝันสูงของมันเลยล่ะ เลยบอกว่าผมจะเอาใจช่วยมันแล้วกัน ตอนนี้ขอผมเคาะลูกบาสฯให้คล่องก่อน
--------------------------------------------------
   21ตุลาคม 254x
   วันนี้งดซ้อมเพราะอาจารย์ต้องไปงานศพ ผมเลยว่าง ไอ้เอมาหาผมตอนบ่าย ชวนผมปีนรั้วออกไปเที่ยวด้านนอก หูย ผมเกิดมาไม่เคยโดดเรียนเลยนะ จะให้ปีนรั้วผมทำไม่ไหวหรอก ตัวก็นิดเดียวจะปีนไหวได้ไง แถมถ้าถูกจับได้ก็โดนตีอีก แต่เอพาเพื่อนมาอีกสามคนนะ เห็นว่าอยู่ม.2คนหนึ่ง ม.3คนหนึ่ง สามคนรวมมันด้วยช่วยกันเกลี้ยกล่อมผมจนผมยอมตกลง แต่บอกมันว่าคราวหน้าไม่เอาแล้วนะ มันก็ยิ้มๆ แล้วบอกว่า ออกไปให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาว่ากันอีกที
   พี่นพ อย่าโกรธผมนะ ผมปีนรั้วโรงเรียนแล้วล่ะ พี่เตย พี่ม.3ที่มากับเอบอกผมว่า มันเป็นสีสันของชีวิตนักเรียนประจำ ผมต้องลองสักครั้ง ที่ด้านหลังโรงเรียนมันมีต้นไทรต้นใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง มีผ้าสามสีผูกไว้ด้วย ตอนเข้ามาใหม่ๆ อาจารย์เล่าว่า ต้นไทรมีผีสิง อย่าเข้าไปใกล้ เดี๋ยวจะถูกผีหลอก ผมน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้วีกลัวผีขึ้นสมอง มันกลัวคนเดียวไม่พอ บังคับให้ผมกลัวไปกับมันด้วย สั่งห้ามไม่ให้ผมไปแถวนั้นเด็ดขาด เพราะเดี๋ยวผีตามผมมาที่ห้อง จะพลอยซวยกันไปหมด ผมสงสารมัน เลยไม่ไปแถวต้นไทร อีกอย่างต้นไทรก็มืดๆ รกๆ เกิดมีงูมีเงี้ยวผมจะแย่เอา เพราะฉะนั้นตั้งแต่เปิดเทอมมาผมไม่ได้เดินไปใกล้ต้นไทรต้นนั้นเลยล่ะ
   พอเอกับพี่อีกสองคนพาผมเดินมาที่ต้นไทร ผมก็ถาม พวกนั้นเลยเฉลยว่า อาจารย์เล่าให้พวกเรากลัวไปอย่างนั้นแหละ เพราะรั้วลวดหนามตรงกำแพงด้านหลังต้นไทรมันผุอยู่ แต่ยังไม่มีใครซ่อม ถ้าปีนจากตรงนี้จะออกไปนอกโรงเรียนได้สบายๆ รุ่นพี่เขาทำกันมานับต่อนับแล้ว จากนั้นก็พาผมไปดูกำแพงที่จะต้องปีนขึ้นไป
   ต้นไทรต้นใหญ่มาก แถมตอนนั้นก็บ่ายสี่แล้ว แสงแดดไม่แรงเท่าไหร่แล้วล่ะ บรรยากาศเลยน่ากลัวสุดๆ ขนาดผมไม่กลัวผียังหนาวๆ สันหลังเลย พี่เต้ พี่ม.2เลยเร่งให้เรารีบปีน เพราะเราต้องกลับหอก่อนสามทุ่ม ที่อาจารย์จะเดินตรวจ ไม่งั้นถูกจับได้โดนตีก้นลายแน่ๆ ถ้าชักช้าเวลาเที่ยวจะมีน้อย
   พี่เตยปีนข้ามไปคนแรก พี่เขาปีนคล่องจริงๆ นะ ถึงจะดูตัวใหญ่และอ้วนหน่อยๆ ก็เถอะ ผมที่ยังไม่เคยปีนเลยถูกจัดให้อยู่ลำดับสอง กำแพงก็เรียบๆ นะ ไม่รู้พี่เตยปีนได้ไง ผมลองอยู่นานก็เกาะขึ้นไปไม่ได้ เดือดร้อนพี่เต้ต้องให้ขี่คอเอื้อมไปเกาะกำแพงด้านบน โหย ผมตัวนิดเดียวเอง พอขี่คอพี่เต้แล้วขางี้สั่นพับๆ เกาะกำแพงแน่นแต่ดึงตัวเองขึ้นไปไม่รอด ลำบากเอต้องปีนพี่เต้ขึ้นมาผลักผมขึ้นไปอีกที แล้วผมก็ไปนั่งสั่นอยู่บนกำแพงต่อ กว่าจะทำใจกระโดดลงไปได้ เอมันก็กระโดดลงไปก่อนแล้ว พี่เต้ก็ปีนตามมา แล้วมานั่งข้างๆ ขู่ว่าถ้าไม่กระโดดจะผลักลงไป ผมเลยกลั้นใจกระโดด
   โอ๊ย พี่นพ หวาดเสียวสุดๆ เลย แต่ผมก็ถึงพื้นได้โดยสวัสดิภาพนะ กระดูกไม่หัก ผมว่าสามคนนี่คงเข็ดแล้วล่ะ รอบหน้าไม่มีชวนผมแน่นอน เพราะกว่าจะรอผมกระโดดลงไปได้ ฟ้าก็ใกล้มืดเต็มที
   พวกเอพาผมไปเดินเที่ยวตลาดนัด ของกินเล่นเยอะแยะไปหมด พวกเราที่ยังไม่ได้กินกินมื้อเย็นเลยซื้อของกันเยอะแยะไปหมด ผมเพิ่งมารู้ตอนเขียนบันทึกนี่เองว่าผมใช้เงินส่วนของเดือนนี้เกินด้วยล่ะ แต่เดี๋ยวผมค่อยคิดอีกทีว่าจะทำยังไงต่อ แต่ที่แน่ๆ ผมไม่โทรขอพี่นพเพิ่มหรอก ผมรู้ว่าพี่นพทำงานหนัก ผมทำตัวเอง ผมก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง
   จากนั้นผมถึงได้รู้ว่าพวกพี่เต้กับพี่เตยมาจีบผู้หญิง นี่ถ้าบอกก่อนผมคงไม่ตกลงใจตามมานะเนี่ย ผมไม่ชอบเด็กผู้หญิงเลย ตัวใหญ่ แถมชอบแกล้งผมด้วย ตอนอยู่โรงเรียนเก่า ผมเคยโดนแกล้งจนร้องไห้ด้วยนะ แต่ผมไม่กล้าบอกพี่นพ เดี๋ยวพี่นพจะเสียใจที่ผมแพ้กระทั่งเด็กผู้หญิง
   ก็ผมตัวแค่นี้นี่นา จะไปสู้อะไรใครเขาได้
   แต่พี่นพไม่ต้องกลัวผมเป็นกระเทยนะ ผมเห็นพี่กระเทยที่จีบวีแล้ว ผมสาบานว่าผมจะไม่เป็นแบบนั้นเด็ดขาด น่ากลัวชะมัดยาดเลย
   พวกเรากลับมาที่โรงเรียนประมาณสองทุ่มครึ่ง ขาปีนกลับสงสัยผมกลัวโดนจับได้ เลยรีบปีนรีบกระโดด ลืมที่กลัวตอนแรกไปหมดเลย ถ้าไม่นับเรื่องไปจีบผู้หญิงและใช้เงินเกินแล้ว ออกนอกโรงเรียนครั้งแรกของผมก็สนุกดี ผมซื้อของกินมาตุนเอาไว้ได้อีกสามวันเลยล่ะ
-----------------------------------------------
   26 ตุลาคม 254x
   พี่นพทำเซอร์ไพรส์มาเยี่ยมผม ผมดีใจสุดๆ เลย พออาจารย์ที่คุมหอมาบอก ผมก็รีบออกจากโรงยิมมาหาพี่เลย พี่นพหล่อเหมือนเดิม แต่ผมว่าพี่ผอมลงไปนิดหนึ่งนะ จะทักแล้วแต่ลืม เพราะมัวแต่ดีใจอยู่
   พี่หนิงกับพี่แนนฝากของมาให้ผมด้วยล่ะ พี่หนิงส่งเสื้อมาจากแคนนาดา แต่ตัวใหญ่ ผมเอาไว้ใส่นอนแล้วกัน ท่าทางจะใส่สบายดี ใจจริงก็อยากใส่ออกไปอวดเพื่อนหรอกนะ แต่มันหลวมโคร่งเลย พี่นพบอกว่าพี่หนิงซื้อไซต์เล็กที่สุดแล้ว สงสัยพี่หนิงจะลืมไปแล้วแน่ๆ ว่าผมน่ะเปี๊ยก
   ส่วนพี่แนนเป็นห่วงปากท้องผมสุดๆ ฝากข้าวสารอาหารแห้งมาหลายถุง ผมว่าถ้าน้ำท่วมโรงเรียนนะ ผมคงอยู่ได้สบายๆ เลยล่ะ
   พี่นพซื้อสมุดบันทึกเล่มใหม่มาให้ คราวนี้ปกหนังเลย เล่มนี้ผมยังเขียนไม่หมดเลยนะ เหลืออีกตั้งครึ่งเล่ม ผมเลยเก็บเล่มใหม่ใส่ถุงไว้ก่อน แล้วก็ซื้อหนังสือนิยายของนักเขียนที่ผมชอบอ่านมาฝากอีกสองสามเรื่อง ผมรักพี่ๆ จังเลย พี่นพบอกด้วยว่าเดือนหน้าพี่แนนจะแต่งงานแล้ว เดี๋ยวจะมารับผมไปงานแต่ง ผมดีใจ แต่ก็ตกใจด้วยนะ งี้ก็เหลือแต่พี่นพทำงานเลี้ยงผมคนเดียวแล้วสิ ไม่เป็นไร เมื่อวานผมไปสมัครทำงานกับสหกรณ์โรงเรียนมาแล้ว อีกหน่อยผมคงไม่ต้องขอเงินค่าขนมจากพี่นพแล้วล่ะ พี่นพจะได้ไม่ต้องลำบากมาก
   จนพี่กลับแล้ว ผมยังไม่ได้ทักพี่สักทีว่าพี่ผอมลงนะ ไว้พรุ่งนี้ผมจะไปขออาจารย์โทรศัพท์หาพี่ บอกว่ากินเยอะๆ หน่อย เดี๋ยวจะตัวเล็กเหมือนผมนะ แต่ยังไงพี่นพของผมก็ดูดีสุดๆ อยู่แล้วล่ะ
------------------------------------------------
   16 พฤศจิกายน 254x
   งานแต่งงานพี่แนนสนุกมากเลย พี่แนนเป็นเจ้าสาวสวยสุดๆ อยู่แล้ว ถึงใครจะแซวว่าเพิ่งคว้ารถไฟขบวนสุดท้ายทันก็ช่างประไรล่ะ เจ้าบ่าวก็ขำสุดๆ ผมเคยเจอเขาสองสามครั้งก่อนหน้านี้นะ เขาเป็นคนมีอายุสักหน่อย อ้วนนิดๆ แต่คุยสนุกเลยล่ะ ผมได้ขึ้นไปร้องเพลงอวยพรให้พี่แนนด้วย ใครก็ทักว่าผมเสียงเหมือนเด็กผู้หญิง ตัวก็เล็กๆ นี่ผมอยู่ม.1 เทอมสองแล้วนะ แล้วเมื่อไหร่ผมจะโตกับเขาล่ะเนี่ย หรือว่าผมจะเปี๊ยกแบบนี้ตลอดไป
-------------------------------------------
   23 พฤศจิกายน 254x
   วันนี้วันลอยกระทง อาจารย์พาพวกเราไปลอยกระทงที่ทำกันในคาบกิจกรรม ตรงคลองด้านหลังโรงเรียน พวกพี่ม.6ถูกเกณฑ์มาคอยดูแลพวกเราด้วย ผมโดนเบียดเกือบหัวทิ่มตกคลองด้วยแหละ ดีว่ามีพี่คนหนึ่งคว้าตัวเอาไว้ทัน เกือบเสียหน้าอีกแล้วไหมล่ะ
   สงสัยเขาจะเห็นว่าผมตัวเล็ก กลัวจะถูกเพื่อนเบียดตกคลองอีก เลยจูงมือผมไปลอยอีกทาง เขาชื่อพี่วุฒิ อยู่ม.6แล้ว กำลังจะเรียนจบ ตัวสูงนะ แต่ผอม ผมเกรงใจพี่เขาที่อุตส่าห์พามา ก็เลยลอยกระทงด้วยกัน ที่โรงเรียนไม่ให้เล่นดอกไม้ไฟล่ะ ไม่เหมือนตอนลอยกับพี่นพ
   ผมคิดถึงพี่นพจัง ไว้ผมเรียนจบแล้ว เราไปลอยกระทงกันนะ ผมอยากเล่นดอกไม้ไฟ
-------------------------------------------------
   1 ธันวาคม 254x
   วันนี้ตอนเที่ยง พี่วุฒิที่ช่วยผมพ้นจากการตกคลองตอนลอยกระทงมาหาผมที่หอ ชวนไปกินข้าว ผมถูกไอ้วีทิ้งให้กินข้าววันเสาร์อาทิตย์คนเดียวเป็นเดือนแล้ว เพราะมันไปกินกับแฟนมันที่เป็นพี่กระเทย พอพี่วุฒิมาชวนผมเลยตกลงทันที
   ผมว่าผมก็กินของผมธรรมดานะ แต่พอตกเย็น เอมาหาผมที่ห้อง พาพวกพี่เตยพี่เต้ที่ชวนผมโดดรั้ววันก่อนมาด้วย พอเจอหน้าผมสามคนนี้ก็เข้าเรื่องทันที บอกว่าระวังโดนพี่วุฒิเอาตูด ผมงี้อึ้ง เอาตูดคืออะไรผมเพิ่งรู้ความหมายก็วันนี้แหละ พอเห็นผมทำหน้างง พี่เต้เลยอธิบายความเสร็จสรรพ ชนิดละเอียดยิบเห็นทุกรายละเอียด แล้วตบท้ายว่าวิชานี้รับรองไม่มีสอนในคาบสุขศึกษาหรอก ผมก็เลยถามพี่เขาไปว่าแล้วพี่รู้ได้ไง เคยลองแล้วเหรอ แล้วผมก็โดนเบิ้ลกะโหลกมาทีหนึ่ง ผมทำอะไรผิดเนี่ย ผมถามเพราะอยากรู้จริงๆ นะ ก็พี่เขาเล่าเหมือนเคยโดนเองเลยนี่นา
   พี่เตยเลยสำทับว่าให้ผมระวังไว้ พี่วุฒิชอบเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ขาวๆ แบบผม ไอ้เอก็เคยโดนเล็งหนหนึ่ง ผมเลยหันไปมองเอ เห็นมันทำหน้าสยองสุดๆ แล้วบอกให้ผมระวังตัวไว้ ทางที่ดีเจอพี่วุฒิให้รีบเดินหนีเลย
   คืนนั้นพอพวกเอกลับไปแล้ว ผมก็ทดลองสำรวจร่างกายตัวเองอีกรอบ (ไม่ต้องพูดถึงวีนะ เพราะวันเสาร์อาทิตย์มันจะไปนอนห้องเดียวกับพี่กระเทย)
   จะสิ้นปีแล้วนะเนี่ย ปีหน้าผมก็จะอายุสิบสามแล้ว ผมยังไม่โตขึ้นเลย เพราะผมตัวเล็กแบบนี้ล่ะมั้ง ใครเขาเลยคิดว่าเหมือนเด็กผู้หญิง แต่ผมเถียงขาดใจเลยนะว่าเด็กผู้หญิงน่ะตัวใหญ่กว่าผมอีก
   พี่เต้เล่าเรื่องเอาตูดน่ากลัวสุดๆ ผมไม่อยากโดน ถึงพี่วุฒิจะใจดี แต่ผมระวังตัวไว้ก่อนดีกว่า วันหลังถ้าเจอพี่เขาอีกผมจะรีบหลบเลย
------------------------------------------------
   7 ธันวาคม 254x
   ผมพัฒนาจากการเคาะลูกบาสฯอยู่ข้างสนาม เป็นมาเคาะลูกแล้วเดินซิกแซกผ่านกรวยแล้วล่ะ ทุกคนยังขำท่าผมเหมือนเดิม เพราะถ้าไม่เคาะชนกรวย ผมก็เคาะลูกเด้งไปไกลจนต้องวิ่งไปเก็บ เอก็หัวเราะ แหม มันยังยืนเคาะอยู่กับที่เหมือนเดิมอยู่เลย ถึงผมจะเคาะไปวิ่งเก็บลูกไป ก็ยังได้เคาะอ้อมกรวยล่ะนะ
   ตอนนี้ผมมีเวลาซ้อมบาสฯ แค่เย็นวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เพราะวันอังคารกับวันพฤหัสฯต้องไปทำงานที่สหกรณ์ ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ บางทีก็มีซ้อมบ้างไม่มีบ้าง แล้วแต่อาจารย์จะนัด เล่นมาได้สองเดือนกว่าแล้ว ผมยังไม่สูงขึ้นเลย ชาตินี้ผมจะตัวใหญ่กับเขาไหมเนี่ย ชักจะท้อซะแล้วสิ
------------------------------------------------------------
   16 ธันวาคม 254x
วันนี้ตอนเย็น พี่วุฒิมาดักรอผมที่หน้าหออีกแล้ว เขามาหาผมหลายรอบแล้วล่ะ แต่ผมพยายามเลี่ยงทุกที เพราะนึกถึงเรื่องที่พวกเอเตือนเอาไว้
คราวนี้เลยถึงเวลาไอ้วีใช้หนี้ที่ผมอุตส่าห์ไปซักผ้าเป็นเพื่อนมันตั้งหลายอาทิตย์ ผมลากมันเดินลงมากินข้าวเป็นเพื่อนผม ไอ้วีก็เพื่อนดีสุดๆ พอมันรู้ว่าผมโดนพี่วุฒิไล่จีบก็ขำ จากนั้นก็เล่าข่าวลือเกี่ยวกับพี่วุฒิให้ฟัง ซึ่งก็ไม่ต่างจากที่พวกพี่เตยเล่าเท่าไหร่ แล้วบอกผมว่า ไม่เป็นไร ถ้าพี่วุฒิจะเอาผมนะ มันจะจัดการผมก่อน เวลาเจอพี่วุฒิจะได้ไม่ตื่นสนาม ผมเลยตบกะโหลกมันไปทีหนึ่ง ถึงมันจะตัวใหญ่กว่าผม แต่ใช่ว่าผมจะยอมถูกมันเอาตูดง่ายๆ นะ
ผมเลยเดินลงไปกินข้าวพร้อมวี วีมันก็ทำแนบเนียน บอกว่าถ้าพี่วุฒิจะมาจีบผมนะ แค่ไปกินข้าวกับเพื่อนน่ะ อ้างไม่ไหวหรอก มันต้องกินกับคนที่ยิ่งกว่าเพื่อน แล้วมันก็กอดเอวผมเดิน ผมงี้โคตรจั๊กจี้ แต่ก็ได้ผลนะ พี่วุฒิแกมองอึ้งๆ แล้วแกก็เดินไปเลย แต่ผมสิ ไม่รู้จะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเกย์กับไอ้วีรึเปล่า
------------------------------------------------
   23 ธันวาคม 254x
   วันนี้ผมเกือบถูกข่มขืนด้วยล่ะ น่ากลัวสุดๆ ผมลงไปโทรศัพท์หาพี่นพสัปดาห์ละครั้งตามปกติ เสียงพี่นพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะเป็นหวัด ผมเลยคุยไม่นานก็วางสาย ขากลับไม่รู้ไฟตรงทางเดินเข้าหอมันเป็นอะไร ดับเป็นหย่อมๆ เลยมืดกว่าปกติ แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรนะ เดินกลับปกตินั่นแหละ แล้วใครสักคนก็ดึงตัวผมจากด้านหลัง
   ผมดิ้นสุดแรงด้วยความตกใจเลยล่ะ จะอ้าปากร้องให้คนช่วย ก็โดนเอามือปิดปากไว้อีก จากนั้นเขาก็เริ่มขยำก้นผม เจ็บสุดๆ เลย ขยำแรงมาก ผมนึกถึงเรื่องเอาตูดที่พวกพี่เตยเล่าขึ้นมาทันที เลยดิ้นสุดชีวิตเลย แต่ไอ้คนที่จับผมก็แรงดีนะ คือเขาตัวใหญ่กว่าผมแน่นอนล่ะ ผมดิ้นยังไงก็ไม่หลุดสักที แล้วเขาก็จับด้านหน้าของผม ผมตกใจเลยหยุดดิ้น เพราะกลัวถูกบีบ เหมือนจะได้ยินเขาหัวเราะเบาๆ ด้วยล่ะ ผมรู้สึกว่าน่าจะเป็นพี่วุฒิแน่ แต่มองไม่เห็นหน้า เลยไม่กล้าระบุลงไปเหมือนกัน เขาลูบๆ ตรงนั้นของผมสักพักแล้วก็เริ่มกัดคอผม ผมขนลุกไปหมดเลยล่ะ อยากร้องให้คนช่วย แต่ก็ถูกเอามือปิดปากอยู่ แล้วผมก็นึกถึงที่พี่แนนเคยสอน ว่าผู้ชายมีจุดอ่อนตรงนั้นเหมือนกันหมด ผมถูกเขาจับผมยังกลัวตัวแข็งเลย ของเขาก็คงไม่ต่างจากของผมมากหรอก พอผมนึกได้ ผมเลยพยายามคว้านมือที่ถูกเขาจับรวบเอาไว้ด้านหลังไปหาตรงนั้นของเขา เหมือนเขาจะอยากให้ผมจับนะ พอผมควานไปได้สักพักเขาก็เอามือผมไปจับเอง โหย... ทั้งแข็งทั้งใหญ่ เขาจับมือผมรูดขึ้นๆ ลงๆ พอถึงตรงนิ่มๆ ผมก็คว้าหมับ แล้วบีบเต็มแรงเลย ได้ยินเสียงร้องโอ๊ย  จากนั้นมือเขาก็คลายออก ผมเลยดิ้นอีกรอบ แล้ววิ่งหนีออกมาเลยล่ะ
   ไอ้วีนั่งทำการบ้านอยู่ เห็นผมวิ่งหน้าตื่นขึ้นมาเลยถามว่าเป็นอะไร ผมน่ะน้ำตาร่วงก่อนจะได้ตอบมันอีก มันเลยคิดว่าผมทะเลาะกับพี่ เพราะเพิ่งกลับมาจากโทรศัพท์ ผมฟังไอ้วีพูดปลอบไปตามเรื่อง ใจก็คิดว่าควรจะเล่าให้มันฟังดีมั้ย แต่จนมันเข้านอน ผมก็ยังไม่ได้เล่าเลย นอนก็นอนไม่หลับ เลยมานั่งเขียนบันทึกนี่แหละ ผมว่าพรุ่งนี้ผมคงต้องเล่าให้มันฟังแล้วล่ะ เผื่อมันจะมีคำแนะนำอะไรให้ผมได้บ้าง
----------------------------------------------------
   25 ธันวาคม 254x
   วันนี้ วี เอ พี่เต้ พี่เตย มาเจอกันเป็นครั้งแรก ด้วยประเด็นที่ว่าผมเกือบถูกข่มขืน ทุกคนลงความเห็นตรงกันว่าน่าจะเป็นฝีมือพี่วุฒิ เพราะพี่เขาชอบเข้าหาเด็กตัวเล็กๆ ขาวๆ เป็นทุนอยู่แล้ว แถมมีข่าวว่าเคยทำเด็กม.1 ปีก่อนจนเลือดออก ผมงี้ขนลุกไปทั้งตัวเลย ไม่อยากจะอยู่โรงเรียนแล้ว แต่เพื่อนๆ ช่วยกันปลอบว่า เดี๋ยวพี่เขาก็เรียนจบแล้ว ไม่มารังควานผมแล้วล่ะ ช่วงนี้ผมไปไหนก็ให้หาเพื่อนไปด้วย วีขันอาสาตามประสาเพื่อนร่วมห้องที่ดี ผมล่ะอิจฉามันจริงๆ ตอนเข้ามาแรกๆ มันก็ตัวพอๆ กับผมนี่แหละ แต่ตอนนี้มันสูงกว่าผมตั้งเยอะ ตัวก็ใหญ่กว่าด้วย ต้นเทอมมันยังขอร้องผมให้ไปซักผ้าเป็นเพื่อนมันอยู่เลย พอเข้าเทอมสองกลายเป็นผมต้องมาพึ่งมันซะแล้ว ผมควรจะขำตัวเองดีไหมเนี่ย
   ตอนกลางคืนผมเลยทำใจกล้าถามมันว่า เวลามันทำกับพี่กระเทย มันไม่เจ็บเหรอ เพราะที่ผมโดนจับน่ะโคตรเจ็บ วีตอบผมยิ้มๆ ว่าเวลาทำกันมันไม่ได้โดนทำ มันเป็นฝ่ายทำต่างหาก แล้วบอกต่อว่าถ้าคนทำเก่งๆ ก็ไม่เจ็บมากหรอก แถมอาสาว่าผมอยากลองรึเปล่า เดี๋ยวมันทำให้ ผมเลยตบกะโหลกมันอีกรอบแล้วไล่มันไปนอน
   ผมชักเสียวๆ ว่าจะโดนไอ้วีข่มขืนซะแล้วสิเนี่ย
-------------------------------------------------------
   31 ธันวาคม 254x
   วันสิ้นปีแล้ว วีหนีไปเที่ยวกับพี่กระเทยแฟนมันตามสูตร บอกว่าถ้าอยู่กับผมนานไปเดี๋ยวพี่กระเทยหึงอีก คราวก่อนแค่เดินโอบเอวผมยังโดนพี่เขาสอบสวนแทบตาย มันว่าผมน่ารักจนพี่เขาเริ่มระแวงแล้ว แต่ผมไม่ดีใจเลยล่ะ
   คืนนี้ผมไม่ออกไปเที่ยวที่ไหน ไม่ไปเคาน์ดาวน์กับพวกเด็กหอคนอื่นๆ หรอก ผมจะสวดมนต์ข้ามปี ขอให้ผมตัวใหญ่ๆ แมนๆ แบบพี่นพ จะได้ไม่มีใครกล้ามาปล้ำผมอีก
--------------------------------------------------------
   16 มกราคม 254x
   วันนี้วันไหว้ครู ผมได้เป็นตัวแทนถือพานคู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่งด้วยล่ะ หลังจากซ้อมกันมาตั้งหลายวัน เพื่อนผมบอกว่าถ้าผมใส่กระโปรงแล้วไว้ผมยาวนะ นักเรียนหญิงชัดๆ เลย ผมล่ะอยากจะต่อยเพื่อนจริงๆ แต่ต่อยไปก็คงแพ้แหง เพราะเพื่อนตัวใหญ่กว่าผมเยอะเลย พี่นพ ผมควรจะทำยังไงดี ผมไม่อยากเป็นกระเทย เพื่อนๆ ก็ย้ำกันอยู่ได้ สงสัยข่าวเรื่องที่ผมเกือบถูกจับปล้ำจะรู้กันไปหมดแล้ว ผมไม่อยากเรียนที่นี่ต่อแล้วล่ะ
---------------------------------------------------------
   19 มกราคม 254x
   ผมไม่อยากโทรบอกพี่นพเรื่องที่ผมไม่อยากเรียน เพราะกลัวพี่นพจะเป็นห่วงจนไม่มีสมาธิจะทำงาน อีกอย่างผมเริ่มรู้สึกว่าผมอาจจะคิดมากเกินไป วันนี้ผมเลยลองไปปรึกษาครูต้า ครูที่ดูแลงานสหกรณ์ที่ผมไปทำงานช่วงเย็นดู เพราะครูดูเป็นผู้ใหญ่ดี
   ครูต้าบอกว่ามันเป็นช่วงหนึ่งของวัยรุ่นที่ฮอร์โมนทำงาน เพื่อนหลายๆ คนเลยอาจมองผมแบบนั้น เพราะผมตัวเล็ก แล้วที่นี่ก็เป็นโรงเรียนชายล้วน ครูต้าบอกว่าถ้าเราไม่เป็นเสียอย่าง เพื่อนพูดยังไงก็ไม่ทำให้เราเป็นกระเทยหรอก แล้วครูก็เล่าเรื่องที่ครูเคยโดนรุ่นพี่กระเทยไล่จีบตอนเรียนม.ต้นแบบผมด้วยล่ะ ผมคุยกับครูต้าแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย เพิ่งรู้เหมือนกันว่าครูก็คุยสนุก เห็นนั่งเงียบๆ อยู่ในห้อง คิดว่าไม่ชอบพูดกับใครเสียอีก
---------------------------------------------------
26 มกราคม 254x
   พี่นพ สงสัยว่าผลบุญที่ผมสวดมนต์ข้ามปีตอนปีใหม่จะส่งผลแล้วล่ะ วันนี้มีเรียนวิชาพละ แล้วผมเลยได้วัดส่วนสูง ผมสูงขึ้นอีกเซ็นต์หนึ่งแล้วนะ ถึงเพื่อนๆ จะสูงเพิ่มอีกคนละสามเซ็นต์ห้าเซนต์แต่ผมไม่ท้อหรอก ปีใหม่แล้ว อะไรๆ มันต้องดีขึ้นสิเนอะ ผมได้การ์ดปีใหม่จากพี่หนิงแล้วล่ะ เจซซี่น่ารักมากเลย ไม่น่าเชื่อเลยว่าอายุน้อยกว่าผมตั้งห้าปี เด็กผู้หญิงนี่โตเร็วจริงๆ แต่คอยดูนะ อีกหน่อยผมก็จะโตเหมือนกัน
-----------------------------------------------------------
   2 กุมภาพันธ์ 254x
   ไอ้วีเริ่มนมแตกพานแล้ว ผมเห็นมันบ่นเจ็บๆ อยู่หลายวันเลยบอกให้ไปหาอาจารย์ที่ห้องพยาบาล วันนี้มันกลับมาหน้าบานบอกว่านมเริ่มแตกพาน จะได้กลายเป็นหนุ่มไปอีกขั้น แถมเอามาให้ผมลองจับดูอีก มันแข็งๆ เหมือนมีก้อนอะไรอยู่เลยน่ะ แต่ของผมสิ แบนแต๋ เมื่อไหร่จะแตกกับเขาบ้างนะ แต่ถ้าแตกแล้วเหมือนผู้หญิงผมก็ไม่เอาหรอกนะ นี่ขนาดผมหน้าอกแบนแต๋ ยังมีคนมาปล้ำเลย่
-----------------------------------------------------------
   14 กุมภาพันธ์ 254x
   วันนี้วันวาเลนไทน์ล่ะ ผมแซวพี่นพไปแล้วเมื่อวานว่าวันนี้พี่นพจะให้ดอกไม้ใครรึเปล่า ปรากฏว่าผมได้ดอกไม้เพียบเลย แถมมีหัวใจติดเสื้อเต็มไปหมด จริงๆ มันก็น่าดีใจหรอกนะที่เป็นที่รักของเพื่อนๆ แต่ผมไม่รู้ว่าเพื่อนมันรักผมแบบไหนนี่สิ วันนี้เพื่อนคนหนึ่งแอบหอมแก้มผมด้วยล่ะ ผมล่ะขนลุกไปหมดเลย
   ตอนเย็นผมไปเข้าเวรขายของที่สหกรณ์ ช่วยครูต้าขายดอกกุหลาบที่ช่วยกันทำเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมเห็นครูต้ายังไม่มีใครให้ดอกไม้ เลยให้แกไปดอกหนึ่ง ท่าทางแกดีใจใหญ่ ผมว่าแกก็น่าจะมีใครให้ดอกไม้นะ เพียงแต่คงรอนักเรียนกลับหอกันก่อนล่ะมั้ง ผมเลยไม่อยากอยู่ขัดจังหวะ รีบกลับมาก่อน
   คืนนี้ไอ้วีไม่อยู่หออีกเช่นเคย คงไปฉลองวาเลนไทน์กับพี่กระเทยแฟนมันนั่นแหละ ผมแกะหัวใจแปะเอาไว้บนโต๊ะ แล้วบอกตัวเองว่าผมคงโชคดีเหมือนกันนั่นแหละตรงที่เป็นที่รักของเพื่อนๆ อย่างน้อยก็ดีกว่าเพื่อนเกลียดล่ะนะ
---------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 19-06-2011 19:56:34
   19 กุมภาพันธ์ 254x
   พักนี้พี่วุฒิไม่ค่อยมาวุ่นวายกับผมแล้ว ท่าทางจะวุ่นอยู่กับการสอบเอ็นทรานส์ ส่วนไอ้วี ก็กำลังพยายามท่องหนังสือเหมือนคนขยัน เพราะช่วงกลางภาคมันสอบตกไปวิชาหนึ่ง ผมเลยนั่งเขียนบันทึกเงียบๆ ไม่ชวนมันคุย ถึงผมจะตัวเล็ก เหมือนเด็กผู้หญิง แต่ผมก็เรียนพอใช้ได้นะ ผมคงยังพอมีเรื่องให้พี่นพภูมิใจได้บ้างแหละ
--------------------------------------------------------------
   3 มีนาคม 254x
   วันนี้สอบวันสุดท้ายแล้ว ผมว่าผมทำข้อสอบได้นะ คะแนนกลางภาคก็ออกมาดี คิดว่าเทอมหนึ่งนี้น่าจะทำคะแนนได้ดีเลยล่ะ
   เทอมนี้ไอ้วีบอกว่าจะกลับช่วงเมษา ก็ดี ผมจะได้มีเพื่อน เทอมที่แล้วมันชิงกลับไปก่อน ผมเกือบเหงาเลย ดีที่ได้เอ กับพี่เต้พี่เตยมาพาไปทำอะไรแปลกๆ อ้อ หลังจากวันนั้นเขาไม่กล้าชวนผมโดดรั้วอีกเลยล่ะ สงสัยจะเข็ดกับความขี้ขลาดของผม ก็ผมไม่เคยทำอะไรแบบนั้นนี่นา
   พี่นพบอกว่าช่วงสงกรานต์จะพักร้อน พาผมไปเที่ยว ผมดีใจสุดๆ จะไปเที่ยวทะเลหรืออะไรดีนะ เดี๋ยวผมจะวางแผนล่วงหน้าเลย กลับไปแล้วเราจะได้ไปเที่ยวกันเลย ยังมีหุ่นละครเล็กที่พี่แนนชอบพาไปดูอีก ผมไม่ได้ไปดูนานแล้ว คราวนี้ชวนพี่นพไปดูด้วยดีกว่า ไม่รู้พี่นพจะพักร้อนได้กี่วัน แต่ผมวางโปรแกรมเผื่อไว้เลยแล้วกัน ในที่สุดก็จะได้ไปเที่ยวกับพี่แล้ว ผมนับวันรอเลยล่ะ
-----------------------------------------------------------------------
   14 มีนาคม 254x
    ผมชวนวีไปทำงานที่สหกรณ์โรงเรียน เพราะเห็นมันบ่นว่าเงินไม่พอใช้ ปรากฏว่าคนที่สหกรณ์เต็มแล้ว ครูต้าเลยบอกว่าให้วีลองไปช่วยที่ฝ่ายซักรีดดู เพราะช่วงปิดเทอมต้องซักผ้าปูและเปลี่ยนที่นอนใหม่บางส่วน เพื่อรอรับเด็กที่จะเข้าใหม่ปีหน้า วีเลยได้ไปช่วยฝ่ายซักรีดแทน แต่ก็ได้เงินพอๆ กับที่ทำสหรกรณ์นะ แถมไม่ต้องยืนทั้งวันด้วย ตอนแรกมันอิดๆ ออดๆ ว่ามันซักผ้าไม่เก่ง แต่ครูต้าบอกว่าไม่ต้องซัก แค่ช่วยพับ ช่วยเก็บ มันเลยยอมไป
 อ้อ วันนี้ครูต้าให้ช็อกโกแลตผมด้วย บอกว่าค่าดอกกุหลาบที่ให้วันก่อน ผมน่ะเกือบลืมไปแล้วนะ เลยบอกครูไปว่า กุหลาบนั่นผมก็ได้ฟรีมาอีกที ครูเลยบอกว่าไม่เป็นไร ช็อกโกแลตนี่ครูก็ได้ฟรีมาเหมือนกัน พักนี้ผมสนิทกับครูต้ามากขึ้นแล้ว มีหลายเรื่องที่ผมว่าคุยกับเขาแล้วสบายใจดี เขาเป็นคนตลกไม่เข้ากับหน้าตาเรียบร้อยๆ เลยล่ะ ที่สำคัญ ครูต้าก็เป็นผู้ชายตัวเล็กๆ เหมือนผมเลย ผมเลยมาคิดว่า ถึงผมจะตัวไม่ใหญ่อย่างพี่นพก็คงไม่เป็นไร ผมทำตัวเองให้ดูดีแบบครูต้าก็ได้ ผู้ชายไม่จำเป็นต้องตัวใหญ่เสมอไปเสียหน่อย
----------------------------------------------
   21 มีนาคม 254x
   เดี๋ยวนี้ผมเลี้ยงลูกบาสฯคล่องขึ้นแล้วล่ะ ครูไก่ที่อยู่ประจำชมรมยังชมเลยว่าผมพัฒนาตัวเองได้ดี เอก็ไม่น้อยหน้านะ มันเริ่มมาเลี้ยงลูกบาสฯอ้อมกรวยแบบผมแล้ว เราสองคนยังแข่งกันตัวเล็กเหมือนเดิม มีพี่ม.4คนหนึ่งที่ชมรม ตัวสูงมาก แนะนำว่าให้ลองไปโหนบาร์ดู ผมกับเอเลยรีบไปลองกันทันที ตอนพักเบรก ปรากฏว่าทั้งผมทั้งมันทุลักทุเลทั้งคู่ ปีนเสาบาร์แข่งกันจน พี่ที่เดินมาดูบอกว่าอย่างกับลิง แต่ก็สนุกดีนะ วันพุธหน้าผมกับเอเลยนัดกันว่าจะมาโหนอีก
------------------------------------------------
   1 เมษายน 254x
   ผมนั่งขีดปฏิทินรอวันพี่นพมารับไปเที่ยวเลยล่ะ วันนี้วีกลับบ้านแล้ว ส่วนเอมีเรื่องตื่นเต้น มันเรียกผมไปที่ห้อง เพราะรูมเมทมันเองก็กลับบ้านเหมือนกัน จากนั้นมันก็หยิบหนังสือกองหนึ่งมาวางบนโต๊ะ โอ้โห พี่นพ ผมน่ะเคยเห็นหนังสือโป๊ของพี่เหมือนกันนะ แต่ของที่เอหยิบออกมายิ่งกว่าอีก มันบอกว่าพี่เตยเอามาให้ เพราะปีหน้าจะไปเรียนต่อโรงเรียนอื่นแล้ว บอกว่านี่เป็นของขวัญวันลาจาก มีทั้งฝรั่งทั้งญี่ปุ่น กองนี้พี่เตยแบ่งไว้ให้ผมเป็นที่ระลึก ผมก็มองหน้ามันอึ้งๆ เพราะกลัวว่าอาจารย์จะมาตรวจเจอ มันเลยบอกว่าเก็บไว้ในโต๊ะอาจารย์ไม่ค้นหรอก แล้วบอกอีกว่าถ้าอยากได้เล่มใหม่มันออกไปซื้อให้ได้ เพราะพี่เตยพามันไปดูร้านที่ซื้อมาเรียบร้อยแล้ว
   สรุปว่าผมเลยได้หนังสือโป๊กลับมาที่ห้องห้าเล่ม ผมก็เปิดดูนะ นางแบบสวยๆ หุ่นดีๆ ทั้งนั้นเลย แต่ผมไม่รู้สึกอะไรเลยนะ.. สงสัยผมจะยังโตไม่พอจริงๆ ด้วย
------------------------------------------------
   10 เมษายน 254x
   ในที่สุดก็ถึงวันที่ผมรอคอย พี่นพขับรถมารับผมแต่เช้าเลย พี่อ้วนขึ้นมานิดหนึ่งแล้ว ผมดีใจจัง กลัวพี่นพจะทำงานหาเลี้ยงผมจนโทรมเสียอีก วันนี้พี่แต่งตัวหล่อเหมือนเคย จริงๆ พี่นพของผมหล่อที่สุดอยู่แล้ว ใส่แค่เสื้อยืนกางเกงยีนส์ยังดูดีเลย อิจฉาคนได้พี่เป็นแฟนจัง แต่พี่ยังไม่มีแฟนเพราะมัวแต่หาเลี้ยงผมอยู่นี่สิ เฮ้อ เมื่อไหร่ผมจะโตแล้วทำงานได้สักทีนะ พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงอีก
   ตอนอยู่บนรถ พี่นพถามผมเรื่องโรงเรียน ผมก็เล่าไปเรื่อยล่ะ แต่ไม่ได้เล่าเรื่องที่ผมป๊อบปูล่าในแบบแปลกๆ พอรถจอดที่บ้านนะ ผมน้ำตาไหลเลยล่ะ เพิ่งรู้ตัวว่าคิดถึงบ้านมากขนาดนี้นะ แต่ผมร้องไม่นานหรอก เดี๋ยวเสียชื่อลูกผู้ชายหมด
   พี่นพเอาใบผลการเรียนผมไปดู แล้วชมใหญ่ ปีนี้ผมสอบได้ที่ห้าล่ะ พี่บอกว่าตอนแรกกลัวผมจะเรียนไม่ไหวเพราะต้องปรับตัวหลายอย่าง แต่แหม.. ขอผมมีดีอยู่สักอย่างบ้างเหอะ
ตกเย็นเราช่วยกันทำกับข้าวกินกัน สมัยก่อนตอนพี่แนนยังไม่แต่งงานจะเป็นคนทำกับข้าว ให้ผมกับพี่นพทำเมื่อไหร่นะ ครัวพังแน่นอน แต่ตอนนี้พี่นพทำกับข้าวเก่งขึ้นแล้ว คงเพราะต้องอยู่คนเดียว ผมว่าพี่นพก็คงเหงานะ แต่พี่นพเข้มแข็ง ผมเองก็ต้องเข็มแข็งแบบพี่นพ
   วันนี้ครัวไม่พังอย่างที่ผมกังวลล่ะ แต่จากตอนแรกที่เราตั้งใจจะทำแกงจืดไข่น้ำกัน ดันกลายเป็นไข่ตุ๋นแทนนี่สิ ไม่เป็นไร ยังไงก็อร่อย ทานได้ ก็เราสองพี่น้องช่วยกันทำนี่นา
-----------------------------------------------
   12 เมษายน 254x
   เมี่อคืนเราคุยกันทั้งเรื่องงานของพี่นพ และเรื่องเรียนของผมจนดึก เหมือนต่างคนต่างบ่น พอได้มาคุยกันแบบเห็นหน้าแล้วมันดีกว่าคุยกันทางโทรศัพท์เยอะเลย เพราะคุยกันดึก วันนี้เราเลยตื่นสายกัน ผมกับพี่นพตกลงกันก่อนหน้านี้หลายวันแล้วล่ะว่า สงกรานต์นี้เราจะไปเที่ยวหัวหินกัน ไปเล่นสงกรานต์กันริมชายหาด แต่เพราะตื่นสาย เราเลยมาเจอรถติดนิดหน่อยช่วงออกจากเมือง เราเลยแก้เซ็งด้วยการผลัดกันต่อเพลงไปเรื่อยๆ พี่นพแพ้ผมแล้วล่ะ เพราะอยู่หอผมฟังแต่วิทยุ ทั้งเพลงสตริงเพลงลูกทุ่ง ผมรับติดหมด
   กว่าจะถึงหัวหินก็ค่ำ แต่รีสอร์ทของเพื่อนพี่นพก็ดีนะ คนไม่เยอะ เป็นรีสอร์ทเล็กๆ ห้องพักเป็นบังกะโลสร้างง่ายๆ เพื่อนพี่นพออกมาต้อนรับเองเลย แล้วแซวว่าผมกับพี่นพอย่างกับพ่อลูกกันแน่ะ ไม่รู้ว่าผมดูเด็กหรือว่าพี่นพดูแก่กันแน่ แต่ผมว่าน่าจะอย่างแรก เพราะพี่นพน่ะยังดูดีอยู่เลย ก็เพิ่งอายุยี่สิบหกเองนี่นา
-------------------------------------------------------
   13 เมษายน 254x
   สงกรานต์ปีนี้สนุกสุดๆ เพราะเล่นกันเองกับคนที่มาพักบังกะโลนั่นแหละ เป็นฝรั่งเสียเกินครึ่งด้วย ส่วนใหญ่มีลูกวัยเดียวกับผมด้วยล่ะ ผมคุยไม่รู้เรื่องหรอกนะ แต่เล่นกันสนุกสุดๆ ไปเลย ถึงผมจะตัวเล็กกว่าเยอะก็เถอะ
   ตกเย็นเล่นกันจนเหนื่อย เราก็มาพักปิ้งปลาปิ้งหอยกินกัน ของทะเลสดๆ นี่อร่อยดีจริงๆ พี่เอก เพื่อนพี่นพที่เป็นเจ้าของบังกะโลมาเล่นรอบกองไฟกับเราด้วย พวกเราสองพี่น้องได้เป็นนักร้องรับเชิญอีกแล้ว ผมร้องเสียงผู้หญิงอีกเช่นเคย มีคนชมว่าเสียงเพราะเหมือนผู้หญิงด้วยนะ ผมควรจะดีใจดีไหมเนี่ย
   คงเพราะเล่นกันสุดเหวี่ยง กลับถึงห้องทั้งผมทั้งพี่นพก็หลับเป็นตายเลย ผมเลยต้องตื่นมาเขียนบันทึกตอนเช้าของอีกวันแทน แต่ก็สนุกมากๆ เลยล่ะ
---------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 19-06-2011 19:56:57
   17 เมษายน 254x
   พี่นพหมดช่วงพักร้อนแล้ว แต่สงสัยจะกลัวผมเหงาถ้าต้องกลับไปที่โรงเรียนเลย เลยพาผมมาที่ทำงานด้วย ที่ทำงานพี่นพใหญ่นะ คนก็เยอะ รู้สึกเหมือนพี่นพจะทำงานอยู่แผนกฝ่ายบุคคลอะไรนี่แหละ เพื่อนพี่นพทักผมใหญ่เลย บอกว่าน้องชายน่ารักจัง ผมไปที่ทำงานพี่นพคอยช่วยหยิบกระดาษ ส่งแฟ้ม พอตกเที่ยงเพื่อนพี่นพแย่งกันพาผมไปเลี้ยงข้าวล่ะ มีพี่ผู้หญิงซื้อขนมมาฝากผมด้วย พี่นพเลยแซวว่าผมอายุเท่านี้ก็เสน่ห์แรง แต่ผมว่าพี่นพนั่นแหละ คนรู้จักเยอะแยะ ผมเลยพลอยได้อานิสงส์ไปด้วยต่างหาก
----------------------------------------------------------
   1 พฤษภาคม 254x
   ถึงเวลาผมกลับโรงเรียนแล้ว หลังจากไปป่วนที่ทำงานพี่นพเกือบครึ่งเดือน ก่อนจะกลับโรงเรียน ผมได้ของฝากมาเพียบ ทั้งเครื่องเขียนใหม่ หนังสือการ์ตูน ปลอกหมอน ก็ของเพื่อนพี่นพทั้งนั้นแหละ มีทั้งของมือหนึ่งมือสอง ดีเหมือนกัน ขืนซื้อมาใหม่หมดผมคงรับไม่ไหว เกรงใจน่ะ ผมไปก็แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย ให้พี่เขาพาไปเลี้ยงข้าวอีกต่างหาก
   ผมลาพี่นพหน้าหอเหมือนเดิม ปีนี้ผมจะขึ้นม.2แล้ว ผมไม่ร้องไห้เหมือนปีที่แล้วแล้วล่ะ พี่นพจะได้ขับรถกลับอย่างสบายใจ พอขึ้นห้องไปก็เห็นวีนั่งอ่านหนังสืออยู่ ไม่ใช่หนังสือใครนะ หนังสือโป๊ที่ผมซุกเอาไว้ในลิ้นชักนั่นแหละ หูย ถึงผมจะยังไม่โตพอจะมีอารมณ์กับหนังสือพวกนี้ แต่ผมก็ฉุนเหมือนกันนะที่คนอื่นมาเปิดลิ้นชักนะ วีมันเลยแก้ตัวว่ามันกลับมาเมื่อวานแล้วเบื่อๆ เลยรื้อไปเรื่อย เห็นลิ้นชักผมปิดไม่สนิทเลยแอบเปิดดู แล้วงอนผมอีกที่มีของดีแล้วไม่แบ่งกัน ผมเลยงอนกลับ บอกว่าไม่ให้ดูแล้ว เพราะมันรื้อลิ้นชักผมโดยไม่บอกก่อน สุดท้ายวีมันกลัวผมไม่ให้ดูหนังสือโป๊ เลยยอมขอโทษผม แล้วช่วยผมปูที่นอนใหม่ด้วย แต่ก็ยังไม่วายแซวอีกนะว่าผ้าปูที่นอนผืนใหม่ที่ผมกับพี่นพไปซื้อกันลายน่ารักอย่างกับของเด็กผู้หญิง ก็ผมชอบแบบนี้น่ะ ผมเลยเถียงว่าผมน่าจะบ่นมันมากกว่า ตัวก็สูงกว่าผมแล้ว ยังจะนอนเตียงล่างอยู่อีก ปล่อยให้ผมลำบากลำบนปีนไปนอนชั้นบนอยู่ได้ มันเลยรีบตกลงสงบศึกกับผม
   คืนนั้นไอ้วีของขึ้น กินข้าวกันเสร็จ ขึ้นมานั่งฟังวิทยุอยู่ข้างบนสักพัก มันก็ออกปากขอหนังสือโป๊กับผมอีก ผมเลยแซวมันว่ากับพี่กระเทยยังไม่พออีกหรือไง มันก็ทำหน้าง้ำๆ บอกว่าพี่กระเทยก็พี่กระเทยสิ ก็พี่เขายังไม่กลับมาจากบ้าน แถมมันก็ยังชอบผู้หญิงอยู่ ผมเลยหยิบให้มันไปเล่มหนึ่ง แล้วมันก็เดินเอาหนังสือไปเข้าห้องน้ำ ผมเลยว่ามันทันที ว่าจะเข้าห้องน้ำก็เอาหนังสือวางไว้ก่อนสิ เดี๋ยวก็เปียกหมดหรอก มันเลยบอกว่าหนังสือโป๊ต้องอ่านในห้องน้ำสิ ผมโคตรงงเลย พอมันเห็นผมทำหน้างง มันเลยไม่ไปเข้าห้องน้ำแล้ว หันมาถามผมแทนว่า ผมเคยช่วยตัวเองบ้างมั้ยเนี่ย ผมก็อึ้งสิ ช่วยตัวเอง ช่วยยังไงล่ะ คราวนี้วีเลยไม่ไปเข้าห้องน้ำแล้ว ลากผมไปที่เตียงมัน กางหนังสือโป๊ให้ดู แล้วถามผมว่า รู้สึกไงบ้าง ผมก็สั่นหัว ก็ผมไม่รู้สึกอะไรเลยนี่นา มันเลยหัวเราะก๊าก แล้วบอกผมว่า งั้นเอาหนังสือมาให้มันให้หมด เสียของ แล้วอย่ามาห้ามมันไม่ให้เอาหนังสือไปเข้าห้องน้ำด้วย ผมเลยเถียงขาดใจว่าจะเอาเข้าไปทำไม เดี๋ยวเปียก จะอ่านก็อ่านในห้องสิ ไอ้วีก็เลย.. จัดการอธิบายให้ผมดูด้วยการกระทำ.. มันช่วยตัวเองให้ผมดูเลยล่ะ ผมจะบ้าตายกับมันจริงๆ เลยไล่มันไปทำในห้องน้ำ
   แต่กลายเป็นว่าคืนนี้ผมนอนไม่หลับ มันคัดๆ ตึงๆ ตรงนั้น แถมยังแข็งนิดๆ ผมกลัวว่ามันจะเป็นอะไรรึเปล่า แต่ก็ไม่กล้าปลุกวีขึ้นมาถาม ไว้ว่างๆ ลองไปถามคนอื่นดูดีกว่า ผมกลัวมันชวนผมช่วยตัวเองน่ะ
----------------------------------------------------
   2 พฤษภาคม 254x
   ผมเดินมาหาครูต้าที่ร้านสหกรณ์แต่เช้า เพราะตื่นมาผมเจ็บตรงนั้นสุดๆ จะถามไอ้วีก็ไม่ไว้ใจมัน จะถามคนอื่นก็อาย มีครูต้านี่แหละที่ผมพอนึกออก เพราะสนิทกันอยู่แล้วน่าจะให้คำปรึกษาผมได้
   ครูต้าเห็นหน้าผมก็ทักทายตามปกติ แต่พอเห็นผมอ้ำๆ อึ้งๆ ก็เลยถามว่าเป็นอะไร ผมก็อ้ำๆ อึ้งๆ ต่อนะ ก็มันอายนี่นา สงสัยแกจะนึกได้ว่าอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัว เลยเรียกผมไปคุยในห้อง คราวนี้ผมเลยต้องเล่า แถมต้องเล่าเรื่องหนังสือโป๊ให้แกฟังด้วย แต่ผมไม่ได้บอกหรอกนะว่าเอให้มา ผมเล่าแค่ว่าผมมีอยู่ในห้อง
   พอฟังผมเล่าเรื่องเสร็จปุ๊บ ครูต้าก็ยิ้มๆ แล้วบอกผมว่าผมเริ่มเป็นหนุ่มแล้ว ที่เจ็บเพราะว่าร่างกายแสดงความต้องการออกมา แล้วพอไม่ได้ปล่อยออกมันเลยไปคั่งอยู่ ทำให้เจ็บ
   ผมเลยถามว่าจะต้องทำยังไง ครูก็บอกว่าต้องไปเอาออก แล้วเอาออกยังไงผมยังไม่รู้เลย ครูมองผมแล้วขำ บอกว่าผมน่ารักดี จากนั้นก็บอกว่าตรงนั้นมันต้องกระตุ้นนิดหน่อย ให้เอามือจับแล้วรูดขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวมันก็ออก แล้วครูต้าก็ขำอีก บอกว่าผมเป็นนักเรียนคนแรกที่ครูต้องสอนวิธีช่วยตัวเองให้
   ผมแอบงอนนิดๆ นะ แต่ก็กลับมาแล้วทำแบบที่ครูบอก พยายามจะเหน็บหนังสือโป๊ไปห้องน้ำเลียนแบบไอ้วี แต่ก็โดนไอ้วีเห็นอีก มันเลยแซวว่าไม่ต้องหลบหรอก หิ้วไปโต้งๆ มันก็ไม่ว่าอะไร แถมยังถามอีกว่าจะให้ช่วยสอนมั้ย ผมเลยปิดประตูใส่หน้ามัน
   แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่รู้สึกอะไรกับหนังสือโป๊ ดูอยู่ตั้งนานจนเหงื่อออกหลังตรงนั้นมันก็ยังไม่แข็ง พยายามรูดขึ้นๆ ลงๆ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเจ็บอยู่นะ สุดท้ายไม่รู้จะทำยังไง เลยกลับไปหาครูอีกรอบ
   ครูต้าเห็นหน้าผมก็ทักทันทีเลยว่าเป็นไงบ้าง ผมเลยหน้าง้ำหน้างอบอกไปว่าไม่ออก ครูก็งงๆ ถามว่าทำไมไม่ออก ผมก็เลยเล่าให้ฟังว่าผมพยายามยังไงบ้าง ครูมองผมงงๆ อีก แล้วถามว่าเมื่อวานทำไมดูหนังสือแล้วแข็ง ผมเลยบอกว่าผมไม่ได้แข็งตอนดูหนังสือ แต่มันเริ่มแข็งตอนเห็นเพื่อนช่วยตัวเอง ครูต้ามองหน้าผมอยู่นานมาก จากนั้นก็ถอนหายใจ ผมใจหายเลยนะ แบบว่าผมทำอะไรผิด ผมผิดปกติเหรอ?
   ครูเงียบไปพักหนึ่ง มองผมขึ้นๆ ลงๆ แล้วถามต่อว่า ผมเห็นเพื่อนช่วยตัวเองเลยมีอารมณ์ขึ้นมาใช่ไหม ผมก็นึกอยู่พักหนึ่ง แล้วก็พยักหน้า แต่ผมรีบบอกครูเลยนะว่าผมไม่อยากเอาตูดไอ้วีหรอก ครูฟังแล้วทำหน้าอึ้งๆ จากนั้นก็ขำพรืด ถามผมว่าผมรู้หรือว่าเอาตูดคืออะไร ผมเลยบอกครูแบบที่พวกพี่เต้พี่เตยเล่าให้ฟัง ครูฟังแล้วก็พยักหน้า จากนั้นก็บอกผมว่าศัพท์สุภาพที่ใช้เรียกคือมีเพศสัมพันธ์กันทางทวารหนัก แล้วบอกอีกว่าผู้ชายบางคนมีอารมณ์กับเพศเดียวกัน แต่ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นฝ่ายทำเท่านั้น บางคนก็อาจจะอยากเป็นฝ่ายถูกกระทำก็ได้
   ผมรีบสั่นหัวหนักกว่าเดิม ผมไม่อยากเอาตูดใคร แต่ผมยิ่งไม่อยากถูกใครเอาตูดเลยนะ ครูมองผมแล้วบอกว่า บางทีผมอาจจะยังไม่รู้ตัวเองก็ได้ ผมเริ่มรู้สึกว่าครูนอกเรื่องไปไกลแล้วล่ะ เพราะผมแค่เจ็บตรงนั้นแล้วอยากจะหายเท่านั้นเอง ผมเลยถามครูว่าแล้วผมควรจะทำยังไงให้หายเจ็บ เรื่องก้นน่ะช่างมันก่อน ครูเลยบอกว่าให้ผมนึกถึงเพื่อนตอนทำอย่างนั้น ผมเถียงขาดใจเลย ผมนึกไงมันก็ไม่แข็งแน่นอน แค่ครูบอกผมก็ขนลุกแล้ว ครูต้ายิ้มนิดๆ แล้วถามว่าจะให้ช่วยรึเปล่า ผมอึ้งไปพักหนึ่งแต่ก็พยักหน้านะ คือผมอยากหาย ผมว่าครูน่าจะช่วยได้ ครูต้าก็ดูจะอึ้งๆ เหมือนกัน แต่สงสัยจะสงสารผม เลยเดินไปล็อกประตู แล้วบอกให้ผมหลับตา
   ผมก็หลับตานะ จากนั้นก็รู้สึกว่าครูมายืนด้านหลัง ครูต้าสูงกว่าผม แต่ไม่มากเท่าไหร่ เอาว่าเตี้ยกว่าพี่นพก็แล้วกัน จากนั้นครูก็ลูบตรงนั้นผมเบาๆ ผมเจ็บนะ แต่ก็เสียวด้วย ได้ยินเหมือนเสียงครูหายใจอยู่หลังหู ผมจับมือครูแน่น ตอนที่ครูถอดกางเกงผมออก แล้วจับตรงนั้นรูดขึ้นรูดลง มันเสียวจนผมต้องครางเลยล่ะ แล้วจากนั้นมันก็พุ่งออกมา คือผมรู้ว่ามันพุ่ง เพราะผมลืมตาขึ้นมาดูนะ ตัวผมกระตุกกึกๆ แล้วน้ำสีขาวๆ ขุ่นๆ มันก็พุ่งออกมาจากตรงนั้น เลอะพื้น เลอะมือครูด้วย ผมตกใจนะ แข้งขาอ่อน เลยหันไปมองครู จะขอโทษที่ทำเลอะ แล้วก็ว่าจะขอบคุณด้วย เพราะมันคงหายเจ็บแล้วล่ะ ออกมามากขนาดนี้ ครูต้ามองหน้าผม เหมือนจะพูดอะไร แต่แล้วก็ยิ้มๆ จากนั้นก็พาผมไปนั่ง ก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะมาเช็ดมือ แล้วก็เช็ดพื้น ผมเลยเอื้อมไปหยิบมาเช็ดของตัวเองบ้าง ตัวผมร้อนไปหมดเลยตอนนั้นน่ะ แถมเบาๆ หวิวๆ แต่รู้สึกดีนะ
   กว่าผมจะได้บอกขอบคุณกับขอโทษครู ก็หลังจากนั้นสักพัก ครูไม่ว่าอะไร บอกแค่ว่าเรื่องนี้ให้เก็บเป็นความลับนะ รู้กันแค่สองคน ผมก็ตกลงนะ เพราะอายเหมือนกันว่าต้องให้ครูช่วยเรื่องนี้ ครูบอกว่าถ้าวันหลังเป็นอีก ให้พยายามจัดการด้วยตัวเองก่อน ถ้าไม่ไหวก็มาให้ช่วย แต่ผมว่าผมคงไม่เป็นอีกแล้วล่ะ ผมเกรงใจครูน่ะ
-----------------------------------------
   29 พฤษภาคม 254x
   เปิดเทอมมาได้เกือบสองสัปดาห์แล้วล่ะ เขาเริ่มคัดเลือกนักกีฬาสีกันแล้ว ปีที่แล้วผมไม่ผ่านสักอย่าง เลยได้แต่นั่งตบมือเชียร์อยู่บนสแตนด์ ปีนี้เรื่องคัดบาสฯตัดไปได้ ถึงผมจะเข้าชมรมมาตั้งแต่อยู่ม.1 แต่ฝีมือยังไม่ถึงไหน สู้พวกพี่ม.3ที่เล่นอยู่เดิมไม่ได้ แถมแข่งกีฬาสีแบ่งแค่ม.ต้นกับม.ปลายด้วย ผมเลยให้พี่ม.3กับพวกรุ่นเดียวกันที่เก่งแล้วเล่นไปก่อน คอยดูเถอะ ปลายๆ ปีผมอาจจะเก่งขึ้นบ้างก็ได้ ดังนั้นผมเลยไปคัดตัววิ่งแทน เพราะตอนซ้อมบาสฯ พอเคาะลูกเบื่อๆ ก็ไปโหนบาร์เล่นบ้าง ซ้อมวิ่งแทนบ้าง ผมว่าวิ่งผมน่าจะไหวอยู่นะ
   แล้วปีนี้ผมก็ได้เป็นนักกีฬาสมอยาก ไม่ได้บาสฯแต่ได้เป็นนักวิ่งแทนก็ยังดี พอคัดตัวผ่านผมเลยต้องเอาเวลาซ้อมบาสฯไปซ้อมวิ่งแทน เอาน่า ห่างจากลูกบาสฯสักพัก ไม่แน่กลับมาจับอีกครั้ง มือผมอาจจะใหญ่กว่าเดิมแล้วก็ได้ คราวนี้จะได้จับลูกได้เต็มไม้เต็มมือกับเขาเสียที
   พอวีรู้ว่าผมคัดวิ่งได้ ก็มาแสดงความดีใจแบบเวอร์ๆ ด้วยการกระโดดกอดผม โอ๊ย ตัวมันหนักอย่างกับช้าง ยังจะกระโดดกอดผมอีก พักนี้เหมือนพี่กระเทยจะติดเรียน เพราะต้องเตรียมพร้อมสอบเอ็นท์แล้วเหมือนกัน มันเลยไม่ค่อยได้หายไปไหนกับพี่เขาอีก อ้อ ลืมบอก วีเป็นนักกีฬาปิงปองนะ มันตีปิงปองเก่งใช้ได้เลยล่ะ ปีที่แล้วก็ได้เหรียญเงินระดับม.ต้น มันว่าปีนี้มันจะเอาทองเลย ผมว่ามันน่าจะทำได้แหละ เพราะมันเก่งเรื่องเล่นกีฬาจริงๆ แต่เรื่องอื่นนี่ รอดไปได้วันๆ ก็บุญของมันแล้วล่ะ
----------------------------------------------
   16 มิถุนายน 254x
   วันนี้ตรงนั้นผมเริ่มแปลกๆ อีกแล้วล่ะ แต่จะให้ครูต้าช่วยอีกผมก็เกรงใจ อีกอย่างผมรู้สึกว่าเพราะครูมันเลยแข็งขึ้นมา คือจู่ๆ ฝนมันก็ตกตอนเย็น ครูออกไปธุระแล้วลืมหยิบร่ม ขากลับมาเลยปีกโซกเลย ครูใส่เสื้อสีอ่อนนะ พอเปียกแล้วมันก็แนบเนื้อ ผมเห็นแล้วตรงนั้นมันก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาเลยล่ะ ผมกลัวจะเจ็บอีก เลยรีบขอตัวกลับก่อน คราวนี้ผมช่วยตัวเองสำเร็จสักที แต่ในหัวมีภาพครูเต็มไปหมดเลย
------------------------------------------------
   27 กรกฎาคม 254x
   สัปดาห์ของการแข่งขันกีฬาสีทำให้ไอ้วีรื่นเริงมาก มันชนะขาดคู่แข่งมาสามนัดรวดแล้ว ส่วนผม เพิ่งผ่านรอบคัดตัวเมื่อวาน พรุ่งนี้จะได้แข่งนัดชิง ผมก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะ วีมันมีพี่กระเทยไปเชียร์ข้างสนาม ส่วนผม.. อาจจะมีครูต้าไปเชียร์มั้ง เหมือนเห็นครูแวบๆ ที่ริมลู่วิ่งเหมือนกัน แต่ครูอาจจะไปคุมเด็กห้องใดห้องหนึ่งก็ได้ ไม่รู้สิ พักนี้ผมเจอครูแล้วผมมีความสุข แบบว่าแค่ได้เจอครูยิ้มให้ ผมก็มีความสุขแล้วล่ะ แบบนี้เรียกว่าผมเริ่มมีความรักรึเปล่านะ?
-------------------------------------------------
   31 กรกฏาคม 254x
   วีหน้าบ้าน เพราะในที่สุดมันก็ได้เหรียญทองสมใจอยาก ส่วนผม เกือบจะเข้าที่โหล่ แต่เอาล่ะ ยังไงผมก็เข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศล่ะนะ
   วันนี้ครูต้ามาคุมงานด้านสวัสดิการ แจกผ้าเย็นแจกน้ำนักกีฬา ตอนผมเดินไปขอผ้า ครูยิ้มให้ผมด้วยล่ะ แถมช่วยเอาผ้าเช็ดหน้าให้ ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นตึกตั่ก ถึงจะเข้าที่เกือบโหล่ก็ไม่เป็นไร ผมได้รางวัลเป็นรอยยิ้มจากครูต้าแล้วล่ะ
-------------------------------------------------------
   7 สิงหาคม 254x
   พี่นพส่งพัสดุมาให้ เป็นหนังสือเตรียมสอบของม.2 กับหนังสือขายหัวเราะอีกปึกใหญ่ แนบจดหมายมาว่าเอาไว้อ่านแก้เหงา ดีเหมือนกัน เพราะผมเริ่มเปิดให้เช่าหนังสือแล้วล่ะตอนนี้ มีรายได้พอสมควร เสียแต่บางคนต้องไปทวงถึงจะยอมคืนหนังสือ แต่ไม่เป็นไร หออยู่ไม่ไกลกันมาก ตอนนี้ผมมีไอ้วีร่วมธุรกิจอีกคน มันว่าผมควรเปิดให้เช่าหนังสือโป๊ด้วย ผมเลยบอกมันว่า เกิดถูกอาจารย์จับได้จะพาลซวยกันไปหมดน่ะสิ
   ตอนนี้ผมมีเงินฝากกับสหกรณ์ออมทรัพย์ของโรงเรียนหลักพันแล้วล่ะ อาศัยเงินค่าขนมที่เหลือจากพี่นพนั่นแหละ เพราะผมมีรายได้จากการทำงานที่สหกรณ์บวกกับรายได้ค่าเช่าหนังสือแล้ว เดี๋ยวถึงวันเกิดพี่นพผมจะซื้อของขวัญส่งไปเซอร์ไพรส์ เอาให้พี่นพยิ้มแก้มปริไปเลย
-----------------------------------------------------------
   12 สิงหาคม 254x
   วันนี้วันแม่ ที่โรงเรียนมีจัดกิจกรรมด้วยล่ะ ใครบ้านอยู่ใกล้แม่ก็มา ผมแอบเศร้านิดๆ นะ เพราะทั้งพ่อทั้งแม่ก็ไม่อยู่แล้ว แต่ไม่เป็นไร ถึงผมจะจำหน้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ แต่ผมมีพี่แนน พี่หนิง พี่นพอยู่ ตอนนี้พี่แนน พี่หนิงก็แต่งงานไปหมดแล้ว เหลือแค่พี่นพ ผมก็จะทำดีกับพี่นพให้ดีที่สุดนี่แหละ ก็พี่นพน่ะเป็นเหมือนพี่ชาย เหมือนพ่อเหมือนแม่ผมเลยนี่นา
-------------------------------------------------------------
   9 กันยายน 254x
   เผลอแป๊บๆ ก็จะสอบปลายภาคอีกแล้ว ผมใกล้จบม.2 เทอมหนึ่งแล้วล่ะ ข่าวดีกว่าผลการเรียนคือ ผมสูงขึ้นอีกตั้งสามเซนต์แน่ะ ถ้าพี่นพมาเยี่ยมช่วงปิดเทอมนี้คงต้องทักว่าผมสูงขึ้นแน่ๆ แค่บอกทางโทรศัพท์พี่ก็ดูจะดีใจแทนผมสุดๆ แล้ว
   ผมหนีไปซ้อมวิ่งอยู่เกือบสองเดือน กลับมาจับลูกบาสฯอีกที ขัดๆ หน่อยๆ แต่ก็ดีขึ้นนะ เหมือนมือผมจะใหญ่ขึ้นด้วยล่ะ ครูไก่บอกว่าผมเริ่มจะโตแล้ว เอก็เหมือนกันนะ มันสูงไล่ผมมาเลยล่ะ เราสองคนดีใจกันใหญ่ ว่าคราวนี้แหละ จะสูงกับเขาเสียที พักนี้พอว่าเราเลยแวะมาโรงยิม มาโหนบาร์กันใหญ่ จะได้สูงไวกว่านี้ พี่ๆ เห็นเข้าก็ยังขำเหมือนเดิม บอกว่าสองคนนี้มันเป็นลิงกลับชาติมาเกิดกันจริงๆ แต่เพื่อความสูง ทั้งผมทั้งเอยอมเป็นลิงล่ะ
---------------------------------------------------------------
   22 กันยายน 254x
   วีกับพี่กระเทยเลิกกันแล้ว หลังจากคบกันมาปีกว่า วีให้เหตุผลว่าทั้งพี่เขาและมันอยากจะให้เวลากับการเรียนมากกว่านี้ ผมเห็นด้วย เพราะเกรดมันเริ่มแย่ลงทุกเทอม แต่ท่าทางมันจะชอบพี่กระเทยเอามากเหมือนกัน เลิกกันแล้วมันก็ซึมกะทือไปเลย ผมชวนคุยอะไรก็ถามคำตอบคำ สุดท้ายมันก็บอกว่าอยากอยู่คนเดียว ผมเลยต้องระเห็จออกมาจากห้อง โดยไม่ลืมเตือนมันว่าอย่าคิดอะไรสั้นๆ นะ มันบอกว่า มันยังไม่คิดสั้นหรอก เพราะยังติดใจดาราหนังสือโป๊อยู่อีกหลายคน นั่นแหละผมเลยสบายใจเดินออกมาได้
   ผมเลยไปนั่งที่ห้องสมุด วันเสาร์เด็กเยอะพอสมควร เสียงเลยดังจ๊อกแจ๊ก อ่านหนังสือไปได้สักพัก ใครคนหนึ่งก็เดินมาทันผม ครูต้านั่นแหละ ผมเลยถามครูว่าวันนี้ไม่อยู่ที่ห้องสหกรณ์เหรอ ครูเลยตอบว่าอยู่ แต่แวะมาคืนหนังสือที่ยืมเอาไว้ ผมเลยพยักหน้า เพราะเคยเห็นหนังสือของห้องสมุดอยู่ที่โต๊ะครูหลายเล่มเหมือนกัน พอดีว่าใกล้เที่ยง ครูเลยชวนผมไปกินข้าว ผมก็ตกลงนะ เพราะว่างอยู่พอดี ไอ้วีก็มาอกหักอีก ดีเหมือนกัน ผมจะได้ปรึกษาเรื่องนี้กับครูด้วย
   ครูต้าเป็นผู้ชายที่ตัวค่อนข้างเล็กนะ เมื่อเทียบกันครูคนอื่น แต่ถ้าเทียบกับผมจะตัวใหญ่ขึ้นมาทันที พอทานไปได้สักพัก ผมก็เริ่มปรึกษาเรื่องที่วีอกหัก ครูเลยแนะนำว่าให้ปล่อยไปก่อน คนอกหักส่วนใหญ่มักอยากจะอยู่คนเดียว ผมเลยถามว่าเพราะอะไร ครูเลยอธิบายว่า คนอกหักมักจะนึกถึงเรื่องเก่าๆ สมัยยังดีกันอยู่ มันจะเศร้าๆ ไม่อยากให้ใครรบกวน แล้วบอกว่าผมไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยววีก็หาย ผมก็หวังว่าอย่างนั้นเหมือนกันล่ะ จากนั้นผมเลยถามครูว่าแล้วครูเคยอกหักรึเปล่า ครูก็พยักหน้า ผมเลยอึ้งนิดๆ เพราะตัวเองยังไม่เคยมีประสบการณ์อกหัก
   เรากินข้าวกันจนเสร็จ ครูก็ชวนผมไปเดินเล่นย่อยอาหาร ผมเลยชวนคุยว่างั้นถ้าผมอยากจีบใครสักคนมันจะยากมั้ย ครูหันมามองผมแล้วหัวเราะ แซวว่าตะกี้เพิ่งถามเรื่องอกหักอยู่หยกๆ นี่จะถามเรื่องจีบอีก เห็นครูเป็นอาจารย์สอนเรื่องความรักหรือไง ผมก็พยักหน้านะ แต่รู้อยู่หรอกว่าครูต้าน่ะสอนสังคม แต่ไม่ได้สอนเด็กม.ต้น ครูสอนเด็กม.ปลาย แล้วก็คุมห้องสหกรณ์อีกทีหนึ่ง
   ครูหัวเราะ แล้วขยี้หัวผม จากนั้นก็บอกว่า อย่าขยันเรียนให้มากนัก เดี๋ยวจะเก่งเกินวัย ผมเถียงทันทีว่า แค่นี้ผมก็ช้ากว่าวัยมากแล้ว ครูมองผมยิ้มๆ แล้วถามต่อว่าผมอยากจีบใครล่ะ ผมนิ่งนึกไปสักพัก ก่อนจะสั่นศีรษะ บอกครูไปว่าผมยังไม่รู้หรอก ถามเผื่อไว้ก่อน เผื่อว่าอยากจะจีบ ครูเลยหัวเราะก๊าก บอกว่าผมหาคนจะจีบให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาถามวิธีจีบอีกที ผมแอบฉุนนิดๆ เหมือนกันนะ เลยบอกครูไปว่า แล้วครูจะบอกได้จริงๆ เหรอว่าจะจีบยังไง ครูเลยย้อนผมมาว่า ถ้าไม่คิดว่าครูรู้แล้วผมจะมาถามทำไม ผมก็อึ้งไปเลยนะ นั่นสิ ถ้าไม่คิดว่าครูรู้ ผมจะถามครูทำไมนะ
   สงสัยผมอยากจะจีบครูแน่เลย
-------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้ะ P13 14/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MimicClub ที่ 19-06-2011 20:21:40
 :a5:  กิจประจำวัน นพ ยาวมากเลย แต่อ่านแล้วสนุกดีจัง  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 19-06-2011 20:32:56
จบตอนหรือยังง่ะ เราปาดหรือเปล่า?ถ้าปาดก็ขอโทษเด้อออ

ครูต้า รักแรกแหงมๆ555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 19-06-2011 20:53:44
สนุกดีครับ เหมือนได้อ่านอีกเรื่องเลย
ชอบจัง ไปเท้าความเอาตั้งแต่ ม.หนึ่งเลย
จะได้อ่านอีกเยอะกว่าจะได้เจอตัวจริง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 19-06-2011 21:18:59
คุณjuonคะ ภาษาของนพที่เขียนบันทึกน่ารักจังเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกสบายๆ คุณjuonนี่สุดยอดเรื่องการใช้ภาษาเลยค่ะ 
อ่านไปส่วนมากจะยิ้มไป และบางครั้งเผลอปล่อยเสียงหัวเราะด้วยแหละ
พี่น้องบ้านนี้เค้ารักใคร่กันดีจริงๆ นพรัตน์ถึงได้เป็นคนจิตใจดีมาจนโต ขนาดขาดพ่อขาดแม่มาแต่เด็ก
กลับไม่มีปัญหาเรื่องขาดความอบอุ่นเลย เพราะพี่ๆดีทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนพคุณ เป็นพี่ชายที่ดีมากๆเลย
รออ่านบันทึกน่ารักๆของนพรัตน์ต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 19-06-2011 21:22:04
 :laugh:

นายนพน่ารักกน่ะ

อยากรู้จังจะมาสูงเอาตอนไหน 555

ทำไมเด็กๆมีแววเป็นเคะล่ะ 55

อ่านแล้วรู้สึกสนุกจัง  ชอบๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 19-06-2011 21:32:36
ตาลายอย่างแรง
แต่นพ น่ารักมากๆเลย

ครูที่ว่า รักเนี่ย ครูต้าแน่เลย
แถมช่วยตัวเองครั้งแรกยังเป็นครูต้าช่วยซะอีก

ไม่อยากเอาตูด แต่ก็ไม่อยากโดนเอาเหมือนกัน เอิ๊กๆ
ดีเนี่ยที่ยังสูงขึ้น ไม่งั้นโดนแน่ๆ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 19-06-2011 21:32:52
น้องนพน่ารัก น่าก(อ)ดชะมัดเลย... ตัวเปี๊ยก ซื่อ ไร้เดียงสา จนแอบหวั่นๆกลัวว่าน้องจะถูกปล้ำจริงๆ
รออ่านไดอารี่น้องนพต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 19-06-2011 21:35:48
นพเด็กดีสุดๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 19-06-2011 21:57:57
มิน่าเข้ากะผู้ใหญ่ได้ดี 
... แต่ชีวิตของเปี๊ยกยังมีแฟนอีกหลายคน
อยากรู้จังว่าขั้นตอนการโตของเปี๊ยกกลายเป็นนพ จะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 19-06-2011 22:12:58
เพราะว่าได้ครูเป็นครูสอน...คนแรก ก็เลยมองแต่คนอายุมากๆ อยากอ่านบันทึกตอนไปเจอลุงอ่ะ รักแรกพบหรือป่าวน๊อ  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยั$
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 19-06-2011 22:21:36
ตอนเด็กน้องเปี๊ยกของเราต้องน่ารักมากๆแน่ :-[
ผู้ชายตามจีบ เครียดแทน คิดตลอดว่าน้องเปี๊ยกต้องรุก
แล้วจะสูงเมื่อไรเน้อ เป็นกำลังใจให้สูงไวไว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 19-06-2011 22:25:44
นพรัตน์น่ารักจริง เป็นเด็กดี ใสซื่อซะไม่มี
ครูต้าเป็นรักแรกของนพรัตน์ใช่มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 19-06-2011 22:33:04
เอาอีก เอาอีก เอาอีก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-06-2011 23:02:21
น้องนพ น่ารักจัง

รักแรกคือครูต้าซินะ


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: skidK ที่ 19-06-2011 23:17:56

น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 19-06-2011 23:18:43
เจ้าเปี๊ยกตอนเด็กน่ารักน่าหยิกจริงๆ ดูเปี๊ยกสมชื่อมากๆ
ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 19-06-2011 23:21:12
ตานพ...น่ารักอ่ะ :m3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 20-06-2011 12:52:30
เปี้ยกน่ารักมาก ทั้งท่าทาง ความคิด
เป็นเด็กคิดบวกมาก
ตอนนี้ยังอยู่มอสอง
เมื่อไหร่ตัวเปี้ยกจะสูง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: babyfaibossy ที่ 20-06-2011 13:05:05
อยากอ่านตอนที่นพเจอลุงจัง

 :o8: :o8:

นพน่ารักจัง กรี๊ด!!~
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 20-06-2011 13:20:35
ฮาตอนโดนปล้ำเนี่ยแหล่ะ ไอ้ตอนรุกคุณไพฑูรย์เนี่ย คนละเรื่องเลยนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: prettypearl ที่ 20-06-2011 13:41:53
เปี๊ยกนพน่ารักเกินไปแล้ว เด็กน้อยยยยย  :o8:

ครูต้าก็น่ารัก แอบกินเด็กโดยที่ไอ้เด็กน้อยไม่รู้ตัว  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 20-06-2011 15:20:08
เจ้าเปี๊ยกของพี่น่ารักจริงๆเชียว ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 20-06-2011 15:58:32
คุณนพน่ารักมาก
บันทึกใสๆ อ่านแล้วอมยิ้ม
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ZuuZuu ที่ 20-06-2011 16:27:50
ในที่สุดก็ตามอ่านเรื่องนี้มาจนเหลือแค่ตอนพิเศษจนได้
เป็นเรื่องที่น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อ่านไปอมยิ้มไปตลอดเวลาเลยอ่ะค่ะ
นพรัตน์ละมุนจนรู้สึกอิจฉาคุณไพฑูรย์มากๆ
ทำยังไงถึงจะมีผู้ชายดีๆแบบนี้เข้ามาในชีวิตบ้างเนี่ย~~~~
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 20-06-2011 16:55:10
่ได้อ่านจุใจเลย ขอบคุณมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
น้องนพตอนเด็ก ๆ ทำไมน่ารักขนาดนี้ละ มิน่าโตมาถึงได้น่ารักโดนใจพี่ไพของเรา คริ ๆ
มีต่ออีกหรือเปล่าคะ ยังอยากอ่านต่ออีกนะค่า จุบุ ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 20-06-2011 17:41:12
ชอบตอนพิเศษจัง อ่านเพลินทั้งของคุณไพกับของคุณนพเลย ขำอีตารุ่นพี่จัง น่ารักดีเนอะ อ่านแล้วแอบเชียร์ 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MokGaLaKom ที่ 20-06-2011 17:57:01
อ่านแล้วทำให้รู้ว่านพสมัยม.ต้นตัวเล็ก
แต่เป็นผู้ชายที่น่ารักอ่ะ เขียนไดอารี่ด้วย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 20-06-2011 18:45:55
เจ้าเปี๊ยกน่ารักจังค่ะ อ่านแล้วเห็นพัฒนาการของนพเลย :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 20-06-2011 19:04:01
อยากรู้...ตอนเจอคุนไพไวๆจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 20-06-2011 20:23:04
บันทึกของนพรัตน์ตั้ง2หน้ายังมาไม่ถึงลุงไพฑูรย์เลย
ลืมไปก็ลุงห่างกับคุณนพตั้ง20ปี  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 20-06-2011 21:05:40
ใช่ๆๆอยากเจอลุงไวไวจาง นพเนี่ยเกิดช้าจริงๆๆ

5555555

ยาวซะใจจริงๆๆชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: โน๊อา ที่ 22-06-2011 07:56:31
น่ารักดีค่ะ ชอบนะคะ บวกไปเป็นกำลังใจค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 22-06-2011 09:20:53
บันทึกของนายนพรัตน์ (ช่วงที่2)
   4 ตุลาคม 254x
   พักนี้ผมฝันถึงครูต้าบ่อยมากเลยล่ะ ล่าสุดวันนี้ก็ฝัน ตื่นมาตอนเช้าเห็นว่ากางเกงเปียก ผมเปล่าฉี่รดที่นอนนะ แต่ไอ้วีบอกว่าผมฝันเปียก.. เออ คงเปียกนั่นแหละ เพราะมันเปียกจริงๆ
   ไอ้วีเซ้าซี้ผมใหญ่ว่าเมื่อคืนฝันอะไร ทำไมเปียกขนาดนี้ จ้างผมก็ไม่เล่าให้มันฟังหรอก เพราะจำไม่ค่อยได้ นึกได้ลางๆ ยังเขินอยู่เลย ฮือ ผมฝันอะไรของผมเนี่ย บ้าจริงเชียว ถ้าครูต้ารู้สงสัยได้เอาไม้เรียวมาตีผมแน่ แต่ผมยังไม่เคยเห็นครูถือไม้เรียวเลยนะ ถึงอย่างนั้น ไม่ให้ครูรู้จะดีกว่า
------------------------------------------------------
   19 ตุลาคม 254x
   เทอมนี้ผมสอบได้ที่สามด้วยล่ะ พี่นพรู้ดีใจใหญ่ แต่มีข่าวร้ายเหมือนกันเพราะพี่นพต้องเคลียร์งานช่วงสิ้นปีที่บริษัท ปิดเทอมนี้เลยอาจจะแวะมาเยี่ยมผมไม่ได้ ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าพี่นพทำงานหนักเพื่อผม ตอนนี้ผมช่วยเหลือตัวเองได้เยอะแล้วล่ะ พี่นพไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ ผมอยู่ได้สบายๆ แล้ว
------------------------------------------------------
   23 ตุลาคม 254x
   วันนี้ครูต้าชวนผมออกไปซื้อของเข้าสหกรณ์ก่อนเปิดเทอม ท่าทางครูจะเห็นผมว่างๆ เลยชวนออกไปช่วยหิ้วของล่ะมั้ง ตั้งแต่มาอยู่โรงเรียนนี้ ผมเพิ่งได้ออกไปด้านนอกอย่างถูกกฎกับคนอื่นก็คราวนี้แหละ
   ครูต้ามีรถขับเหมือนกันนะ แต่คนละรุ่นกับของพี่นพ เก่ากว่านิดหน่อย แต่ข้างในสะอาดเหมือนกันเลยล่ะ ผมนั่งข้างคนขับด้วยความเคยชินเหมือนสมัยขึ้นรถกับพี่นพ ครูต้าหันมามองผม แล้วยิ้มๆ จากนั้นก็ขับรถไปซื้อของที่ตลาด
   เราซื้อพวกเครื่องเขียน ของใช้ประจำวันอย่าง ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ครูต้าซื้อผ้าอนามัยด้วยนะ เพราะโรงเรียนเรามีครูกับพนักงานหญิงทำงานอยู่ด้วย แล้วก็มาซื้อกันเป็นประจำเลยล่ะ เวลาซื้อก็กระมิดกระเมี้ยนซื้อ ต้องห่อให้มิดชิดก่อนยื่นให้เชียวล่ะ ผมนึกดีใจที่ผมไม่ใช่ผู้หญิง เลยไม่ต้องลำบากเวลามีประจำเดือนแบบนี้ทุกเดือน
   ผมได้โอกาสเลือกของที่อยากซื้อไปขาย ยางลบที่ร้านมีหลายแบบมาก มีที่เป็นรูปตัวการ์ตูนน่ารักๆ ด้วยล่ะ พอเห็นผมหยิบ ครูต้าก็ทักว่าจะซื้อไปฝากใคร ผมบอกว่าเปล่า เห็นว่าน่ารักดีเลยหยิบมา ครูบอกว่าเคยซื้อไปขายแล้ว ขายไม่ค่อยดีเลยไม่ซื้อไปเพิ่ม ของแบบนี้ขายเด็กผู้ชายลำบาก แต่มันน่ารักน่ะ ผมเลยบอกครูว่างั้นเดี๋ยวผมซื้อเองแล้วกัน ครูก็ขำ ว่าผมชอบอะไรเหมือนเด็กผู้หญิงเลย ผมแอบงอนนะเนี่ย ใครๆ ก็ว่าผมเหมือนเด็กผู้หญิง เป็นผู้ชายชอบของน่ารักไม่ได้หรือไง
   ถึงครูจะแซวผม แต่ก็ให้ผมซื้อยางลบกล่องนั้นกลับมาล่ะ จากนั้นเราก็แวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านใกล้ๆ กัน แล้วครูก็ชวนผมไปกินไอติมต่อ บอกว่าไอติมร้านนี้เจ้าดังของที่นี่เลยล่ะ แต่ก็อร่อยจริงๆ นะ ผมกินแล้วนึกถึงพี่หนิงเลย พี่หนิงก็ชอบกินไอติมกะทิเหมือนกัน เสียดายที่ซื้อไปฝากไม่ได้ แต่ผมกินเผื่อไปเรียบร้อยแล้วล่ะ อิ่มตื้อเลย
   ขากลับขับรถผ่านตลาด ครูต้าเปรยๆ ว่าลอยกระทงปีนี้น่าจะจัดกิจกรรมอะไรเพิ่มเติมนอกจากทำกระทง ผมเลยเสนอว่าน่าจะจัดประกวดนางนพมาศ ครูหัวเราะก๊ากเลย แล้วบอกว่าโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนชายล้วน จะเอาใครมาเป็นนางนพมาศ ผมเพิ่งนึกได้ กลัวเสียหน้าเลยบอกว่า งั้นเปลี่ยนเป็นนายนพมาศแทนก็ได้ คราวนี้ครูขำต่อ แล้วอธิบายประวัติศาสตร์เกี่ยวกับนางนพมาศให้ผมฟังจนหูอื้อ ผมเลยยอมแพ้ ไม่เสนออะไรแบบนี้ก็ได้ แต่ผมจะชวนครูไปลอยกระทงแทน เพราะปีที่แล้วผมไปลอยกับเพื่อนแล้วโดนลวนลาม ครูต้าหัวเราะอีกแล้วก็ยอมตกลง บอกว่าสงสัยผมจะเกิดมาผิดเพศ น่าจะเกิดเป็นเด็กผู้หญิงมากกว่า ผมเถียงครูทันควันเลยว่า ผมไม่ได้อยากเป็นเด็กผู้หญิงนะ ผมแค่ตัวเล็กเกินไปเลยสู้ใครไม่ค่อยได้เท่านั้นเอง ครูเลยปลอบผมว่า เดี๋ยวผมก็ตัวสูงแล้ว เพราะเด็กผู้ชายจะค่อยๆ เริ่มสูงขึ้นหลังจากนี้แหละ ผมก็สาธุตามคำพูดครูนะ ขอให้ผมตัวใหญ่เหมือนคนอื่นเขาบ้างเถอะ
----------------------------------------------
   11 พฤศจิกายน 254x
   กระทงห้องผมประกวดได้รางวัลความคิดสร้างสรรค์ระดับชั้นม.ต้นล่ะ ไอเดียผมนะเนี่ยที่บอกว่าน่าจะทำรูปนางนพมาศอยู่ตรงกลาง ก็ได้มาจากครูต้าตอนคุยกันในรถนั่นแหละ วีกับเอวิ่งข้ามห้องมาแสดงความดีใจกับผมจนผมกลัวเพื่อนในห้องมันหมั่นไส้เอา
   ตกค่ำเราก็แบ่งเป็นกลุ่มไปลอยกระทงกันที่คลองหลังโรงเรียนเหมือนเดิม ปีนี้พี่วุฒิไม่อยู่ เพราะเรียนจบไปแล้ว ผมยืนดูกระทงได้รางวัลที่ช่วยกันทำกับเพื่อนๆ ในห้องลอยตุ๊บป่องอยู่ในน้ำ ภูมิใจก็ภูมิใจนะ เสียดายก็เสียดาย เพราะรู้ว่าถ้ามันไม่ล่มกลางทาง เดี๋ยวอีกไม่กี่วันใบตองกับดอกไม้ก็เหี่ยวหมดแล้ว แต่เห็นว่าพวกครูๆ ถ่ายรูปเอาไว้ คงจะเก็บไว้ดูกันได้อีกนาน
   ผมดูกระทงได้สักพักก็เริ่มมองหาครูต้า เห็นครูยืนคุยอยู่กับครูอีกคน ผมเริ่มแป้วๆ ว่าครูจะจำได้รึเปล่าว่าจะไปลอยกระทงกับผม เลยพยายามเบียดๆ ไปเสนอหน้าให้ครูเห็น ครูต้าพอหันมาเห็นผมก็ยิ้มแล้วกวักมือเรียกทันที ผมจำได้ว่าตัวเองยิ้มแต้เลยล่ะ เพราะดีใจที่ครูยังจำได้ว่าจะลอยกระทงด้วยกัน พอเข้าไปใกล้ๆ ครูต้าก็แนะนำให้ผมรู้จักกับครูอีกคนที่ยืนคุยอยู่ เขาชื่อครูกร ครูกรสอนภาษาอังกฤษประดับม.ปลาย ผมเลยไม่ค่อยเห็นหน้า ผมยกมือไหว้ตามมารยาทและรู้สึกว่าครูกรตัวสูงดีจัง สูงกว่าพี่นพอีกมั้ง สูงจนผมแหงนคอตั้งบ่าเลย ครูกรมองผมยิ้มๆ แล้วบอกว่าผมตัวเล็กเหมือนที่ครูต้าเล่าให้ฟังเลย ผมเลยหันไปมองครูต้าเคืองๆ ครูต้าเลยปลอบผมว่า ถึงผมจะตัวเล็ก แต่ผมก็เป็นเด็กดี ช่วยงานที่สหกรณ์ได้มากเลย จากนั้นเราก็ไปลอยกระทงกันสามคน ผมอยู่ตรงกลาง อย่างกับพ่อแม่ลูกแน่ะ ครูกรคุยสนุกนะ เป็นคนที่เฮฮามากเลย เวลาคุยกับครูต้าแล้วครูต้าจะยิ้มตลอดเวลา ผมเพิ่งรู้นี่แหละว่าสองคนนี่สนิทกัน คิดว่าครูต้าชอบอยู่คนเดียวเสียอีก
   ผมกลับจากงานลอยกระทงสักห้าทุ่มกว่าได้ น่าจะง่วงแล้วนะ ขนาดวีกลับมาอาบน้ำเสร็จยังหลับเป็นตาย แต่ผมสิ อาบน้ำแล้ว นอนกลิ้งไปกลิ้งมาก็แล้ว ยังไม่หลับเลย อกมันปวดจี๊ดๆ ยังไงบอกไม่ถูก นึกถึงแต่ครูต้าตลอดเวลาเลย เห็นครูต้าคุยกับครูกรดูมีความสุข ผมก็น่าจะมีความสุขด้วยนะ แต่ทำไมผมถึงกลายเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้สิ
-------------------------------------------------------------
   20 พฤศจิกายน 254x
   ไม่น่าเชื่อเลยล่ะ วันนี้มีวัดส่วนสูงในคาบวิชาสุขศึกษา ผมสูงร้อยหกสิบห้าแล้ว สูงขึ้นมาอีกตั้งห้าเซ็นฯ ก็ว่า ทำไมพักนี้เริ่มชนนั่นชนนี่ แถมรองเท้าก็เริ่มคับ เสื้อก็เริ่มแน่นๆ กางเกงไม่ต้องพูดถึงเลย ผมคิดว่าเสื้อผ้าใส่นานๆ แล้วมันหดซะอีก พอตกเย็นผมรีบโทรบอกพี่นพเลยล่ะ พี่นพขนงานกลับมาทำที่บ้านด้วย ท่าทางงานจะหนักจริงๆ แต่พอผมบอกว่าสูงขึ้นแล้ว น้ำหนักก็ขึ้นด้วย พี่นพก็ดีใจใหญ่ วางงานมาคุยกับผมทันที บอกว่าอีกหน่อยเปี๊ยกจะไม่เปี๊ยกแล้ว จากนั้นพี่นพก็ถามผมว่าเสื้อผ้ายังใส่ได้อีกมั้ย ถ้ายังไงเดี๋ยวจะโอนเงินไปให้ซื้อก่อน หรือจะให้ซื้อส่งไปรษณีย์ไปให้ ผมเลยบอกว่าไม่เป็นไร ผมมีเงินเก็บอยู่ ค่าขายของที่สหกรณ์นั่นแหละ เดี๋ยวซื้อเอง เพราะพี่นพต้องเดาไซต์ผมไม่ออกแล้วแน่ๆ เลย พี่นพหัวเราะใหญ่ แล้วบอกว่าเคลียร์งานเสร็จปีใหม่อาจจะขับรถไปเยี่ยม อยากเห็นว่าผมตัวสูงขนาดไหนแล้ว ผมเลยบอกพี่นพว่า อย่าลืมบอกพี่หนิงกับพี่แนนนะว่าผมสูงร้อยหกสิบห้าแล้ว
   ผมกลับห้องมารีบรื้อเสื้อที่พี่แนนซื้อส่งมาให้จากแคนนาดาปีที่แล้วมาลองใส่ ผมเก็บเอาไว้ใส่นอนนะ แต่มันสวยดี จะใส่นอนก็เสียดาย จะใส่ไปเที่ยวก็หลวมไป พอเอามาลองใส่ดูคราวนี้เกือบพอดีแล้วล่ะ ผมดีใจสุดๆ เลย รีบขนชุดนักเรียนมาลองใส่ดูอีก ปรากฏว่ามันคับขึ้นจริงๆ ไอ้วีกลับมาถึงห้องเห็นผมลองเสื้อก็ทำหน้าแปลกๆ พอผมบอกมันว่าผมสูงขึ้นอีกห้าเซ็นฯแล้ว เสื้อเลยคับ มันก็หัวเราะท้องแข็ง บอกว่าก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมผมไม่ซื้อเสื้อใหม่สักที คับจนกระดุมจะดีดออกมาได้อยู่แล้ว ผมเลยบอกมันว่าเข้าใจว่าเสื้อหด คราวนี้มันขำหนักกว่าเดิม บอกว่าเสื้อนักเรียนที่ไหนหด มีแต่เปื่อยกับขาด
   ไอ้วีเดินมามองๆ ตู้ผม มองเสื้อผม แล้วมองผม จากนั้นมันก็สรุปทันทีว่าผมควรเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะเสื้อนักเรียน เพราะคับติ้วจนมันคันปากอยากทักมาหลายอาทิตย์แล้ว แต่ผมดูๆ แล้ว จะเอาเงินไปซื้อเสื้อรวดเดียวก็เปลืองเกิน ซื้อมาก่อนสักตัวแล้วทนใส่ตัวอื่นไปก่อนดีกว่า ไอ้วีรีบเบรกผมทันที บอกว่าใส่ต่ออีกมีหวังอีกสามวันกระดุมขาดแน่ๆ แค่นี้ชายเสื้อก็จะหลุดออกมาจากขอบกางเกงอยู่แล้ว มันว่าปีที่แล้วมันไปทำงานแผนกซักรีด ที่นั่นมีเสื้อนักเรียนที่รุ่นพี่ทิ้งเอาไว้เยอะเลย มีรองเท้าด้วย พอรวบรวมได้จำนวนหนึ่ง โรงเรียนจะเอาไปบริจาค ไม่ก็เก็บไว้ให้นักเรียนยืมเปลี่ยนเวลามีเหตุฉุกเฉิน มันบอกว่าให้ผมไปหาดูที่นั่นก็ได้ เผลอๆ จะได้มาฟรีๆ ไม่ต้องเสียตังค์ด้วย ผมเห็นดีเห็นงามกับมันทันที และนัดกันว่าวันเสาร์ที่จะถึงจะแวะไปดูกัน ตอนนี้ผมคงต้องทนใส่เสื้อคับไปก่อน หวังว่ากระดุมจะไม่ขาดก่อนถึงวันเสาร์นะ
-------------------------------------------------
   25 พฤศจิกายน 254x
   ผมได้เสื้อตัวใหม่มาครบโดยไม่เสียเงินสักบาท หลังจากไปแผนกซักรีดกับไอ้วีตอนเช้า แต่ปัญหาคือชื่อที่ปักอยู่บนเสื้อ ที่โรงเรียนไม่มีบริการปักเสื้อ ต้องออกไปปักร้านข้างนอก ผมเลยแวะมาที่สหกรณ์ กะจะมาฝากครูต้าไปปัก แต่ครูต้าบอกว่าค่าปักหลายบาท เห็นผมประหยัด อุตส่าห์ไปขอเสื้อมือสองมาใช้ เลยอยากจะช่วยประหยัดให้เต็มที่ แนะนำว่าผมจะลองปักเองดูไหม
   แหม เสื้อมือสองก็ไม่มีอะไรไม่ดีนี่นา แถมที่ผมขอมายังใหม่ๆ อยู่เลย ข้อดีของเสื้อใช้แล้วก็มีอยู่นะ คือมันจะนิ่ม ใส่สบาย ในเมื่อค่าปักแพง แล้วผมก็เกรงใจครูถ้าจะฝากออกไป ผมเลยถามวิธีปักเสื้อจากครูต้า ครูก็รื้อที่เลาะผ้าออกมา สอนวิธีเลาะชื่อเก่าออกให้ผมก่อน บอกด้วยนะว่าเลาะดีๆ เดี๋ยวมันจะขาด หลังจากนั้นก็รื้อสะดึงออกมาจากลิ้นชักโต๊ะ ผมเลยงงเลยว่าครูเคยปักเสื้อด้วยเหรอ ครูตอบว่า เคยปัก แต่ไม่ได้ปักเสื้อหรอก ปักผ้าเช็ดหน้า คราวนี้ผมเลยได้ทีแซวครูบ้างว่าทำงานเหมือนผู้หญิง ครูไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มๆ จากนั้นก็รื้อกล่องใส่ด้ายกับเข็มออกมา อืม ผมเพิ่งรู้ว่าครูเก็บของพวกนี้เอาไว้ในลิ้นชักโต๊ะด้วยนะเนี่ย ครูหาด้ายสีที่พอใช้ได้อยู่พักหนึ่ง แล้วก็เอาเสื้อที่ผมเลาะเสร็จแล้วมาขึงกับสะดึง ชมด้วยนะว่าผมเลาะเรียบร้อยดี ไม่มีขาด ก็ผมเลาะตั้งใจสุดๆ นี่นา กลัวจะต้องไปขอใหม่น่ะ เกรงใจคนรื้อเขา
   ครูต้าให้ผมเขียนชื่อลงในกระดาษแล้วเอาดินสอร่างลงไปบนเสื้อ โห.. ครูต้าเขียนชื่อเก่งด้วยนะ เขียนเสร็จนี่ผมคิดว่าไปร้านปักเลยล่ะ แล้วครูก็ลองปักให้ผมดูก่อนหนึ่งตัว จากนั้นก็ส่งให้ผมเอาไปจัดการต่อเอง สรุปว่า ผมขลุกอยู่ที่ห้องพักครูตั้งแต่บ่ายยันค่ำ เพื่อปักเสื้อนักเรียนสามตัว โย้ๆ เย้ๆ ไปหน่อย แต่มองไกลๆ ก็อ่านออกล่ะ ไว้เดี๋ยวถ้าพี่นพมา ผมจะเอาให้ดูว่านี่ฝีมือผมปักเอง
   สักทุ่มหนึ่งมั้ง ครูกรแวะมาที่ห้อง พอเห็นผมอยู่ด้วยก็ชวนคุย ครูกรคุยสนุกนะ เห็นว่าผมขอเสื้อมาจากแผนกซักรีดก็ถามถึงรองเท้า พอดีว่าที่พี่เขาทิ้งเอาไว้มันเก่าเกินไป ผมก็คิดอยู่เหมือนกันแหละว่าจะไปซื้อใหม่ ครูกรเลยบอกว่างั้นออกไปซื้อด้วยกันก็ได้ ไหนๆ ก็จะออกไปทานข้าวเย็นอยู่แล้ว ครูต้าก็เห็นดีเห็นงามด้วย ผมเลยได้ออกไปนอกโรงเรียนเป็นครั้งที่สองในรอบปี
   ครูกรกับครูต้าช่วยกันเลือกรองเท้าให้ผม ครูต้าบอกว่าเดี๋ยวผมคงจะตัวใหญ่ขึ้นอีก ควรจะซื้อรองเท้าเผื่อๆ ไว้ เลยโดนครูกรแซวว่าเผื่อมากๆ ระวังจะเป็นแบบครูต้า สุดท้ายต้องยกรองเท้าให้คนอื่นเพราะเท้าใหญ่ไม่พอ ครูต้าเลยบอกครูกรว่าผมต้องสูงขึ้นกว่านี้แน่ๆ ผมเลยรีบสนับสนุน แหม.. ทีครูกรยังสูงขนาดนี้เลยนี่นา
   หลังจากนั้นเราก็ออกมาหาข้าวกินกัน ดูท่าทางครูต้าจะมีความสุขเวลาได้คุยกับครูกรนะ ก็ครูกรคุยสนุก แถมดูเป็นผู้ใหญ่ดีด้วย อืม...ผมสิ สูงขึ้นแล้วหน่อยหนึ่ง แต่ก็ยังเด็กอยู่ดี
   ผมกลับมาถึงห้องแล้วแทนที่จะดีใจกับรองเท้าใหม่ ดันนึกวนเวียนถึงเรื่องครูต้ากับครูกรอีกแล้วล่ะ ผมเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้
----------------------------------------------
   2 ธันวาคม 254x
   ในที่สุดวันนี้ผมก็ตัดสินใจถามครูต้าเรื่องครูกร ว่าครูสองคนเป็นแฟนกันเหรอ ครูต้าทำหน้าตกใจใหญ่ ถามกลับว่าผมไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน ผมเลยบอกว่าผมแค่ลองถามดูน่ะ ครูก็ปฏิเสธทันทีว่าครูกรเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่า ที่บังเอิญย้ายมาช่วยงานที่นี่ชั่วคราว เดี๋ยวตอนมกราฯก็ย้ายกลับแล้ว ก็ว่า ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเห็นครูกรแวะมาหาครูต้าเลย ผมเลยโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน หลังจากนั้นผมเลยชวนคุยว่าปีใหม่ครูจะไปเที่ยวที่ไหนรึเปล่า ครูบอกว่ายังไม่รู้เหมือนกัน อาจจะไปฉลองปีใหม่กับเพื่อนเหมือนปีก่อนๆ ล่ะมั้ง แล้วก็ถามผมกลับ ผมเลยตอบว่าปีนี้ผมจะสวดมนต์อยู่ที่ห้องเหมือนเดิม จะได้สูงขึ้นอีก คราวนี้ครูขำอีกแล้ว บอกว่าระวังอธิฐานมากๆ จะสูงจนเลยประตู ผมบอกครูว่า เอาให้สูงได้ขนาดนั้นก่อนผมค่อยเครียดทีหลังก็แล้วกัน
--------------------------------------------------------
   29 ธันวาคม 254x
   วันนี้พี่นพมารับผมที่โรงเรียน เราคุยกันไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนแล้วล่ะว่าพี่นพจะพาผมเที่ยวแถวๆ นี้ช่วงวันหยุดปีใหม่ จะได้ไม่ต้องเดินทางกันไกลมาก ผมดีใจอยู่แล้ว เพราะเที่ยวที่ไหนก็ได้ ให้พี่นพไปด้วยก็พอ
   พี่นพเห็นผมครั้งแรก็ร้องโอ้โห บอกว่านี่น้องเปี๊ยกของพี่หรือใครกันเนี่ย ทำไมสูงเร็วแบบนี้ ผมยิ้มหน้าบาน บอกว่าอีกหน่อยผมอาจจะสูงทันพี่นพก็ได้นะ พี่นพตบไหล่ผม แล้วบอกว่ารีบๆ สูงเลยก็ดี จะได้ไม่ถูกใครเข้าใจผิดว่าเป็นพ่อลูกกันอีก ผมไม่ลืมเอาเสื้อที่ปักเองมาอวดพี่นพ พอพี่นพเห็นก็ชมผมใหญ่ แต่มีแอบน้อยใจตัวเองนิดหน่อยนะที่ไม่ได้ซื้อเสื้อใหม่ให้ผม ผมเลยบอกว่าไม่เป็นไร ผมชอบเสื้อมือสองอย่างนี้แหละ ใส่สบายดี คราวนี้พี่นพเลยบอกว่าจะขนเสื้อในตู้มาให้ผม มีตัวสวยๆ ที่เคยใส่สมัยเรียนด้วย พูดแล้วผมก็พอนึกออก เลยรีบตกลงทันที ใส่ได้ใส่ไม่ได้ค่อยว่ากันทีหลัง เอามาเผื่อไว้ก่อน แต่ผมเริ่มมั่นใจแล้วล่ะว่าผมคงจะใส่เสื้อพี่นพได้เร็วๆ นี้แหละ ผมมีความสุขจังเลย
-----------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 22-06-2011 09:21:24
   2 มกราคม 254x
   พี่นพมาส่งผมที่หอแต่เช้า ตอนพี่นพกลับผมยังไม่รู้สึกอะไรนะ แต่พอตกเที่ยงๆ วีลากผมออกไปตีปิงปอง เพราะมันมุ่งมั่นจะรักษาเหรียญทองของมันในปีหน้า เลยบังคับรูมเมทอย่างผมให้เป็นคู่ซ้อม ผมตีปิงปองกับมันจนบ่ายกว่า ก็ชวนกันไปดูหนังกันต่อที่ห้องโสต ไปกันทั้งเหม็นเหงื่ออย่างนั้นแหละ ดูหนังจบไปเรื่องหนึ่งก็ออกมากินข้าวแล้วไปอาบน้ำกัน พออาบน้ำเสร็จนั่นแหละ ผมถึงรู้สึกว่าเจ็บๆ ที่หน้าอก สงสัยเพราะตีปิงปองหักโหมกับไอ้วีมากไปแน่ๆ
--------------------------------------------------------------
   10 มกราคม 254x
   ผมเจ็บหน้าอกมาสัปดาห์กว่าแล้ว ทำไงก็ไม่หาย สงสัยจะไม่ใช่กล้ามเนื้อฉีกแล้วล่ะ เลยไปหาอาจารย์ที่ห้องพยาบาล อาจารย์คลำๆ ดูแล้วบอกว่าผมนมแตกพานแล้ว มันจะเจ็บหน้าอกอย่างนี้ล่ะ ผมนึกถึงที่ไอ้วีเล่าให้ผมฟังปีที่แล้วทันทีเลย กลับห้องมาผมเลยมาอวดมันบ้าง บอกว่าผมเริ่มนมแตกพานแล้วนะ มันเลยถอดเสื้อให้ดู เออ ผมรู้แล้วว่ามันเป็นหนุ่มกว่าผม แต่เดี๋ยวผมคงจะไล่มันทันนั่นแหละ แล้วมันก็แกล้งผมอีก ด้วยการเอามือมาบีบหน้าอกผม ผมเลยทุบมันไปทีหนึ่ง ก็มันเจ็บโคตรๆ เลยนี่ มาบีบกันได้ไง
------------------------------------------------------------------
   29 มกราคม 254x
   เอกับผมได้เล่นทีมแล้วล่ะ ทั้งผมทั้งมันแข่งกันสูงทั้งคู่ มันยังสูงน้อยกว่าผมหน่อยหนึ่ง แต่นมแตกพานเหมือนกันแล้ว มันบ่นกระปอดกระแปดว่าทำไมมันเจ็บขนาดนี้ ผมเองก็คงไม่เจ็บน้อยกว่ามันนักหรอก
   รุ่นพี่ที่จบไปเมื่อปีก่อนแวะมาเยี่ยมที่โรงยิม แล้วทักผมกับเอว่าสูงขึ้นผิดหูผิดตาเลย ไปกินอะไรกันมา ผมกับเอยิ้มกันใหญ่ บอกว่าในที่สุดความฝันของเราทั้งคู่ก็ไกล้จะเป็นจริงแล้ว พักนี้เราหยุดโหนบาร์กันชั่วคราว เพราะเจ็บ แล้วกลัวว่าหน้าอกจะเสียทรงน่ะ เอมันว่ามาว่างั้น
------------------------------------------------------------------
   8 กุมภาพันธ์ 254x
   วันนี้ผมทดลองส่องกระจกดูตัวเองอย่างจริงๆ จังๆ อีกหนหนึ่ง หลังจากไม่ได้ทำมานานมาก ร่างกายผมเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วนะ หน้าอกก็ไม่ค่อยเจ็บแล้ว แถมใหญ่ออกมานิดหนึ่งด้วย เริ่มมีกล้ามเนื้อขึ้นมาเป็นลูกๆ ตามแขนตามขาแล้วล่ะ  ขนตรงนั้นก็เริ่มขึ้นมานิดๆ แล้ว ผมฝันเลยนะว่าอนาคตถ้าผมสูงแล้วหุ่นดีจริงๆ อาจจะมีคนมาทาบทามผมไปเป็นนายแบบก็ได้
   ไอ้วีเปิดประตูเข้ามาเห็นผมยืนส่องกระจกก็ขำก๊าก บอกว่าหลงรูปอยู่หรือไงพ่อคุณ จากนั้นมันก็ถอดเสื้อออก กะเบ่งทับผมเต็มที่ ตามประสารูมเมทที่ดี เออ วีมันยังตัวใหญ่กว่าผมอยู่ แต่เดี๋ยวผมคงไล่มันทัน จากนั้นมันก็ดึงหนังสือออกมาจากด้านหลัง คือมันเหน็บหนังสือไว้ในสื้อด้านหลังน่ะ ถอดเสื้อแล้วหนังสือยังเหน็บกางเกงอยู่ ที่มันเหน็บมาไม่ใช่หนังสืออะไร หนังสือโป๊อีกแล้ว พักหลังนี้มันกับเอสุมหัว ผลัดกันโดดรั้วออกไปซื้อกันคนละรอบ เวลามีเล่มออกใหม่ ผมว่าสองคนนี่เข้ากันได้ดีเรื่องนี้แหละ ไอ้วีบอกว่าในฐานะที่ผมเคยให้มันยืมดู และเป็นรูมเมทที่ดีของมันมาโดยตลอด เล่มนี้มันก็จะไม่คิดค่าดู ให้ผมดูฟรี แต่ผมปฏิเสธมันอีกเช่นเคย บอกว่าเกรงใจน่ะ อีกอย่าง ผมมีไอ้ที่ดีกว่าหนังสือพวกนี้อยู่แล้ว
   พักนี้ครูต้าดูซึมๆ ไปหน่อยหนึ่ง คงเพราะครูกรย้ายกลับไปสอนโรงเรียนเดิมแล้ว ผมแอบสงสารครู่อยู่หน่อยหนึ่งล่ะ ผมไม่รู้ว่าครูกรคิดอะไรกับครูต้ารึเปล่านะ แต่ผมว่าครูต้าคงแอบชอบครูกรอยู่ ดูจากเวลาที่ครูกรมาครูต้าจะยิ้มหน้าบานทุกทีเลย ก็คงเหมือนผมแหละ เพราะเวลาผมเจอหน้าครูต้า ผมยิ้มหน้าบานทุกทีเลย ผมไม่ต้องพึ่งหนังสือโป๊หรอก เพราะเวลาผมมีอารมณ์ทีไร ครูเป็นเหตุทุกทีเลย ในเมื่อครูกรไม่อยู่แล้ว แล้วผมก็เริ่มแตกหนุ่มและสูงขึ้นแล้ว ผมคงพอจะแข่งกับคนอื่นได้บ้างแล้วมั้ง
   วาเลนไทน์นี้ ผมจะไม่เอาดอกกุหลาบที่คนอื่นให้ ให้ครูอีกแล้วล่ะ ผมมีอย่างอื่นจะให้ครูแล้ว......
--------------------------------------------------------------
   14 กุมภาพันธ์ 254x
   ผมวุ่นกับการขายของที่ห้องสหกรณ์เหมือนปีที่แล้วเป๊ะ ดอกกุหลาบขายดีจริงๆ ขนาดว่าเป็นโรงเรียนชายล้วนนะเนี่ย แต่ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าซื้อกันไปทำไม ปีนี้ผมได้ดอกกุหลาบน้อยลงหน่อยหนึ่ง สงสัยเพราะผมไม่ค่อยเหมือนเด็กผู้หญิงแล้วมั้ง แต่ได้หัวใจจากเพื่อนๆ เยอะเหมือนเดิม
   ผมเดินเข้ามาในห้องสหกรณ์หลังเลิกเรียน ครูต้าทักผมก่อนเลยว่าป๊อบปูลาจริงๆ หัวใจเต็มตัวไปหมด ผมเลยจัดการแปะให้ครูดวงหนึ่ง ดวงใหญ่ด้วยนะ บอกครูว่าหัวใจผมนะครับ อย่าเอาไปทิ้งให้ใครนะ ครูอึ้งไปหน่อยหนึ่ง แล้วก็หัวเราะออกมา ผมก็หัวเราะนะ เพราะก็เขินสุดๆ เหมือนกัน พูดไปหน้าร้อนไป ผมเลยแกล้งทำเป็นบ่นว่าอากาศร้อน แล้ววิ่งกลับออกไปล้างหน้าแทน อือ..เพิ่งรู้ว่าจะจีบใครมันยากก็ตรงนี้นี่เอง ผมดูตัวเองตอนล้างหน้า แล้วเห็นว่าหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศเลย เขินขนาดนี้ ผมจะไปรอดมั้ยเนี่ย
   กว่าห้องสหกรณ์จะปิด ท้องผมก็ร้องจ๊อกๆ ไอ้เรื่องที่คิดว่าจะมาพูดกับครูถูกน้ำย่อยย่อยไปหมดเลย
   ท่าทางว่าครูจะเห็นผมจ้องขนมปังกรอบที่วางอยู่บนชั้นขายตาเป็นมัน เลยชวนผมไปกินข้าว บอกว่ามื้อนี้ครูเลี้ยงเอง ค่าที่ทำงานหนัก ผมแอบใจเต้นเหมือนกันนะ ที่เห็นว่าครูยังติดหัวใจของผมอยู่ เอาเถอะ บนเสื้อครูยังมีหัวใจอีกหลายดวง ก็พวกเด็กที่ทำงานด้วยกันนั่นแหละเอามาติดให้ ผมอย่าเพิ่งเข้าข้างตัวเองจะดีกว่า แต่ผมก็ห้ามหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงไม่ได้สักที
   ครูต้าสูงสักร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ ผิวขาวแต่ไม่ถึงกับขาวจัดนะ ผมซอยสไลส์ยาวมาจนถึงท้ายทอย เวลาครูอยู่เฉยๆ น่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่เวลาครูยิ้มออกมานี่ ผมใจเต้นตึกๆ เลย ไม่รู้ว่าเริ่มใจเต้นกับครูตั้งแต่ตอนไหน แต่ตอนนี้ผมใจเต้นไปหมดแล้วล่ะ สั่งกับข้าวก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องแล้ว มัวแต่ดูหน้าครู นึกไปถึงไหนต่อไหน นึกไปถึงว่าถ้าครูยอมตกลงกับผม ผมจะได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเดิมอีกรึเปล่า ผมคิดมากจนของขึ้นเลยล่ะ บ้าจริงเชียว จากนั้นครูก็ทักผมว่าทำไมหน้าแดงๆ ไม่สบายเหรอ ผมเลยบอกครูว่า ผมคงไม่สบาย ผมเป็นโรครักครูแล้วล่ะ
   ตอนผมเขียนบันทึกผมยังเขินอยู่เลยนะ ผมพูดออกไปได้ไงก็ไม่รู้ ตอนแรกผมกะว่าจะรอจนทานข้าวเสร็จ ชวนครูเดินเล่น ไปหาที่เหมาะๆ เงียบๆ แล้วสารภาพกับครู ไหงกลายเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้สิ
   ครูอึ้งไปพักหนึ่งเลยล่ะ ทำเอาผมพลอยวูบไปด้วย ใจหล่นวูบเลยนะ จากนั้นข้าวก็มาพอดี ครูเลยก้มหน้ากินข้าวแล้วไม่พูดอะไรกับผมอีกเลย ผมก็เลยต้องนั่งกินด้วย ใจก็หวั่นๆ ว่าครูจะโกรธหรือเปล่า ตอนนั้นผมคิดมากสุดๆ เลยล่ะ เกือบจะร้องไห้ด้วย กลัวครูจะเกลียดผม
   ครูกินเสร็จแล้วก็นั่งอยู่พักหนึ่ง ผมเลยรีบกิน จากนั้นครูก็จ่ายค่าข้าว แล้วก็ลุกขึ้น ไม่ยอมพูดอะไรกับผมเลย ผมเดินตามครูมาเรื่อยๆ คิดอะไรมากมายจนว้าวุ่นใจไปหมดเลยนะ สุดท้ายก็เลยต้องเรียกชื่อครู แล้วครูก็หยุดเดิน
   ผมใจเต้นแรงแทบจะกระโดดออกมา รอว่าครูจะหันหน้ามาไหม แล้วครูก็ไม่ยอมหัน ทำท่าจะเดินต่อ ผมเลยบอกว่าผมพูดจริงๆ ผมชอบครูนะ เท่านั้นแหละ ครูรีบหันมาแล้วเอามือปิดปากผม บอกว่าอย่าพูดดัง เดี๋ยวใครได้ยินจะไม่ดี ผมรีบพยักหน้า ไฟไม่สว่างหรอกนะ แต่เหมือนเห็นว่าครูหน้าแดงนิดๆ ด้วยล่ะ ใจผมแทบเด้งออกมาเลย
   เราเดินไปด้วยกันจนถึงคลองหลังโรงเรียน ผมแอบเดินเบียดครูด้วยล่ะ เห็นนะว่าครูหน้าแดงหน่อยๆ แต่ผมน่ะร้อนไปทั้งตัวเลย ร่ำๆ อยากจะจับมือครูด้วย แต่กลัวครูตีมือเอา
   ครูเดินมาหยุดตรงตลิ่งริมคลอง แล้วหันมาถามผมว่า ผมไปรับพนันใครมารึเปล่า ผมอึ้งเลยล่ะ ผมเนี่ยนะไปเล่นพนัน ผมสั่นศีรษะทันที ครูมองหน้าผมอีก จากนั้นก็ถอนหายใจ บอกผมว่าช่วงนี้เป็นช่วงสับสนของวัยรุ่น ผมอาจจะสนิทกับครูเกินไปเลยทำให้มาพูดแบบนี้ ผมเถียงทันทีเลยนะว่าผมน่ะไม่ใช่ว่าต้องรอพระจันทร์เต็มดวงถึงมาพูดกับครู ผมคิดของผมไว้นานแล้ว ผมใจเต้นกับครูมาเป็นเดือนๆ แล้ว
   ครูต้ามองหน้าผม ผมเห็นครูหน้าแดงเลยนะ ไม่ใช่เพราะแสงไฟจากเสาไฟแถวนั้นด้วย ผมเลยรีบพูดต่อว่าผมคิดอะไรกับครูบ้าง พูดไปได้สักพักครูก็ตีไหล่ผม บอกว่าผมทะลึ่งเกินตัวไปแล้วนะ อือ.. ผมแค่พูดในสิ่งที่ผมคิดเท่านั้นเอง ตอนนั้นผมเขินสุดๆ ไม่รู้จะทำไงเลยได้แต่พยักหน้า เหงื่อแตกพลั่กๆ เลยล่ะ จากนั้นครูก็เงียบไป พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นครูหันไปมองทางอื่นอยู่ ผมก็ร้อนใจนะ แบบว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว ผมอยากฟังคำตอบจากครู เลยถามครูไปว่าครูจะเป็นแฟนกับผมได้ไหม ครูหันมามองหน้าผม แก้มแดงแจ๋เลย ผมงี้ใจเต้นตึกตั่ก รอครูพูดใจจดใจจ่อ ไม่รู้ครูเงียบไปนานเท่าไหร่นะ แต่ผมรู้สึกเหมือนนานเป็นปีๆ แล้วครูก็พยักหน้า
   ผมกระโดดกอดครูจนครูร้องโอ๊ยเลยล่ะ แบบว่าผมยังเตี้ยกว่าครูนิดหนึ่งนะ หุ่นก็ไม่ใหญ่กว่ากันมาก แต่ครูคงตกใจล่ะมั้ง สักพักครูก็บอกผมว่าผมนี่ยังเด็กอยู่จริงๆ แบบนี้ยังกล้ามาบอกเรื่องแบบนี้กับครูอีก ผมเลยบอกว่าผมยังเด็กผมยอมรับ แต่ที่ผมพูดน่ะจริงทุกคำ ครูก็มองหน้าผม แล้วหัวเราะ ตบแก้มผมเบาๆ แล้วบอกว่าผมนี่ร้ายสุดๆ ไปเลย ผมไม่เข้าใจครูเลย ครูว่าผมร้ายแต่ครูก็ยิ้ม ตกลงผมร้ายแบบนี้ครูชอบรึเปล่านะ
   จากนั้นเราก็เดินกลับเข้ามาในโรงเรียน ผมแอบดึงแขนเสื้อครูไว้หน่อยๆ ด้วยล่ะ แบบว่าไม่กล้าจับมือนะ เลยแค่ดึงแขนเสื้อเอาไว้ ผมเดินไปส่งครูที่รถ อยากจะคุยต่ออีกหน่อยนะ แต่กลัวว่าครูจะกลับดึก ผมถามด้วยล่ะว่าบ้านครูอยู่ไหน ครูบอกไม่ไกลหรอก ว่างๆ อาจจะพาไป ผมยิ้มหน้าบานเลยล่ะ บอกว่าครูว่างเร็วๆ นะผมอยากไป
--------------------------------------------------
   27 กุมภาพันธ์ 254x
   การมีความรักนี่มันมีความสุขจริงๆ นะ พักนี้ผมไปติวหนังสือกับครูต้าทุกวันเสาร์เลยล่ะ เราเจอกันอยู่แล้วช่วงวันที่ผมทำร้านสหกรณ์ วันอื่นเราก็ไปเจอกันตอนพักเที่ยง ผมยังคิดว่าตัวเองฝันอยู่เลยที่ว่าครูเป็นแฟนผมแล้ว พอไม่มีใครมองอยู่บางทีเราก็แอบจับมือกันนะ แค่จับผมก็ร้อนไปทั้งตัวเลยล่ะ เมื่อคืนยังเก็บเอามาฝันจนโดนไอ้วีแซวเรื่องฝันเปียกเลย ผมนี่ไม่ไหวจริงๆ เลยนะ แต่ครูต้าน่ารักน่ะ ไม่รู้จะห้ามตัวเองยังไงเหมือนกัน
------------------------------------------------------
   29 กุมภาพันธ์ 254x
   วันนี้วันเกิดพี่นพ วันเกิดจริงๆ ของพี่นพเลยนะ ที่สี่ปีจะมีสักครั้ง ผมเตรียมเซอร์ไพรส์ใหญ่ด้วยการซื้อปากกาอย่างดีส่งไปให้พี่ พี่ได้เลื่อนตำแหน่งแล้วต้องมีปากกาดีๆ ไว้เซนเอกสารสิ ผมเลยฝากครูต้าซื้อ เอายี่ห้ออย่างดีเลย ผมเห็นตัวปากกาแล้วคิดแน่ว่าพี่ต้องชอบ เลยลงมือห่ออย่างดีส่งไปตั้งแต่สี่วันก่อน วันนี้โทรไปพี่ก็เพิ่งได้ของพอดี ฟังเสียงพี่นพแล้วผมมีความสุขที่สุดเลยล่ะ ถึงพี่นพจะเอ็ดผมนิดหน่อยที่อุตส่าห์เอาเงินเก็บไปซื้อของแพงขนาดนี้มาให้ แต่ผมรู้ล่ะว่าพี่นพดีใจ ผมเองก็ดีใจนะ ในที่สุดผมก็ได้ทำอะไรเพื่อพี่บ้าง ถึงจะเล็กๆ น้อยๆ ก็เถอะ
----------------------------------------------------------------
   10 มีนาคม 254x
   วันนี้หลังสอบเสร็จ ผมมาที่ห้องสหกรณ์ นั่งรอครูต้าเลิกจากคุมสอบอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ครูมาถึงเห็นผมรออยู่เลยชวนไปทานข้าว จากนั้นก็มานั่งคุยกันต่อที่ห้องพักครู
ครูคุยถึงเรื่องข้อสอบว่าทำได้รึเปล่า ผมก็บอกว่าทำได้ คุยกันได้สักพัก ผมก็ทำใจกล้าบอกครูว่าผมอยากจูบครูจะได้รึเปล่า ครูก็อึ้งๆ ไปอีกแล้วนะ คือเราจับมือกันแล้ว มีกอดกันบ้าง แต่ยังไม่เคยจูบกันเลย ผมรู้มาว่าคนรักกันจูบกันได้ ผมอยากลองจูบครูนะ แต่ถ้าจูบเลยกลัวครูจะตบปาก จะขอจูบครูอยู่หลายวันแล้ว แต่คิดไม่ออกว่าจะเริ่มพูดยังไง สุดท้ายก็พูดมันทื่อๆ แบบนี้อีกแล้ว พูดไปผมก็กลัวครูจะตบปากนะเนี่ย
   ครูต้าอึ้งๆ บอกว่าผมทะลึ่ง แล้วหันไปมองอีกทาง ผมร้อนไปทั้งหน้าเลยนะ เวลาครูทำแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกว่าครูน่ารักสุดๆ เลย แต่ครูยังไม่ตอบผมว่าได้รึเปล่า สุดท้ายผมเลยต้องถามอีก ครูก็หันมามองผมเคืองๆ ผมคิดว่าครูโกรธ ก็เลยพูดขอโทษออกไป คราวนี้ครูหันมามองหน้าผม กัดปากนิดหน่อย แล้วบอกให้ผมหลับตา ผมก็ทำตามนะ เชื่อฟังครูอยู่แล้ว จากนั้น ครูก็ จูบปากผมเบาๆ ผมงี้ร้อนไปทั้งตัวเลยล่ะ พอลืมตาขึ้นมองก็เห็นครูหน้าแดง ผมเลยกอดครูไว้แน่น บอกว่าผมชอบครูที่สุด แล้วครูก็กอดผมกลับ จากนั้นเราก็จูบกันอีกรอบ
   ผมเคยได้ยินมานะว่าจูบหวาน แต่ผมว่ารสชาติมันไม่หวานหรอก มันหวานที่ความรู้สึกต่างหาก
----------------------------------------------------------
   27 มีนาคม 254x
   ปิดเทอมหลายวันแล้วล่ะ แต่ครูต้ายังต้องไปๆ มาๆ โรงเรียนอยู่เพราะต้องคุมร้านค้าสหกรณ์ ปิดเทอมลูกค้าน้อย ผมเลยมีเวลาอยู่ใกล้กับครูมากขึ้น พอไม่ได้ติวหนังสือแล้ว ผมเลยได้ถามเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของครูมากขึ้น รู้ว่าครูเป็นลูกคนโต มีน้องสาวอีกสองคน กำลังเรียนอยู่ ครูเป็นพี่คนโตก็ต้องช่วยพ่อแม่หาเลี้ยงน้องเหมือนกัน ผมนึกถึงพี่นพเลยล่ะ พี่นพก็ต้องหาเลี้ยงผมเหมือนกัน ครูต้าอายุน้อยกว่าพี่นพสองปี แต่ก็เป็นพี่ผมอยู่ดีล่ะนะ วันนี้ครูปักผ้าเช็ดหน้าให้ผมผืนหนึ่งด้วย ปักเป็นรูปแมวเหมียวแบบที่ผมวาดเล่นเอาไว้ในสมุดเรียน ครูต้าบอกว่าที่บ้านครูมีแมวตัวหนึ่ง ไม่ได้เลี้ยงหรอก มันมาอยู่ของมันเอง มาตั้งแต่ตัวเล็กๆ ชอบมองตาอ้อนๆ เหมือนผมเลย ผมก็เขินเหมือนกันนะ ผมชอบมองอ้อนๆ เหรอเนี่ย เพิ่งรู้ตัวเองเหมือนกัน
-----------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ3 P13 19/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 22-06-2011 09:21:54
   1 เมษายน 254x
   วันนี้ร้อนสุดๆ สมกับเป็นวันเริ่มต้นของเดือนเมษา ร้อนจนครูต้าบ่นว่าอยากอาบน้ำ เพราะห้องสหกรณ์ไม่มีแอร์น่ะะ มีแต่พัดลม ลูกค้าก็ไม่ค่อยมี ผมเลยเสนอว่าครูปิดร้านสักสิบห้านาทีแล้วไปอาบน้ำที่หอผมก็ได้ ครูลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่พอเริ่มใกล้เที่ยง ครูก็ตัดสินใจว่าไปอาบน้ำดีกว่า เพราะร้อนจนจะสุกอยู่แล้ว ผมล่ะทั้งสงสารทั้งขำครูเลยล่ะ อันที่จริงผมก็ร้อนนะ แต่ผมไม่ได้ใส่เสื้อแขนยาวแบบครู ครูแต่งตัวเรียบร้อยเสมอแหละ แบบนี้จะร้อนก็คงไม่แปลก
   ห้องอาบน้ำที่หอเป็นห้องอาบน้ำแบบรวม เพราะเป็นหอชายล้วน มันจะเป็นราวฝักบัวเรียงกันไปแล้วมีคอกกั้น ปิดเทอมใหญ่แบบนี้ เด็กกลับบ้านกันเป็นส่วนใหญ่ หอเลยเงียบ ครูต้ามาอาบน้ำแก้ร้อนคงไม่มีใครเห็นหรอก เห็นก็คงไม่มีใครว่า ก็มันร้อนนี่นา ผมเข้าห้องไปหยิบผ้าเช็ดตัวให้ครู วีกลับบ้านไปแล้วเลยไม่มีคนดักถามว่าผมหยิบผ้าเช็ดตัวไปเผื่อใครตอนเที่ยงๆ ผมหยิบผ้าเช็ดตัวเสร็จก็เห็นว่าไหนๆ ก็มาหอแล้ว อาบน้ำด้วยเลยดีกว่า เพราะผมก็ร้อนเหมือนกัน
   พอครูรู้ว่าผมจะอาบด้วยก็ขู่ผมเลยว่าห้ามแอบมองนะ ผมก็แซวครูว่าครูไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย จะอายอะไร ผู้ชายด้วยกันแท้ๆ ครูมองหน้าผมแล้วบอกว่า คอยดูแล้วกัน มองครูมากๆ ระวังเธอจะมีปัญหา ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุนะ ผมเลยยืนจ้องครูเลย ครูก็เหมือนจะเขินหน่อยๆ เลยหันหลังให้ผม แต่ผมน่ะรู้เลยล่ะว่าทำไมครูไม่ให้มอง พอผมเห็นครูเริ่มถอดเสื้อ ใจผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะ พอครูถอดหมด ผมก็รีบวิ่งไปที่ที่คอกอาบน้ำอีกฝั่งหนึ่งทันที อายน่ะ กลัวครูเห็นว่าผมของขึ้นอีกแล้ว ผมรีบถอดเสื้อ เปิดฝักบัวให้น้ำรดตัวเผื่อมันจะสงบลงนะ แต่พอเหลือบตาไปมองครูที่อาบอยู่ถัดไปอีกสี่ห้าคอก ผมก็เห็นครูมองมาแล้วยิ้มๆ สงสัยครูจะรู้แล้วแน่เลยว่าผมเป็นอะไร ผมเขินสุดๆ เลยล่ะ ตรงนั้นเลยแข็งโป๊ก ทำไงก็ไม่ยอมสงบลงเลย แล้วผมจะออกจากห้องน้ำยังไงล่ะเนี่ย
   ครูต้าอาบน้ำอ้อยอิ่งเหมือนจะแกล้งผม ผมรู้หรอกว่าครูร้อน แต่ตอนนี้เหมือนผมจะร้อนกว่าครูแล้ว ครูอาบน้ำเสร็จก็นุ่งผ้าเช็ดตัวมายืนจ้องผม ผมเขินสุดๆ ไม่รู้จะทำยังไง เลยบอกครูว่าผมมีปัญหาเรื่องเดิมอีกแล้ว ครูก็หัวเราะแล้วถามผมว่าจะให้ครูช่วยอีกไหม ผมเขินจนร้อนไปทั้งตัวเลยล่ะ แต่ก็กัดฟันพูดออกไปว่า ถ้าครูอยากช่วยผมก็อยากให้ครูช่วย ครูก็เดินมาใกล้ๆ ผม แล้วบอกว่าขอครูดูหน่อยสิ ผมงี้อายสุดๆ เลยล่ะ ไม่กล้าหันไปให้ดูหรอก เพราะตอนนี้มันใหญ่ว่าตอนที่ผมให้ครูช่วยครั้งแรกตั้งเยอะ แถมมีขนด้วย พอผมไม่หันไปครูเลยเดินเข้ามาดูแทน ผมอายก็อายนะ แต่ก็อยากเห็นหน้าครูเหมือนกันว่าจะทำหน้าแบบไหนตอนเห็นแล้ว พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นครูต้าหน้าแดงอีกแล้ว ผมเห็นแบบนั้นเลยหันหน้ามาหาครูทันที กลั้นใจถามไปว่าครูเห็นผมแล้วไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ ครูก็อึ้งไปพักหนึ่งนะ ผมเลยก้มมองตรงนั้นของครู ครูรีบหันหลังกลับเลยล่ะ แต่ผมเห็นนะว่าของครูมันดันผ้าเช็ดตัวขึ้นมา ผมเลยเดินไปใกล้ๆ ครูบ้าง ครูหันหน้ากลับมามองผมหน่อยหนึ่ง แก้มครูแดงแจ๋เลยล่ะ ผมเองก็ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวเลยนะ หน้าผมกับหน้าครูอยู่ไม่ห่างกันเท่าไหร่ ผมเลยก้มลงจูบครู แต่ครูรีบผลักผมออกทันที แล้วบอกว่าเดี๋ยวมีคนเห็น ผมเลยเดินไปปิดประตูห้องน้ำ ล็อกซะเลย หันกลับมาก็เห็นครูทำหน้าอึ้งๆ แต่ตรงนั้นครูยังแข็งอยู่เลยนะ ผมไม่ไหวแล้วล่ะ ครูน่ารักเกินไปแล้ว
   จากนั้นเราก็จูบกันอีก ผมเพิ่งเคยกอดครูตอนเปลือยเป็นครั้งแรก ใจเต้นแรงสุดๆ เลย เราสองคนจูบแล้วลูบกันจนร้อนไปหมด ทั้งๆ ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จแท้ๆ ผมดึงผ้าเช็ดตัวครูออก ตรงนั้นของเราเลยเบียดกันเต็มๆ ผมตื่นเต้นนะ ของครูก็แข็ง ร้อนด้วย ผมจูบครูอีกรอบ ลิ้นของเราดุนกันไปดุนกันมาอย่างไม่มีใครยอมใคร ตรงนั้นผมคัดจนตึงไปหมดแล้ว แต่ครูก็ไม่ยอมจับของผมสักที ผมเลยจับของครูก่อน ได้ยินเสียงครูร้องอ๊ะ ผมรีบปล่อยเลยล่ะ เพราะนึกถึงตอนที่จะโดนข่มขืนขึ้นมา สงสัยครูจะงงที่เห็นผมหยุดไปดื้อๆ เลยถามว่าเป็นอะไร ผมเลยเล่าให้ครูฟังว่าคิดถึงเรื่องตอนนั้นอยู่ ครูมองหน้าผม แล้วยิ้ม จากนั้นก็จูบแก้มผมเบาๆ แล้วบอกว่าผมนี่ยังเด็กอยู่จริงๆ เลย ผมยอมรับก็ได้ว่าผมยังเด็ก แต่ที่ผมไม่อยากทำให้ครูรู้สึกไม่ดีคงไม่เกี่ยวกับว่าผมยังเด็กหรือไม่เด็กนะ ครูมองหน้าผมอึ้งๆ แล้วก็จูบผมอีก จากนั้นก็ถามผมว่าอยากจะทำให้ครูหรือให้ครูทำให้ ผมก็อึ้งนะ เขินด้วยล่ะ จู่ๆ มาถามว่าอยากจะทำหรืออยากจะให้ทำ ผมจะตอบยังไงดีล่ะ เลยถามครูไปว่าถ้าผมทำครูจะเจ็บมากรึเปล่า ครูเลยย้อนกลับมาว่าที่ผมถามอย่างนี้เพราะผมกลัวจะเจ็บเองรึเปล่า ผมพยักหน้ารับหน่อยๆ แต่ก็บอกครูว่าผมอยากทำให้ครูนะ เพราะครูทำให้ผมมาเยอะแล้ว แถม...มีคนบอกผมว่าทำดีๆ คนที่รับก็รู้สึกดีได้เหมือนกัน คนบอกไม่ใช่ใครหรอก ไอ้วีนั่นแหละ แต่ผมไม่บอกครูหรอกนะ เพราะมันเรื่องของเพื่อนผม
   ครูต้าหน้าแดงอีก ผมชอบเวลาครูหน้าแดงแบบนี้จัง ครูเขินผมด้วย ไม่ใช่ว่าปล่อยให้ผมเขินอยู่แค่ฝ่ายเดียว จากนั้นครูก็บอกให้ผมใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ บอกผมว่าต้องทำยังไงบ้าง ผมเชื่อครูทุกอย่าง เพราะผมอยากให้ครูมีความสุขนะ อยากให้ครูพอใจผม
   เราเริ่มจูบและลูบกันอีกรอบ จากนั้นครูก็บอกให้ผมลองใช้สบู่หล่อลื่นตรงนั้นดู ผมก็ทำตาม ตอนแรกก็กลัวเหมือนกันว่าครูจะแสบ แต่ครูบอกว่าไม่เป็นไร ผสมน้ำเอาแค่พอลื่นๆ ก็พอ ไม่ต้องเข้มข้นมาก จากนั้นครูก็บอกให้ผมลองสอดนิ้วเข้าไป ข้างในครูนุ่มมากเลยล่ะ ร้อนด้วย จนตรงนั้นผมยิ่งคัด ครูบอกให้ผมสอดนิ้วลึกอีก ผมก็ทำตามนะ ใจเต้มตึกๆ เพราะของครูมันรัดนิ้วผมแน่นเลยล่ะ ทำแบบนั้นสักพัก ครูก็ให้ผมลองใส่ของตัวเองเข้าไป
   ผมบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ แบบครูว่า เพราะนึกถึงเรื่องที่พวกพี่เตยเล่า นึกถึงหลายๆ อย่าง ผมไม่อยากทำให้ครูเจ็บ เลยค่อยๆ ทำสุดๆ จนครูบอกว่าดันให้แรงอีกก็ได้ ผมกลัวครูเจ็บนะ แต่ก็ลองทำตามดู ครูสะดุ้งนิดหน่อย ตอนที่ผมหลุดเข้าไปได้ครึ่งหนึ่ง ผมเลยกอดครูแน่นเลย รีบถามทันทีว่าครูเจ็บมากรึเปล่า ครูสั่นหัว แล้วบอกให้ผมทำต่อ ผมเลยค่อยๆ ใส่เข้าไปจนสุด ตรงนั้นของครูทั้งร้อนทั้งนุ่มเลย แถมรัดจนผมเกือบครางออกมา จากนั้นครูก็บอกให้ผมลองขยับดู แต่อย่าให้หลุดออกไปนะ
   ผมครางเลยล่ะ น่าเกลียดรึเปล่าไม่รู้นะ แต่ผมรู้สึกดีกว่าตอนช่วยตัวเองกับมือเป็นไหนๆ ดีกว่าตอนที่ครูช่วยผมครั้งแรกเสียอีก ผมขยับไปได้สักพักก็เสียวจนทนไม่ไหว เสร็จทั้งๆ ที่ครูยังไม่ถึงไหนเลย ผมทั้งเขิน ทั้งอาย ทั้งเสียหน้าเลยล่ะ ที่เสร็จไปก่อน พอตั้งตัวได้แล้ว ผมรีบบอกครูว่าผมจะทำใหม่ เอาให้ครูรู้สึกดีให้ได้เลย เหมือนว่าครูจะหัวเราะด้วยนะ แล้วเราก็เริ่มทำกันอีกครั้ง ผมพยายามใช้มือช่วยครูไปด้วย ในที่สุดครูก็เสร็จ แล้วผมก็เสร็จอีกรอบ ผมขาอ่อนไปหมดเลยล่ะ ขนาดต้องเกาะคอกกั้นเอาไว้ตอนขยับออก ครูต้าหันมาจูบผมอีกรอบ ผมดูแล้วครูยังแรงดีอยู่เลย มีแต่ผมนี่แหละที่หมดแรงแล้ว
   หลังจากพอมีแรง เราก็อาบน้ำกันอีกรอบ ใส่เสื้อผ้า แล้วออกมาเผชิญกับอากาศร้อนด้านนอกต่อ
   ไม่น่าเชื่อเลยล่ะว่าผมจะมีอะไรกับครูแล้ว ครั้งแรกของผม ดีสุดๆ ไปเลย
----------------------------------------------------
   11 เมษายน 254x
   พี่นพมารับผมกลับบ้านช่วงวันหยุดสงกรานต์ล่ะ ปีนี้เราวางแผนกันว่าจะไปเล่นน้ำกันที่ข้าวสาร เพราะพี่นพเพิ่งเคลียร์งานเสร็จเมื่อวานนี้เอง ผมเลยบอกว่าให้เล่นใกล้ๆ บ้านแล้วกัน พี่จะได้ไม่ต้องขับรถไกลมาก ปีนี้พี่นพได้เลื่อนตำแหน่ง งานเลยหนักขึ้นอีกเท่าตัว แต่พี่นพบอกว่าตำแหน่งขึ้น เงินเดือนก็ขึ้นด้วย จะได้ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ผมได้ ผมสงสารพี่นพนะ อยากจะเรียนจบไวๆ จะได้หาเงินเอง ไม่ต้องให้พี่นพต้องลำบากแบบนี้อีก
   พี่นพบอกว่าผมโตขึ้นผิดหูผิดตาเลย อีกหน่อยคงจะตัวใหญ่กว่าพี่นพแล้ว ผมเพิ่งสูงแค่ร้อยหกสิบแปดเอง พี่นพนั่นแหละ สูงตั้งร้อยเจ็ดสิบเกือบร้อยแปดสิบ อีกนานล่ะกว่าผมจะโตทัน แต่ผมก็มีความสุขแล้วล่ะที่ตัวใหญ่ขึ้นมาได้ตั้งขนาดนี้
   ก่อนกลับผมขอเบอร์โทรศัพท์ครูต้ามาเรียบร้อย ครูบอกผมว่าไม่จำเป็นไม่ต้องโทรมาก็ได้ เปลืองค่าโทรศัพท์ แต่ผมว่าผมต้องคิดถึงครูมากแน่ๆ เพราะฉะนั้น เดี๋ยวผมจะซื้อบัตรโทรศัพท์โทรเอาแบบตอนอยู่หอ พี่นพจะได้ไม่เดือดร้อน ครูจะได้สบายใจด้วย
---------------------------------------------------------
   15 เมษายน 254x
   วันนี้พี่นพถามผมว่าเมื่อคืนผมคุยโทรศัพท์กับใคร ท่าทางมีความสุขเชียว ผมก็ยิ้มเขินๆ นะ จนพี่นพแซวว่าผมแอบโดดรั้วโรงเรียนไปมีแฟนเป็นสาวโรงเรียนใกล้ๆ รึเปล่า ผมเลยบอกว่าเปล่า เป็นครูที่โรงเรียน พี่นพเลยทุบไหล่ผมทีหนึ่ง บอกว่าเดี๋ยวนี้ผมริอาจจีบครูเลยเหรอ ถึงจะแค่ครูฝึกสอนก็ครูนะ ผมเลยบอกว่าเปล่า ครูที่ผมจีบไม่ใช่ครูฝึกสอนนะ เป็นครูที่ทำงานประจำอยู่ที่โรงเรียนนี่แหละ คราวนี้พี่นพหน้าเปลี่ยนเลย หันมาพูดกับผมจริงๆ จังๆ ว่าทำไมต้องจีบคนอายุเยอะกว่าขนาดนั้น ผมก็เลยบอกว่าก็ไม่เยอะเท่าไหร่นะ เด็กกว่าพี่นพตั้งสองปี พี่นพทำท่าเหมือนคนจะเป็นลม แล้วถามผมอีกว่าครูคนนั้นแต่งงานแล้วยัง ผมเลยบอกว่ายัง พี่นพก็ดูจะโล่งใจหน่อยหนึ่ง แล้วบอกผมว่าจะชอบครูที่อายุเยอะกว่าขนาดนั้นก็ได้ แต่ห้ามชอบครูที่มีลูกมีผัวแล้วเด็ดขาด ผมเลยเถียงว่าผมไม่ชอบหรอก เพราะครูที่ผมชอบเป็นผู้ชาย คราวนี้พี่นพอึ้งไปเลยล่ะ ตั้งแต่จำความได้ ผมเพิ่งเคยเห็นพี่นพดูตกใจขนาดนี้ก็ครั้งนี้นี่แหละ หลังจากนั้นพี่นพก็เริ่มถามผมเสียงเข้มว่าทำไมผมถึงไปชอบครูผู้ชาย ครูผู้หญิงมีทำไมไม่ชอบ ผมเลยบอกพี่นพตามตรงว่าผมไม่ชอบผู้หญิง พี่นพถามย้ำผมอีกสี่ห้ารอบ พอผมยืนยันเหมือนเดิมก็ทำท่าจะร้องไห้ ผมสงสารพี่สุดๆ เลย แต่ไม่รู้ว่าผมทำผิดตรงไหน ทำไมพี่ต้องทำท่าเสียใจขนาดนี้ด้วย ถึงครูที่ผมจีบจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่ก็เป็นคนดีนะ
   พี่นพไม่พูดกับผมเป็นครึ่งวันเลยล่ะ ผมอึดอัดสุดๆ จะเข้าไปถามพี่นพก็ไม่ยอมให้ถาม บอกผมว่าอย่าเพิ่งพูดอะไร ผมเดินวนไปวนมาอยู่ในบ้าน ไม่รู้จะทำยังไงดี เลยเดินไปจัดนั่นจัดนี่ เผื่อพี่นพเห็นแล้วจะสบายใจบ้าง ผมเห็นรูปถ่ายผมกับพี่วางอยู่หลายรูป ผมรักพี่นพนะ แต่ผมก็ชอบครูต้า แค่ผมชอบครูผู้ชายมันผิดขนาดนี้เลยเหรอ ผมไม่เข้าใจเลย
   ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองร้องไห้ตอนที่นั่งดูรูปถ่ายอยู่แล้วน้ำตามันหยดลงไป ผมตกใจเลยล่ะ รีบเอาชายเสื้อเช็ดรูป กลัวมันจะเป็นรอย แล้วก็รีบป้ายน้ำตาออก ผมเป็นเด็กผู้ชายต้องไม่ร้องไห้ พี่แนนสอนไว้ว่างี้ พี่นพยังไม่เคยร้องไห้ให้ผมเห็นเลย ผมก็ต้องไม่ร้องเหมือนกัน เดี๋ยวไว้พี่นพอารมณ์ดีขึ้น ผมค่อยไปอธิบายเรื่องครูให้ฟังก็ได้ พี่นพเป็นคนมีเหตุผลอยู่แล้ว พี่คงไม่โกรธผมนานๆ โดยไม่ถามเหตุผลผมก่อนหรอก
   พอตกเย็นๆ พี่นพก็เดินมาหาผม แล้วถามผมว่าชอบครูคนนั้นตรงไหน ผมรู้ว่าพี่นพไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ถึงหน้าพี่จะดูไม่อยากจะเชื่อผมอยู่บ้างก็เถอะ ผมอธิบายเหตุผลไป พี่นพฟังแล้วก็พยักหน้าเป็นระยะๆ พอเล่าจบ พี่ก็ชวนผมออกไปกินข้าวข้างนอก
   เราสองคนพี่น้องไปกินข้าวกันที่ร้านประจำซึ่งสมัยก่อนกินกันอยู่บ่อยๆ อาแปะที่ร้านทักด้วยล่ะว่าเกือบจะจำผมไม่ได้ โตขึ้นผิดหูผิดตาเลย ผมก็ยิ้มๆ นะ แต่พี่นพสิ ปกติจะยิ้มหน้าบาน วันนี้ยิ้มไม่ค่อยออกแล้ว สงสัยจะยังโกรธผมไม่หาย ผมไม่รู้จะทำยังไงดี เลยถามพี่นพว่าอยากกินไอติมร้านข้างๆ ไหม ผมจะเดินไปสั่งให้ พี่นพก็บอกไม่กิน ผมเลยถามว่าน้ำแตงโมปั่นพี่นพจะดื่มรึเปล่า เดี๋ยวผมจะเดินไปสั่งให้ พี่มองผม ยิ้มแล้วถอนหายใจออกมา บอกว่าไปสั่งมาทั้งน้ำแตงโมทั้งไอติมเลย อย่างละสองนะ แต่ผมไม่ชอบน้ำแตงโมเลยสั่งน้ำลำไยมาแทน
   จากนั้นพี่นพก็พาผมไปเดินเที่ยวห้าง เดินไปได้สักพักพี่นพก็ถามผมว่าผู้หญิงคนนั้นสวยรึเปล่า ผมรีบพยักหน้า เพราะอยากให้พี่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที สักพักพี่นพก็ชี้ให้ผมดูผู้ชายอีกคน แล้วถามว่าคนนี้เป็นไงบ้าง ผมหันไปมองพี่นพเลยนะ แล้วถามว่าพี่นพชอบผู้ชายหรือ พี่นพตบหลังผมเบาๆ แล้วบอกว่าถามผมนั้นแหละ ดูว่าผมชอบผู้ชายจริงๆ หรือเปล่า ผมหัวเราะเขินๆ แล้วบอกพี่นพว่าผมไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคนนะ แค่ชอบครูเท่านั้นเอง พี่นพพยักหน้า ดูจะอารมณ์ดีขึ้น เลยพาผมไปดูรองเท้ากีฬา บอกว่าผมสูงขนาดนี้ อีกหน่อยคงจะได้เล่นเป็นตัวจริงทีมบาสฯโรงเรียนแน่ ซื้อรองเท้าไปเตรียมไว้ก่อนเลย ผมหัวเราะเขินๆ บอกพี่นพว่าผมเพิ่งหัดเล่นทีมไม่นานนี้เอง พี่นพก็บอกว่าเดี๋ยวก็เล่นเก่ง น้องพี่เก่งอยู่แล้ว สุดท้ายผมเลยได้รองเท้าสำหรับเล่นบาสฯโดยเฉพาะมาคู่หนึ่ง สีดำ ดีที่ไม่แพงมาก เพราะมีลดราคาพอดี ผมเห็นพี่นพควักกระเป๋าแล้วนึกฮึดกับตัวเองว่าจะต้องขยันซ้อม เล่นให้เก่งให้ได้ ให้คุ้มกับเงินที่พี่นพอุตส่าห์หามาซื้อรองเท้าให้ผม
   ก่อนจะกลับเราแวะซูเปอร์ ซื้อขนมไปกินกันพรุ่งนี้ ตอนเดินผ่านเคาน์เตอร์หนึ่งพี่นพชี้ให้ผมดูถุงยาง แล้วบอกว่าถ้าผมจะมีอะไรกับครูหรือใครอย่าลืมใส่ถุงยางป้องกันก่อนนะ จากนั้นก็อธิบายข้อดีข้อเสียของการมีเพศสัมพันธ์ทางด้านหลังให้ผมฟัง ผมนึกถึงที่ครูต้าพูดตอนผมอยู่ม.1เลยล่ะ แต่ตอนมีอะไรกันครั้งแรกครูไม่ได้ให้ผมใช้ถุงยางนี่ หรือครูจะลืม
   พี่นพดูจะกังวลแทนผมเป็นพิเศษ ถามว่าผมไซต์ไหน ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันนะ เลยทำมือให้พี่ดู แล้วพี่ก็ซื้อถุงยางมาให้ผมกล่องหนึ่ง บอกว่าถ้าเกิดถึงเวลาต้องทำเรื่องอย่างว่าอย่าลืมเอามาใช้ แล้วก็บอกวิธีใช้ให้ผมเสร็จเลย พี่ผมรอบคอบจริงๆ เลยล่ะ
-------------------------------------------------------------
   28 เมษายน 254x
   ผมกลับมาที่โรงเรียนแล้ว หลังจากไปเล่นอยู่ที่ทำงานพี่นพตั้งเกือบสิบวัน พี่นพได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการอะไรสักอย่าง มีห้องเป็นของตัวเองแล้ว พี่ผมซะอย่าง อีกหน่อยคงได้เป็นผู้จัดการแน่นอน
   ผมกลับมาพร้อมเสื้อใหม่หลายชุดเลย จริงๆ คือเสื้อพี่นพสมัยวัยรุ่นนั่นแหละ พี่หนิงกับพี่แนนพับเก็บใส่ตู้เอาไว้ เผื่อผมโต จะได้เอาไปใส่ หลายชุดยังใหม่ๆ อยู่เลย เพราะช่วงนั้นพี่นพโตเร็วมาก เหมือนผมนี่ล่ะมั้ง บางชุดใส่ได้ไม่เท่าไหร่ก็คับแล้ว เลยต้องซื้อใหม่ ผมเลยได้มรดกมาเพียบเลย แอบเอาตัวใหญ่กว่าติดมาสองสามตัวด้วยล่ะ เผื่อผมจะตัวใหญ่ทันพี่นพเร็วๆ นี้ ผมนี่เริ่มช่างฝันเข้าไปทุกทีแล้ว
   วีกลับมาก่อนผมเช่นเคย คราวนี้มันมาพร้อมกับหนังสือการ์ตูนกล่องใหญ่ บอกว่าไปขอพี่แถวบ้านมา จะได้ขยายกิจการเช่าหนังสือของเราให้กว้างขึ้น มันเห็นผมรื้อเสื้อออกมาหลายตัวเลยแซวใหญ่ว่าผมจะเตรียมตัวโตแล้ว ผมเลยบอกว่าผมโตทันมันแน่ มันก็ขำอีก บอกว่าผู้ชายกว่าจะหยุดโตก็อายุยี่สิบโน่น มันยังจะตัวใหญ่นำหน้าผมไปอีกนาน ผมเลยปล่อยให้มันขำไปก่อน ตอนนี้ผมยังเตี้ยกว่ามันอยู่ แต่ใครจะไปรู้ สิ้นปีผมอาจจะสูงกว่ามันก็ได้
-----------------------------------------------------------------------
   5 พฤษภาคม 254x
   ผมคิดอยู่ตั้งนานว่าจะใส่รองเท้าใหม่มาซ้อมบาสฯดีมั้ย กว่าจะตัดสินใจว่าไหนๆ พี่นพก็อุตส่าห์ซื้อมาให้แล้ว ผมควรจะใช้ให้คุ้ม ก็สายโด่ง ผมมาถึงยิม ก็เจอไอ้เอเล่นอยู่ก่อนแล้ว  พอมันเห็นผมก็ทักทันทีว่าตัวมันมีอะไรเปลี่ยนไปรึเปล่า ผมเลยถามว่ามันตัดผมหรือ? มันก็บอก เออ แต่ยังมีอย่างอื่นอีกนะที่เปลี่ยน ผมเลยบอกว่ามันเปลี่ยนเสื้อ เพราะมันสูงแล้ว มันก็บอกว่ายังมีอีก ผมทายไปหลายอย่างก็ยังไม่ถูก สุดท้ายมันเลยให้ผมดูรองเท้า อ้อ มันซื้อรองเท้าบาสฯมาใหม่ ผมเลยบอกว่าผมก็ซื้อเหมือนกัน สรุปเราเลยคุยกันเรื่องรองเท้าจนอาจารย์ต้องมาไล่ให้ไปซ้อม
   ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่านะ แต่ใส่รองเท้าใหม่แล้วเหมือนจะกระโดดได้สูงขึ้น แต่ไอ้เอตลกกว่าผมอีก มันว่ามันจะเริ่มหัดทำแอร์วอล์คแล้ว ผมเลยปล่อยให้มันฝันไป ตอนนี้ผมขอแค่ชู้ตลูกถูกท่าก่อนก็แล้วกัน
-------------------------------------------------------------------
   14 พฤษภาคม 254x
   เปิดเทอมมาได้หลายวันแล้วล่ะ ผมกลายเป็นเด็กม.3แล้ว กลายเป็นพี่ใหญในระดับม.ต้นไปแล้วล่ะ เห็นจุดสามจุดบนเสื้อแล้วนึกถึงพี่นพทุกที ตอนผมจำความได้ เหมือนว่าพี่นพจะอยู่ม.3แล้วล่ะ ยังจำเรื่องที่ไปนั่งดูพวกพี่ๆ เตะบอลได้อยู่เลยนะ เหมือนเพิ่งผ่านมาไม่กี่วันนี่เอง แต่ตอนนี้ผมจะอายุสิบห้าแล้ว อยู่ม.3เหมือนพวกพี่ตอนนั้นแล้วล่ะ เวลานี่มันผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ
   วันนี้ครูที่สอนวิชาแนะแนวพูดถึงเรื่องเรียนต่อ ว่าพอจบม.3แล้วเราสามารถเปลี่ยนไปเรียนต่อสายวิชาชีพได้ หรือว่าจะเรียนต่อสายสามัญก็ได้
   ผมสนใจสายวิชาชีพนะ เห็นว่ามีทั้งที่เรียนเกี่ยวกับวิศวะ ซึ่งทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรด้วย แล้วก็มีเรียนเกี่ยวกับเขียนแบบ พวกสถาปัตย์ แล้วก็ยังมีพวกเรียนทำขนม เยอะแยะไปหมดเลย ครูบอกว่าเรียนพวกนี้แล้ว จบไปก็ทำงานได้เลย หรือจะต่อระดับมหาวิทยาลัยต่อก็ได้ ส่วนสายสามัญต้องต่อระดับมหาวิทยาลัยก่อน
   ตกเย็นผมเลยเอาเรื่องนี้มาคุยกับครูต้า ครูถามยิ้มๆ ว่าผมอยากจะไปเข้าที่ไหน ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน เลยถามครูว่ามีโรงเรียนแนะนำมั้ย เอาแบบที่ใกล้บ้านครูน่ะ ผมจะได้ไปมาหาสู่กับครูได้ แบบที่เป็นโรงเรียนประจำได้ยิ่งดี พี่นพจะได้ไม่ต้องพะว้าพะวงมารับส่งผม
   ครูขยี้หัวผมแล้วบอกว่า ผมนี่ช่างคิดจริงๆ พี่ชายคงต้องรักมากแน่ๆ ผมยังไม่ได้เล่าเรื่องที่พี่นพโกรธเรื่องที่ผมคบครูให้ครูฟังนะ กลัวครูไม่สบายใจ เลยบอกครูไปว่าพี่ผมน่ะน่ารักที่สุดอยู่แล้วล่ะ ครูเลยบอกว่าผมนั่นแหละที่น่ารัก ผมอึ้งไปนิดหนึ่งเลยล่ะ แบบว่าเขินน่ะ ก็ครูเล่นชมผมนี่นา ผมไม่รู้จะแก้เขินยังไงเลยดึงมือครูมาจับเอาไว้ แล้วบอกว่าครูก็น่ารักเหมือนกัน สงสัยครูจะเขินล่ะมั้ง เลยดีดมือผมดังเพี๊ยะ แต่ผมไม่ปล่อยหรอก เพราะครูไม่ได้ดึงมือหนีผมนี่นา
------------------------------------
   1 มิถุนายน 254x
   วันนี้ผมออกไปนอกโรงเรียนกับครูต้า เพื่อไปซื้อของมาเผื่อกิจกรรมกีฬาสีที่เริ่มต้นอีกแล้ว ปีนี้ผมได้เป็นตัวจริงทีมบาสฯของสีด้วยล่ะ เลยต้องลางานที่สหกรณ์ไปซ้อม แต่พอรู้ว่าครูต้าจะออกไปซื้อของผมก็รีบอาสาไปหิ้วของให้ทันที ผมสูงกว่าครูต้าแล้วล่ะ ตัวก็ใหญ่กว่าแล้ว ครูยังบ่นเลยว่าผมสูงแซงหน้าครู แต่ผมดีใจนะ ผมตัวใหญ่แล้ว จะได้ช่วยครูได้มากขึ้น
   เราไปซื้อของกันแล้วแวะทานข้าวกันเหมือนคราวก่อน แต่คราวนี้ผมรบเร้าจะให้ครูพาไปเที่ยวบ้าน เพราะไหนๆ ก็ออกมาแล้ว แถมผมยังไม่ค่อยได้เจอครูมาตั้งหลายวันแล้วด้วย
   ครูมองหน้าผมแล้วถามจริงๆ จังๆ ว่า อยากไปบ้านครูเพราะหวังทำเรื่องอย่างว่าด้วยรึเปล่า ผมหน้าร้อนทันทีเลยล่ะ เลยตอบครูไปตามจริงว่าผมคิดแบบนั้นแหละ ครูตีไหล่ผมหนหนึ่ง แล้วบอกว่าคราวนี้ถ้าจะทำต้องใส่ถุงยางนะ ผมรีบพยักหน้า ผมลองที่พี่นพซื้อมาให้แล้วล่ะ แต่คับไปนิดหนึ่ง กำลังคิดอยู่พอดีว่าถ้าถึงเวลาคงต้องไปซื้อใหม่
   แล้วผมก็ได้ไปบ้านครูจริงๆ บ้านครูอยู่หลังโรงเรียนไม่ไกลนี่เอง เป็นบ้านพัก เพราะบ้านเดิมครูอยู่จังหวัดอื่น ผมเพิ่งรู้ว่าครูอยู่คนเดียว ท่าทางจะเหงาแย่ มิน่าถึงได้ขยันไปทำงานทุกวัน ก่อนถึงบ้านครูจอดรถให้ผมจัดการซื้อถุงยางก่อน ผมเลยถามครูว่าครูจะให้ผมซื้อเผื่อด้วยรึเปล่า ครูตีผมอีกแล้วบอกว่าไม่ต้อง ผมจัดการของตัวเองไปก็พอ ครูหน้าแดงด้วยล่ะ น่ารักจริงๆ เลย
   บ้านพักของครูไม่กว้างมาก พอที่คนสองคนจะอยู่ได้สบายๆ ครูจัดบ้านเป็นระเบียบมากเลย ผมเลยบอกครูว่า เดี๋ยมผมจบม.3 จะสอบเข้าอาชีวะแถวๆ นี้ จะได้ย้ายมาอยู่กับครู ครูหัวเราะ แล้วถามผมว่าพี่ชายไม่ว่าหรือไง ผมเลยบอกว่าถ้าอธิบายดีๆ พี่ชายผมไม่ว่าหรอก ครูมองผมยิ้มๆ แล้วตบไหล่ผมอีกรอบ บอกว่าผมนี่ยังเด็กอยู่จริงๆ ผมเลยดึงครูเข้ามากอด แล้วบอกครูว่าอีกไม่กี่เดือนผมก็จะเป็นนายแล้ว ผมไม่ใช่เด็กชายแล้วล่ะ ได้ยินครูหัวเราะ แล้วก็กอดผม
   ผมกับครูมีอะไรกันอีกครั้ง คราวนี้ผมเตรียมตัวมาอย่างดี พยายามไปศึกษาเทคนิคจากหนังสือบ้าง อินเตอร์เน็ตบ้าง ไม่อยากให้ครูต้องคอยสอนผมอยู่ตลอด แถมยังต้องอารมณ์ค้างแบบคราวที่แล้วแล้วล่ะ
   เตียงที่บ้านครูเป็นเตียงเดี่ยว นอนเบียดกันแคบสุดๆ แต่ผมมีความสุขมากเลยล่ะ วันนี้ครูน่ารักมากเลย กอดผมแน่น แถมเรียกชื่อผมด้วย ผมจูบครูไม่รู้กี่ครั้ง เหมือนพูดว่ารักครูเท่าไหร่ก็ไม่พอจะอธิบายความรู้สึกของผม ผมบอกครูว่า ปีหน้าผมจะช่วยครูออกเงินซื้อเตียงใหม่ ให้ใหญ่กว่านี้สักนิด จะได้นอนคู่กันได้สบายๆ ผมจะย้ายมาอยู่กับครูแล้ว ครูยิ้มๆ แล้วกอดผมเอาไว้ บอกว่าผมนี่เด็กเมื่อวานซืนจริงๆ ผมเลยเถียงครูต่อว่าอีกสองเดือนผมก็จะเป็นนายแล้ว ครูไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้ม หรือครูอยากให้ผมเป็นเด็กชายไปตลอดนะ
-------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: the_pupae ที่ 22-06-2011 09:43:15
เด็กน้อยใสปิ๊งจริงๆเลย......แต่ดูท่าจะอีกหลายหน้ากว่าจะถึงเฮียไพ o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 22-06-2011 10:00:02
น้องนพ   :L2: :L2:

น่ารักเสมอเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MimicClub ที่ 22-06-2011 10:06:40
น้องนพ นี่น่ารักจังเลย อยารู้จังว่านพคิดยังไงตอนเจอกับ อาไพ อิอิ  :-[ + 1 ให้กำลังใจจะได้อัพไวๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 22-06-2011 10:45:23
อ่านแล้วเขินด้วย :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 22-06-2011 11:51:05
555 นี่ซิถึงเรียกว่า ขึ้นครู ของแท้ 555
.
น่านักดีครับ ผมชอบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 22-06-2011 11:55:16
อ่านแล้วอิ่มเอมใจยังไงไม่รู้  (ด้วยสำนวนภาษา และลีลาในการเล่าด้วยแหละ ที่ทำให้ได้ความรู้สึกนี้)
นพรัตน์ร่ารักมาก แบบนี้ถ้าเป็นน้องนุ่งลูกหลานใครก็ตาม คงไม่รู้สึกเหนื่อยไม่รู้สึกท้อ ในการส่งเสียเลี้ยงดูเลยแหละ
คงมีแต่ความปลื้มใจภูมิใจในตัวเด็กคนนี้ นพรัตน์เป็นเด็กที่รู้คิดและเข้าใจคนที่ส่งเสียเลี้ยงดู นพคุณโชคดีจังมีน้องแบบนี้
แล้วก็เป็นความโชคดีของนพรัตน์ ที่มาเจอคนรักคนแรกแบบครูต้าร์ ที่เป็นผู้ใหญ่กว่า และเป็นผู่ใหญ่ที่ดีคนนึง
ดิฉันเลยคิดว่า First Impression ในเรื่องนี้ของนพรัตน์ จึงเป็นไปในทางบวก
อิ อิ อิ นี่แหละรักคนแก่กว่าดีแบบนี้แหละนายนพรัตน์ 
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 22-06-2011 11:59:17
น่ารักตั้งแต่เล็กๆ เลยนะ เจ้าเปี๊ยก เนี่ย  แถม พี่นพ ก็เป็นพี่ชายที่ดีด้วยนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: babyfaibossy ที่ 22-06-2011 12:00:29
นพน่ารัก

แต่รออ่านตอนเจอลุงอยู่  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 22-06-2011 12:18:27
ตัวเปี๊ยก ไม่ค่อยเปี๊ยกแล้ว
แถมยังเริ่มเรียนรู้แล้วด้วย
ม.2 นี่ถ้าว่าโตก็ยังไม่ดตเลยน่ะ
กว่าจะเจอคุณไพทูรย์
เปี๊ยกคงต้องผ่านอีกหลายคนแน่เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 22-06-2011 12:26:53
นพนี่น่ารักจริงๆให้ตาย  :man1:
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 22-06-2011 12:38:32
อืม แบบว่าโคตรป๊อปปี้เลิฟอ่ะ ><

เหมียวน้อยแปลงร่างเป็นสิงห์หนุ่มเ้หรอเนี่ย

เขียนได้เป็นธรรมชาติมากเลย ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 22-06-2011 12:45:40
โถๆ พ่อคุณน่ารักจริงจิ๊งงงง  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: natty _lovelove ที่ 22-06-2011 12:59:41
น่ารักทั้งพี่นพ-น้องนพเลยอ่ะ

อ่านแล้วมีความสุขจัง
น้องนพเป็นเด็กที่รักพี่มากเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: โน๊อา ที่ 22-06-2011 13:01:35
ฮี่ ฮี่ ฮี่ น่ารักอ่ะ  :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 22-06-2011 13:48:41
น้องนพใสกิ๊งเลย ครูต้าก็น่ารัก :o8:
รออ่านจุดเปลี่ยนของคู่นี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 22-06-2011 14:23:47
อ่านเรื่องนพรัตน์กับครูต้าแล้วไม่รู้สึกอึดอัดแทนไพฑรย์แฮะ คือช่วงเวลาชีวิตคนละตอนกันก็เหมือนนิยายคนละเรื่อง เหมือนครูต้าก็เป็นนายเอกอีกคนนึง แต่เป็นนายเอกภาคแรกอะไรอย่างนั้น
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 22-06-2011 14:52:23
นพน่ารักมาก ๆ เลย...ถ้าเป็นครูต้าก็คงใจแข็งไม่ไหวหรอก
สงสารพี่นพนิด ๆ ท่าทางจะช็อคน่าดู ดีใจที่มีเหตุผลแล้วไม่ตีโพยตีพายจนน้องใจเสียไปมากกว่านี้
แต่ไม่รู้ทำไมเริ่มรู้สึกได้กลิ่นมาม่าโชยมาล่ะเนี่ย...ครูต้าคิดอะไรอยู่ มีไรก็ต้องคุยกับนพนะเลิกกันไปจะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างในใจ :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 22-06-2011 15:33:46
นพน่ารักจิงๆ ดูก็ไปได้ดีกับครูต้าแฮะ ทำไมถึงได้เลิกกันได้หว่า  :z2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: prettypearl ที่ 22-06-2011 16:04:05
ครูต้าพรากผู้เยาว์ หรือเปี๊ยกพรากผู้ใหญ่ล่ะเนี่ย  o18
นพเปี๊ยก ใสๆ สมวัย (?) ดีจัง แต่สูงเร็วมากกกกกกก  เพื่อนผู้ชายตอนม.ต้นก็สูงเร็วมากๆเหมือนกัน  ผู้หญิงสูงเร็วได้แค่ตอนประถมสินะ  :monkeysad:

ภาษาเปี๊ยกไหลลื่น ไม่อึดอัดให้รู้สึกว่ามันจะดราม่าจริงๆค่ะ  ไม่รู้ว่าสองคนนี้จบยังไง  แต่เฮ้อออ...แทนทั้งสอง
อ่านตอนนี้ยิ้มบางๆไปกับเปี๊ยกค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 22-06-2011 16:06:42
น้องนพนี่น่ารักโฮกเลย สุดจะโชคดีถ้าใครได้ไป
ไอ้เราก็เคยสงสัย ว่าน้องนพอกหักจากครู ตอนนั้นยังเด็กอยู่ คิดว่าคงไม่ทันที่จะมีอะไรกัน
ที่ไหนได้ น้องนพเราสุโก๊ยยยย ไวไฟมากคร่ะ ครูก็ใช่ย่อย มีสอนวิธีทำร่วมด้วยช่วยกันจริงๆ
คงต้องรอซักอีก 2 ตอน กว่าจะถึงคิวพี่ไพ ใช่มั้ยคะ ไม่ใช่ว่าตอนนี้ไม่สนุกนะคะ
ภาษาอ่านแล้วได้รู้ถึงความใส ของน้องนพเลยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 22-06-2011 17:02:15
ฉัน... แอบเกรงใจท่านผู้อ่านอยู่หน่อยหนึ่งถึงมากเลยล่ะค่ะ... แบบว่าทุกท่านคงรอว่าเมื่อไหร่จะถึงบันทึกของเปี๊ยกที่เขียนถึงคุณไพฑูรย์... แต่...เพราะฉันเริ่มเขียนตั้งแต่เปี๊ยกอยู่ม.1 ดังนั้น กว่าจะถึงคุณไพฑูรย์มันเลยยาวกว่าที่ฉันคิดไว้ค่ะ!!!...เพราะจบจากครูต้าแล้วเปี๊ยกยังมีแฟนอีกคนหนึ่งก่อนหน้าจะเจอคุณไพฑูรย์ค่ะ ดังนั้น.... อย่าเพิ่งเลิกอ่านกันไปก่อนนะคะ :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 22-06-2011 17:18:32
รออ่านอยู่แล้วครับ
.
.
แต่อยากให้มี ตอนพิเศษช่วงที่อยู่ด้วยกันแล้วด้วยได้ป่าวครับ นะ นะ นะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 22-06-2011 17:25:08
รออ่านอยู่แล้วครับ
.
.
แต่อยากให้มี ตอนพิเศษช่วงที่อยู่ด้วยกันแล้วด้วยได้ป่าวครับ นะ นะ นะ

ฉันจะลองเอาไปพิจารณานะคะ...จริงๆ ในแผนไม่ได้คิดจะเขียนช่วงหลังจากนี้เป็นเรื่องเป็นราวเลยน่ะค่ะ^^"
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 22-06-2011 17:49:40
รออ่านอยู่แล้วครับ
.
.
แต่อยากให้มี ตอนพิเศษช่วงที่อยู่ด้วยกันแล้วด้วยได้ป่าวครับ นะ นะ นะ


ฉันจะลองเอาไปพิจารณานะคะ...จริงๆ ในแผนไม่ได้คิดจะเขียนช่วงหลังจากนี้เป็นเรื่องเป็นราวเลยน่ะค่ะ^^"

^
^
^
สนับสนุนให้พิจารณาอย่างจริงจังค่ะ  ก็อยากรู้นะคะว่าคู่นี้เขาจะเป็นยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MokGaLaKom ที่ 22-06-2011 18:54:27
น่ารักอ่ะ!!!
นึกว่านพปค่รักครูข้างเดียวซะอีก ที่แท้เป็นแฟนกันด้วย
อยากรู้จริงๆว่าอะไรคือเหตุผลที่นพเลิกกับครู
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 22-06-2011 19:09:02
อยากอ่านตอนเจอคุนไพทูรอ่าค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 22-06-2011 19:56:08
นพนี้น่ารักเกินจะทนไหวจริง ๆ น่ารักมากกกกกก  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 22-06-2011 20:26:23
 :o8:

นพน่ารักกอ่ะ

เท่าที่จำได้เลิกกันเพราะครูต้าไปแต่งงานใช่ไหม
เอ๊ะ ยังไง  อยากรู้ๆๆๆ

แต่เห้นด้วยมากกับตอนพิเศษหลังจากนายนพกับคุณไพอยู่ด้วยกัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 22-06-2011 22:00:57
ยิ่งอ่านก็ยิ่งหลงรักรักนพอ่ะ น่ารักที่สุดดดด ใสมากกกกก
ลุ้นๆๆฉากลุงเมื่อไรจะเจอกัน อิอิ งี้ก่ได้อ่านฉากncลุงอะดิ เสร็จแน่ลุง ให้นพเป็นคนเล่าดีที่สุด
555555

(อยากจะบอกว่าโฉมใหม่ไทยบอยเลิฟอย่างเท่ห์มาก)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 22-06-2011 22:01:47
งือออออ

ไม่อยากให้ถึงตอนตานพต้องย้ายรรเลยยยย



ToT

ต้องเศร้ามากแน่ๆๆๆๆ

ว่าแต่่่่...ป่านนี้ลุงไพทูณคงทำงานทีบริษัทอยถ่สินะ= .=
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 22-06-2011 22:44:58
น้องนพไปอีกสเตปแล้ว แอบหึงแทนคุณไพ :sad4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 22-06-2011 22:54:21
นพล่อลวงผู้ใหญ่ 5555+
อ้างถึง
รออ่านอยู่แล้วครับ
.
.
แต่อยากให้มี ตอนพิเศษช่วงที่อยู่ด้วยกันแล้วด้วยได้ป่าวครับ นะ นะ นะ
ยกมือสนับสนุนด้วยคน  :interest:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 23-06-2011 00:45:09
โอ๊ยยยยยยยยย ไม่รู้จะพูดอะไรดี รู้แต่ว่าชอบมากๆ
เป็นไดอารี่ที่อ่านไปยิ้มไปตลอดเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ4 P15 22/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 23-06-2011 09:30:57
   บันทึกของนายนพรัตน์ ช่วงที่3

             6 กรกฎาคม 254x
   ทีมบาสฯสีผมได้เหรียญทองระดับม.ต้น พี่เก่าที่เรียนจบไปแวะมาดู ชมว่าผมเล่นดี แถมตัวใหญ่ขึ้นผิดหูผิดตา ผมดีใจนะ แต่ผมว่าผมยังเล่นไม่ดีเท่าไหร่หรอก เพราะเอมันเล่นดีกว่าผมเยอะเลย เสียแต่ปีกที่เล่นคู่กับมันอีกคนเข้ากันไม่ค่อยดีเท่านั้นเอง มันบอกว่าถ้าผมอยู่สีเดียวกับมัน รับรองทีมมันได้ที่หนึ่งแน่ ส่วนไอ้วี รักษาเหรียญทองปิงปองของมันไว้ได้อีกสมัย คุ้มค่าเหนื่อยที่ผมโดนมันตบอัดอยู่หลายเดือน มันบ่นว่าผมน่าจะสมัครลงปิงปองด้วย เพราะคู่แข่งรอบชิงมันป้อแป้กว่าผมซะอีก ผมเลยบอกว่าผมอยากเอาดีทางเล่นบาสฯ ไม่อยากถูกมันตบอัดด้วยลูกปิงปองทุกวันหรอก
------------------------------------------------------------
   18 สิงหาคม 254x
   วันนี้พี่นพพาผมไปทำบัตรประชาชน แล้วก็เลี้ยงวันเกิดย้อนหลัง หลังจากเมื่อวานขับรถไปรับผมที่โรงเรียนตอนเย็น ผมเป็นนายนพรัตน์แล้วล่ะ หลังจากเฝ้ารอมาสิบห้าปี พี่แนนทำเซอร์ไพรส์ด้วยการส่งเสื้อผ้ามาให้ผมอีก คราวนี้ตัวใหญ่กว่าเดิม บอกว่าเผื่อผมโตเท่าไซต์ฝรั่ง แต่ผมก็เกือบจะใส่พอดีแล้วล่ะ พี่นพบอกว่าส่งรูปถ่ายผมที่ถ่ายตอนกลับมาครั้งที่แล้วผ่านอินเทอร์เน็ตให้พี่แนนดู พี่แนนบอกว่าผมไม่เปี๊ยกแล้วล่ะ เริ่มจะตัวบิ๊กเบิ้มแล้ว เลยจัดแจงซื้อเสื้อตัวใหญ่ส่งมาให้เลย
   ส่วนพี่หนิง ซื้อตุ๊กตาแมวขนปุยให้ผมตัวหนึ่ง บอกว่าไปซื้อของให้ลูก เห็นแล้วนึกถึงผมเลยซื้อมาฝากวันเกิด เออ พี่แนนมีลูกแล้วล่ะ ผมเป็นน้าอีกแล้ว ลูกพี่แนนเป็นลูกสาวเหมือนกัน ตาแป๋วเหมือนแม่เลยล่ะ น่ารักสุดๆ รอแต่พี่นพนี่แหละ เมื่อไหร่จะมีหลานกับเขาสักที แฟนยังไม่มีเลยมั้ง มัวแต่คอยเลี้ยงน้องเล็กอย่างผมอยู่ ผมเลยบอกพี่นพว่าปีหน้าผมจะเข้าเรียนอาชีวะ จบมาทำงานได้เลย พี่จะได้ไม่ต้องลำบากส่งเสียผมมาก พี่นพทำหน้าอึ้งๆ แล้วบอกผมว่าจริงๆ เรียนอาชีวะก็ดี แต่มันมีปัญหานักเรียนตีกันบ่อย พี่ไม่อยากให้ผมไปเสี่ยง บอกว่าเรียนต่อสายสามัญเถอะ แล้วค่อยสอบเข้ามหาวิทยาลัย พี่ส่งได้ ไม่เดือดร้อนอะไร ผมเห็นข่าวเหมือนกัน ก็เข้าใจที่พี่นพเป็นห่วงนะ แต่ก็คิดว่าน่าจะดูแลตัวเองได้ เลยบอกพี่นพว่าผมจะเข้าอาชีวะใกล้ๆ โรงเรียนที่เรียนอยู่ตอนนี้ ไม่ค่อยมีปัญหาตีกันหรอก พี่นพทำหน้ากลุ้มๆ แล้วบอกว่าอยากให้ผมเรียนสายสามัญมากกว่า มาสอบที่กรุงเทพฯก็ได้ โรงเรียนดีๆ มีเยอะแยะ เดี๋ยวพี่จะขับรถไปรับไปส่งเอง ผมยิ่งเกรงใจหนักเลยล่ะ เลยบอกว่าผมเรียนที่เดิมก็ได้ พี่จะได้ไม่ต้องลำบาก เราเถียงกันอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายพี่นพเลยบอกว่า ให้เวลาผมตัดสินใจอีกเทอมแล้วกัน
---------------------------------------------------------------
   16 กันยายน 254x
   ผลสอบผมออกมาแล้วล่ะ ได้ที่หนึ่งอีกแล้ว ผมได้ที่หนึ่งมาสองปีแล้ว พี่นพรู้ดีใจใหญ่ บอกว่าปีหน้าจะให้ผมลองมาสอบที่กรุงเทพฯดู ครูแนะแนวก็บอกว่าผมน่าจะไปลองสอบดู ผมหัวดีแบบนี้น่าจะสอบติด แต่ผมไม่อยากไปสอบเลยล่ะ เพราะกลัวสอบติดนี่แหละ ถ้าสอบติดแล้วคงต้องย้ายโรงเรียน ย้ายแล้วจะได้เจอครูต้าอีกรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมไม่อยากจากครูไปเลย ผมอยากอยู่กับครูนะ อยากอยู่ใกล้ๆ ครูตลอดไป
-----------------------------------------------------------------
   20 กันยายน 254x
   ครูไก่ที่เป็นครูประจำชมรมบาสฯบอกผมว่าอยากลองไปสอบโรงเรียนกีฬาดูรึเปล่า ครูบอกว่าทักษะด้านบาสฯของผมเริ่มดีใช้ได้แล้ว น่าส่งไปสอบ คงไม่อายคนเท่าไหร่ สมกับที่ขยันซ้อมตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก ผมดีใจนะที่ครูชม โรงเรียนกีฬาเป็นโรงเรียนประจำเหมือนกัน อยู่ในจังหวัดเดียวกันนี่แหละ ถ้าผมสอบติด ถึงผมจะต้องอยู่หอ แต่น่าจะแอบออกมาเจอกับครูต้าได้นะ แถมไม่ต้องลำบากพี่นพไปรับไปส่งด้วย
   ตกเย็นผมเลยโทรบอกพี่นพ พี่นพอึ้งๆ ไปหน่อย แต่ก็บอกให้ผมไปลองสอบดูก็ได้ ดีกว่าเรียนอาชีวะ ผมดีใจมากเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปคุยกับครูต้าดู ว่าถ้าผมสอบได้โรงเรียนกีฬาจริงๆ ครูต้าจะแวะไปหาผมได้หรือเปล่า
--------------------------------------
   27 กันยายน 254x
   ผมคุยกับครูต้าช้ากว่าที่คิดเอาไว้หลายวัน เพราะเป็นหวัด เลยไม่อยากไปหาครูเพราะกลัวครูติดหวัด นอนซมอยู่ที่ห้องแถมคิดถึงครูมาตั้งหลายวัน พอวันนี้ดีขึ้นเลยรีบไปหาทันที
   ครูบอกว่าอยากไปเยี่ยมผมอยู่ แต่เป็นหอนักเรียน แถมไม่ได้เป็นอาจารย์ประจำชั้นจะขึ้นไปก็น่าเกลียด ผมเลยบอกครูว่าไม่เป็นไรหรอก ให้ครูคิดถึงผมก็พอแล้ว จากนั้นผมก็ปรึกษาครูเรื่องเรียนต่อ ครูมองผมแล้วถามว่าผมอยากเรียนโรงเรียนกีฬาจริงๆ หรือว่าแค่อยากจะอยู่กับครูเฉยๆ ผมก็เลยตอบว่าผมอยากอยู่กับครู ไม่ได้อยากจะเรียนกีฬาหรอก ครูเลยตีผมทีหนึ่ง บอกว่าอนาคตผมอีกยาว จะคิดสั้นๆ แค่นี้ไม่ได้ ผมว่าผมไม่เคยคิดสั้นหรืออยากฆ่าตัวตายนะ ผมแค่อยากอยู่กับครูเท่านั้นเอง เหมือนว่าครูจะโกรธผม ไล่ผมกลับห้อง ผมไม่เข้าใจครูเลย ผมกลับมาไข้ขึ้นอีกแล้วล่ะ ผมแค่อยากอยู่กับครู ผมทำผิดตรงไหนกัน
------------------------------------------
   4 ตุลาคม 254x
   ผมไปหาครูต้าที่ห้องสหกรณ์อีกครั้งหลังจากแน่ใจว่าหายหวัดดีแล้ว พอไปถึงก็เห็นครูกำลังเขียนหนังสืออยู่ ผมก็เลยถามไปว่าครูเขียนอะไร ครูตอบว่าเขียนหนังสือขอเลื่อนขั้น แล้วก็อธิบายให้ผมฟังถึงระบบอัตราเงินเดือนครู ผมเข้าใจว่าครูต้องช่วยพ่อแม่หาเลี้ยงน้องสาวอีกสองคน เลยบอกครูว่าถ้ามีอะไรให้ผมช่วยบอกนะ ผมจะช่วยเต็มที่เลย ครูยิ้มๆ แล้วดึงผมไปกอด บอกว่าผมเป็นเด็กดีจริงๆ โตไปคงเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ผมตอบครูว่ารอผมโตผมจะดูแลครูอย่างดีเลย ครูหัวเราะและถอนหายใจออกมา ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่านะ แต่เหมือนว่าครูจะน้ำตาซึมหน่อยๆ ด้วยล่ะ ตอนเงยหน้าขึ้นมองผม ผมรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย
-------------------------------------------------
   29 ตุลาคม 254x
   เปิดเทอมแล้ว ครูที่สอนวิชาแนะแนวเริ่มพูดถึงเรื่องการเรียนต่อแบบจริงๆ จังๆ แล้วล่ะ แต่ผมยังไม่มีแผนเลย บอกว่าจะเรียนโรงเรียนกีฬาครูต้าก็โกรธ จะไปเรียนที่อื่นก็กลัวว่าจะไม่ได้เจอครูอีก ผมเลยเขียนไปว่าผมจะเรียนที่นี่ต่อ แล้วค่อยสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกที แบบนี้น่าจะดีที่สุดล่ะนะ
---------------------------------------------------
   11 พฤศจิกายน 254x
   วันลอยกระทงอีกแล้วล่ะ น้ำเต็มคลองเลย ปีนี้ห้องผมได้รางวัลชนะเลิศด้านสวยงาม เพราะแห่กันมาทำกระทงตั้งแต่เช้า ปักดอกไม้เรียงกันสวยอย่างกับพานไหว้ครูแน่ะ ปีนี้ผมได้ลอยกระทงสองคนกับครูต้าแล้ว ผมนั่งข้างครูแล้วอธิฐานว่าปีหน้าขอให้ได้ลอยกับครูอีก แต่กระทงผมคว่ำเอากลางทาง ไม่รู้ว่านี่จะถือเป็นลางไม่ดีรึเปล่า
-----------------------------------------------------
   26 พฤษจิกายน 254x
   พักนี้ครูต้าดูจะวุ่นกับการทำรายงานขอเลื่อนขั้น ผมเลยต้องออกไปซื้อน้ำซื้อข้าวมาให้ น่าสงสารครูจัง เป็นพี่คนโตต้องรับผิดชอบเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ผมนึกถึงพี่นพ พี่นพคงต้องทำงานหนักเหมือนกันนั่นแหละ หรือผมจะลองไปสอบอาชีวะดูดีนะ จะได้แบ่งเบาภาระพี่นพได้บ้าง
------------------------------------------------------
   12 ธันวาคม 254x
   ผมไปปรึกษาครูแนะแนวเรื่องเรียนต่อ บอกว่าผมอยากจะเรียนอาชีวะ ครูเลยถามผมว่าทำไมอยากเรียนอาชีวะ เพราะคะแนนผมเรียนต่อสายสามัญแผนวิทย์คณิตได้สบายๆ ผมเลยบอกครูว่าผมอยากเรียนจบไปแล้วช่วยพี่ชายทำงานได้เลย ครูก็ชมว่าผมคิดดี แต่ถ้าพี่ชายไม่ลำบากมากก็น่าจะลองเรียนต่อสายสามัญ เพราะมีอาชีพให้เลือกมากกว่า แล้วครูก็เปิดหนังสือแนะนำอาชีพให้ผมดู บอกว่าผมค่อยๆ ตัดสินใจก็ได้ ยังมีเวลาอีกสองสามเดือน
------------------------------------------------------
   31 ธันวาคม 254x
   ปีใหม่ปีนี้ผมรู้สึกเหงาล่ะ ทุกคนกลับบ้านกันหมด พี่นพไม่ว่างอีกแล้ว แต่ก็มาเยี่ยมผมช่วงวันหยุดรัฐธรรมนูนชดเชยแล้วล่ะ ถึงอย่างนั้นทำไมผมเหงาจังก็ไม่รู้ ครูต้าก็กลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ วีก็กลับบ้าน เหลือผมอยู่คนเดียวกับตุ๊กตาแมวที่พี่หนิงซื้อให้ในวันเกิด ปีก่อนๆ ผมอยากให้ปีใหม่มาถึงไวๆ อยากสูง อยากตัวใหญ่ แต่ปีนี้ผมไม่อยากให้ปีใหม่มาถึงเลยล่ะ ผมกลัวว่าอะไรๆ จะเปลี่ยนไป ปีใหม่แล้ว อีกไม่กี่เดือนผมก็จะจบม.3 ต้องเลือกสายจะเรียนต่อแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าจะตัดสินใจไปทางไหนดี ไม่อยากให้ถึงปีใหม่เลย
-----------------------------------------------------
   7 มกราคม 254x
   วันนี้วันเด็ก ครูหลายคนแซวพวกผมว่า รีบๆ ฉลองเข้า พวกเธอน่ะวัยเด็กขั้นสุดท้ายแล้ว วันนี้มีรถจากบริษัทขายน้ำมาแจกน้ำที่โรงเรียนเหมือนปีก่อน มีซุ้มเกมที่พวกครูๆ ช่วยกันจัด แจกของเด็กๆ ม.ต้น ส่วนพวกม.ปลายก็ช่วยกันคิดเกมมาให้น้องเล่น ผม วี เอ เราสามคนฉลองวันเด็กปีสุดท้ายกันอย่างสุดเหวี่ยง แม้ไอ้วีจะอ้างว่ามันเป็นผู้ใหญ่มานานแล้วก็ตาม
   ปีนี้ครูต้ามายืนแจกไอติม พอเห็นผมสามคนก็ตักให้เยอะเป็นพิเศษ บอกว่าสามคนนี่ใกล้พ้นวัยเด็กเต็มแก่แล้ว รีบกินฉลองเข้า พวกเราขำกันใหญ่ ไอ้วีแซวว่าครูระวังกลับเป็นเด็กนะ ตัวเล็กลงทุกวันแล้ว ผมเลยถองมันทีหนึ่ง บอกว่าครูต้าเป็นผู้ใหญ่จะตาย ครูเลยไล่พวกผมไปกินกันที่อื่น สงสัยกลัวผมจะหลุดปากพูดอะไรออกไปล่ะมั้ง ยังไม่มีใครรู้เลยล่ะว่าผมกับครูคบกันแบบนั้น
-------------------------------------------------------
   22 มกราคม 254x
   วันนี้วีมาบอกผมว่าปีหน้าผมกับมันอาจจะไม่เจอกันแล้ว มันจะไปสอบเข้าโรงเรียนกีฬา เพราะพ่อแม่ดูแล้วว่ามันมีดีด้านกีฬาอย่างเดียวจริงๆ ผมบอกว่าไม่เป็นไร มันไปทางนั้นอาจจะรุ่งก็ได้ ไม่แน่นะ เจอกันอีกที ผมอาจจะต้องวิ่งไปขอลายเซ็นมัน ในฐานะที่มันเป็นนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิก มันหัวเราะเขินๆ บอกว่าให้มันสอบให้ติดก่อนแล้วกัน แล้วถามผมกลับว่าผมจะเรียนต่อที่ไหน ผมบอกไปตามตรงว่ายังไม่รู้เหมือนกัน มันอึ้งใหญ่ ก็เห็นผมเปรยๆ ว่าจะเข้าอาชีวะอยู่ปีที่แล้ว ปีนี้ไม่ไปแล้วเหรอ ผมก็สั่นหัว บอกมันว่าพี่ชายไม่ค่อยเห็นด้วย มันเลยบอกให้ผมคิดดีๆ หัวผมดีกว่ามันตั้งเยอะ เรียนสายสามัญต่อแล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะดีกว่า
   ตกเย็นเอมาหาผมที่ห้อง บอกให้ผมช่วยติวข้อสอบให้มันหน่อย มันคิดแล้วว่าจะเรียนต่อสายสามัญแผนวิทย์คณิต เพราะจะเข้าวิศวะ ผมเลยถามมันว่าแล้วไมเคิล จอร์แดนล่ะ มันว่าไปเก็บฝันเอาต่อช่วงม.ปลายก็ได้ เพราะพ่อแม่มันบอกว่าเล่นบาสฯอย่างเดียวไม่พอกิน อันนี้ผมเห็นด้วยนะ แล้วมันก็ถามเหมือนวีว่าผมจะเรียนอะไรต่อ ผมก็ตอบว่าผมยังไม่รู้ ไอ้เอทำหน้าแปลกใจสุดๆ แล้วก็เลยชวนผมเรียนสายเดียวกับมัน เพราะมันบอกว่าเรียนแผนวิทย์เลือกคณะได้เยอะกว่า อย่างผมหัวดี เรียนไปเดี๋ยวก็รู้ว่าชอบอะไร มันบอกว่าเรียนไปผมอาจจะอยากเป็นหมอก็ได้ ก็ดี มันจะได้มารักษากับผม ช่วยอุดหนุนกันไปในตัว ผมหัวเราะ แล้วบอกมันว่าผมไม่เคยคิดอยากเรียนหมอเลยล่ะ มันก็ว่าหมอน่ะรวยจะตาย เดี๋ยวผมเรียนต่อสายสามัญไปอาจจะอยากเรียนหมอก็ได้ ผมเลยบอกว่าจะเก็บไปคิดดูแล้วกัน
----------------------------------------------------------
   14 กุมภาพันธ์ 254x
   วาเลนไทน์ปีนี้ของผมกร่อยสนิท ไม่ใช่ว่าเพื่อนฝูงรักผมน้อยลงนะ แต่ผมเพิ่งรู้เมื่อเช้านี่เองว่าหมดเทอมนี้ ครูต้าจะย้ายไปสอนโรงเรียนอื่นแล้ว ครูต้าเป็นคนพูดเรื่องนี้กับผม ตอนที่ผมแวะไปช่วยแพ๊คดอกไม้ตอนเช้า แล้วครูเลยถามว่าผมจะเรียนต่อไหนที่ไหน พอผมบอกว่ายังไม่รู้ครูเลยบอกว่าผมน่าจะไปสอบเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ผมเลยแย้งว่าไปไกลขนาดนั้นผมจะกลับมาเจอครูได้ยังไง ครูเลยบอกว่า ถึงอยู่ต่อก็ไม่เจอครูอยู่ดี เพราะปีการศึกษาหน้าครูจะย้ายไปสอนที่อื่นแล้ว ผมอึ้งสุดๆ เลยล่ะ ไม่อยากคิดเลยว่าครูจะไปแล้ว ผมถามว่าครูจะย้ายไปที่ไหน ครูบอกว่ายังไม่รู้ ต้องรอตำแหน่งว่าง ผมเลยถามต่อว่าถ้าไม่ว่างครูจะอยู่ต่อใช่ไหม ครูบอกผมยิ้มๆ ว่าตำแหน่งว่างน่ะมีอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องย้ายไปจังหวัดไหนเท่านั้นเอง
   ผมมึนไปทั้งวันเลยล่ะ ก่อนหน้านี้วางแผนไว้ดิบดีว่าปีนี้จะฉลองครบรอบการครบหนึ่งปีระหว่างผมกับครูด้วยการแอบออกไปซื้อดอกกุหลาบมาให้ครูสักช่อหนึ่ง แต่พอรู้ว่าครูจะย้ายผมไม่มีแรงปีนรั้วออกไปหาซื้อเลย หูมันอื้อไปหมด เพื่อนๆ คุยอะไรผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว
   ตกเย็นผมมาช่วยครูขายของเหมือนปีก่อน แต่ไม่มีคำพูดเลี่ยนๆ มาพูดกับครูแล้ว คอมันแข็งไปหมดเลย จะพูดอะไรก็พูดไม่ออก ตอนจะปิดร้าน ผมทนไม่ไหวต้องดึงครูมากอด บอกครูว่าอย่าย้ายเลย ผมอยากอยู่กับครู อย่าไปจากผมเลยนะ
   ครูลูบหัวผม แล้วบอกว่าครูจำเป็นต้องย้าย ครูต้องช่วยพ่อแม่ส่งน้องสาวเรียน ผมรู้ว่าครูมีเหตุผล ผมรู้ว่าครูต้องรับผิดชอบ แต่ผมกลายเป็นเด็กไม่ดีแล้วล่ะ ผมไม่อยากให้ครูไปเลย ผมอยากให้ครูอยู่กับผมคนเดียว รักผมคนเดียว
------------------------------------------------------------------
   15 กุมภาพันธ์ 254x
   ผมเข้าใจอาการของคนอกหักแล้วล่ะ ถึงครูต้าไม่ได้บอกเลิกผมตรงๆ แต่ก็เหมือนเลิกไปแล้ว พอปิดเทอมนี้ครูก็จะไม่อยู่ที่โรงเรียนแล้ว ผมไม่มีกำลังจะไปเรียนหนังสือเลย นอนซมอยู่บนหอ จนไอ้วีด่า บอกว่าผมเป็นบ้าอะไรเนี่ย อกหักหรือไง ผมเลยบอกมันไปว่าใช่ คราวนี้มันตาค้าง มาเซ้าซี้ผมใหญ่ว่าผมคบกับใครด้วยเหรอ ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย ผมขี้เกียจตอบมันเลยบอกว่าฝากลาครูประจำชั้นให้ผมด้วยแล้วกัน บอกว่าผมไม่สบาย มันบอกว่ามันไปลาให้ได้ แต่ครูจะเช็กลาให้ผมรึเปล่าอีกเรื่องหนึ่งนะ มันบอกว่าไปห้องพยาบาลแล้วขอใบลาจะดีกว่า แต่ผมไม่อยากเจอใครแล้ว อยากจะอยู่คนเดียว อยากจะร้องไห้ ผมคิดเรื่องครูจนปวดอกไปหมด จำได้เลยว่าตอนคุยกับครูใหม่ๆ ครูเคยพูดถึงเรื่องอกหักด้วย ตอนนี้ครูทำให้ผมรู้สึกถึงอาการแบบนั้น แล้วล่ะ ครูสอนผมครบทุกอย่างจริงๆ
------------------------------------------------------------------
   20 กุมภาพันธ์ 254x
   ท่าทางไอ้วีจะทนเห็นผมนอนแบะแฉะอยู่บนเตียงติดกันไม่ไหวอีกต่อไป วันนี้มันลุกขึ้นมาปลุกผมแต่เช้า ลากผมลงจากเตียง แทบจะอุ้มลง ดีว่าผมตัวพอๆ กับมันแล้ว มันเลยต้องลากลงมาแทน แล้วบอกว่าหยุดฟูมฟายทำตัวเหมือนจะตายวันตายพรุ่งสักที แค่อกหักไม่ตายหรอก ดูมันสิ เลิกกับพี่กระเทยได้ตั้งปีกว่าแล้ว มันยังไม่ตายเลย แล้วมันก็เทศนาผมอีกยืดยาวว่า มันเข้าใจอาการอกหักนะ แต่ที่ผมเป็นมันทุเรศ ทำเป็นผู้หญิงโดนผัวทิ้งไปได้ มันด่าผมอีกว่าผมไปเสียตูดให้ใครหรือไงถึงได้มานอนซมแบบนี้ มันด่าไปเรื่อยๆ ผมชักมีโมโห เลยเถียงกลับ สักพักก็ทะเลาะกันใหญ่โต จนถึงขั้นต่อยกันเลยล่ะ เสียงดังเอะอะเพราะต่างคนก็ตัวใหญ่กันทั้งคู่ ชนโต๊ะชนเตียงวุ่นวายไปหมด เดือดร้อนทั้งครูที่คุมหอและคนที่อยู่ห้องข้างๆ ต้องพังประตูเข้ามาห้าม
   ผมกับวีถูกจับไปนั่งสงบสติอารมณ์ที่ห้องพยาบาล แต่ละคนหน้าตาดูไม่ได้ ปากแตกแก้มปูดไปตามๆ กัน พอเห็นว่าไม่กระโจนเข้าใส่กันแล้ว ครูที่คุมหอซึ่งตามไปดูด้วยเลยถามว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร ผมไม่ตอบ ไอ้วีก็ไม่ตอบ ครูมองเราอยู่พักหนึ่ง แล้วบอกว่าอยากจะแยกห้องกันอยู่มั้ย ผมสั่นหัว ไอ้วีหันมามองผมแล้วสั่นหัวด้วย ผมอยากต่อยมันจริงๆ นะ จากนั้นครูเลยให้เราออกจากห้องพยาบาล เป็นรูมเมทกันมาจะสามปี ผมเพิ่งเห็นว่าไอ้วีเป็นรูมเมทที่ดีจริงๆ ก็วันนี้แหละ วันที่มันกับผมต่อยกันแก้มปูดน่ะนะ
   ผมบอกขอบคุณมัน มันก็ทำหน้าเชิดๆ บอกว่าขอบคุณเรื่องอะไร เรื่องถูกมันต่อยหรือไง ผมเลยบอกว่าใช่ มันก็หันมามองผมแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แล้วก็พูดตามประสามันว่ามันออมมือให้หรอก ถ้ามันเอาจริงผมได้ไปนอนโรงพยาบาลแน่ ผมพยักหน้า แล้วบอกมันว่าวันนี้ผมจะไปเรียนแล้วล่ะ มันเลยบอกว่างั้นมันจะหยุดเรียนแทน เพราะหน้าหล่อๆ ของมันโดนผมทำเสียโฉม ไม่อยากจะเอาไปอวดเพื่อนที่ห้อง ผมเลยขอโทษมันเป็นการใหญ่ คะยั้นคะยอให้มันเดินไปเรียนด้วยกันกับผม สุดท้ายมันก็ยอมไป
   ตอนเดินไปมันบอกว่าครูต้าที่ห้องสหกรณ์เป็นห่วง วันก่อนมันไปซื้อของก็ถามถึงผมด้วย มันเลยบอกว่าผมอกหัก อาการหนักใกล้ตายแล้ว ครูก็ทำหน้าตกใจเวอร์เลยล่ะ ผมเลยแวะไปหาครูหลังเลิกเรียน
   ครูต้าดูจะรู้ข่าวเรื่องที่ผมต่อยกับวีตอนเช้าแล้ว เลยถามว่าทะเลาะกันหนักรึเปล่า ผมเลยบอกว่าเปล่า แค่วีมันอยากกระตุ้นให้ผมตื่นตัวเฉยๆ แล้วผมก็บอกขอโทษครูที่ผมฟูมฟายจนครูเป็นห่วง ครูบอกว่าไม่เป็นไร ครูเข้าใจว่าผมยังเด็ก เพิ่งเริ่มเรียนรู้ เรื่องนี้ผมยอมรับโดยดี ผมเพิ่งเรียนรู้จริงๆ เรียนรู้จากครูทั้งหมดเลยล่ะ ผมมองหน้าครู ทำใจแข็งบอกครูว่า ครูจะย้ายบ้านวันไหนบอกผมนะ เดี่ยวผมจะชวนเพื่อนไปช่วยขนของ ครูตอบผมว่า ให้ผมไปช่วยคนเดียวก็เต็มบ้านแล้ว ดูสิ ตอนม.1ผมยังตัวกะเปี๊ยกอยู่เลย เผลอแว้บเดียวสูงท่วมหัวครูแล้ว ผมหัวเราะเขินๆ แล้วบอกว่าสงสัยจะเพราะผมตั้งใจจะสูง มันเลยสูงได้ขนาดนี้
   ได้คุยกับครูวันนี้ผมสบายใจขึ้นมาหน่อยหนึ่ง รู้ว่าครูไม่ได้เกลียดผม ครูย้ายเพราะมีเหตุจำเป็น ผมเองก็จะมัวทำตัวเป็นเด็กเล็กๆ งอแงหาครูต่อไปไม่ได้แล้ว คงได้เวลาที่ผมจะต้องเลือกทางของตัวเองบ้างเหมือนกัน
-------------------------------------------------------
   10 มีนาคม 254x
   ปิดเทอมแล้ว ผมตัดสินใจโทรบอกพี่นพว่าผมจะไปสอบที่กรุงเทพฯดู เพราะคิดว่าคะแนนสอบเทอมนี้น่าจะออกมาดี พี่นพดีใจใหญ่ บอกว่าเดี๋ยวอีกสัปดาห์หนึ่งจะไปรับผม
   วีเริ่มเก็บข้าวเก็บของแล้ว เห็นมันเก็บของแล้วใจหายเหมือนกันนะ สามปีที่ผ่านมา ถึงมันจะปากไม่ค่อยดี บ้าๆ บอๆ แถมชอบแกล้งผม แต่ผมก็สนิทกับมันที่สุด มันรื้อกองหนังสือโป๊ของมันออกมา แล้วบอกว่าจะเอาไปยกเป็นมรดกให้กับรุ่นน้องอีกคนที่มันรู้จัก ถามผมด้วยนะว่าที่ผมมีจะเก็บเอาไว้หรือยกให้คนอื่น ผมเลยยกให้มันยกให้รุ่นน้อง เพราะไม่รู้จะเก็บไปทำไม แล้วก็ไม่รู้ว่าจะยกให้ใครด้วย
   หนังสือที่ผมกับมันขนกันมาทำร้านเช่าก็รวมกันเป็นร้อย ซุกอยู่ใต้เตียงบ้าง ในลิ้นชักโต๊ะบ้าง เยอะแยะไปหมด ผมกับมันตกลงว่าจะยกให้ห้องสมุดให้หมด หวังว่าอาจารย์คงไม่ถามหรอกนะว่าทำไมถึงมีกันเยอะแยะขนาดนี้
   ผมเลยเริ่มเก็บของบ้าง เก็บไปเก็บมา อยู่โรงเรียนสามปี ผมเขียนบันทึกไปตั้งห้าเล่มแน่ะ เยอะน่าดู เอามาเปิดอ่านแล้วก็ขำบางตอน บางตอนก็อยากฉีกทิ้งจริงๆ ผมเขียนอะไรของผมเนี่ย แต่พี่หนิงบอกว่าให้เก็บบันทึกเอาไว้ จะได้คอยเตือนความจำเวลาเราโตขึ้น เตือนจริงๆ นะ ผมว่าผมจะไม่ยอมให้ใครอ่านบันทึกพวกนี้เด็ดขาด เพราะมีแต่เรื่องน่าอายทั้งนั้นเลย
   ผมรีบเก็บบันทึกใส่กล่องแล้วเอาเชือกมัดไว้ เพราะกลัวใครมาเปิดอ่าน จากนั้นก็เริ่มรื้อโต๊ะต่อ โอ้โห...เศษเปลือกลูกอมมาจากไหนเนี่ย ถ้าพี่แนนรู้ตีผมตายแน่ ผมรีบโกยทิ้ง จนไอ้วีทักว่าผมสะสมเปลือกลูกอมหรือไง จากนั้นก็เจอยางลบรูปการ์ตูนที่เคยไปซื้อกับครูต้าเมื่อปีก่อน ยังใหม่อยู่เลยล่ะ เพราะผมไม่ได้ใช้เลย เอามาสะสมโดยเฉพาะ
   รื้อของออกจากโต๊ะเสร็จ ผมก็ไปรื้อตู้เสื้อผ้าต่อ มีเสื้อที่พี่นพให้หลายตัวยังใส่ไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ใส่ได้แล้วล่ะ ผมพับแยกๆ ใส่กระเป๋าเดินทางเอาไว้ วันกลับจะได้ขนไปทีเดียวเลย รื้อเจอผ้าเช็ดหน้าที่ครูต้าให้ด้วยล่ะ ผมเห็นแล้วก็ยิ้มออกมา ก่อนจะรีบพับเก็บเพราะกลัวไอ้วีทักอีก
   เราเก็บของกันจนเที่ยง เลยลงไปทานข้าวแล้วไปถามหาซื้อลังใส่ของเพิ่มที่สหกรณ์ ครูต้าถามว่าผมตัดสินใจได้หรือยังว่าจะเรียนต่อที่ไหน ผมบอกครูว่าจะไปสอบกรุงเทพฯ ครูบอกว่าดีแล้ว ผมหัวดีต้องสอบติดแน่ วีเลยรีบเสริมใหญว่ากว่าผมจะยอมเลือกว่าจะต่อที่ไหนต้องรอให้มันต่อยปากแตกก่อน ครูเลยเอ็ดมันว่าต่อยกันไม่ดีนะ วีมันก็ทำหน้าเจื่อนๆ แล้วบอกว่าแต่ก็ทำให้ผมโงหัวขึ้นมาได้ล่ะ ผมเลยกลับไปที่ห้องกับมันก่อน แล้วแวะมาหาครูอีกทีตอนบ่ายๆ
   ผมถามครูว่าครูจะย้ายวันไหน เก็บของแล้วหรือยัง ครูบอกว่าเก็บแล้ว คงย้ายประมาณปลายๆ เดือนนี้แหละ ผมเลยบอกครูว่าอาทิตย์หน้าผมจะกลับกรุงเทพฯกับพี่ชายแล้ว ถ้าสอบติดคงจะไปยาวเลย ครูก็พยักหน้าแล้วอวยพรให้ผมสอบติด เรามองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นผมก็เดินไปกอดครู ถามครูว่าให้ผมไปบ้านครูอีกสักครั้งได้ไหม ผมอยากมีเวลาส่วนตัวกับครูก่อนจะไปกรุงเทพฯ
   ครูนิ่งไปพักหนึ่งแล้วพยักหน้า ผมกอดครูแน่น ครูก็กอดผม เรากอดกันอยู่แบบนั้น ผมปวดใจจี๊ดๆ แต่ไม่เสียใจอีกแล้วล่ะ
--------------------------------------------------
   12 มีนาคม 254x
   ผมมาบ้านครูต้าอีกครั้ง ครูเก็บของเกือบเสร็จแล้วจริงๆ เหลือแค่ของใช้ประจำวันไม่กี่อย่าง เห็นแล้วใจหายวาบเลย ครูจะไปแล้วจริงๆ หรือ พอเดินขึ้นไปชั้นสองผมก็กอดครูไว้ เราจูบกันตั้งแต่ยังไม่ถึงหน้าประตูห้องนอน ถอดเสื้อผ้าของกันและกันออกจนหมดก่อนจะไปถึงเตียงซะอีก
   คืนนั้นเราทำกันจนค่อนรุ่ง ผมจำทุกอ้อมกอดที่ครูกอดผม เสียงที่ครูเรียกชื่อผม ผมรักทุกอย่างของครู ครูสอนทุกอย่างให้ผม ผมคงคิดถึงครูไปตลอดชีวิต
   ผมรักครูที่สุดเลย
-----------------------------------------------------
   18 มีนาคม 254x
   วันนี้อาจจะเป็นวันที่ผมอยู่โรงเรียนเป็นวันสุดท้าย พี่นพจะมารับผมพรุ่งนี้แล้ว ปรากฏว่าบันทึกก็เหลืออีกสองหน้าสุดท้ายพอดี ผมคงเขียนจบในสองหน้า แต่ถ้าเขียนไม่จบ ผมก็กะจะเอากระดาษมาเขียนต่อแล้วแม๊กไว้เหมือนเล่มอื่น
   วีกลับบ้านไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ห้องโล่งเลย เพราะผมก็เก็บของเตรียมไว้แล้วเหมือนกัน ตอนมันกลับผมเห็นมันแอบน้ำตาซึมเหมือนกันนะ แต่แกล้งบอกว่าฝุ่นเข้าตา ผมก็น้ำตาซึมเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะอยู่กันมาตั้งสามปีแล้ว ผมยังจำได้อยู่เลยว่าตอนเข้ามาแรกๆ มันยังดูหงอๆ อยู่เลย ต้องชวนผมไปซักผ้าเพราะโดนกระเทยจีบ สามปีมันกลายเป็นหนุ่มเต็มตัวไปแล้ว ผมเองก็โตขึ้นเยอะมาก เปลี่ยนเสื้อไปก็หลายรอบ รองเท้าอีกตั้งหลายคู่ ต่อจากนี้ผมคงต้องเปลี่ยนเพื่อนใหม่อีก ไม่รู้ว่าโรงเรียนที่ผมจะไปสอบเป็นยังไงบ้าง คงต้องรอพี่นพพาไปดูตอนถึงกรุงเทพฯแล้ว
   ผมไปลาครูต้าตอนบ่าย กอดครูแล้วไหว้ครูงามๆ หนึ่งที ครูเป็นคนที่สอนผมหลายเรื่อง ถึงไม่นับเรื่องแบบนั้นผมก็ยังรักครูอยู่ดี ผมหวังว่าครูย้ายไปสอนแล้วคงจะได้เจอกับคนดีๆ อยู่กับครูไปได้ตลอด ผมเห็นครูอยู่คนเดียวแล้วเป็นห่วง ครูใจดี น่ารัก น่าจะหาแฟนได้ไม่ยาก ขอบคุณครูจริงๆ ที่มาคบกับเด็กอย่างผม ทำให้ผมได้รู้จักทั้งคำว่ารัก อกหัก แล้วก็คำว่ายอมรับความจริง ครูเป็นครูที่ดีที่สุดของผมเลยล่ะ
   ผมร้องไห้อีกแล้ว น่าอายจัง น้ำตาหยดลงสมุดบันทึกอีกแน่ะ ผมวงเอาไว้ดีกว่า แล้วเขียนเอาไว้ว่าผมจะไม่ร้องไห้อีก ผมเป็นนายนพรัตน์แล้ว ต่อไปจะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็ง อดทน เหมือนพี่นพ เป็นที่พึ่งให้กับคนอื่นได้ ผมจะตั้งใจเรียน สอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ออกมาทำงานช่วยพี่นพ ให้พี่ๆ ได้ภาคภูมิใจกับผม
   อ้อ เกือบลืมเขียนถึงเอ มันไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว บอกว่าจะไปสอบที่กรุงเทพเหมือนกัน ไม่แน่ว่าผมกับมันอาจจะเจอกันก็ได้ มันแลกเบอร์โทรที่บ้านกับผมเอาไว้แล้ว บอกว่าถ้าคิดถึงจะได้โทรหากันได้ มันสูงขึ้นเยอะเหมือนกัน แล้วก็ยังบอกว่าจะตามฝันที่อยากเป็นไมเคิล จอร์แดนต่อ มันว่ามันมั่นใจว่าทำพร้อมเรียนได้ ผมก็อวยพรให้มันนะ มันก็เป็นเพื่อนอีกคนที่ผมสนิท
   หน้ากระดาษหมดพอดี ผมคงต้องจบบันทึกเล่มนี้ไว้เท่านี้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะได้เปิดใช้บันทึกเล่มใหม่ที่พี่หนิงซื้อส่งมาให้ คราวนี้หน้าปกเป็นรูปหมีพูห์ล่ะ
------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 23-06-2011 09:35:33
 :L2:เย้...มาต่อแล้ว
รักแรกแม้ไม่สมหวัง...แต่ก้อประทับใจไม่รู้ลืม!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 23-06-2011 10:00:01
เง้ออออ น่ารักจนไม่อยากคิดเลยว่าจะเลิกกันได้ยังไง

หรือเพราะกรหว่า555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 23-06-2011 10:28:23
น้องนพน่ารักจริง ๆ ค่ะ อ่านตอนพิเศษของนพ เพลินมาก ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 23-06-2011 10:32:58
รอเรื่องราวของ แฟน คนถัดไป ครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 23-06-2011 11:32:58
รอตอนต่อไป

 :L2: :L2:  น้องนพ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 23-06-2011 11:36:25
ต้องเป็นน้องนพแล้วสินะ 
T____T ถึงจะรักครู แต่มันก็ยังไม่ใช่ ยังมีอะไรอีกเยอะในชีวิต สงสารครู
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 23-06-2011 11:44:00
ครูช่างเป็นครูที่สอนนพทุกอย่างจริงๆ  o13
ขอบคุณนักเขียนมาก รออ่านต่อจ้ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MokGaLaKom ที่ 23-06-2011 11:53:08
เง้อสงสารหนูนพ แต่ไม่เป็นไร รออีกหน่อยเดี๋ยวก็เจอคุณไพแล้ว
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Narutear ที่ 23-06-2011 12:04:51
- - อ่านบันทึกจบไป 3 ตอน แล้วอยากจะบอกว่า นพมันหมาป่าห่มหนังแกะมาล่อลวงคุณไพจริงๆ

คุณไพไม่น่าตกหลุมมันเล๊ย 555+

ปล. ถ้าบันทึกทั้งหมด คุณไพได้อ่านจะจัดการนพไงน้า คึๆๆ  o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: butterfly_bee ที่ 23-06-2011 13:08:35
เจ้าเปี๊ยกน่ารักจริงๆ
ยิ่งอ่านบันทึกยิ่งหลงรัก
ความคิดความอ่านใสซื่อจริงใจแถมมีหัวคิดอีกตะหาก
ไม่แปลกใจเลยที่เปี๊ยกเป็นที่รักของทุกคนจริงๆ
อ่านแล้วอยากได้เปี๊ยกเป็นน้องชายจังแฮะ  :man1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 23-06-2011 13:24:56
ส่วนนึงคงต้องขอบคุณครูต้าซินะ ที่หล่อหลอมให้นพเป็นนพของคุณไพฑูรย์อย่างทุกวันนี้ ^^




+ และ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 23-06-2011 13:38:15
ครูต้าคงรู้อยู่แล้วว่าการคบกับนพมันมีเวลาจำกัด
แต่อย่างน้อยทั้งนพและครูต้าก็ได้บันทึกช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกันในหนึ่งปีนั้น
ทั้งซึ้งทั้งเศร้าอ่ะ...หวังว่าครูต้าจะได้เจอคนดี ๆ ที่พร้อมจะรักและดูแลครูต้าได้ตลอดไปค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 23-06-2011 14:14:08
รักในวัยเด็กมันก็เป็นแบบนี้ละเนอะ อ่านแล้วคิดถึงตัวเองตอนมีแฟนคนแรกแหะ หึหึ น๊านนนนาน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: prettypearl ที่ 23-06-2011 15:34:14
อยากให้ครูต้าได้เจอคนที่ดี คนที่รักกันจริงๆเหมือนอย่างนพ (ที่ไม่เปี๊ยกแล้ว) กับคุณไพฑูรย์ค่ะ  สู้ๆนะคะคุณครู
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 23-06-2011 16:40:36
ชอบที่ เปี๊ยก วงรอยหยดน้ำตาเอาไว้  น่ารักจริงเปี๊ยกน้อย โอ๋ๆๆ อย่าเสียใจ มานี่ มา  :o8:  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 23-06-2011 18:05:03
อ่านได้เพลินเลยค่ะ
แล้วทำให้รู้ว่านพเป็นเด็กที่มีวุฒิภาวะเกินวัยจริง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 23-06-2011 18:14:16
อืมม มันเป็นความเป็นไปของชีวิตเนอะ พูดยากจิงๆ มีพบก็ต้องมีจาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 23-06-2011 18:58:25
ตอนนี้พักคำชมนพรัตน์ไว้ก่อน ชมมากเดี๋ยวจะเฝือ ไว้รออ่านตอนน่ารักๆตอนใหม่ของนพรัตน์ดีกว่า
ตอนนี้ขอ :กอด1:ผู้เขียนล่ะกัน กอดแบบไม่มีเหตุผลด้วยล่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 23-06-2011 20:21:50
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านค่ะ

ตานพนี่ดีเป็นเทพบุตรจริงๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 23-06-2011 20:30:49
ถ้าพี่ไพได้อ่านจะรู้สึกไงบ้างน๊อ คริ ๆ
แต่น้องนพก็น่ารักจริง ๆ ละน๊า นอกจากครูต้าแล้ว น้องนพมีแฟนอีกหรือเปล่าเอ่ย
ติดตามตอนต่อไป อิอิ :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: jamesnaka ที่ 23-06-2011 22:43:41
อ่า รู้สึกน้องนพจะมีเซ็กเร็วจัง ม.2 เอง รึว่าเดี๋ยวนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วหว่า  :really2:
ยิ่งน้องวีเพื่อนรูมเมท มีตั้งกะตอน ม.1 โอ้ว แม่เจ้า รึข้าพเจ้าเป็นสาวหัวโบราณไปแล้วกันนี่ ฮ่าๆ
แต่ถึงยังไงก็ชอบเรื่องนี้มากอยู่ดี อิอิ ชอบนายเอกแก่กว่าพระเอกอ่ะ   :-[

ขอบคุณค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 23-06-2011 22:49:47
อยากบอกว่ารออ่านตอนที่คุณไพฑูรย์จะโผล่มาอย่างใจจดจ่อ
และขอยกมือสนับสนุนตอนพิเศษช่วงที่สองคนนี่อยู่ด้วยกันแล้วด้วยอีกคนค่า (^_^)/
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 23-06-2011 22:53:33
เศร้าจายยแทนนพ  :o12: แต่เข้าใจครูต้าน่ะ
อนาคตก็สำคัญ คิดว่าครูคงคิดเยอะถึงได้ตัดสินใจย้ายไป

ต่อไปเป็นใคร?? ใช่คนที่ชอบไปสะพานป่าวเน้อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 23-06-2011 23:14:55
อ่านช่วงนี้แล้วซึมเลย วูบๆโหวงๆ บรรยากาศของการลาจากที่ดีแต่คนอ่านอยากร้องไห้แทน :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 24-06-2011 06:38:54
บวกให้นพคนน่ารัก
แต่คิดถึงลุงไพนะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 24-06-2011 11:51:24
บันทึกของนายนพรัตน์ (ช่วงที่4)
6 พฤษภาคม 254x
ในที่สุด ผมก็สอบติดโรงเรียนที่หวังไว้ล่ะ พอดีว่ามันไปทางเดียวกับที่ทำงานของพี่นพด้วย พี่นพดีใจใหญ่เลย บอกว่าคราวนี้ก็ได้ไปรับไปส่งผมแล้ว ผมก็ดีใจนะ เพราะพี่นพจะได้ไม่ต้องเวียนรถไปส่งผม วันนี้มาโรงเรียนวันแรก ผมคิดว่าจะสายแล้ว แต่ปรากฏว่าเข้าไปครูยังไม่ตรวจแถว อ้อ เพิ่งรู้จากเพื่อนอีกคนหนึ่งเหมือนกันว่าที่กรุงเทพฯเขาไม่ค่อยจับแถวสายกันหรอก เพราะรู้ว่ารถติด
ที่นี่เป็นโรงเรียนที่มีแต่ชั้นม.ปลาย เพื่อนที่เข้ามาทั้งหมดเลยเป็นหน้าใหม่หมดเลย แบบว่าต่างคนต่างเพิ่งรู้จักกัน ผมได้เพื่อนใหม่มาหลายคน แต่คนที่ดูจะประทับใจที่สุดคือคนที่นั่งข้ามผมนี่แหละ มันชื่อเอ้ ย้อมหัวทองมาเลย เลยถูกเรียกไปห้องปกครองแต่เช้า พอดีว่าผมสูงเลยต้องไปนั่งแถวหลัง มันมาถึงเหลือที่ว่างอยู่ข้างผมพอดี นั่งแล้วถามผมว่า หัวข้ามีอะไรผิดปกติตรงไหนวะ ผมบอกมี ตรงที่ผิดหูผิดตาครูไง มันตบมือผาง แล้วบอกว่าผมน่าจะเข้ากับมันได้ จากนั้นครูก็ดุพวกผมสองคนว่าให้เงียบๆ กันหน่อย
ตอนเที่ยงผมเลยไปกินข้าวกับเอ้ เพราะไม่มีใครอยากเข้าใกล้มัน สงสัยจะทรงผมมันมั้ง แต่ผมว่าก็แปลกๆ ดีนะ อีกอย่าง เอ้ย้อมผมทอง แต่ก็ยังสอบเข้ามาได้ ผมไม่เห็นว่าเอ้จะไม่ดีตรงไหนเลย
-------------------------------------------------
   15 พฤษภาคม 254x
   วันนี้ผมได้เจอพี่นัทด้วยล่ะ ไม่ได้เจอกันนานสุดๆ แถมยังได้เจอเพื่อนคนอื่นของพี่นพด้วย ตอนเย็นพี่นพมารับผม แล้วพาไปกินข้าวน่ะ โอ๊ย พวกพี่ๆ รุมทักผมใหญ่เลย หาว่าพี่นพพาคนอื่นมา เปี๊ยกมันจะตัวใหญ่แบบนี้ได้ไง พี่นพเลยท้าว่าให้ไปพิสูจน์ดีเอ็นเอกันเลยแมะ ต่างคนต่างดูตื่นเต้นที่เห็นผมสูงขนาดนี้ พี่นัทเดินมาแล้วเอามือแตะๆ กับหัวผม บอกว่าเอ็งจะสูงกว่านี้อีกมั้ยเนี่ยเปี๊ยก จะสูงกว่าพี่แล้วนะ ผมบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน เหมือนจะยังสูงขึ้นเรื่อยๆ น่ะ
   พวกพี่ๆ กินข้าวเสร็จก็ไปร้องคาราโอเกะกันต่อ โอ๊ย ผมน่ะไม่ได้ร้องคาราโอเกะนานแล้ว เลยร้องจนเสียงแห้งเลยล่ะ พวกพี่ๆ บอกว่า เชื่อแล้วว่าเป็นไอ้เปี๊ยก เพราะบ้าร้องเพลงเหมือนพี่มันเด๊ะเลย แถมยังเสียงแมวเหมือนเดิม แต่ตัวเท่าควายขนาดนี้แล้ว
   กลับมาอยู่กับพี่นพแล้ว ผมมีความสุขดี ได้เจอพี่ๆ สมัยที่ผมยังตัวกะเปี๊ยกอยู่ แต่ผมยังคิดถึงครูต้าอยู่นะ ผมพกผ้าเช็ดหน้าที่ครูให้ไปโรงเรียนทุกวันเลย
---------------------------------------------------
   2 มิถุนายน 254x
   เอ้มันชอบเรียนวิชาศิลปะ เลยลากผมไปลงทะเบียนเรียนกับมันด้วย ผมวาดรูปไม่เก่งนะ เลยไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ แต่วันนี้แปลกล่ะ มีครูเข้ามาสอนใหม่ ไม่สิ จริงๆ เป็นครูที่สอนมานานแล้ว แต่ลาป่วยไปตอนปิดเทอม เพิ่งกลับมาสอนต่างหาก
   ครูชื่อพิสุทธิ์ อายุสักยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดได้แล้วมั้ง ผิวครูออกสีเข้มหน่อยนะ แต่คงไม่สบายนานมาก ขนาดผิวเข้มยังเห็นเลยว่าซีด
   เราเข้าไปนั่งเรียนกันที่หน้าห้องพักครู เพราะนักเรียนลงน้อย มีแค่สามสี่คนเอง ห้องพักครูศิลปะอยู่ใกล้ๆ กับน้ำตกเทียมที่สวนด้านหลังโรงเรียน ครูนั่งอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางง่วงๆ บอกให้พวกผมลองวาดอะไรที่เห็นมาให้ดูสักรูปหนึ่ง ผมไม่รู้จะวาดอะไร เพราะวาดไม่เก่ง หันซ้ายหันขวา เห็นครูนั่งหลับไปแล้ว เลยนึกสนุกวาดครูตอนหลับแทน แต่วาดเป็นการ์ตูนน่ะนะ
   ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ครูตื่นมาแล้วเรียกหางาน พวกเราก็เอาไปส่ง พอถึงงานผมครูถามทันทีว่าผมวาดใคร ผมก็บอกว่าผมวาดครูน่ะ ครูมองหน้าผม ถามชื่อ แล้วยกนิ้วชี้ขึ้นมา วงหน้าผมเอาไว้ แล้วบอกว่าระวังจะอายุไม่ยืน ผมก็อึ้งสิ จากนั้นครูก็ปล่อยเลิก
   เอ้ดูจะประทับใจครูพิสุทธิ์มาก บอกว่าครูโคตรอาร์ต แต่ผมสิ งงแตก ผมว่าผมวาดรูปการ์ตูนไม่ได้น่าเกลียดมากนะ ไม่ได้วาดครูน้ำลายยืดด้วย แต่ครูก็ดันโกรธผมอีก สัปดาห์หน้าผมไปถอนวิชานี้ออกดีกว่า
-------------------------------------------------
   29 มิถุนายน 254x
   ผมเริ่มมีเพื่อนเยอะขึ้นแล้ว แต่ทุกคนยังกลัวเอ้อยู่ดี ทั้งๆ ที่ผมว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวหรอกนะ มันไปย้อมผมกลับเป็นสีดำแล้ว แต่ผมเห็นว่ามันเจาะลิ้น มันบอกผมว่าอย่าบอกครูนะ ไม่งั้นมันจะเจาะลิ้นผมด้วย ผมเลยบอกว่าไม่เจาะผมก็ไม่บอกหรอก เพราะไม่ใช่เรื่องที่ผมควรจะบอก มันเลยตบไหล่ผม แล้วบอกว่าเลือกนั่งข้างผมคิดไม่ผิดจริงๆ
   ที่นี่เรียนหนักกว่าโรงเรียนเก่าผมเยอะเลย ทุกคนขยันอ่านหนังสือกันจนผมเริ่มรู้สึกเครียด มีเอ้นี่แหละที่ดูสบายๆ มันชอบไปนั่งแถวๆ ห้องศิลปะ ผมเลยไปนั่งกับมันด้วย เพราะพอไปแล้วรู้สึกสบายใจดี เอ้คุยไม่เก่งนะ ชอบวาดรูปเงียบๆ วันดีคืนดีมันก็วาดรูปผมใส่กระดาษสมุดแล้วเหน็บใส่หนังสือเรียนผมด้วยล่ะ
   ครูพิสุทธิ์อยู่ที่ห้องพักครูเกือบตลอด บางทีก็ออกมานั่งวาดรูป พอเห็นหน้าผมแกก็ทำมือเป็นวง แล้วก็ยิ้มที่มุมปากนิดๆ ไม่รู้ว่าแกผูกใจเจ็บกับผมหรืออยากแกล้งผมกันแน่ แต่ผมยังไม่ถอนวิชาแกหรอกนะ เพราะไม่มีวิชาอื่นให้ลงแล้ว ผมคงต้องเรียนวิชาศิลปะกับแกต่อไปจนหมดเทอมนี่แหละ
----------------------------------------------------------
   8 กรกฎาคม 254x
   วันนี้ผมไปที่ห้องสหกรณ์โรงเรียน นึกถึงครูต้าทุกทีเลยเวลาไปซื้อของที่นี่น่ะ แต่ครูที่ห้องสหกรณ์เป็นผู้หญิง แถมอายุเยอะมากแล้ว ห้าสิบแล้วมั้ง ใส่แว่นหนาเตอะ แกหูไม่ค่อยดี เวลาจะซื้ออะไรถ้าแกอยู่ต้องตะโกน แต่แกใจดีนะ แนะนำว่าผมจะซื้อของไปทำอะไร ใช้แบบไหนดี
   ขากลับผมเห็นครูพิสุทธิ์ยืนเกาะผนังอยู่ตรงหน้าห้องน้ำอาจารย์ เลยเข้าไปถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า ครูสั่นหัว แล้วบอกว่าแค่หน้ามืดนิดหน่อย ผมเลยอาสาว่าจะพาครูไปที่ห้องพยาบาล ครูบอกว่าไม่ต้อง แต่ก็ยังยืนอยู่แบบนั้นแหละ ผมเลยยืนเป็นเพื่อนครู กลัวครูจะเป็นลมล้มลงไป ครูผอมมากเลยน่ะ ตัวก็ซีด ขนาดว่าครูผิวเข้มหน่อยแล้วนะ สักพัก ครูเงยหน้าขึ้นมามองผม แล้วบอกให้ผมช่วยพยุงครูไปที่ห้อง
   ห้องครูมีรูปวาดเยอะเลย ส่วนใหญ่เป็นรูปวิวน้ำตกใกล้ๆ กับห้องพักนั่นแหละ ครูสเก็ตช์รูปสวยมาก ใช้แค่ดินสอไม้ธรรมดาแท้ๆ แต่วาดออกมาสวยสุดๆ ไปเลย ครูนั่งลงตรงเก้าอี้ พอเห็นผมยืนมองรูป ก็เลยบอกว่าหยิบไปใบหนึ่ง ครูให้ ผมไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรเลยบอกว่าไม่เป็นไร ครูก็บอกว่าหยิบไปสิ ครูให้แล้ว เลือกไปใบหนึ่ง ครูพูดจริงจังมาก จนผมจำต้องเลือกหยิบมารูปหนึ่ง เป็นรูปผีเสื้อที่เกาะอยู่บนดอกดาวเรืองนะ ครูมองผมแล้วกำชับซ้ำว่าห้ามเอาไปทิ้งนะ เก็บให้ดี ถ้ารู้ว่าเก็บไม่ดีครูจะแช่งให้สอบตก ผมล่ะอยากร้องไห้กับครูพิสุทธิ์จริงๆ เลย วันหลังจะไม่เดินมาแถวนี้อีกแล้วล่ะ
------------------------------------------------------
   16 กรกฎาคม 254x
   ผมเข้าชมรมบาสฯของโรงเรียนแล้วล่ะ ผ่านรอบคัดตัวสบายๆ พอพี่นัทรู้ว่าผมเล่นบาสฯ เลยนัดผมว่าวันเสาร์ให้ไปเล่นด้วยกัน ผมเลยแซวว่าพี่นัทไม่เล่นบอลแล้วเหรอ พี่นัทบอกว่า เหนื่อย สนามบอลกว้าง อายุจะเลขสามแล้วต้องลดดีกรีความห่ามลงหน่อย
   พักนี้พอเลิกเรียน พี่นพมารับผมไปกินข้าวกับพี่ๆ พวกนี้ล่ะ วันดีคืนดีก็ไปร้องคาราโอเกะกันด้วย สนุกดี ผมชอบนะ พวกพี่ๆ ตลกกันเหมือนเดิมเลย
------------------------------------------------------
   7 สิงหาคม 254x
   วันนี้พวกพี่นพไม่ไปคาราโอเกะกันล่ะ กินข้าวเสร็จแล้วไปเที่ยวผับกันแทน พี่นพก็ดี อุตส่าห์เตรียมเสื้อผ้ามาให้ผมเปลี่ยน ลอกคราบจากเด็กม.4 เป็นนักเที่ยวราตรีกับเขาได้เหมือนกัน พวกพี่นัทแซวกันใหญ่ว่าอาจจะมีใครได้เปิดซิงผม เพราะท่าทางผมคงจะเพิ่งเคยเที่ยวผับครั้งแรก ผมพยักหน้าเลยนะ เรื่องที่ยังไม่เคยเข้าผับน่ะ แล้วถามว่าเขาไม่ตรวจบัตรผมเหรอ พี่คนหนึ่งบอกว่าไม่เป็นไร ตำรวจมาเดี๋ยวพี่เคลียร์เอง อื้อหือ พวกพี่ๆ ว่าแบบนี้ผมก็กลั้นใจลองของตามพี่เขาล่ะ แต่ก่อนจะไปถึงผับ พี่นพก็อธิบายในรถยืดยาวว่ามันดีและไม่ดียังไง ลงจากรถแล้วยังพูดไม่หมดเลย จนพี่นัทแซวว่าตกลงจะให้ผมเข้าไปรึเปล่า แต่สุดท้ายผมก็ได้เข้าไปล่ะนะ
   ผับที่พวกพี่นพมาเป็นผับค่อนข้างจะวัยรุ่นหน่อย มีทั้งผู้หญิงผู้ชายแต่งตัวแปลกๆ เดินบ้าง เต้นบ้าง อยู่ทั่วผับ ผมเข้ามาแล้วไม่ชอบเลย มันมืดๆ แคบด้วย แถมไฟก็กะพริบแว้บๆ ปวดตาจะตาย เหม็นบุหรี่อีกต่างหาก แต่เห็นพี่เขาดูคึกคักกันผมเลยต้องพยายามคึกตามเขาไปด้วย
   พี่นพพาผมไปนั่งตรงบาร์ พอเปิดเมนูเห็นราคาค่าน้ำ ผมหันไปมองพี่นพทันที เกือบจะถามไปแล้วว่านี่น้ำหรืออะไรกันเนี่ย ทำไมมันถึงแพงขนาดนี้ แต่นึกขึ้นได้ว่าพี่นพบอกไว้แล้วว่าของในนี้แพง แต่อยากให้ผมเข้ามาศึกษาเอาไว้ ผมมองหาน้ำที่ถูกที่สุดในเมนู สุดท้ายพี่นพเลยสั่งน้ำมะนาวให้ผม เพราะน้ำแต่ละอย่าง ผมเห็นแล้วนึกไม่ออกว่าจะดื่มเข้าไปได้ยังไง
   ผมกับพี่นพนั่งดื่มน้ำอยู่ตรงบาร์ ขณะที่คนอื่นๆ ก็สนุกกันไปตามเรื่อง สักพักพี่นัทก็เดินเข้ามาแล้วลากพี่นพออกไป บอกว่าเลิกทำตัวเป็นพ่อลูกอ่อนได้แล้ว พี่นพบอกผมว่าถ้าใครชวนออกไปไหน ไม่ต้องไปนะ นั่งอยู่แถวนี้แหละ ผมก็พยักหน้า เพราะไม่อยากไปไหนกับใครอยู่แล้ว จากนั้นพี่นพก็โดนพี่นัทลากออกไป
   ผมนั่งอยู่สักพักก็มีผู้หญิงเดินเข้ามาทัก ผมไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้เลยล่ะ ใส่น้อยกว่านี้อีกนิดจะเหมือนพวกนางแบบหนังสือโป๊อยู่แล้ว ถ้าพี่นพคิดจะมาหาพี่สะใภ้ในนี้นะ ผมขอค้านหัวชนฝา ผมอยากได้พี่สะใภ้สวยแบบธรรมชาติ ดูผู้ดี มารยาทงาม ไม่ต้องแต่งหน้าหนาขนาดนี้หรอก
   ผมคุยกับผู้หญิงคนนั้นตามมารยาท สงสัยจะเห็นว่าผมไม่ค่อยคุยเท่าไหร่มั้ง สักพักเธอก็เดินออกไป ผมนั่งหน้ามู่ทู่อยู่กับแก้วน้ำมะนาว จนพี่ที่ผสมเครื่องดื่มอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ถามว่าผมไม่สบายเหรอ ผมเลยบอกว่าเปล่า ผมแค่เหม็นบุหรี่
   พี่ที่ชงเครื่องดื่มคนนี้ก็ใจดี ชวนผมคุยเล่น ว่าไม่ชอบบุหรี่แล้วทำไมมาที่แบบนี้ล่ะ ผมเลยบอกพี่เขาว่าพี่ชายพามา อยากให้เรียนรู้เอาไว้ เขาเลยถามว่าผมอายุเท่าไหร่ ผมบอกว่าผมไม่ตอบแล้วกัน เดี๋ยวตำรวจจับ เขาหัวเราะใหญ่ แล้วบอกว่าผมน่ารักดี คนเป็นพี่คงดีใจ ผมก็พยักหน้านะ บอกว่าผมอยากให้พี่ดีใจที่มีผมเป็นน้องชายเหมือนกัน จากนั้นก็ถามว่าผมเรียนที่ไหน ผมก็ตอบเขาไปตามตรงนั้นแหละ เขาก็ทำตาโตแล้วบอกว่าพี่ชายต้องภูมิใจมากแน่ๆ เลย ที่นั่นสอบเข้ายากมากเลยนะ ผมก็พยักหน้าตามเขาแหละ แต่ก็นึกในใจว่าไม่เห็นยากตรงไหน ยากตอนที่ต้องปรับตัวใหม่เท่านั้นแหละ จากนั้นเขาก็ถามชื่อ พอผมบอกว่าเปี๊ยก เขาก็ขำ บอกว่าตัวใหญ่ขนาดนี้ยังจะชื่อเปี๊ยกอีก ผมเลยบอกว่าตอนเด็กๆ ผมตัวเล็กนะ เพิ่งมาโตไม่กี่ปีนี่เอง เขาเลยถามต่อว่าแล้วเพื่อนไม่หัวเราะเหรอ ตัวใหญ่แต่ชื่อเปี๊ยกนะ ผมว่าเพื่อนก็ขำนะ เลยเรียกชื่อหน้ากันหมดเลย มันเลยไปเหมือนกับชื่อพี่ชายผม แต่ไม่รู้จะบอกเพื่อนให้เลิกเรียกยังไงเหมือนกัน ก็เลยปล่อยเลยตามเลย มีแต่เอ้นี่แหละยังเรียกผมว่าเปี๊ยกอยู่ มันบอกว่าชื่อน่าประทับใจดี
   หลังจากนั้นผมก็ถามเขาถึงพวกขวดเครื่องดื่มที่วางอยู่เต็มไปหมด แล้วถามว่าทำไมพี่เขาถึงมาทำอาชีพแบบนี้ เขาว่าเขาชอบน่ะ ชอบงานบริการ ชอบเจอคนเยอะๆ มาทำงานแบบนี้ได้เจอคนแปลกๆ มีดีบ้างไม่ดีบ้าง เป็นสีสันของชีวิตดี วันนี้ได้เจอผมก็ถือว่าเป็นคนแปลกนะ แต่ก็น่ารักล่ะ ไม่คิดว่าจะมีเด็กอย่างผมมาเที่ยวที่แบบนี้ด้วย เขาบอกว่าพี่ชายผมดีนะ พาผมมาแบบนี้ ผมก็ว่างั้นแหละ พี่นพดีที่สุดอยู่แล้วล่ะ
   ผมคุยอยู่กับพี่ที่เคาน์เตอร์บาร์จนจะห้าทุ่มได้ พวกพี่นพถึงกลับกัน เห็นว่าปกติกลับกันดึกกว่านี้นะ แต่เห็นผมมาด้วย เลยกลับหัวค่ำหน่อย ผมบอกพี่นพเลยว่าคราวหลังผมไม่มาแล้ว พี่ๆ จะได้ไม่ต้องพะวง แล้วบอกอีกว่า ถ้าพี่นพหาแฟนในนี้นะ ผมไม่รับเข้าบ้านแน่ พี่นพหัวเราะ แล้วตบไหล่ผม บอกว่าแค่อยากให้ออกมาเปิดประสบการณ์ใหม่เท่านั้นเอง ผมทำตัวเป็นคนแก่ขี้บ่นไปได้
------------------------------------------------------------
   20 สิงหาคม 254x
   ใกล้สอบปลายภาคแล้วล่ะ แปลว่าเหลืออีกหนึ่งเทอมผมก็จะได้ขึ้นม.5แล้ว วันนี้ผมกับเอ้เดินผ่านห้องพยาบาล เห็นมีที่วัดส่วนสูงกับเครื่องชั่งน้ำหนักอยู่ เลยไปชั่งน้ำหนักกับวัดส่วนสูงกัน ผมสูงร้อยเจ็ดสิบห้าแล้วล่ะ ส่วนเอ้สูงกว่าผมหน่อย ร้อยเจ็ดสิบแปด แต่ผมหนักกว่านะ สงสัยจะเพราะเล่นกีฬาล่ะมั้ง ถึงเอ้จะดูเฮ้วๆ แต่มันค่อนข้างจะผอมนะ วันนี้มันใส่กางเกงหลุดตูดจนโดนครูปกครองทักอีกแล้วล่ะ ครูบางคนเรียกผมไปคุย บอกว่าอย่าไปสนิทกับมันนัก เดี๋ยวจะเสียการเรียน แต่ผมนั่งกับเอ้มาจะเทอมแล้ว ยังไม่เห็นว่าเรียนไม่รู้เรื่องตรงไหนเลย เอ้ไม่ชวนคุยนะ แค่ฮัมเพลงกับวาดรูปตอนเรียนเท่านั้นเอง
   ตกบ่ายผมต้องเข้าคาบครูพิสุทธิ์ วันนี้ครูบอกว่าจะมีสอบปลายภาค เพิ่งรู้ว่าวิชาศิลปะมีสอบปลายภาคกับเขาเหมือนกัน คะแนนวิชานี้ผมน่าจะห่วยบรม เพราะผมวาดรูปไม่เอาอ่าวเลย วาดได้แต่การ์ตูนง่ายๆ พอดูออกว่าเป็นคนหรือต้นไม้เท่านั้นแหละ แต่ครูพิสุทธิ์บอกว่าวิชานี้ครูจะตัดเกรดแค่ 1กับ4 ไม่ให้เอฟ เพราะศิลปะไม่มีใครผิดใครถูก มีแต่ถูกใจหรือไม่ถูกใจเท่านั้นแหละ ผมว่าผมได้เกรดหนึ่งแน่นอน แต่ไม่เคยเห็นครูวงคะแนนเอาไว้ในรูปวาดเลย พอเวลาส่งงานครูจะให้กองรวมไว้ วันก่อนผมเห็นว่าครูเก็บงานของนักเรียนแต่ละคนใส่แฟ้มเอาไว้ด้วยล่ะ
   ครูพิสุทธิ์ให้โจทย์งานปลายภาคว่าให้ไปวาดสิ่งของที่อยากวาดมาหนึ่งอย่าง แต่ไม่เอาวาดเหมือนนะ ครูย้ำเลยนะว่าถ้าใครวาดเหมือนมาให้ตก ให้ใส่จินตนาการของตัวเองเข้าไปด้วย ให้รู้ว่าทำไมถึงอยากวาดสิ่งของพวกนี้ โดยไม่ต้องเขียนมาเป็นตัวหนังสือ บอกว่าเดี๋ยวหมดคาบแกจะเรียกส่ง คาบเรียนของครูจริงๆ น่ะ ชั่วโมงเดียว แต่วันนี้พวกเด็กม.4 จะว่างตั้งแต่บ่ายไปจนเลิกเรียน คือมีเรียนแค่คาบบ่ายคาบเดียวนั่นแหละ สงสัยเพราะแกชอบเรียกตรวจงานวันเดียวกับที่สั่ง เด็กเลยไม่ค่อยลงวิชาแกล่ะมั้ง เพราะกลัวไม่ได้กลับบ้านเร็ว แต่ผมไม่รีบกลับบ้านอยู่แล้ว เพราะต้องรอพี่นพมารับ เรียนวิชาแกผมก็ไม่เสียหายอะไร นอกจากจะเสียเกรดนี่แหละ
   ผมนึกอยู่ตั้งนาน แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะวาดอะไร เลยหันไปถามเอ้ วิชาครูพิสุทธิ์ดีตรงถามกันได้ คุยกันได้ ครูบอกว่าถ้ากล้าลอกกันครูก็ไม่ว่านะ แต่ถ้าลอกไม่ถูกใจครูจะหักคะแนน ผมก็ไม่เคยถามหรือลอกใครเวลาสอบวิชาอื่นหรอกนะ แต่วิชาแกผมไม่ไหวจริงๆ เลยต้องถาม
   เอ้ร่างภาพแล้วล่ะ เป็นรูปอะไรซักอย่างที่ยังดูไม่ออก พอผมถามมันก็บอกว่า มันจะวาดรูปแฮนด์รถมอเตอร์ไซค์ ที่มีมือมันกับพ่อจับอยู่ เพราะพ่อเป็นคนสอนมันขี่มอเตอร์ไซค์ โห.. ไอเดียมันล้ำลึกมาก ผมกลับมานั่งมองกระดาษเปล่าของตัวเองต่อ ผมจะวาดอะไรดีล่ะ อะไรที่ผมอยากวาดนะ อะไรที่ผมวาดได้นะ
   นั่งไปสักพัก อากาศก็ร้อนน่าดู ผมเลยวางกระดาษเปล่าเอาไว้แล้วไปล้างหน้า พอหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดผมก็นึกออกเลยว่าจะวาดอะไร ผมจะวาดผ้าเช็ดหน้าที่ครูต้าให้นี่แหละ ง่ายและวาดได้แน่นอน
   ผมกลับมานั่งมองกระดาษอีกสักพัก เพราะวาดผ้าเช็ดหน้าอย่างเดียวก็ไม่ได้ นึกอยู่ตั้งนานว่าจะวาดอะไรให้รู้ว่าทำไมผมถึงอยากวาดผ้าเช็ดหน้า วาดมือจับเอาไว้ตลกแน่นอน เพราะฝีมือเขียนรูปผมห่วยสุดๆ ไม่เก่งเหมือนเอ้ สุดท้ายผมเลยวาดผ้าเช็ดหน้าที่มีรูปการ์ตูนลายแมวเหมียวอยู่ แล้ววาดรูปตัวเองเป็นการ์ตูนจับปลายไว้ด้านหนึ่ง อีกด้านวาดรูปครูต้ากำลังถักผ้าเช็ดหน้าให้ผมอยู่ ผมวาดไปนึกถึงครูไป ไม่รู้ป่านนี้ครูจะเป็นยังไงบ้างนะ ไปสอนที่ใหม่เด็กจะดื้อรึเปล่า จะคุมห้องสหกรณ์เหมือนเดิมมั้ย แล้วครูจะคิดถึงผมบ้างรึเปล่าหนอ
   สงสัยผมจะคิดมากจนออกทางสีหน้า สักพักเอ้ก็ทักว่าผมวาดอะไร ทำไมวาดไปยิ้มไปแบบนั้น ผมเลยให้มันดู มันก็เลยถามว่าอีกฝั่งใครน่ะ ผมบอกว่าครูที่โรงเรียนเก่า มันเหล่มองผมแล้วถามว่า ผมริจีบครูตั้งแต่อยู่ม.ต้นเลยเหรอ แถมครูผู้ชายด้วยนะ เป็นเกย์หรือไง ผมบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน แต่ครูเขาน่ารักน่ะ มันเลยบอกว่าว่างๆ เล่าให้มันฟังบ้าง มันอยากรู้ว่าทำไมผมถึงชอบผู้ชาย เออ ผมก็เขินเหมือนกันนะ ถามแค่นี้ผมก็ร้อนหน้าหมดแล้ว ยังจะมาบอกให้เล่าให้ฟังอีก ผมไม่เล่าหรอก
   ครูพิสุทธิ์เรียกเก็บงานก่อนเลิกเรียนนิดหน่อย ครูหยิบงานขึ้นมาดูแล้วถามแรงบันดาลใจเหมือนที่เคยทำทุกที ผมว่าแต่ละคนไอเดียเจ๋งๆ ทั้งนั้นเลยล่ะ พอถึงคิวผม ครูหรี่ตา แล้วถามว่าวาดแฟนหรือไง คนอื่นหันมามองหน้าผมเลยนะ ผมก็เขินสิ จู่ๆ ครูมาทักต่อหน้าเพื่อนแบบนี้ แต่ผมก็พยักหน้าล่ะ บอกว่าแฟนเก่า เลิกกันไปแล้ว ครูยิ้มๆ แล้วปล่อยเลิก เอ้แซวผมใหญ่ บอกว่าวาดเก่ง ครูดูแว้บเดียวก็ออกเลย ผมเลยบอกมันว่าผมแค่วาดการ์ตูนง่ายๆ เอง มันบอกว่าการ์ตูนหรืออะไรเอาให้ดูออกเข้าใจก็ได้เหมือนกันนั่นแหละ แล้วบอกว่าผมน่าจะไปเอาดีทางวาดการ์ตูน แต่ผมไม่ได้ชอบวาดนี่นา เอ้บอกว่าครูพิสุทธิ์เจ๋งจริง ศิลปะต้องแบบนี้แหละ ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมาก อยากทำอะไรก็ทำ
--------------------------------------------------
   10 กันยายน 254x
   วันนี้มารับผลสอบ พี่นพมาด้วย คะแนนปลายภาคผมดีทีเดียวล่ะ มีแต่เลขสี่เรียงกันเป็นตับ มีสามแถมมานิดหน่อย พี่นพงี้ยิ้มแก้มปริเลย บอกว่านี่ขนาดผมไม่เรียนพิเศษนะ ถ้าเรียนจะขนาดไหน แต่ผมรีบบอกพี่นพว่าผมไม่เรียนเด็ดขาด เพราะเปลืองเงินพี่นพ แล้วผมก็ชอบจะไปเที่ยวกับพวกพี่นพมากกว่าด้วย
   ที่น่าแปลกคือ วิชาของครูพิสุทธิ์ผมได้สี่ด้วยล่ะ ผมงี้อึ้งเลยนะ หันไปถามเอ้ เอ้บอกว่ามันก็ได้สี่ แล้วบอกต่อว่าครูพิสุทธิ์ไม่ได้คิดคะแนนตรงวาดรูปเหมือนไม่เหมือน แต่คิดคะแนนที่ไอเดียการวาดต่างหาก ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมไม่คิดว่าไอเดียผมจะถูกใจครูจนให้สี่ได้นะเนี่ย แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ครูไม่ให้หนึ่งผม ไม่งั้นพี่นพหน้ายู่แน่ๆ
------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 24-06-2011 11:51:55
   25 กันยายน 254x
   ผมออกจากบ้านไปห้าง เพราะเอ้โทรชวนไปดูหนังตั้งแต่เมื่อวาน ช่วงปิดเทอมนี้ผมหัดขึ้นรถเมล์แล้วล่ะ วันแรกๆ ก็นั่งไปที่ทำงานพี่นพ วันแรกเลยด้วย พี่นพเป็นห่วงสุดๆ แต่ผมก็ไปถึงล่ะนะ เพราะกลัวผมเหงา พี่นพเลยพาผมไปที่ทำงานด้วย แต่วันไหนถ้ามีเพื่อนโทรมาชวนไปเที่ยว พี่นพก็จะรีบบอกให้ผมตกลงเลยล่ะ ให้ค่าเที่ยวแถมมาด้วยแน่ะ แต่ผมไม่ค่อยอยากรับหรอก เกรงใจพี่เขา พักนี้ผมเลยมองหางานพิเศษทำอีกแล้ว ว่าจะลองทำขนมไปขายที่ทำงานพี่นพดู แต่ผมทำขนมไม่เอาอ่าว เดี๋ยวลองหาอย่างอื่นดีกว่า น่าจะทำได้สักอย่างหนึ่งแหละ
   เอ้เดินหัวทองเด่นเป็นสง่ามาแต่ไกลเลย พอเห็นหน้าผมก็บอกว่า อยากลองย้อมบ้างมั้ย ไม่แพงหรอก ย้อมกันเอง ผมสั่นหัวทันที กลัวพี่นพเป็นลมตอนเห็นหัวผม มันเลยหัวเราะ เอ้แต่งตัวเฮ้วมาก อย่างกับพวกเด็กร็อก แต่มันฟังเพลงหลายแบบนะ มีทั้งเพลงรุ่นพ่อ ไปจนถึงเพลงคลาสสิกที่ผมไม่ค่อยจะรู้จัก ฟังจากที่มันฮัมในห้องเรียนน่ะ
   ก่อนดูหนังเราก็แวะกินข้าวกันก่อน ผมเลยเพิ่งรู้ว่าพ่อเอ้เสียไปเมื่อปีที่แล้ว แม่มันเลยแต่งงานใหม่ มันไม่ชอบพ่อเลี้ยง เลยขออยู่คนเดียว สรุปว่าตอนนี้มันอยู่คนเดียวนั่นแหละ แล้วมันก็ถามว่าผมอยู่กับใคร ผมเลยบอกว่าอยู่กับพี่ชาย เพราะพ่อแม่เสียไปตั้งแต่ผมยังเด็กๆ มันเลยถามว่าพี่ผมอายุเท่าไหร่แล้ว จากนั้นก็ชมว่าพี่ผมเลี้ยงผมดีนะ ดูไม่เหมือนเด็กขาดพ่อขาดแม่เลย อืม.. ผมก็ว่างั้นแหละ ถึงผมจะแอบน้อยใจนิดหน่อยเวลาถึงวันพ่อวันแม่ แต่ผมก็เข้าใจนะว่าพ่อแม่ไม่อยู่แล้ว ผมมีพี่ชายพี่สาวที่ดีขนาดนี้ผมก็พอใจแล้วล่ะ
   เราดูหนังจบก็ไปต่อกันที่เกมเซนเตอร์ เอ้เล่นเกมเก่งมากเลยล่ะ ผมหยอดไปสอบรอบ เล่นไม่ได้เรื่อง เสียดายเงินเลยมายืนดูมันเล่นแทน คนมายืนดูมันเล่นเยอะเลยนะ แหม..ผมอดภูมิใจในตัวเพื่อนไม่ได้จริงๆ นะเนี่ย ขากลับมันขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งผมถึงบ้าน เอ้ขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่มาก แต่ใส่หมวกกันน็อกเรียบร้อยนะ เอามาเผื่อผมด้วยใบหนึ่ง ตอนมันชวนผมยังกลัวๆ ว่าจะโดนตำรวจเรียกรึเปล่า เพราะยังอายุไม่ถึงกำหนดที่จะทำใบขับขี่ด้วยกันทั้งคู่ มันบอก ไม่เป็นไร ทางไปบ้านผมไม่มีด่าน มีก็ยังมีซอยให้เลี่ยง มันการันตีอีกว่ามันขี่มาตั้งแต่อยู่ม.2 โดนจับไม่เป็นปัญหาหรอก เห็นมันยืนยันหนักแน่น ผมเลยยอมซ้อนท้ายมัน เป็นการซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ครั้งแรกในรอบหลายปีของผมเลยล่ะ ตอนอยู่ประถมเคยซ้อนมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปกับพี่หนิงเหมือนกันนะ แต่นานแล้ว ซ้อนคราวนี้ผมเลยบอกเอ้ว่าอย่าซิ่งมาก ผมกลัวตก มันก็รับรองว่าปลอดภัยแน่นอน
   โชคดีที่เอ้ไม่ซิ่ง ไม่งั้นผมคงต้องกระโดดลงแน่ๆ มันขี่มอเตอร์ไซค์เก่งเหมือนกัน รู้ทางซอกแซ่กดีอย่างกับเคยรับจ้าง แป๊บเดียวก็ฝ่ารถติดมาถึงบ้านผมแล้ว พี่นพอยู่บ้านพอดีเลยชวนเข้าไปดื่มน้ำดื่มท่า มันก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวมันจะรีบไปทำงานพิเศษต่อ ผมตาโต รีบถามว่ามันทำงานอะไร ที่ไหน มันยิ้มๆ บอกผมว่าค่อยคุยกันวันหลัง แล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับไป
   พี่นพเลยถามว่าเพื่อนผมคนนี้โอเคมั้ย ผมว่ามันก็ดีนะ ไม่ได้ชวนผมไปเกเรเกตุงอะไร พี่นพถามอีกว่าผมคงไม่คิดจะจีบเพื่อนคนนี้หรอกนะ ผมสั่นหัวเลย ถึงผมจะไม่มีอารมณ์กับผู้หญิง แต่ผมไม่มีอารมณ์กับเอ้หรอก แค่คิดยังไม่เคยคิดเลยล่ะ แอบเคืองพี่นพเหมือนกันนะเนี่ย คิดอะไรของพี่ก็ไม่รู้
---------------------------------------------
   1 ตุลาคม 254x
   ตอนเช้าเอ้โทรมาถามว่าผมยังสนใจเรื่องงานพิเศษของมันอยู่อีกมั้ย ผมก็บอกว่าสนอยู่ มันเลยนัดผมช่วงสี่โมงเย็นว่าจะมารับที่บ้าน เดี๋ยวจะพาไปดู พอบอกพี่นพ พี่นพก็ถามใหญ่เลยว่างานอะไร ผมบอกว่ายังไม่แน่ใจเหมือนกัน เห็นว่าเป็นร้านอาหาร พี่นพก็ทำท่าเป็นห่วงบอกว่าระวังถูกหลอกไปขายตัวนะ ผมบอกว่าผมไม่ใช่เด็กผู้หญิงนะ ไม่มีใครอยากเอาผมไปขายหรอก พี่นพก็เลยบอกว่าไม่แน่เหมือนกัน เดี๋ยวนี้เด็กผู้ชายยังถูกจับไปขายซ่องได้เลย ผมว่าตัวใหญ่แบบผมเขาคงไม่อยากเอาไปขายแล้วล่ะ เปลืองข้าว สุดท้ายพี่นพเลยบอกว่าถึงแล้วให้โทรมาบอกหน่อยแล้วกัน จะได้ไม่เป็นห่วงมาก ผมก็รับปาก
   สี่โมงเอ้ก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงบ้านผม แถมชวนพี่นพด้วยนะว่าจะไปด้วยกันมั้ย เพราะวันนี้วันเสาร์ พี่นพเลยบอกว่างั้นเอามอเตอร์ไซค์จอดไว้ที่บ้านก่อน เดี๋ยวนั่งรถพี่ไป มันก็ตกลง ผมไม่รู้ว่ามันมีแผนจะใช้รถพี่นพรึเปล่านะเนี่ย
   ปรากฏว่าจุดไต้ตำตอสุดๆ เพราะร้านที่เอ้มันจะชวนผมไปทำงาน เจ้าของร้านบังเอิญรู้จักกับพี่นพอยู่แล้ว พอคุยกันสักพัก พี่นพถึงได้บอกว่า มิน่า คุ้นๆ หน้าเอ้ ที่แท้เป็นดีเจอยู่ที่ร้านนี้นี่เอง เอ้ก็ดูจะแปลกใจปนๆ ดีใจล่ะ มันบอกว่าพี่เจ้าของร้านคนนี้ใจดี เขาอยากได้เด็กเสิร์ฟพาร์ทไทม์เพิ่มอยู่ ผมมาสมัครน่าจะได้ เดี๋ยวให้พี่ชายมาดูน่าจะโอเค แต่ปรากฏว่าเป็นคนรู้จักพี่นพด้วย เลยง่าย สรุปว่าพี่นพยอมให้ผมมาทำงานพิเศษที่นี่ช่วงเย็นล่ะ ตั้งแต่หกโมงถึงสามทุ่ม เพราะจะได้ไม่เสียการเรียนตอนเช้า เอ้ดีใจใหญ่ บอกว่าผมกับมันคงดวงสมพงษ์กันจริงๆ
-------------------------------------------------------
   20 ตุลาคม 254x
   ผมมาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่ร้านเดียวกับเอ้ได้เกือบยี่สิบวันแล้วล่ะ สนุกดี ไม่มีใครจับก้นผมเหมือนตอนสมัยเรียนม.ต้นแล้วนะ แต่จีบผมแทน มีตั้งแต่ขอเบอร์โทร ยันชวนไปดื่มต่อหลังเลิกงานเลยล่ะ ผู้หญิงก็มี ผู้ชายก็เยอะนะ แต่ผมไม่ไปหรอก ไม่ถูกใจสักคน ถึงถูกใจก็ไม่ไปอยู่ดี ผมมาทำงานนะ ไม่ได้มาให้ใครจีบ เล่าให้เอ้ฟังเอ้บอกว่า วันหลังบอกไปเลยว่าพรากผู้เยาว์อายุยังไม่ถึงสิบแปดติดคุกหัวโตนะ ผมก็ขำ บอกว่ามันน่าจะไปเรียนกฎหมายนะ จะได้เป็นทนายให้ผม มันบอกว่ามันไม่เรียนหรอก มันอยากเรียนทางศิลปะ อยากเป็นนักศิลปะ วาดรูปบ้างแต่งเพลงบ้าง ผมเลยถามว่ามันจะเอาอะไรกิน มันก็บอกว่าเอาที่ทำอยู่เนี่ยแหละกิน แต่มันจะไม่ทำงานในกรอบเด็ดขาด เออ ตามใจมันก็แล้วกัน ชีวิตมันนี่นา
   เอ้ฟังเพลงเยอะเพราะเป็นดีเจด้วยรึเปล่าไม่รู้ มันเปิดเพลงได้ทุกแบบ มิกซ์ผสมกันได้ด้วยนะ วันนี้มันเอาเครื่องเล่นเอ็มพีสามแบบพกพามา แล้วเปิดเพลงให้ผมฟังเพลงหนึ่ง บอกว่าเพลงนี้มันมิกซ์เอง เออ ฟังแล้วก็แปลกๆ ดีนะ ผมเลยถามมันว่า มันไม่เล่นดนตรีเหรอ มันบอกว่ามีกีตาร์อยู่ตัวหนึ่ง พอเล่นได้อยู่นะ มันมีเขียนเพลงเอาไว้ด้วย แต่หาคนร้องไม่ได้ เพราะเสียงมันไม่ดี ร้องแล้วเหมือนเป็ด ผมก็อยากจะอาสาร้องให้มันอยู่หรอก แต่ตอนนี้เสียงผมแตกน่าเกลียดมาก อย่าว่าแต่ร้องเพลง ขนาดพูดยังรำคาญตัวเองเลย พี่นพบอกว่าสักพักเสียงก็เข้าที่แล้ว แบบนี้แหละใกล้จะเป็นหนุ่มเต็มตัวเข้าไปทุกที
----------------------------------------------------
   3 พฤศจิกายน 254x
   ผมขึ้นม.4 เทอมสองแล้ว วิชาเลือกมีให้เลือกเยอะจนตาลาย แต่ส่วนใหญ่เป็นตัวสองทั้งนั้น.. สุดท้ายผมเลยต้องไปลงวิชาศิลปะ2ต่อ แน่นอนว่าคนสอนไม่ใช่ใครอื่น ครูพิสุทธิ์อีกแล้ว
   แต่ไม่เป็นไร ลงเรียนของครูพิสุทธิ์ก็ได้ เพราะเทอมที่แล้วครูก็ให้ผมเกรดสี่ เทอมนี้ก็น่าจะพอไปไหว แม้จะรู้สึกแปลกๆ กับวิธีให้คะแนนของครูก็ตาม แต่วิชาอื่นที่เป็นตัวหนึ่งก็แทบจะไม่เหลือให้ผมลงแล้ว มีพวกวิชาทำอาหาร ซึ่งถ้าผมลงไป คงติดศูนย์อย่างไม่ต้องเดา ผลการเรียนของเอ้เทอมที่แล้วเฉี่ยวเส้นยาแดงแบบผ่าแปด แต่มันดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร เพราะมันบอกว่าเกรดไม่สำคัญ ให้เรียนจบก็พอแล้ว ผมว่ามันฉลาดเลยนะ มันเรียนๆ เล่นๆ โดดๆ ของมันยังสอบผ่านได้แบบนี้ ผมล่ะสงสารคนอื่นที่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนทำเกรดอย่างเอาเป็นเอาตายจริงๆ
----------------------------------------------
   12 พฤศจิกายน 254x
   ปีนี้ผมไม่ได้ลอยกระทงกับครูต้าแล้ว แต่ได้มาลอยกับพวกพี่นพแทน แต่ละคนหากระทงกันมาพิสดารดีทั้งนั้น บางคนยืมใช้กระทงคนอื่นอีกต่างหาก พวกพี่ๆ นี่ขำกันตลอดเวลาเลย
   พี่นัทฮาสุด เพราะทำกระทงจากกระดาษ บอกว่าย่อยสลายได้แน่นอน แต่พอจุดธูปจุดเทียน ลอยไปสักพักไฟก็ลุกพรึบ คนอื่นขำกันท้องคัดท้องแข็ง แต่พี่นัทยังทำวางมาด บอกว่าแบบนี้แหละเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจริงๆ เรื่องความขำนี่ผมยกให้พี่นัทเลย
--------------------------------------------------------------
22 พฤศจิกายน 254x
   เทอมนี้ครูพิสุทธิ์สอนทฤษฎีสี มีบรรยายสองคาบแรก พอคาบสามครูก็ให้เราไปละเลงสีเล่นกันสนุกมือ ปกติที่ผมเคยเรียนน่ะ ครูจะให้ใช้สีน้ำบ้าง สีไม้บ้าง ตอนเล็กๆ เลยก็สีชอล์ก สีเทียน แต่ครูพิสุทธิ์มาแปลก สมเป็นครูจริงๆ นั่นแหละ ครูให้เราใช้สีทาบ้านนะ วาดกับแปรงทาสีลงบนผ้าใบแผ่นใหญ่เลย ใช้ลานตรงหน้าห้องพักครูนั่นแหละ
   เทอมนี้นักเรียนหายไปคนหนึ่ง เลยเหลือสามคน มีผม เอ้ แล้วก็เพื่อนสายศิลป์อีกห้องหนึ่ง จริงๆ วิชาศิลปะมีอาจารย์เปิดสอนสองคนนะ แต่ของครูพิสุทธิ์เด็กลงน้อย เพราะเวลาเรียนมันไปกินคาบว่างช่วงเลิกเร็วด้วยมั้ง แล้วครูก็แทบไม่สอนอะไรเลย ให้ไปคิดกันเอาเอง นักเรียนเลยอาจจะไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ แต่เพื่อนที่เรียนสายศิลป์กับเอ้ปลื้มครูสุดๆ เลยล่ะ ส่วนผมคงเรียกว่าตกกระไดพลอยโจน ต้องทนเรียนกับแกต่อ แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรกับแกมากหรอกนะ แค่รู้สึกว่าแกแปลกๆ เท่านั้นเอง
   เทอมนี้เหมือนครูจะอาการดีขึ้นนะ หน้าเริ่มสดใสขึ้นแล้ว ผมยังไม่ได้ถามสักทีว่าครูป่วยเป็นอะไร ไม่อยากถามด้วยแหละ กลัวโดนครูกวนประสาท ครูยิ่งดูกวนๆ แบบเงียบๆ อยู่ ไม่รู้ว่าจะหยอกหรือเอาจริงกันแน่
   วันนี้ท่าทางครูอารมณ์ดี สั่งงานเสร็จก็ลากเก้าอี้ออกมานั่งดูพวกเราละเลงสีกันบนผ้าใบ พอเงยหน้าขึ้นไปมองอีกทีก็เห็นครูกำลังนั่งวาดรูปอยู่ คงรูปพวกเรานั่นแหละ เพราะครูถือจานสีอยู่ในมือด้วย ครูเห็นผมเงยหน้าขึ้นก็ยิ้มที่มุมปากอีก แล้วเอาพู่กันวงอากาศ ผมกลัวโดนครูคาดโทษอีกเลยรีบก้มหน้าก้มตาละเลงสีกับพวกเอ้ต่อ
   สีทาบ้านฉุนนิดหน่อย แต่เพราะลานมันโปร่งแล้วอากาศถ่ายเทล่ะมั้ง ทำไปสักพักเริ่มมันส์กัน ลืมเรื่องเหม็นสีไปเลย เอ้เอาสีดำวาดเส้นยาวๆ ต่อกัน มันว่ามันจะลองทำภาพเรขาคณิตที่มองเห็นเป็นอีกรูปหนึ่งจากระยะไกลดู ส่วนเชษฐ์ เพื่อนอีกคนที่อยู่สายศิลป์ก็เริ่มใช้แปรงจุ่มสารพัดสีแล้วแปะๆ ลงไป บอกว่าจะสร้างสีใหม่โดยใช้ระยะการมอง
   ไอเดียเพื่อนผมแต่ละคนช่างล้ำลึก เหลือผม ยังนั่งเอาแปรงจุ่มสีเล่นอยู่ เพราะไม่รู้จะเริ่มอะไรดี คนหนึ่งวาดเส้นไปแล้ว อีกคนเล่นจุดสีไปแล้ว ผมควรทำอะไรดีล่ะ
   ผมนั่งแช่อยู่อย่างนั้นอีกพักใหญ่ จนเอ้ทักว่าจะกินแรงกันเหรอ ผมเลยต้องรีบเอาแปรงมาทาๆ ลงไปบนผ้าใบ แต่ส่งสัยจะยกแปรงแช่นานไปหน่อย พอป้ายลงไปแทนที่จะได้สีเรียบๆ ดันได้สีด่างเป็นรอยร่องกระเบื้องด้านล่างแทน ผมได้ไอเดียทันที ผมจะทาสีเป็นรอยร่องกระเบื้องนี่แหละ ส่วนภาพจะออกมาเป็นยังไงเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที ให้มีงานส่งก่อนก็แล้วกัน
   กติกาครูพิสุทธิ์พิสดารเหมือนเคย ให้พวกผมวาดจากคนละมุมนะ แล้วต้องวาดให้เจองานคนอื่น วาดเข้าไปในงานคนอื่นเลย งานใครไม่มีเพื่อนวาดทับ ปรับตก พวกเราเลยแข่งกันวาด เอ้เร็วกว่าเพื่อน แป๊บๆ เข้ามาในงานผมแล้ว แต่ผมสิ พอไปถึงงานเชษฐ์ สีมันไม่เป็นร่องกระเบื้องเสียงั้นแหละ เอาไงดีล่ะ ผมเลยต้องทำเนียน วาดร่องกระเบื้องเอาเอง หวังว่าครูคงไม่ปรับผมตกหรอกนะ
   เชษฐ์ก็ฮา แปะสีไล่หลังเอ้แล้วบอกว่า เร็วๆ จะไล่ทันแล้วนะ เราละเลงสีแข่งกันอย่างกับแข่งวิ่ง สนุกสุดๆ ไปเลย เพิ่งรู้ว่าเรียนวิชาศิลปะก็สนุกขนาดนี้ได้เหมือนกันนะเนี่ย กว่าจะเล่นกันเสร็จ ก็เลอะเทอกันน่าดู ขนาดครูให้หาผ้ากันเปื้อนมาใส่แล้วนะ สียังกระเด็นไปเลอะเสื้อเป็นหย่อมๆ เลย แต่ไม่มีใครโมโหใครนะ เพราะสนุกด้วยกันหมดทั้งสามคน
   ตอนพวกเราวาดรูปเสร็จ ครูก็คงวาดรูปเสร็จพอดีเหมือนกัน เพราะตอนเงยหน้าขึ้นไปเห็นครูเดินออกมาจากห้อง จานสีกับกระดาษไม่อยู่แล้ว คงเอาไปเก็บนั่นแหละ พอเห็นพวกเราเลอะเทอะก็บอกให้ไปล้างหน้าล้างมือเอาสีออก ทิ้งผ้าใบไว้แบบนั้นแหละ เดี๋ยวแห้งแล้วครูจะให้คนมาเก็บ ผมสัยว่าครูจะเอาผ้าใบผืนใหญ่ขนาดนี้ไปขึงที่ไหน คงไม่ใช่หน้าโรงเรียนหรอกนะ ครูบอกว่าอีกเดือนหนึ่งครูจะมีนิทรรศการ จะเอาไปโชว์งานนั้นแหละ เดี๋ยวจะใส่ชื่อพวกเราสามคนลงไปด้วย ในฐานะเจ้าของผลงาน พวกเราตื่นเต้นกันใหญ่ ว่างานจะได้ไปโชว์ในแกลเลอรีกับเขาด้วย
-------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ5 P16 23/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 24-06-2011 11:53:03
   2 ธันวาคม 254x
   วันนี้เอ้วาดรูปสอดเอาไว้ในสมุดผมอีกแล้ว แต่แปลก คราวนี้ไม่ยักจะใช่รูปผมแฮะ ปกติเอ้จะวาดรูปผมเวลานั่งเรียนแล้วสอดเอาไว้ พร้อมกับเขียนแซวเล็กๆ น้อยๆ ผมเก็บใส่แฟ้มเอาไว้ทุกรูปเลยนะ เพราะเอ้วาดสวยดี
   รูปที่เอ้สอดมาคราวนี้เป็นรูปผู้หญิง พอผมหยิบขึ้นมาดูแล้วหันไปมอง เอ้ก็ยิ้มๆ แล้วถามว่าสวยมั้ย ผมก็พยักหน้า เป็นรูปผู้หญิงผมยาว หน้าตาสะสวยเลยล่ะ แต่ไม่ใช่คนในห้องแน่นอน มันพูดต่อว่ามันเพิ่งฝันถึงเมื่อคืน นี่แหละรูปนางในฝันของมัน ผมพยักหน้า แล้วถามว่ามันจะตามหามั้ย มันบอกไม่หา เดี๋ยวถ้าดวงสมพงศ์กันนางในฝันจะมาหามันเอง เออ เอากับมันสิ ผมเลยถามต่อว่าแล้วมาสอดไว้ในสมุดผมทำไม มันเลยบอกว่าอยากให้ผมเก็บไว้ เพราะผมเป็นคนที่มันวาดรูปเอาไว้มากที่สุด พอวาดคนใหม่ เลยอยากให้ผมเก็บไว้คู่กับรูปเดิมของมัน ผมไม่เข้าใจมันเลย แต่ก็เก็บเอาไว้ล่ะ
-------------------------------------------------------
   20 ธันวาคม 254x
   วันนี้พวกเราได้ออกไปนอกโรงเรียนด้วยล่ะ ออกไปกับครูพิสุทธิ์ ครูบอกว่าจะพาไปงานเปิดนิทรรศการของครูเอง ไปดูรูปบนผ้าใบที่เราวาดกันวันก่อน เราก็ตาโตเลยทั้งสามคน เพราะตั้งแต่วาดเสร็จ ยังไม่เห็นเลยว่าภาพรวมมันเป็นยังไงแน่ ทั้งผม ทั้งเอ้ ทั้งเชษฐ์ ลงความเห็นพ้องต้องกันว่าคงดูได้ ไม่งั้นครูคงไม่เอาไปโชว์
   ครูพิสุทธิ์เห็นไม่ค่อยสบายอย่างนี้ แต่เวลาเดิน ครูเดินเร็วสุดๆ เลยล่ะ เราไม่ค่อยเห็นครูยืนหรือเดินไปเดินมาเท่าไหร่ เพราะปกติครูจะนั่งตลอด สั่งงานแล้วบางทีก็ลุกออกมานั่งดู ไม่เคยเห็นครูยืนดูเลย ก็เข้าใจว่าครูขาไม่ค่อยดี แต่สงสัยจะเข้าใจผิด เพราะครูเดินเร็วจริงๆ
   ครูเป็นคนผิวสองสี ไม่ถึงกับคล้ำจนดำนะ ผิวแบบคนไทยโบราณล่ะมั้ง หน้าตาเรียบร้อย และดูง่วงๆ ตลอดเวลา ครูไว้ผมยาวนะ แต่มัดเอาไว้ด้านหลัง ปกติครูจะใส่เสื้อผ้าฝ้าย คอกลมบ้างคอวีบ้าง แขนยาวแขนสั้นสลับกันไป แต่ไม่เคยเห็นครูใส่เสื้อเชิ้ตหรือเสื้อราชการแบบที่ครูคนอื่นใส่เลยล่ะ ครูสูงร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ แต่ดูสูงกว่าความจริง เพราะครูผอมมาก แถมขายาวด้วย
   พวกเราเดินมาถึงรถครู เอ้ดึงมือผมเลยล่ะ กระซิบว่าโอ้โห รถเก่าแบบนี้แพงสุดๆ ครูขับรถเบนซ์มานะ แต่เป็นรถเบนซ์สมัยสักห้าสิบปีที่แล้วได้มั้ง เอ้ว่างั้น สภาพดีอย่างกับรถใหม่ ครูให้พวกเราเข้าไปนั่งในรถ รถครูไม่ใส่น้ำหอมล่ะ แต่ใส่ใบเตยไว้แทน หอมดีเหมือนกัน
   ครูขับรถพาพวกเราสามคนไปที่อาคารซึ่งครูจะใช้แสดงงานศิลปะ เอ้บอกว่าเรียกว่าแกลเลอรี พอจอดรถเสร็จ ยังไม่ทันลงจากรถ ก็มีคนมาต้อนรับล่ะ ท่าทางจะเป็นคนรู้จักของครูมั้ง เพราะเห็นเรียกครูว่าคุณน้อย
ครูนั่งอยู่ในรถสักพัก ท่าทางจะหน้ามืด คนที่เดินมาเลยเข้ามาช่วยพยุง คนที่มารับครูใส่เสื้อผ้าไหมสีออกไข่ไก่หน่อยนะ ตอนแรกมาคนเดียว แต่สักพักก็ทยอยออกมาอีกสามสี่คน ผมเริ่มรู้สึกว่าพวกนี้เหมือนบอดีการ์ดมากกว่าคนรู้จักกับครูแล้วละ เพราะเดินมาล้อมหน้าล้อมหลังครู ล้อมเราเข้าไปด้วย
   ครูเดินไปที่ประตู แต่ยังไม่ทันถึง แสงแฟลตจากกล้องถ่ายรูปก็พุ่งวาบเข้ามาจนผมตาพร่าเลยล่ะ ได้ยินเสียงคนที่เดินล้อมพวกเราอยู่บอกว่าคุณน้อยไม่ชอบให้ถ่ายรูป เก็บกล้องลงก่อน พวกเราเห็นนักข่าวถือกล้องวีดีโอบ้าง กล้องถ่ายรูปบ้าง บางคนถือไมค์เตรียมสัมภาษณ์ เลยเดินตัวลีบตามหลังครูเหมือนลูกเป็ด เอ้กระซิบว่าพอได้ยินมาเหมือนกันว่าครูเป็นศิลปินที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียง แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ ผมเห็นด้วยเลยล่ะ ก็ดูท่าทางครูสิ เหมือนคนดังตรงไหนกัน
   นักข่าวเดินตามหลังมา ตอนที่ครูพาพวกเราไปที่ห้องแสดงผลงาน โห.. ห้องกว้างมากเลยล่ะ แอร์เย็นเจี๊ยบ ผมเห็นครูทำท่าเหมือนจะหนาว แล้วคนที่ยืนล้อมเราอยู่ก็เอาเสื้อคลุมมาคลุมให้ครู ผมว่าครูร่างกายไม่ค่อยดีน่าจะบอกให้เขาลดแอร์ลงด้วยจะดีกว่า
   ครูใส่เสื้อคลุมแล้วหันมาหาพวกเรา ผมเห็นครูยิ้มหน่อยๆ ด้วย ท่าทางครูจะยิ้มไม่ค่อยเก่งน่ะ ครูบอกว่าเดี๋ยวจะพาไปดูผลงานชิ้นเอกของเรา อยู่กลางห้องเลย เรามองหน้ากัน ดีใจใหญ่ ดีใจที่ได้โชว์ก็ดีใจนะ แต่ดีใจที่ในที่สุดจะได้เห็นงานของตัวเองมากกว่า
   แล้วครูก็พาเราเดินไปตรงกลางห้อง เราเห็นสแตนด์ขึงผ้าใบแล้ว แต่งานเรามีผ้าคลุมอยู่อีกที ครูเดินไปแล้วบอกให้เราสามคนดึงผ้าออก เราตื่นเต้นกันมากเลยล่ะ เพราะนักข่าวยืนตั้งกล้องรออยู่ด้านหลัง ผมมือสั่นเลยนะตอนจับผ้าที่คลุมอยู่น่ะ เราสามคนมองหน้ากันแล้วกลั้นใจดึงผ้าออก
   โห... ผมยืนอึ้ง นี่งานฝีมือพวกเราสามคนหรือนี่ ตอนแรกที่ผ้าหล่นลงมานะ แสงแฟลตวาบจนพวกผมเกือบจะมองภาพไม่เห็นเลยล่ะ ต้องรอพักหนึ่ง เราถึงถอยกันออกมา เราอยากเห็นภาพของเราชัดๆ น่ะ ผมเห็นเส้นที่เอ้วาด เห็นรอยประสีที่เชษฐ์ประเอาไว้ เห็นแผ่นกระเบื้องของตัวเองทับๆ กันอยู่ เห็นแล้วโคตรอายเลย เราถอยกันออกมาเรื่อยๆ นะ เพราะอยากเห็นงาน ได้ยินเสียงแว่วๆ ด้านหลังว่าให้นักข่าวถอยออกไปอีก หลีกทางให้เราดูผลงานตัวเอง
   ผมไม่ค่อยเข้าใจงานศิลปะนะ แต่ผมว่ามันดูดีทีเดียวล่ะ พอดูแล้วนึกออกเลยว่าเส้นตรงนั้นเอ้ลากมาเมื่อไหร่ รอยประตรงนี้เชษฐ์ทำตอน ไอ้ตอนวาดกระเบื้องแผ่นนั้นผมทำอะไรอยู่ เชษฐ์กระตุกมือผมแล้วบอกว่า นั่นไง เห็นรูปต้นไม้ที่มันซ่อนไว้มั้ย ผมมองไม่ออกนะ แต่แบบ เออ มันสวยดีน่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นฝีมือของพวกเราสามคน
   หลังจากนั้นครูพิสุทธิ์ก็เริ่มพูด ผมเพิ่งเห็นแกพูดมากก็วันนี้แหละ แกบอกว่ารูปนี้คือรูปที่แสดงให้เห็นถึงพลังที่แตกต่างกันของเด็กหนุ่มวัยที่กำลังเปลี่ยนแปลงจากเด็กเข้าสู่วัยรุ่น เป็นวัยรอยต่อระหว่างความเป็นเด็กและความเป็นผู้ใหญ่ เป็นการวาดภาพโดยอาศัยแรงผลักดันจากจิตใต้สำนึกล้วนๆ ไม่มีการตีกรอบหรือวางแผนใดๆ ทั้งสิ้น ภาพที่ออกมาจึงสื่อออกมาจากจิตวิญญาณของผู้วาดโดยตรง เป็นธรรมชาติ ปราศจาการปรุงแต่ง และท่าทางที่พวกผมแสดงออกตอนที่เปิดภาพก็เป็นความจริงและความงามของความเป็นธรรมชาติของวัยรุ่นโดยแท้จริง ซึ่งคิดว่าหลายๆ คนที่ได้เห็นคงจะได้รับแรงบันดาลใจในการทำงานเพิ่มขึ้น
   ผมเขียนคร่าวๆ นะ เพราะแกพูดได้งงกว่านี้อีก แต่ทุกคนก็ปรบมือนะ พวกเราเลยเขินกันใหญ่ ยืนเกาะกันกลมป๊อกอยู่ข้างครูนั่นแหละ ครูบอกว่าภาพนี้เป็นชื่อของพวกเราสามคน เป็นงานที่พวกเราสร้างร่วมกัน ขอให้ภูมิใจร่วมกันนะ เพราะถ้าไม่มีคนใดคนหนึ่งภาพคงไม่สวยแบบนี้ ผมเขินนะ ผมว่าผมน่ะวาดไม่เอาอ่าวสุดๆ ยังจะได้มาขึ้นโชว์กับเขาแบบนี้อีก
   จากนั้นพวกเราก็ถูกสัมภาษณ์ เขาสัมภาษณ์ครูก่อนแหละ แล้วค่อยมาสัมภาษณ์พวกเราต่อ ผมถึงได้รู้ว่าครูเพิ่งเปิดแสดงงานครั้งแรก หลังจากหายจากวงการไปนานเพราะอาการป่วยเรื้อรัง เห็นว่าครูเป็นโรคเกี่ยวกับเลือดหรืออะไรนี่แหละ ฟังไม่ค่อยชัดนะ คนที่มาสัมภาษณ์มีทั้งคนไทยและต่างชาติเลย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติเสียมากกว่า พวกเรายืนถ่ายรูปคู่กับผลงานของตัวเองจนเมื่อย ส่วนครูแอบหลบไปนั่งเฉยเลย ก็รู้หรอกว่าครูร่างกายไม่ค่อยดี แต่ช่วยทำอะไรกับนักข่าวพวกนี้ก่อนที่พวกผมจะปวดขาดีกว่านะ
   สงสัยครูจะได้ยินเสียงประท้วงในใจของพวกผม ไม่ก็เริ่มเห็นแล้วว่าพวกผมหน้าหงิก เพราะยืนนาน ครูเลยลุกขึ้น พอครูลุกเท่านั้นแหละ นักข่าวแห่ไปรุมครูทันที ถามถึงที่มาของผลงานชิ้นอื่นๆ ที่ร่วมแสดงอยู่ ซึ่งครูเป็นคนวาด นั่นแหละ เราถึงมีโอกาสได้เห็นงานครูจริงๆ เสียที
   ครูวาดภาพสวยจริงๆ รูปผีเสื้อกับดอกดาวเรืองที่ครูบังคับให้ผมมาวันก่อนผมว่าสวยแล้วนะ แต่เทียบกับงานที่แสดงอยู่ไม่ได้เลย สงสัยงานนั้นสำหรับครูคือการวาดเล่นล่ะมั้ง ครูมีทั้งงานลายเส้น และงานสี ที่สะดุดตาพวกผมคงจะเป็นงานสีบนกระดาษร้อยปอนด์ธรรมดาชิ้นหนึ่ง ซึ่งแสดงอยู่ไม่ไกลจากสแตนด์ผ้าใบของพวกผมมากนัก ครูให้ชื่อภาพนั้นว่าผลิบาน แต่ไม่ใช่ภาพดอกไม้นะ เป็นภาพพวกเราสามคนนี่แหละ แต่ครูไม่ได้เขียนภาพเหมือน เป็นเส้นกับสีปาดกันไปปาดกันมา ถึงอย่างนั้นพอรวมกันแล้วก็ดูออกว่าเป็นรูปที่วาดตอนที่พวกเราสามคนละเลงสีบนผ้าใบกันอยู่ แปลกดี มีแค่สีและเส้นง่ายๆ แค่นี้ แต่งานครูดูมีชีวิตชีวาอย่างประหลาดเลยล่ะ เหมือนว่าจะขยับได้เลย เอ้กับเชษฐ์มีความรู้ด้านศิลปะดีกว่าผม เลยตื่นเต้นกันใหญ่ บอกว่าครูเก่งจริงๆ ผมเพิ่งเห็นชื่อเต็มครูนะ เลยรู้ว่าครูเป็นมล.ด้วย ตายล่ะ ผมแอบบ่นครูในใจไปเยอะเลยว่าครูเพี้ยน แบบนี้จะโดนจับรึเปล่าเนี่ย
   ครูตอนแรกครูจะพาพวกเราไปกินอาหารที่ภัตตาคารแถวๆ นั้นแต่พอเดินเข้าไปเห็นพวกเราเกรงกันตัวลีบ เลยเปลี่ยนใจ ไปร้านอาหารธรรมดาๆ แทน ผมว่าครูน่ะเหมาะมาดเดินดินกินข้าวแกงมากกว่าคุณชายเสียอีกนะเนี่ย
   ผมกลับบ้านมาเล่าให้พี่นพฟัง พี่นพตื่นเต้นใหญ่ รีบเปิดทีวีรอ พอเห็นผมออกในข่าวศิลปะบันเทิงแวบๆ ก็โทรหาพี่นัท ชวนกันว่าวันเสาร์นี้จะพากันไปดูงานผม แหม..ผมก็เขินพวกพี่ๆ เหมือนกันนะเนี่ย ที่ได้โชว์แบบนี้เพราะพึ่งบารมีของครูพิสุทธิ์แท้ๆ
--------------------------------------------
   31 ธันวาคม 254x’
   จะปีใหม่อีกแล้ว ปีนี้ผมอายุสิบหกแล้วล่ะ เร็วดีจริงๆ ได้คุยกับพี่แนนบ่อยขึ้นแล้ว เพราะใช้อินเตอร์เน็ต ไม่ต้องเสียค่าโทรทางไกล แถมได้เห็นรูปเจสซิกาด้วย โตขึ้นสวยวันสวยคืนเหมือนพี่ผมแล้ว ส่วนพี่หนิงเพิ่งมาเจ้าแป๋มหลานผมมาเยี่ยมเมื่อวาน แวบๆ ก็จะสามขวบแล้วล่ะ เวลานี่มันผ่านไปเร็วจริงๆ นะ ผมเริ่มหันมามองพี่นพ พี่นพยังไม่มีแฟนเลย ผู้หญิงสักคนผมก็ยังไม่เห็น นี่พี่นพจะครองตัวเป็นโสดเลี้ยงผมไปจนอายุสามสิบหรือไงนะ ผมอยากให้พี่แต่งงานแต่งการสักที อยากเห็นหลาน อยากเป็นอาบ้างแล้วล่ะ
   ส่วนตัวผมก็ยังเรื่อยๆ คิดถึงครูต้าบ้างบางครั้ง สำหรับผม ครูต้าเป็นความทรงจำที่ดีเสมอแหละ ไม่รู้ว่าอนาคตผมจะรักใครและมีใครรักผมได้แบบครูรึเปล่า
----------------------------------------------------
   17 มกราคม 254x
   วันนี้วันอะไรของผมนะ เอ้ไม่มาโรงเรียน เพราะไม่สบาย มันโทรบอกผมแล้วว่าให้จดงานเผื่อด้วย เห็นไหมล่ะ มันก็ขยันเรียนเหมือนกัน ไม่เหมือนกับที่ครูๆ ชอบบ่นกันเสียหน่อย ผมเลยต้องไปกินข้าวกับเด็กผู้หญิงอีกกลุ่มที่เดินมาชวน ไม่ค่อยสนิทหรอก แต่พอคุยกันได้
   เดินลงบันไดมาดีๆ นี่แหละ พี่ม.5มีเรื่องอะไรกันไม่รู้ ไล่ตีกันมาแล้วหนีขึ้นบันได ชนผมเกือบตกบันได เพื่อนผู้หญิงกรี๊ดกันใหญ่เลย พอทรงตัวได้ อะไรบางอย่างแข็งๆ ก็ปลิวมากระแทกหัวผม ผมตาพร่าเลยล่ะ คราวนี้ได้ยินเสียงเพื่อนผู้หญิงร้องกันวุ่นวาย บอกว่าผมหัวแตก แต่ผมตกใจกว่าอีก ไม่ได้เจ็บนะ แต่ตอนนั้นมันมองอะไรไม่เห็นไปพักหนึ่งเลยล่ะ คิดว่าตาบอดแล้ว ได้ยินเสียงพี่ม.5ตะโกนว่า ห่าเอ๊ย ปาไม่ดูตาม้าตาเรือ โดนน้องหัวแตกแล้ว ผมยกมือขึ้นลูบหัวนะ แล้วก็รู้สึกเปียกๆ ตกลงนี่ผมหัวแตกจริงๆ หรือนี่ สักพักตาผมก็เริ่มมองเห็น ข้างหนึ่งน่ะเลือดเข้าไปจนแดงเถือกแล้วล่ะ ขณะกำลังยืนงงๆ พี่ผู้ชายคนหนึ่งก็มาจับแขนผม แล้วพาผมไปห้องพยาบาล
   ปรากฏว่าผมหัวแตกเป็นแผลยาวเลยล่ะ ครูที่ห้องพยาบาลห้ามเลือดให้แล้วจะเรียกรถพยาบาลมารับผมไปเย็บแผลต่อ ผมบอกครูว่าอย่าเพิ่งโทรบอกผู้ปกครองผม เพราะกลัวพี่นพจะเป็นห่วง ไม่เป็นอันทำงานอีก เดี๋ยวผมจะโทรบอกเองตอนถึงเวลาแล้ว ปรากฏว่ายังไม่ทันที่ครูจะเรียกรถพยาบาล ครูคนหนึ่งก็เดินเข้ามาแล้วถามว่าจะไปโรงพยาบาลมีอะไรจะฝากบ้างรึเปล่า ครูจะออกไปตรวจร่างกายตามใบนัดหมอ ครูที่ห้องพยาบาลก็จับผมส่งให้ครูคนนั้นเลย พอผมเงยหน้าขึ้นมองก็เพิ่งเห็นว่าเป็นครูพิสุทธิ์ ครูพิสุทธิ์มองผมครู่หนึ่ง ท่าทางแกจะตกใจอยู่เหมือนกัน เลยรีบจูงผมไปที่รถ แล้วบึ่งรถไปโรงพยาบาลเลย เออ เห็นเฉื่อยๆ อย่างนี้น่ะ แกขับรถเร็วไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ
   ผมไปถึงห้องฉุกเฉินด้วยอาการปวดหัวร้าวระบมไปหมด เจ็บจนกัดฟันกรอดๆ หมอแกะผ้าพันแผลออกแล้วฉีดยาชา จากนั้นก็เย็บแผล พอยาชาออกฤทธิ์ ผมก็สบายขึ้นมาหน่อย จริงๆ จะบอกว่าเจ็บน้อยลงแล้วมึนๆ แทนจะดีกว่า
   เย็บแผลเสร็จหมอบอกให้ผมนั่งสักพักค่อยลุกเดิน เพราะเสียเลือดไปเยอะเหมือนกัน ผมก็เลยนั่งตรงเก้าอี้แถวนั้นตามที่หมอบอก เล็งๆ ตู้โทรศัพท์ใกล้ๆ ว่าเดี๋ยวหายมึนแล้วจะเดินไปโทรหาพี่นพ แล้วครูพิสุทธิ์ก็เดินมาทัก ผมเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ยว่าแกเป็นคนขับรถพาผมมา ผมเลยรีบยกมือขอบคุณ แกเลยถามว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า ผมเงยหน้าขึ้นมองครู เพิ่งรู้ว่าครูก็ถามอะไรแบบคนปกติได้เหมือนกันน่ะ คือผมไม่ได้ไม่ชอบใจอะไรครูเป็นการส่วนตัวหรอกนะ เพียงแต่ไม่ค่อยชินกับวิธีการพูดของครู เลยไม่ค่อยอยากคุยด้วยเท่าไหร่ ผมบอกครูว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่หัวแตก เย็บไปสี่เข็ม ครูถามว่าไปโดนอะไรมา ผมเลยเล่าเรื่องที่รุ่นพี่ทะเลาะกันให้ฟัง ครูนั่งฟังแล้วพยักหน้า บอกว่าวันหลังระวังๆ หน่อย อืม... ผมเพิ่งรู้ว่าครูพูดแบบคนปกติได้ก็วันนี้แหละ
   แล้วครูก็ถามว่าโทรให้ใครมารับแล้วหรือยัง ผมบอกว่ายัง กำลังจะโทรให้พี่ชายมารับ ครูเลยบอกว่าครูไปส่งให้ก็ได้ ไหนๆ ก็มาด้วยกันแล้ว ผมเกรงใจครูนะ แต่ว่าพี่นพยังไม่เลิกงานเลย สุดท้ายผมเลยยอมให้ครูไปส่ง
   ตอนขึ้นรถผมนึกได้ว่าครูมาหาหมอ เลยถามว่าครูหาหมอแล้วหรือยัง ครูบอกว่าเรียบร้อยแล้ว ผมเลยถามต่อว่าครูไม่สบายเป็นอะไร ครูบอกว่าเป็นโรคเลือดจาง กับเกล็ดเลือดต่ำ เป็นทางกรรมพันธุ์ มิน่าล่ะ ถึงได้เห็นครูตัวซีดๆ อยู่ตลอดเลย ผมถามครูว่าแล้วขับรถเองแบบนี้ที่บ้านไม่เป็นห่วงเหรอ เพราะนึกขึ้นมาได้ว่าเทอมก่อนก็เห็นครูทำท่าจะเป็นลมหนหนึ่งแล้ว ครูบอกว่าก็ห่วง แต่ครูอยากขับรถเอง ผมว่าครูแอบดื้อเหมือนกันนะเนี่ย
   ครูขับรถมาส่งผมที่บ้าน ก่อนจะออกรถครูถามอีกนะว่าไม่เป็นอะไรแล้วแน่นะ ผมเลยบอกครูว่าไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ครูขับรถกลับดีๆ นะ อย่าขับเร็วมาก เผื่อเป็นลมไปจะได้ไม่อันตราย ครูหัวเราะล่ะ ไม่ได้หัวเราะเสียงกิ๊กกั๊กแล้วยิ้มจนเห็นฟันแบบครูต้านะ ครูพิสุทธิ์หัวเราะหึๆ ในคอแล้วยิ้มตรงมุมปาก ผมว่าครูนี่แปลกสุดๆ เลยล่ะ
   สักพักผมก็โทรหาพี่นพ กันโดนพี่นพด่าว่าทำไมไม่ยอมโทรบอก พี่นพก็โมโหใหญ่ บอกว่าทำไมโรงเรียนปล่อยให้เด็กทะเลาะกันขนาดนี้ พี่จะไปโรงเรียนเลยล่ะ ผมเลยขอไว้เพราะมันเป็นแค่ลูกหลงเอง ไม่ใช่เรื่องราวอะไรใหญ่โตหรอก ได้ยินเสียงพี่นพครางฮือแล้วบอกผมว่าเดี๋ยวไว้จะรีบกลับบ้านไปดู ถ้าปวดหัวก็กินยาแก้ปวดไปก่อน แล้วก็นอนพักซะ พี่ทำอย่างกับผมเป็นหวัดเลยแน่ะ
----------------------------------------------
   26 มกราคม 254x
   ผมตัดไหมบนหัวแล้วล่ะ เอ้บ่นอุบมาตลอดอาทิตย์เลยว่ามันจะต้องหาคนที่ปาก้อนหินใส่ผมจนหัวแตกให้เจอให้ได้ ผมล่ะปวดหัวกับมันจริงๆ ห้ามพี่นพไม่ให้มาโรงเรียนได้แล้วก็ต้องมาห้ามเพื่อนตัวเองไม่ให้ไปหาเรื่องคนอื่นต่ออีก ผมบอกมันว่าเรื่องนี้มันเป็นอุบัติเหตุ แล้วก็ให้มันแล้วกันไปเถอะ มันเลยบอกว่าผมพูดอย่างกันคนแก่ ผมว่าแก่ไม่แก่ไม่เห็นจะเกี่ยวสักหน่อย ผมแค่ไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โตเท่านั้นเอง
   วันนี้มีเรียนวิชาครูพิสุทธิ์อีกแล้ว แต่คราวนี้ครูไม่แกล้งผมด้วยการทำมือทำไม้หรือพูดแปลกๆ แล้วล่ะ ครูเอายามาให้ผมตลับหนึ่ง บอกว่าทาแผลก่อนนอนจะได้ไม่เป็นแผลเป็น ผมว่าครูเริ่มเหมือนคนปกติขึ้นมาหน่อยหนึ่งแล้ว เลยบอกขอบคุณครู จริงๆ แล้วครูก็ใจดีหรอกนะ วันที่ผมหัวแตกก็อุตส่าห์บึ่งรถไปส่ง แถมรับกลับมาส่งบ้านด้วย วันนี้ก็เอายามาให้อีก ครูแค่อาจจะนิสัยแปลกกว่าคนปกติเท่านั้นเอง
   วันนี้ครูให้เราวาดรูปของเพื่อนอีกคน ในแบบที่เราคิด ผมกับเอ้หันมองหน้ากัน แล้วค่อยมองหน้าเชษฐ์ มีนักเรียนแค่สามคนสงสัยจะจับคู่วาดไม่ได้แน่ เราเลยตกลงกันว่า เอ้จะวาดผม ผมจะวาดเชษฐ์ ส่วนเชษฐ์จะวาดเอ้อีกที เออ คงจะตลกดีพิลึก
   ครูพิสุทธิ์นั่งอยู่ในห้องพักครู คงสเกตช์ภาพพวกเราอยู่ เพราะผมเห็นครูถือดินสอก้มๆ เงยๆ อยู่ที่โต๊ะ พอเห็นผมหันไปครูก็ยิ้มที่มุมปากอีกแล้ว ผมเลยรีบหันหน้ากลับมาวาดรูปต่อ เอาเถอะ ครูไม่อยากให้พวกผมรู้ตัวผมก็จะทำเป็นไม่รู้ตัว ยังไงครูก็วาดรูปสวยสุดๆ อยู่แล้ว วาดอะไรออกมาก็สวยทั้งนั้นแหละ
    พวกเราสามคนวาดรูปกันออกมาตลกสุดๆ เอ้วาดผมเป็นแมว ส่วนผมวาดเชษฐ์เป็นดอกดาวกระจาย ส่วนเชษฐ์วาดเอ้เป็นรูปเหลี่ยมๆ ซ้อนๆ กันอย่างกับรูปปิกัสโซ่ เราเห็นรูปของแต่ละคนแล้วก็ขำกลิ้ง ถามเหตุผลว่าทำไมถึงวาดแบบนี้ เอ้บอกว่าผมอ่ะเหมือนแมว เออ ผมไม่เถียงก็ได้ เพราะหลายคนก็บอกผมแบบนี้เหมือนกัน ส่วนผมนะ ผมว่าเชษฐ์ชอบปิ้งไอเดียนั่นไอเดียนี่ แถมชอบใช้สีแปลกๆ ผมเลยวาดเป็นต้นดอกดาวกระจาย เพราะยิ่งงอกยิ่งกระจาย ส่วนเชษฐ์บอกว่า ที่วาดเอ้เป็นเรขาคณิตเพราะเอ้เป็นคนเถรตรง ตรงนี้ผมกับเอ้ขำกลิ้ง เออ จะว่าถูกมันก็ถูกล่ะนะ เอ้มันเถรตรงจริงๆ ย้อมหัวทองมาตั้งแต่วันแรก ไม่ตรงไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว สงสัยจริงๆ ว่าตอนมาสอบเข้ามันย้อมด้วยรึเปล่า
   ครูพิสุทธิ์รับงานไปแล้วก็เก็บใส่แฟ้มเรียบร้อยอีกเช่นเคย บอกว่าพวกเราเรียนจบหรือถอนวิชาแกเมื่อไหร่ แกจะให้คืนไปเป็นที่ระลึก เอ้บอกว่าเจอกันยาวแน่ครู ผมเรียนยาวไปถึงม.6แน่นอน เชษฐ์ก็กะยิงยาวไม่ต่างกัน ส่วนผมได้แต่ยิ้มๆ เพราะไม่รู้ว่าจะเรียนวิชาแกไหวไปได้อีกกี่เทอม ก็ผมวาดรูปไม่เก่งนี่นา
---------------------------------------------------------------------
   14 กุมภาพันธ์ 254x
   ผมแอบเซ็งวันนี้นิดหน่อย เพราะเมื่อสองปีก่อนวันนี้เป็นวันที่ผมขอคบครูต้า แล้ววันนี้เมื่อปีก่อนเป็นวันที่ครูต้าบอกผมว่าครูจะย้ายโรงเรียน ก็เหมือนกับวันบอกเลิกนั่นแหละ ปีนี้ผมเลยไม่ตื่นเต้น ใครจะให้ดอกไม้ใครก็ให้ไปเหอะ แต่โรงเรียนสหฯนี่ดอกไม้ขายดีกว่าโรงเรียนชายล้วนอีกนะ ผมเห็นเด็กผู้หญิงบางคนหอบดอกไม้เป็นถุงๆ เลยล่ะ พี่ม.5บางคนถือแบบที่เป็นช่อใหญ่ๆ มาเลย ส่วนผม ได้บ้างนิดหน่อย จากเด็กผู้หญิงนะ ชีวิตผมคงจะเริ่มปกติกับชาวบ้านเขาบ้างแล้วมั้ง เอาไว้เอาไปอวดพี่นพดีกว่า พี่นพจะได้สบายใจ เลิกเพ่งเล็งว่าผมจะชอบเพื่อนผู้ชายเสียที
   ผมเอาดอกกุหลาบเหน็บไว้กับกระเป๋า เสื้อก็พอมีหัวใจติดอยู่บ้างหรอก แต่ไม่ขนาดสมัยเรียนม.ต้น ที่นี่เขาเน้นให้ดอกกุหลาบกันมากกว่า วันนี้เอ้โดนเรียกไปห้องปกครองอีกแล้ว สาเหตุเพราะมันใส่ตุ้มหูมาเรียน ผมจำได้ว่าเทอมนี้มันโดนเรียกเรื่องนี้สามครั้งแล้วล่ะ แต่มันก็ยังแอบใส่มานะ มันบอกว่าชอบ ถอดนานๆ แล้วเดี๋ยวลืม รูที่เจาะไว้มิดต้องไปเจาะใหม่อีก ผมก็ว่ามันน่าจะเจ็บ แอบสงสารมันนิดหน่อยเหมือนกันที่ต้องใส่ๆ ถอดๆ มันรอให้เรียนจบก่อนแล้วค่อยเจาะไม่ได้หรือไงนะ
   ผมเดินเตร็ดเตร่มาจนถึงน้ำตกเทียมหน้าห้องพักอาจารย์ศิลปะ วันนี้เรียนวิชาครูพิสุทธิ์อีกแล้วล่ะ แต่ผมมาก่อนเวลา เพราะเอ้ไปห้องปกครอง ปกติผมมานั่งแถวนี้แล้วจะรู้สึกสบายใจนะ ถึงจะแอบกลัวความแปลกของครูพิสุทธิ์นิดหน่อยก็เถอะ แต่วันนี้น้ำตกมีแต่คู่รักเกิดใหม่หรืออาจจะรักกันมาสักพักหนึ่งแล้วนั่งกันเต็มไปหมด ผมเห็นแล้วแสลงใจพิกล เลยคิดว่าจะไปเข้าห้องสมุด แต่พอเดินผ่านห้องพักครูเห็นครูพิสุทธิ์นั่งอยู่ เลยเปลี่ยนใจเดินเข้าไปหาแกแทน เพราะนึกขึ้นได้ว่าจะบอกขอบคุณเรื่องยาที่ให้มาวันก่อน ทาแล้วแผลยุบและเรียบเร็วจริงๆ นั่นแหละ
   ครูพิสุทธิ์เงยหน้าขึ้นมองผมครั้งหนึ่งตอนผมเปิดประตูเข้าไป แล้วแกก็ก้มลงไปวาดรูปของแกต่อ ประตูห้องครูเป็นกระจกใสน่ะ มองจากข้างในจะเห็นข้างนอกชัดเลย แต่มองจากข้างนอกบางทีมีแสงสะท้อนเลยทำให้มองไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ผมรู้ว่าครูอยู่เพราะเปิดไฟเอาไว้นี่แหละ
   ผมเข้าไปก็บอกขอบคุณแกเรื่องยา คราวนี้ครูวางดินสอ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม เรียกผมให้ก้มลงไปใกล้ๆ แล้วเอาปลายนิ้วลูบหัวผมตรงที่เป็นแผล เออ มือครูนุ่มโคตร สมกับเกิดมาในตระกูลผู้ดีเลยล่ะ ครูบอกว่าดีแล้วที่ไม่เป็นแผลเป็น ยาที่ให้ไปก็เก็บให้ดีล่ะ เขาไม่ผลิตออกมาแล้ว ผมพยักหน้า แล้วครูก็ขยับรูปที่อยู่บนโต๊ะมาให้ผม เอ่อ ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเห็นครูวาดรูปนะ ผมเคยเห็นแล้ว รูปผมเองเอ้ก็วาดให้บ่อยๆ แต่เพิ่งเคยเห็นครูวาดรูปผมนี่แหละ
   รูปที่ครูส่งให้เป็นรูปหน้าผมเลย กำลังยิ้มอยู่ มองตรงด้วยนะ ผมแอบใจเต้น ครูวาดหล่อกว่าตัวจริงเกินไปแล้วล่ะ หน้าผมไม่หล่อขนาดนี้หรอก ครูบอกว่าเอาไปสิ ครูให้ แล้วก็หยิบยางลบขึ้นมาลบรอยเลอะตรงหน้าผากออก นี่ครูวาดกระทั่งรอยแผลบนหัวผมด้วยเหรอเนี่ย ผมรู้สึกเขินขึ้นมาเลยนะตอนนั้นน่ะ พอครูลบเสร็จก็รีบหยิบรูปขึ้นมาม้วน ครูเลยตีมือทีหนึ่งแล้วบอกว่าเก็บให้มันดีๆ สิ ถ้าไม่อยากได้ก็บอก จะได้เผาทิ้ง โห.. ครูพูดจาน่ากลัวแบบนี้อีกแล้ว ผมเลยรีบเปิดกระเป๋า หยิบแฟ้มขึ้นมาแล้วเอารูปใส่ลงไป พอเงยหน้าก็เห็นครูยิ้มที่มุมปาก หรือว่าครูจะกระตุกปากได้แค่นี้นะ ผมทำใจดีสู้เสือ ยิ้มให้ครู แล้วบอกว่าขอบคุณมากนะครับ ครูก็พยักหน้า แล้วถึงได้ถามว่าทำไมวันนี้มาคนเดียว ผมเลยเล่าเรื่องเอ้ให้ครูฟัง ครูเลยถามผมว่าที่ลงทะเบียนเลือกวิชาเพราะตามเพื่อนหรือ ผมก็ตอบว่าใช่ ครูก็เลยบอกว่าถ้าเทอมหน้าไม่อยากลง ไปลงตัวอื่นก็ได้ เพราะเทอมหน้าเขาจะเปิดตัวหนึ่งใหม่อีกหลายวิชา ผมเกรงใจครูนะ เลยบอกก่อนว่าไม่แน่ผมอาจจะลงต่อ เพราะวิชาครูสนุกดี ครูยิ้มที่มุมปากอีกแล้วล่ะ ผมว่าครูยิ้มได้แค่นี้แน่เลย ผมเลยถามครูว่าทำไมถึงมาสอนศิลปะล่ะ ครูก็ทำหน้างง ผมเลยรีบพูดต่อว่าทำไมครูไม่เป็นศิลปินเต็มตัวไปเลย มาสอนเด็กอย่างพวกผมไม่เบื่อหรือ ครูว่าครูชอบนะ ได้เห็นจินตนาการของเด็กๆ แล้วครูมีแรงบันดาลใจ ผมไม่ค่อยเข้าใจครูนักหรอก แต่ก็พยักหน้า
   กลับมาบ้านผมหยิบรูปที่ครูวาดขึ้นมาจากกระเป๋า ผมรู้ว่าครูเป็นคนแปลกนะ ผมรู้ว่าครูชอบวาดรูป สงสัยจะเพราะว่าครูเป็นคนดังมาวาดรูปให้ผม ผมเลยใจเต้นเป็นพิเศษล่ะมั้ง แต่ทำไมไม่รู้ ผมแอบคิดว่าครูจะจีบผมล่ะ ผมนี่เพ้อเจ้ออีกแล้ว
-------------------------------------------------------
**
อีกประมาณสามตอนน่าจะถึงตอนคุณนพเจอกับคุณไพฑูรย์นะคะ จริงๆ ฉันเขียนถึงแล้วล่ะค่ะ แต่รู้สึกว่ามันห้วนสุดๆ เลยแก้อยู่....ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-06-2011 12:15:59
อีกสามตอนเลยเหรอ  โห  แต่อ่านไดอารี่ของนพแล้วน่ารักจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 24-06-2011 12:56:45
กรี๊ดดด กรีดร้องงงง ครูพิสุทธิ์เป้นครูที่ได้ใจเราสุดๆ ชอบบบ อาร์ตแบบนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 24-06-2011 13:04:22
นพน่ารักอ่ะ เป็นเด็กน่ารักตรงๆใสซื่อ
ไม่งั้นคงไม่แซะจนจีบแฟนแต่ละคนติดหรอก โฮ่ย น่ารักไปนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 24-06-2011 13:09:30
อีก 3 ตอนแน่ะ เค้าอยากอ่านตอนเจอลุงอ่า แง๊วๆ รอต่อปายยย  :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 24-06-2011 14:41:58
โดนครูจีบอยู่แน่ ๆ เลยนพ...ให้เดานะ รูปส่วนใหญ่ที่ครูวาดในห้องต้องเป็นรูปนพแน่เลย :o8:
เฮ้อ...กว่าจะเจอคุณไพฑูรต้องอกหักกี่ครั้งเนี่ย  :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 24-06-2011 15:48:05
ครูจีบน้องนพแน่ ๆ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 24-06-2011 16:08:05
นพอยู่ม.ปลายแล้ว
แลมีแนวโน้มว่าก่อนจะจบม.หก
จะต้องมีแฟนเป็นครูอีกคนแน่เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 24-06-2011 16:11:40
กินเด็กหรือหลอกเด็ก  :impress2: ก็ชอบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 24-06-2011 16:31:25
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกรักและเอ็นดูนพรัตน์มากขึ้นทุกวัน
เด็กอะไรรู้คิด คิดโตกว่าอายุจริงๆ สงสัยคนที่เคยเลี้ยงดูเค้าตอนเด็กๆ
ต้องเป็นคนดีมากๆ แล้วต้องให้ความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ อย่างเต็มที่
นพรัตน์ถึงได้ออกมาในรูปแบบ แบบนี้น่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 24-06-2011 17:16:33
ครูมีโรคประจำตัวเยี่ยงนี้ มีอะไรกะนพจะเป็นไรมั๊ยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 24-06-2011 17:48:07
อ่านไปอ่านมา ทำท่าว่า เริ่มจะหลงเสน่ห์ ครูพิสุทธิ์ แล้วละทำไงดี   :-[

สงสัยงานนี้ เปี๊ียก โดนจีบไม่รู้ตัวละมั้ง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 24-06-2011 17:49:54
น้องขึ้นมอปลายแล้ว แต่ก็ยังใสเหมือนเดิม
ยิ่งโตขึ้น ความซื่อใสเนี่ยยิ่งเป็นสเน่ห์เลยนะ
ตามติดชีวิตน้องนพต่อไป :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: BiGgYDrIb ที่ 24-06-2011 17:54:15
ครูพิสุทธิ์นี่ คล้ายๆคุณไพฑูรย์เลยนะ นิ่งๆขรึมๆหน่อย แต่จริงๆแล้วก็ใจดี ไม่มีอะไร
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MokGaLaKom ที่ 24-06-2011 17:59:15
ท่าทางนพจะได้แฟนอีกคนแล้วซิ
อ่าๆ ครูพิสุทธิ์แน่เลยที่นพบอกว่าครูไปแต่งงาน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 24-06-2011 18:29:27
ชื่นชมคนแต่งมากๆเลยค่ะ มันยาวได้ใจอ่านกันเพลินไปเลย

มีลูกมีหลานอยากได้แบบน้องนพจริงๆ ถึงจะรักคนแก่ก้อเถอะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 24-06-2011 18:53:56
 :laugh:

อีก3ตอน

รวบรัดได้ไหมครับ 555

อย่างอ่านตอนนั้นไวไวอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 24-06-2011 20:01:14
นพนี่ดวงสมพงษ์กับครูสินะ ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 24-06-2011 20:26:56
น่ารัก ใสๆ ได้อีกอ่ะคุณนพ
หวายย ใกล้จะได้อ่านตอนเจอคุณไพ แล้ว
อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MimicClub ที่ 24-06-2011 20:37:27
 :o8:  รักนพจังเลย นพน่ารักจัง คนแต่งขยับนทำงาน+ ให้จ้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 24-06-2011 21:22:35
ครูพิสุทธิ์ชอบนพแน่เลย(?) นพเองเริ่มชอบครูพิสุทธิ์แล้วแน่ๆ
ชอบอ่านไดอารี่ของนพอ่ะ ยินดีให้มีอีกหลายๆตอน จะได้รู้จักนพเยอะๆ ^^



+ และ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yun ที่ 24-06-2011 21:39:37
ไดอารี่ของเจ้าเปี๊ยก ยิ่งอ่านไปอ่านมา ก็ยิ่งชอบ
เหมือนแมวอ้อนๆ 
พี่นพก็น่ารัก และก็เป็นครอบครัวที่รักกันดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 24-06-2011 22:37:53
แต่เราชอบนะ ไม่เบื่อ ไปเรื่อยๆได้เลยค่ะ ชอบอ่านมุมของนพ น่ารักดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 24-06-2011 23:35:14
+1 นะค่า ยาวจุใจและได้ใจมาก ๆ ค่า น้องนพนี้ท่าจะมีออร่าดึงดูคนอายุเยอะกว่านะอิอิ
รอตอนต่อไปนะค่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 24-06-2011 23:45:47
น่ารักตั้งแต่เด็กจนโตเลยนะ  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: butterfly_bee ที่ 25-06-2011 02:44:49
เปี๊ยกน่ารักจริงๆ
โดนครูพิสุทธิ์จีบแล้วใช่มั้ยเนี่ย
อยากอ่านตอนเจอกับคุณไพฑูรย์เหมือนกัน
แต่อ่านไดอารี่ของนพระหว่างนี้ก่อนที่จะเจอคุณไพฑรย์ก็สนุกน่ารักดี
ยิ่งอ่านยิ่งชอบเจ้าเปี๊ยก น่ารักจริงๆ มาเป็นน้องชายเราเถอะพ่อเปี๊ยก  :man1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 25-06-2011 08:21:30
ดีใจที่จะได้เจอคุณไพ แต่ก็อยากอ่านไปเรื่อยๆ ดูโลภจริงๆ
ขอบคุณคนแต่งมากค่า




หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 25-06-2011 14:02:45
ตานพน่ารัสุดๆหึๆๆ
ชอบไอเดียเรื่องรุปที่วาดสามคนจังค่ะ
น่าสนุกดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: jamesnaka ที่ 25-06-2011 17:27:44
ชอบครูพิสุทธิ์จังค่ะ  :o8: แฟนคนต่อไปของน้องนพขอเป็นคนนี้นะคะ  :impress2:

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษที่ 6 ค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-06-2011 18:59:16
 o13

ยิ่งอ่านยิ่งเพลินอ่ะ รักคนแต่งแทนแระ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 25-06-2011 23:24:50
นพน่ารักได้อีก กำลังจะโตแล้ว
อิอิ
อยากรู้ว่าตอนเจอคุนไพจะเป็นอย่างไง
^_^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: jamesnaka ที่ 26-06-2011 00:44:54
อ๊ากกกก  รอตอนต่อไปจนจะลงแดงตายอยู่แล้ววววว  :z3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ6 P17 24/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 26-06-2011 11:30:11
แวบมาแปะรูปค่ะ พอดีไม่สบาย..เขียนไปเขียนมาออกทะเลเลยทิ้งไว้ก่อนค่ะ^^"

อันนี้เป็นรูปจากดินสอEEค่ะ พอดีได้แรงบันดาลใจให้ไปคุ้ยมา หลังจากไปสอยอิลลัสมาเล่มหนึ่ง แต่ไม่ได้วาดนานง่อย <<ปกติก็ง่อย...

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/ee-pai.jpg)

คุณไพฑูรย์ กร๊าสสสส หล่อนะคะ(วาดเองชมเองได้อีก= ="")

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/ee-nop.jpg)

คุณนพ...เอ่อ... หน้าตาคู่นี้มันสลับฝ่ายกันสินะคะ!!!!

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :really2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 26-06-2011 11:38:34
ภาพสุดยอดมาก...แล้วไม่มีภาพครูต้ากับครูพิสุทธิ์หรอคะ?
อยากรู้ว่าสเปคนายนพจะต่างกันมากแค่ไหน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 26-06-2011 11:51:22
ขอให้หายป่วยเร็ว ๆ จ้า


รูปสวยมากเลย


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 26-06-2011 11:59:11
คุณไพฑูรย์ อ๊ากส์!!! หล่อค่ะ หล่อโฮกฮาก!!! นพโดนเบียดตกขอบไปเลย
ภาพสวยมากค่ะ ขอให้หายป่วยเร็วๆ นะคะ :)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: butterfly_bee ที่ 26-06-2011 12:10:34
แอร๊ยยย คุณไพฑูรย์หล่อมากกก
ดูหล่อแบบลึกลับๆนะ
เห็นแล้วนึกถึงพวกมาเฟีย แวมไพร์เลย
ภาพนี้หล่อนำหน้าเปี๊ยกจริงๆด้วย 555

ปล.พักผ่อนเยอะๆนะ ขอให้หายไวๆนะจ๊ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 26-06-2011 12:31:51
ชอบรูปมากค่ะ ยังไงก็ขอให้หายไวๆน๊า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 26-06-2011 12:49:21
คุณไพฑูณงามมมมมซะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 26-06-2011 16:25:20
คุณไพฑูรย์ เมะชัดๆ
เฮ้อ! แต่ก็เสร็จนพไปแล้ว  น้องนพก็ดูสดใส ร่าเริง เป็นเคะได้เลย
แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขาสลับกันหรอกนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 26-06-2011 16:29:02
หน้าตาสลับฝ่ายกันจริง ๆ ด้วย กร้ากกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 26-06-2011 16:34:59
ชอบรูปคุณไพฑูรย์ดูเท่ห์ คุณนพดูน่ารัก มันกลับกันเนอะ

ขอให้หายป่วยไวๆนะค่ะ
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 26-06-2011 16:41:34
นายเอกหล่อมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 26-06-2011 18:25:48
คุณไพดูแมน เท่จัง ส่วนนพก็หน้าหวานดูขี้เล่น   :laugh:
ดูสลับกันดี แต่วาดสวยมากค่า

ขอให้หายป่วยไวไวค่า :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 26-06-2011 20:03:53
โอ้วว..เนี่ยเหรอคะง่อย..วาดได้สุดยอดซะ
 หึ หึ จากภาพเนี่ย คุณไพฑูรย์น่าจะเป็นตรงกันข้ามกับในเรื่องจริงๆแหละค่ะ
ส่วนนายนพก็หน้าหวานจริงๆ
ฝาก :L2:  มาให้ค่ะหายไวๆนะคะ







หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MimicClub ที่ 26-06-2011 20:58:59
ดูดีทั้งคู่เลย  :กอด1:+ให้เลยจ้า o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 26-06-2011 23:08:32
น่ารักมากเลยยย โตเป็นหนุ่ม จนคุณครูมาจีบแล้วนะ
ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 26-06-2011 23:51:02
รูปน่ารักมากๆ อิๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 27-06-2011 00:15:38
ไม่ค่อยได้มาเม้นท์แต่ก้อตามอ่านน๊า อย่าน้อยใจ
ยังไงเค้าก้อเป็นแฟนคลับนพ

ปล.รูปสวยมาก ชอบลายเส้น ปกติจะเ้ห็นวาดแนวนพ แต่คราวนี้แนวของคุณไพฑูรย์มันต่างออกไปสวยดีชอบจังโดยเฉพาะสายตาของคุณไพฑูรย์ต์ััมัุนสื่ออารมณ์ได้ีดีมากๆ เห็นภาพเลยว่าทุกคนต้องกลัวผู้ชายคนนี้ ยกเว้นนพคนละักันที่มองเห็นความน่ารักของคุณไพฑูรย์ (อยากจะบอกว่ามีคนรู้จักชื่อไพฑูรย์ด้วยแต่นิสัยคนละแบบกับคุณไพฑูรย์เลยแบบออกแนวผู้ใหญ่ใจดี พออ่านนึกถึงคนรู้จักก็จักกะจี้ดี)
  :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 27-06-2011 10:13:55
** ลงตอนนี้แล้วอาจจะหายไปสักพักนะคะ พอดีกลับต่างจังหวัด ไม่สบายดีขึ้นแล้วค่ะ(น่าจะหายแล้วล่ะ) ขอบคุณทุกท่านมากๆ นะคะ^^

บันทึกของนายนพรัตน์ (ช่วงที่5)
   17 พฤษภาคม 254x
   ผมอยู่ม.5 แล้ว เปิดเทอมมาไม่กี่วันอาจารย์สั่งให้ไปเขียนรายงานเกี่ยวกับกิจกรรมในช่วงวันหยุด สงกรานต์ปีนี้ผมกับพี่นพไปพัทยากันมาล่ะ กลับมาตัวดำปี๋ทั้งคู่เลย พอไปทำงานที่ร้านทั้งเอ้ทั้งพี่ผู้จัดการก็ทักว่าผมทำตัวเป็นฝรั่งหรือไง ไปอาบแดดมาจนผิวเกรียมเชียว แหม.. ก็ผมไม่อยากทาครีมกันแดดนี่นา รายงานคราวนี้ผมเลยเขียนถึงเรื่องไปเล่นสงกรานต์กับพี่ชายนี่แหละ
   อาจารย์เริ่มพูดกันถึงเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เห็นว่ารุ่นผมเขาจะเปลี่ยนระบบ ดูวุ่นวายจริงๆ นะ ก่อนหน้านี้พี่นพก็มาถามอยู่เหมือนกันว่าผมคิดไว้แล้วรึเปล่าว่าจะสอบคณะอะไร มหาวิทยาลัยไหน ผมยังไม่ได้คิดเลยล่ะ หลักลอยจริงผม
   เอ้ลงวิชาเลือกของครูพิสุทธิ์ต่อ ผมเลยตามมันไป เพราะขี้เกียจคิดแล้วว่าจะเลือกวิชาอะไร อีกอย่าง เทอมก่อนผมก็ได้สี่ พี่นพบอกว่าทำเกรดดีๆ จะได้เข้ามหาวิทยาลัยได้ง่ายๆ แล้ววิชาครูพิสุทธิ์ก็ไม่ได้ไม่ดีอะไร สนุกด้วยซ้ำ เสียแต่ครูแปลกไปหน่อย แต่ผมว่าผมเริ่มรับความแปลกของครูได้แล้วล่ะ
   วันนี้ครูให้เราวาดรูปตัวเอง แต่แน่นอนว่ารูปที่ครูให้วาดไม่เคยธรรมดาสักที ได้วาดรูปตัวเองในแบบที่อยากให้เป็น เอากับครูสิ ผมไม่รู้ว่ารูปที่ครูให้วาดกับรายงานภาษาไทยอะไรยากกว่า แต่ครูดุน้อยกว่าครูภาษาไทยแน่นอน อันนี้ผมยืนยัน
   ผมเลยวาดรูปตัวเองสูงโย่ง ยืนเคาะลูกบาสฯ ครูเห็นงานแล้วขำหึๆ อีกแล้ว อย่าว่าแต่ครู เอ้กับเชษฐ์เห็นยังขำก๊าก บอกว่าผมยังสูงไม่พออีกเหรอ ไม่พอนะ ผมยังอยากสูงอีก แหม ไม่เคยตัวเปี๊ยกไม่เข้าใจความรู้สึกผมหรอก ผมสูงร้อยแปดสิบแล้วล่ะ แต่ยังอยากสูงอีกนะ ครูมองๆ ผมด้วยตาง่วงๆ แล้วบอกว่า ถ้าผมสูงจนชนขอบประตูเมื่อไหร่ ครูจะให้ผมไปเรียนของครูคนอื่น ผมบอกว่าได้เลย ถ้าผมสูงขนาดนั้นเมื่อไหร่ผมจะรีบถอนวิชาครูทันที ครูยิ้มที่มุมปากอีกแล้ว ผมรู้แล้วล่ะว่าครูไม่ได้ขี้โกรธ ครูแค่ขี้แกล้งเท่านั้นเอง
-------------------------------------------------------
   4 มิถุนายน 254x
   เรียนไม่ยากเท่าไหร่ แต่การบ้านเริ่มยากและเยอะขึ้นเป็นเงาตามตัว ผมสงสัยจริงๆ ว่าคนที่เรียนพิเศษเอาเวลาที่ไหนทำการบ้านกัน ช่วงนี้ผมถามข้อมูลทำรายงานบางเรื่องกับพวกพี่นัทล่ะ พวกพี่เขาก็ดี๊ดี พยายามช่วยผมทำรายงาน ผมเลยได้รู้เพิ่มอีกว่า จริงๆ แล้วพี่เขาแต่ละคนทำงานไม่ค่อยตรงกับสาขาที่เรียนมาเท่าไหร่เลยล่ะ อย่างพี่นัท จบวิทยาศาสตร์มายังไปทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เลย พี่นพหนักกว่าอีก จบวิศวะเคมีมา ดันทำงานเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคล คราวนี้เวลาพี่นพถามว่าจะเรียนอะไร ผมเริ่มเป็นเด็กไม่ดีแล้ว บอกพี่นพว่าค่อยคิดแล้วกัน เพราะเรียนไปเดี๋ยวก็ออกมาทำงานอีกแบบอยู่ดี พี่นพเลยเอ็ดผมว่าเลือกให้มันดีๆ ก่อน จบแล้วค่อยว่ากันอีกที จะรู้ได้ไงว่าจบออกมาแล้วจะทำงานไม่ตรงสาย ผมเลยยกตัวอย่างพี่ๆ นี่แหละ พี่นพก็บอกว่า อย่างนั้นก็เลือกเรียนที่ชอบก็แล้วกัน พี่นพเล่าด้วยนะว่าวันก่อนไปสัมมนา มีวิทยากรคนหนึ่ง จบวิศวะเหมือนกัน ยังมาทำงานแบบที่พี่นพทำเลย ทำได้ดีด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าถ้าผมเรียนวิศวะแล้วต้องมาทำงานแบบเดียวกับพี่นพนะ ผมล่ะงงจริงๆ ว่าพี่นพจะเอายังไงกันแน่ แต่เอาล่ะ ผมจะเลือกที่ผมอยากเรียนก็แล้วกัน ปัญหาคือตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าอยากจะเรียนอะไร
--------------------------------------------------
   30 มิถุนายน 254x
   วันนี้ผมเจอครูพิสุทธิ์ยืนเกาะกำแพงห้องน้ำอีกแล้วล่ะ พอครูเห็นผมเดินมาก็เรียกให้เข้าไปช่วยพยุงที ครูก็ชอบเข้าห้องน้ำตรงนี้จริงๆ รู้อยู่แล้วว่าไม่ค่อยมีใครเดินผ่าน นี่ถ้าผมไม่เดินผ่านมาครูจะกลับห้องยังไงนะ พอไปถึงห้องผมเลยถามครูว่าปกติถ้าครูหน้ามืดแล้วไม่มีใครมาช่วยครูจะทำยังไง ครูก็บอกว่าเกาะกำแพงไว้แบบนั้นแหละ ค่อยยังชั่วแล้วค่อยเดิน ถ้าหนักมากๆ ก็เกาะๆ กำแพงแล้วเดินมาเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึงเอง ผมเลยถามว่าทำไมครูไม่ไปเข้าห้องน้ำที่มันคนเยอะกว่านี้ จะได้มีคนช่วย ครูบอกว่าอายคนน่ะ เข้าทีไรหน้ามืดทุกที ผมว่านะ ครูเกาะกำแพงมาน่าอายกว่าอีก แค่คิดก็ขำแล้ว ครูนี่แปลกจริงๆ นอกจากนิสัยจะแปลกแล้วยังดื้อแบบแปลกๆ อีกด้วย
   ครูเริ่มตัวซีดอีกแล้วล่ะ ผมเลยถามว่าปกติครูรักษาโรคนี้ยังไง ครูเลยบอกว่าถ่ายเลือดเอา เดือนละครั้ง มีญาติกับเพื่อนมาช่วยถ่ายให้ ครูบอกว่าที่อยู่ได้มาถึงทุกวันนี้ก็เลือดคนอื่นทั้งนั้นแหละ ผมนึกสงสารครูขึ้นมาเลยนะ พอเข้าใจแล้วว่าทำไมครูถึงยิ้มไม่ค่อยออก มีชีวิตด้วยการถ่ายเลือดกับคนอื่นทุกเดือนนี่มันดูทรมานจริงๆ
-----------------------------------------------------
   8 กรกฎาคม 254x
   ผมทำผ้าเช็ดหน้าที่ครูต้าให้หาย บ้าที่สุดเลย ไม่รู้ผมไปทำหล่นตอนไหน เอ้ช่วยผมเดินหาตั้งแต่เย็นจนฟ้ามืด ก็ยังหาไม่เจอ จนพี่นพมารออยู่ได้พักหนึ่ง ผมเลยยอมเลิก พี่นพกับเอ้บอกว่าช่างมันเถอะ สงสัยใครจะเก็บไปทิ้งแล้วมั้ง แต่ผมน่ะโมโหตัวเองสุดๆ เลยล่ะ ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวที่ครูต้าให้ผมแท้ๆ ของอย่างเดียวที่ครูทำให้ผมกับมือแท้ๆ ผมทำไมถึงรักษาไว้ไม่ได้นะ
-------------------------------------------------------
   16 สิงหาคม 254x
   ตอนช่วงสอบผมมัวแต่อารมณ์เสียเรื่องผ้าเช็ดหน้า คะแนนกลางภาคร่วงกราว วันเกิดปีนี้ผมเลยกร่อยๆ มาสำนึกได้เหมือนกันว่าผมตีโพยตีพายอีกแล้ว นี่ถ้าครูต้ารู้ว่าแค่ผมทำผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวหายแล้วเป็นขนาดนี้ ครูคงเสียใจ แต่ที่แน่ๆ พี่นพเสียใจล่ะ ผมนี่งี่เง่าจริงๆ เลย ผมสัญญากับพี่นพว่าปลายเทอมนี้ผมจะทำคะแนนให้ดีชดเชยกับคะแนนสอบกลางภาคที่ผมเสียไป ปีนี้ผมไม่ให้พี่นพเลี้ยงวันเกิดแล้วล่ะ ผมทำงานกวาดบ้านเก็บบ้านให้พี่นพแทน ชดเชยที่ทำพี่นพเสียใจ เดี๋ยวปีหน้าพอถึงวันเกิดผม ผมจะพาพี่นพไปเลี้ยงบ้าง เพราะพี่นพดูแลผมมานานแล้ว วันเกิดผมผมจะตอบแทนพี่นพบ้าง
-----------------------------------------------------
   22 สิงหาคม 254x
   ครูพิสุทธิ์สั่งงานปลายภาคอีกแล้ว คราวนี้ครูให้เราไปทำสมุดภาพว่าด้วยชีวิตของตัวเองในเทอมนี้มาคนละเล่ม ไม่จำกัดหน้า ให้งานกลับไปทำที่บ้านด้วยล่ะ เป็นครั้งแรกเลยนะที่ครูสั่งงานแล้วให้ส่งคาบอื่น ผมเห็นครูเอากระจกมาตั้งไว้ในห้องพักบานหนึ่ง เหมือนครูจะหันมาทำงานเพ้นต์บนกระจก สงสัยครูจะทำนิทรรศการอีกแล้วแน่เลย
-------------------------------------------------------
   29 สิงหาคม 254x
   เราสามคนเอาสมุดภาพมาส่งครู ขนาดต่างกันไปด้วยนะ เพราะครูไม่ได้กำหนดไซต์มา เอ้ทำมาไซต์เกือบเอสี่ มันร่างภาพตัวเองนั่งหลับตอนเรียน แล้วไปตื่นเอาตอนทำงานดีเจ ผมว่าอาจารย์วิชาอื่นมาเห็นต้องด่ามันแน่ ส่วนเชษฐ์เล็กหน่อย ประมาณเอห้า มันวาดรูปตัวเองผสมกับตัดภาพมาแปะ อธิบายการท่องหนังสือสอบของมันว่าทรมาทรกรรมอย่างไรบ้าง ส่วนผม เล็กสุด ไซต์เท่าฝ่ามือได้ ผมแอบโกงด้วยการไปปรึกษาพี่ๆ มาล่ะ พี่แมวที่เรียนจบภาพยนตร์มาบอกให้ผมลองทำฟลิบบุ๊ก แบบที่กรีดดูแล้วจะเป็นภาพการ์ตูนขยับได้ ผมวาดรูปตัวเองเป็นคนก้างปลาที่ทำผ้าเช็ดหน้าหล่นหายแล้วกระโดดลงหลุม เอ้เอาไปดูแล้วบอกว่าตรงประเด็นมาก ส่วนเชษฐ์ที่ยังไม่รู้เรื่องพอเอ้เล่าให้ฟังก็เห็นด้วยทันที
   ครูพิสุทธิ์รับงานแล้วถามแรงบันดาลใจอีกเช่นเคย พอถึงคิวผม ครูก็มองง่วงๆ แล้วถามว่ารูปที่ครูให้ทำหายหรือยัง ผมเลยบอกว่ายัง เก็บไว้อย่างดี ผมกลัวครูแช่ง ครูยิ้มนิดๆ เหมือนเดิม ส่วนเอ้กับเชษฐ์ออกมาก็ถามผมใหญ่ ว่าครูเคยวาดรูปให้ผมด้วยเหรอ ผมก็บอกว่าใช่ สองคนบอกว่าผมโชคดีจัง ครูไม่ค่อยให้รูปวาดใครนะ ครูคงถูกชะตาผมล่ะมั้ง เอ้บอกว่าเก็บให้ดีนะ เผื่อขายได้ แต่ผมไม่คิดจะขายหรอกนะ ผมว่าครูก็ไม่อยากให้ผมขายเหมือนกันแหละ อีกอย่าง รูปหนึ่งในนั้นก็เป็นรูปหน้าผมด้วย ใครมันจะไปอยากซื้อล่ะ
-------------------------------------------------------
   14 กันยายน 254x
   ผมมาโรงเรียนช่วงปิดเทอม มาช่วยครูกาญ ครูสอนวิชาสังคมที่สนิทกันตรวจข้อสอบน้องม.4 ครูถามว่าผมคิดแล้วยังว่าจะสอบเข้าที่ไหน คณะอะไร ผมบอกว่ายังเลย ครูเลยบอกว่าแปลก เด็กเรียนดีอย่างผมน่าจะมีคณะที่เลือกในใจแล้ว อืม คะแนนสอบปลายภาคของผมดีจริงนั่นแหละเทอมนี้ เพราะผมทุ่มเต็มที่ ชดเชยที่เสียไปช่วงกลางภาค พี่นพเลยยิ้มออกสักที บอกว่าผมตั้งใจทำอะไรก็ทำได้อยู่แล้ว
   ครูเลยถามต่อว่าทำไมไม่เลือกเรียนหมอ ผมก็บอกว่าผมไม่อยากไปนั่งตรวจคนไข้ เห็นที่โรงพยาบาลแล้วไม่น่าทำเลย คนเยอะแยะไปนั่งรอหมอหน้าง้ำหน้างอ ครูก็ขำ แล้วถามว่าวิศวะล่ะ ผมว่าดูๆ อยู่ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเรียนสาขาอะไร ครูถามว่าผมชอบเรียนวิชาอะไรบ้าง ผมก็นั่งนึก นึกอยู่ตั้งนาน เลยบอกครูว่าวิชาศิลปะ ครูทำหน้างง บอกว่าไม่รู้มาก่อนเลยว่าผมวาดรูปเก่ง ลองไปเรียนด้านนิเทศศิลป์อะไรแนวนี้ดีมั้ย ผมรีบแก้ทันที บอกว่าผมไม่ได้วาดรูปเก่งนะ คือผมไม่ได้ชอบวาดรูป แต่ที่ชอบเรียนวิชาศิลปะเพราะครูพิสุทธิ์แกตลกดี ครูถึงได้ร้องอ๋อ แล้วบอกว่าครูพิสุทธิ์เป็นคนแปลกๆ แต่แกก็ใจดีนะ เวลาแกจะไปโรงพยาบาลหรือไปไหนทีก็มาถามว่าใครจะเอาอะไรบ้าง น่าสงสารเหมือนกันที่แกป่วยเรื้อรังแบบนั้น ผมเลยถามว่าครูพิสุทธิ์ทำงานที่นี่นานหรือยัง ครูก็บอกว่าสักสี่ห้าปีแล้ว เพราะพี่สาวแม่ครู ก็คือป้านั่นแหละ เคยเป็นผอ.ที่นี่ ก็เลยให้หลานเข้ามาทำงาน เพราะเห็นว่าชอบวาดภาพ แล้วก็ไม่ค่อยสบาย ไม่อยากให้ไปทำงานที่ไกลๆ ผมนึกสงสารครูขึ้นมาอีกแล้ว ชีวิตครูคงต้องลำบากมากแน่ๆ เลย
พอช่วยงานครูกาญเสร็จ ผมเลยเดินไปที่ห้องศิลปะ เผื่อว่าครูอยู่ แล้วหน้ามืดอีก จะได้มีคนช่วย แต่ห้องปิด ผมก็ตลกจริง ปิดเทอมแบบนี้ครูจะมาโรงเรียนทำไมนะ ผมหันหลังกลับแล้วล่ะ แล้วก็เห็นครูเดินเกาะกำแพงมา หน้าครูซีดอีกแล้ว พอเห็นผมครูก็ทำหน้าอึ้งๆ แล้วถามว่ามาทำไม ผมบอกว่ามาช่วยครูอีกคนตรวจข้อสอบเด็กม.4 ครูเลยบอกว่าแล้วมาแถวนี้ทำไม ผมเลยบอกว่าผมแวะมา เผื่อครูหน้ามืดอีก ครูมองหน้าผมอยู่พักแล้วยิ้มตรงมุมปาก ผมเลยถามว่าจะให้ช่วยมั้ย ครูบอกว่าถ้าไม่ช่วยก็กลับบ้านไป ผมเลยไปพยุงครู หันรีหันขวางอยู่พักหนึ่งเพราะห้องพักครูปิด ครูเลยชี้ไปตรงลานน้ำตก แล้วบอกผมว่าไปตรงนั้น ผมเพิ่งเห็นว่าครูยกกระจกมาวางเอาไว้ มีเก้าอี้กับโต๊ะวางอยู่ บนโต๊ะมีขวดสีเต็มเลย กระจกก็เพ้นต์ไปได้เยอะแล้ว
ผมพาครูมานั่งที่เก้าอี้แล้วถามว่าครูยกทั้งหมดนี่ออกมาเองคนเดียวเหรอ ครูก็พยักหน้า บอกว่าครูแค่หน้ามืดง่าย ไม่ถึงขนาดทำอะไรไม่ได้ แต่ผมว่าอาการครูน่ะน่าเป็นห่วงจนไม่ควรปล่อยให้อยู่คนเดียวแล้วล่ะ ครูถามว่าผมรีบรึเปล่า ผมบอกเปล่า เพราะวันนี้นั่งรถเมล์มา บอกพี่นพแล้วว่าจะมาช่วยครูตรวจข้อสอบ ไม่รู้ว่าจะเสร็จกี่โมง เดี๋ยวจะกลับเอง ครูพิสุทธิ์เลยบอกว่างั้นนั่งเป็นเพื่อนครูเขียนภาพหน่อย เดี๋ยวเลี้ยงขนม ผมบอกว่าไม่เป็นไร ผมนั่งเป็นเพื่อนครูก็ได้ ไม่ต้องเลี้ยงขนมผมหรอก ครูยิ้มที่มุมปาก แล้วก็หันไปวาดรูปต่อ
ผมเพิ่งเห็นว่าผมครูยาวมาก ยาวจนจะถึงกลางหลังแล้วมั้ง แต่เสียพอสมควรเลยล่ะ ก็ครูเลือดไม่ค่อยดีนี่นา ผมว่าครูน่าจะตัดผมออกนะ เผื่อเลือดมันจะได้ไปเลี้ยงส่วนอื่นบ้าง แต่ผมไม่กล้าพูดตอนครูวาดรูป เลยเงียบไว้ก่อน
เวลาครูวาดรูปครูยืนนะ มือที่ถือพู่กันนิ่งมาก ผมเห็นครูวาดไปแล้วยิ้มที่มุมปากนิดๆ ท่าทางครูจะมีความสุขกับการวาดรูป วันนี้แดดแรงพอสมควรเลยล่ะ ดีหน่อยที่สวนตรงนี้กว้าง แล้วก็ไม่มีตึกบัง เลยมีลมโกรก ผมล่ะกลัวครูเป็นลมจริงๆ มาทำงานกลางแจ้งแบบนี้ ถึงครูจะไม่ได้ยืนตากแดดก็เถอะ ก็เลยเอาสมุดที่หยิบติดมาขึ้นมาช่วยพัดให้ครู ครูหันมายิ้มๆ แล้วก็กลับไปวาดรูปต่อ
ครูใช้สีหลายแบบนะ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องสีเท่าไหร่ เพิ่งมาเรียนรู้กับครูนี่แหละ แต่จำได้บ้างไม่ได้บ้าง บอกผิดบอกถูกไม่รู้เหมือนกัน เหมือนครูจะใช้สีเพ้นต์กระจก สีอคลิลิค แล้วก็สีสเปรย์ด้วยล่ะ
เขียนถึงบ่ายสองครูก็หยุดพัก ผมเห็นว่าครูเขียนรูปป่า แต่ไม่ค่อยตรงกับสวนน้ำตกเทียมตรงหน้าเท่าไหร่ เลยถามว่าครูเอาแบบจากที่ไหน ครูเลยชี้ที่หัวแล้วบอกว่าในนี้ ผมถามต่อว่าแล้วครูมานั่งตรงนี้ทำไม ถ้าจินตนาการเอาวาดในห้องก็ได้ ครูบอกว่ากลางแจ้งมันได้บรรยากาศมากกว่า ให้อารมณ์ใกล้เคียงกว่า ครูนี่อารมณ์สุนทรีย์แต่ไม่ได้ดูร่างกายตัวเองเลยนะเนี่ย
จากนั้นผมเลยถามว่าทำไมครูไม่เขียนรูปอยู่ที่บ้าน ลำบากมาเขียนที่โรงเรียนทำไม ครูก็บอกว่าน้ำตกเทียมที่นี่ใหญ่ดี สวยก็กว้าง บ้านครูมีสวนเหมือนกัน แต่ไม่กว้างขนาดที่โรงเรียน ครูไม่เคยเห็นป่าเห็นน้ำตกจริงๆ เลยต้องอาศัยของพวกนี้ ไม่ก็ดูหนังสือเอา
 ผมอึ้งเลยนะ เลยถามว่าครูไม่เคยไปเที่ยวน้ำตกหรือ ครูสั่นหัว บอกว่าครูไปไม่ไหว เกิดมาครูก็เป็นแบบนี้แล้ว รอดมาได้ก็บุญ จริงของครูนั่นแหละ ผมเห็นอาการครูแล้วยังอดเป็นห่วงไม่ได้เลย ครูดูเหมือนจะอยู่ได้ไม่พ้นวันด้วยซ้ำ
ครูเขียนรูปบนกระจกเสร็จสักช่วงสี่โมงได้ พอเขียนเสร็จครูก็ให้ผมดู ให้ผมไปยืนดูเลยนะ แล้วถามว่า รู้สึกยังไงบ้าง ผมมองแล้วรู้สึกแปลกดี ครูเขียนรูปสวยนะ เขียนต้นไม้ เถาวัลย์ ผมเห็นหนอนผีเสื้ออยู่บนใบไม้ของครูด้วยล่ะ แล้วก็เห็นเขาตัวเองสะท้อนอยู่ระหว่างเถาไม้ ผมเลยบอกครูว่าเหมือนเห็นตัวผมอีกคนอยู่ในอีกโลกหนึ่งเลย ครูหัวเราะหึๆ แล้วเก็บกระป๋องสีใส่กล่อง พับโต๊ะ พับเก้าอี้ แล้วก็เดินไปเปิดประตูห้องพักครู ผมเลยอาสาจะยกกระจกเข้าไปให้ ครูบอกไม่ต้อง เดี๋ยวครูยกเอง หล่นแตกจะได้ไม่โกรธกัน โหย..ดูครูคิดสิ ผมเลยช่วยครูยกเก้าอี้ยกโต๊ะเข้าไปเก็บ จากนั้นก็มายืนลุ้นครูว่าจะยกกระจกเข้าไปเก็บได้รึเปล่า ท่ายกครูหวาดเสียวสุดๆ แต่สุดท้ายครูก็เอาเข้าไปเก็บจนได้นะ เออ ผมเชื่อแล้วล่ะว่าครูยกของทั้งหมดออกมาเอง
ครูยืนหอบอยู่พักหนึ่ง ผมว่าครูดื้อสุดๆ เลยบอกว่าจริงๆ ให้ผมช่วยก็ได้ ผมไม่ทำหล่นแตกหรอก ครูจะได้ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ สงสัยครูจะเห็นว่าผมลุ้นตัวโก่ง เลยยิ้มที่มุมปากอีก แล้วชวนผมไปกินข้าว ผมได้นั่งรถเบนซ์รุ่นเก่าที่ดูใหม่ของครูอีกแล้วล่ะ ครูเปลี่ยนใบเตยแล้ว แต่ขับรถเร็วเหมือนเดิม ผมเลยบอกครูว่าช้าๆ หน่อยก็ได้ เดี๋ยวจะไม่ได้กินข้าว
เราแวะร้านอาหารไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่ รถเบนซ์เก่าดูเข้ากับครูแบบแปลกๆ นะ แต่ผมว่าถ้าครูสบายดี ครูถีบจักรยานน่าจะเหมาะกว่านี้
ผมถามครูระหว่างกินข้าวว่าปกติครูไปไหนมาไหนคนเดียวตลอดเลยเหรอ ครูบอกว่าใช่ ครูรำคาญคนอื่น ผมว่าอันตรายนะ ครูเป็นแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นมาพ่อแม่ครูคงเสียใจแย่ ครูก็พยักหน้านะ บอกว่าพ่อกับแม่ครูก็บ่นเหมือนกัน บอกว่าครูน่าจะแต่งงานหาคนมาดูแล เออ ผมรีบเห็นด้วยเลยล่ะ บอกว่าครูสุขภาพแย่ขนาดนี้ควรจะมีคนดูแลแล้ว ครูเลยย้อนว่าสุขภาพตัวเองแย่คนเดียว ต้องหาคนมาร่วมทุกข์คอยดูแลเพื่ออะไร ผมก็อึ้งไปหน่อยหนึ่งนะ สุดท้ายเลยบอกครูว่า คนที่รักครูเขาเต็มใจจะดูแลครูแหละ ครูควรจะหาคนที่รักมาดูแลนะ
ครูมองผม ยิ้มที่มุมปากหน่อยหนึ่ง และก้มลงกินข้าว ผมเลยไม่กล้าพูดอะไรอีก เรากินข้าวเสร็จก็กลับมาที่รถ ครูปิดประตูรถแล้วจู่ๆ ก็พูดกับผมว่า ปีหน้าครูจะต้องแต่งงานแล้ว เจ้าสาวเป็นคนรู้จักที่พ่อแม่หาไว้ให้ตั้งแต่เด็กๆ รู้แล้วว่าครูเป็นโรคแบบนี้ และก็เต็มใจจะดูแลครูด้วย ผมเลยบอกครูว่าก็ดีแล้วนี่ มีคนดีๆ แบบนี้ครูควรจะรีบแต่งตั้งแต่ปีนี้เลย
ครูมองผม แล้วพูดเรียบๆ ว่าครูไม่ชอบผู้หญิง หน้าครูดูง่วงๆ เหมือนเดิมนั่นแหละ ผมอึ้งนะ นิ่งไปพักใหญ่เลยล่ะ ไม่รู้จะตอบครูว่าไงดี ผมสงสารครูนะ สงสารผู้หญิงคนนั้นด้วย ถ้าสามีเป็นเกย์แล้วจะรู้สึกยังไงนะ สุดท้ายผมเลยถามออกไปว่าแล้วพ่อแม่ครูกับผู้หญิงรู้เรื่องนี้รึเปล่า ครูบอกว่ารู้ ผมอึ้งไปอีก ครูเห็นผมเงียบเลยหันมายิ้มแล้วบอกว่าสงสัยใช่ไหมว่าทำไมถึงยังจะให้แต่งงานกัน ผมก็พยักหน้า ครูเลยอธิบายว่ามันเป็นเหตุผลของผู้ใหญ่ ครูเป็นลูกชายคนเดียว ต้องมีลูกสืบสกุลต่อ ต่อให้ครูไม่มีอารมณ์กับผู้หญิงสุดท้ายก็ยังใช้วิธีผสมเทียมได้
แล้วครูก็ยิ้มที่มุมปาก ทุกอย่างที่ครูพูดเหมือนจะลงตัวหมดแล้ว แต่ผมรู้สึกว่าครูน่าสงสาร สงสารหัวใจของครูน่ะ
ผมเลยถามครูว่า ตอนนี้ครูมีคนที่ชอบแล้วหรือยัง ครูไม่ตอบผมอีกแล้ว ยิ้มอย่างเดียว ผมเลยบอกครูว่า ถ้าครูยังไม่คิดจะแต่งงานตอนนี้ อนุญาตให้ผมดูแลครูไปก่อนนะ แค่ที่โรงเรียนก็ได้ ผมเห็นครูดื้อแบบนี้แล้วผมเป็นห่วง ครูอึ้งไปหน่อยหนึ่ง แล้วยกมือเคาะหัวผมเบาๆ บอกว่าผมพูดอะไรไม่รู้จักคิดเลย ผมเถียงครูเลยล่ะ ว่าผมคิดแล้วนะเลยพูด อย่างน้อยผมก็คิดว่าครูควรจะมีใครคอยดูแล ผมนี่แหละจะอาสาเอง
ครูมองผม ยิ้ม แล้วถอนหายใจ บอกว่าผมนี่ร้ายจัง ผมงงอีกล่ะ จำได้ว่าครูต้าก็เคยพูดกับผมแบบนี้ ผมว่าผมไม่ได้ทำอะไรร้ายเลยนะ จากนั้นครูเลยพูดต่อว่า ปีหน้าครูก็จะแต่งงานแล้ว มีเวลาหนึ่งปีผมยังอยากดูแลครูหรือ ผมพยักหน้า บอกว่าปีหน้าผมก็จะจบม.6แล้วเหมือนกัน ปีเดียวผมก็จะทำ
ครูเลยถามต่อว่า ทำไมผมถึงอยากดูแลครูนัก ผมเงียบไปพักหนึ่งนะ แบบว่ากลัวครูด่าถ้าผมพูดออกไปน่ะ แต่คิดๆ แล้วครูคงไม่ว่าผมหรอก ถึงว่าผมคงไม่เสียใจเท่าไหร่ ผมไม่ได้หวังอะไรนี่ ผมเลยบอกว่า สงสัยผมจะชอบครูเพราะรูปที่ครูวาดให้ผมน่ะ
ครูเงียบไปอีกพัก แล้วยิ้มออกมา บอกว่าครูยังวาดไว้อีกหลายรูป หน้าผมร้อนเลยล่ะ ไม่รู้สิ ตอนครูต้าผมก็บอกว่าผมชอบนะ แต่กับครูพิสุทธิ์ ดูเหมือนคำว่าชอบที่ผมบอกความรู้สึกมันจะกลายไปเป็นอีกแบบแล้วน่ะ อาจจะเพราะผมโตแล้วก็ได้ เริ่มรู้ว่าความรักบางทีก็ไม่ได้สิ่งที่คว้าเอามาเป็นของตัวเองได้ตลอดล่ะมั้ง ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่อยากจะห้ามความรู้สึกตัวเองหรอกนะ
สักพักครูก็สตาร์ทรถ ผมมองหน้าครู ครูผอมมาก ซีดด้วย ปกติครูจะไม่ค่อยแสดงสีหน้าอะไร แต่ตอนนี้ผมเห็นครูยิ้ม ยิ้มที่มุมปากอย่างเคยนั่นแหละ ผมเลยยิ้มออกมาด้วย
   ผมรู้ว่าเวลาของเรามีจำกัด แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด เพราะมันเป็นความพอใจของผม
-------------------------------------------
   20 ตุลาคม 254x
   วันนี้เอ้เอาเพลงที่แต่งมาให้ฟัง มีแต่เสียงกีตาร์นะ ยังขาดคนร้อง มันถามว่าผมลองร้องได้มั้ย ผมว่าเสียงผมเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วล่ะ เลยลองให้มันร้องให้ฟังแล้วร้องตาม ร้องจบเพลง มันบอกว่าเสียงผมใช้ได้เลย เดี๋ยววันไหนไปอัดเสียงกัน ผมว่าเพลงนี้มันแต่งให้นางในฝันของมันล่ะ เนื้อหาเพ้อเชียว แต่ไหนๆ ก็คบกันมาตั้งจะสองปีแล้ว ไปอัดเสียงให้มันคงไม่มีอะไรเสียหาย
----------------------------------------------
   1 พฤศจิกายน 254x
   ผมลงทะเบียนเรียนวิชาศิลปะของครูพิสุทธิ์ต่อ เรียนไปเรียนมาถึงตัวสี่แล้ว ตอนแรกผมลงเพราะเอ้นะ แต่ตอนนี้ผมลงเรียนวิชาครูเพราะอย่างอื่นแล้วล่ะ ครูพิสุทธิ์เห็นผมเดินไปที่ห้องแล้วก็ยิ้มๆ ที่มุมปากเหมือนเดิม ผมแอบนึกว่าครูชอบผมมานานแล้วรึเปล่านะ เพราะมองผมทีไรครูต้องยิ้มแบบนี้ทุกที แต่ผมไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองมากหรอก เพราะครูยังไม่เคยบอกชอบผมเลย มีแต่ผมนี่แหละที่เผลอชอบครูไปซะแล้ว
   ครูสอนเหมือนเดิม สั่งงานให้ทำในคาบแล้วส่งปลายคาบ ยังนั่งหลับให้ผมเห็นเหมือนเดิมด้วยแน่ะ ผมล่ะอยากพยุงครูไปนอนดีๆ ในห้องพักจริงเชียว แต่เกรงใจเพื่อนๆ น่ะ เลยคอยมองครูอยู่ห่างๆ นะ ถ้าครูซีดมากผมจะได้ปลุกทัน ผมกลัวครูจะหยุดหายใจจริงๆ
   พอส่งงานเสร็จ ครูก็บอกให้ผมเดินไปซื้อน้ำเปล่ามาให้ครูขวดหนึ่ง พอเดินกลับมาก็เห็นครูนั่งยิ้มอยู่ในห้อง ยิ้มตรงมุมปากนั่นแหละ ผมเลยเอาน้ำไปให้ครู ครูหยิบรูปมาให้ผมใบหนึ่ง ผมมองแล้วหน้าร้อนวาบเลย เพราะเป็นรูปผมอีกแล้วล่ะ ครูวาดกับดินสอ รูปผมตอนกำลังชู้ตบาสฯ ผมเงยหน้ามองครูหลังจากนั้น แล้วถามครูว่า ครูไปดูผมเล่นบาสฯเมื่อไหร่ ทำไมผมไม่เคยเห็นครูเลย ครูบอกว่าเดินผ่านตอนงานกีฬาสี โครงสร้างผมสวยดีเลยกลับมาสเก็ตช์เอาไว้ ผมเห็นวันที่ที่ลงเอาไว้ใต้ภาพแล้วพยักหน้า ใจเต้นแรงขึ้นมาตอนนั้นเลย เพราะครูวาดผมครบทั้งตัวเลย มีวาดคนอื่นด้วยนะ ที่อยู่ข้างๆ ผมว่าสมองครูเหมือนกล้องถ่ายรูปแล้วล่ะ ครูบอกว่าให้ เก็บไว้ดีๆ นะ ผมเลยเก็บใส่แฟ้ม แล้วคิดว่าคงต้องซื้อแฟ้มใหม่สักแฟ้มเอามาใส่งานที่ครูวาดให้แล้วล่ะ
----------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 27-06-2011 10:14:20
   10 พฤศจิกายน 254x
   ลอยกระทงปีนี้ผมมีคนฝากกระทงมาลอยด้วยล่ะ ของครูพิสุทธิ์นั่นแหละ ครูบอกว่าไม่อยากลอยในกะละมังที่บ้านแล้ว ฝากผมไปลอยหน่อยแล้วกัน ผมไม่รู้ว่าครูพูดจริงหรือพูดเล่นนะ เรื่องลอยในกะละมังน่ะ เพราะหน้าครูเวลาจะปล่อยมุขนี่ผมขำไม่ออกทุกทีเลย แต่ผมก็เอามาลอยให้ครูล่ะ ผมว่าครูทำกระทงเอง เพราะพับใบตองสวยมาก ทำเรียบร้อย เนี๊ยบดี ส่วนผม ทำลวกๆ เอาในคาบเรียน เอาแค่ไม่ต้องเสียเงินซื้อก็พอแล้ว ของพี่นพพี่นัททำมาเผื่อ กะว่าปีนี้ถ้าไฟไหม้จะได้มีเพื่อน แต่พี่นัทไม่ทำกระทงกระดาษแล้ว คราวนี้ทำกระทงข้าวเกรียบ เพื่อนๆ แซวว่า ล่มแน่ๆ ลงน้ำคงยวบ พี่นัทก็เถียงว่าไม่ล่ม เพราะทำฐานมาเป็นขนมปัง แต่พอลอยจริงปรากฏว่าท่าทางขนมปังของพี่นัทจะหนักไป น้ำมันเลยท่วมถึงข้าวเกรียบด้านบน เหี่ยวเลยล่ะ พี่นพเลยบอกว่านัท ปีหน้ากูจะทำกระทงมาเผื่อมึงเอง พี่นัททำหน้าเซ็งๆ แล้วบอกว่าก็ได้ หยวนให้ปีหนึ่ง เพื่อนๆ ขำกันใหญ่เลย ของผมเอียงนิดหน่อย แต่ไม่ล่มนะ ส่วนของครูพิสุทธิ์ ลอยไปไกลมาก เพิ่งลอยไปแป๊บเดียวก็ลอยหายไปไหนแล้วไม่รู้ ผมอธิฐานให้กระทงพาเรื่องร้ายๆ ออกไปจากชีวิตครูด้วย ขอให้ครูอาการดีขึ้น แต่ไม่รู้กระทงจะช่วยได้รึเปล่านะ เพราะโรคที่ครูเป็นรักษาไม่หายนี่สิ
-------------------------------------------------
   21 พฤศจิกายน 254x
   วันนี้ครูพิสุทธิ์ไปถ่ายเลือด ผมไปที่ห้องพักไม่เจอครูเลยถามครูคนอื่นดู พอครูกลับมาหน้าตาก็ดีขึ้น ผมเลยถามว่าผมถ่ายเลือดให้ครูได้บ้างรึเปล่า ครูยิ้มๆ แล้วบอกว่าไม่ต้องหรอก จะถ่ายเลือดมันต้องตรวจดูว่าเลือดเข้ากันได้รึเปล่า วุ่นวาย ครูรบกวนผมแค่นี้ก็พอแล้ว แต่ผมว่าครูไม่ได้รบกวนอะไรผมเลยนะ ผมนี่แหละ รบกวนครูมากไปรึเปล่า
--------------------------------------------------
   10 ธันวาคม 254x
   วันรัฐธรรมนูน เอ้เลยชวนผมไปอัดเสียง ไม่เกี่ยวกันสักนิดเลยใช่ไหมล่ะ แต่ก็เป็นวันหยุดล่ะนะ ห้องอัดเสียงไม่ใช่ที่ไหนไกล ห้องมันเอง คบกันมันมาจะสองปีผมเพิ่งได้มาห้องมันนี่แหละ รกน่าดู หนักกว่าห้องผมอีก ผมต้องแหวกๆ ทางเอา เราไปนั่งกันบนเตียง เพราะมีแค่บนเตียงที่พอจะนั่งได้ เอ้มันอัดเสียงกับเครื่องเล่นเอ็มพีสามเครื่องเดิมของมันนั่นแหละ พอมันเริ่มเล่นกีต้าร์ ผมก็เริ่มร้อง ร้องจบก็มาเปิดฟัง ผมเพิ่งได้ฟังเสียงตัวเองเป็นครั้งแรก ฟังแล้วก็ขนลุกดีนะ เสียงใครเนี่ย เหมือนจะเพราะเลย ถ้าไม่คิดว่าเป็นเสียงผมเองนะ เอ้บอกลองอีกรอบ เราร้องเพลงอัดเสียงกันอยู่จนเย็น เลยออกมากินข้าว แล้วผมก็ซ้อนมอเตอร์ไซค์เอ้กลับมาที่บ้าน
------------------------------------------------------
   31 ธันวาคม 254x
   จะปีใหม่อีกแล้ว ปีๆ หนึ่งนี่เร็วจริงๆ ผมได้โปสการ์ดปีใหม่จากพี่แนนด้วยล่ะ เป็นรูปแมวอีกแล้ว พี่หนิงพาลูกมาเยี่ยม เห็นว่าปีใหม่นี้จะไปเที่ยวฮ่องกงกัน ถามว่าผมจะฝากซื้ออะไรมั้ย ผมบอกว่าถ้ามีของแห้งอร่อยๆ ซื้อมาฝากผมกับพี่นพก็ดี พี่หนิงขำ แล้วบอกว่าเดี๋ยวจะซื้อกลับมาฝากเยอะๆ เพราะรู้ว่าทั้งผมทั้งพี่นพทำกับข้าวไม่ได้เรื่องด้วยกันทั้งคู่
   เออ มีข่าวดี ผมเพิ่งรู้เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เองว่าพี่นพมีแฟนแล้ว แหม มีแล้วแอบปิดผม ถ้าพี่นัทไม่เล่านะผมไม่รู้แน่ๆ เห็นว่าเป็นเพื่อนที่ทำงาน เดี๋ยวปีหน้าผมต้องหาโอกาสไปดูหน้าว่าที่พี่สะใภ้แล้ว พี่นพไม่เคยมีแฟนมาก่อน ไม่แน่นะคนนี้อาจจะได้เป็นพี่สะใภ้ผมเลยก็ได้ อยากเห็นหน้าจัง แต่จะขอดูรูปจากพี่นพก็ไม่กล้า ผมว่าพี่นพไม่ให้ดูแน่ เล่นปิดผมขนาดนี้คงไม่ยอมให้ดูง่ายๆ หรอก ไม่รู้จะหวงอะไรนักหนา หรือว่ายังจีบอยู่ก็ไม่รู้สิ
   ผมแอบนินทาพี่นพในสมุดบันทึกอีกแล้ว แต่พี่นพคงไม่มาเปิดอ่านหรอก ปีนี้ผมไม่รู้จะอธิฐานอะไร เพราะทุกคนดูจะมีความสุขกันดีทั้งนั้น ผมเองก็สูงร้อยแปดสิบห้าเข้าไปแล้ว ชักเริ่มกลัวๆ แล้วล่ะว่าจะชนประตู เดี๋ยวจะได้ไปถอนวิชาครูพิสุทธิ์จริงๆ ผมอธิฐานให้พี่หนิงเดินทางปลอดภัย แล้วอธิฐานให้ครูพิสุทธิ์อาการดีขึ้น แอบอธิฐานหน่อยหนึ่งว่าให้ครูวาดรูปให้ผมต่ออีกสักนิด อย่าเพิ่งเบื่อหน้าผมไปก่อนนะ
-------------------------------------------------
   3 มกราคม 254x
   เปิดเทอมมาหลังปีใหม่ผมก็รู้ว่าครูพิสุทธิ์เข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว เราสามคนที่ยังลงเรียนวิชาแกอยู่เลยขนกันไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล
   ครูนอนอยู่บนเตียง ตัวซีดอีกแล้ว ผมเจอคู่หมั้นครูที่ครูเคยเล่าให้ฟังด้วยล่ะ เป็นผู้หญิงที่ดูดีมากเลย ไม่แต่งหน้า แต่ก็สวย ผมเห็นแล้วสงสารขึ้นมาทันทีเลย เสียดายด้วยที่ครูไม่ชอบผู้หญิง เพราะดูแล้วน่าจะเป็นคู่ที่เหมาะกันมาก พอเห็นพวกผมมา เธอเลยเดินออกไป ปล่อยให้ครูได้คุยกับลูกศิษย์
   เราสามคนซื้อรังนกมาฝากครูกระเช้าใหญ่ แล้วพบว่ามีกองอยู่แล้วเป็นโหลๆ เลย ครูเลยรับของเราไว้แล้วยกของคนอื่นให้เราแทน บอกเอาไปแบ่งกันกิน ครูกินคนเดียวไม่ไหวแล้ว เอ้ถามว่าครูเป็นอะไรมากรึเปล่า จะกลับไปสอนไหวไหม ครูบอกว่าไม่เป็นไร พอดีตอนปีใหม่พยายามไปเคาน์ดาวน์กับเขา ก็เลยวูบกะทันหัน ผมล่ะเหนื่อยใจกับครูจริงๆ ครูนี่ปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้เลย
----------------------------------------------
   26 มกราคม 254x
   ครูพิสุทธิ์กลับมาสอนที่โรงเรียนได้แล้ว กระจกที่ครูวาดไว้วันก่อนถูกเอามาติดเอาไว้ตรงกำแพง ใกล้ๆ กับห้องพักครูนั่นแหละ ครูเพิ่งให้คนเข้ามาติดวันนี้นี่เอง ผมคิดว่าครูจะเอาไปทำนิทรรศการเสียอีก มีเด็กๆ มาดูกระจกที่ครูวาดเยอะแยะเลย ส่วนใหญ่ดูแล้วชอบนะ บางคนเอากล้องมาถ่ายไว้ด้วย ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าที่โรงเรียนมีงานครูประดับเอาไว้หลายชิ้นเหมือนกัน ที่หอประชุมก็มี ท่าทางครูคงชอบวาดภาพมาแต่เกิดเลยล่ะมั้ง
   วันนี้ผมถามครูว่า ขับรถยากมั้ย ครูบอกว่าไม่ยาก ถามทำไม ผมเลยบอกว่าเดี๋ยวผมจะไปหัด จะได้ขับรถไปรับไปส่งครู ครูก็หัวเราะหึๆ อีกแล้ว แล้วบอกว่าไม่อยากถูกตำรวจจับ เพราะอายุผมยังไม่ถึงจะทำใบขับขี่ ผมเลยหน้าม้านไปเลย แต่ไม่ยอมเสียหน้านะ เลยบอกครูว่า เอางี้ ครูอยากไปไหนใกล้ๆ เดี๋ยวผมขี่จักรยานไปส่ง ครูเลยหันมาถามว่าผมมีจักรยานหรือไง ผมบอกว่ายัง แต่ถ้าครูจะซ้อนเดี๋ยวผมไปซื้อ ครูเขกหัวผมทีหนึ่งแล้วบอกว่าครูไม่อยากซ้อนผมแล้วล้มทั้งคู่ ครูนี่ดักคอผมได้ทุกเรื่องจริงๆ
---------------------------------------------------
   14 กุมภาพันธ์ 254x
   วาเลนไทน์ปีนี้ ผมมีรุ่นน้องผู้ชายเอาดอกกุหลาบมาให้ช่อใหญ่ด้วยล่ะ พี่นพรู้ปวดหัวตายแน่ ผมไม่กล้าเอากลับบ้านนะ เพราะช่อใหญ่สุดๆ เอากลับไปพี่นพถามแน่นอน ถ้าผมบอกว่าผู้หญิงคงต้องบอกอีกว่าผู้หญิงคนไหน ไม่เอาล่ะ ผมไม่อยากโกหกเป็นมหากาพย์ขนาดนั้น
   ผมนึกขึ้นได้ว่าที่ห้องพักครูศิลปะมีแจกันอันใหญ่อยู่ เอาดอกไม้ไปเสียบไว้น่าจะพอดี ผมเลยแวะไป ตอนแรกผมก็ว่าจะลองซื้อดอกไม้ไปให้ครูบ้างนะ แต่ครูพิสุทธิ์ไม่สนวาเลนไทน์ ครูบอกว่าฝรั่งยังไม่เห่อเท่าคนไทยเลย เทศกาลประจำชาติก็ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นวาเลนไทน์สำหรับครูก็เหมือนทุกวันนั่นแหละ ผมเลยเปลี่ยนใจไม่ซื้อไปดีกว่า แต่ก็ต้องหอบดอกกุหลาบไปหาครูอยู่ดี
   แต่วันนี้ผมเห็นมีดอกไม้หลายดอกวางอยู่บนโต๊ะครูล่ะ สงสัยจะเด็กผู้หญิงเอามาให้ เพราะเพิ่งเห็นเดินออกไป ครูก็มีคนปลื้มเยอะเหมือนกันนะเนี่ย แต่ไม่เป็นไร ผมไม่กลัวคู่แข่งหรอก เพราะผมไม่คิดจะแข่งกับใครอยู่แล้ว ครูเห็นผมถือดอกไม้มาแล้วยิ้มอีก ผมเลยรีบบอกว่าผมไม่ได้เอามาให้ครูนะ มีคนให้ผมมาอีกที ครูก็พยักหน้าแล้วบอกว่าหาที่ทิ้งอยู่ล่ะสิ ผมบอกว่าเปล่า ผมไม่อยากเอากลับบ้านเพราะเด็กผู้ชายให้มา เลยว่าจะเอามาใส่แจกันที่ห้องครู ครูขำหึๆ แล้วบอกว่าเอาที่อยู่บนโต๊ะครูไปใส่ด้วย ผมเลยนั่งจัดแจกันอยู่จนเกือบหมดคาบพักเที่ยง เสร็จแล้วก็ลาครูกลับไปเรียน
----------------------------------------------------
   2 มีนาคม 254x
   จะสอบปลายภาคอีกแล้ว ครูพิสุทธิ์สั่งงานพิสดารเช่นเคย คราวนี้ให้เราวาดสถานที่ในจินตนาการมา ต้องเป็นภาพสีด้วยนะ ผมเลือกสีน้ำ เพราะเสร็จไวดี เอ้ก็ใช้สีน้ำ ส่วนเชษฐ์เลือกสีไม้ล่ะ เอ้วาดห้องดนตรี ส่วนเชษฐ์วาดป่าหิมพานต์ในฝันของมัน ส่วนผม นึกช้าเหมือนเคย สุดท้ายเลยวาดบันได ไม่รู้สิ ผมอาจจะนึกไม่ตรงหัวข้อก็ได้ แต่บางทีผมก็รู้สึกเหมือนชีวิตผมกำลังปีนบันไดที่คดๆ เคี้ยวๆ ชันบ้างเตี้ยบ้าง บางทีก็กลับหัวล่ะ
   ส่งงานแล้วครูพิสุทธิ์ก็ใช้ให้ผมไปซื้อน้ำให้แกอีก กลับมาคราวนี้ผมได้รูปวาดจากครูอีกแล้ว เป็นรูปผมตอนจัดดอกกุหลาบล่ะ ผมบอกว่าครูวาดผมหล่อเกินไปนะเนี่ย ครูบอกว่า ไม่เป็นไร ครูอยากวาด ถ้าชอบก็เอาไป ผมเลยบอกครูว่าผมอยากจะทำอะไรให้ครูบ้าง ครูเลยชี้ไปที่ขวดน้ำแล้วบอกว่านั่นล่ะ ครูนี่มักน้อยจังแหะ สงสัยผมคงต้องพยายามจะทำอะไรให้ครูด้วยตัวเองซะแล้ว
---------------------------------------------------
   4 เมษายน 254x
   ผมมาช่วยครูกาญคุมสอบเด็กที่จะเข้าม.4ปีนี้ เลยแวะไปดูที่ห้องพักครูศิลปะอีกตอนพักเที่ยง เผื่อเจอครูพิสุทธิ์ทำอะไรแปลกๆ อีก ผมรู้สึกว่าครูชอบมาโรงเรียนนะ ถึงสุขภาพครูจะไม่ค่อยดีก็เถอะ สงสัยครูจะเหงาเหมือนครูต้าล่ะมั้ง แล้วผมก็เจอครูนั่งหลับอยู่ในห้องพักครู หน้าครูซีดจนผมกลัวครูจะตายล่ะ เลยเอามือแตะๆ จมูกครูดู ครูก็รู้สึกตัวตื่นเลยลืมตาขึ้นมา ผมรีบบอกขอโทษครูที่ทำให้ครูตื่น ครูยิ้มที่มุมปากแล้วถามผมว่ากลัวครูจะตายหรือ ผมเลยพยักหน้า ครูยิ้มอีกแล้วถามว่าผมมาโรงเรียนทำไม ผมบอกว่ามาช่วยครูกาญคุมสอบ แล้วถามครูว่าครูมาทำไม ครูบอกว่ามาเผื่อจะได้เจอผม ผมเขินนะ ครูคงชอบผมแหละ ทำไมครูไม่ยอมบอกผมตรงๆ ก็ไม่รู้ ผมคิดมากของผมนะเนี่ย ผมเลยบอกครูว่าถ้าอยากเจอผมครูโทรหาผมก็ได้ พี่นพซื้อมือถือให้ผมแล้วนะ บอกว่าจะได้ติดต่อกันสะดวกๆ ร่างกายครูไม่ค่อยดีอยู่ด้วย ให้ผมออกไปหาครูก็ได้
   ครูเลยถามว่างั้นตอนนี้ว่างรึเปล่า ไปทานข้าวกับครูหน่อย ผมบอกว่าว่าง เราเลยเดินไปที่รถครูกัน ครูเดินเร็วอีกแล้วล่ะ ผมกลัวครูจะล้มหน้าทิ่มจริงๆ เลยไปเดินข้างๆ ครูรู้ทันอีก บอกว่าครูไม่ล้มหรอก เดินเองได้ แหม.. ก็ร่างกายครูมันชวนให้น่าเป็นห่วงนี่นา
   แต่คราวนี้ไม่ใช่รถเบนซ์แหะ เป็นรถจักรยาน ครูบอกยืมครูอีกคนหนึ่งมาก่อน อยากลองนั่งจักรยานดูบ้าง ผมยิ้มเลยนะ โม้กับครูไปว่าผมปั่นเก่งนะ ครูไม่ต้องกลัวตกหรอก ครูบอกไม่เป็นไร ขาครูยาว เดี๋ยวครูรีบกระโดดลงก่อน จากนั้นเราก็ปั่นจักรยานกันไปกินข้าวตรงร้านอาหารใกล้ๆ โรงเรียนนั่นแหละ แดดร้อนนะ ครูเลยกางร่ม กางให้ผมด้วย ผมเลยบอกครูว่า จับเอวผมไว้นะ เผื่อครูหน้ามืด จะได้มีที่เกาะ ครูก็หัวเราะหึๆ อีก แต่ก็จับเอวผมไว้ล่ะ ผมมีความสุขจัง   
   ตอนนั่งกินข้าว ครูถามว่าทำไมผมไม่หาแฟน หน้าตาก็ดี แถมยังวัยรุ่น วัยรุ่นขนาดนี้ส่วนใหญ่ต้องอยากมีแฟนกันไม่ใช่เหรอ ผมเลยบอกครูว่าผมเป็นอะไรไม่รู้ ชอบคนอายุเยอะกว่าทุกที ก่อนหน้านี้ผมก็ชอบครู ตอนนี้ผมก็ชอบครูอีกแล้ว ครูมองผมแล้วหัวเราะหึๆ บอกว่าผมคงมีดวงกับคนมีอายุ จากนั้นก็ขอดูมือผม บอกว่าจะดูดวงให้ ผมไม่เคยดูดวงนะ แต่ครูบอกจะดู ผมก็ให้ครูดู มือครูนุ่มจริงนะ สงสัยจะเพราะจับแต่พู่กันล่ะมั้ง ครูเขม่นมองมือผมอยู่พักหนึ่ง ผมเคยเห็นครูทำหน้าแบบอื่นนอกจากหน้าง่วงนอนก็วันนี้แหละ จากนั้นครูก็ยิ้มแล้วบอกว่า ดวงผมสงสัยจะได้คู่อายุมากโข ผมบอกว่าไม่แน่นะอาจจะเป็นครูก็ได้ ครูขำหึๆ แล้วบอกว่าไม่มีทาง ครูจะแต่งงานแล้ว คู่ผมต้องอายุเยอะกว่าผมหลายปี อย่างครูยังแก่ไม่พอหรอก
   ผมหน้ายุ่งเลยนะ บอกครูว่า ผมไม่ชอบคนรุ่นพ่อหรอกนะ ผมไม่ได้พิสวาสรอยตีนกานะครู ครูก็ขำอีก บอกว่าถึงเวลาก็จะเจอเองนั่นแหละ ตอนนี้ยังไม่เจอก็อย่าเพิ่งเดือดร้อนเลย ผมเศร้าสุดๆ บอกครูว่าอย่างนั้นผมไม่เจอดีกว่า จะขอครองตัวโสดไปตลอดชีวิต
   ครูก็ขำๆ ไม่พูดอะไร พอกินข้าวเสร็จเราก็ปั่นจักรยานกลับ ตอนจอดจักรยานผมเห็นว่าผมครูยุ่งน่าดูสงสัยจะเพราะลมพัด ผมเลยบอกครูว่าครูน่าจะตัดผมนะ เพราะเลือดครูไม่ค่อยดี ผมเลยเสียเยอะ ให้เลือดมันไปเลี้ยงส่วนอื่นบ้าง ครูบอกว่าไม่อยากตัด ครูชอบผมยาว แหม.. ครูดื้อจริงๆ ผมเลยบอกว่างั้นก็เล็มออกหน่อย หวีบ่อยๆ ครูบอกว่าหวีแล้วมันก็ร่วง ผมนึกเลยนะว่าแล้วครูจะไว้ทำไมกัน แต่เอาเถอะ ครูแปลกแบบนี้ คงต้องปล่อยครูไปล่ะ จากนั้นผมเลยลาครูไปช่วยครูกาญคุมสอบต่อ
   แต่ผมว่าผมคงต้องทำอะไรสักอย่างกับผมของครูล่ะ
-----------------------------------------------
   16 เมษายน 254x
   วันนี้ไปเดินห้างฯ เห็นเขามีงานขายสินค้า เจอหวีไม้แบบที่ช่วยรักษาเส้นผมด้วยล่ะ ผมกับพี่นพลองแล้วเห็นว่าดีจริง เลยซื้อมาสองอัน เผื่อส่งไปให้พี่แนนที่แคนนาดาด้วย เพราะพี่แนนก็ไว้ผมยาว ผมนึกขึ้นได้ว่าครูพิสุทธิ์ก็ผมยาว แถมเสียอีกต่างหาก เลยซื้ออีกอันเผื่อครูด้วย พี่นพถามอีกแล้วว่าเผื่อใคร ผมเลยบอกว่าเผื่อครูที่รู้จักกัน เพราะแกผมไม่ดีแต่ชอบไว้ผมยาว พี่นพทำหน้าสงสัยแล้วถามต่อว่าไม่ได้จีบครูอีกนะ ผมรีบสั่นหัวเลย แหม...ผมเองยังไม่รู้เลยว่าใครจีบใคร จีบอยู่รึเปล่าก็ไม่รู้นี่ เลยบอกว่าครูคนที่พาไปส่งเย็บแผลกับที่ให้ยามาวันก่อนน่ะ พี่นพเลยพยักหน้า บอกว่างั้นพี่ช่วยซื้อ เพราะครูแกมีบุญคุณอยู่ ผมไม่อยากบอกพี่นะว่าคราวนี้ผมไม่ได้จีบครูหรอก ผมชอบครูเลยต่างหาก
---------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปอีกจ้ะ P18 26/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 27-06-2011 10:14:41
   22 เมษายน 254x
   ผมแวะไปที่โรงเรียน จะเอาหวีไปให้ครู ซื้อมาแล้วก็อยากให้ครูได้ใช้นะ แต่ไม่รู้บ้านครูอยู่ไหน แถมเบอร์โทรครูผมก็ไม่ได้ขอไว้อีก ผมเจอครูคนอื่นนะ เพราะครูมาจัดการเรื่องข้อสอบของเด็กม.4ปีนี้ แต่ไม่เจอครูพิสุทธิ์ ผมกลัวว่าแกจะเข้าโรงพยาบาลอีก เลยไปถามเบอร์โทรครูกับครูกาญ ครูกาญบอกว่าครูพิสุทธิ์ไม่พกโทรศัพท์มือถือ แล้วเบอร์บ้านครูก็ไม่มี ถามว่าผมจะธุระอะไรกับครูหรือเปล่า ผมเลยบอกว่าเปล่า
   ผมกลับบ้านมาโดยยังไม่ได้เอาหวีให้ครูเลย เดี๋ยวเปิดเทอมผมขอเบอร์โทรกับที่อยู่ครูไว้ดีกว่า เผื่อจะได้ไปเยี่ยมครูบ้าง
--------------------------------------------------
   7 พฤษภาคม 254x
   ได้เอาหวีมาให้ครูเสียที เหมือนครูเล็มผมออกนิดหน่อยด้วยล่ะ พอครูเห็นผมเอาหวีมาให้ก็ยิ้มๆ แล้วบอกว่าจะหวีให้ด้วยรึเปล่า ผมก็พยักหน้านะ เพราะยังไงก็ตั้งใจจะหวีให้อยู่แล้ว แถมวันนี้ผมก็ว่าง ขึ้นม.6แล้วคาบว่างเพียบเลย เห็นครูบอกว่าเขาปล่อยให้ไปอ่านหนังสือเตรียมสอบกัน
   หวีแล้วผมครูลื่นขึ้นหน่อยหนึ่งจริงนั่นแหละ ผมเลยบอกครูว่าหวีบ่อยๆ นะ ผมจะได้ไม่ร่วง เพราะคราวนี้หวีแล้วไม่ร่วงเท่าคราวก่อน ครูบอกว่าแปลกดี ครูมีหวีไม้หลายอัน แต่อันนี้หวีแล้วผมไม่ร่วง ผมเลยรีบบอกเลยว่าเพราะงั้นครูหวีบ่อยๆ นะ ผมครูจะได้สวยๆ ครูยิ้มนิดๆ แล้วพูดเปรยๆ ว่าอยากให้ผมหวีให้ตลอดไปเลยน่ะ ผมบอกว่าถ้าทำได้ผมก็อยากจะทำอย่างนั้นนะ ครูเลยหัวเราะหึๆ แล้วสั่นหัว ทั้งผมและครูรู้แล้วล่ะว่าคงเป็นไปไม่ได้หรอก แต่ผมก็มีความสุขนะ คิดว่าครูก็คงมีความสุขเหมือนกัน เพราะเวลาผมหวีผมให้ ครูแอบยิ้มนิดๆ ตลอดเลยล่ะ
-------------------------------------------------
   24 พฤษภาคม 254x
   อาจารย์เริ่มพูดกับพวกเราอย่างจริงจังแล้วว่าเราควรจะเลือกคณะที่สอบและดูคะแนนให้ดี แล้วบอกว่าปีที่แล้วรุ่นพี่ของพวกเราสอบติดมหาวิทยาลัยเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ปีนี้เราก็ต้องรักษาสถิติเอาไว้ หวังว่าผมคงจะสอบติดกับเขาเหมือนกันล่ะนะ แต่ผมยังไม่รู้เลยว่าจะเลือกคณะอะไร
   เอ้เลือกคณะได้แล้ว บอกว่าจะเข้านิเทศศิลป์ ผมก็ว่าเหมาะกับมันดีนะ ส่วนเชษฐ์จะเข้าจิตรกรรม สองคนนี้ถามผมอีกว่าผมจะสอบเข้าคณะอะไร ผมก็บอกว่ายังไม่รู้ เอ้เลยบอกว่าผมน่าจะไปคุยกับอาจารย์แนะแนวดู อาจจะมีแนวทางก็ได้ ผมก็ตอบไปว่าผมจะไปถาม
   เทอมนี้วิชาครูพิสุทธิ์มาถึงตัวที่ห้าแล้ว ครูไม่สั่งงานแปลกๆ แล้วล่ะ แต่เริ่มบรรยายทางวิชาการ เพราะรู้ว่าเอ้กับเชษฐ์จะสอบเข้าคณะอะไร ผมว่าครูเป็นครูที่ดีเลยนะ เชษฐ์กับเอ้เลยปลื้มใหญ่ บอกว่าไม่เสียใจเลยที่ลงเรียนกับครู
   เลิกคาบครูใช้ให้ผมไปซื้อน้ำอีกแล้ว ครูให้ผมซื้อน้ำจนเอ้กับเชษฐ์รู้แล้วว่าครูมีธุระกับผมแค่สองคน หลังๆ นี่พอเลิกเรียนแล้วสองคนนี่เลยกลับก่อน เหลือผมกับครูพิสุทธิ์สองคน
   ผมได้หวีผมให้ครูอีกแล้วล่ะ จริงๆ ผมบังคับครูหวีล่ะ เพราะเห็นแล้วทนไม่ได้จริงๆ ครูก็ยอมให้ผมหวีนะ ผมว่าผมครูนุ่มขึ้นแล้ว เล็มออกอีกนิดน่าจะดี ครูก็บอกว่าหยิบกรรไกรมาเล็มออกไปเลย แต่อย่าให้แหว่งนะ ผมเลยเล็มออกหน่อยๆ แล้วหวีให้ครูใหม่ หวีเสร็จครูก็มีรูปวาดให้ผมอีกแล้ว คราวนี้เป็นรูปครึ่งตัวของผมที่มีเส้นเถาไม้เลื้อยพาดอยู่ ผมว่าครูพยายามจะวาดรูปผมในกระจกที่ครูเพนต์ล่ะ แต่รูปนี้ผมว่าไม่เหมือนนะ ผมหันไปยิ้มๆ กับครู แล้วบอกครูว่า ครูไปดูผมส่องกระจกไหม ครูทำหน้างงๆ ผมเลยบอกว่าครูวาดตาผมไม่เหมือนนะ ตอนมองกระจกครูน่ะ ครูดูอึ้งๆ ผมเลยดึงมือครูขึ้นมา ครูผอมนะ แต่มือนุ่มมากเลย ครูบอกใจเย็นๆ เดี๋ยวครูลุก แล้วครูก็ค่อยๆ ลุก ยืนอยู่สักพัก สงสัยจะหน้ามืด งี้แหละครูถึงไม่ค่อยลุกไปไหน ขนาดข้าวยังห่อมาทานที่ห้องพักเลย
   ครูลุกขึ้นได้ ก็เดินตามผมมาที่กระจก ตอนนั้นเย็นมากแล้วล่ะ เด็กไม่ค่อยมีแล้ว ผมมายืนหน้ากระจกแล้วเห็นครูยืนอยู่ด้านหลัง เลยยิ้มให้ครูนะ บอกว่าตาผมเวลามองกระจกครูเป็นแบบนี้ ผมเห็นครูขยับปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแทน ยิ้มที่มุมปากอย่างที่ครูเคยทำประจำนั่นแหละ จากนั้นครูก็บอกว่าเดี๋ยวครูจะวาดให้ใหม่ ผมเลยบอกว่าไม่เป็นไร ครูวาดแล้วผมก็จะเก็บรูปนั้นไว้แหละ แต่เผื่อครูอยากวาดใหม่ ถ้าครูวาดใหม่ครูเก็บไว้นะ เพราะเป็นรูปที่ผมมองกระจกของครู
   ครูพิสุทธิ์ยืนนิ่งไปสักพัก ผมเลยขยับเข้าไปใกล้ครู เรามองตากันพักหนึ่งนะ จากนั้นผมก็จับมือครู แล้วครูก็เอาหน้าซบไหล่ผม เราไม่ได้พูดอะไรกันเลย แต่ผมรู้สึกอุ่นๆ และเจ็บในอกยังไงไม่รู้
   คงเพราะทั้งผมทั้งครูต่างก็รู้กันว่ารักครั้งนี้มันมีเวลาจำกัดล่ะมั้ง
-------------------------------------
   6 มิถุนายน 254x
   วันนี้ฝนตกหนักสุดๆ ผมเลยไม่ได้ออกไปโรงเรียน อยู่บ้านกับพี่นพ เพราะรถติดขนาดหนัก ออกไปก็คงจะถึงบ่ายกันทั้งคู่ พอเลยเที่ยงนิดๆ มีเมสเสจเข้าเครื่องผมล่ะ ของครูพิสุทธิ์ บอกว่าฝนตกระวังสุขภาพด้วยนะ ผมเลยตอบครูไปว่าครูระวังตัวเองนะครับ อย่าเข้าห้องน้ำเปลี่ยวๆ อีกล่ะ
---------------------------------------------
   8 กรกฏาคม 254x
   พักนี้ ผม เอ้ เชษฐ์ มีกิจกรรมใหม่ เพราะพวกเรามีคาบว่างตรงกันหลายคาบ เชษฐ์เลยเอาเกมอูโนมาเล่นที่โรงเรียน แบบที่เป็นตัวต่อสี่เหลี่ยมๆ ซ้อนกันแล้วต่างคนผลัดกันดึง ใครทำล้มแพ้น่ะ ตอนแรกเล่นกันสามคนนะ ตอนหลังมีคนมาร่วมวงกันอีกเพียบเลย เล่นกันแถวๆ หน้าห้องพักครูศิลปะนั่นแหละ เพราะโล่งดี ส่งเสียงดังแล้วไม่ค่อยมีใครมาดุ
   วันนี้เราก็มาเล่นกันอีก แต่คราวนี้ครูพิสุทธิ์เดินออกจากห้องแล้วมาเล่นกับพวกเราด้วยล่ะ เอ้บอกว่าครูครับ พวกผมไม่ต่อให้ครูนะ ถึงจะรู้ว่าครูหน้ามืดง่ายก็เถอะ ครูหัวเราะหึๆ ไม่พูดอะไร เออ แต่ครูมือนิ่งสุดๆ เลยล่ะ แถมชอบหยิบตัวที่หวาดเสียวๆ ส่วนผมนะ ขนาดหยิบตัวที่ดูจะหยิบง่ายที่สุดแล้ว ยังทำล้มอยู่บ่อยๆ เลย เอ้บอกว่าเดี๋ยวต้องปรับให้ผมเลี้ยงน้ำ ค่าที่มือหนัก โธ่ ใครมันจะไปมือเบาเหมือนครูล่ะ
------------------------------------------------------
   1 สิงหาคม 254x
   วันนี้ครูพิสุทธิ์สอนดรอว์อิงล่ะ พอแกเห็นว่าผมไม่สอบทางนี้ เลยให้ผมเป็นนายแบบ บอกว่าเดี๋ยวมีคะแนนให้ ค่าวิทยาทาน ผมแอบเขินนะ เพราะต้องถอดเสื้อออก เหลือแต่กางเกงนักเรียน เอ้กับเชษฐ์ก็เกลี้ยกล่อมผมใหญ่ บอกว่าผมหุ่นดี เหมาะเป็นนายแบบวาดเส้นสุดๆ แล้ว สุดท้ายผมเลยยอมตกลง แต่พอถึงเวลาจริงนะ คนมาวาดไม่ได้มีแต่เอ้กับเชษฐ์นะ มีนักเรียนจากอีกกลุ่มมาวาดด้วย แถมมีน้องม.4 ม.5ที่ลงเรียนของครูอีกคนมาวาดด้วย ผมโคตรเขินเลย ครูนี่ใช้ผมคุ้มจริงๆ
   ครูให้เวลาวาดหนึ่งชั่วโมง เท่ากับเวลาที่ใช้สอบจริง แปลว่าผมต้องนั่งเปลือยท่อนบนบนเก้าอี้อยู่ชั่วโมงหนึ่งเต็มๆ นั่งไปบ่นครูในใจไปนะ ว่าครูไม่หึงผมบ้างหรือไง ให้ผมถอดเสื้อแล้วให้คนอื่นวาดรูปเนี่ย เหลือบไปมองก็เห็นครูนั่งหลับอีกแล้ว ผมล่ะไม่เข้าใจครูจริงๆ ว่าครูคิดยังไงกับผมกันแน่ ถ้าเปลี่ยนกันผมว่าผมหึงครูนะ มีเด็กผู้หญิงเดินผ่านมาแล้วชี้ผมด้วยล่ะ ไม่รู้พูดอะไรกัน แต่ผมเขินสุดๆ เลยล่ะ
   พอหมดเวลาผมรีบใส่เสื้อ พวกน้องๆ ขอบคุณผมใหญ่ ส่วนครูก็ตื่นมาตอนส่งงานนั่นแหละ ตื่นมาแล้วยิ้มที่มุมปากให้ผมอีกแน่ะ ผมไม่รู้ว่าครูจะวาดรูปผมตอนถอดเสื้อรึเปล่า แต่ครูหลับตลอด คงไม่วาดหรอกมั้ง
----------------------------------------------------
   14 สิงหาคม 254x
   ผมเดาผิดที่คิดว่าครูจะไม่วาดรูปเปลือยท่อนบนของผม เพราะวันนี้พอผมไปซื้อน้ำมาให้ครูตามปกติ ครูก็ให้รูปผมอีกแล้ว เป็นรูปวันนั้นล่ะ แต่เป็นตอนผมกำลังถอดเสื้อ ผมทั้งเขินทั้งเคืองครูเลยนะ เลยเหน็บครูไปว่าครูไม่หึงผมบ้างหรือไง ให้ผมถอดเสื้อให้คนอื่นดูแบบนั้นน่ะ ครูแค่ยิ้มที่มุมปาก แต่ไม่ตอบอะไร ผมอยากกระโดดกัดครูจริงๆ เลยบอกครูว่า วันหลังครูจะวาดรูปเปลือยผมเลยมั้ย ครูยิ้มๆ แล้วบอกว่าถ้าผมกล้าถอดครูก็กล้าวาด แต่ผมไม่กล้าถอดจริงๆ หรอก กลัวของขึ้นต่อหน้าครูน่ะ
------------------------------------------------------
   9 กันยายน 254x
   ต้องซื้อไปสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ผมกับพี่นพปรึกษากันใหญ่ ดูพี่นพจริงจังอย่างกับไปสอบเองยิ่งกว่าผมเสียอีก พี่นพบอกว่าต้องเลือกดีๆ นะ คิดดีๆ ว่าจะเรียนอะไร ผมก็คิดอยู่หลายวันแล้วนะ ตกลงว่าจะเรียนวิศวะโยธานี่แหละ ดูแล้วน่าจะจบออกมาช่วยงานพี่นพได้ พี่นพก็ถามผมอยู่อีกหลายรอบว่าคิดดีแล้วแน่นะ ผมบอกว่าอืม ถ้าไม่ได้เป็นผู้ช่วยพี่นพนะ เผื่อพี่นพแต่งงาน จะสร้างบ้านใหม่ ผมจะได้ไปช่วยอำนวยการก่อสร้างไง ถึงผมเขียนแบบไม่เก่ง แต่คำนวณพอได้ล่ะ
   สุดท้ายซื้อใบสมัครแล้วพี่นพเลยให้ผมไปดูโควตาด้วย เพราะมหาวิทยาลัยดังเดี๋ยวนี้หันมารับตรงเยอะ วันนี้ผมเลยแวะมาที่ห้องแนะแนว
   อาจารย์แนะแนวเห็นผมมาก็ดีใจใหญ่ รีบเอาโควตามาให้ดูเพียบ ผมเลือกไปสองที่ล่ะ อันนี้สอบเผื่อ อีกอันเผื่อได้ไปเป็นรุ่นน้องพี่นพ
   ตอนเย็นผมแวะไปหาครูพิสุทธิ์ บอกว่าผมซื้อใบสมัครสอบแล้วนะ จะสอบตรงด้วย ครูบอกว่าถ้าตั้งใจจะสอบตรงก็เอาให้ติดเลย ช่วงเดือนมีนาฯจะได้ไม่ต้องเครียดมาก เพราะสอบติดแล้ว
   ผมเลยบอกว่างั้นผมจะรีบสอบให้ติด ผมจะได้มีเวลาอยู่กับครูก่อนเรียนจบ ครูหัวเราะหึๆ แล้วเขกหัวผม บอกว่าปากดีจริงๆ อนาคตคงมีคนหลงเสน่ห์ผมเยอะแน่ ผมบอกว่าขอให้จริงอย่างที่ครูพูด เพราะผมหาคู่เป็นตัวเป็นตนกับเขาไม่ได้สักที ครูเลยบอกว่า ผมเพิ่งอายุเท่านี้ จะคิดจริงจังอะไรเรื่องคู่ ผมเลยบอกครูว่า ผมอายุเท่านี้ก็จริงจังได้นะ ความจริงจังไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับอายุ ครูหัวเราะหึๆ แล้วบอกว่าเดี๋ยวเวลาผ่านไปผมก็จะเข้าใจเอง
   ผมรู้ ผมกับครูยังไงก็ไปกันไม่ยาวอยู่แล้ว แต่ยังไงผมก็อยากให้ครูรู้ว่าเวลาสั้นๆ แบบนี้ผมก็จริงจังนะ แต่ดูครูจะไม่เชื่อผมเอาเสียเลยนี่สิ เพราะผมยังเด็กอยู่ล่ะมั้ง
---------------------------------------------------------
   14 กันยายน 254x
   แป๊บๆ ก็หนึ่งปีแล้วที่ผมกับครูพิสุทธิ์คบกัน เราคบกันแบบไหนผมเองยังให้คำจำกัดความไม่ได้เลย แฟนก็ไม่ใช่ ครูกับลูกศิษย์ก็ไม่เชิง แต่ผมก็มีความสุขดีนะ เวลาเปิดดูรูปที่ครูวาดผมเขินทุกทีเลย ถ้าความรักของครูมีจริง มันคงอยู่ในรูปที่วาดให้ผมนั่นแหละ
   วันนี้ครูโทรมาตอนบ่าย บอกว่าตอนเย็นว่างรึเปล่า จะชวนไปทานข้าว แล้วบอกว่ามีที่หนึ่งอยากไป แต่ต้องกลับดึกหน่อยนะ ผมเลยถามครูว่าจะไปไหน ครูบอกอุบไว้ก่อน แต่เป็นที่สาธารณะ ผมไม่ต้องคิดมาก ผมเลยหัวเราะเขินๆ บอกว่าครูกลัวผมคิดอะไรเนี่ย ครูเลยบอกว่า บอกไว้ก่อน เผื่อผมคิดมาก ท่าทางผมดูเป็นเด็กคิดมากหรือไงนะ ผมเลยบอกครูว่าสักสามทุ่มพอได้ ครูบอกงั้นเดี๋ยวครูขับรถมารับที่บ้านแล้วกัน ผมบอกว่าผมออกไปเจอครูที่ถนนใหญ่ดีกว่า ครูจะได้ไม่ต้องลำบากเวียนรถเข้ามา
   ก่อนออกจากบ้านพี่นพถามผมด้วยล่ะว่าจะไปไหน วันนี้วันเสาร์น่ะ พี่นพหยุด ผมเลยบอกว่าจะไปกับครูพิสุทธิ์ พี่นพเริ่มสงสัยแล้วล่ะว่าผมกับครูคบกันแบบไหนแน่ ผมเลยบอกพี่นพว่าไม่ได้คบกันแบบแฟนนะ เพราะครูจะแต่งงานอีกไม่กี่เดือนแล้ว พี่นพมองๆ ผมสักพักแล้วก็ให้ออกมา บอกว่าอย่าลืมใส่ถุงยางด้วยล่ะ แหม.. ผมไม่ได้ออกไปเพื่อจะไปทำอย่างนั้นเสียหน่อย พี่นพก็ คิดอะไรไม่รู้ ครูร่างกายอ่อนแอขนาดนั้น คงทำอะไรกับผมไม่ได้หรอก
   ครูขับรถมารับผมที่ถนนใหญ่ วันนี้ใบเตยในรถครูเป็นรูปดอกกุหลาบล่ะ ครูบอกแม่บ้านพับให้ ครูแต่งตัวเหมือนปกติ เสื้อผ้าฝ้ายสีออกขาวหน่อยๆ แต่คราวนี้ครูถักเปียมา ผมเลยถามครูว่าใครถักให้ ครูบอกว่าคู่หมั้นถักให้ ผมว่าถักสวยดี ครูถักเปียแล้วไม่มีเหมือนผู้หญิง เหมือนพวกนักบวช ครูหัวเราะหึๆ แล้วบอกว่าบวชแล้วเขาไม่ให้วาดรูป ครูเลยไม่บวชดีกว่า
   เราไม่ได้ไปทานข้าวที่ร้านอาหาร แต่ไปกินกันที่สวนสันติไชยปราการ ครูทำปิ่นโตมา บอกว่าอันนี้ทำเอง ให้คู่หมั้นสอนให้ ทานได้รึเปล่าครูก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมเขินนะ ครูอุตส่าห์ทำปิ่นโตมาเผื่อผมด้วย เป็นพะแนงหมูกับไข่เจียว ผมว่ากินได้ล่ะ
   เรานั่งกินข้าวกันตรงม้านั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ลมพัดโกรกดีเลยไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ ผมนั่งกินๆ อยู่ หันไปอีกทีครูนั่งสเก็ตช์รูปแล้ว ครูเหน็บสมุดสเก็ตช์เล่มเล็กๆ มาด้วยน่ะ สเก็ตช์รูปใครผมไม่อยากจะเดานะ เลยบอกว่าครูอิ่มแล้วเหรอ ครูบอกว่าอิ่มแล้ว ผมเลยบอกว่าครูกินไปนิดเดียวเอง ครูกินน้อยเลยผอมแบบนี้ไง เอางี้ดีกว่า ผมป้อนให้ ครูจะได้กินได้เยอะๆ ครูหัวเราะหึๆ แล้วบอกว่าไม่ต้อง ครูทานเองได้ แล้วครูก็ตักข้าวมาทานต่อ ผมว่าครูกำลังเขินอยู่แน่ๆ เลย
   ครูทานข้าวเพิ่มได้อีกหน่อยก็บอกว่าพอล่ะ ทานไม่ลงแล้ว ผมเลยปล่อยให้ครูสเก็ตช์รูปต่อ แล้วก็นั่งกินข้าวที่ครูทำมาให้จนหมดเลย ผมกินจุอยู่แล้วน่ะ พี่นพบอกว่าวัยกำลังโต หวังว่าผมคงไม่สูงจนชนกรอบประตูหรอกนะ
   ผมกินเสร็จก็ชะโงกมาดูว่าครูวาดรูปอะไร ครูเลยเขกหัวผมเบาๆ ทีหนึ่ง บอกว่าเวลาครูวาดอย่ารบกวนสมาธิ ผมเลยหันไปมองเรือด่วนในแม่น้ำแทน แอบคิดว่าครูเขินรึเปล่านะเนี่ยที่ผมแอบดูรูปวาดครู
   พอสักห้าโมงหกโมงครูก็ชวนผมกลับขึ้นรถ ตอนขึ้นรถครูให้สมุดสเก็ตช์ผมดู โห.. ครูวาดไปหลายรูปมากล่ะ มีทั้งรูปตอนที่ผมหันหน้ามาหาครู รูปตอนที่ผมนั่งเหม่อตอนกินข้าว รูปตอนที่ผมหันหลังมองแม่น้ำ ผมว่าสมองครูเหมือนกล้องถ่ายรูปจริงๆ นะ มือครูก็ด้วย ผมดูเสร็จก็หันมามองหน้าครู ครูขับรถอยู่น่ะ แต่ก็ยิ้มๆ นะ คงรู้ว่าผมมองอยู่
   ครูขับรถมาจอดตรงเชิงสะพานพระรามแปด ผมเพิ่งรู้ว่าตรงนี้มีที่ให้จอดรถด้วย ผมเลยถามครูว่าครูจะไปไหน ครูชี้ไปด้านบนแล้วบอกว่าครูอยากขึ้นไปดูวิวแม่น้ำตอนกลางคืนบนสะพาน แต่ขึ้นคนเดียวไม่ไหว ผมมองหน้าครูแล้วถามว่าครูเอาจริงเหรอ เพราะขนาดครูจะลุกออกจากรถยังต้องรอสักพักเลย ครูเลยหันมายิ้มๆ แล้วถามผมว่าผมจะขึ้นไปกับครูรึเปล่าล่ะ ถ้าผมขึ้นไปด้วย ครูก็ไหว
   ผมแอบเขินหน่อยหนึ่งนะ เลยบอกครูว่า งั้นผมแบกครูขึ้นไปเลยดีกว่า ครูบอกว่า ไม่ได้ ครูอยากเดินเอง ให้ผมช่วยประคองขึ้นไปก็พอ สุดท้ายผมเลยเดินขึ้นสะพานไปข้างๆ ครูนั่นแหละ
   ขึ้นไปได้ยี่สิบขั้น ครูก็หอบแล้ว ต้องยืนพักอยู่ครู่หนึ่ง ผมล่ะกลัวครูเป็นลมจริงๆ นะ แต่ครูก็ดื้อของครู บอกว่าอยากขึ้นไปด้วยขาตัวเอง ให้ผมคอยช่วยดูอย่าให้ครูล้มคว่ำไปก็พอ ผมเลยบอกว่าถ้าครูเป็นลมผมจะผายปอดนะ ครูบอกว่าถ้าไม่เคยทำเรียกรถพยาบาลเถอะ เดี๋ยวครูตายฟรี ผมบอกว่าลองทำเลยก็ได้ ตอนครูยังไม่เป็นลมนี่แหละ ครูหันมาหัวเราะหึๆ แบบหอบๆ แล้วบอกผมว่า ถ้าให้ผมทำครูคงเป็นลม เออ ไม่รู้ครูเขินรึเปล่านะ แต่ผมเขินสุดๆ เลยล่ะ
   ในที่สุดเราสองคนก็ขึ้นมาถึงด้านบนสะพานตอนพลบค่ำพอดี ครูยืนหอบอยู่พักหนึ่ง ผมเพิ่งรู้ว่าด้านบนมีทางเดินด้วย ปกตินั่งรถผ่านๆ ไม่ค่อยได้สังเกต ลมบนสะพานแรงพอสมควรเลย มิน่าล่ะ ครูถึงถักเปียมา กลัวผมยุ่งนี่เอง ผมถามว่าครูเคยขึ้นมาก่อนรึเปล่า ครูบอกเปล่า นี่ครั้งแรก เพราะจะมาเองก็คงเป็นลมแน่ จะหาคนมาด้วยก็ไม่รู้จะรบกวนใครดี รบกวนผมนี่แหละ ผมเลยบอกว่าผมยินดีให้ครูรบกวนเลยล่ะ แต่วันหลังให้ผมแบกครูขึ้นมาก็ได้ ผมแรงดี แบกไหวอยู่นะ เพราะครูผอมมาก
   ครูหัวเราะหึๆ แล้วบอกว่าอยากวาดรูปผมเดินเล่นบนสะพาน ผมเลยถามครูว่าอยากให้ผมกระโดดโลดเต้นด้วยรึเปล่า ครูบอกว่าถ้าแรงเหลือก็เอาสิ แหม แต่ผมอายคนอยู่นะ จู่ๆ จะให้กระโดดแบบไม่มีสาเหตุก็ยังไงๆ  ผมเลยเดินๆ หันไปดูครูบ้างเป็นระยะๆ เผื่อครูเป็นลมจะได้ไปช่วยทัน ครูถือสมุดสเก็ตช์เล่มเดิมนั่นแหละ ผมเดินไปได้สักพักก็หันกลับมา นึกสนุกวิ่งกระโจนเข้าใส่ครูเลยนะ ครูทำหน้าตกใจแบบคนลืมง่วง เกือบทำสมุดสเก็ตช์กับดินสอหล่นแน่ะตอนผมกระโดดใส่ ผมเลยรับไว้ทั้งครูทั้งสมุดเลย
   ครูเกาะไหล่ผมแน่นเลย พอหายตกใจก็หัวเราะหึๆ แล้วยิ้มออกมา ผมก็ยิ้มให้ครูนะ จากนั้นครูก็หยิกแก้มผม บอกว่าน่าตีให้ตายจริงๆ ผมว่าถ้าครูตีผม ครูคงตายก่อนผมแน่
   ครูสเก็ตช์รูปต่ออีกสักพัก แต่ไม่ยอมให้ผมยืนดู ผมเลยไปเดินเล่นต่อ แม่น้ำเจ้าพระยากลางคืนก็สวยดีเหมือนกัน พอสักสามทุ่มครูก็ชวนกลับ
   ตอนกลับมาที่บ้านครูไม่ได้ให้สมุดสเก็ตช์เล่มนั้นผมล่ะ สงสัยครูจะอยากเป็นเป็นที่ระลึก ผมเองก็อยากให้ครูเก็บเป็นที่ระลึกเหมือนกัน
------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 27-06-2011 10:44:06
ยาวสะใจ  สุดท้ายก็หลงรักคุณครูอีกแล้วนะนพ
ตอนนี้รอ ๆ ๆ ๆ อยากอ่านตอนนพเจอคุณไพชะมัด
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MimicClub ที่ 27-06-2011 10:45:34
 :กอด1:ยาวดีจัง  อยากให้ถึงตาของ คุณไพเร็วๆจัง  น้องนพคิดยังไงกันน้อ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 27-06-2011 11:30:53
สงสารครู อย่าให้ครูพิสุทธิ์ตายนะครับ
.
.
แล้วจะมี sth.special กับครูมั๊ย แบบว่า ได้'รัก'กันในวันที่ต้องจากกัน จำได้ว่า นพ เศร้าในวันที่จบม.6 ใช่ม่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 27-06-2011 11:40:22
 :o8: :o8:

น่ารักเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 27-06-2011 13:03:58
ตอนของนพกับครูพิสุทธิ์นี่ให้ความรู้สึก อบอุ่นหัวใจปนเศร้าเนอะ สงสารในชะตากรรมของครูพิสุทธิ์จัง เหมือนชีวิตนี้ไม่ได้เลือกเอง เพราะอุปสรรคทางกายเป็นตัวขวางกั้นหัวใจที่เป็นอิสระเสรี
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 27-06-2011 13:35:23
น่าสงสารครูพิสุทธิ์จังเลย แต่ครูนี่ดูดวงแม๊นแม่น อยากอ่านตอนที่เจอตาลุงเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 27-06-2011 15:05:26
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกถึงความรักอีกรูปแบบหนึ่งแฮะ ไม่หวังอะไร ให้แต่ความรัก ซึ้งT^T
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 27-06-2011 15:11:22
อ่านไปน้ำตาไหลไป...คราวครูต้าถึงจะเศร้า ๆ ตอนจบแต่เราว่ามันเป็นความรู้สึกที่สวยงามแบบไม่ผูกมัดกัน ต่างให้และรับอย่างเต็มใจทั้งสองฝ่าย
คราวของครูพิสุทธิ์ก็ให้บรรยากาศเหมือนกันนะ แต่บริสุทธิ์กว่ามากของครูต้ายังมีกลิ่นอายของป๊อปปี้เลิฟ แต่คราวนี้มันไม่ใช่ รู้เลยว่ารักทั้งที่รู้ว่ามีเวลาที่จำกัดมันทั้งสวยงามและทรมานจริง ๆ สงสารครูพิสุทธิ์มาก ๆ ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้มองเห็นกันแค่ห่าง ๆ ก็พอเพราะถ้าได้เจอกันหลังจากครูแต่งงานไปแล้วไม่รู้ครูจะทำใจได้ยังไง โชคดีที่นพก็เรียนจบตอนครูแต่งงานพอดีไม่อย่างนั้นคงทำใจลำบากกันทั้งสองฝ่าย
เห็นด้วยกับคำพูดของทั้งครูต้าและครูพิสุทธิ์ที่บอกว่านพน่ะ "ร้าย" นะ ฮ่า ๆ ก็มีนิสัยช่างอ้อนนี่นะ เอาอกเอาใจเก่งอย่างนี้มีหวังได้หักอกใครต่อใครโดยไม่รู้ตัวอีกเยอะแน่ ๆ
จะรออ่านตอนนพเจอคุณไพฑูรนะคะ ดูซิจะว่าไงที่พูดว่าจะครองตัวเป็นโสดถ้าต้องรักกับคนแก่คราวพ่อน่ะ (ครูพิสุทธิ์ดูดวงแม่นมาก ๆ)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 27-06-2011 15:42:42
สงสารครูพิสุทธิ์จังเลยค่ะ ต้องแต่งงานทั้งที่ไม่รักและไม่ได้ชอบผู้หญิงด้วย จะบอกว่าที่บ้านครูใจร้ายได้หรือเปล่าเนี้ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 27-06-2011 15:54:54
เรารออ่านตอนเจอลุงไพอยู่นะ   
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 27-06-2011 17:19:29
ตำนานสะพานพระรามแปดของน้องนพ กับครูพิสุทธิ์มีที่มาอย่างนี้นี่เอง
น้องนพนี่ดูยังไงก็เหมาะกับคนอายุมากกว่าจริงๆแหละ
อ่านความรักครั้งนี้ของน้องแล้วก็สุขปนเศร้าลึกๆ :กอด1:

ปอลอ รูปสวยมากค่ะ ทั้งสองรูปเลย  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 27-06-2011 17:36:31
นพชอบมีความรักแบบเห็นแววเศร้ามาแต่ไกลอยู่เรื่อยเลย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 27-06-2011 17:56:14
อ่านเพลินเจริญอาหารเลยล่ะค่ะ
 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 27-06-2011 19:03:25
อยากขอเล็กน้อย คืออยากให้วาดรูปตอนนพเป็นแบบดรอว์อิ้งมาลงอ่ะครับ อ๊ากซๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: akanae ที่ 27-06-2011 19:10:23
ยาวมากๆ เลย นพนี่ดวงเหมาะกับคนอายุมากกว่าจริงๆ
มันเหมือนเคมีของการเข้ากันยังไงยังงั้นล่ะน้า
ลุ้นๆ ตอนนพเจอคุณไพอ่ะค่ะ เมื่อไหร่จะเจอ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 27-06-2011 19:31:33
คุณjuonคะ ลงให้ยาวๆแบบจุใจเนี่ย เพราะจะกลับต่างจังหวัดเหรอคะ น่ารักจังขอบคุณนะคะ
นพหนีไม่พ้นคนอายุมากกว่าจริงๆแหละ แบบนี้ถ้าเป็นความเชื่อของคนโบราณอีสาน
เกี่ยวกับเรื่องของการมีคนรักเนี่ย ต้องเป็นแบบว่า "แฮกแบบใด๋ได้แบบนั้น" แบบนพน่ะ
คนรักคนแรกก็อายุเยอะกว่า คนที่สองก็เยอะกว่า จนมาถึงคุณไพฑูรย์ยิ่งเยอะมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 27-06-2011 19:41:24
ต้องอกหักจะได้มาเจอน้องไพ อิอิ
ยาวสะใจ อ่านเพลินเลยแระ
เดินทางดีๆๆน่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 27-06-2011 19:48:31
นพเล่าละเอียดมาก แต่ครูพิสุทธ์น่าสงสารนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 28-06-2011 01:12:35
ความรักจำกัดเวลานี่มันเศร้าจริงๆนะเออ

ตอนตานพทำผ้าเช็ดหน้าหายนี่แอบใจแป้วไปเหมือนกันอินจัด
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 28-06-2011 09:08:54
อ่านตอนนี้แล้วเศร้า ๆ ค่ะ ต่างคนต่างรู้ว่า ทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
ทั้งเศร้าและสุขค่ะ เราซึ้งมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Anonymus ที่ 28-06-2011 14:49:30
รักบริสุทธิ์  ไม่มีความรู้สึกของกามารมณ์เข้ามาเกี่ยว  แต่ก็ทำให้ลุ้นได้ตลอดเวลาจริงๆค่ะ

หนูเปี๊ยกสู้ๆ  อนาคตข้างหน้ายังมีใครอีกคนรออยู่เนาะ 
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ7 P18 27/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 28-06-2011 15:32:03
วันนี้ปวดตาค่ะ เลยหันมาวาดรูปแทน... (แต่ก็เอามานั่งลงสีเล่นในคอมพ์ ปวดตาอยู่ดี= =")

ตจว. ยังลูกผีลูกคนว่าจะได้ไปรึเปล่า พอดีไปแล้วต้องรีบกลับมาทำงานต่อ...เลยดูๆ อยู่ว่าจะไปดีมั้ย...=[]= (แต่บ้านไม่ได้กลับมาหลายเดือนแล้ว จะถูกตัดออกจากกองมรดกมั้ยเนี่ย)

แวะมาแปะรูปอีกแล้วค่ะ แหะๆ (วันนี้วาดไว้เยอะเลยล่ะ)

เริ่มจากรูปที่ใครไม่อยากเห็น แต่เราอยากนะ เลยวาดเองเลย...

รูปคุณไพฑูรย์สมัยเรียนปี2 กับคุณพี่จิระภัทร์ ตอนรับปริญญาค่ะ (เจอตอนพิเศษคู่นี้เข้าไป หลายคนเกือบหันไปเชียร์พี่ภัทร์แล้วสินะคะ :really2:)
(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/re-2.jpg)

จากรูปนี้ เราได้ข้อสรุปว่า คุณไพฑูรย์หน้าเด็กกว่าวัยค่ะ...!!! ปี2 หน้าเหมือนเด็กม.ปลายเยย น่ารักน่าเอ็นดู (เรอะ!!) ส่วนพี่ภัทร์ ของเรา สมัยหนุ่มๆ หล่อจริงนะคะ ถึงพี่แกจะขี้โม้ แต่เรื่องหล่อนี่เรื่องจริงค่ะ ฮ่าๆ เสียดายแต่วิธีการจีบไม่โดนใจน้องไพเอาเสียเลย... แห้วไปแล้วกันนะคะพี่...

อีกรูป ขอย้อนยุค แต่เป็นยุคตานพนะคะ ฉัน....อยากลอกวาดรูปที่ครูพิสุทธิ์วาดล่ะค่ะ แต่...มือไม่ถึง ฮ่าๆ ออกมาง่อยๆ หงิกๆ จริงๆ

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/re.jpg)

* รูปตานพนั่งเป็นแบบดรอว์อิ้ง ขอเก็บไปคิดก่อนนะคะ แบบว่า แหม...จะให้ตานพโชว์หุ่นให้ดูจริงๆ เหรอคะเนี่ย ตานพเค้าเขินเหมือนกันนะคะ (โดนคนอ่านโบก)

แปะรูปคุณไพฑูรย์ตอนว่ายน้ำให้แทนแล้วกันค่ะ (ไม่มีใครเรียกร้อง เราอยากวาดเองอีกแล้ว)

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/re-1.jpg)

น้องคนหนึ่งทักว่ามือใหญ่ ก็ใหญ่นะ แต่วาดแล้วชอบ เลยไม่ลบ (เวรจริงๆ)

ตามด้วยรูปน้องนพค่ะ... เป็นพระเอกที่... วาดแล้วไม่ตรงอิมเมจคนเขียน...แต่จริงๆ ตอนเขียน ก็นึกไม่ค่อยออกเหมือนกันว่าจะหน้าตายังไง แบบว่านึกแต่หน้าคุณไพอ่ะค่ะ ฮ่ะๆ

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/1re3.jpg)
พยายามจะวาดยิ้มแบบกระมิดกระเมี้ยนอยู่นะคะ แบบนี้พอไหวรึเปล่าก็ไม่รู้สิ

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/2re-1.jpg)
ส่วนนี่ พยายามจะวาดตอนยิ้มแยกเขี้ยวค่ะ รูปนี้วาดออกมาแล้วชอบค่ะ (วาดเองชอบเองอีกแล้ว= =") รู้สึกว่าน้องนพนี่ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ หุๆ

ต่อไปก็รูปครูต้าค่ะ...เราจะเรียงลำดับแฟนของน้องนพเลยนะคะ (เดี๋ยวจะได้รู้ว่าสเป็กนพ กับบุพเพอาละวาดนั้นต่างกันจนน่ากลัวจริงๆ)

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/re-4.jpg)
ครูต้าก็หน้าเด็กนะคะเนี่ย... อิมเมจครูเคะกระจายจริงๆ แต่ก็ใจดีค่ะ ครูต้าเป็นคนยิ้มง่ายนะคะ... จัดว่าน่ารักเหมาะเป็นรักแรกที่สุดล่ะค่ะ

ครูพิสุทธิ์

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/re-5.jpg)
คุณน้อยยย เป็นตัวประกอบนะคะ แต่ตอนเขียนแอบชอบมากๆ อยากเอาไปเขียนเรื่องแยกจริงๆ ชะตากรรมชีวิตของครูพิสุทธิ์อาภัพด้านร่างกายสุดๆ แต่หัวใจครูอิสระมากค่ะ (แอบอิจฉาครูนะคะเนี่ย)

คุณไพฑูรย์

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/re-3.jpg)
จะเห็นว่าบุพเพนั้นโหดร้ายกับตานพจริงๆ ฮ่าๆ คุณไพฑูรย์รูปนี้แก้อยู่หลายรอบมาก เพราะร่างอันแรกหล่อและเมะกว่านี้เยอะค่ะ แบบว่า คุณไพฑูรย์คะ เป็นเคะได้จริงๆ หรือคะเนี่ย หน้าเริ่มเหมือนมาเฟียเข้าไปทุกที รูปคุณไพแอบลำเอียงลงสีค่ะ แบบว่าเกิดอยากเล่นโปรแกรมเพนต์ขึ้นมา เล่นไปเล่นมากดเซฟ มันก็...เซฟออกมาแบบนี้เลยค่ะ...ขี้เกียจสแกนใหม่ล่ะ เอาแบบสีไปแล้วกันนะคะ^^"

โหย เกือบลืม.. แถมรูปคู่ค่ะ คุณไพฑูรย์เป็นเคะได้จริงๆ นะคะ ฮ่าๆ
(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/1re.jpg)
รูปนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องเลยค่ะ คาดว่าอีกนานกว่าตานพจะสามารถทำแบบนี้กับคุณไพฑูรย์ได้ อิอิ

บันทึกของตานพ ตอนหน้าจะจบช่วงวัยเรียนแล้วนะคะ (หมายความว่าถัดจากตอนหน้าตานพจะได้เจอคุณไพแล้วนั่นเอง)

เขียนจบตอนแล้วล่ะค่ะ แต่ขอพักตา เดี๋ยวอ่านทวนอีกรอบแล้วอาจจะเอามาลงช่วงค่ำๆ นะคะ

ขอบคุณค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้า P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: butterfly_bee ที่ 28-06-2011 15:44:44
เย่ๆๆ ดีใจจัง จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
ขอบคุณคุณjuonสำหรับรูปอิมเมจตัวละครนะคะ
วาดให้ดูกันหลายรูปเลย
ถึงคุณไพหน้านิ่งๆแต่เค้าชอบคุณไพนะ
นิ่งๆแต่แอบโมเอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้า P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 28-06-2011 16:05:35
=v= ยิ้มกรุ้มกริ่ม แทนนพ
รูปคุณไพฑูรย์ได้ใจมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้า P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 28-06-2011 16:07:28
นพ เค้าไม่อายหรอกครับ
คนอ่านจิ้นไกลไปตั้งแต่ตอนได้กะคุณไพฑูรย์แล้วล่ะ 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้า P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 28-06-2011 17:02:39
รูปสวยจัง นอกจากแต่งเรื่องสนุกแล้วยังวาดรูปสวยด้วย ชื่นชมฝีมือค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้า P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 28-06-2011 17:44:18
ชอบค่า รูปสวยถูกใจมาก

 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้า P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 28-06-2011 18:55:32
ชื่นชมคุณJuonจริงๆค่ะ
ทั้งแต่งทั้งวาดด้วย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : รูปจ้า P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 28-06-2011 20:05:39
บันทึกของนายนพรัตน์ (ช่วงที่6)
   10 ตุลาคม 254x
   วันนี้สอบโอเน็ตวันสุดท้ายล่ะ ผม เอ้ เชษฐ์ ชวนกันไปกินข้าวแล้วไปร้องคาราโอเกะกันต่อจนเกือบสองทุ่มเลย เอ้บอกว่าเสียงผมได้ที่แล้วนะ เดี๋ยวหาวันหยุดนัดไปอัดเสียงกัน เชษฐ์เลยบอกว่าอัดแล้วเอามาแบ่งกันฟังบ้าง เอ้บอกว่าไม่ได้ เพลงนี้ร้องให้คนพิเศษ แหม... จะร้องเพลงจีบสาว ยังต้องใช้เสียงเพื่อนอีกนะเนี่ย แต่เอาเถอะ ช่วยมันก็ไม่เสียหายอะไร
------------------------------------------------
   24 ตุลาคม 254x
   ได้ฤกษ์เอ้พาผมไปอัดเสียง รู้จักกับมันมาสามปี เพิ่งเคยมาห้องมันนี่แหละ อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่ แต่รกสุดๆ ยิ่งกว่าห้องผมอีกนะ เปิดเข้าไปนี่แทบจะหาทางเดินไม่ได้ เราเลยลงเอยกันบนเตียง เพราะที่อื่นนั่งไม่ได้แล้ว ใช้เครื่องเอ็มพีสามของมันนั่นแหละอัด เอ้เล่นกีตาร์ ส่วนผมร้อง ร้องไปรอบหนึ่ง เอามาเปิดฟังกัน ผมแอบขนลุกนะเนี่ย เสียงใครก็ไม่รู้ เหมือนจะเพราะหรอกนะ ถ้าไม่คิดว่าเป็นเสียงตัวเองน่ะ เราร้องเพลงกันจนฟ้ามืด เลยออกมากินข้าว เอ้บอกว่าไปนั่งรถเล่นกับมันรอบเมืองสักหนสิ ผมดูนาฬิกาแล้วบอกว่าได้ แต่มันห้ามขับเร็วนะ ผมกลัวตาย มันหัวเราะแล้วบอกว่าไม่อยากตายพร้อมผมหรอก ผมเลยตกลงซ้อนมัน
   เอ้ขับมอเตอร์ไซต์เวียนรอบกรุงจริงๆ มันขี่วนรอบวัดพระแก้ว ภูเขาทอง ปากคลองตลาด เราแวะเดินเล่นตลาดสะพานพุทธด้วยล่ะ กว่าจะกลับกันมาได้ก็เกือบสี่ทุ่ม เพราะพี่นพโทรตาม เราเที่ยวกันจนลืมกลับบ้านกันเลยล่ะ เอ้บอกว่าเที่ยวไว้ก่อน ไม่แน่หลังจากนี้พอเข้ามหาวิทยาลัย ผมกับมันอาจจะไม่ได้มาเที่ยวด้วยกันแบบนี้แล้วก็ได้ ฟังมันพูดแล้วก็ใจหายเหมือนกันนะเนี่ย
----------------------------------------------------
   9 พฤศจิกายน 254x
   ปีนี้ผมไม่ได้ไปลอยกระทงกับพวกพี่นพล่ะ แต่เห็นกระทงที่พี่นพซื้อเผื่อพี่นัทแล้ว คาดว่าคงไม่ล่มและไม่ไฟไหม้แน่นอน ครูพิสุทธิ์ชวนผมไปลอยกระทงที่บ้าน แอบเขินอยู่เหมือนกันนะ ครูบอกว่ามาเถอะ พ่อแม่ครูอยากเห็นตัว ดูสิ แบบนี้ไม่ให้ผมเขินได้ไง
   บ้านครูเป็นบ้านทรงโบราณเลยล่ะ แต่ไม่ได้มีกาแลหรืออะไรแบบนั้นนะ เป็นบ้านทรงปั้นหยา ด้านหลังติดคลอง มีสวนร่มรื่นดี แต่ผมไปน่ะพลบค่ำแล้ว เลยมองอะไรไม่ค่อยจะชัดหรอก พ่อแม่ครูอายุสักหกสิบเจ็ดสิบแล้วมั้ง แต่ยังดูแข็งแรงดีทั้งคู่นะ ผมยกมือไหว้อย่างดี ไม่ใช่จะประจบอะไรหรอก แต่ครูเป็นม.ล. เพราะฉะนั้น พ่อแม่ครู ผมยิ่งต้องรักษามารยาทให้มากๆ
   แม่ครูเห็นผมแล้วบอกว่าน่ารักดี แล้วหันไปถามพ่อครูเลยนะว่าจะรับเป็นลูกบุญธรรมดีไหม ผมรีบบอกเลยว่าอย่าดีกว่า ผมไม่น่าเลี้ยงขนาดนั้นหรอก เกรงใจน่ะ ครูพิสุทธิ์เลยบอกว่า ไม่เอาหรอก ไม่อยากมีน้องแล้ว ครูเป็นลูกคนที่สามนะ ยังมีน้องสาวอีกคน เรียนอยู่ต่างประเทศ ส่วนพี่สาวสองคนแต่งงานออกไปหมดแล้ว บ้านนี้เลยเหลือครูอยู่กับพ่อแม่ แต่มีคนเก่าคนแก่อยู่ด้วยอีกสองสามคนล่ะ เรียกว่าอะไรดี ข้ารับใช้เก่าล่ะมั้ง
   คุยกับพ่อแม่ครูสักพัก ครูก็ชวนทานข้าว ผมนั่งตัวเกร็งเลยล่ะ บนโต๊ะมีพ่อกับแม่ครู ครู แล้วก็ผม สามคนเอง เวลาครูคุยกับพ่อกับแม่ ครูเรียกตัวเองว่าน้อยตลอดเลย น่ารักดี
   กินข้าวเสร็จพ่อแม่ครูก็ชวนผมไปลอยกระทง ปีนี้กระทงครูทำกับกลีบบัวล่ะ แม่ครูบอกว่าครูทำกระทงเองทุกปี แต่ต้องฝากคนอื่นลอย เพราะครูลอยเองไม่ได้ นั่งต่ำๆ พอลุกขึ้นแล้วอันตราย เลยได้แต่นั่งมองคนอื่นลอยกระทงตัวเองมาตลอดเลย กระทงผมทำสวยกว่าปีที่แล้วหน่อยหนึ่ง เพราะรู้ว่าจะต้องมาลอยกับครู แต่ก็แค่หน่อยเดียวล่ะนะ ฝีมือทางงานประดิษฐ์พวกนี้ผมไม่เอาอ่าวซะด้วยสิ
   หลังบ้านครูมีท่าน้ำ นอกจากผม ครู พ่อแม่ครูแล้ว ยังมีคุณป้าอีกสองคนที่ครูบอกว่าเป็นแม่บ้าน เดินตามมาด้วย คนในบ้านครูท่าทางเรียบร้อยสมเป็นผู้ดีทั้งนั้นเลย ผมเลยพลอยต้องเดินตัวลีบตามไปด้วย
   ผมลงไปนั่งลอยกระทงตรงท่าน้ำ เอาของครูไปลอยด้วย ส่วนของพ่อแม่ครู คุณป้าอีกสองคนช่วยลอยให้ ครูยืนอยู่หลังผม คอยลุ้นว่าผมจะทำกระทงคว่ำรึเปล่าล่ะมั้ง แล้วจู่ๆ ครูก็นั่งลงข้างผม ทุกคนตกใจหมดเลย ผมก็ตกใจ ครูบอกว่าปีนี้ครูลอยกระทงเองดีกว่า เพราะมีคนช่วยแบกครูแล้ว ผมเลยส่งกระทงให้ครู คอยจับครูไว้ตอนที่ครูก้มลงไป ครูลอยเสร็จก็หันมายิ้มให้ผมแล้วบอกว่าขอบใจนะ ขาลุกขึ้นผมเลยช่วยประคองครูเอาไว้ ผมว่าครูตัวเบามากเลยล่ะ พ่อแม่กับแม่บ้านครูคงลุ้นเหนื่อย กว่าครูจะลุกขึ้นมาได้ แต่ทุกคนก็ดูมีความสุขนะ คงเพราะครูดูมีความสุขล่ะมั้ง ผมว่าทุกคนในบ้านรักครูมากนะเนี่ย
   ลอยกระทงเสร็จผมก็ลากลับ พ่อครูบอกว่าว่างๆ ก็แวะมาเยี่ยมบ้าง อวยพรให้ผมสอบติดคณะที่หวังไว้ด้วยล่ะ ผมเลยบอกขอบคุณไปไม่รู้กี่หน ครูจะขับรถไปส่งผมด้วย ผมเลยบอกครูว่า ครูอยู่บ้านเถอะ วันนี้ผมอยากแน่ใจว่าครูปลอดภัยดี ผมกลับเองได้นะ แต่ผมอยากเจอครูตอนเปิดเทอม เพราะบ้านครูกับบ้านผมห่างกันพอดู ครูไปส่งผมแล้วต้องขับรถกลับอีก ผมเป็นห่วงนะ ครูยืนลังเลอยู่พักหนึ่งก็พยักหน้า ผมจับมือครูไว้สักพัก แล้วก็ออกมา เวลาของผมกับครูเหลือน้อยลงทุกทีแล้วสินะ
-----------------------------------------------------
   10 ธันวาคม 254x   
   เอ้ชวนผมไปเที่ยวพัทยา ผลสอบผมออกมาแล้วนะ สอบติดโควตาล่ะ สบายเลย ส่วนเอ้ บอกว่าคะแนนใช้ได้อยู่ แต่เพื่อความไม่ประมาท ปีหน้ามันจะลงสอบอีก จะได้ติดชัวร์ๆ
   มันชวนผมไปสองคนนะ บอกว่า ไปกับผมนี่แหละ สบายใจดี เอาล่ะ ผมก็ตามใจมัน เพราะไปกับมันก็ไม่เสียหายอะไร
   เอ้ไปยืมรถคนรู้จักมา ผมเลยช่วยหารค่าน้ำมัน มันทำใบขับขี่แล้วนะ ไปทำไม่บอกผมบ้างเลย เราไปเช้าเย็นกลับ ใช้เวลาอยู่บนรถกันมากกว่า เพราะหลง แต่ก็สนุกดี ได้เห็นนั่นเห็นนี่ เห็นฝรั่งแก้ผ้าอาบแดดแบบที่เขาลือกันด้วยล่ะ แต่ผมไม่พิสวาสฝรั่ง ทั้งผู้หญิงผู้ชายอ่ะแหละ ผมชอบคนไทยมากกว่า ตัวเล็กๆ น่ารักดี
   ผมกลับมาถึงบ้านสักสามทุ่มกว่าได้ พี่นพบอกไปทะเลทำไมไม่ค่อยดำ ผมเลยเล่าให้ฟังว่าหลงอยู่เป็นส่วนใหญ่ พี่นพก็ขำ บอกว่าเอ้มันตลกดี ผมก็ว่ามันตลกดีนะ ถึงมันจะไม่ค่อยพูดก็เถอะ แต่อีกไม่กี่เดือนก็คงต้องแยกจากมันแล้วล่ะ
----------------------------------------------------------
   31 ธันวาคม 254x
   ปีนี้ผมไปฉลองปีใหม่ต่างประเทศล่ะ พี่นพพาผมไปเที่ยวเกนติ้ง ไปเล่นรถไฟเหาะกัน ที่สำคัญ ไม่ได้ไปแค่ผมด้วยนะ พี่นพพาแฟนกับครอบครัวแฟนไปด้วย แหม... จริงๆ มากันแค่สองคนผมก็ไม่ว่าหรอก แฟนพี่นพชื่อพี่แตง แมนมาก ผมเขียนไม่ผิดหรอก พี่แตงเท่เหมือนผู้ชายเลย แต่เป็นผู้หญิงที่ดีนะ เป็นเพื่อนที่ทำงานของพี่นพล่ะ จำได้ว่าผมเคยเจอนานแล้วตั้งแต่ตอนเรียนม.ต้นมั้ง ผมแอบถามพี่นพเลยนะว่าจีบได้ไง พี่นพก็ไม่ยอมเล่าสักที สงสัยจะเขิน ผมเลยถามว่าแล้วจะแต่งงานกันมั้ย พี่นพบอกว่าตั้งใจจะขออยู่ แต่รอผมเรียนจบก่อน ผมเลยบอกว่ารอทำไม แต่งเลยๆ พี่นพก็ไม่ยอม บอกก่อนแต่งอยากเห็นผมเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้ก่อน นี่ขนาดผมได้โควตาแล้วนะเนี่ย
----------------------------------------------------------
   16 มกราคม 254x
   วันนี้วันครูล่ะ หลังจากจบพิธีของโรงเรียนตอนเช้าแล้ว ผม เอ้ เชษฐ์ก็นัดกันเอาพวงมาลัยไปให้ครูพิสุทธิ์ ค่าที่แกให้ความรู้กับพวกเรามาตั้งแต่เรียนม.4 เผลอแป๊บๆ ก็จะจบกันแล้ว เอ้ไหว้ครูซะสวยเชียว ทั้งๆ ที่ปกติมันเป็นคนตรงๆ ทื่อๆ นะเนี่ย สงสัยมันจะนับถือครูจริงๆ เชษฐ์หนักกว่าอีก ไหว้เสร็จน้ำตาซึมเลย ผมไหว้คนสุดท้าย บอกครูว่าขอบคุณนะครับที่สอนอะไรผมหลายอย่าง ครูก็ไม่พูดอะไร แต่ลูบหัวผมเบาๆ จากนั้นก็ใช้ให้ผมไปซื้อน้ำ
   ผมกลับมาอีกที ครูมีรูปเตรียมไว้ให้อีกแล้วล่ะ คราวนี้เป็นรูปผมใส่ชุดนศท. กำลังยืนเกาหัวอยู่ด้วยแน่ะ ครูบอกว่าได้ยินว่าเขาชนไก่โหด แต่ครูไม่เคยไปเองหรอกนะ เพราะร่างกายเป็นแบบนี้มาแต่เกิด ผมเข้าใจครูล่ะ อย่าว่าแต่เรียนนศท.เลย วิชาพละครูได้เรียนบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ ครูบอกว่าดูแลตัวเองดีๆ นะ ผมก็บอกว่า ไม่มีปัญหาแน่ครู เขาส่งผมไปเข้าค่ายนะ ไม่ใช่ไปรบจริง ไม่มีอะไรหรอก
----------------------------------------------------
   22 กุมภาพันธ์ 254x
   เขาชนไก่โหดจริง ผมกลับมานอนไปสองวันถึงเริ่มเขียนบันทึกได้ ห้าวันทำเอาพี่นพเกือบจำผมไม่ได้  ขนาดพี่นพเคยเข้ามาก่อนผมแล้วนะ
   ผมเตรียมตัวอย่างดีก่อนไปค่าย เพราะได้ยินคำร่ำลือมาหลายอย่าง ที่แน่ๆ เลย เรื่องเพื่อนร่วมเต้นท์ ผมกับเอ้เลยนัดแนะกันอย่างดี พอเขาให้จับคู่ก็รีบมาจับคู่กันเลย กันพลาด ได้นอนคู่กับกระเทยจะซวยทั้งคู่ เอ้น่ะไม่ค่อยมีปัญหานะ แต่ผมนี่สิ เป็นเป้าสายตากระเทยมาก แย่จริงผม
   ผมถูกเลือกเป็นหัวหน้าหมู่นะ นอกจากจะต้องคุมลูกหมู่และเผชิญกับครูฝึกหฤโหดแล้ว ยังต้องเผชิญกระเทยในหมู่อีก พอผมเป็นหัวหน้าหมู่เลยหาเรื่องมาเข้าใกล้ผมใหญ่ ถ้าจับแล้วของมันสึกมันหรอกันได้นะ ผมคงต้องอัพเครื่องเคราใหม่เลยล่ะ
   ห้าวันของผมต้องระวังทั้งครูฝึก ระวังทั้งกระเทย ไอ้พวกนี้มันกะจะจับผมทำผัวให้ได้ตอนปีสามเลยใช่ไหมเนี่ย ผมว่าครูฝึกไม่ต้องสร้างสถานการณ์ว่ามีศัตรูบุกหรอก คืนๆ หนึ่งผมก็แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน นั่งถ่างตาเฝ้าลูกหมู่ไม่ให้บุกมาปลุกปล้ำตัวเองนี่แหละ เออ ผมชอบผู้ชายก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าขอให้เป็นผู้ชายแล้วก็โอเค ห้าวันผมเกือบจะต่อยกระเทยไปแล้วสิ
----------------------------------------------------------
   14 มีนาคม 254x
   สอบวันสุดท้ายแล้ว ใจหายแวบเลย นี่ผมจบม.6แล้วหรือนี่ นี่วันสุดท้ายในโรงเรียนของผมแล้วหรือ? พวกเราเอาปากกามาเขียนเสื้อแลกกันใหญ่หลังสอบเสร็จ ของผมเต็มเสื้อไปหมด สารพัด ทั้งรูปวาด ทั้งตัวอักษร หนังสือเฟรนด์ชิพที่ส่งเวียนๆ กันก็เขียนกันครบแล้ว บ้าๆ บอๆ แต่ก็ตลกดี เอ้มีรูปให้ผมอีกแล้ว คราวนี้มันใส่ซองกระดาษมา ปิดอย่างดี บอกผมว่า ปิดเทอมสองอาทิตย์ค่อยแกะ เป็นเซอร์ไพรส์ แกะก่อนตัดเพื่อนแน่ ผมก็บอกมันว่า ระวังผมลืมแกะไปเลยนะ มันบอกว่าไม่เป็นไร มันไม่รีบ อย่าเพิ่งแกะก็พอ นั่น.. เอากะมันสิ แนวดีจริงๆ เพื่อนผม
   ผมแวะไปหาครูพิสุทธิ์ตอนเย็น ครูนั่งรอผมอยู่ล่ะ เพราะในห้องไม่มีใครเลย วันนี้พี่นัทบอกว่าจะเลี้ยงฉลองที่ผมจบม.6ตอนค่ำๆ ผมเลยมีเวลาอยู่กับครูไม่นาน
   พอคิดว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่กับครูแล้ว ผมใจหายมากจริงๆ คราวนี้ครูไม่มีรูปวาดให้ผม แต่ให้รูปที่ผมวาดแทน งานผมที่เรียนวิชาครูตั้งแต่ม.4 นั่นแหละ ครูเก็บใส่แฟ้มเอาไว้ เอ้กับเชษฐ์คงมารับไปก่อนแล้ว เหลือแต่ของผม
   ผมรับแฟ้มงานมาแล้วเปิดดู บางงานขำเลยนะ ผมวาดอะไรของผมเนี่ย ครูก็อุตส่าห์ให้สี่ผมมาได้ตั้งหกเทอม ครูบอกว่าศิลปะมันอยู่ที่ใจกับความคิด ความสวยงามมันอยู่ที่คนจะมอง ครูปล่อยให้ผมดูรูปของตัวเองอยู่สักพักก็บอกว่า รูปที่ผมวาดรูปหนึ่งครูขอนะ ผมก็ถามเลยว่าครูอยากได้รูปไหน เพราะงานผมห่วยสนิท ไม่คิดว่าครูอยากได้นะเนี่ย ครูเลยบอกว่าขอรูปแรก รูปที่ผมวาดครูนั่งหลับนั่นแหละ
   ผมเขินเลยนะ ไม่คิดว่าครูจะติดใจรูปนี้จริงๆ หยิบให้ครูไปใจก็เต้นตึกๆ เลยถามครูว่าครูชอบผมเพราะรูปนี้รึเปล่า ครูไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มๆ แล้วถามผมกลับว่ารูปที่ครูวาดให้เก็บดีอยู่รึเปล่า ผมพยักหน้า บอกว่าใส่แฟ้มไว้อย่างดีเลย ครูบอกว่าขอบใจมาก ให้ผมเก็บให้ดีตลอดไปนะ เพราะนั่นแหละความรักของครู
   ผมอึ้งไปพักหนึ่ง ครูนั่งอยู่บนเก้าอี้ ส่วนผมยืน เราอยู่ห่างกันไม่เท่าไหร่เอง ผมมองครู ครูผอมเหมือนเดิม สามปีครูแทบไม่มีอะไรเปลี่ยน ที่เปลี่ยนดูจะเป็นแววตาของครูที่ดูสดใสขึ้นล่ะมั้ง ผมมองครูอยู่พัก แล้วถามครูว่า ขอผมกอดได้มั้ย ครูบอกว่าถ้ากอดเฉยๆ ได้ ถ้าทำอย่างอื่นไม่ได้นะ ผมบอกว่าผมไม่ทำอะไรหรอก ขอกอดอย่างเดียว ครูก็พยักหน้า ผมเลยกอดครู ครูก็กอดตอบผม ผมน้ำตาไหลเลยล่ะ ไม่รู้สิ ตอนที่คบกับครู ผมรู้แล้วว่าวันนี้จะต้องมาถึง ผมรู้แล้วว่าเราไปกันไม่ได้ตลอด ผมมีความสุขตอนอยู่กับครู คิดไว้ว่าคงไม่เสียใจอะไร แต่พอถึงเวลาจริงๆ น้ำตาผมก็ไหล
   ครูส่งกระดาษทิชชู่ให้ผมแล้วแซวผมว่าผมตัวโตจะชนกรอบประตูอยู่แล้วยังขี้แยอีก ผมบอกว่าผมจะเป็นหวัดต่างหาก ครูก็ยิ้มๆ มองผมอยู่พักแล้วยกมือขึ้นลูบหัวผม บอกว่าอนาคตผมต้องได้เจอคนดีๆ แน่ แต่อาจจะมีอายุสักหน่อย ผมเลยบอกครูว่า ถ้าเป็นคนรุ่นพ่อผมยอมเป็นโสด ผมยังจำแม่นอยู่นะเนี่ย ครูดูดวงอะไรไม่รู้ น่ากลัวจริงๆ เลย ครูหัวเราะหึๆ แล้วบอกว่าต่อจากนี้ผมคงต้องเจอใครอีกหลายคน จะลืมครูก็ได้ แต่อย่าลืมรูปที่ครูวาดให้นะ ผมบอกครูว่าผมไม่ลืมหรอก ทั้งรูปที่ครูวาดแล้วก็ตัวครู เพราะผมรักครู รักทั้งๆ ที่รู้ว่าครูกับผมรักกันไม่ได้ตลอดนี่แหละ
   แล้วผมก็กอดครูอีกครั้ง กราบอกครูงามๆ แล้วก็ออกมา ผมน้ำตาซึมมาตลอดทางเลยล่ะ ความรักนี่ทั้งสวยงาม แล้วก็เศร้าจริงๆ นะ
   คืนนี้งานเลี้ยงของพี่นัทเลยกร่อย เพราะผมไม่มีอารมณ์รื่นเริงสักเท่าไหร่ พวกพี่นัทเลยถามใหญ่ว่าผมเป็นอะไร ผมขี้เกียจอธิบายเลยบอกว่าอกหัก พวกพี่นัทก็หันไปถามพี่นพเลยว่าผมอกหักจากผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมว่าพี่นพเริ่มปลงกับผมนานแล้วล่ะ เลยบอกว่าผู้ชาย คงรู้หรอกว่าผมคบกับครูอยู่ สรุปว่างานเลี้ยงเลยกลายเป็นงานอบรมผมแทน พวกพี่ๆ สารพัดจะหาข้อเสียของการชอบคนอายุเยอะกว่ามากๆ มาบอกผม เออ ผมรู้แล้วล่ะ ดีนะที่พวกพี่ไม่รู้ว่าครูพิสุทธิ์ดูดวงว่าผมจะได้คู่อายุเยอะสุดๆ ขืนรู้ไม่รู้จะทำหน้ายังไงกัน แต่ผมคงไม่อยากรักใครไปอีกพักใหญ่แหละ ถ้าต้องรักกับคนอายุรุ่นราวคราวพ่อ ผมยอมเป็นโสดดีกว่า
-------------------------------------------------
   9 มิถุนายน 254x
   วันนี้ผมมาทำใบขับขี่ คนที่สอบบอกว่าผมขับรถเก่งดี หัดนานหรือยัง ผมบอกว่าสามเดือน พี่ชายสอนให้
พี่นพเตรียมจะแต่งงานเลยซื้อรถคันใหม่ ยกรถคันเก่าให้ผม ให้ผมขับไปมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยที่ผมสอบติดอยู่ห่างจากบ้านพอสมควรเลยล่ะ ผมว่าแรกๆ อาจจะไปกลับได้ แต่พวกพี่นัทบอกว่า พอปีหลังๆ สงสัยผมต้องไปอยู่หอ พี่นพเลยบอก งั้นขับรถไปกลับก่อนแล้วกัน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยว่า เพราะติดแก๊สแล้วจ่ายถูกกว่าน้ำมัน ถูกกว่าค่าหอ ผมเลยตกลง
อ้อ ผมเพิ่งเปิดซองที่เอ้ให้มาก่อนปิดเทอม ก่อนหน้านี้ได้ข่าวแล้วว่ามันสอบติดมหาวิทยาลัยที่หวัง คณะตรงเสียด้วย บอกแล้วว่ามันเก่ง ในซองที่มันให้มามีซีดีแผ่นหนึ่ง กับกระดาษไข มีกระดาษแนบมาว่าผมยังจำรูปนางในฝันของมันได้รึเปล่า ถ้ายังไม่ทิ้งเอากระดาษไขไปทาบดู แล้วบอกว่าอย่าลืมฟังนะ เพลงที่มันแต่งให้นางในฝัน ผมเลยทำพร้อมกันทั้งสองอย่าง ผมรื้อแฟ้มเก็บภาพที่เอ้วาดให้ออกมา รูปนางในฝันของมันอยู่บนสุดเลยล่ะ เพราะผมเห็นว่าสวยดี เลยสอดไว้หน้าแฟ้มเลย สามปีมันวาดแต่รูปผมสอดไว้ในสมุด มีรูปนี้รูปเดียวที่เป็นรูปผู้หญิง ผมเลยเอากระดาษไขทาบลงไป
สามปีมันวาดแต่รูปผมจริงๆ แม้กระทั่งรูปนี้ก็ยังเป็นรูปผม ผมได้ยินเสียงตัวเองร้องเพลงที่มันแต่งให้ เห็นภาพเลยว่านั่งร้องกับมันบนเตียงในห้อง เคยซ้อนมอเตอร์ไซค์กับมัน เคยไปเที่ยวด้วยกัน ห้องปกครองยังเคยไปนั่งรอมันมาแล้ว เออ.. มันเป็นเพื่อนรักของผมจริงๆ เล่นเอาผมเขียนบันทึกต่อไม่ออกเลยนะเนี่ย เจอมันอีกทีคงต้องกอดแล้วทุบหลังมันแรงๆ บอกว่า กูก็รักมึงว่ะ ซะแล้วล่ะ
-------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------------
   16 มิถุนายน 255x
   วันรับปริญญาผมคึกคักไปด้วยคนหลากหลายอายุมาก นี่คือคำพูดที่พี่นัทพูดกับผมนะ เรียนสี่ปีผมไม่ริจีบครูแล้วล่ะ กลัวอกหัก แล้วก็ยังไม่มีใครที่ผมอยากจะชอบจริงๆ จังๆ เพราะรู้ว่าคนอายุมากกว่าเขาไม่จริงจังกับผมหรอก แต่ผมยังไม่มีรสนิยมชอบรอยตีนกานะ ผมยังชอบหน้าตึงๆ หุ่นดีๆ เหมือนเดิม พยายามมองคนรุ่นเดียวกันแต่ก็เหลว คบๆ เลิกๆ สงสัยผมจะกลายเป็นเพลย์บอยซะละมั้งนี่
   พี่นพมางานรับปริญญาผมด้วยล่ะ ขนาดว่ายุ่งๆ นะ ผมไปทำงานเป็นผู้ช่วยพี่นพได้สามเดือนแล้ว งานรับปริญญาน้องชายและผู้ช่วยทั้งที พี่นพคงไม่พลาด แต่ไม่ยอมเหน็บใบหม่อนมา หลานผมจะสี่ขวบแล้วนะ พี่นพแต่งงานไม่กี่เดือนก็ได้ลูก พี่ผมซะอย่าง แข็งแรงอยู่แล้ว ส่วนครูพิสุทธิ์ให้คนส่งดอกไม้มาให้ ลูกครูก็เกือบสี่ขวบแล้วล่ะ เป็นเด็กผู้ชายเหมือนกัน ครูเคยให้ภรรยาส่งรูปมาให้ น่ารักเหมือนแม่เลย มีเค้าตาง่วงๆ ของครูนิดหน่อย แต่ไม่เป็นโรคแบบครู ดีจัง ลูกครูทำผสมเทียมเอา แต่ครูกับภรรยาก็ดูจะไปกันได้ดีนะ ผมเคยไปเยี่ยมมาหนหนึ่ง ดูครูมีความสุขดีเชียวล่ะ ลาออกจากโรงเรียนมาเลี้ยงลูกแล้ว ลูกครูก็ชอบวาดรูปเหมือนครูเลย พอผมได้ดอกไม้ ผมเลยโทรหาครู บอกครูว่า ครูครับ ผมเรียนจบแล้วนะ ผมยังไม่มีแฟนนะ ผมไม่ปลื้มอาจารย์มหาวิทยาลัยที่อายุมากแถมมีรอยตีนกานะครู ครูหัวเราะหึๆ เหมือนเดิมอีกแล้ว แล้วบอกว่าเดี๋ยวถึงเวลา เลี่ยงยังไงก็เลี่ยงไม่พ้นหรอก ตอนนี้ยังไม่ถึงเท่านั้นเอง อยู่ใกล้ๆ ผมกระโดดกัดครูไปแล้วนะเนี่ย
---------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------
**
แถมรูปคุณไพฑูรย์ค่ะ ก่อนนพเจอตัวจริงตอนหน้า อิอิ

รูปตอนใส่ชุดสีชมพูที่นพเลือกให้นะ...(นพนี่เลือกชุดอะไรไม่รู้ เขินแทนคุณไพจริงๆ)

(http://i45.photobucket.com/albums/f68/juonkung/stair/paire.jpg)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 28-06-2011 20:27:47
เรื่องสนุก  รูปก็สวยทุกรูป  น้องคะ  พี่ชักอยากเห็นรูปฟ่งกับรูฟัสแบบที่ไม่ลงสีซะแล้วสิ
ฟ่งที่ใคร ๆ ก็ตกหลุมรัก  จะหน้าตาเป็นงัยหว่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 28-06-2011 20:30:04
^
^
^
รูปฟ่งขาวดำ มีในเล่ม1ค่ะ(จริงๆ ก็มีแทบทุกเล่ม ฮ่ะๆ ) รูปที่ขึ้นปกเล่ม5 เป็นคู่ของวรุตกับอิทธิเดชนะคะ (ตอบกระทู้กันคนละเรื่องกับนิยายเลยนะเนี่ย^^")
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 28-06-2011 20:44:29
ตั้งแต่อ่านนิยายมาไม่เคยอ่านไดอารี่แล้วเพลินได้เท่าของตานพเลยคะ
บรรยายได้สนุกมาก มีทั้งสุข เศร้า ซึ้ง ครบทุกรสเลย
แบบอยากเขียนไดอารี่ของตัวเองมั่งเลยอะ จะได้เอาไว้อ่านตอนแก่ตัวไปแล้ว
คงจะสนุกน่าดูเลยเนอะ
555

ตอนหน้าได้เจอคุรไพแล้ว อยากอ่านที่สุดเลย หุหุ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 28-06-2011 20:45:20
ครูพิสุทธิ์ นอกจากเป็นครูศิลปะแล้วยังเป็นหมอดูด้วย  o3
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 28-06-2011 20:51:24
รูปคุณไพฑูรย์ที่ใส่เสื้อสีชมพูเนี่ย ให้ออร่าเคะแล้วค่ะ เหมือนราชินีเคะเลยอ่ะ
ชอบๆๆๆๆๆๆๆ

ลุ้นตอนหน้าอยากรู้ความรู้สึกของนพเวลาแรกพบกับคุณไพฑูรย์
แบบนี้เรียกว่าไม่ชอบแบบไหน ก็ได้แบบนั้น หุหุหุ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 28-06-2011 21:05:43
น้ำตาซึมอีกแล้ว...อย่างน้อยครูพิสุทธิ์ก็ดูมีความสุขดีอ่ะนะ ยังไม่ขาดการติดต่อกับนพด้วย
ตอนหน้านพจะได้เจอคุณไพฑูรแล้ว...ลุ้นอ่ะ งานนี้มีกลืนน้ำลายตัวเองครูพิสุทธิ์ได้หัวเราะ หึหึ อีกแน่เลย(ดูดวงแม่นนะเนี่ย)
อยากเห็นหน้ารูปพี่นพกับลูกครูพิสุทธิ์จังเลยค่ะ...ท่าทางจะน่ารักมาก ๆ เลยอ่ะ
ภาพครูต้าต่างจากที่คิดนิดหน่อย แต่อิมเมจค่อนข้างตรงเลย ส่วนครูพิสุทธิ์ดูมีเสน่ห์มาก ๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 28-06-2011 21:15:50
ตอนหน้านะค่ะ
อิอิ
รออยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 28-06-2011 21:27:06
รุปตอนลุงไพว่ายน้ำทำเอาตกใจรริงๆนะเนี่ย
มาดเมะชัดๆ
แต่เอ.  สงสัยมานานแล้วว่าตกลงลุงแกมีชื่อเล่นมั้ยอ่ะเห็นว่าคำว่าไพนี่เป็นแค่คำนำหน้าชื่อจริงนิ
รูปลุงไพในชุดชมพูน่ารักเชียวหุๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 28-06-2011 21:33:14
ต้องมอบ :L2:แสดงความยินดีกับนพด้วยคนแล้ว แต่คงไม่สวยเท่าช่อของครูพิสุทธิ์หรอกนะ
ตอนต่อไปก็คงได้รู้แล้วนะคะว่านพเจอคุณไพฑุรย์ครั้งแรกที่ไหน อย่างไร แล้วรู้สึกยังไง
แล้วพอรู้อายุของคุณไพฑูรย์ว่าห่างกับตัวเองมาาาาาก ราวพ่อลูกกัน จะคิดถึงคำทำนายแบบไหน อิ อิ
ป.ล.ชอบรูปตัวละครทุกตัวเลยค่ะ จะมีใครว่าดิฉันแปลกคนไหมเนี่ย ถ้าดิฉันจะบอกว่าชอบรูปครูพิสุทธิ์เป็นพิเศษ

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 28-06-2011 21:43:26
^
^
ครูพิสุทธิ์เป็นคนมีเสน่ห์นะคะ ชอบไม่แปลกหรอกค่ะ คนเขียนยังชอบเลยค่ะ หุๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 28-06-2011 22:08:17
อ้างถึง
รูปฟ่งขาวดำ มีในเล่ม1ค่ะ(จริงๆ ก็มีแทบทุกเล่ม ฮ่ะๆ ) รูปที่ขึ้นปกเล่ม5 เป็นคู่ของวรุตกับอิทธิเดชนะคะ
เป็นนิยายในเล้ารึเปล่าคะ?...ทำไมหาในนิยายที่จบแล้วไม่เจอล่ะ อยากอ่านอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 28-06-2011 22:20:38
^
^
ลงในเล้าค่ะ ชื่อเรื่อง "My neighbor is a spy คนข้างห้อมผมเป็นสายลับ" ค่ะ แต่ยังลงไม่จบน่ะค่ะ เพราะยาว(พอดีลงเนื้อหาฉบับรวมเล่มในเล้าด้วย เลยต้องรอเนื้อหาอีดิทก่อนลงต่อน่ะค่ะ)

แปะลิ้งให้แล้วกันค่ะ^^
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=25823.0
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 28-06-2011 22:31:45
รูปก็สวย เรื่องก็สนุก

ตอนหน้าได้เจอคุณไพฑูรย์แล้ว

 :L2: :L2:   
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 28-06-2011 22:45:09
ดีใจถึงจะแยกกันไปแต่ก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อกัน

วิ้ว วิ้ว  :mc4: :mc4:

ตอนหน้าจะได้เจอคุณไพแล้ว :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 28-06-2011 22:57:54
แอบสงสัยเบาเบา... ว่าเอ้รักนพแบบไหนกันแน่ อิอิ

อ่านตอนนี้จบ ยิ่งหลงรักครูพิสุทธิ์ ชอบรูปวาดด้วย >_<

แอบเสียน้ำตานิดนิด ตอนนพไปลาครูพิสุทธิ์ T^T
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 28-06-2011 23:29:06
ใจลึกๆ ชักไม่อยากให้เปี๊ยกคู่กับลุงแกแล้วสิ อยากให้คู่กับครูพิสุทธิ์มากกว่าอีกนะเนี่ย อ่านนิยายมาตั้งเยอะ เพิ่งมาน้ำตาซึมเอาเพราะครูพิสุทธิ์นี่เอง  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 29-06-2011 01:52:53
เสป็กของนพนี่ตายตัวมากเลยเนาะ
แล้วทุกคนก็รักนพ  เพราะนพ"น่ารัก"

อยากอ่านตอนที่เจอคุณไพฑูรย์แว๊บแรกจริงๆ


เป็นการอ่านที่เหมือนแอบอ่านไดอารี่ของนพเลยอ่ะ รู้สึกผิดแต่หยุดอ่านไม่ได้
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 29-06-2011 03:24:53
ตอนหน้าเจอลุงแล้วใช่ไม๊นี่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 29-06-2011 08:50:41
อ้างถึง
แปะลิ้งให้แล้วกันค่ะ^^
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=25823.0
ขอบคุณค่ะ...เดี๋ยวขอตามไปอ่านก่อน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: butterfly_bee ที่ 29-06-2011 14:45:26
นพจะได้เจอคุณไพฑูรย์แล้วว
อยากรู้ว่าความรู้สึกของนพตอนเจอคุณไพฑูรย์ครั้งแรกจะเป็นไง
จะรักแรกพบเลยรึเปล่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MokGaLaKom ที่ 29-06-2011 18:11:27
รอตอนหน้า คิดถึงคุณไพมากมาย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 29-06-2011 23:16:58
 :o8:

รอตอนหน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 29-06-2011 23:33:01
รอคุณไพ :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 01-07-2011 01:02:44
เอ้เจ๋งมากอ่ะ ชอบบบบ สารภาพแบบไม่หวังอะไรจริงๆ ส่วนครูพิสุทธิ์ก็ป็นความทรงจำที่สวยงามT^Tลึกซึ้ง!
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 02-07-2011 08:47:30
น้องไพจะมาแล้ว อีกนึดเดียว อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-07-2011 20:13:35
**กลับมาแล้วค่า มาต่อตอนที่รอคอยแล้ว อิอิ
-----------------------------------------
บันทึกของนายนพรัตน์ (ช่วงที่7)
   31 ธันวาคม 255x
   เผลอแป๊บๆ ก็เรียนจบมาจะสองปีแล้ว ชีวิตผมราบรื่นดี ได้ทำงานเป็นผู้ช่วยพี่นพสมใจ แล้วก็รับงานฟรีแลนซ์บ้าง อันนี้พี่นพบังคับให้ทำล่ะ บอกว่าให้ผมลองทำอย่างอื่นดู เผื่อจะชอบ แน่ะ พี่นพไม่อยากได้ผู้ช่วยแบบผมหรือไงนะ แต่ทำฟรีแลนซ์ก็ดี วันก่อนได้เจอเอ้ด้วยล่ะ มันทำงานเป็นออกาไนซ์อยู่บริษัทQนี่เอง ไม่เจอกันเกือบหกปี มันเลิกย้อมหัวทองแล้ว แต่เจาะหูเหมือนเดิม พอมันเจอผมก็ยิ้มๆ ผมก็ยิ้มๆ แล้วบอกว่านางในฝันมันน่ะ ผมเจอแล้วนะ มันเลยบอกผมว่า ยกให้ ตอนนี้มันเจอคนอื่นแล้ว ผมเลยทุบมันไปทีหนึ่ง แล้วบอกมันว่าดีว่ะที่เจอแล้ว ผมสิยังหาไม่เจอเลย มันมองผมอึ้งๆ แล้วถามว่าพูดจริงดิ ผมบอกจริง เรียนจบมาจะสองปีแล้วผมยังหาแฟนไม่ได้เลย ไม่ถูกสเป็กสักคน มันหัวเราะ แล้วบอกว่า สงสัยผมรอคู่ฟ้าส่งมาเกิดอยู่ เออ เป็นอย่างมันพูดก็ดีนะ ดีกว่าคู่ผมรอผมมาเกิด อันนี้คงจะดูสยองไป
-----------------------------------------------------------
   18 มกราคม 255x
   พี่บอยย้ายไปเปิดร้านอาหารใหม่ หลังจากโดนเจ้าของที่เดิมขึ้นค่าเช่า ผมกับพี่นัทเห็นด้วยสุดๆ ว่าพี่บอยย้ายเลย อยู่ให้เขาโขกสับทำไม พี่บอยก็เลยย้าย แต่คราวนี้ไกลที่ทำงานผมพอสมควร แต่เอาเถอะ พี่บอยย้ายร้านทั้งที ผมต้องมาสิ ค่าที่ผมกินฟรีร้านพี่บอยไปเยอะ ก็พี่บอมบ์แฟนพี่บอยที่เป็นกุ๊กทำอาหารอร่อยสุดๆ นี่นา
   พี่นัทมาช่วงบ่ายๆ บอกว่ามาเปิดแถวนี้ดีมาก เพราะใกล้ที่ทำงาน เดี๋ยวจะมาอุดหนุนบ่อยๆ พี่บอยบอกว่าขอให้สมพรปาก อย่าลืมชวนเพื่อนมาทานกันเยอะๆ ล่ะ ผมเห็นด้วยนะ ย้ายร้านอาหารใหม่ทีมันลำบากเรื่องหาลูกค้าจริงๆ แต่พี่บอยมีลูกค้าประจำเยอะนะ เปิดร้านวันแรกผมยังเห็นลูกค้าเก่าตามมากินเยอะแยะเลย กิจการพี่บอยรุ่งแน่ รับรองได้
---------------------------------------------------------------
   13 มีนาคม 255x
   พี่บอยเปิดร้านมาสามเดือนแล้ว ผมแวะมาช่วยบ้างเสาร์อาทิตย์ เพราะติดใจกับข้าวฝีมือพี่บอมบ์ อย่างกับคนติดฝิ่นแน่ะ ไม่ได้กินอาทิตย์ไหน นอนไม่หลับเลยนะเนี่ย พี่บอยบอกเวอร์ นี่ถ้าไม่รู้จักกันดี จะบอกว่าผมริอาจจะจีบพี่บอมบ์แล้วนะเนี่ย ผมเลยเถียงว่าอย่างพี่บอมบ์ยังแก่ไม่พอหรอก เนื้อคู่ผมต้องรุ่นพ่อ มีครูเคยดูดวงให้ผมแบบนี้ ผมเลยกะว่าอยู่เป็นโสดดีกว่า พี่บอมบ์ที่ผัดข้าวให้ผมอยู่เลยตะโกนมาว่า พี่ก็ไม่พิศวาสเปี๊ยกเหมือนกันแหละ เพราะไม่เปี๊ยกเลยสักนิด พี่บอยบอกว่าถ้าพี่บอมบ์กับผมคบกันจริง เตียงพังแน่ ดูขนาดแต่ละคนแล้ว ส่งไปเล่นมวยปล้ำน่าจะรุ่ง ผม ขำท้องแข็งเลย คุยๆ กันอยู่พี่นัทก็เดินเข้ามา เลยถูกพี่บอยแซวว่า ไหนบอกว่าจะหาลูกค้ามาให้ไง สามเดือนโผล่มาไม่กี่หนเอง พี่นัททำหน้าหงิกๆ แล้วบอกว่า พามาแล้ว แต่ไม่กล้าพามาวันธรรมดา เพราะจอมโหดที่บริษัทชอบมากินข้าวที่นี่
ผมกับพี่บอยเลยถามว่าเจ้านายดุมากเลยเหรอ ที่ทำงานน่ะ พี่นัทบอกว่า บอสใหญ่น่ะไม่ดุ แต่คนที่เป็นผู้บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคลอ่ะดุโคตรๆ อย่างกับยักษ์กับมาร พี่บอยขำใหญ่ บอกว่าเกิดมาเพิ่งเห็นนัทกลัวใครนี่แหละ พี่นัทเลยบอกว่า ต้องไปลองเองแล้วจะรู้ฤทธิ์เดชแก พี่บอยเลยบอกว่า ว่างๆ แวะมาชี้ให้ดูหน่อยสิ อยากเห็นหน้ายักษ์หน้ามาร พี่นัทบอก ไม่เอา ไม่อยากเสี่ยงตาย ผมเลยบอกว่าน่ากลัวขนาดนั้นเลยนะ พี่นพทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลยังไม่ดุเลย พี่นัทบอกว่า รายนี้ดุยิ่งกว่าหมา ร้ายยิ่งกว่าเสือ ผมกับพี่นัทเลยถามว่าแกอายุเท่าไหร่แล้วน่ะ นึกกันในใจว่าคงจะห้าสิบหกสิบแล้ว พี่นัทบอกว่าสี่สิบต้นๆ พี่บอยไม่รู้นึกไร หันมาแซวผมนะว่าไม่แน่อาจจะเป็นเนื้อคู่ผมก็ได้ ผมเกือบต่อยพี่บอยเลยนะ จะบ้าเรอะ สี่สิบกว่า ผมไม่เอาหรอก แถมดุเป็นยักษ์เป็นมาร ผมขอเป็นโสด เป็นโสดจนตายเลยดีกว่า พี่บอยพูดอะไรไม่รู้ ทำร้ายจิตใจผมจริงๆ เลยนะเนี่ย
-------------------------------------------------------
   16 มิถุนายน 255x
   วันนี้ฝนตกหนัก เลยพาลูกค้ามาแวะทานข้าวที่ร้านพี่บอย เพราะขับรถผ่านพอดี ปกติผมไม่ค่อยได้แวะมาร้านวันธรรมดานะ มันไกลที่ทำงาน พอมาจริงก็เพิ่งรู้ว่าร้านพี่บอยขายดีเหมือนเดิมล่ะ คนเต็มร้านเลย
   พอพี่บอยรู้ว่าผมพาลูกค้ามา รีบออกมารับ บอกว่าเปี๊ยกรอแป๊บหนึ่งนะ มีลูกค้าคนหนึ่งจะลุกแล้ว ผมเลยยืนรอ ร้านอาหารพี่บอยกึ่งกลางแจ้งกึ่งในร่มนะ คือมีทั้งที่เป็นโต๊ะเรียงกันยาวใต้หลังคาเลย กับที่เป็นซุ้ม แต่ซุ้มน่ะซุ้มใหญ่พอควรล่ะ ชนิดที่ว่าฝนตกไม่มีเปียก
    พี่บอยเรียกเด็กมายืนกางร่มให้พวกผม รอต่อโต๊ะ บอกว่าลูกค้าคนนี้ตรงเวลาน่ะ เดี๋ยวก็ลุกแล้ว บอกว่าอยู่ซุ้มมุม ฝนตกหนักใช้ได้เลยล่ะ ผมเลยไม่เห็นว่าหน้าตายังไง แต่ก็คิดว่าเขาไม่ต้องรีบลุกมากก็ได้ เดี๋ยวจะเปียกเอา
   สักพักเขาก็ลุกนะ เหมือนจะเป็นผู้ชาย เพราะใส่เสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนๆ กางเกงสแล็กสีดำ สูงสักร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ เห็นจะได้ แต่ตัวเล็กอยู่ แบบว่าโครงสร้างไม่ใหญ่มากน่ะ ตอนเขาลุกฝนซาพอดี ผมเลยได้มองเขาหน่อยหนึ่ง ผมมองไม่ชัดเพราะต้องป้องฝนให้ลูกค้า รู้แต่ผิวเขาขาวมาก มือเรียวสวยเลย เห็นหน้าไม่ชัดหรอก เพราะร่มบัง แต่ขนาดฝนตกนะ เขายังเดินตัวตรงสวยเลยล่ะ ดูเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองดีจัง
   ผมเลี้ยงข้าวลูกค้าเสร็จ กลับมาบริษัทแล้ว ยังติดใจเรื่องคนที่ลุกไปก่อนหน้าผมไม่หาย ไม่รู้สิ ผมเห็นเขาแค่มือเท่านั้นเองนะ แต่ทำไมติดใจขนาดนี้ก็ไม่รู้ ไว้พรุ่งนี้แวะไปถามพี่บอยดูดีกว่า เพราะฟังจากที่พี่บอยพูด เหมือนจะเป็นลูกค้าประจำ
-----------------------------------------------------------
   17 มิถุนายน 255x
   ผมมาหาพี่บอยที่ร้าน ถามเรื่องลูกค้าคนนั้น พี่บอยทำหน้าแปลกใจ แล้วแซวว่าผมชอบเหรอ ผมบอกเปล่า แค่ติดใจ บอกไม่ถูกเหมือนกัน เพราะหน้ายังไม่เห็นเลย พี่บอยเลยบอกว่าเขาทำงานอยู่บริษัทใกล้ๆ นี่แหละ ปกติจะมาวันธรรมดา วันนี้วันเสาร์ ผมมาก็ไม่เจอหรอก
   ผมผิดหวังหน่อยๆ แต่ก็คิดว่าแค่คนที่ยังไม่เห็นหน้าเลยผมจะติดใจอะไรนักหนานะ เลยบอกพี่บอยว่าไม่เป็นไร ถ้าดวงสมพงศ์กันผมคงได้เจอเขาอีกแหละ พี่บอยยิ้มๆ แล้วบอกว่าทำไมต้องรอดวง พึ่งตัวเองบ้างสิ วันจันทร์มาเลย เพราะปกติวันจันทร์เขาจะมาทุกที
   ดูพี่บอยสิ จะเชียร์ผมทั้งที เชียร์กับคนที่ไม่รู้ว่าใครด้วยนะ เชื่อพี่เขาเลย
-------------------------------------------------------------
   19 มิถุนายน 255x
   ผมขับรถมาร้านพี่บอย เพราะวันนี้งานไม่ค่อยเยอะ นั่งว่างๆ เลยมาร้านพี่บอยดีกว่า เผื่อจะเจอกับลูกค้าคนนั้น ผมก็จริงๆ เลยนะ เห็นแค่มือยังจะติดใจขนาดนี้ หรือว่าผมจะเจอเนื้อคู่เข้าแล้ว แต่ครูพิสุทธิ์บอกว่าเนื้อคู่ผมต้องรุ่นพ่อ ไม่หรอกน่า ผมเห็นแต่มือก็จริง แต่มือเขายังเรียบตึงอยู่เลย ดูไงไม่น่าอายุเกินสามสิบต้นๆ ผมอยากลองเจอหน้าเขาสักที จะได้รู้ว่าหน้าตายังไงกันแน่
   พอเห็นหน้าผมพี่บอยก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ บอกว่าแน่ะ ติดใจแค่มือจริงๆ ด้วย ผมเลยเถียงว่าผมว่างต่างหาก เลยแวะมา พี่บอยบอกว่า มาได้เวลา เขามาแล้ว นั่งอยู่โต๊ะเดิมน่ะ จะเข้าไปคุยเลยมั้ย ผมเลยบอกว่าใจเย็นพี่ หน้าผมยังไม่เคยเห็นเลย จะให้เดินเข้าไปคุยได้ไง ขอดูหน้าก่อนก็แล้วกัน พี่บอยเลยพาผมเดินไปดู แต่จะเดินไปยืนดูเลยก็น่าเกลียด ผมเลยทำทีเป็นเดินผ่านๆ
   โห... ขาวสุดๆ เลยล่ะ ผู้ชายนะ แต่ขาวจั๊วะ ขนาดใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวติดกระดุมถึงคอยังรู้สึกเลยว่าขาวมาก ปากสีชมพูเลยล่ะ แต่มีอายุพอสมควรแล้ว ผมว่าสักสามสิบต้นๆ ได้
   ขาวอย่างเดียวไม่ว่า หล่อสุดๆ ผมว่าผมเห็นคนมาเยอะนะ ทำงานกับพี่นพเห็นคนหลายแบบ หล่อๆ ก็มี แต่คนนี้แบบว่าหล่อมาก ขนาดผมตั้งใจตอนแรกว่าจะทำเนียนเดินผ่าน ยังต้องชะงักมองหน้าเขาเลยน่ะ ตอนนั้นเขาก้มอยู่ กำลังกินข้าว ท่าทางดูเรียบร้อยสุดๆ มือเรียวไม่มีรอยแตกตรงข้อเลย สักพักเขาก็เงยขึ้นมา เขาหล่อจริงๆ นั่นแหละ คางเรียว จมูกโด่งสวยเลย แต่ตานี่สิ ดุสุดๆ เหมือนเขาจะไม่พอใจที่เห็นผมหยุดมอง ผมเลยรีบเดินจ้ำออกมาเลย
   พอเดินกลับมาพี่บอยถามหน้าระรื่นว่าเป็นไง ผมตอบไม่ถูกเลยล่ะ เขาหล่อมากนะ แบบว่าหน้าตาดีชนิดใครเห็นต้องเหลียวหลังมองแน่ แต่ตาดุ ดุมากเลย ดุจนต้องรีบเดินหนีเลยล่ะ
   พอเห็นผมยืนอึ้งพี่บอยเลยแซวใหญ่ บอกว่าปิ๊งเลยล่ะสิ ผมยังอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่อีกพัก ถึงพอพูดออกไปได้ บอกพี่บอยว่าเขาหล่ออยู่หรอกนะ แต่ผมคงสู้ไม่ไหว ตาดุขนาดนั้น ผมว่าเขาดุแน่ แถมอายุก็เยอะอยู่ ผมจะจีบยังไงไหว พี่บอยก็เชียร์อีก บอกไม่ลองไม่รู้ จะรอคนรุ่นพ่อหรือไง เออแน่ะ พี่บอยนะพี่บอย เข้าใจจี้จุดผมจริงๆ ผมไม่รอคนรุ่นพ่อหรอกนะ เจอคนรุ่นพ่อ ผมขอยอมเป็นโสด แต่ผมก็ไม่สิ้นคิดขนาดจะเข้าไปโดนคนรุ่นพี่ตะเพิดใส่ฟรีๆ หรอกนะ ขอผมอยู่สงบๆ ของผมไปดีกว่า
---------------------------------------------------------
   20 มิถุนายน 255x
   เมื่อคืนนอนไม่หลับ นึกอยากเจอผู้ชายตาดุๆ คนนั้นอยู่ทั้งคืน เช้าเลยตื่นสายโด่ง พี่นพโทรมาถามว่าไม่สบายเหรอ ผมไม่รู้จะบอกว่าไงเลยบอกไปตามตรงว่าเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ พี่นพเลยถามว่ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือไง ผมจะตอบว่าไงดีล่ะ บอกว่าไปติดใจใครไม่รู้ที่ร้านพี่บอยจนนอนไม่หลับ พี่นพคงเครียดต่อจากผมแน่ ผมเลยต้องโกหกไปว่าสงสัยผมจะเครียดสะสมล่ะมั้ง พี่นพเลยบอกงั้นหยุดพักสักวันก็ได้ เพราะวันลาผมยังครบดี ไม่เคยใช้เลย หัดใช้ซะบ้าง
   ผมแอบอายเหมือนกันนะที่โกหกพี่นพไปแบบนั้น แต่ก็ไม่รู้จะพูดไงนี่ วันนี้เลยได้หยุด ผมอยู่บ้านว่างๆ ไม่มีอะไรทำ เลยขับรถไปที่ร้านพี่บอยอีก สงสัยจะติดใจคนคนนั้นจริงๆ นั่นแหละ
   คราวนี้พอพี่บอยเห็นหน้าผมก็ขำทันที ตะโกนบอกพี่บอมบ์ว่า เปี๊ยกมันติดใจลูกค้าเราแหละ หยุดงานมาดูเลยเนี่ย ผมเลยเถียงว่าผมหยุดเพราะตื่นสาย พี่บอยเลยถามว่าทำไมตื่นสาย ผมเลยบอกว่านอนไม่หลับ พี่บอยยิงคำถามตรงประเด็นทันที ว่าเพราะคิดถึงคนขาวๆ คนนั้นใช่ไหมล่ะ ผมก็อึ้งสิ จะตอบไงล่ะ เรื่องจริงเถียงไม่ออกเลย พี่บอยขำก๊ากอีก เรียกพี่บอมบ์ออกมา บอกว่าบอมบ์ แย่แล้วล่ะ เปี๊ยกไม่ติดใจกับข้าวฝีมือบอมบ์แล้ว ติดใจลูกค้าที่บอมบ์ทำกับข้าวให้แทน พี่บอมบ์เลยบอกว่า เปี๊ยกมาเป็นผู้ช่วยในครัวมั้ย เผื่อจะได้ทำกับข้าวจีบเขา ผมเลยบอกว่าพี่ ครัวพี่จะพังก่อนที่ผมจะได้ทำอะไรน่ะสิ อยากรู้ฤทธิ์เดชฝีมือทำครัวผม ดูพี่นพเอาก็ได้ พี่ๆ สองคนรีบพยักหน้าทันที พี่บอยเลยให้ผมช่วยดูเคาน์เตอร์คิดเงิน
   วันนี้เขาก็มาอีกแล้วล่ะ คราวนี้ผมได้เห็นเขาตั้งแต่ลงรถเดินมาที่ร้านเลย เพราะเคาน์เตอร์อยู่ใกล้ประตูร้านพอดี
   เขานั่งแท็กซี่มานะ แต่ท่าทางดูภูมิฐานมาก จนผมคิดว่ารถเขาอาจจะเสียเลยต้องใช้แท็กซี่ แต่พี่บอยบอกว่าเขานั่งแท็กซี่มาประจำ
   เขาเดินตัวตรงสง่ามากเลยล่ะ หวีผมเรียบร้อย ผมว่าเขาทำผมเหมือนคนอายุสี่สิบเลยนะ ทั้งๆ ที่เพิ่งอายุแค่สามสิบต้นๆ เอง ใส่เสื้อเชิ้ตติดกระดุมถึงคออีกแล้ว ผูกเน็กไทสีน้ำตาล เข้ากับเสื้อสีครีมอ่อนดีหรอก ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบแต่งตัวฉูดฉาดนะ แต่ทั้งเสื้อทั้งกางเกงรีดเรียบจนเห็นเป็นรอยจีบเลย ดูก็รู้ว่าเป็นคนเนี๊ยบสุดๆ
   เขานั่งโต๊ะตัวเดิม แล้วก็สั่งอาหาร ผมอยากรู้จังว่าเขาชอบทานอะไร พอเด็กเดินเอาเมนูมาส่งผมเลยแอบดู ตายล่ะ ชอบกินคล้ายๆ ผมเลย ผมแอบเขิน นึกว่าอาจจะเจอเนื้อคู่ก็ได้นะ อย่างน้อยก็ชอบกินอะไรตรงกัน แต่ก็รีบด่าตัวเองว่าผมนี่เพ้อเจ้อจนอายุยี่สิบกว่าจริงๆ ยืนมองเขาเฉยๆ ยังไม่พอ มาจินตนาการอะไรแบบนี้อีก เลยรีบเอาเมนูไปส่งพี่บอมบ์ แล้วก็ออกมายืนที่เคาน์เตอร์ รอลูกค้าคนอื่นต่อ
   แต่ไม่รู้เป็นอะไร ตามันจ้องจะหันไปมองเขาคนนั้นทุกที จนพี่บอยมาไล่ บอกว่าไม่ต้องเฝ้าแล้ว ไปนั่งมองให้พอใจเลย โห... ถึงผมจะอยากมองนะ แต่ถ้าให้ไปนั่งจ้องตรงๆ ผมไม่กล้าหรอก ยังไม่หน้าหนาขนาดนั้น ให้ไปนั่งแอบมองก็ดูโรคจิตอีก พี่บอยเลยบอกว่าที่ทำอยู่นี่ก็โรคจิตแล้ว อยากคุยก็เดินไปทักเลยสิ ผมบอกว่าจะทักอะไรล่ะ รู้จักก็ไม่รู้จัก แถมเขาดูดุขนาดนั้น ผมไม่อยากถูกไล่ออกมาหรอกนะ
   พี่บอยไม่ฟัง ลากผมออกจากเคาน์เตอร์ บอกว่าเดินไปเลย เหนียมอะไร ตัวเองก็หน้าตาดี คารมเป็นเลิศ อยากจีบใครก็จีบติดอยู่แล้ว แหม...เชียร์จริง ตัวเองมีคู่แล้วก็พูดได้สิ อย่างผมน่ะ ถึงจะถูกนินทาว่าทำตัวเป็นเพลย์บอยตั้งแต่อายุยี่สิบกว่า แต่ผมก็ตั้งใจของผมนะว่าจะครองโสดไปตลอดชีวิต ถ้าต้องรักกับคนรุ่นพ่อ ก็เลยไม่คบกับใครจริงจังสักที แถมหาคนถูกใจรุ่นเดียวกันก็ไม่เจอ คราวนี้เจอถูกใจทั้งที ดันเป็นคนที่ดูน่ากลัวขนาดนี้อีก เออ ผมยอมรับว่าคงปิ๊งเขาแล้วล่ะ แต่ไม่กล้าจีบเลยนี่สิ กลัวถูกเขาไล่ กลัวอกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม แย่จริงผม กลับไปกลัวเหมือนตอนเป็นเด็กม.ต้นอีกแล้วสิเนี่ย
   ผมโดนพี่บอยผลักออกมานอกเคาน์เตอร์ ออกมายืนเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะทำอะไรต่อ เลยกะว่าจะทำเนียนเดินผ่านเขาอีกรอบ เอ่อ.. ผมรู้หรอกนะว่าดูโรคจิต แต่อยากมองหน้าเขานี่ เขาหล่อ.. สวยเลยล่ะ แถมมาคนเดียว ไม่รู้เขามีแฟนแล้วหรือยังนะ แต่ดูดุๆ แบบนี้อาจจะยังไม่มีก็ได้
   ผมคิดฟุ้งซ่านของผมไปเรื่อย เดินไปก็ชำเลืองมองเขาไป เขาก็มองผมนะ พอผมเดินผ่าน เขาก็ถามว่าไม่มีที่นั่งเหรอ เสียงเขาไม่ทุ้มไม่แหลมนะ ไม่ดุมาก แต่เย็นชาน่ะใช่เลย เสียงราบเรียบสุดๆ ผมอึ้งอยู่พักหนึ่ง หันซ้ายหันขวา เพิ่งเห็นว่าโต๊ะเต็ม เลยเนียนพยักหน้าไป
เขาเลยบอกว่านั่งตรงข้ามเขาก็ได้
   ผมใจเต้นเป็นรัวกลองเลยล่ะ เห็นเขาตาดุๆ แต่ก็ใจดีเหมือนกันนะเนี่ย เรียกผมนั่งเพราะคิดว่าผมไม่มีที่นั่ง ผมเลยเนียนเรียกเด็กมาสั่งข้าว ทั้งๆ ที่ยังไม่หิวสักนิด จงใจสั่งแบบเดียวกับเขานั่นล่ะ แต่เอาเถอะ ถึงไม่รู้ ผมก็ชอบกินของผมอยู่แล้ว
   พอได้ยินผมสั่ง เขาเงยหน้ามองผมหน่อยหนึ่ง ผมล่ะแอบตื่นเต้นเลยว่าเขาจะทักผมว่าชอบอะไรเหมือนกันรึเปล่านะ ผมจะได้เปิดประเด็นสนทนาต่อ แต่ก็เปล่า เขามองเฉยๆ แล้วก็หันไปทางอื่น ผมก็เลยได้แต่นั่งตัวแข็ง มองไปทางอื่นบ้าง แต่แอบเหลือบมองเขาตลอดเลย
   คนอะไรไม่รู้ หน้าตาดีสุดๆ ขาวก็ขาว ผิวเนียนเรียบเลย ไฝสักเม็ดยังไม่เห็น ตาคม จมูกโด่ง ปากสวยสีชมพูเลยล่ะ ผมคิดเลยนะว่าเวลาจูบคงรู้สึกดีน่าดู เออ ผมนี่ก็น่าเกลียดจริง กล้าคิดอะไรแบบนี้กับคนที่ไม่เคยรู้จักด้วย แค่คุยผมยังไม่กล้าคุยเลย ยังจะหน้าด้านไปนึกถึงเรื่องจูบ อาการหนักแล้วนะผมเนี่ย
   ข้าวผมได้หลังจากเขาสักพัก เขาเลิกคิ้วมอง แต่ก็ไม่พูดอะไร ผมก็เลยได้แต่นั่งกินเงียบๆ ไม่กล้าพูดอะไรเหมือนกัน สักพักเขาก็เรียกเก็บเงิน แล้วก็เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก ผมว่าเขาคงไม่ค่อยชอบพูดล่ะ ส่วนผมน่ะชอบนะ แต่เจอเขาแล้วพูดไม่ออกสักคำ
   กินเสร็จพี่บอยรีบมาถามว่าเป็นไงบ้าง ผมกัดปาก ไม่รู้จะตอบว่าอะไร พี่บอยบอกว่าผมท่าจะแย่ ใบ้กินซะแล้ว แค่นั่งด้วยเฉยๆ ก็หน้าแดงเป็นแตงโมเลย เออ ผมเขินของผมจริงๆ นะเนี่ย โตจนอายุยี่สิบสองจะยี่สิบสามเข้าไปแล้ว ยังจะเขินแบบนี้อยู่อีก แต่ผมเขินจริงๆ นั่นแหละ เขินเขาทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้คุยอะไรกันเลย ผมคงจะแย่แล้วจริงๆ
----------------------------------------------------
   29 มิถุนายน 255x
   ตอนเที่ยงผมไปวนเวียนอยู่ร้านพี่บอยหลายวัน เพื่อเจอหน้าผู้ชายคนนั้น แค่เจอเฉยๆ น่ะ ยังไม่ได้คุยอีกเลย ไปมองเขาเฉยๆ เลยกลับมาทำงานสาย จนพี่นพเริ่มถาม วันนี้เลยต้องกินข้าวแถวๆ บริษัท แต่ก็ไม่วายนึกถึงเขาอยู่ดี อยากรู้ว่าเขาชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน ทำงานอะไรกันแน่ พี่บอยบอกว่าเขาทำงานอยู่บริษัทใกล้ๆ ผมเลยนึกว่ามีใครทำงานอยู่บริษัทใกล้ๆ บ้างนะ เหมือนพี่นัทจะเคยบอกว่าทำงานอยู่แถวนั้นนี่นา ผมลองถามพี่นัทดีกว่า
   พอเลิกงานผมก็โทรถามพี่นัทว่า พี่นัทรู้จักผู้ชายอายุสักสามสิบกว่าๆ ขาวๆ ตัวเล็กๆ หล่อๆ บ้างรึเปล่า พี่นัทนึกอยู่พัก แล้วบอกว่าคนดูดีขนาดนั้นที่บริษัทพี่ไม่มีหรอก ผมเศร้าเลย นึกว่าจะได้รู้เรื่องเกี่ยวกับเขาเพิ่มเสียอีก ไม่เป็นไร ผมลองถามพี่บอยอีกทีก็ได้ เผื่อพี่บอยจะเคยคุยกับเขาบ้าง อาจจะรู้ว่าเขาทำงานอยู่บริษัทอะไรก็ได้
------------------------------------------------------
   16 กรกฎาคม 255x
   วันนี้ออกไปส่งลูกค้า ขากลับผมเลยแวะร้านพี่บอยอีก ตอนผมเดินเข้ามาเขาลงจากแท็กซี่พอดี โอย... ผมแทบหยุดหายใจ ไม่ได้มาเจอหน้าเขาหลายวันนะ พอได้เจอยิ่งรู้สึกว่าเขาดูดี ไอ้ภาพที่ผมจินตนาการเอาไว้เทียบไม่ได้เลยล่ะ คนอะไรดูดีสุดๆ เขาเดินผ่านผมไปอีกแล้ว เขาคงจำผมไม่ได้หรอก ดีแล้วล่ะ เพราะที่ผมทำแต่ละอย่าง เข้าข่ายโรคจิตแล้วมั้ง ขืนเขาจำได้ผมคงไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหนดี ผมว่าเขาหน้าตาดุน่ะใช่ แต่คงไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไรหรอก เพราะวันก่อนยังชวนผมนั่งด้วยเลย ถึงอย่างนั้น อย่าให้เขารู้เลยดีกว่าว่าผมตามเขาแบบนี้ เพราะท่าทางจะโดนโกรธแน่นอน   
   ผมเดินตรงไปหาพี่บอยก่อน รอจนพี่บอยคิดเงินลูกค้าเสร็จ เลยถามพี่บอยว่า ผู้ชายขาว ๆ คนนั้นน่ะ พี่บอยรู้รึเปล่าว่าเขาทำงานที่บริษัทอะไร พี่บอยบอกว่าไม่รู้หรอก แต่เดี๋ยวถามให้แล้วกัน เพราะเห็นผมดูจะติดใจมาก ผมเลยบอกพี่บอยว่าฝากด้วยนะ ผมติดใจเขาจริงๆ นั่นแหละ
   พี่บอยเดินหายไปสักพัก พอกลับมาก็ยิ้มร่า บอกผมว่าผมมีหวังนะ เพราะเขาทำงานอยู่ที่เดียวกับนัท พี่บอยบอกว่าไม่กล้าถามชื่อเขา เลยคุยเล่นๆ ว่ามีเพื่อนทำงานอยู่บริษัทแถวนี้เหมือนกัน เขาเลยถามว่าชื่ออะไร พอบอกชื่อเขาก็พยักหน้า ท่าทางจะอยู่บริษัทเดียวกันนั่นแหละ พี่บอยบอกว่าเขาไม่ค่อยพูดนะ แถมเวลาคุยด้วยให้บรรยากาศกดดันยังไงไม่รู้ ขนาดพี่ว่าพี่พูดเก่งพอคุยกับเขาจริงๆ ยังพูดไม่ค่อยออกเลย ผมก็เลยบอกว่านั่นแหละ ผมเลยไม่รู้จะเริ่มยังไง
   แต่ผมนึกได้ว่าเคยถามพี่นัทแล้ว พี่นัทบอกว่าที่บริษัทไม่มีคนหน้าตาดีขนาดนี้ พี่บอยเลยแซวว่านัทมันคิดว่าตัวเองหน้าตาดีที่สุดรึเปล่า วันไหนลองโทรชวนมาสิ มาดูกับตาเลยว่าอยู่บริษัทเดียวกันจริงไหม เผื่อรู้จักจะได้แนะนำกัน ผมก็เห็นด้วยนะ ให้แอบมองอย่างนี้นานๆ ผมได้กลายเป็นพวกแอบจิตจริงๆ แน่
---------------------------------------------
   8 สิงหาคม 255x
   ผมงานยุ่งอยู่เป็นสัปดาห์ แต่พอว่างก็แวะมาร้านพี่บอยอีกแล้ว เพราะงานยุ่งนี่แหละเลยไม่ได้โทรหาพี่นัท เกรงใจน่ะ เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ เลย พอพี่บอยเห็นหน้าผมก็ถามว่าโทรหานัทหรือยัง ผมบอกยัง พี่บอยทำหน้าละเหี่ยแล้วบอกว่า พรุ่งนี้มานะ เดี๋ยวพี่จัดการให้
   นี่ตกลงพี่บอยจะหันมาเอาดีด้านเป็นพ่อสื่อพ่อชักแล้วหรือไงนะ
---------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-07-2011 20:13:58
   9 สิงหาคม 255x
   ผมก็บ้าจี้ มาตามที่พี่บอยชวนจริงๆ ดีนะที่งานไม่เยอะแล้ว ไม่งั้นโดนพี่นพเขม่นอีกแน่เลย พักนี้พี่นพเริ่มสงสัยแล้วล่ะว่าผมไปแอบชอบใครอยู่รึเปล่า เพราะหายไปบ่อยๆ เลยคอยถามแหย่ๆ ผมอยู่เรื่อย ผมเลยบอกว่ามีอยู่ แต่ไม่บอกพี่นพนะว่าผมไปชอบคนที่ยังไม่รู้จักชื่อ อายุยังไม่รู้จะผ่านเกณฑ์มั้ยเลย กลัวพี่นพจะเครียด ไม่ก็รีบห้าม ทำผมหมดความมั่นใจอีก แต่เขาเพิ่งสามสิบต้นๆ ห่างกันแค่สิบปี คงไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง อีกอย่าง ผมก็ยี่สิบกว่าแล้วนะ น่าจะไม่น่าเกลียดแล้วล่ะ
   ปรากฏว่าตอนผมมาถึง พี่นัทมารออยู่แล้ว พี่บอยเป็นธุระโทรตามให้เสร็จเลย พอเห็นหน้าผมพี่นัทก็บอกทันทีว่าไหน ผมชอบใคร เผื่อรู้จักจะได้แนะนำให้ ผมก็เขินนะ แหม... ไม่ค่อยได้เจอพี่นัท มาเจอทั้งที ดันเป็นเรื่องพวกนี้อีก แต่ไหนๆ พี่นัทมาแล้ว ผมก็ขอใช้โอกาสที่พี่บอยหามาให้คุ้มเลยแล้วกัน
   ผมพาพี่นัทไปแถวโต๊ะตรงนั้นนะ กะว่าเนียนๆ ทำเป็นเดินผ่านเขา ถ้าพี่นัทรู้จักจะได้ทักแล้วไปนั่งด้วยกันเลย แต่ยังไม่ทันเดินไปถึง เพิ่งเห็นโต๊ะเองนะ พี่นัทก็ดึงมือผมเลย แล้วถามว่าใช่คนที่นั่งอยู่ตรงมุมรึเปล่า ผมใจเต้นเลยล่ะ พี่นัทรู้จักจริงๆ ด้วย ผมเลยบอกว่าใช่ คนขาวๆ ตัวเล็กๆ นั่นแหละ ใจเต้นตุบๆ เลยนะ กะว่าคราวนี้แหละจะได้คุยกับเขาดีๆ สักที ปรากฏว่าพอหันมาก็เห็นพี่นัททำท่าเหมือนถูกผีหลอก แล้วรีบลากมือผมกลับเข้ามาเลย แถมเรียกเขาว่าลุงอีก ผมว่าพี่นัทดูผิดนะ ผมไม่ได้ชอบลุง ผมชอบผู้ชายตัวขาวๆ เล็กๆ คนนั้นต่างหาก คราวนี้พี่นัททำท่าเหมือนโลกจะแตก จากนั้นก็บอกผมว่า เขาคนนั้นน่ะ อายุสี่สิบกว่าเข้าไปแล้วนะ
   ผมอึ้งสนิทเลยล่ะ คิดว่าฟังผิดด้วยซ้ำ อายุสี่สิบกว่าแล้ว? เขาคนนั้นน่ะนะ? เหลือเชื่อเลย ดูจากหน้าแล้วน่าจะอายุสามสิบต้นๆ เองนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าพี่นัทจะโกหกผมไปทำไม เลยหันไปมองเขาอีกรอบ หน้าเขาใสกิ๊ก แต่ท่าทางก็ใกล้เคียงคนอายุสี่สิบจริงๆ นั่นแหละ ทั้งทรงผม การแต่งตัว สายตาเวลามองคน ผมนึกถึงคำทำนายที่ครูพิสุทธิ์เคยทาย ว่าเนื้อคู่ผมจะอายุมากกว่าผมเยอะอยู่ ถ้าเป็นคนนี้ล่ะก็ผมยอมสละโสดนะ ยอมกระโดดลงคานเลยล่ะ
   ผมเลยอ้อนพี่นัทว่าแนะนำหน่อยสิ แต่แทนที่พี่นัทจะพูดกับผมดีๆ นะ ดันทำหน้าดุใส่ แถมห้ามอย่างจริงๆ จังๆ ว่าคนนี้ห้ามเด็ดขาด ยังไงก็ไม่ได้ จะชอบใครก็ชอบได้ ยกเว้นคนนี้ ทำไมต้องห้ามผมขนาดนี้ด้วยนะ เขาแค่อายุเยอะกว่าผมเกือบยี่สิบปีเอง
พอเห็นผมทำหน้างอแง พี่นัทก็เริ่มเล่าถึงเรื่องราวกับเกี่ยวเขาคนนั้น ผมถึงเพิ่งได้รู้ว่าเขานี่แหละเป็นเจ้านายสุดดุที่พี่นัทเคยบ่นให้ฟัง โห... ตัวจริงออกจะหล่อ แถมดูดีขนาดนี้ ผมว่าพี่นัทลาออกเถอะ ผมไปทำงานแทนเอง จะได้เห็นหน้าเขาทุกวัน ผมคงมีความสุขสุดๆ
   แล้วผมก็ได้รู้ว่าเขาชื่อไพฑูรย์ ผมเลยบอกพี่นัทว่าถ้าเรียกคุณไพก็น่ารักดีนะ พี่นัททำตาเหลือก ลากผมไปนั่งต่อที่โต๊ะ หันซ้ายหันขวา แล้วบอกว่าห้ามเรียกแกชื่อนี้เด็ดขาด แกได้ยินรับรองฆ่าทิ้งแน่ ผมเลยบอกว่าพี่นัทเวอร์ไปแล้วล่ะ เขาตัวบางๆ ขนาดนั้นจะไปฆ่าใครได้ พี่นัทเลยพูดต่อว่าฆ่าแบบเอามีดมาแทง เอาปืนมายิงแกไม่ทำหรอก แกจะฆ่าด้วยสายตา ด้วยคำพูด คุณไพฑูรย์น่ะโคตรเกลียดคนที่เรียกชื่อหน้าแกเลยล่ะ เพราะพี่นัทเคยเรียกหนหนึ่ง แกมองด้วยสายตาเหมือนจะฆ่าให้ตายเลย ผมรีบพยักหน้าหงึกๆ จะจำเอาไว้ เวลาได้คุยกับเขาจริงๆ ผมจะได้ไม่เรียก ไม่อยากให้เขาเกลียดขี้หน้าน่ะ
   ผมฟังพี่นัทบ่นยาวยืด แต่ไม่ค่อยเข้าหูหรอกนะ เขาจะน่ากลัวยังไงในสายตาพี่นัทผมไม่รู้ แต่เขาน่ารักสุดๆ ในสายตาผมแล้วล่ะ ผมอยากจีบเขาแล้ว อยากลงคานแล้ว อยากเลิกเป็นโสดสักที เลยถามพี่นัทว่าที่บริษัทพี่นัทยังมีตำแหน่งงานว่างอีกรึเปล่า ผมจะได้ไปสมัคร เพราะจะขับรถออกมาดักรอเขาทุกวันก็ไม่สะดวก พอผมพูดจบพี่นัทก็ทำหน้าเหมือนเห็นสัตว์ประหลาดมาอยู่ตรงหน้า รีบเอ็ดผมใหญ่เลยว่าห้ามเด็ดขาด ผมสมัครไปก็ไม่ได้คุยกับเขาหรอก เขาไม่ยุ่งกับใครเลย ผมก็หน้าม้านเลยนะ เขาออกมาด้านนอกก็ไม่ค่อยยุ่งกับใคร อยู่ในบริษัทเขาก็ยังไม่ค่อยยุ่งกับใครอีกเหรอ แล้วผมจะเริ่มจีบเขายังไงดีเนี่ย
   ฟังพี่นัทบรรยายสารพัดพฤติกรรมของคุณไพฑูรย์แล้ว ผมก็ลงความเห็นว่าคงพึ่งพี่นัทไม่ได้ เพราะพี่นัทไม่ชอบคุณไพฑูรย์ ไม่สื่อไม่ชักให้ผมแน่ เอาล่ะ ในเมื่อไปสมัครงานก็ดูจะไม่มีผลอะไร งั้นผมมาดักรอเขาที่ร้านพี่บอยก็ได้ มองหน้าไปเรื่อยๆ คงนึกวิธีจีบออกสักวันแหละ
-----------------------------------------------------------
   18 กันยายน 255x
   พักนี้ผมไม่ได้ไปร้านพี่บอยช่วงเที่ยงแล้ว เพราะติดงาน แต่ยังคิดถึงคุณไพฑูรย์อยู่นะ เลยหันไปดักรอที่บริษัทตอนหลังเลิกงานแทน ถ้าพี่นพรู้ว่าผมทำแบบนี้ด่าผมเปิงแน่ เพราะผมทำตัวเหมือนพวกสตอล์กเกอร์โรคจิตเลย แต่ผมไม่รู้จะทำยังไงนี่ อยากรู้จักเขาให้มากกว่ากว่าที่เป็นอยู่ อยากรู้ว่าเขาชอบอะไร บ้านอยู่ไหน แต่คุยด้วยเขาก็ไม่คุย กลัวเสนอหน้ามากๆ จะโดนเขาเกลียด เหมือนเขาไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้เลย ผมเลยแอบตามสะกดรอยเขาอยู่ห่างๆ มาได้สักสองอาทิตย์แล้วล่ะ กะว่าจบงานนี้เมื่อไหร่ ผมคงเป็นนักสืบได้ เพราะผมแทบจะรู้หมดแล้วว่าเขากลับบ้านกี่โมง แวะตรงไหน ชอบทานอะไร เขายังไม่รู้จักผม แต่ผมรู้จักเขาเยอะแล้วล่ะ แต่ยังไม่เคยได้คุยกันเลย เมื่อไหร่จะมีโอกาสให้ผมได้คุยกับเขาหลายๆ คำบ้างนะ
   วันนี้ผมลองตามเขามาที่บ้าน โอ๊ย อายตัวเองจริงๆ เลย ผมไม่กล้าคุยกับเขา แต่กล้าทำอะไรเสี่ยงคุกแบบนี้นะเนี่ย รู้ไปถึงหูพี่นพมีหวังตัดผมออกจากกองมรดกแน่ แต่ผมไม่ได้ตามเขาไปถึงบ้านหรอก ตามมาแค่รู้ว่าเขาอยู่แถวไหนเท่านั้นแหละ เออ แต่เหมือนล้อเล่นเลยล่ะ หมู่บ้านเขาอยู่ใกล้ๆ บ้านผมนี่เอง ขับรถผ่านอยู่ทุกวัน แอบดีใจนะเนี่ย อยู่ทางเดียวกัน วันหลังถ้าผมมีโอกาสได้คุยกับเขา ผมหาเรื่องมาส่งเขาดีกว่า ดูท่าทางเขาจะไม่มีรถ พี่นัทบอกว่าคุณไพฑูรย์ไม่ชอบขับรถ ถึงเขาจะเป็นผู้บริหารก็เถอะ รถส่วนตัวพร้อมคนขับเขาก็ไม่เอา เห็นว่ากลัวเป็นที่ครหาว่าเอ็นดูคนขับ ลูกเมียก็ไม่มี เลขาฯหน้าห้องสวยสุดๆ ก็ไม่มีข่าวว่าโดนลวนลาม สรุปว่าเขาพยายามไม่เกี่ยวข้องกับใครเลย ผมว่าคุณไพฑูรย์ระวังตัวกับใจเด็ดน่าดูเลยนะเนี่ย อาจจะเป็นพวกเดียวกับผมก็ได้ ท่าทางเขาจะไม่สนผู้หญิงนี่นา แถมยังโสด หรือนี่คือเนื้อคู่ของผมนะ
   ไม่รู้ทำไม ยิ่งรู้จักเขาเท่าไหร่ ผมยิ่งอยากจีบเขานะ แต่ยังมองไม่เห็นเลยว่าจะเริ่มตรงไหน เขาจะใช่เนื้อคู่ของผมจริงๆ รึเปล่าหนอ....
-------------------------------------------------
   10 ตุลาคม 255x
   พี่นพรู้แล้วล่ะว่าผมติดผู้ชาย... อายก็อายนะ แต่ก็ต้องยอมรับแล้ว บอกพี่นพว่าเขาชื่อไพฑูรย์ ทำงานอยู่บริษัท C พี่นพตาโตเลยนะ ถามผมว่าผมเคยคุยกับเขาแล้วยัง ผมบอกยัง ไปเจอที่ร้านพี่บอย พี่นพทำหน้าคิดหนัก แล้วบอกว่าคุณไพฑูรย์เป็นคนดังในวงการบริหารงานบุคคลมากนะ จำได้ว่าเคยพูดถึงให้ผมฟังตอนผมเรียนอยู่ ผมจำไม่ได้แล้วล่ะ แต่พอรู้ว่าพี่นพรู้จักเลยถามว่าเขาเป็นคนยังไง พี่นพบอกว่าเก่ง หน้าตาดีนะ น่านับถือ แต่นิสัยส่วนตัวเป็นยังไงไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็บอกว่าผมอย่าไปจีบได้ไหม เพราะคุณไพฑูรย์อายุสี่สิบกว่าแล้ว เป็นน้องพี่แนนไม่กี่ปี นับกันจริงๆ เป็นพ่อผมได้แล้ว ผมหน้าเสียเลย เถียงพี่นพไปว่าอายุไม่เห็นเกี่ยว เขายังดูดีอยู่เลย แล้วถ้าเขาเป็นคนดี ผมจะจีบก็ไม่เสียหายอะไร พี่นพทำหน้าลำบากใจสุดๆ แต่ก็ไม่พูดอะไร ผมไม่รู้ว่าคืนนี้พี่นพกลับบ้านไปจะนอนหลับรึเปล่า ผมทำพี่นพเครียดอีกแล้วแน่เลย
---------------------------------------------------
   23 พฤศจิกายน 255x
   ในที่สุดผมก็ช่วยพี่นพเคลียร์งานช่วงพี่ใหม่เสร็จ เกิดอยากคลายเครียด เลยขับรถออกไปเที่ยวบาร์เกย์ที่ไม่ได้แวะไปนานเลยล่ะ สมัยเรียนผมมาบ่อยนะ แต่ปิดพี่นพเอาไว้ แหม.. ผมเพิ่งอายุยี่สิบกว่า แถมเป็นเกย์อีก ให้ผมเก็บตัวเรียบร้อยอยู่ในห้องได้ไง แต่ผมไม่เคยจริงจังกับใครเลย จนเขาหาว่าผมเป็นเพลย์บอยแล้วเนี่ย
คืนนี้ผมกะว่าจะมาหาเพื่อนคุยเล่นแก้เครียด ปรากฏว่าเข้ามาได้ไม่ถึงยี่สิบนาที ยังหาใครคุยไม่ได้ ดันโดนคนมาชวนให้ไปเดินแบบอีก ผมโคตรเซ็งเลย สมัยก่อนตอนเด็กๆ ผมเคยอยากเป็นนายแบบนะ แต่พอโตความอยากพวกนี้มันหายไปจากสมองผมแล้ว ผมไม่เอาหรอก ขายร่างกายแบบนั้นน่ะ ถ้าผมจะถอดเสื้อนะ ผมจะถอดต่อหน้าคนที่ผมพอใจเท่านั้นแหละ ไม่ถอดเพื่อถ่ายลงหนังสือเด็ดขาด ใครก็ไม่รู้มอง มองแล้วเอาไปทำอะไรบ้างก็ไม่รู้ แค่คิดก็สยองใจเต็มทีล่ะ
พอเจอแบบนั้นผมเลยกลับด้วยความเซ็ง ขากลับผ่านทางไปบ้านคุณไพฑูรย์นะ นึกบ้าอะไรไม่รู้ ขับรถเวียนเข้าไป เออ ผมไม่รู้หรอกบ้านเขาหลังไหน ถึงรู้เขาคงนอนแล้วล่ะ ขับไปแล้วก็ขับกลับออกมา นึกเพ้อเจ้อกับตัวเองว่าถ้าเขาเป็นเนื้อคู่ผมก็ดีสินะ ผมอยากจะรักกับเขาจริงๆ นะเนี่ย
-----------------------------------------------
   31 ธันวาคม 255x
   ปีใหม่ปีนี้ผมอยู่บ้านคนเดียวอีกแล้ว พี่นพไปต่างจังหวัดกับครอบครัว พี่หนิงก็ด้วย เหลือผมคนเดียวแล้วที่ยังไม่มีคู่ ปีก่อนไม่เหงาเท่าไหร่ เพราะพวกพี่นัทชวนออกไปเที่ยว แต่ปีนี้ไม่อยากเที่ยวล่ะ อยากอยู่คนเดียว ออกไปเห็นคนเขาเดินควงกันเป็นคู่ๆ แล้วผมแสลงใจน่ะ
   ผมตั้งใจครองตัวเป็นโสดมาตั้งหลายปี ตอนเรียนมหาวิทยาลัยมีคนมาจีบก็เยอะ แต่ผมไม่เคยติดใจอะไรใครขนาดนี้เลยนะ ขนาดตอนคบกับครูต้า ครูพิสุทธิ์ผมยังไม่เคยเพ้อเจ้อแบบนี้เลย แต่เจอคุณไพฑูรย์ครั้งเดียว ผมใจแตกเพล้งเลยล่ะ ไม่อยากโสดแล้ว อยากมีแฟนแล้ว อยากเป็นฝั่งเป็นฝากับเขาบ้างแล้ว ผมเพ้อถึงคุณไพฑูรย์มาเป็นค่อนปีแล้วนะ ยังไม่เคยคุยกันดีๆ เลย ชาตินี้ผมจะได้คุยกับเขามั้ยเนี่ย จะได้รุกเขาบ้างมั้ย หรือจะต้องแอบมองอย่างนี้ไปจนตาย
   ผมไม่อธิฐานปีใหม่มาหลายปีแล้ว แต่ปีนี้ขอสักปีแล้วกัน ถ้าคุณไพฑูรย์เป็นเนื้อคู่ผมจริงนะ ขอให้ผมกับเขามีโอกาสได้รู้จักกันมากกว่านี้ด้วยเถอะ ผมอยากลงคานเต็มทีแล้ว แล้วถ้าเขายังขึ้นคานอยู่ผมก็อยากจะฉุดเขาลงมาด้วยกันนะ
   อยากฉลองปีใหม่ปีหน้ากับเขาแล้วล่ะ
---------------------------------------------------
   20 มกราคม 255x
   วันนี้ผมได้แผนการใหม่ บอกพี่บอยว่าผมจะยกข้าวไปเสิร์ฟคุณไพฑูรย์เอง เผื่อหาโอกาสคุยกับเขาได้ พี่บอยบอกว่าจะดีเหรอ ผมแต่งตัวดีขนาดนี้จะเป็นบ๋อยเนี่ยนะ เขาคงไม่สงสัยเลยมั้ง ผมบอกว่าไม่เป็นไร สมัยเรียนม.ปลายผมเคยทำงานเสิร์ฟ รับรองไม่ทำพลาดแน่นอน พี่บอยทำหน้าละเหี่ยๆ แล้วบอกว่าเดี๋ยวเอาผ้ากันเปื้อนมาให้คาดแล้วกัน จากนั้นก็บ่นอุบว่าผมอาการหนักสุดๆ ท่าทางจะกู่ไม่กลับ แหม.. ก็พี่บอยเป็นยุผมเองนี่นา ตอนนี้มาทำเป็นบ่น
   ผมเอาข้าวไปเสิร์ฟให้คุณไพฑูรย์ โอย... คนอะไรไม่รู้ ดูดีสุดๆ ถึงจะดุผมก็ไม่เกี่ยงแล้วล่ะ เห็นเขาแล้วผมใจเต้น หน้าร้อนไปหมดเลย พยายามชวนเขาคุยว่าชอบอาหารรึเล่า เขาก็แค่พยักหน้านะ ไม่พูดอะไร เขาพูดน้อยจริงๆ นั่นแหละ แถมไม่ยิ้มไม่อะไรเลย ทำหน้าเฉยๆ ตลอด ผมว่าครูพิสุทธิ์น่ะหน้าตายแล้วนะ คุณไพฑูรย์ยิ่งกว่าอีก แต่ผมก็ชอบนะ ผมชอบคนนี้สุดๆ เลยล่ะ สงสัยกามเทพคงแผลงศรรักปักอกผมจนทะลุแน่ๆ ถึงได้หน้ามืดตามัวได้ขนาดนี้
---------------------------------------------------------
   14 กุมภาพันธ์ 255x
   ยังไม่มีวี่แววว่าผมจะชวนคุณไพฑูรย์คุยได้เกินสี่ประโยค แถมบางทีเขาทำท่าเหมือนรำคาญผมด้วยซ้ำ ผมเลยต้องรีบถอยออกมา จะทำยังไงดีนะ แอบหลงมาตั้งจะปีแล้วยังไม่คืบหน้าไปถึงไหนเลย
แต่แอบโล่งใจนะ วันนี้เขาก็ยังมาทานข้าว มาคนเดียวเหมือนเดิม ตอนแรกผมกลัวว่าจะออกไปทานกับใครเสียอีก ผมว่าเขาโสดนะ โสดรอผมรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมยังแอบคิดเข้าข้างตัวเองได้อีกนะเนี่ย ถ้าเขาโสดรอผมจริง ทำไมผมตามจีบเขามาตั้งจะปีแล้ว ฟ้ายังไม่เปิดโอกาสให้ผมคุยกับเขาเกินสี่คำเลย สงสัยคราวนี้ผมจะแห้วกินอีกแล้วแน่ๆ แห้วสุดๆ เลยด้วย เพราะผมเพ้อของผมเองคนเดียวตลอดเรื่องเลย
------------------------------------------------------------
   25 มีนาคม 255x
   ไม่น่าเชื่อเลยล่ะ คุณไพฑูรย์รับสมัครผู้ช่วยแล้ว พี่นัทบอกว่าในประวัติศาสตร์บริษัท แกไม่เคยรับผู้ช่วยมาก่อน เพื่อนที่ทำงานที่รู้จักกันโทรมาบอก ผมดีใจสุดๆ ฟ้าเปิดโอกาสให้ผมแล้วแน่ๆ เลยบอกพี่นัทว่าผมจะรีบไปสมัคร พี่นัทบอกว่าแล้วที่ทำงานเดิมล่ะ ผมบอกว่าเดี๋ยวจะคุยกับพี่นพดู.. เอ่อ เกรงใจพี่นพอยู่นะ แต่... คุณไพฑูรย์เปิดรับผู้ช่วย ตำแหน่งใกล้ชิดขนาดนี้ ผมไม่รีบไปลองไม่รู้ชาติไหนผมจะได้คุยกับเขาสักที ถึงอย่างนั้นพี่นัทก็ไม่วายตัดกำลังใจผมนะ บอกว่าถ้าผมไปสัมภาษณ์กับคุณไพฑูรย์แล้วก็คงเลิกไปได้เองแหละ เอาเถอะถ้าผมเลิกได้จริงๆ ก็ดี เพราะผมเพ้อเองคนเดียวมาเป็นปีแล้ว นึกไปก็ทรมานเหมือนกันนะเนี่ย เขาไม่ให้ความหวัง ไม่ให้อะไรผมเลย แต่ผมก็เพ้อของผมเองคนเดียวมาได้จนถึงทุกวันนี้ เชื่อเลย
 ---------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ8 P19 28/06/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 04-07-2011 20:14:12
   28 มีนาคม 255x
   พี่นพยอมให้ผมลาออกล่ะ เพราะดูยังไงคงรั้งผมไว้ไม่ได้แน่ ผมลาออกกะทันหัน เลยไม่ได้เงินประกัน แต่ไม่เป็นไร ไม่โดนด่าก็บุญแล้ว ผมลาออกทันทีแบบนี้จริงๆ น่าเกลียดมากเลยล่ะ แต่ผมกู่ไม่กลับแล้ว กลับไปคลั่งรักยิ่งกว่าช่วงวัยรุ่นอีก บ้าจัง รู้อยู่นะว่าบางเรื่องก็เกินไป แต่พอคิดถึงหน้าคุณไพฑูรย์แล้ว ผมแทบจะยอมตายเลยล่ะ เหลือเชื่อว่าผมหลงรักได้หัวปักหัวปำขนาดนี้
   วันนี้ผมแต่งตัวเรียบร้อยเต็มที่ กะว่าไม่ให้รำคาญหูรำคาญตาเขา ผมก็หวีจนเรียบ ปกติโดนทักว่าหวีผมเป็นคนแก่อยู่แล้ว คราวนี้สงสัยจะยิ่งหนัก ยังไงก็เถอะ ขอผ่านด่านแรกให้ได้ก่อนแล้วกัน ให้เขาไม่ไล่ตะเพิดผมออกมาตอนสมัครงาน เดี๋ยวด่านอื่นค่อยว่ากันอีกที
   ผมไปแต่เช้าเลยนะ กลัวเขารอ บริษัทเขาใหญ่พอดู ผมแอบไปวนเวียนบ่อย พอรู้ที่ทางแล้วล่ะ แต่ไปถึงผมไม่ได้ไปที่ห้องทำงานเขาเลยหรอกนะ ที่นี่มีห้องสัมภาษณ์ต่างหาก
คุณเลขาฯบอกว่าคุณไพฑูรย์ดื่มกาแฟอยู่ ให้ผมรอสักครู่ ผมเลยบอกว่าผมรอได้ ไม่เป็นไร นั่งรอไปใจเต้นไป จะได้คุยกับเขาแล้วนะ พลิกดูประวัติสมัครงานไป อยากจะโทรขอคาถาเมตตามหานิยมกับครูพิสุทธิ์จริงๆ ว่าให้เขารับผมเข้าทำงานด้วยเถอะ แต่คิดได้สงสัยจะสาย แถมเรื่องบ้าๆ แบบนี้ไปขอให้ครูช่วยก็น่าเกลียด
สักพักเขาก็เข้ามาในห้องสัมภาษณ์นะ โอย ผมใจเต้นจนแทบกระดอนออกมา เขาใส่สูท แต่งตัวเนี๊ยบกริ๊บเลย เข้ามาก็มองผมผ่านๆ แล้วก็เริ่มสัมภาษณ์
ผมตั้งสติแทบตาย เพิ่งได้คุยกับเขาเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรกนะเนี่ย แถมคุยกันสองต่อสอง ถึงจะสมัครงานก็เถอะ ปากเขาสวย เสียงเรียบๆ นั่งก็หลังตรงเด๊ะ ผมหวีเรียบ นิ้วเรียวน่ามอง เขาน่ามองไปหมดเลยน่ะ แต่พอเขาเริ่มอ่านใบประวัติผมนะ ผมก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ แล้วล่ะ
เขายกใบประวัติผมออกจากหน้าซะห่างเลย ผมไม่คิดก็ต้องคิดแล้ว ท่าทางเขาจะสายตายาวนะเนี่ย เพราะอาจารย์ผมสมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็เป็น มองแล้วแอบขำ เขาสายตายาวก่อนวัยล่ะมั้ง เพิ่งสี่สิบกว่าเองนี่ แต่ก็ไม่ยอมเอาแว่นมาใส่อีกนะ กลัวผมรู้ว่าสายตายาวหรือไง แต่ผมก็รู้ล่ะ แถมรู้สึกด้วยว่าเขาน่ารักขึ้นอีกจมเลย
สุดท้ายคุณไพฑูรย์ก็เลิกพยายามจะอ่านใบประวัติผม หันมาถามผมแทน ดีเลย ผมอยากคุยกับเขาอยู่แล้ว เรื่องอะไรก็ได้ ให้ผมได้คุยไว้ก่อนแล้วกัน เขาถามผมสักพัก แล้วให้กลับ บอกว่าจะโทรติดต่ออีกที ผมเลยบอกเขาว่า ผมรออยู่นะ
ผมรอเขาอยู่จริงๆ นะเนี่ย
   แล้วก็เหมือนโกหกเลยล่ะ พอสักช่วงบ่ายๆ เลขาฯเขาก็โทรมาหาผม บอกว่าพรุ่งนี้ให้ผมไปทำงานได้เลย ตอนนั้นผมยังนั่งอยู่ร้านพี่บอยอยู่เลยนะ กำลังเล่าให้พี่บอยฟังเลยว่าเขาก็มีส่วนน่ารักด้วยล่ะ พอคุยโทรศัพท์เสร็จ ผมหน้าบานเป็นกระด้ง ยิ้มไม่หุบเลย บอกพี่บอยว่าฟ้าเป็นใจให้ผมสุดๆ เขารับผมแล้วล่ะ พี่บอยยังทำหน้าอึ้งเลย บอกว่าผมถูกหลอกรึเปล่า โห... ตอนแรกเชียร์ผมดิบดี ตอนนี้มาดักคอ ผมบอกว่าไม่น่าจะใช่นะ เขาจะหลอกผมทำไม เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำงานก็ได้รู้เองแหละ
   คืนนี้เขาทำผมนอนไม่หลับอีกแล้ว ผมนั่งเขียนบันทึกไป พลางนึกไปว่าพรุ่งนี้จะใส่เสื้ออะไรไปดี แล้วผมจะได้ทำงานห้องเดียวกับเขารึเปล่า แล้วคืนนี้ผมจะนอนหลับไหมนี่ รีบๆ นอนดีกว่า จะได้ไม่ตื่นไปทำงานสาย
-------------------------------------------------------
   29 มีนาคม 255x
   ผมมาก่อนคุณไพฑูรย์ ดีจัง กลัวมาสายกว่าเขาแล้วจะโดนเอ็ดเอาน่ะ แต่คุณเลขาฯมาก่อนแล้ว ผมเลยคุณกับเธอ เลยรู้ว่าชื่ออาจารีย์ ชื่อเล่นชื่อพี่กบล่ะ พี่กบบอกว่าคุณไพฑูรย์ชอบให้เรียกชื่อเต็ม แล้วก็ชอบเรียกคนอื่นชื่อเต็มด้วย ผมเลยถามว่าคุณไพฑูรย์มีชื่อเล่นไหม พี่กบบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่เคยเห็นใครเรียกชื่อเล่นแกเลยนะ เรียกว่าไพฑูรย์ตลอด ขนาดคุณพงษ์โพยมที่เป็นเจ้าของบริษัทแล้วก็เป็นรุ่นพี่ ยังเรียกแกว่าไพฑูรย์เลย คุณไพฑูรย์อาจจะไม่มีชื่อเล่นก็ได้ เพราะญาติพี่กบหลายคนพ่อแม่ก็เรียกชื่อเต็ม รุ่นๆ เดียวกับคุณไพฑูรย์นี่แหละ
   คุยกันได้สักพัก พี่กบก็ดูนาฬิกา แล้วบอกว่าคุณไพฑูรย์น่าจะใกล้ถึงแล้ว ปกติแกมาเร็วแต่วันนี้สงสัยมีเรื่องอะไรนิดหน่อยมั้งเลยสาย บอกให้ผมไปรอหน้าห้อง ห้องคุณไพฑูรย์แยกไปอีกนะ ห้องพี่กบอยู่หน้าห้องแกอีกที ทำงานแยกกันเลยน่ะ ผมเลยไปนั่งรอหน้าห้องทำงานเขา ยังไม่ได้เข้าไปข้างในนะ แต่น่าจะกว้างอยู่ แอบคิดนิดหน่อยว่าผมจะได้นั่งทำงานห้องเดียวกับเขารึเปล่า เพราะมองแล้วก็มีแต่ห้องเขากับห้องพี่กบ ยังไม่เห็นมีอีกห้องหนึ่งเลย
   สักพักคุณไพฑูรย์ก็มา หน้าดุมาเลยล่ะ เขามองผมงงๆ ท่าทางจะจำผมไม่ได้ ผมเลยแนะนำตัวเองอีกที ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีนะเนี่ย เขาดูจะไม่ใส่ใจจะจำผมเลย แต่เอาเถอะ ได้ทำงานกับเขาแล้ว เดี๋ยวเขาคงจำผมได้เองแหละ
   คุณไพฑูรย์คุยกับผมสองคำแล้วเปิดประตูห้องเข้าไป ห้องทำงานเขากว้างจริงๆ นั่แหละ แต่มีโต๊ะเขาตัวเดียว ยังไม่เห็นโต๊ะผมเลย หรือผมจะไม่ได้ทำงานห้องนี้นะ ผมมองเขา เห็นเขาขมวดคิ้วนิ่วหน้าตอนกำลังนั่ง เลยสงสัยว่าเขาปวดหลังรึเปล่าน่ะ เพราะท่าทางมันชวนให้คิดแบบนั้น เลยลองถามเขาไปดู เขาไม่ตอบอีกแล้ว แต่กวาดตามองผม ผมแอบกลัวโดนเขาเอ็ดนะเนี่ย เวลาเขามองคนน่ากลัวจริงๆ ที่พี่นัทบอกว่าเขาใช้สายตาฆ่าคนได้ คงไม่เกินจริงหรอก
   เขามองผมอยู่พักก็ลุกขึ้น ผมว่าเขาปวดเอวนะ เพราะเวลาลุกก็หน้านิ่วเลย เขาเดินออกไปนอกห้อง สักพักก็เข้ามาแล้วบอกว่าเดี๋ยวจะให้คนเอาโต๊ะทำงานมาวางให้ โถ.. เรื่องแค่นี้บอกผมให้ไปบอกก็ได้ ไม่เห็นจะต้องลำบากสังขารเลย ผมว่าเขาดูจะพยายามพึ่งตัวเองสุดๆ เลยนะเนี่ย
   ผมยืนว่างๆ จะมองเขาเฉยๆ ก็เขิน เลยไปยืนรอโต๊ะ ช่วยพนักงานที่ยกมายกเข้ามาอีกที ผมเลือกวางโต๊ะตรงที่ไม่น่าจะเกะกะแล้วหันไปมองคุณไพฑูรย์ได้ถนัดๆ เอ่อ... จริงๆ แล้วนี่คือจุดประสงค์หลักของผมที่มาทำงานกับเขาเลยนะเนี่ย พอจัดโต๊ะเสร็จเรียบร้อย เขาก็เริ่มถามคำถามผม เกี่ยวกับประวัติงานนั่นแหละ ดีจัง เขาชวนผมคุยแล้ว แต่คุยไปได้หน่อยเดียว เขาก็ขู่ผมซะล่ะ เหมือนที่พี่นัทเล่าจริงๆ เขาเป็นคนดุๆ แล้วเอาจริงเอาจังจริงๆ ด้วย
   ผมตกใจเหมือนกันนะ เกิดมาเพิ่งโดนใครขู่ขนาดนี้ครั้งแรกนี่แหละ เลยกลั้นใจตอบเขาไปเลยว่าถ้าระแวงผมนักก็ให้ผมไปอยู่บ้านเลย แต่อีกใจก็หวังให้เขาตกลงนะ ถ้าเขาบ้าจี้ขนาดนั้นก็ดีสิ ผมจะได้ไปอยู่บ้านเดียวกับเขาเสียเลย ได้อยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา อืม.. เวลาเขาอยู่บ้านจะแต่งตัวเนี๊ยบแบบนี้รึเปล่านะ ผมนี่ฟุ้งซ่านสุดๆ เลยล่ะ
   ขู่ผมเสร็จแล้ว เขาก็เริ่มอธิบายงานให้ผมฟัง ผมว่าเขาน่าจะเป็นคนใจดีล่ะนะ แต่เรื่องปวดเอวท่าจะจริง สุดท้ายผมเลยต้องทักเขาอีกรอบ เผื่อจะได้พาไปหาหมอ แต่เขาไม่ตอบอีกแล้ว สั่งให้ผมไปดูแผนกอื่นกับพี่กบแทน
   ผมเลยออกมาด้านนอก บอกพี่กบว่าคุณไพฑูรย์ให้พาไปแนะนำกับแผนกอื่น พี่กบทำหน้างงๆ บอกว่าที่จริงคุณไพฑูรย์น่าจะพาไปเองนะ แต่แกอาจจะไม่สะดวกก็ได้มั้ง ผมเลยบอกพี่กบว่าคุณไพฑูรย์น่าจะเจ็บหลัง เพราะเวลาเขาลุกเขานั่งหน้านิ่วสุดๆ เลย พี่กบทำหน้าอึ้งๆ แล้วหัวเราะออกมา บอกว่าไม่น่าเชื่อ คุณไพฑูรย์ไม่เคยมีปัญหาด้านร่างกายเลยนะ ผมเลยบอกว่าอาจจะนอนผิดท่าก็ได้ เขาอายุสี่สิบกว่าแล้วนี่ พี่กบเลยบอกว่างั้นเข้าไปดูแกหน่อยดีกว่า ผมก็เห็นด้วยนะ เลยกลับไปที่ห้องเขาอีกรอบ
   ผมเปิดประตูเข้าไปก็ยืนค้างเลยล่ะ เอ่อ... พูดไปไม่มีใครเชื่อแน่เลย แต่ผมเห็นคุณไพฑูรย์ทำท่าสะพานโค้งอยู่นะ พยายามจะดัดหลังตัวเองอยู่ล่ะมั้ง พอเห็นผมเปิดเข้ามาท่าทางเขาจะตกใจล่ะ เลยรีบลุกเลย โอ๊ย อันตราย ผมเลยรีบคว้าตัวเขาไว้ เพราะกลัวเขาจะยิ่งหลังยอกหนักกว่าเก่า ดูท่าทางเขาจะเจ็บมากเลยนะ น้ำตาไหลเลยนะเนี่ย มานึกดูตอนนี้ ผมท่าทางจะมีดวงกับเขานะ เข้ามาทำงานวันแรกก็ได้อุ้มเขาเลย เขาตัวไม่หนักเท่าไหร่ล่ะ เอวก็ยังแน่นดี แต่ตอนนั้นผมไม่มีกะใจจะคิดฟุ้งซ่านขนาดนี้หรอกนะ เพราะตกใจอยู่เหมือนกัน
   คุณไพฑูรย์ผลักผมออกแล้วเอาตัวไปพาดกับโต๊ะทำงานแทน ผมว่าเขาคงอายหรอกที่ถูกผมอุ้ม แต่ทำแบบนี้ต่อหน้าผมไม่น่าอายกว่าหรือไง ไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ นะ แต่ก็รู้สึกขึ้นมาอีกล่ะว่าเขาน่ารักจัง ผมอยากได้เขาเป็นแฟนแล้ว อยากกอดเขาตอนนอน นี่ขนาดผมเพิ่งมาทำงานวันแรกนะเนี่ย ยังจินตนาการซะ... อาการหนักจริงๆ นะผมเนี่ย
   บันทึกผมวันนี้ยาวสุดๆ ผมได้อุ้มเขานะ จริงๆ จะบอกว่าได้กอดเขาด้วยก็ได้ แถมตอนเที่ยงยังได้ไปกินข้าวกับเขาอีก เนียนๆ พาไปกินร้านพี่บอยเลย ได้คุยกับเขาตอนกินข้าวเสียที เขาถามคำตอบคำเหมือนเดิม แต่ผมก็หาเรื่องคุยกับเขาได้อย่างไม่น่าเกลียดแล้วล่ะ คุยไปคุยมา ผีคงเข้าผมมั้ง เลยชวนเขาดูหนัง โหย.... ผมนี่คงเก็บกดนะ ตามมองเขามาเป็นปี พอได้คุยรีบชวนดูหนังเลย เขาคงตกลงกับผมหรอก อายุก็ห่างกันเยอะแยะ เขาบอกให้ผมไปดูกับแฟน พอผมบอกอยากดูกับเขา เขาก็เงียบๆ แล้วเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น เขาไม่อยากต่อปากต่อคำกับเด็กอย่างผม หรือว่ากำลังตัดสินใจอยู่นะ ผมไม่กล้าเดาความคิดเขาเลยนะ แต่ก็ภาวนาให้เขาตกลงก็แล้วกัน
------------------------------------------------------
   4 เมษายน 255x
   ผมชวนคุณไพฑูรย์ไปดูหนังสำเร็จ ตอนเช้าผมโทรไป เห็นเขางงๆ เลยชวนอีกรอบเลย ผมนี่ก็ใจกล้าบ้าบอดีจริงๆ แล้วอะไรสักอย่างก็ดลใจเขาให้ตอบตกลง บุพเพสันนิวาสรึเปล่านะ ผมล่ะดีใจสุดๆ เลย
เขามาสายพอสมควร คงยังงงๆ อยู่ว่าทำไมตัวเองต้องมาดูหนังกับผมด้วย ผมก็งงไม่แพ้เขาแหละ แต่ดีใจมากกว่า พอรู้ว่าเขาจะมาก็รีบไปรอเลย ข้าวก็กินไม่ลงแล้ว กลัวไปกินข้าวแล้วมาสายกว่าเขาน่ะ เขาแต่งตัวหล่อมาเลยนะ ดูไม่ออกหรอกว่ารุ่นพ่อผมแล้ว เดินด้วยกันน่าจะเหมือนรุ่นพี่รุ่นน้อง เขาดูดีสุดๆ เลยล่ะ มาแล้วผมเลยชวนเขาเข้าโรงหนังเลย เพิ่งรู้เหมือนกันว่าคุณไพฑูรย์ชอบดูหนังตลก สงสัยจะอยากคลายเครียด
   ผมก็โลภนะ เขามาแล้วก็เตรียมตัวจะจีบเต็มที่ ชวนซื้อนั่นซื้อนี่เข้าไปกิน แอบหวังว่าอาจจะได้จับมือเขา ตอนล้วงขนม แต่เขาอายุห่างกับผมเยอะ ขนมอะไรเขาไม่กินหรอก ผมเลยกินอยู่คนเดียว
หนังสนุกดีนะ แต่ผมแอบมองเขาตลอดเรื่องเลยล่ะ แบบว่าผมสนใจเขามากกว่าหนังน่ะ เขาหัวเราะเกือบตลอดเลย ผมเพิ่งเคยเห็นเขาหัวเราะนี่แหละ คุณไพฑูรย์หัวเราแล้วตาหยีล่ะ น่ารักจังเลย
พอหนังจบ เดินออกมาเขาก็ชวนผมคุยเลยล่ะ คุยไปหัวเราะไป ยิ้มด้วย คุณไพฑูรย์ยิ้มยากนะ แต่เวลายิ้มทีตาเยิ้มเลยล่ะ ไม่ไหวแล้วผม หลงรักเขาหนักกว่าเดิมอีก เขายิ้มกับหัวเราะได้น่ารักสุดๆ เลย
   แล้วผมก็ได้ข้ออ้างขับรถกลับมาส่งเขาที่บ้านสักที บ้านเขาไม่ใหญ่ไม่เล็กนะ แต่มีบริเวณอยู่ แถมเหมือนจะอยู่คนเดียวด้วย ผมไม่กล้าถามมากนะ เพราะเขาไม่ค่อยตอบ แต่ผมเริ่มจะคิดจริงๆ จังๆ แล้วล่ะว่าเขาอาจจะเป็นเนื้อคู่ของผมก็ได้
   ฟ้าส่งเนื้อคู่น่ารักสุดๆ มาให้ผมเลยนะเนี่ย ไม่สิ เรียกว่าเขารอผมอยู่นานแล้วมากกว่าล่ะมั้ง แหม... ผมเขียนอะไรน่าอายลงในบันทึกอีกแล้ว ไปนอนดีกว่า
-------------------------------------------------------------
   6 พฤษภาคม 255x
   ผมทำงานกับคุณไพฑูรย์มาได้เดือนกว่าแล้วล่ะ ได้ออกไปทานข้าวกับเขาแทบทุกวันเลย แน่นอนว่าผมเป็นคนขับรถ แล้วให้เขานั่งข้างๆ เขาคงไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่ผมมีความสุขของผมน่ะ เวลาได้อยู่ใกล้ๆ เขาน่ะ บางทีเวลาทำงานผมก็ยื่นหน้าไปใกล้ๆ เขา อยากจะมองเขาใกล้ๆ ขนตาเขาเป็นแพสวยเลยล่ะ คนอะไรไม่รู้ หล่อก็หล่อ สวยก็สวย เสียอย่างเดียว ดุ แต่ไม่เป็นไร ผมรู้แล้วว่าเขาไม่ดุตลอดเวลาหรอก มุมน่ารักๆ ของเขาก็มีเยอะเลย
   วันนี้คุณไพฑูรย์ไม่ออกไปกินข้าวกับผมล่ะ บอกว่าจะไปกับคุณพงษ์โพยม ผมเลยลงมากินที่โรงอาหาร เพราะคิดว่าเขาคงมีธุระ
   พอพี่พัชเห็นผมเดินไปที่โรงอาหารคนเดียวก็รีบกวักมือเรียกเลย บอกว่าวันนี้ไหงมาคนเดียวได้ ลุงแกท้องเสียหรือไง ผมเลยบอกว่าแกไปธุระ พี่พัชเลยลากผมไปนั่งเลย บอกว่ามีคนอยากสัมภาษณ์ว่าทำงานกับลุงเป็นไงบ้าง แกกัดรึเปล่า แล้วแกจีบเลขาฯคนสวยของแกมั้ย โห... มีคนอยากรู้เรื่องของคุณไพฑูรย์เยอะเหมือนกันนะเนี่ย แต่สงสัยไม่กล้าถาม ก็เขาดูไว้ตัวแถมดุขนาดนั้นใครจะกล้าถามกันล่ะ ผมเลยตอบเท่าที่คิดว่าควรจะตอบ ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่ ผมก็เห็นใครสักคนท่าทางคุ้นๆ เดินเข้ามา
   เขาเป็นคนทำความสะอาดล่ะ เออ แต่พอมองๆ ไป ผมว่าน่าจะใช่คุณไพฑูรย์นะ ไม่รู้ใครจะมองออกหรือเปล่า เขาคงปลอมตัว แต่ทำไมถึงต้องปลอมตัวผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คงไม่ใช่อยากมาแอบดูผมหรอกนะ หรือแอบมาฟังพวกผมคุยกันไม่รู้
   คนล้อมผมอยู่เยอะเลยล่ะตอนนั้นน่ะ ผมเลยมองเขาไม่ค่อยถนัด แต่ก็พยายามจะมองล่ะนะ เพราะยังไม่แน่ใจว่าใช่เขารึเปล่า สักพักเขาก็ทำท่าจะเดินออกไป แล้วก็ชนเข้ากับพี่คนหนึ่ง ล้มก้นกระแทกพื้นเลยล่ะ ผมตกใจสุดๆ เลย คุณไพฑูรย์อายุสี่สิบกว่าแล้วนะ ล้มแบบนั้นน่ากลัวกระดูกจะร้าว ผมเลยรีบออกไปอุ้มเขาเลย เพราะดูท่าเขาคงลุกไม่ไหว พอเห็นหน้าผมก็รู้ล่ะว่าคุณไพฑูรย์แน่ๆ ถึงเขาจะมีผ้าปิดปากปิดจมูกนะ แต่ตาดุขนาดนี้มีคนเดียวเท่านั้นแหละ เขาคงกลัวผมจะจำได้เหมือนกันมั้ง เลยมองตาตื่นเลย ผมรู้แหละว่าเขาไม่อยากให้ใครรู้ เลยอุ้มเขาขึ้นไปที่ห้อง
   คุณไพฑูรย์ดื้อสุดๆ เลยล่ะ ผมพยายามบอกเขาให้ไปโรงพยาบาล เขาก็ไม่ยอมไป แถมถีบผมอีก ผมแค่ลองจับแถวๆ ก้นเขาดูว่าเขาจะกระดูกร้าวรึเปล่าเท่านั้นเอง ไม่ได้ตั้งใจจะลวนลามอะไรเขาเลยนะ แต่ก้นเขาแน่นจริงๆ แหละ จับแล้วให้ความรู้สึกดีจัง ผมเพิ่งมานึกตอนเขียนบันทึกอีกแล้ว นี่ถือว่าผมลวนลามเขาสำเร็จรึเปล่านะเนี่ย
   แต่สุดท้ายเขาก็ยอมไปโรงพยาบาลล่ะ คงเพราะเจ็บจริงๆ ดีที่หมอบอกว่าไม่เป็นอะไร แค่ช้ำ แต่กระเพาะของคุณไพฑูรย์ไม่ค่อยจะดีแล้ว ยากินก็กินไม่ได้ ระคายเคือง ยาทาก็แพ้อีก สงสัยเพราะคุณไพฑูรย์ทำงานเครียดแน่ๆ เลย หมอเลยบอกว่าปล่อยทิ้งไว้จริงๆ ก็หาย แต่เอาน้ำร้อนประคบช่วยก็ดี ขากลับผมเลยแวะซื้อกระเป๋าน้ำร้อนให้เขาด้วย
   คุณพงษ์โพยมให้คุณไพฑูรย์ลาพักยาวล่ะ แจ้งเรื่องว่าไปต่างประเทศ ผมว่าเขาคงรู้ล่ะว่าคุณไพฑูรย์ทำแบบนี้ มีหุ้นส่วนแบบคุณไพฑูรย์ก็ดีนะเนี่ย ทุ่มเททำงานสุดๆ เลย ผมไม่แปลกใจเลยล่ะว่าทำไมคุณพงษ์โพยมถึงได้ให้เกียรติคุณไพฑูรน์นัก ก็คุณไพฑูรย์ทำงานดีนี่นา
   ผมมาส่งคุณไพฑูรย์ที่บ้าน จัดการให้เขานอนบนโซฟาแล้วต้มน้ำร้อนมาให้เรียบร้อย  ท่าทางเขาจะเจ็บมากจริงๆ นั่นแหละ ขนาดขอให้ผมถอดถุงเท้าให้ด้วย เลยได้รู้ว่าคุณไพฑูรย์บ้าจี้ เขาขู่ผมนิดๆ ด้วยล่ะ น่ารักจังเลย
   คุณไพฑูรย์อยู่บ้านคนเดียวจริงๆ ด้วย ผมว่าน่าจะเหงานะ แต่เขาบอกว่าชิน อยู่มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว แอบนึกเหมือนกันนะเนี่ย ว่าเพราะรอเจอผมรึเปล่านะ ผมนี่ก็เข้าข้างตัวเองได้เรื่อยเลย
   สักพักเขาให้ผมกลับบ้าน ท่าทางคงเกรงใจผมน่ะ แต่ผมหาเรื่องอยู่กับเขาต่อ ก็อยู่กับเขาแล้วผมมีความสุขนี่นา เขานอนบนโซฟา ผมเลยนั่งข้างๆ แอบซบใกล้ๆ เขา แล้วก็เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีฟ้าก็มืดแล้วล่ะ เห็นคุณไพฑูรย์หลับอยู่ผมเลยถือวิสาสะช่วยปิดผ้าม่านเปิดไฟในบ้านให้ บ้านคุณไพฑูรย์ไม่แคบไม่กว้างนะ แต่งเรียบๆ มีพื้นที่สวนหน้าบ้านนิดหน่อย เหมือนจะปลูกต้นมะม่วงไว้ด้วยล่ะ ไม่รู้พันธุ์อะไร ถ้าออกลูกแล้วผมขอซื้อได้ไหมเนี่ย อยากกินมะม่วงที่บ้านคุณไพฑูรย์น่ะ
   คุณไพฑูรย์หลับสนิทเลยล่ะ หน้าตาเวลาหลับน่ารักดี ผมนี่คงความรักเข้าตาจริงๆ นะ เขาจะทำอะไรผมว่าน่ารักหมดแหละ นั่งมองหน้าเขาจนอิ่ม คนอะไรไม่รู้ ดูดีเป็นบ้า เหลือเชื่อที่ยังอยู่คนเดียวจนถึงทุกวันนี้ อดคิดไม่ได้อีกแล้วว่าเขาอาจจะกำลังรอผมอยู่ ขอให้ผมจีบเขาติดด้วยเถอะ
   นั่งอยู่จนสองทุ่มน่ะ คุณไพฑูรย์ก็ยังไม่มีวี่แววจะตื่นเลย ผมก็ไม่กล้าปลุกเขานะ ท่าทางเขาจะเหนื่อย คุณไพฑูรย์ทำงานหนักมากเลยล่ะ ขนาดผมว่าพี่นพโหมทำงานแล้วนะ มาเจอคุณไพฑูรย์ ยิ่งกว่าอีก ผมว่าที่เขารับผู้ช่วยน่ะแปลกน้อยยิ่งกว่าเขาไม่เคยรับผู้ช่วยอีก เขาทำงานแบบนี้คนเดียวมาได้ไงเป็นเป็นสิบๆ ปีเนี่ย เป็นผมคงเหนื่อยตายก่อนแน่เลย
   เห็นเขาหลับขนาดนี้ จะปล่อยให้นอนบนโซฟาทั้งคืนผมก็กลัวเขาเจ็บหลัง เลยถือวิสาสะอีกแล้วล่ะ ขึ้นไปชั้นบน ดูว่าห้องนอนเขาอยู่ไหน แล้วก็เลยอุ้มเขาขึ้นไปนอนดีๆ คุณไพฑูรย์เหนื่อยจริงๆ นั่นแหละ ขนาดถูกอุ้มยังไม่รู้สึกตัวเลย ผมสงสารเขานะ ดีที่เขาไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงแบบครูพิสุทธิ์ ไม่งั้นผมคงต้องดูด้วยว่าเขายังหายใจอยู่รึเปล่า
   วันนี้ผมได้อุ้มคุณไพฑูรย์สองหนแล้ว เขาตัวไม่หนักมาก พออุ้มไปถึงเตียง ผมเลยช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาด้วย เพราะจะปล่อยให้นอนทั้งชุดนี้ก็คงไม่น่าจะสบายเท่าไหร่ ตอนถอดเสื้อยังนึกๆ อยู่ว่าเขาจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้วหาว่าผมจะทำมิดีมิร้ายรึเปล่านะ แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ยังหลับไม่รู้สึกตัว ผมเป็นห่วงนะเนี่ย ถ้าเกิดมีใครเข้ามาทำอะไรเขามิแย่หรือ หลับเป็นตายขนาดนี้
   คุณไพฑูรย์หุ่นดีมากเลยล่ะ ยังเฟิร์มอยู่เลย ไม่บอกไม่รู้ว่าอายุสี่สิบกว่าแล้วนะเนี่ย ผมเปลี่ยนเสื้อให้เขาเพราะอยากให้เขานอนสบายๆ จริงๆ นะ แต่พอถอดแล้วก็อดคิดมากไม่ได้ ผิวเขาละเอียด ขาวจั๊วะเลยล่ะ ตรงไหนที่ควรจะเป็นสีชมพูก็เป็นสีชมพู โอ๊ย ผมถอดไปสวดมนต์ไป กลัวควบคุมตัวเองไม่อยู่ แทนที่จะเปลี่ยนเสื้อเฉยๆ จะลักหลับเขาแทนน่ะสิ คราวนี้ผมได้กลายเป็นอาชญากรจริงๆ แน่
   ผมเลยเปลี่ยนแค่เสื้อกับกางเกง ไม่กล้าถอดชั้นในเขา กลัวจะคุมตัวเองไม่อยู่ ขืนถอดออกมาผมว่าผมทนไม่ไหวแน่ คุณไพฑูรย์ก็นะ หลับสนิทดีจริงๆ เลย ผมล่ะทั้งห่วงทั้งหึงเขาเลยล่ะนะ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกับเขาแท้ๆ แค่นึกว่าถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาคงเสร็จไปแล้ว แต่ก็ไม่แน่หรอก คนอื่นอาจจะไม่หื่นขนาดผมก็ได้ สงสัยผมบ้ารักเขาจนอาการหนักแล้วล่ะมั้งเนี่ย
   พอจัดการห่มผ้าอะไรให้เขาแล้ว ผมก็ไปต้มน้ำร้อนอีกรอบ ห่อผ้ากะว่าคงไม่ร้อนมากแล้ววางรองให้เขา จากนั้นก็ดูประตูระเบียงว่าล็อกดีแล้ว แล้วผมก็ออกมา กลัวอยู่ต่อจะจิตเตลิด ผมล็อกบ้านแล้วต้องเอากุญแจบ้านเขากลับมาด้วยน่ะ เพราะจะโยนเข้าไปข้างในก็กลัวใครจะมาสอยไป เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเช้าๆ ผมค่อยเอามาคืนเขาก็ได้
   ตอนเขียนบันทึกนี่ยังนึกเลยนะว่าจะแอบเอากุญแจไปปั้ม ดูสิ ผมนี่ใกล้จะได้เป็นอาชญากรเพราะคุณไพฑูรย์ไปทุกทีแล้ว ไม่ล่ะ ผมไม่ทำหรอก ถ้าผมมีดวงได้คู่กับเขาจริงนะ กุญแจบ้านแค่นี้คงไม่เป็นอุปสรรค์หรอก ผมจะทำให้เขาเปิดบ้านต้อนรับผมให้ได้เลย
------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: aeyja55 ที่ 04-07-2011 20:40:48
โห นพแอบรักมานานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 04-07-2011 20:55:02
กรี๊ดดดดดดดดดดด
มาต่อแบบยาวได้ใจมากๆค่ะ
ยิ่งมาอ่านมุมของนพแล้ว ยิ่งน่ารัก
เพิ่งจะรู้ว่านพแอบชอบมานานมากเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 04-07-2011 21:01:20
น้องแมวน่ารักมาก ทั้งรักทั้งหลงเต็มขั้นเลย
แต่นึกๆตามแล้วคุณไพฑูรย์เค้าก็น่ารักน่าหลงจริงแหละ
วันๆทำตาดุๆ หน้าตายๆ แต่พฤติกรรมน่ารักซะ :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 04-07-2011 21:27:01
นพมุ่งมั่นมาก ว่าแต่คุณไพฑูรย์จำนพไม่ได้เลยเหรอเนี่ย


+1  :n1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 04-07-2011 21:31:54
ยิ่งอ่านยิ่งชอบนพรัตน์นะเนี่ย เค้าเป็นคนดีโดยเนื้อแท้เลยล่ะ
 
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 04-07-2011 21:35:33
นพจ๋า  เขียนไดอารี่แบบนี้จนกว่าคุณไพจะถือไม้เท้าเลยนะ
อ่านสนุกมาก ๆ เหมือนกับได้อ่านไดอารี่จริง ๆ ไม่เหมือนนิยายเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 04-07-2011 21:48:43
นพ crazy in love มากๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Anonymus ที่ 04-07-2011 22:02:28
หนูเปี๊ยกน่ารักที่สุด :กอด1:
ขนาดไม่มีหวังเลยยังตามตื้อจนได้ทำงานกับเนื้อคู่
แบบนี้คุณไพไม่รักได้ไงเนาะ  ออกจะน่ารักน่ากอด 
หนูเปี๊ยกสู้ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 04-07-2011 22:03:09
ไม่ไหวแล้ว นพน่ารักสุดไปเลย :impress2:
อ่านไปก็เขิลไป :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 04-07-2011 22:18:56
นพสุดยอด
อ่านแล้วทึ่งไปเลยจริงๆ
อยากรู้ตอนต่อไปแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 04-07-2011 22:42:44
+1 ให้นพ กับความพยายาม แอบรักข้างเดียวมานานมั่กๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: PrInceZz ที่ 04-07-2011 22:53:23
 :mc4:
เย้ ๆ ในที่สุดก็ได้พบกันแล้ว อิอิอิ
รอลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 04-07-2011 22:57:42
นับถือๆ  ความพยายามสูงส่ง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 04-07-2011 23:17:37
น้องนพก็จีบสู้ตายเหมือนกันนะ อิอิ ก็คุณไพน่ารักจะตายไปเนอะ ดุ ๆ แต่น่ารัก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: leeteuk ที่ 04-07-2011 23:19:36
ยาวมากอ่ะ อ่านแล้วจุใจสุดๆๆไปเลยอ่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 04-07-2011 23:57:06
ดูแล้วเหมือนพวกโรคจิตเลยอะนพ ถ้าคุณไพรู้จะทำหน้ายังไงเนี้ย
อายแทน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: akanae ที่ 05-07-2011 00:09:41
นพมันเป็นเอามากกกก แต่มันน่ารักมากกกกก
ทุกอย่างเลย อ่านแล้ว ยิ้มกริ่มเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 05-07-2011 00:52:08
นั่งหัวเราะคนเดียวเหมือนคนบ้า

โคดขำตอนตานพบอกว่าเนื้อคู่รุ่นพ่อไม่เอาหรอก

ชะช้าาาไหงตอนนี้หลงโงหัวไม่ขึ้นละเนี่ย วะฮ่าฮ่า

ไม่สุภาพจิ๊ดขอโทษนะคะ อินจัด อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 05-07-2011 01:49:15
นพทุ่มเท่มากเลย  :3123:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 05-07-2011 04:11:40
ชอบอ่ะ เนื้อคู่จริงๆซะด้วยนะนี่ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 05-07-2011 09:47:56
บันทึกของนายนพรัตน์ (ช่วงที่8)
   7 พฤษภาคม 255x
   เมื่อคืนจู่ๆ ก็ฝนตกล่ะ ผมตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะฟ้าผ่า นึกถึงคุณไพฑูรย์เหมือนกัน เพราะตอนออกมาไม่ได้ปิดหน้าต่าง ตอนเช้าเลยรีบบึ่งรถไปหาเขาเลย เอากุญแจไปคืนด้วย ไปดูอาการเขาด้วย ปรากฏว่าคุณไพฑูรย์เป็นหวัดล่ะ เจอหน้าผมก็จามเลย น่าสงสารจัง สงสัยเพราะผมไม่ได้ปิดหน้าต่างให้แน่ๆ
   คราวนี้คุณไพฑูรย์เลยทั้งเจ็บก้น ทั้งไข้เลย แถมไม่ยอมไปหาหมออีก ดื้อจริงๆ ด้วย ผมก็อยากจะหยุดงานมาดูแลเขานะ แต่เขาคงไม่ชอบใจเท่าไหร่ ผมเลยซื้อโจ๊กเข้าไปทิ้งไว้ให้ แล้วออกมาทำงาน
   พอรู้ว่าคุณไพฑูรย์ไม่อยู่ สารพัดคนก็เข้ามาหาผมเลยล่ะ แจ้งนั่นแจ้งนี่วุ่นวายไปหมด ดีนะ คุณไพฑูรย์เตือนผมไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าพวกนี้เป็นคนยังไงบ้าง เฮ้อ ผมทึ่งคุณไพฑูรย์จริงๆ นะ นี่ขนาดผมรับมือแค่วันเดียวยังแทบจะหนีกลับบ้าน เขาทนมาได้ยังไงตั้งเป็นสิบปีนะเนี่ย
   พอเที่ยงผมเลยซื้อกับข้าวแล้วแวะไปที่บ้านคุณไพฑูรย์อีกรอบ ซื้อไปทั้งโจ๊กทั้งข้าวสวยนั่นแหละ เผื่อเขาจะอยากกินอย่างอื่นนอกจากโจ๊กบ้าง แล้วผมก็กะจะกินข้าวกับเขาด้วยน่ะ
   คุณไพฑูรย์ดูท่าทางดีขึ้นล่ะ ไข้คงลดแล้ว ดีแล้วที่ผมซื้อข้าวสวยเผื่อมา เพราะดูเขาจะหิว ก็ตั้งแต่เย็นวานเพิ่งกินโจ๊กไปแค่ชามเดียวเองนี่นา
   ผมกินข้าวเสร็จก็ขอตัวออกมา กลับไปทำงานต่อ ตอนเลิกงานสงสัยผีเข้า แต่ก็เป็นห่วงเขาด้วยนั่นแหละ เลยแวะบ้านไปเอาเสื้อออกมา กะว่าจะไปค้างเลย กลัวนะ เห็นเขาทั้งเจ็บทั้งป่วยแบบนี้ ผมไม่อยากทิ้งเอาไว้คนเดียวเลยล่ะ
   ผมนั่งกินข้าวกับเขา อาการเขาแย่ลงอีกแล้ว สงสัยไข้จะขึ้น แต่จนแล้วจนรอดผมก็ยังไม่กล้าพูดว่าจะขอค้างสักที กลัวเขารู้ไต๋นะ ถึงเขาจะไม่สบายอยู่ก็เถอะ ผมสันหลังหวะแล้วล่ะ เพราะคิดว่าอาการผมมันออกนอกหน้าไปหลายอย่างแล้วเหมือนกัน แต่ดูฟ้าฝนจะเป็นใจนะ เพราะจู่ๆ ก็ตกลงมาห่าใหญ่ คุณไพฑูรย์เลยบอกให้ผมอยู่ต่อก่อน ผมเลยกลั้นใจบอกว่าจะค้างไปเสียเลย เขาดูงงๆ แต่ก็ยอมให้ผมค้างล่ะ เขาใจดีจริงๆ ด้วยนะเนี่ย
   พอสักสามทุ่มเขาก็เริ่มจะนั่งไม่ไหวแล้ว ผมเลยต้องพาเขาไปนอน ไข้สูงขนาดนี้ยังไม่ยอมไปหาหมออีก คุณไพฑูรย์นี่ดื้อจริงๆ นะ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอุตส่าห์เป็นห่วงเรื่องที่หลับที่นอนของผม แถมยังห่วงว่าผมจะไข้ด้วยนะ บอกให้ผมหยิบผ้าห่มหยิบหมอน ผมเลยบอกว่าผมจะไปนอนโซฟาด้านล่างแล้วกัน เพราะขืนบอกว่าอยากนอนเตียงเดียวกับเขามีหวังได้ถูกเขาถีบก่อนแน่
   คุณไพฑูรย์ไข้สูงมากเลยล่ะ ผมปิดไฟ เดินลงข้างล่างไปได้สักพัก ก็อดไม่ได้ต้องขึ้นมาดูเขาอีก เขาหลับไปแล้ว ตัวร้อนจี๋เลย ผมเลยไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้เขา แล้วแอบหอมแก้มเขาเบาๆ ทีหนึ่ง บอกว่าหายไวๆ นะ
   ผมไม่ได้ตั้งใจจะลวนลามเขานะ แค่อยากให้เขาหายไวๆ เท่านั้นเอง
-------------------------------------------------------
   13 พฤษภาคม 255x
   วันนี้ผมเอาของที่ซื้อมาเมื่อวานมาให้คุณไพฑูรย์เลือกล่ะ คุณไพฑูรย์ป่วยอยู่อาทิตย์หนึ่งเต็มๆ น่าสงสารจัง แต่ตอนนี้ดูท่าทางเขาจะหายดีแล้วล่ะ ผมเลยช่วเขาเนียนด้วยการซื้อของฝากของญี่ปุ่นมาให้เขา พอดีว่าเห็นขายอยู่ในห้างน่ะ เรื่องแต่งที่คุณพงษ์โพยมบอกว่าเขาไปดูงานที่ญี่ปุ่นจะได้สมเหตุสมผลขึ้นไง
   คุณไพฑูรย์ดูงงๆ กับของที่ผมซื้อไป ผมเลยอธิบายให้เขาฟัง สุดท้ายก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำงานขายตรงเลย แต่เขาก็ดูสนุกไปกับผมนะ ผมเลยพูดใหญ่เลย จนเขาบอกว่าน่าจะย้ายไปทำงานฝ่ายการตลาด นั่นแหละผมถึงหยุด ผมแค่อยากทำให้เขามีความสุข แต่ไม่อยากย้ายตำแหน่งนะ ผมอยากอยู่ใกล้ๆ เขา ผมอยากได้ตำแหน่งนี้ ตำแหน่งอื่นผมไม่เอาหรอก
   ผมขายของฝากให้คุณไพฑูรย์เรียบร้อย ก็ดูเขายังเกรงใจผมอยู่นะ คงเห็นว่าผมยังเด็ก มาทำอะไรให้คนรุ่นเขาขนาดนี้จะรับไว้เฉยๆ ก็คงไม่เหมาะล่ะมั้ง ผมเลยใจกล้าหน้าด้านอีกแล้วล่ะ บอกว่ามีตั๋วฟรีละครเวที ถ้าเขาเกรงใจผม ก็ไปดูเป็นเพื่อนผมนะ แต่จริงๆ ผมยังไม่ได้ซื้อหรอก เห็นใบประกาศเมื่อวานนี้เอง พอเห็นแล้วก็นึกถึงคุณไพฑูรย์ ดารารุ่นเก่าแบบนี้เขาน่าจะสนใจนะ พอได้โอกาสก็เลยลองถามเขาน่ะ ปรากฏว่าเขาตกลงล่ะ แต่ก็ทักเหมือนกันนะว่าทำไมผมได้ตั๋วฟรีบ่อย แหม.. คุณไพฑูรย์ก็จำแม่นนะเนี่ย ผมเลยโกหกเขาไปว่าใช้บัตรพี่ชายแลกมา ขืนให้เขารู้ว่าผมซื้อเตรียมไปดูกับเขา เขาคงไม่ไปกับผมแน่ ที่เขาตกลงนี่คงเห็นว่าผมยังเด็กล่ะมั้ง เอาล่ะ ถึงรู้ว่าเขาไม่คิดอะไรแบบที่ผมคิดแน่ แต่ขอผมมีโอกาสได้ไปไหนมาไหนกับเขาก่อนแล้วกัน
   จากนั้นผมเลยอาสาจะทำอาหารให้เขา ไปซื้อเตรียมมาแล้วล่ะ กะว่าทำไม่ยาก ไม่รบกวนเขาแน่ๆ เพราะเขาเพิ่งหายป่วยเอง ผมเลยอยากจะทำอะไรให้เขาประทับใจบ้าง แต่ปรากฏว่าผมโดนว่าอีกแล้วล่ะ สงสัยผมจะทำครัวไม่เอาอ่าวจริงๆ เลยเดือดร้อนคุณไพฑูรย์ต้องมาทำเองอีก แต่คุณไพฑูรย์ทำครัวคล่องมากเลยนะ คล่องเหมือนพี่หนิงเลย คุณไพฑูรย์เคยทำกับข้าวให้ใครกินมาก่อนรึเปล่านะเนี่ย แอบอิจฉาคนนั้นจัง คนต่อไปจะได้เป็นผมรึเปล่านะ แต่เอาเถอะ วันนี้ผมก็ได้กินอาหารฝีมือเขาล่ะ กินจนเกลี้ยงเลย เขาเลยบอกว่าถ้าผมชอบวันหลังจะทำให้ทานอีก ผมล่ะปลื้มจริงๆ นะเนี่ย ถึงจะพยายามคิดว่าเขาพูดเพราะมารยาท แต่ก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดี
   ก่อนกลับผมเอาตุ๊กตาแมวที่เจอมาเมื่อวานฝากเขาด้วย เห็นว่าน่ารักดี เลยซื้อให้เขาดีกว่า เผื่อเขาเห็นแล้วจะคิดถึงผม ผมคิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้วล่ะ ตอนให้ผมฉวยโอกาสจับมือคุณไพฑูรย์ด้วย แอบเขินเหมือนกันนะ แต่คุณไพฑูรย์ดูเฉยๆ มาก ไม่ได้คิดอะไรกับผมจริงๆ ด้วย แต่ช่างเถอะ ไม่ไล่ผมก็บุญแล้ว ตอนนี้ขอผมได้อยู่ใกล้ๆ เขาก่อนแล้วกัน เขายังไม่คิดอะไรกับผมก็ไม่เป็นไร
---------------------------------------------
   14 พฤษภาคม 255x
   วันนี้คุณไพฑูรย์กลับมาทำงานได้แล้วล่ะ มาถึงเขาก็ตรวจงานผมเลย ปรากฏว่าผมทำงานพลาดเยอะ เลยโดนเอ็ดยาว จนผมกลัวเขาจะไล่ผมออกเลยนะ ผมเพิ่งมาทำงานได้แค่เดือนกว่าเอง ยังไม่อยากออกตอนนี้ ยังจีบเขาไม่สำเร็จเลย ไม่อยากถูกเขาเกลียดด้วยน่ะ ผมว่าผมเกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยล่ะ ไม่ไหวเลยผม อายุตั้งยี่สิบกว่าแล้วนะเนี่ย
   ผมซึมไปครึ่งวันเลย คิดมากน่ะ สงสัยคุณไพฑูรย์เห็นแล้วนึกสงสารผมมั้ง ตอนเย็นเขาเลยชวนผมไปทานข้าว ตั้งแต่ทำงานกันมาเขาไม่เคยชวนผมทานข้าวก่อนเลยนะ ผมดีใจจนลืมเศร้าเลย รีบตกลงรับปากเขาทันที เขาใจดีจริงๆ นั่นแหละ แบบนี้คงไม่เกลียดผมหรอก
   พอถึงร้านอาหาร เขาก็พูดถึงเรื่องค่ารถ เพราะช่วงสัปดาห์ที่แล้วที่เขาไม่สบาย ผมเป็นธุระพาเขาไปหาหมอ ขับรถซื้อข้าวซื้ออะไรมาให้ แหม.. คุณไพฑูรย์นี่ขี้เกรงใจจริงๆ เลยนะ เขาคงไม่รู้ว่าปกติผมก็ขับรถเวียนตามเขาอยู่แล้ว ผมเลยบอกเขาว่าให้ผมขับรถไปรับไปส่งเขาแทนแท็กซี่เลยแล้วกัน เพราะไหนๆ บ้านเขากับบ้านผมก็ไปทางเดียวกันอยู่แล้ว เขาอึ้งๆ แต่ก็ยอมตกลงล่ะ สำเร็จ ในที่สุดผมก็ได้ขับรถไปรับไปส่งเขาแล้ว ผมถือว่าตัวเองเป็นคนพิเศษของเขาอีกขั้นล่ะ แต่ผมคิดของผมเองน่ะนะ เขาคงไม่คิดอะไรหรอก...
   กินข้าวกันอยู่ เขาก็ถามว่าทำไมวันนั้นผมจำเขาได้ วันที่เขาใส่ชุดพนักงานทำความสะอาดเดินไปที่โรงอาหารน่ะ จริงๆ ผมก็อยากถามกลับนะว่าเขาใส่ชุดแบบนั้นไปทำไม แต่ผมพอจะเดาออกหรอก เขาคงอยากติดตามพฤติกรรมพนักงานล่ะมั้ง ผมไม่กล้าบอกเขาตามตรงว่าผมจำเขาได้เพราะจ้องเขามาเป็นปีๆ จำได้จะทุกส่วนแล้ว เลยบอกว่าจำท่าทางเขาได้ เขาก็ดูจะตกใจ กลัวว่าคนอื่นจะจำได้ด้วย ผมเลยปลอบเขาว่าคนอื่นคงจำไม่ได้หรอก แหม.. ใครมันจะสังเกตทุกส่วนของเขาเหมือนผมกันล่ะ
   หลังจากนั้นผมชวนเขาคุยถึงเรื่องความรักล่ะ สงสัยบรรยากาศเป็นใจ ไม่ก็แรงเก็บกดที่อั้นไว้เป็นแรมปีล่ะมั้ง แต่ก็ไม่ได้พูดตรงๆ นะ เพราะกลัวถูกด่าอยู่เหมือนกัน เลยแอบแยบๆ ว่ามีเพื่อนมีปัญหาเรื่องความรักอยากจะปรึกษา เขาก็ใจดีนะ บอกว่าจะรับปรึกษาให้ผม แต่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ ผมพูดไปสักพัก ชักเขินเอง เขาก็เหมือนจะรู้ทันนะ พอเห็นสายตาที่เขามองผมแล้ว ผมไม่กล้าพูดต่อเลยล่ะ กลัวโดนเขาตอกหน้า เขาอายุปูนนี้แล้วคงรู้ทันผมแน่ๆ แต่ผมสิ ไม่กล้ารุกเขาตรงๆ เลย กลัวถูกถีบหัวส่งน่ะ
   ตอนกินข้าวเสร็จผมเห็นว่ายังหัวค่ำอยู่ เลยหาโอกาสอยู่กับเขาต่อด้วยการชวนไปนั่งรถเล่น เขาก็บอกว่าอยากจะเดินมากกว่า ผมนึกถึงสะพานที่ครูพิสุทธิ์เคยพาผมไปเลยนะ ก็เลยบอกเขาไป ไม่รู้สิ เกิดรู้สึกว่าถ้าได้ไปเดินกับคุณไพฑูรย์บนนั้นคงโรแมนติกดี ตอนครูพิสุทธิ์ครูไม่ยอมเดินกับผมนี่ ปล่อยให้ผมเดินอยู่คนเดียว วันนี้ผมคงได้เดินคู่ใครสักที
   คุณไพฑูรย์ดูงงๆ แต่ก็ยอมตกลงนะ ผมชอบเวลาเขาทำหน้างงจัง เขาจะเลิกคิ้วขึ้นหน่อยหนึ่ง จากนั้นถ้าไม่ถามต่อคำสองคำก็พยักหน้าเงียบๆ ถ้าไม่สังเกตให้ดีไม่รู้นะเนี่ย หน้าเขานิ่งจริงๆ นั่นแหละ แต่ผมว่าเขาน่ารักดีนะ
   แล้วผมก็พาคุณไพฑูรย์มาที่สะพานจนได้ คุณไพฑูรย์ดูจะชอบนะ ยิ้มด้วยล่ะ เวลายิ้มคุณไพฑูรย์น่ารักสุดๆ เลย เพราะตาจะเยิ้มหน่อยๆ แต่เขาไม่ค่อยยิ้มนี่สิ เอาแต่ทำหน้าตายตลอดเวลา
เดินไปสักพักบรรยากาศชักเป็นใจ ผมเลยชวนเขาคุยเรื่องความรักต่อ เนียนเล่าเรื่องผมกับครูพิสุทธิ์นี่แหละ สุดท้ายก็ถามเขาว่าเขามีคนที่ชอบรึเปล่า คุณไพฑูรย์ตอบว่ามีนะ เคยมีน่ะ แต่ไม่ได้คบกันแล้ว เพราะคนนั้นไปเรียนต่อต่างประเทศ ผมแอบใจแป้วเหมือนกันนะ เพราะตอนเขาพูดถึงคนคนนั้นน่ะ ท่าทางเขาจะรักของเขานะ เพราะเขายิ้มนิดๆ ด้วย แต่เศร้าๆ น่ะ ผมทั้งหึงทั้งอิจฉาเลยนะเนี่ย หัวใจเขามีคนอื่นอยู่ก่อนผมแล้ว ผมจะเข้าไปแทนที่ได้ไหมเนี่ย แต่ผมก็สู้ของผมล่ะนะ ไหนๆ ผมก็ตกหลุมรักเขาจนโงหัวไม่ขึ้นขนาดนี้แล้วนี่นา
   ตอนไปส่งเขากลับบ้านผมเลยบอกไปว่าอาจารย์ที่ผมชอบน่ะเป็นผู้ชาย อยากให้เขารู้สึกตัวสักนิดหนึ่ง เพราะท่าทางเขาจะเข้าใจผมว่าชอบผู้หญิง เขาฟังแล้วก็พยักหน้าเฉยๆ นะ เขาจะรู้ตัวบ้างรึเปล่าเนี่ยว่าถูกผมตามจีบอยู่
-------------------------------------------------------
   16 พฤษภาคม 255x
   พี่นัทตกใจกับพัฒนาการของผมและคุณไพฑูรย์มากเลยล่ะ วันนี้หลังส่งคุณไพฑูรย์ที่บ้าน พี่เขาก็โทรมา ลากผมออกไปสอบสวนข้างนอกอีกแล้ว ผมว่าพักหลังๆ นี่ พวกพี่เขาเริ่มสนุกกับการลุ้นเรื่องผมกับคุณไพฑูรย์แล้วล่ะ คราวนี้มากันเกือบสิบคนเลย
ผมเลยเล่าให้พวกพี่เขาฟัง ถือโอกาสปรึกษาเสียเลยว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี พี่นัทที่เคยทำงานกับเขามาก่อนก็รับไปเต็มๆ เลยล่ะ พี่เขาอึ้งๆ อยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็บอกว่าคุณไพฑูรย์เขาอายุเยอะแล้ว แถมเป็นจอมวางมาด ทางทีดีผมอย่าไปเล่นตรงๆ ทื่อๆ กับเขาดีกว่า คนอื่นก็เห็นด้วยนะ เพราะคนมีอายุแล้วฐานะการงานขนาดนั้นเขาระวังตัวเป็นอย่างดี ไม่อยากจะสนใจเด็กแบบผมหรอก ผมก็ว่างั้นแหละ เพราะบางทีเขาก็ทำเหมือนผมไม่สำคัญอะไรเลย พี่นัทเลยบอกว่าพยายาแซะๆ ไปก็แล้วกัน จากนั้นทุกคนก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่เลยนะ บอกว่าเปี๊ยกเอ๊ย ไม่น่าเลย คนดีๆ ให้ชอบมีตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมต้องไปชอบคนรุ่นพ่อที่ดุขนาดนั้นด้วยนะ แหม.. ก็ทุกคนยังไม่เคยเห็นคุณไพฑูรย์นี่ ฟังแต่พี่นัทเล่า เล่าอะไรก็ไม่รู้ คุณไพฑูรย์เสียหายหมดเลย คุณไพฑูรย์เขาเป็นคนน่ารักนะ เพราะทุกคนไม่ได้เห็นเขาแบบที่ผมเห็นด้วยล่ะมั้ง แต่ผมไม่กล้าเล่าหรอก เดี๋ยวพวกพี่เขาหาว่าผมบ้า แล้วผมก็ไม่อยากให้ใครรู้ความน่ารักของคุณไพฑูรย์ด้วย ให้ผมรู้คนเดียวก็พอ ผมจะได้เป็นคนพิเศษแบบที่ผมคิดของผมเองต่อไปนี่แหละ อาการหนักจริงๆ เลยนะ ผมเนี่ย
----------------------------------------------------------
   19 พฤษภาคม 255x
   ผมเพิ่งรู้ว่าคุณไพฑูรย์ไปว่ายน้ำตอนเช้าด้วยล่ะ วันนี้ไปหาเขาที่บ้านเพราะจะรับไปดูละครเวที ไม่เห็นเขาอยู่โทรไปก็ไม่รับ แอบเป็นห่วง ยืนรออยู่พักเห็นเขาเดินมาจากอีกทางก็เลยได้รู้ อยากเห็นตอนว่ายน้ำจัง
พอเห็นหน้าผม ผมถึงได้รู้ว่าคุณไพฑูรย์ลืมนัดกับผมอีกแล้ว แอบน้อยใจเหมือนกันนะเนี่ย สำหรับเขาแล้ว การตกลงกับเด็กอย่างผมนี่คงเหมือนการปลอบใจเด็กเล็กๆ ให้หยุดงอแงล่ะมั้ง ผมเลยตื้อเขาต่อ ยืนยันว่าเขาสัญญากับผมแล้ว สุดท้ายเขาก็ตกลงล่ะ ไม่เป็นไร ถึงเขาจะยอมผมเพราะอยากปลอบใจ ผมก็ยอมล่ะ เขาอยากปลอบใจผม ผมก็ดีใจแล้ว
ไปโรงละครคราวนี้ ผมไม่ซื้ออะไรเข้าไปกินล่ะ อยากทำตัวให้ดูโตขึ้นสักหน่อย ละครเล่นดีนะ ดูแล้วอินเลยล่ะ บางตอนก็ซึ้งจนผมแทบน้ำตาไหล แต่พอหันไปดูคุณไพฑูรย์ ท่าทางคุณไพฑูรย์ดูเครียดสุดๆ
   ดูละครจบแล้ว คุณไพฑูรย์ยังหน้าตึงๆ อยู่เลย สงสัยเพิ่งโดนงานที่บริษัทรุม เพราะผมด้วยแหละที่ทำงานไม่ดี แล้วเนื้อหาละครก็เครียดใช้ได้ ก็เลยยิ่งทำให้คุณไพฑูรย์หงุดหงิดล่ะมั้ง กลายเป็นว่าผมพลาดซ้ำพลาดซากอีกแล้ว เลยรีบชวนเขาไปร้านอาหารสบายๆ แบบที่เขาชอบ  พยายามชวนคุยนั่นคุยนี่ ใจหนึ่งชวนคุยมากๆ ก็กลัวเขารำคาญเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงนี่นา ผมไม่อยากให้เขาหงุดหงิดนานๆ น่ะ
   ชวนๆ คุยเรื่องละครอยู่ดีๆ เขาก็ทักผมเรื่องชอบคนอายุมากกว่า บอกว่าชอบคนอายุมากไม่ดีหรอกนะ ผมงี้สะดุ้งเลยล่ะ นี่เขารู้ตัวแล้วรึเปล่านะ จากนั้นคุณไพฑูรย์ก็อธิบายให้ผมฟังว่าชอบคนอายุมากกว่าไม่ดีตรงไหนบ้าง แล้วก็ลงท้ายด้วยการแขวะเรื่องผมกับครูพิสุทธิ์ ผมว่าเขาอาจจะรู้ตัวแล้วนะ ว่าถูกผมตามจีบอยู่ แต่.. ไม่รู้สิ... เขารู้ตัว แต่ก็ไม่ได้บอกปฏิเสธผมตรงๆ อาจจะเพราะเขายังไม่แน่ใจเท่าไหร่ก็ได้ งั้นผมก็จะทำเนียนๆ ไปแล้วก็กัน ในเมื่อเขาไม่ปฏิเสธชัดๆ ผมจะไม่ถอยเหมือนกันล่ะ ผมหลงเขามาเป็นปีๆ แล้ว แค่นี้ผมไม่ถอยง่ายๆ หรอก
ฟังเขาจบ ผมเลยบอกเขาไปว่าผมไม่ยอมแพ้หรอกนะ แล้วก็ทำหน้าด้านมองหน้าเขาตรงๆ แต่ในใจน่ะกลัวสุดๆ เลยล่ะ กลัวโดนเขาหักอกดังเปาะ ถ้าเขาบอกปฏิเสธใส่หน้าผมนะ ผมจบแน่เลย
   ผมลุ้นใจสั่น ดูว่าคุณไพฑูรย์จะว่าไง แต่เขาแค่มองหน้าผม เลิกคิ้วนิดๆ แล้วเสไปพูดเรื่องอื่น เขาหลบตาด้วยนะ ผมว่าเขาเขินนะเนี่ย เขาเขินผมล่ะ น่ารักจังเลย
   คุณไพฑูรย์เริ่มมีใจให้ผมแล้วรึเปล่านะ ผมไม่อยากจะคิดเองเออเองเพราะเห็นเขาเขินแบบแปลกๆ หรอกนะ แต่ผมว่าผมน่ะ รักเขายิ่งกว่าเดิมอีก หวังว่าสักวันเขาคงจะรักผมบ้าง
----------------------------------------------------
   14 สิงหาคม 255x
   ช่วงนี้ผมมีความสุขสุดๆ เล่าให้พวกพี่นัทฟังยังไม่ค่อยยอมเชื่อกันเลย แล้วจะเรียกผมไปคุยทำไมนะเนี่ย
ผมได้กินข้าวกับคุณไพฑูรย์แทบทุกมื้อเลย แถมคุณไพฑูรย์ยอมให้ผมไปนอนค้างที่บ้านช่วงวันศุกร์วันเสาร์ด้วยล่ะล่ะ ผมได้เข้าๆ ออกๆ บ้านเขาโดยไม่ต้องปั้มกุญแจสมใจแล้ว เพราะเขาเปิดให้ผมเข้าไปเองเลย แต่เมื่อไหร่เขาจะเปิดใจให้ผมเข้าไปอยู่เต็มๆ สักทีนะ
-----------------------------------------------------
   
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 05-07-2011 09:48:11
18 สิงหาคม 255x
   วันนี้แฟนเก่ามาหาคุณไพฑูรย์ล่ะ ผมเดาเอานะว่าน่าจะเป็นคนที่เขาพูดถึงบนสะพาน คนอย่างคุณไพฑูรย์ไม่น่าจะชอบใครพร่ำๆ เพรื่อๆ อยู่แล้ว ผมรู้เพราะตอนที่เขาเปิดประตูเข้ามาในห้องนะ คุณไพฑูรย์ตาค้างเลยล่ะ แบบว่าทั้งตกใจทั้งดีใจเลยมั้ง คงไม่ได้เจอกันนานมากแล้วล่ะ
ผมปวดใจแปลบเลย พอเห็นคุณไพฑูรย์ทำหน้าแบบนั้น ผมว่าคุณไพฑูรย์ชอบเขามากเลยนะ เพราะไม่เคยเห็นคุณไพฑูรย์ทำหน้าแบบนี้กับใครมาก่อน คุณไพฑูรย์คุยกับเขาด้วยท่าทางมีความสุขสุดๆ แทบจะยิ้มตลอดเลย ผมนั่งกัดฟันกรอดๆ ทั้งหึงทั้งอิจฉาเลย แต่ผมจะมีสิทธิ์อะไรล่ะ ผมเป็นแค่เด็กที่มาเป็นผู้ช่วยคุณไพฑูรย์เท่านั้นเองนี่นา
แล้วคุณไพฑูรย์ก็ลืมนัดกินข้าวมื้อเย็นกับผม ไปกินกับแฟนเก่าแทน ผมทนนั่งต่อไม่ไหวเพราะแสลงใจสุดๆ เลยบอกเขาว่าจะไปแผนกไอที แล้วเดินออกมาทั้งอย่างนั้นเลย ตอนนั้นทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ ทั้งเสียใจเลยนะ เพราะรู้สึกว่าผมไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาเลยสักนิด
ผมเดินออกมาก็ไปแผนกไอทีอย่างที่ว่าแหละ กะจะไปถามรายละเอียดเกี่ยวกับแฟนเก่าคุณไพฑูรย์หน่อย ไม่อยากเขียนชื่อเขาเลยน่ะ ผมแสลงใจ พี่พัชก็เลยเล่าเรื่องของเขาให้ฟัง ผมเลยได้รู้ว่าเขาเป็นน้องชายคุณพงษ์โพยม ถ้าเขากลับมาคืนดีกันนะ ผมคงหมดหวังแน่ ก็ดูคุณไพฑูรย์ชอบเขาขนาดนั้นนี่นา
ตอนนั้นผมเกือบน้ำตาร่วงเลยล่ะ นึกเลยนะว่าคงอกหักแน่แล้ว เจอคู่ต่อสู้ที่ไม่มีทางสู้ได้ขนาดนี้ คุณไพฑูรย์คงยังไม่ใช่เนื้อคู่ผม แต่.. ผมชอบเขา รักเขาสุดหัวใจเลย เกิดมาไม่เคยคิดเลยว่าจะรักใครได้รุนแรงขนาดนี้ แค่คิดว่าจะอกหัก น้ำตาผมก็พาลจะร่วงออกมาซะให้ได้ ไม่อยากอกหักเลย ผมอยากรักเขานานๆ ขอให้ผมได้อยู่ใกล้ๆ แบบนี้ต่อไปก็ได้ อย่าเพิ่งให้เขามีคู่เลยนะ
สงสัยพี่พัชเห็นผมทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เลยรีบบอกว่าเปี๊ยกใจเย็นๆ ได้ยินว่าคุณพรายเขาจะแต่งงานแล้วน่ะ ที่กลับมาเพราะจะมาธุระเรื่องงานแต่งนี่แหละ
ผมเลยเงยหน้าขึ้นมา มองหน้าพี่เขาแล้วถามว่าจริงหรือ พี่เขาก็บอกว่าจริง ผมอยากจะกระโดดกอดพี่พัชจริงนะ ถ้าเขาจะแต่งงาน ก็คงจะคืนดีกับคุณไพฑูรย์ไม่ได้แล้ว สงสารอยู่หรอกที่คุณไพฑูรย์คงจะอกหัก แต่แปลว่าเขาจะยังโสดต่อไป ให้ผมจีบต่อได้เรื่อยๆ
อยากบอกคุณไพฑูรย์จังเลยนะ ว่าถ้าอกหักแล้วหันมารักผม รับรองผมไม่หักอกคุณไพฑูรย์แน่นอน แต่กลัวพูดไปจะโดนคุณไพฑูรย์หักอกแทนน่ะสิ
ผมดีใจได้สักพัก พี่พัชก็ชวนไปกินข้าว เพราะเที่ยงแล้ว ผมก็เลยยอมตามไป เพราะคิดว่าคุณไพฑูรย์อาจจะไปกินกับแฟนเก่าก็ได้ คงยังไม่รู้เรื่องแต่งงานหรอก ไม่อยากไปขัดจังหวะ แล้วก็ไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจด้วยนะ
ถึงไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมก็หึงเขานะเนี่ย
ผมลงมานั่งที่โรงอาหารสักพัก ก็เห็นคุณไพฑูรย์เดินลงมา ตายล่ะ นี่เขาไม่ได้ไปกินกับแฟนหรือนี่ เขาปรายตามองทุกคน แล้วมาหยุดที่ผม ท่าทางเขาจะโมโหผมด้วยนะ โอ๊ย แย่แล้วผม ทำผิดทำพลาดซ้ำซากจริงๆ หนีงานออกมาแล้วยังไม่รอเขากินข้าว ผมอยากเตะตัวเองสุดๆ เลยล่ะตอนนั้นน่ะ
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะลุกไปแก้ตัวกับเขา แฟนเก่าเขาก็เดินเข้ามา มากับฝรั่งด้วยแน่ะ ผมจะลุกเลยไม่กล้าลุก ได้แต่มองเขาอ้ำๆ อึ้งๆ คุณไพฑูรย์มองกลับมาด้วยนะ ด้วยสายตาแบบว่า เคืองผมสุดๆ แถมเมินอีกต่างหาก เขาโกรธผมจริงๆ ด้วย ผมควรทำไงดีเนี่ย
ผมเลยได้แต่นั่งอึดอัดมองเขาคุยกับฝรั่ง คุณไพฑูรย์พูดภาษาอังกฤษคล่องเลยล่ะ เท่าที่ดู ไม่ต้องพึ่งใครเลย เขาคุยกันนานมาก แถมแฟนเก่าเขาก็ท่าทางจะมีความสุขด้วยนะ ผมจิตตกเลยล่ะ เกิดเขาเปลี่ยนใจไม่แต่งงานล่ะ หรือเขาอาจจะกลับมาขอคุณไพฑูรย์แต่งงานก็ได้ ดูสิ ยังมองคุณไพฑูรย์ด้วยสายตารักใคร่อยู่เลย ผมจะเชื่อพี่พัชได้ยังไง
ผมทนดูต่อไม่ไหว เลยเดินออกมา กลับไปนั่งซึมที่แผนกไอทีต่อ จนพี่พัชต้องเดินมาปลอบ เขาคงอนาถผมเหมือนกันแหละ ที่ตีโพยตีพายตัวเองขนาดนี้ ไม่เคยรักใครจนคลั่งแบบผมไม่เขาใจหรอก ผมรักคุณไพฑูรย์หมดตัวหมดหัวใจ อย่าว่าจะให้ถอนตัวเลย แค่ไม่เห็นหน้าเขาวันหนึ่งผมก็นอนไม่หลับแล้ว เรียกว่าไม่เห็นหน้าขอให้เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี ทำไมกามเทพถึงโหดร้ายกับผมนักนะ แผลงศรรักปักอกผมทะลุถล่มไปถึงไหนต่อไหน
พี่พัชพยายามปลอบอยู่สักพัก ว่าผมเลิกวิตกจริตเถอะว่าคุณไพฑูรย์จะถูกขอแต่งงาน เพราะคุณพงษ์โพยมคงไม่ปลื้มแน่ๆ ผมเถียงอีกนะว่าเขาอาจจะปลื้มก็ได้ จะได้ผนวกคุณไพฑูรย์เข้าไปเป็นทองแผ่นเดียวกันเลยไง พี่พัชเลยทุบไหล่ผมทีหนึ่ง แรงโคตรๆ แล้วบอกว่าหยุดเพ้อซะที ถ้ายังไม่เลิกเพ้อนะ พี่จะต่อยให้คว่ำเลย นั่นแหละ ผมถึงได้สติ พี่พัชทำหน้าละเหี่ยๆ แล้วบอกว่า ถ้ายังอยากมีหวังกับคุณไพฑูรย์อยู่นะ รีบกลับไปทำงานเถอะ เพราะผมน่ะโดดงานออกมานานมาก ด้วยนิสัยอย่างคุณไพฑูรย์นะ รับรองว่าตอนนี้คงโกรธสุดๆ อยู่แน่ๆ
ผมขนลุกทันที เลยรีบบอกขอบคุณแล้วลาพี่เขากลับมาที่ห้อง ปรากฏว่าคุณไพฑูรย์โกรธอยู่จริงๆ นั่นแหละ ผมทำผิดทำพลาดซ้ำซากสุดๆ เลย ผมควรแค้นตัวเองมากกว่าแค้นแฟนเก่าเขาอีก
คุณไพฑูรย์มองผมด้วยสายตาเมินสุดๆ คำขอโทษของผมไม่ช่วยอะไรเลย ผมเห็นเขาพยายามจะอ่านจดหมายร้องเรียนเลยบอกว่าจะช่วย เขาก็เมินอีก  ผมเครียดเลยนะ ไม่รู้จะทำไงเลยยืนอ้ำๆ อึ้งๆ สักพักก็ถามเขาอีกเรื่องหนังสือร้องเรียนนั่นล่ะ คุณไพฑูรย์ท่าทางจะโกรธจัด วางหนังสือลงบนโต๊ะเสียงดังเลย ผมสะดุ้งเลยล่ะ คิดว่าเขาคงด่าผมแน่ แต่เขามองผมอยู่สักพัก พักใหญ่เลย แล้วก็ยอมให้ผมอ่านหนังสือนั้นให้เขาฟัง
ผมยิ้มเลยนะ แบบว่า ไม่รู้สิ ทำไมเขาไม่ด่าผมนะ.. เขา... โอ๊ย ผมไม่อยากคิดต่อแล้ว เพราะขนาดมานึกถึงที่บ้านยังยิ้มเลย เขาโกรธผมไม่ลงเพราะเขา..เริ่มชอบผมแล้วรึเปล่านะ แย่แล้วผม คิดเข้าข้างตัวเองได้จนวินาทีสุดท้ายจริงๆ นะเนี่ย
ตกเย็นผมเลยทำใจกว้างจะขับรถไปส่งเขา แต่เขาก็ปฏิเสธอีก จะรอแฟนเก่าท่าเดียว ผมไม่รู้คุณไพฑูรย์หวังจะคืนดีรึเปล่านะ เวลาเขาพูดถึงแฟนเก่า เหมือนจะทั้งรักทั้งเศร้าไปพร้อมกันเลย ผมไม่รู้จะทำไงเลยลาเขาออกมาก่อน
ผมใช้พฤติกรรมแบบตอนก่อนจะได้มาทำงานกับเขาอีกแล้วล่ะ ก็ผมเป็นห่วงนี่นา กลัวคุณไพฑูรย์ถูกหักอกแล้วเกิดคิดอะไรบ้าๆ เขาอายุมากแล้วก็จริงนะ แต่ใครจะไปรู้ เขาอาจจะหวังคืนดีกับแฟนเก่าอยู่ก็ได้ ผมว่าคุณไพฑูรย์น่ะใจแข็งนะ ถ้ารักแล้วก็คงต้องรักมากๆ เลยล่ะ แล้วถ้ามาถูกหักอกซ้ำอีก เขาคงช้ำน่าดู อาจจะทำอะไรบ้าๆ ลงไปก็ได้ ผมไม่ได้หาโอกาสทำคะแนนตอนเขาอกหักนะ แค่เป็นห่วงเขาเท่านั้นเอง
คุณไพฑูรย์กับแฟนเก่าเข้าไปกินข้าวในโรงแรมล่ะ ผมก็นึกบ้าของผมอีกแล้วว่าถ้าไม่จบแค่กินข้าวอย่างเดียว ดันไปทำอย่างอื่นกันต่อ ผมคงบ้าแน่ๆ คิดขนาดว่าถ้าสี่ทุ่มเขายังไม่ออกมานะ ผมจะไปถามพนักงาน ว่าเขาไปกันที่ห้องไหน จะไปขว้างให้ถึงที่เลย โหย ผมนี่ก็บ้าได้ถ้วยนะเนี่ย แฟนเขารึก็ไม่ใช่ เขาจะไปมีอะไรกับแฟนเก่า ผมก็ยังจะไปขวางอีก ขืนทำจริงผมคงโดนเกลียดไปตลอดชีวิต แต่ผมทนไม่ได้นี่นา ผมอยากให้คุณไพฑูรย์เป็นของผม ถึงจะเคยเป็นของคนอื่นมาก่อนก็เถอะ เว้นช่วงมาตั้งนานแล้ว ขอผมเลยไม่ได้หรือไงนะ
ผมคิดฟุ้งซ่านสุดๆ เลยล่ะ จอดรถไว้ แล้วเดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าโรงแรม นึกว่าถ้าเขาไปต่อกันจริงนะ ผมจะทำยังไงดี เข้าไปเคาะประตูแล้วบอกว่าเคาะผิดดีมั้ย หรือบอกว่าไฟไหม้ดี มานึกตอนนี้แล้วผมนี่บ้าจริงๆ
โหย..สี่ทุ่มแล้วเขายังไม่ออกมา ผมเข้าไปถามพนักงานเลยนะ สุดท้ายเลยรู้ว่าเขายังทานข้าวกันอยู่ ท่าทางจะคุยกันยาว โล่งอกไปที ผมเลยด้อมๆ มองๆ อยู่แถวนั้นแหละ ใครว่าโรคจิตผมไม่สนล่ะ นี่ถ้าพี่นพรู้นะ สวดผมยาวแน่ เผลอๆ จะตัดออกจากพี่น้องเลยนะเนี่ย
พอเห็นเขาทำท่าจะลุกออกกัน ผมเลยรีบเผ่นออกมาก่อน ทำมาเดินเนียนรอดักเจอคุณไพฑูรย์ เผื่อได้ขับรถไปส่งเขากลับบ้าน เอาน่ะ ผมอยากแน่ใจว่าเขาได้กลับถึงบ้านจริงๆ ไม่ใช่ไปเตร่ที่ไหนอีก เพราะเขาคงโดนหักอกเรียบร้อยแล้ว
พอคุณไพฑูรย์ออกมานะ ผมใจหายแทนเขาเลยล่ะ หน้าเขาเศร้าสุดๆ ก็นึกอยู่หรอกว่าเขาคงอกหัก แต่พอเห็นเขาหน้าเศร้าขนาดนี้ ผมเลยเศร้าไปด้วยเลย สงสารเขาจัง อยากปลอบนะ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ผมก็แค่เด็กในสายตาเขา เด็กรุ่นลูกเขาเลยด้วย
แต่คุณไพฑูรย์ก็พูดออกมาเองว่าจะกลับกับผม... ผมดีใจสุดๆ เลย เขาไม่ยอมกลับกับแฟนเก่า แต่กลับกับผม.. เขาตัดใจได้แล้วรึเปล่านะ ผมไม่กล้าคิด แต่รู้ว่าเขาคงไม่รังเกียจผมเท่าไหร่ล่ะมั้ง อย่างน้อยก็ไม่ไล่ผมกลับแล้วนั่งแท็กซี่ ผมว่าข้อแก้ตัวของผมตอนเจอเขาน่ะฟังไม่ขึ้นเสียเลยล่ะ
คุณไพฑูรย์ร้องไห้มาตลอดทางเลยนะ ไม่รู้เขารู้ตัวรึเปล่า แต่เขาน้ำตาซึมตลอดเลย ขนาดหลับตาอยู่นะ ผมสงสารเขาสุดๆ เลยล่ะ ปวดใจแทนด้วย เขาคงรักของเขามากๆ เลยล่ะ
ผมไปส่งคุณไพฑูรย์ถึงหน้าประตูบ้าน กะว่าจะกลับเลย ปล่อยให้เขาเสียใจให้เต็มที่ ถึงอยากอยู่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ แต่.. คุณไพฑูรย์ชวนผมค้างเองล่ะ ผมอึ้งไปเลยเหมือนกันนะ เขาคงอยากมีใครอยู่ใกล้ๆ ล่ะมั้ง
หลังจากนั้นเขาก็อาบน้ำเงียบๆ แล้วเข้านอน ท่าทางเขาจะเสียใจมากจนผมเป็นห่วงเลยล่ะ ผมนอนๆ บนโซฟาอยู่สักพัก ก็นอนไม่หลับ เป็นห่วงเขาน่ะ เลยลองขึ้นไปชั้นบนดู ตอนแรกเคาะประตูเบาๆ ไม่เห็นมีเสียงตอบ เขาอาจะหลับแล้วก็ได้ แต่ผมก็ยังห่วงนะ กลัวเขาจะทำอะไรบ้าๆ เลยลองบิดลูกบิดดู ไม่ล็อกแหะ ผมเลยเปิดเข้าไป
เขานอนอยู่ล่ะ คงหลับแล้ว แต่ตอนผมจะปิดประตูได้ยินเขาละเมอเรียกชื่อแฟนเก่า เสียงเศร้าน่าดู ผมเลยเดินไปหาเขา ท่าทางเขาทุรนทุรายจนน่าสงสารเลย คงจะเสียใจมาก ขนาดหลับแล้วยังละเมอเลย ผมปวดใจแทนเขาสุดๆ ไม่รู้จะทำไง เลยเรียกชื่อเขา ดึงตัวเขาเข้ามากอด พยายามจะปลอบใจเขา เขากอดตอบผมด้วยนะ คงคิดว่าเป็นแฟนเก่าล่ะมั้ง ผมเศร้าสุดๆ เลยล่ะ
ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาก็เห็นเขายืนอยู่แล้ว เออ ผมนี่...ทำลงไปจนได้ แอบขึ้นมาห้องนอนเขา แถมกอดเขาตอนเขาไม่รู้ตัว แล้วนอนหลับบนเตียงเขาอีก แค่เห็นท่ายืนเขาผมก็เกือบจะวิ่งหนีแล้วล่ะ แต่ทำจริงคงไม่ดีเท่าไหร่ เลยทักเขาไปเก้ๆ กังๆ กะว่าถ้าเขาด่าก็จะยอมให้ด่าล่ะ ผมขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงเขาล้วนๆ เขาหายโกรธคงพอฟังผมบ้างหรอก
แต่เขาไม่โกรธเท่าไหร่นะ แปลกจัง บอกให้ผมลืมๆ ไปซะ แถมยังเตือนผมด้วยนะว่าห้ามทำหน้าแปลกๆ ใส่แฟนเก่าเขา เขารู้หรือไงว่าผมจะทำหน้าอะไร เขารู้แล้วเหรอว่าผมคิดอะไรกับเขา
   แล้วผมก็ได้กินข้าวฝีมือเขาอีกแล้วล่ะ ผมว่าเขามีใจให้ผมนะ ไม่รู้เขาจะรู้ตัวรึเปล่า อาจจะรู้แล้วก็ได้ แต่ต้องรักษามาดไว้ก่อน ผมว่าผมมีหวังนะ มีหวังสุดๆ เลย
   ปีใหม่ปีนี้ผมอาจะได้ฉลองปีใหม่กับเขาก็ได้
--------------------------------------------------
---------------------------------------------------
----------------------------------------------------
   25 ธันวาคม 255x
   พวกเราได้วันหยุดยาวกันหลังจากโหมทำงานกันมาหลายสัปดาห์ ผมคงได้ฉลองปีใหม่กับคุณไพฑูรย์สมใจสักที ผมว่าเขาชอบผมแล้วล่ะ หลายเดือนที่ผ่านมานี่เขายอมอ่อนข้อให้ผมหลายอย่างเลย แถมยอมให้ผมจูบแล้วด้วย ผมมีความสุขที่สุดเลย
   แต่เหมือนฟ้าแกล้ง.. พี่แนนไม่สบายหนัก โรคหัวใจกำเริบอีกแล้ว หนักด้วย พี่นพโทรมาบอกผมตอนค่ำ ผม.... ผมไม่รู้จะพูดไงเลย ถ้าผมไม่นั่งเขียนบันทึกตอนนี้อยู่บนเครื่องบินผมคงคิดว่าตัวเองฝัน
   เราตกลงกันอย่างดีว่าจะทำอะไรกันบ้างช่วงหยุดยาวปีใหม่ วันนี้เราไปเที่ยวดูเฟอร์เจอร์ ดูแหวนกัน อย่างกับคู่รักแน่ะ ผมคิดเลยนะว่าจะเก็บเงินซื้อแหวนหมั้นเขา คุณไพฑูรย์น่ารักขึ้นทุกวัน จนผมคิดว่าเขาคงตกลงปลงใจกับผมแล้ว รอแค่หาเวลาเหมาะๆ บอกรักเขาเท่านั้นแหละ ผมกะจะทำช่วงปีใหม่นี้ จะได้ฉลองปีใหม่กับเขาในฐานะคนรักกันเสียที
   แต่ตอนนี้ผมอยู่บนเครื่องบิน คงไม่ได้เจอเขาอีกพักใหญ่ๆ แน่นอนว่าปีใหม่ก็คงไม่ได้ฉลอง ที่สำคัญ พี่แนนอาการไม่ค่อยดีด้วย ปีใหม่ปีนี้ผมอาจจะเจอเรื่องเศร้าก็ได้
-------------------------------------------------------------------
   31 ธันวาคม 255x
   พี่นพกำชับผมอย่างดีว่าห้ามให้พี่แนนรู้เด็ดขาดว่าผมคบกับคนแก่คราวพ่ออยู่ เดี๋ยวอาการพี่แนนจะยิ่งกำเริบ ผมเห็นแล้วล่ะว่าอาการพี่แนนไม่ดีเลย วันนี้พี่แนนผ่าตัดแล้ว ไม่รู้จะเป็นไงบ้าง มือถือผมก็หายที่สนามบินอีก พี่นพไม่ยอมให้ซื้อใหม่ กลัวผมโทรหาคุณไพฑูรย์ ผมไม่บ้าโทรให้พี่แนนเห็นหรอก พี่นพนี่ระแวงจริงๆ แต่ผมก็ห่วงพี่แนนเหมือนกันแหละ ไม่รู้จะทำไงดี ห่วงพี่ก็ห่วงนะ คุณไพฑูรย์ผมก็ห่วง ไม่ได้ติดต่อกลับไปหลายวันจะเป็นไงบ้างไม่รู้ จะเหงารึเปล่านะ จะคิดว่าเด็กอย่างผมมันก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น มาแล้วก็หายไป หาความมั่นคงไม่ได้เอาเสียเลย
   สงสัยพี่นพจะเห็นผมเครียดจัด เลยให้ยืมโทรศัพท์ บอกว่าให้คุยแป๊บเดียวนะ ห้ามพูดอะไรส่อด้วยว่าจีบคนแก่อยู่ ผมจะโกรธพี่นพจริงๆ ก็วันนี้แหละ แต่ก็ยอมรับเงื่อนไขล่ะ ขอผมได้ยินเสียงคุณไพฑูรย์หน่อยก็ยังดี
   ผมได้คุยอะไรไม่มาก เพราะพี่นพยืนฟังอยู่เลย ขนาดออกมาคุยนอกห้องพี่แนนแล้วนะ คุณไพฑูรย์ดูดีใจที่ผมโทรไปหา ผมอยากบอกเหมือนกันว่าคิดถึงสุดๆ แต่ก็พูดไม่ได้ ได้แต่ฟังคุณไพฑูรย์พูดปลอบอย่างเดียว แล้วผมก็ต้องวางโทรศัพท์
   หวังว่าพี่แนนคงจะหายเหมือนอย่างที่คุณไพฑูรย์อวยพรนะ ผมไม่อยากเจอข่าวเศร้าตอนปีใหม่เลย
-----------------------------------------------------------------------
   5 มกราคม 255x
   ผ่าตัดเสร็จมาห้าวันแล้ว อาการพี่แนนไม่ดีขึ้นเลย ผมเครียด เครียดจริงๆ นะ อย่าว่าแต่ผม ขนาดเจสเองที่ปกติเป็นคนร่าเริงก็เครียด แน่สิ ก็นี่พี่สาวผม แถมเป็นแม่เธออีก ไม่เครียดก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว
   หมอบอกว่ารออีกระยะ อาจจะต้องผ่าตัดอีกรอบ พี่แนนผอมมากแล้ว ท่าทางน่ากลัวยิ่งกว่าครูพิสุทธิ์อีก ผมกลัว กลัวว่าพี่แนนจะทิ้งผมไป ไม่เอานะ พี่แนนเพิ่งอายุสี่สิบกว่าเอง อย่างน้อยๆ ก็อยู่เป็นคุณยายก่อนสิ ถึงผมจะไม่มีลูก แต่เจสอีกไม่กี่ปีก็จะแต่งงานแล้วนะ
   ผมพยายามจะให้กำลังใจพี่แนนนะ แต่พี่นพบอกว่าอย่าไปพูดอะไรที่ทำให้พี่แนนเครียดมาก เดี๋ยวอาการจะยิ่งแย่ ผมเลยได้พูดอยู่ไม่กี่อย่าง ได้แต่จับมือพี่แนนเอาไว้ บอกว่าครั้งนี้พี่แนนต้องหายแน่ๆ พี่แนนก็ยิ้มๆ มองผมน้ำตาซึม ผมก็น้ำตาซึมเหมือนกัน
--------------------------------------------------------------------------
   8 มกราคม 255x
   พี่นพต้องกลับเมืองไทยไปทำงานแล้ว เพราะลามานานมาก หน้าที่รับผิดชอบก็สูง ลาต่อสงสัยจะไม่ไหว เลยฝากฝังผมดูแลพี่แนนต่อ ผมสงสารพี่นพนะ พี่กลับไปก็คงห่วงทางนี้ ผมเลยรับปากเต็มที่ว่าจะดูแลให้ดี แต่ก่อนอื่น ขอผมโทรหาคุณไพฑูรย์ก่อนได้ไหม ผมไม่ได้โทรหาเขาอีกเลยหลังจากปีใหม่ ผมกลัวถูกไล่ออก พี่นพเลยบอกว่าเดี๋ยวโทรลาให้ ผมไปเฝ้าพี่แนน แล้วระหว่างนี้ถ้าพี่แนนยังไม่ดีขึ้น ห้ามยืมโทรศัพท์ใครโทร ถ้าพี่แนนอาการทรุดเพราะรู้ว่าผมคบคนรุ่นพ่อ พี่นพจะตัดผมออกจากน้อง
   ผมอยากเกลียดพี่นพก็วันนี้แหละ แต่ก็รู้นะว่าพี่นพห่วงพี่แนน ผมก็ห่วงไม่แพ้พี่นพเหมือนกันล่ะน่า เอาล่ะ ผมจะพยายามห้ามใจตัวเองก็แล้วกัน หวังว่าคุณไพฑูรย์จะรอผมอยู่นะ
--------------------------------------------------------------------------
   24 มกราคม 255x
   อาการพี่แนนดีขึ้นล่ะ หน้าตาเริ่มมีสีเลือดขึ้นแล้ว ทานอะไรได้เยอะขึ้นด้วย วันนี้เพื่อนพี่แนนมาเยี่ยมจนเต็มห้องเลย ผมกับเจสเลยต้องออกมานอกห้อง ผมเห็นหลานเอาโทรศัพท์มาโทรหาเพื่อน เลยถามว่าเครื่องโทรออกต่างประเทศได้รึเปล่า เจสก็บอกว่าเปล่า น้าจะเอาไปโทรหาใคร ผมเลยบอกว่าเอาน่ะ ไปทำให้โทรออกได้ก่อนแล้วกัน ยัยเจสก็ขี้สงสัยจริง ถามว่าผมจะโทรหาแฟนรึเปล่า เห็นนะว่าโดนน้านพเอ็ด แฟนน้าแก่อีกล่ะสิ น้านพเลยไม่อยากให้โทรหา
   ผมอยากหยิกปากหลานตัวเองจริงๆ ไม่พี่นพหรือพี่แนนคงจะเคยบ่นให้ฟังแน่ๆ ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เลยใช้มุขคุณไพฑูรย์ เฉไปพูดเรื่องอื่น แต่ใช้กับเจสไม่ได้ผลนะ เพราะหลานผมชอบเซ้าซี้เป็นที่สุด บอกว่าเล่าให้ฟังหน่อยสิ ว่าเป็นไงบ้าง อยากรู้ว่าคนแก่ที่น้าจีบเป็นยังไง ผมเลยรีบลากเจ้าหลานคนนี้ออกมาเลยล่ะ นี่ถ้าพี่แนนอาการทรุดนะ พี่นพโทษหลานตัวเองได้เลย ผมน่ะยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ
   สุดท้ายผมก็ต้องเล่าเรื่องคุณไพฑูรย์ให้ฟัง เจสฟังแล้วบอกว่าอยากเห็นจัง ผมบอกว่าถ้ากลับเมืองไทยจะถ่ายรูปส่งมาให้ดูแล้วกัน แต่ไม่รู้เขายังจะชอบผมอยู่รึเปล่านะ เพราะตอนก่อนจะมาเขายังไม่เคยบอกชอบผมเลย ถึงท่าทางเขาน่าจะมีใจให้ผม แต่อะไรจะรับประกันล่ะว่าผมหายไปนานขนาดนี้ เขายังจะชอบผมอยู่ เขาอาจจะนึกว่าผมหมดใจไปแล้วก็ได้
   เจสท่าทางจะสงสารน้าวัยรุ่นอย่างผม เลยบอกว่าเดี๋ยวจะไปทำโทรออกต่างประเทศให้ แต่น้าต้องช่วยจ่ายนะ เพราะแพง ผมบอกได้ ไปทำมาแล้วกัน เดี๋ยวเพิ่มค่าขนมให้ด้วย ผมทำหลานเสียนิสัยอีกล่ะ แต่อยากโทรหาคุณไพฑูรย์น่ะ ยังไงก็ยอมล่ะ
--------------------------------------------------------------------
   18 มีนาคม 255x
   กว่าเจสจะไปทำโทรศัพท์ให้โทรออกต่างประเทศได้ ผมล่ะแทบจะคลั่งตาย อาการพี่แนนดีวันดีคืนจนน่าดีใจ ตอนนี้ทั้งผมทั้งเจส แล้วก็พี่ไรอันพี่เขย ก็เลยมีความสุขกันถ้วนหน้า พี่แนนบอกว่าผมกลับเมืองไทยได้แล้วล่ะ มาอยู่ตั้งหลายเดือนแล้ว เป็นห่วงเรื่องงานการ ผมเลยบอกว่างั้นสัปดาห์หน้าผมจะกลับก็แล้วกัน ส่วนเรื่องงานการ... ช่างเถอะ ให้พี่แนนหายก็พอ
   แต่ใจจริงผมช่างได้ครึ่งเดียวนะ อีกครึ่งผมก็หวั่นๆ งานน่ะไม่เท่าไหร่ กลัวจะถูกเด้งจากใจคุณไพฑูรย์ด้วยน่ะสิ พอพ้นสายตาพี่แนน เลยหันมาทวงเรื่องโทรศัพท์กับเจสอีกรอบ เจสก็ยิ้มๆ บอกว่าจะให้โทรก็ได้ แต่สัญญาก่อนว่าจะพากลับไปที่เมืองไทยด้วย ผมก็บอกว่าไปขอพ่อเอาสิ เจสบอกขอแล้ว พ่อให้ เพราะงั้น ผมสัญญาก่อนนะว่าจะพาไปเจอแฟนด้วย เออ จะอยากเจอคุณไพฑูรย์ไปทำไมนะ
   แต่ผมอยากโทรศัพท์น่ะ เลยยอมตกลง เพราะเห็นว่าไม่เสียหายอะไร ในที่สุด ผมก็ได้คุยกับคุณไพฑูรย์สักที
   เราเรียกชื่อกันไปกันมาหลายครั้งเลยนะ ผมว่าคุณไพฑูรย์ดีใจ ผมก็ดีใจ ดีใจที่เขาดีใจที่ได้ยินเสียงผมน่ะ เขาคิดถึงผมอยู่ ผมบอกเขาว่าผมจะกลับอาทิตย์หน้าแล้ว เดี๋ยวจะรีบไปหาเลย เขาบอกว่าไปรับก็ได้ ผมใจเต้นเลยล่ะ เขาชอบผม เขาคงชอบผมจริงๆ
ผมวางสายแล้วมาเตรียมเสื้อผ้าเลยนะ กะว่าจะใส่ตัวที่เขาซื้อให้ผมกลับไป หวังในใจลึกๆ ว่าเขาจะซื้อเสื้อที่ผมซื้อให้มารับผมเหมือนกัน
------------------------------------------------------------------
   30 มีนาคม 255x
   ยัยเจสตัวแสบ บอกผมว่า ขอเดินควงแขนหน่อยสิ มีน้าเท่ๆ แบบนี้อยากอวด ผมก็ขี้เกียจรำคาญเลยให้ควง พอคุณไพฑูรย์เห็นก็มองตาค้างเลย ผมนึกแล้วว่าซวยแน่ๆ แล้วคุณไพฑูรย์ก็เป็นลมไปเลย ผมไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี นี่คุณไพฑูรย์เป็นลมเพราะเห็นผมควงหลานมา? เขาหึงผมจนเป็นลม ผมจะดีใจดีมั้ยเนี่ย
   สุดท้ายผมเลยต้องหามคุณไพฑูรย์ขึ้นรถแท็กซี่ พาไปส่งโรงพยาบาล อยากจะโมโหหลานตัวเองจริงๆ นะเนี่ย
-------------------------------------------------------------------
   31 มีนาคม 255x
   คุณไพฑูรย์ตื่นแล้วงอนผมจริงๆ ด้วย กว่าจะง้อให้กลับจากโรงพยาบาลมาด้วยกันได้ เล่นเอาผมเหนื่อย แต่ก็ดีใจนะ เพราะคุณไพฑูรย์ชอบผมจริงๆ ถึงเขาไม่พูด ผมก็รู้แน่แก่ใจแล้วล่ะ ยัยเจสขอตามมาด้วย ผมรู้แล้วทำไมเธอถึงอยากเจอคุณไพฑูรย์นัก อยากแกล้งผมนี่เอง ดูสิ ผมว่าผมเป็นน้าใจดีแล้วนะ ยังอยากจะแกล้งผมอีก สรุปว่าเราสองน้าหลานก็ค้างกันที่บ้านคุณไพฑูรย์นั่นแหละ
ผมกลับมาเขียนบันทึกย้อนหลังน่ะ เพราะเมื่อคืน...เอ่อ... ไม่เขียนลงไปดีกว่า เขิน เผื่อใครมาแอบอ่าน ไม่อยากบรรยายอะไรของคุณไพฑูรย์ให้ใครรู้ ให้ผมรู้ของผมคนเดียวพอ ผมจะเขียนแค่ว่าคุณไพฑูรย์น่ารักสุดๆ ตอนกอด ตอนเรียกชื่อผม น่ารักจนผมอยากกินลงไปเลย ผมเขียนแค่นี้แหละ เพราะผมไม่ลืมแน่นอน คุณไพฑูรย์ดูไร้เดียงสาเวลาแบบนั้นสุดๆ เลย ผมว่าครั้งแรกนะ.. ผมได้ครั้งแรกของคุณไพฑูรย์ด้วยล่ะ ดีใจจนไม่รู้จะเขียนอะไรเลย
   ผมรักคุณไพฑูรย์ รักคุณไพฑูรย์ที่สุดเลย แต่ไม่บอกเขาก็คงรู้ ไม่บอกดีกว่า เพราะท่าทางเขาจะไม่อยากให้บอกเท่าไหร่ เขาเองก็คงไม่อยากบอกผมเหมือนกัน แต่ผมรู้นะว่าเขาก็รักผม รักผมมากๆ เลยด้วย ผมมีความสุขที่สุดเลย
---------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ9 P20 4/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Narutear ที่ 05-07-2011 09:48:41
ตอนนี้ที่รอคอย เย้!!!


คุณไพ(อยากเรียกอย่างนี้ต่อหน้าจัง 555+) น่าร้ากกกกกก 


ส่วนนพ อาการหนักจริง แบบนี้ เขาเรียกว่า รักแรกพบนะจ๊ะ อิๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 05-07-2011 10:09:16
โอ๊ยๆ เขินๆๆ บิดๆๆ บิดไปบิดมา

แบบว่ามีอีกไหม 55+
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 05-07-2011 10:56:39
คิดเองเออเองจนถึงที่สุด แถมเข้าข้างตัวเองอีก...แต่เข้ากับคุณไพฑูรย์สุดๆ  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 05-07-2011 11:03:29
เพิ่งตามทันเมื่อไม่นานมานี้ เลยขอมาเมนต์ตอนนี้ทีเดียวเลย น่ารักที่สุดดดดดด กรีสสสสสสสสสสสสสส ยิ่งมาอ่านมุมมองของนพแล้ว ยิ่งเพ้อ 55 นพอาการหนักมาก ถ้าคุณไพทูรย์ได้มีโอกาสมาอ่านบันทึกนี้จะเป้นยังไงเนี่ย

บันทึกของนพยังมีต่อใช่ไหมคะ อยากอ่านภาคปกติ ของทั้งสองคนหลังจากนั้นด้วยจังค่า ชอบๆๆๆๆ   :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 05-07-2011 12:45:29
อ่านไปก็ให้เอ็นดูนพไป แม้จะรักมากจนเกือบคลั่งไคล้ขนาดนั้น
แต่ก็ยังรู้จักระงับยับยั้งไม่ปล่อยตามอารมณ์อยาก เมื่อเห็นว่าจะล้ำเส้นเกินไป
อืมมม..นะเด็กรักผู้ใหญ่ก็เลยใส่ความเกรงใจลงไปด้วย(เค้าเด็กดีไง)
ด้วยข้อดีนี่แหละนพเลยได้ใจคุณไพฑูรย์ไป
ดิฉันคิดว่าดิฉันเข้าใจคุณไพฑูรย์นะ เธอสงวนทีท่า(มากๆ) ทั้งๆที่เธอรู้ล่ะว่าเด็กคราวลูกมาจีบ แล้วแกก็เอ็นดูนพไม่น้อย
แต่ด้วยการใช้ชีวิตของคุณไพฑูรย์  คงใช้ชีวิตที่ค่อนข้างคิดถึงความเหมาะสมเป็นหลัก
ใช้ชีวิตที่ค่อนข้างเป็นระเบียบ ตลอดทั้งด้วยวัยวุฒิ ตำแหน่งหน้าที่การงาน สถานภาพ-บทบาทอีก
โอ๊ยย..มากมาย เลยทำให้เธอคิดมาก
คนอ่านก็เลยได้ลุ้นกันสนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 05-07-2011 12:54:38
ข้ามตอนนพพาไปเล่นบาสกับร้องเกะนะ  แต่ไม่เป็นไร  นพน่ารัก  เลยรับได้  อิ อิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 05-07-2011 13:02:31
ข้ามตอนนพพาไปเล่นบาสกับร้องเกะนะ  แต่ไม่เป็นไร  นพน่ารัก  เลยรับได้  อิ อิ
แอบคิดตามเมนท์ข้างบนว่า.... นพต้องสุดยอดของความเว่อร์ตอนคุณไพฑูรย์เล่น 555+

น่ารักขนาดนี้ก็รักเด็กจนได้แหละนะคุณไพฑูรย์
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 05-07-2011 13:09:04
  o13  เปี๊ยก สุดยอดเลย
จากแอบชอบ ขยับเป็นช่วยเสิร์ฟข้าว
เข้าไปเป็นผู้ช่วย และสุดท้ายเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง
ในชีวิตของคุณไพทูรย์
อยากบอกว่านพน่ารักจริงๆน่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fOnfOn :D ที่ 05-07-2011 13:10:22
น่ารัก   :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 05-07-2011 13:11:40
น้องนพน่ารักที่สุด

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Piaanie ที่ 05-07-2011 13:12:42
น่าร๊ากกกกกกกกกกก  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: badcow ที่ 05-07-2011 13:35:30
ต่อจากนี้ไปจะได้อ่านตอนรักกันปัจจุบันแล้วใช่มั๊ยครับ
.
ถ้าคุณไพฑูรย์เอ่ยว่ารัก เปี๊ยกคงบ้า(รัก)ไปเลยเหอะ 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 05-07-2011 14:11:01
น้องนพเป็นโรคคลั่งพี่ไพแน่ ๆ เลย  :z1: พี่ไพลิซึ่ม 555+
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: PrInceZz ที่ 05-07-2011 14:38:07
นพน่ารัก อ่ะ
ลุ้นอยากให้มีตอนเล่นบาสกับร้องคาราโอเกะในมุมมองนพเหมือนกัน

 :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: leeteuk ที่ 05-07-2011 16:00:41
จบซะแล้วซิเรื่องนี้  ไม่มีตอนต่อหน่อยหรอค่ะ  ตอนต่อจากนี้อีกซะนิดอ่ะค่ะ  อิอิ  ชอบอ่ะ นายนพนี่น่ารักดีเหมือนกันนะนี่  อิอิ  คุนไพก้อน่ารัีก  อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: butterfly_bee ที่ 05-07-2011 16:07:15
เจ้าเปี๊ยกน่ารักสุดๆ >.<
ขี้หวงจริงนะ ไม่ยอมเขียนลงสมุดบันทึกด้วย
แต่ไม่เป็นไร เพราะตอนนี้คนอ่านเค้ารู้กันหมดแล้ว 555+
จะมีตอนต่อมั้ยคะ ยังไม่อยากให้จบเลย ;_;
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 05-07-2011 16:11:34
น่าเสียดายนะ  :z3:  ที่เปี๊ยกมาเขียนไดอารี่ย้อนหลัง คืนนั้น   :haun4:

แต่ยังแอบปลื้มในใจช่วงที่เปี๊ยกพบกับครูพิสุทธ์นะเนี่ย มันซึ้งงงงงงง  :z8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 05-07-2011 16:18:54
อย่าเพิ่งจบนะ...แต่ก็นะ กว่าจะได้รักกับคุณไพฑูรอย่างนี้
นพก็ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน...อ่านไปก็เขินไป ทำไมคุณไพฑูรน่ารักอย่างนี้ล่ะ(ในสายตาเจ้านพน่ะ) อิจฉา :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 05-07-2011 17:33:13
ถึงคุณไพฑูรย์จะอายุมากกว่า แต่ประสบการณ์รักเทียบน้องนพไม่ติดเลย
อ่านไปยิ้มไป น้องนพที่เข้าขั้นหลงเลยนะเนี่ย แอบอิจฉาคนมีปั๋วเด็ก
ชักอยากอ่านตอนปัจจุบันแล้วสิคะ  จริงเหรอที่คุณไพฑูรย์ไม่อยากได้ยินคำรักจากนพ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 05-07-2011 18:07:27
อยากอ่าตอนที่พาไปเล่นบาส กับร้องเกะอะ    ท่าทางน่าจะฮาอยู่
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 05-07-2011 18:52:54
อ้างถึง
เขาคงไม่รู้ว่าปกติผมก็ขับรถเวียนตามเขาอยู่แล้ว

 :m20: อ่านแล้วฮา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: lee-jeans ที่ 05-07-2011 19:49:37
กรี๊ดดดดดด เจ้าเปี๊ยกเวิ่นเว้อได้น่ารักมากค่า :haun4:
ชอบตอนเปลี่ยนเสื้อให้คุณไพฑูรย์ มีการสวดมนต์ระงับความพลุ่งพล่านด้วย 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 05-07-2011 20:09:55
 :o8:

นายนพเป็นเอามากกก

555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 05-07-2011 20:12:03
นพเป็นคนมองโลกในแง่ดีมว๊ากกกกกกกกกกกกกก คนปกติเจอคุณไพฑูรณ์คงท้อไปแล้วแหละ555
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 05-07-2011 20:22:51
มีต่อใช่ไหมค่ะ อิอิ
นพน่ารักมากเลย
สู้สุดใจเลยนะนั่น
อยากอ่านต่ออีกจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: jamesnaka ที่ 05-07-2011 21:06:06
ชอบ  :-[  น่ารักทุกคนเลยยยยย แต่ชอบครูพิสุทธิ์ที่สุดเลย ช่วงเวลาที่คบกับครูพิสุทธิ์มันดูสะอาดบริสุทธิ์ดี
ซึ้งมากค่ะ คุณไพก็น่ารักดี แต่แอบเข้าข้างครูพิมากกว่าหน่อย อิอิ เพราะข้าพเจ้าก็เป็นครูสอนศิลปะละ  :laugh:
เวลาสอนเด็กๆหน้าตาดีๆก็มีแอบจิ้นไปนิดๆหน่อยๆ :o8: ส่วนเวลาลงโทษก็นะ เสร็จเรา  o18

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ 10 ค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 05-07-2011 21:24:51
นพน่ารักจริงๆเลย  :-[
มีต่อใช่มั้ยค่า เพราะเปิดมาดูทุกวันเลย
ไม่ได้อ่านแล้วเหมือนขาดอะไรไปซักอย่าง
ขอบคุณค่า :pig4:

หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 05-07-2011 21:32:12
เปิดอ่านทุกวันแต่ก้อไม่ได้เม้นท์ทุกวัน ถ้าต่อตอนต่อไป เราสัญญาว่าจะเม้นท์ทุกวัน
ไงก้อต่อนะ
please

FCคอยอยู่ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 05-07-2011 22:23:10
เขินๆๆๆๆ


ไม่มีฉากตอนร้องคาราโอเกะแฮะอยากรู้ว่าตานพคิดไงตอนร้องเพลงจีบอิอิ

หลานเจสได้ไปถ้ำมองมั่งมั้ยเนี่ย

><
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : พิเศษ10 P21 5/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-07-2011 10:07:52
สุดปลายบันไดรัก
   ลูกมะม่วงบนต้นมะม่วงหน้าบ้านผมสุกแล้วล่ะ สีเหลืองทองสวยน่ากินเหมือนมะม่วงส่งออก สมราคาคุยเจ้าของถุงห่อจริงๆ ปีนี้ผมไม่ต้องสอยเอง มีคนมาสอยให้แล้ว ผมมีหน้าที่ปอกอย่างเดียว
   “คุณไพฑูรย์ ผมว่าพันธุ์ฟ้าลั่นนะ” นพรัตน์ว่า ปากยังเคี้ยวมะม่วงตุ้ยๆ ผมเลยเอ็ดว่าให้เขากลืนลงไปก่อน เดี๋ยวสำลัก เขาก็เคี้ยวๆ กลืนแล้วพูดต่อ “แต่อาจจะผสมกับแรดก็ได้”
   ผมชักสงสัยว่าเขามีความรู้ด้านมะม่วงหรือเดามั่วกันแน่ เลยถามออกไป “คุณรู้ได้ไงน่ะ?”
   “เดาเอาครับ” เขาตอบและยิ้มหน้าบ้าน เออ กล้าคิดกล้าทำจริงๆ เด็กคนนี้
   “แต่อร่อยนะครับ ผมยังไม่เคยกินมะม่วงที่ไหนอร่อยขนาดนี้”
   แน่ะ กินฟรีแล้วต้องปากหวาน ตามสูตรจริงๆ ผมเลยแขวะเขาไป “ไม่ต้องทำหวานเลี่ยนใส่ผมหรอก เปรี้ยวก็บอกมา ผมลองชิมแล้ว เปรี้ยวอยู่นะ”
   “ผมชอบเปรี้ยวๆ หวานๆ แบบนี้แหละ ทานของหวานมากๆ ไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ” เจ้านพรัตน์เถียงผม พลางทำหน้าเป็นห่วง ผมมองหน้าเขาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็ยิ้ม ยิ้มกระมิดกระเมี้ยนแบบคิดอะไรอยู่ในใจอีกแล้ว เจ้าเด็กคนนี้นี่.. ถึงขั้นนี้แล้วยังจะยิ้มแบบนี้อยู่ได้
เรานั่งทานมะม่วงเป็นผลไม้หลังอาหารเช้ากันที่โต๊ะทานข้าว พักนี้เจ้านพรัตน์ย้ายมาอยู่กับผมแทบจะเรียกได้ว่าถาวรแล้ว เรียกว่าหอบเสื้อหอบผ้ามากินนอนแทบจะจันทร์ถึงเสาร์ มีกลับบ้านบ้างช่วงวันอาทิตย์ ผมก็ไปกับเขานะ ไปช่วยเขาทำความสะอาดด้วย ก็เขามาช่วยทำความสะอาดบ้านผมทุกวันนี่นา
“คุณนพ จะกลับบ้านกี่โมงน่ะ” ผมถามหลังจากปอกมะม่วงให้เขาทานไปได้สามลูกแล้ว เจ้าเด็กนี่กินจุจริงๆ นะ วันก่อนผมไปบ้านเขา เห็นอัลบั้มรูปเก่าๆ ไม่บอกไม่รู้ว่าตอนเด็กๆ เขาตัวนิดเดียวเอง เขาบอกผมว่าแต่ก่อนพี่ๆ เพื่อนๆ เรียกเขาว่าเจ้าเปี๊ยกล่ะ เออ ผมเห็นรูปเขาตอนเด็กก็นึกเห็นด้วยหรอก แต่ถ้าให้เรียกตอนนี้ สงสัยจะเรียกไม่ลง ตัวเขาใหญ่อย่างกับอะไรดี คนเรานี่มันก็มีพัฒนาการไปได้ถึงขนาดนี้เลยหรือนี่
“เดี๋ยวสักพักก็ได้ครับ คุณอย่าไปรื้อของที่บ้านผมเล่นอีกนะ” เขาว่า ผมนึกฉุน ผมแค่เดินดูนั่นดูนี่ดันมาพูดเหมือนผมเป็นเด็กไปได้
“คุณนพ ผมแก่ขนาดเป็นพ่อคุณได้แล้วนะ คุณไม่ต้องมาทำเหมือนผมเป็นเด็กๆ หรอก” ผมเอ็ด เจ้านพรัตน์มองผมแล้วทำหน้าหงอๆ แต่ผมว่าเขาไม่กลัวผมอย่างที่ทำหรอก นึกแล้วอยากง้างเท้าถีบจริงๆ ให้ตายสิ
---------------------------------------------
   สักสิบโมงผมก็มานั่งอยู่บนโซฟาหุ้มหนังตัวเก่าที่บ้านเขา บ้านเขากับบ้านผมอยู่ห่างกันไม่มาก ห้านาทีก็ถึงแล้ว มาถึงเขาก็บอกให้ผมนั่งรอ แล้วก็ไปหยิบไม้กวาดมากวาดบ้าน ผมนั่งอยู่สักพักก็ลุกเดิน ใครมันจะไปนั่งเฉยๆ ล่ะ
   บ้านเดิมนพรัตน์เป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างเป็นห้องเดียวโล่งๆ มีกำแพงกั้นครัวอย่างเดียว ที่เหลือก็เอาโต๊ะบ้าง ตู้โชว์บ้างกั้นเอา ด้านบนมีสามห้อง ห้องใหญ่เคยเป็นของพ่อแม่เขาน่ะ พอพ่อแม่เสีย พี่สาวคนโตเลยใช้อยู่พักหนึ่ง แต่ไม่นานก็ไปต่างประเทศ เลยกลายเป็นมรดกเขาแทน เพราะอีกสองห้องที่เหลือ พี่สาวกับพี่ชายอีกคนจับจองไปแล้ว
   “คุณไพฑูรย์จะไปไหนครับ” นพรัตน์ถามทั้งๆ ที่ยังถือไม้กวาดอยู่ พอเห็นผมลุกขึ้นเดิน ผมเลยหันไปตอบเขา “ผมว่าจะขึ้นไปช่วยจัดด้านบนหน่อย”
   “ไม่เป็นไรครับ คุณนั่งเฉยๆ ดีกว่า เดี๋ยวผมเอารูปเก่าๆ มาให้ดูแก้ว่าง” เจ้านพรัตน์ว่า นั่นแน่ะ จะหลอกล่อผมด้วยรูปสมัยเด็กๆ อีกแล้ว ผมไม่หลงกลหรอก ผมมาบ้านเขา เพราะอยากรู้จักเขาให้มากขึ้น รูปน่ะผมดูไปเยอะแล้ว ขอดูห้องเขาบ้างดีกว่า ทีบ้านผมเขายังเข้าออกทุกห้องเป็นว่าเล่นเลยนี่นา
   “ผมอยากไปดูห้องคุณน่ะ” ผมตอบ แล้วเดินขึ้นบันไดไปเลย เจ้านพรัตน์รีบวิ่งตามมา พอเห็นเขาทำท่าจะอ้าปากพูด ผมเลยรีบดักทางไว้ก่อน
   “มีอะไรไม่อยากให้ผมรู้หรือไง?”
   เขาทำหน้าอึ้งๆ แล้วสั่นศีรษะ ผมเลยพูดต่อ “งั้นกวาดบ้านไปเถอะ ผมแค่อยากขึ้นไปดูเฉยๆ เท่านั้นแหละ”
   เขายืนอยู่พักแล้วก็พยักหน้า แต่ไม่วายห้ามผมอีกแน่ะ “ห้ามรื้ออะไรออกมานะครับ”
   “อืม” ผมส่งเสียงในคอไปงั้นๆ เอาเถอะ ถ้าไม่มีอะไรน่าหยิบขึ้นมาดู ผมไม่หยิบหรอก ผมไม่ค่อยชอบหยิบของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่แล้ว
   แต่พอผมเปิดประตูเข้าไปนะ โห.. ผมไม่อยากรื้อ แต่ก็ยืนเฉยๆ ไม่ไหวหรอก รกอย่างกับอะไรดี โต๊ะน่ะมีที่ว่างอยู่นะ แต่หนังสือที่วางซ้อนอยู่นี่สิ ไม่เป็นระเบียบเอาเสียเลย เล็กๆ ใหญ่ๆ ทำไมไม่รู้จักจัดให้เล่มเท่ากันอยู่ด้วยกันนะ แบ่งหมวดเอาแล้วค่อยเรียงก็ได้ ยังมีสารพัดแฟ้มที่เสียบๆ กันอยู่ในกล่องอีก จัดให้มันเท่ากันไม่ได้หรือไง
   ผมมองอยู่พัก ทนไม่ไหวเลยต้องหยิบออกมาจัด นพรัตน์อ่านหนังสือหลายแบบนะ มีทั้งหนังสือวิชาการ หนังสืออ่านเล่น ส่วนใหญ่เป็นนิยายฝรั่ง ไม่ใช่นิยายรักด้วยนะ เป็นนิยายเชิงวิทยาศาสตร์ ดีนะที่ไม่มีนิยายเกย์ ไม่งั้นผมคงต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ แต่มาถึงขั้นนี้แล้วผมระวังยังไงก็คงไม่รอดอยู่ดี
   จัดหนังสือให้เขาเสร็จ ผมก็รื้อแฟ้มออกมาจัดให้เขาต่อ แต่พอดึงออกมาผมอึ้งไปนิดๆ เลยล่ะ แฟ้มส่วนใหญ่ใส่รูปวาดน่ะ เป็นรูปเหมือนเขาด้วยมั้ง วาดสวยดี ไม่ยักรู้ว่าเจ้านพรัตน์ชอบวาดรูป แต่คนอะไรมันจะวาดรูปตัวเองเยอะขนาดนี้ ผมเลยหยิบขึ้นมาดูใบหนึ่ง เห็นมีลายเซนอยู่ใต้รูป อืม ลายเซนคุ้นๆ นะ เหมือนผมเคยเห็น แต่นึกไม่ออกว่าที่ไหน จริงๆ ผมก็ชอบไปดูงานศิลปะเหมือนกันนะ เส้นสายแบบนี้ก็คุ้นๆ นี่เจ้านพรัตน์เคยมีเพื่อนเป็นจิตกรหรือไง
   ปรากฏว่าแฟ้มที่ใส่รูปเขามีหลายแฟ้มเลยนะ ผมชักสงสัยแล้วว่าจะไม่ใช่แค่เพื่อนซะแล้วสิ แต่เส้นที่วาดสวยคม แล้วก็พลิ้วดีจริงๆ ทำเอาเจ้านพรัตน์ดูดีเกินเหตุนะเนี่ย ผมเลยเปิดดูเสียเพลิน มารู้ตัวอีกทีตอนเจ้านพรัตน์เดินมาแล้วทัก
   “คุณไพฑูรย์ ทำอะไรน่ะครับ?”
   ผมเงยหน้ามองเขา ทำหน้านิ่งๆ แล้วตอบไปเสียงเรียบ “ผมเห็นมันรกเลยช่วยจัด”
   เขาพยักหน้า แต่ยังจ้องหน้าผมตาไม่กะพริบ ก็เห็นว่ารูปมันสวย ก็เลยเปิดดู ผิดมากหรือไงนะ ผมเลยจ้องหน้าเขากลับ สักพักเขาก็ยิ้มออกมา น่ะ ยิ้มแล้วหน้าแดงอีกแล้ว หยุดยิ้มแบบนี้สักทีได้มั้ยเนี่ย
   “สวยใช่ไหมล่ะครับ อาจารย์ผมวาดให้น่ะ”
   “อ้อ” ผมร้องออกมา แล้วหันไปมองหน้าเขา เขาเดินมาใกล้เกินไปแล้วนะ ผมว่า หน้าผมกับหน้าเขาแทบจะชนกันอยู่แล้ว
   เขาหันมามองผม แล้ว.....แล้วก็จูบผม
   เฮ้ย นี่มันผิดสถานการณ์ไปหน่อยแล้วมั้ง เอ่อ.... ผมกับเขาน่ะมากันถึงขั้นนี้แล้วก็จริง แต่นี่เรามาช่วยกันทำความสะอาดบ้านนะ แล้วผมก็แค่เปิดดูรูปวาดเขาเท่านั้นเอง
   เจ้านพรัตน์แรงเยอะเป็นปกติ จูบผมได้สักพักก็ทำท่าจะกดผมลงบนโต๊ะ ผมเลยต้องโวยวาย ก่อนที่ตัวเองจะตกที่นั่งลำบาก “คุณนพ จะทำอะไรน่ะ?!”
   นพรัตน์มองหน้าผม กัดปาก หน้าแดงนิดๆ “ชอบรูปผมไหมครับ?”
   ตอบไม่ตรงคำถามสักนิด ให้ตายสิ
   “อืม สวยดี อาจารย์ที่วาดให้คุณชื่ออะไรน่ะ?”
   “พิสุทธิ์ คุณรู้จักหรือครับ?”
   เขาถาม สงสัยจะเห็นผมเลิกคิ้วล่ะมั้ง พิสุทธิ์ อ้อ.. คุณน้อย เออ ผมรู้จักนะ เป็นจิตกรนี่เอง ผมยาวๆ ตัวซีดๆ หน่อย เคยเจอเขาหนหนึ่งนานแล้ว ตอนไปดูนิทรรศการเขานั่นแหละ
ผมเลยพยักหน้า คราวนี้เขาเบิ่งตาบ้าง “คุณรู้จักหรือครับ เป็นเพื่อนกันหรือเปล่า?”
   “เปล่า” ผมสั่นศีรษะ แล้วหันไปมองหน้าเขา “ไม่ใช่ว่าอาจารย์ที่คุณเคยจีบเป็นเขาหรอกนะ”
   เจ้านพรัตน์ไม่ตอบ แต่ยิ้มเขินๆ อีกแล้ว เจ้าเด็กแก่แดดนี่ น่าถีบจริงๆ เลย
   แต่ผมไม่อยากยกเท้าถีบเด็กรุ่นลูก เลยเก็บรูปใส่แฟ้มเหมือนเดิม แล้วจัดระเบียบให้ดี ไม่วายบอกเขาเพิ่ม “เก็บให้มันดีหน่อยสิ เขาอุตส่าห์วาดให้คุณนะ”
   “ผมว่าผมเก็บดีแล้วนะ” เจ้านพรัตน์เถียง ผมเลยชี้ให้เขาดูกองที่เหลือว่าเรียงเล็กบ้างใหญ่บ้างแบบนี้มันดีตรงไหน เขาก็แก้ตัวเสียงอ่อนๆ “แต่มันก็วางชิดกันนะครับ”
   “เหอะ” ผมแค่นเสียง ขี้เกียจเถียงกับเขาต่อเลยจัดแฟ้มพวกนั้นให้เข้าที่ สักพักเขาก็กอดเอวผมไว้
   “พื้นด้านล่างกวาดเสร็จแล้วหรือไง” ผมถาม พอเห็นเขาเอาหน้าเกยไหล่ แล้วเริ่มจูบแก้มผม
   “อืม”
   “ถูแล้ว?”
   “ครับ”
   “.................................”
   “คุณไพฑูรย์….”
   ผมรีบปัดมือเขาออก พรุ่งนี้วันจันทร์ ผมจะไม่ยอมให้เขาทำอะไรวันนี้เด็ดขาด ไม่อยากเดินขาถ่างไปทำงานน่ะ ใครบ้ามันจะชินกัน ผมไม่ชินแน่ๆ ชาตินี้ทั้งชาติผมไม่มีทางชินกับเรื่องแบบนี้เด็ดขาด แค่เมื่อคืนก็...
   “คุณนพ ผมว่าคุณจัดห้องบ้างดีกว่านะ” ผมว่า และเดินหนีเขาออกมา เห็นลังวางอยู่เลยเปิดออกดู
   “คุณไพฑูรย์!” เจ้านพรัตน์ร้องเสียงตกใจน่าดู รีบวิ่งมาหาผมอีก “อย่ารื้อของในห้องผมเล่นสิครับ”
   ผมเงยหน้ามองเขา แล้วถาม “ลังใส่อะไรของคุณน่ะ ไม่กลัวปลวกจะขึ้นหรือไง วางซ้อนกันไว้แบบนี้”
   เขากัดปากนิดๆ แล้วตอบผม “สมุดบันทึกผมนะ ผมเก็บใส่ลังไว้ ห้ามแอบเปิดอ่านนะครับ”
   ผมเชิดหน้านิดๆ แล้วปิดลัง ผมไม่มีรสนิยมอ่านบันทึกคนอื่นหรอกนะ รู้แล้วล่ะว่าเจ้านพรัตน์เขียนบันทึก เพราะหลังๆ นี่ก็เขาไปเขียนที่บ้านผม ถ้าผมอยากอ่าน ผมอ่านไปนานแล้วล่ะ ผมเงยหน้ามองเขาอีกพัก แล้วพูดเรียบๆ
   “ห้ามเขียนอะไรบ้าๆ ถึงผมนะ ถ้าผมรู้ล่ะก็.....”
   “ไม่เขียนหรอกครับ คุณสบายใจได้” เจ้านพรัตน์รีบตอบ แล้วกอดผมอีก
   “คุณไพฑูรย์...”
   “หืม?”
   “อยากนอนเตียงผมมั้ย?”
   ผมเหลือบตามองเตียงเขาที่มีผ้าคลุมอยู่ ซึ่งวางอยู่ไม่ไกล ก่อนจะตอบเสียงเรียบ “ไม่”
   “คุณไพฑูรย์....”
   “พรุ่งนี้วันจันทร์นะ”
   “วันอื่นก็ได้ครับ”
   “วันอื่นก็ไม่ได้”
   “ทำไมล่ะ?”
   “ผมบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้”
   “งั้นเตียงที่บ้านคุณก็ได้...”
   ผมเลยเหยียบเท้าเจ้านพรัตน์ทีหนึ่ง แล้วเดินหนีลงมาชั้นล่าง เจ้านพรัตน์ก็เดินตามลงมาติดๆ แต่อย่าหวังเลย โซฟาผมก็ไม่เอาเหมือนกันล่ะ
   “คุณไพฑูรย์…” เจ้านพรัตน์เรียกผมอีก ผมกวาดตามองไปรอบๆ บ้านเขา อืม.. เขากวาดบ้านถูพื้นเรียบร้อยแล้วจริงๆ นั่นแหละ ผมยืนอยู่พักหนึ่ง ก็พูดขึ้นต่อ “จะขนอะไรไปอีกไหม?”
   “ไม่มีแล้วครับ อ้อ.. มีๆ “ เขาว่า และเดินหายขึ้นไปชั้นบน เออ เด็กสมัยนี้นี่ อายุไม่เท่าไหร่ก็หัดขี้ลืมเสียแล้ว พอเขาเดินลงมา ผมก็ถามทันที “อะไรน่ะ”
   “รูปคุณกับผมครับ” เขาว่า แล้วยิ้มหน้าบาน “ผมเอาใส่กรอบวางไว้บนโต๊ะน่ะ คุณไม่เห็นหรือครับ?” เขาว่า ผมมองดูกรอบรูปเล็กๆ ในมือเขา และขมวดคิ้ว โต๊ะเขารกแบบนั้นผมเห็นความรกก่อนเห็นกรอบรูปแน่ๆ เลยสั่นศีรษะ เขาทำหน้าน้อยใจนิดๆ
   “ผมวางเอาไว้ตรงโต๊ะเลยนะ เอาไว้ดูเวลาคิดถึงคุณโดยเฉพาะเลย”
   ผมขนลุกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เลยรีบถามต่อ “คุณจะเอาไปทำไมน่ะ”
   “อ้อ เอาไปวางที่หัวเตียงเราไงครับ จะได้มองด้วยกัน”
   ผมมองหน้านายนพรัตน์ เขามองผม แล้วยิ้มเขินๆ ผมเลยเดินจ้ำอ้าวออกมาเลย
   เพราะเขาทำท่าจะกอดผมอีกแล้วล่ะ ผมกลัวเขาไม่เลือกทั้งเตียง ไม่เลือกทั้งโซฟาน่ะสิ
------------------------------------------------------------------------------
   พอมาถึงบ้านผมถึงมีอารมณ์จะขอเขาดูรูป เป็นรูปที่ผมถ่ายกับเขาตอนที่ไปเที่ยวตลาดน้ำกันตั้งแต่ตอนโน้น ผมดูอยู่สักพักแล้วคิดว่ารูปนี้ผมดูไม่ดีเอาเสียเลย
   “คุณนพ ผมว่าเอารูปอื่นดีกว่า” ผมว่า หลังจากที่เขาเอารูปนั้นไปวางไว้ตรงหัวเตียงแล้ว เออ ผมต้องซื้อเตียงใหม่ล่ะ เพราะเตียงเก่าถึงไม่แคบมาก แต่เขาตัวใหญ่ ผมทนนอนเบียดทุกคืนไม่ไหว อึดอัดน่ะ เลยต้องซื้อหลังใหม่ ของเก่าก็ยกให้มูลนิธิไป แอบเสียดายเหมือนกัน แต่ทำไงได้ ให้เขานอนซุกทุกคืนผมนอนหลับไม่สนิทนี่นา แรกๆ ที่เปลี่ยนเตียงผมก็ไม่ค่อยชิน แต่เพราะมีเขาอยู่ด้วยเลยพอจะหลับได้ แปลกดีเหมือนกันนะ ผมไม่ชินเตียง แต่ชินเขา
   “รูปอื่น?” เขาพูดพลางมองดูกรอบรูปสองสามกรอบที่วางอยู่เดิม เออ ผมลืมบอกไปน่ะ หัวเตียงใหม่ผมมีรูปวางอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นรูปที่เราไปเที่ยวกันนั่นแหละ เจ้านพรัตน์มองอยู่พักหนึ่งก็หันมายิ้ม
   “ไม่เป็นไรครับ ผมชอบรูปนี้ เดี๋ยวสงกรานต์นี้เราไปป่าตองกันดีไหม ผมอยากถ่ายรูปคุณเวลาเดินริมทะเลน่ะ”
   ผมมองหน้าเขา แล้วทำหน้าย่น “สงกรานต์คนเยอะจะตาย ผมไม่อยากไปเบียดหรอก อีกอย่าง ป่าตองมีแต่ฝรั่ง”
   “งั้นไปสงขลาก็ได้ครับ มีนางเงือกทองด้วยนะ ไปถ่ายรูปกัน เห็นว่าทะเลก็คนไม่เยอะด้วย”
   “ไกลนะ” ผมว่า นพรัตน์ยิ้ม “ไม่เป็นไร นั่งเครื่องไปชั่วโมงกว่าก็ถึงนะ ผมมีตั๋ว...”
   “ถ้าอยากไปจองตั๋วล่วงหน้าเลยนะ เดี๋ยวเต็ม” ผมรีบสวนเขา เจ้าเด็กนี่ยังติดมุขตั๋วฟรีอยู่อีกรึนี่ คิดว่าผมรู้ไม่ทันหรือไง เจ้านพรัตน์หัวเราะเขินๆ แล้วจูงมือผมไปนั่งหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์
   “เดี๋ยวจองตั๋วแล้วจองโรงแรมกันนะครับ แล้วค่อยคิดว่าจะไปเที่ยวตรงไหนบ้าง จังหวัดใกล้ๆ ก็มีนะ”
   “อืม” ผมส่งเสียง “ยังไงก็ได้ อย่าให้โดนระเบิดก็พอ”
   เจ้านพรัตน์หัวเราะเขินๆ อีก “ที่สงขลาไม่มีหรอกครับ ผมมีเพื่อนอยู่ที่นั่นนะ”
   เพื่อนหมอนี่มีอยู่ทั่วประเทศเลยหรือไง ผมนั่งดูเขาจองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม แน่นอนว่าเตียงคู่ เพราะผมไม่มีเหตุมาอ้างขอเตียงเดี่ยวกับเขาแล้ว เราคุยกันถึงเรื่องแผนการเที่ยวสักพัก เขาก็จับมือผมไว้ แล้วยกขึ้นจูบ แน่ะ มามุขนี้อีกล่ะ
   “ปีนี้ฉลองปีใหม่กับผมนะครับ”
   ผมมองเขา ก่อนจะพยักหน้า เจ้านพรัตน์ยิ้มหน้าบานอีกแล้ว
   เฮ้อ ปีใหม่ยังอีกตั้งนาน เขาจะรีบถามไปทำไมนะ ยังไงผมก็ไม่คิดจะไปฉลองปีใหม่กับใครอยู่แล้ว ขอให้เขาอยู่กับผมจนถึงวันนั้นก็แล้วกัน
   อย่าหายไปแล้วกลับมาทำให้ผมต้องเป็นลมเป็นแล้งอีกล่ะ
-------------------------------------------------------
(จบ)
**เรื่องนี้จบแล้วนะคะ คาดว่าึคงจะออกรวมเล่มได้ประมาณช่วงต้นๆ ปีหน้าค่ะ (เพราะต้องเคลียร์รวมเล่มMy neighbor is a spy ให้เสร็จก่อนค่ะ)

*** เผื่อใครสนใจงานอื่นค่ะ งานที่ลงในบอร์ดนี้
My neighbor is a spy! http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=25823.150

Yes! Master  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27740.new#new

รวมเรื่องสั้น http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=25908.0
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-07-2011 11:15:34
จบละ  ยังอยากอ่านอยู่เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 06-07-2011 11:19:45
ไม่ต่อแล้วค่า เขียนนิยายรักไม่เก่งน่ะค่ะ
เขียนเป็นแต่นิยาย"กว่าจะ"รัก อิอิ :-[

ไงลองติดตามเรื่องอื่นแทนแล้วกันนะคะ :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 06-07-2011 11:31:25
+1  ให้น้องนพและพี่ไพ


 :-[     :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 06-07-2011 11:53:14
จบแล้วววววววววววววว

+1 :กอด1: ขอบคุณนะคะ คุณ juon
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 06-07-2011 12:26:03
ยังไม่อิ่มเลยอ่า ต่ออีกได้ไหมคะ พลีสสสสสสส น่าฮักมากมายคู่นี้  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 06-07-2011 12:44:03
นพรัตน์น่ารักอ่า  :-[

เป็นคนที่ทำให้ชีวิตคุณไพฑูรย์มีสีสันดีออก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 06-07-2011 12:48:27
รักเรื่องนี้สุดๆ เป็นเรื่องที่ลงตัวมากๆตั้งแต่เนื้อเรื่อง ภาษา การใช้คำ บรรยากาศ ทุกอย่างเลยยยย ชอบมาก
คนแต่งเก่งสุดๆ ขอบคุณมากนะคะ  :pig4:
เรื่องอื่นๆจะตามไปอ่านแน่นอน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 06-07-2011 13:12:26
อุ๊ย...เสียดายแทนนายนพนะ
คุณไพฑูรสั่งงดซะงั้น :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: thisispom ที่ 06-07-2011 13:32:26
+1 ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 06-07-2011 14:14:30
อา..ในที่สุด ทั้งนพและคุณไพฑูรย์ ก็จับมือกันขึ้นบันไดมาจนถึงขั้นที่สุดของที่สุดแล้ว
เป็นนิยายรัก ที่ไม่ได้รักแบบหวือหวาจี๊ดจ๊าด เพราะเป็นนิยายรักที่ตัวนายเอกอายุเยอะ
(ไม่อยากใช้คำว่าสูงอายุ ,อาวุโส ,หรือคนแก่น่ะค่ะ มันแสลงใจตัวเเอง)
แต่ก็เป็นรักที่ค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในใจทีละนิดๆ
ซึ่งในรักนั้นก็มีความอบอุ่นอ่อนหวานไปในตัว แบบนี้แหละค่ะแนบแน่นมั่นคงดี
ขอบคุณ คุณjuonค่ะ สำหรับงานเขียนที่ดิฉันคิดว่า
ดิฉันได้อะไรอื่นๆอีกมากมาย นอกเหนือจากความบันเทิงใจ
ขอบคุณมากๆอีกครั้งนะคะ :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: rellachulla ที่ 06-07-2011 14:35:08
น่าร๊ากกกก
คนแบบนพ หาที่ไหนเนี้ยะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 06-07-2011 15:11:13
จะรอรวมเล่มนะ :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: LadyOneStar ที่ 06-07-2011 15:34:36
จบแล้วเหรอค่ะ
ยังอยากอ่านต่ออยุเลย
ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 06-07-2011 15:52:59
ผมไม่ชินเตียง แต่ชินเขา >>>  นี่ถ้าเปี๊ยกได้ยิน ต้องยิ้มหน้าบานแทน ไม่กระมิดกระเมี้ยน แน่ๆๆ 

นิยายเรื่องน น่ารักจริงๆๆ

แอบหวังว่า คงได้อ่านตอนพิเศษ บ้างนะคะ 
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 06-07-2011 16:07:44
รอรวมเล่ม  :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 06-07-2011 16:58:06
ไม่อยากให้จบเลยอ่า เรื่องน่ารัก ๆ ขนาดนี้อยากอ่านต่อไปเรื่อย ๆ จริง ๆ นะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ทิวลิปสีส้ม ที่ 06-07-2011 17:08:48
น่ารักทั้งเปี๊ยกและคุณไพ...ฑูรย์  :laugh: (กลัวโดนสายตาพิฆาต)
เห็นด้วยที่ว่าเรื่องนี้น่ารัก อยากมีอ่านต่อไปเรื่อยๆ  :-[
ขอบคุณคนเขียนสำหรับเรื่องราวน่ารักๆ แบบนี้ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 06-07-2011 18:06:15
ใจหายเล็กน้อย ติดตามเรื่องนี้มาตลอดเพราะชอบมาก
จะรอหนังสือนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MokGaLaKom ที่ 06-07-2011 18:24:40
จบสนิทจริงๆแล้ว โอ๊ยต้องคิดถึงคุณไพกับหนูนพมากแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MimicClub ที่ 06-07-2011 19:08:37
กด + ให้อีกคนชอบมากๆเลยค่ะเรื่องนี้ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: aeyja55 ที่ 06-07-2011 19:55:21
 :pig4: ขอบคุณค่ะ แต่ยังอยากอ่านตอนพิเศษ แบบนพรัตน์พาคุณไพฑูรย์ไปหาครอบครัวบ้างอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: dog ที่ 06-07-2011 21:10:35
เตรียมตัวเก็บตังรอค่า
เราชอบเรื่องนี้มากอ่า อ่านเพลินดี
แต่เล่มรวมขอตอนพิเศษเพิ่มเยอะๆเลยน๊า
ราคาไม่เกี่ยง ขออ่านเยอะๆเป็นพอ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 06-07-2011 21:19:56
หว๊านหวาน ได้แต่อิจฉาทั้งคู่ อ่านไปยิ้มไป :o8: :o8:
จะรอรวมเล่นค่า

แต่มีพิเศษมาอีกก็ดี :call:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 07-07-2011 21:30:22
รักเรื่องนี้จริงๆเลย. นิยายคุณจูออนจบแล้วใจหายทุกเรื่องเลย เฮ้อออออออออออ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 07-07-2011 22:31:15
จนจบเรื่องคุณไพฑูรย์ก็ยังเรียกนพรัตน์ว่าคุณอยู่ดี นี่จะมาเป็นแฟน หรือเจ้านายกะลูกน้องยะ!

สนุกมากๆค่ะ จะติดตามผลงานต่อไปนะคะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 08-07-2011 22:00:58
อ่านแล้วอิจฉาคุณไพฑูรย์จัง มีหนุ่มน้อยนิสัยดีอย่างนพรัตน์มารัก ใครจะทำใจแข็งได้นานเนอะ
ขอบคุณนะค่ะสงสัยจะต้องตามอ่านผลงานเรื่องอื่นๆ ของคุณ Juon แล้วละค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 08-07-2011 22:04:47
น่ารักมากๆค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆ สนุกๆเรื่องนี้นะคะ :กอด1:
(อ่านแล้วก็ติด ไม่อยากให้จบเลยค่ะ )
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 09-07-2011 02:23:25
อ่านไปสองตอนแล้วก็ติดใจ
คิดล่วงหน้าไปโน้นนนนแล้ว :z1: อยากรู้จิงๆตอนคุณไพฑูรย์น่ารัก เขินๆอายๆเนี้ย
กรี๊ดดดด จะรียตามอ่านให้ทันนะคะ..ไม่ไหวเลยขอมาแปะเม้นไว้ก่อน
=======================
อ่านมาถึงตอน 5 ก็ทนกะความน่ารักไม่ไหวต้องขอมาระบาย
ต้นกระบองเพขรต้นน้อยกะน้องแมวเหมียวที่มาอิงแอบ :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-07-2011 03:24:42
น่ารักสุดๆๆๆ คุณไพฑรย์ & นพรัตน์
จบซะแล้ว อยากให่มีต่่อจังเลย
อ่านเพลินมากๆๆเลยคู่นี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Narutear ที่ 09-07-2011 06:15:18
เป็นคำที่ไม่อยากเห็นที่สุดเวลาเจอเรื่องถูกใจ T-T

จบซะแล้ว แต่ยังไงก็จะรอตอนพิเศษในรวมเล่มนะคะ ออกเมื่อไหร่แจ้งล่วงหน้านานๆทีน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 11-07-2011 01:01:59
เพิ่งเจอช้าได้อีก  o22 โดยส่วนตัวชอบแนวนี้อยู่แล้ว
ยิ่งมาอ่านเรื่องนี้ยิ่งชอบไปใหญ่ คุณไพฑูรย์น่ารักอ่ะ
ถึงจะดุ แต่ก็มีมุมที่แสดงออกถึงความน่ารักอยู่
ยิ่งเจ้าแมวนพรัตน์ไม่ต้องพูดถึงน่ารักตั้งแต่เด็กยันโต
ชอบตอนที่นพคบกับครูพิสุทธิ์มากเลย อ่านแล้วกินใจดีแท้
รักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ ได้ดูแลในช่วงเวลาที่ยังเหลืออยู่
เป็นอะไรที่มีค่าในความรู้สึกมากเลย
ขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยายดีๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: SoN ที่ 13-07-2011 15:40:19
^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 13-07-2011 20:43:09
นิยายจบ แต่อารมณ์คนอ่านไ่ม่จบ อยากอ่านมากกว่านี้จัง ><
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 14-07-2011 10:28:26
ถ้าบอกว่าเรื่องนี้ทำให้ติดมากกว่าเรื่องข้างห้องจะผิดไหม อาจจะเพราะว่าค่อนข้างเป็นชีวิตจริง
รู้สึกว่ามีจริง สัมผัสได้จริง เลยอ่านยันเช้า เก็บไว้อ่านต่อไม่ได้ ต้องอ่านรวดเดียว สนุกจริงๆ
มีพิมพ์ผิดบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ความน่ารักของนพก็กลบปิดหมด น่าสงสารรุ่นพี่ภัทร์ ถ้านพไม่น่ารัก
ขี้อ้อนแบบนี้ก็อยากยกไพฑูรย์ให้อยู่หรอก
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 14-07-2011 10:47:23
ู^
^
^
ไม่ผิดค่ะ... ดูจากฮิตคนอ่านก็รู้ เอิ๊กๆ
(แต่โดยส่วนตัวคนเขียนชอบเรื่องข้างห้องมากกว่าค่ะ รู้สึกว่าเขียนสนุกกว่า^^)

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: tookta ที่ 17-07-2011 21:04:17
ขอบคุณนะค่ะ
อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ บ่ายๆ ถึง พระอาทิตย์ตกดิน
สนุกมากๆ ค่ะ ยิ่งตอนจบลุ้นสุดสุดว่า หญิงสาวที่มาด้วยเป็นใคร
มีความสัมพันธ์อะไรกัน...จะหัวใจวาย เป็นลมไปกับคุณไพฑูรย์ซะแล้ว ^^
แต่ก็สงสารพี่ภัทรเหมือนกันนะนี่
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠♥♦♣ ที่ 18-07-2011 19:28:42
เข้ามาอ่านได้สามสี่วันแล้วค่ะ
ตอนแรกตั้งใจว่าอ่านจบแล้วจะเม้นท์ทีเดียวเลย
แต่มันดันยาวมากกกก คิดดูตามอ่านมาหลายวันแล้วยังถึงหน้าเจ็ดอยู่เลย555
ทนไม่ไหว อยากบอกคนเขียนว่าชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไม่ค่อยได้อ่านนิยายอารมณ์นี้เท่าไหร่
มันไปเรื่อยๆ แต่ไม่เบื่อเลย ลื่นไหล ติดมาก เขียนได้ดีจริงๆ ค่ะ
เดี๋ยวอ่านจบแล้วจะมาเม้นท์อีกทีนะคะ(แต่คาดว่าอีกนาน555)
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 18-07-2011 21:31:12
เป็นเรื่องที่น่ารักมากค่ะ นานที่จะเห็นฝ่ายรับเป็นคนที่อายุมากกว่ามากๆเลยล่ะ :jul3:

เเต่น่ารักมากค่ะ คุณไพนิสัยน่ารักมากๆ  เเต่หล่อสุดๆเลยค่ะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 18-07-2011 23:08:16
น่ารักมากอ่ะ
ส่วนตัวชอบเคะอายุมากกว่าอยู่แล้วด้วย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 21-07-2011 09:36:29
อ่านรวดเดียวจบ
สนุกมากๆเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: princessl ที่ 21-07-2011 15:27:17
 :mc4:แวะมาเม้นก่อนอ่านค่ะ  ยังไม่ได้อ่าน 
แต่ดูจากบรรดาเม้นทั้งหลายที่พากันคอนเฟริมว่าเรื่องนี้สนุก o13ก็เลยอยากอ่านขึ้นมา :really2:
หลังจากที่เปิดดูหน้าแรกแล้วเนื้อเรื่องค่อนข้างน่าสนใจมากเลยค่ะ  อ่านจบจะมาแม้นให้อีกรอบค่ะ  ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :pig4: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yotsaput ที่ 21-07-2011 15:38:49
ใช้เวลาหลายวันเหมือนกันกว่าจะอ่านจบ แต่ก้อสนุกมากมายคับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: king of heart ที่ 22-07-2011 14:25:41
เเอบมาอ่านอย่างเงียบ ๆ

ยิ่งอ่านยิ่งประทับใจ  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 22-07-2011 16:08:16
คิดถึงคุณไพฑูรย์กับน้องนพจัง
อยากอ่านบทเข้าพระเข้านาง
หรือคุณไพฑูรย์หึง
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 22-07-2011 21:34:34
สนุกมากๆๆๆเลย
น่ารักทั้งสองคนเลยค่ะ
อ่านไปยิ้มไปตลอดเลย
ขำสุดๆๆๆตอนที่หึงจนเป็นลมนี่แหละ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: J_Dargon ที่ 24-07-2011 23:05:05
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: princessl ที่ 25-07-2011 01:48:40
แหะๆ  สั้นๆ  ง่ายๆ

ชอบมากกกกกกกกกกกกกก o13

น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกซะ :o8: :o8:

จะมีคนแก่ที่ไหนน่ารักกว่านี้อีกมั้ยนี่ :-[
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: tagloveX-Mark ที่ 26-07-2011 12:03:46
นพน่ารักอ่ะ เหมาะกับคุณไพฑูรย์ดี อิอิ
ชอบอ่านบันทึกของนพมากมายอ่ะ เป็นมุมที่น่ารักมาก ๆ แบบผู้ชายเด็ก ๆ ซื่อ ๆ จริงจัง จริงใจ อ่านแล้วน่าเอ็นดู น่ารักดีจิง ๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 27-07-2011 20:03:36
อ่านรวดเดียวจนจบเลยค่ะ (หนังสือสอบไม่ต้องอ่านกันทีเดียว  :z3: )
สนุกมากกกกกๆค่ะ เพิ่งเคยอ่านแนวนี้เรื่องแรก ประทับใจสุดๆเลย อ่านไปก็ยิ้มไป
อ่านจบทำเอาหลงรักนพกับคุณไพฑูรย์ไปเลย รู้สึกว่านพนี่เหมือนลูกแมวขี้อ้อนเลยอ่ะ
คุณไพฑูรย์ตอนแรกเหมือนจะไม่สนใจ แต่สุดท้ายก็หลงเจ้าลูกแมวตัวนี้จนได้  :-[
ขอบคุณคุณjuonมากๆนะคะ ที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้ให้อ่าน  :pig4: :L2:
เข้ามาอีกทีหลังจากอ่านตอนพิเศษจบ
โอยยย หลงรักนพสุดๆเลยค่ะตอนนี้ คนอะไรน่ารักจริงๆ
ชอบตอนที่นพเขียนไดอารี่เล่าเรื่องมากค่ะ เพลินจนไม่อยากให้จบเลยล่ะค่ะ
เวลาที่เขียนเล่าถึงแฟนเก่านพก็เหมือนกัน อ่านแล้วไม่รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่
เหมือนอ่านนิยายคนละเรื่อง จนต้องลุ้นและเศร้าไปกับนพได้ตลอดเลย
ปล.รอรวมเล่มค่ะ ซื้อแน่นอนน 
ปลล.รวมเล่มแล้วอย่าลืมตอนพิเศษอีกสัก..  หลายๆตอนนะคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: GarGee ที่ 27-07-2011 22:58:26
แปะๆๆ เดี๋ยวจะกลับมาอ่านน๊าาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 29-07-2011 19:13:14
สนุกมากเลยค่ะ
ชอบแนวนี้นะคะ โตๆ ทำงานกันแล้ว
เนื่องจากคนอ่านก็อายุประมาณไพฑูรย์นี่แหละค่ะ เหอๆ
ชอบอ่านในมุมของไพฑูรย์ค่ะ  รู้สึกว่าเขาละเอียดอ่อน
+1 ให้นะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: majam ที่ 30-07-2011 04:44:47
ขอบคุณมากนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Pepor ที่ 31-07-2011 12:53:05
 o13  ยกนิ้วให้กับความพยายามของนพจริงค่ะ ที่ทำให้คุณไพฑูยร์ใจอ่อนได้
อ่านไปก็ขำไป สนุกมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: reborn23 ที่ 02-08-2011 11:44:43
นพน่ารัก มากๆๆ เลย
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Maize ที่ 02-08-2011 19:05:26
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน  สนุกมาเลยค่ะ  ชอบคุณไพฑูรย์จัง
เปี๊ยกก็น่ารักมากๆ  อยากได้แฟนแบบนี้อ่ะ
คุณ juon  แต่งได้ดีมากเลยค่ะ  เป็นกำลังใจให้  แล้วจะติดตามเรื่องอื่นๆ ด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: rule ที่ 02-08-2011 22:29:32
ไม่เคยอ่านเรื่องที่นายเอกอายุมากๆเลยอะ ห่างกันเกือบ 20 ปี แต่น่ารักดีแฮะตรงใจสู้สุดฤทธิ์ทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 05-08-2011 19:02:25
จบแล้ว
ขอให้มีความสุขน้า
อิอิ
คนเขียนขยันเขียนเพื่อนคนอ่านด้วยน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 06-08-2011 03:00:00
ฝากไว้ก่อนเถอะ!
เดี่ยวจะมาอ่านต่อ !!!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 07-08-2011 20:22:59
น่ารักอ่ะ :o8: :o8:
ชอบอ่ะ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: RanJeri ที่ 07-08-2011 21:08:02
เมื่อวานเพิ่งนั่งอ่านอีกรอบ คิดถึงคุณไพกับนพอ่ะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 07-08-2011 21:38:27
เรื่องนี้สนุกมากจริงๆ
แถมน่ารักมากมาย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: PoP~Pu ที่ 03-09-2011 23:27:30
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้เราชอบคนแก่ ฮ่าๆๆ
คุณไพฑูรย์น่ารักอะ นพก็น่าร๊ากกกก ลูกแมวน้อยยย  :-[
ชอบเรื่องนี้จัง
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ น่ารักมาก!
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: POPEA ที่ 14-09-2011 15:53:51
สนุกมากเลยค่ะ !
ไม่เคยอ่านนายเอกอายุมากกว่าพระเอกตั้งหลายปีแบบนี้
ประทับใจมากอะ ชอบๆ  :กอด1:
นพก็ขี้อาย น่ารักเหมือนลูกแมว  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: represser ที่ 22-09-2011 18:24:12
สนุกมากค่า  ชอบแนวนี้มากกกก :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 24-09-2011 17:29:46
นพรัตน์น่ารักอ่ะค่ะ
แบบนี้ถ้าคุณไพฑูรย์ไม่รักก็ใจแข็งเกินไปแล้วเนอะ
><
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 16-10-2011 19:21:46
มาดัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 16-11-2011 22:40:03
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆนั่งอ่านทั้งวันเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 18-11-2011 19:12:41
สนุกมากเลยค่ะ
ตอนนี้กำลังไล่อ่านเรื่องของคุณ JUon อยู่
จบไปแล้วสองเรื่องทั้งเรื่องนกยูงแดงกับเรื่องนี้สนุกทั้งสองเรื่องเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Nbear ที่ 24-11-2011 13:02:51
สนุกมากเลยค่ะ ตอนนี้กำลังไล่อ่านเรื่องของคุณ JUon อยู่
เรื่องนกยูงแดงกับเรื่องนี้สนุกทั้งสองเรื่องเลยค่ะ ขอบคุณผลงานดีๆมากเลยนะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 24-11-2011 13:35:20
อ่านแล้วอยากจะบอกว่านับถือนพจริงๆ ไม่เคยเจอคนแบบนี้เลย
แต่นพเป็นคนที่น่ารักจริงๆ><

ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องดีๆให้อ่าน^_______^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 24-11-2011 17:36:49
อ่าจะมีภาคต่อเปล่าเนี่ย

อิอิ

แบบว่าภาคหวานชื่น 555+

สนุกมากเลยไปอ่านเรื่องอื่นต่อดีกว่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Namioto ที่ 25-11-2011 04:41:09
ขอโทษนะ แต่ผมหลงเสน่ห์คุณลุงเข้าอย่างจัง >w< 555
 เข้าใจเลยว่าทำไมนพถึงหลงเสน่ห์คุณไพ เป็นคุณลุงที่น่ารักสุดยอดดดดดด
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: fayala ที่ 25-11-2011 17:29:08
ตามอ่านนิยายของคุณ juon วันละเรื่องเลยค่ะ ขอสารภาพว่าติดหนึบ
คนเขียนใช้ภาษาได้ดีมากๆ แถมวาดรูปสวยสุดๆ กด +1 ให้เลยค่าาา..
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yagin ที่ 27-11-2011 20:33:38
พึ่งมาอ่าน ขอบอกว่าสนุกมากมายเลยจร้า  แต่งได้เก่งจริงๆเลย ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 01-12-2011 02:21:09
ชอบมากเลย น่ารักมากทั้งคุณไพฯ ทั้งนพรัตน์
พึ่งเคยอ่านแนวนายเอกแก่กว่าเยอะๆก็เรื่องนี้แหละ แต่กลายเป็นว่าความยักแย่ยักยัน
และสายตายาวๆของคุณไพฯกลายเป็นความน่ารักไปซะงั้น
บรรดาแฟนเก่าของนพรัตน์ก็น่ารักมากเลย แต่ก็น่าเห็นใจด้วย อยากรู้ว่าครูต้ามีคู่ไหม ไม่อยากให้คนน่ารักๆอย่างนั้นเหงานาน
บรรดาผู้ช่วยกองเชียร์ พี่ๆ ของนายนพนี่ก็ทั้งฮาทั้งน่ารัก
เนื้อเรื่องอ่านสบายๆ ไม่เครียด ชอบแนวนี้ไปเลย ฮ่าๆ  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: londoneye ที่ 01-12-2011 03:12:13
ในที่สุดก็อ่านเรื่องนี้จบจนได้....น่ารักมากเลยล่ะ

ชอบตัวนพรัตน์มากเลย.....เป็นคนที่ดูแล้วใสซื่อดีนะ.... :-[

ส่วนคุณไพฑูรณ์ถึงจะดุ...แต่เราว่าออกแนวโก๊ะๆหน่อยนะ...น่ารักดี...มิน่่าล่ะถึงเข้าตาเจ้าเปี๊ยก

 :กอด1:คนแต่งหน่อยนะคะ.....เป็นนิยายที่อ่านแล้วรู้สึกเพลินมากเลยค่ะ...ชอบทุกตัวละคร

อ่านแล้วไม่เครียด....นั่งอ่านไปอมยิ้มไป

เป็นกำลังใจให้แต่งนิยายสนุกๆอย่างนี้ออกมาอีกเยอะๆนะคะ....เดี๋ยวคงต้องตามไปอ่านเรื่องอื่นๆบ้างล่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 01-12-2011 22:26:27
หลงรักทางสายนี้ขึ้นมาซะแล้ว ถ้าคุณไพฑูรจะ่น่ารักขนาดนี้ อร๊ายยยยยย :m3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: babydolldreamer ที่ 02-12-2011 19:38:31
น่ารักดีน้า คู่นี้ ชอบๆ  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 13-12-2011 00:48:08
อ่านจบแล้ว  :mc4:

คุณลุงไพน่ารักสุดๆ น่ากอด น่าฟัดด้วย  :-[
ทั้งปวดหลัง สายตายาว น่ารักอ่าๆๆ 55555
ลุงแกฮานะเนี่ย ความคิดตลกดี
มิน่าหลายๆคนถึงหลง
แต่คนแรกและคนสุดท้ายต้องเป็นคุณนพคนเดียวน้า  :กอด1:

แว่บ ตามไปอ่านเรื่องอื่นต่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pure_ka ที่ 18-12-2011 06:14:06
อ่านอีกทีก็สนุกค่ะ  ชอบจริงๆเลยอยากเป็นคุณไพฑูรย์จัง ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 21-12-2011 09:16:28
 :L2: ขอบคุณนะฮ๊าฟฟฟฟ
เขียนได้สนุกมาก ๆ เลย
อ่านแล้วมีความสุขมากเลยนะฮ๊าฟฟฟ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: MissDaisy ที่ 30-12-2011 16:22:24
เพิ่งอ่านเรื่องยาวจบไป 3 เรื่อง เป็นของคุณ juon ซะ 2 เรื่อง

ขอบคุณมากนะคะที่เขียนเรื่องสนุกๆแบบนี้ให้ได้อ่าน  :pig4:
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ .. นพรัตน์นี่ร้ายไม่เบาจริงๆ คุณไพฑูรย์ก็น่ารักมากๆ
แต่คนที่ทำให้ติดใจมากที่สุด กลับเป็นครูพิสทธิ์ ยิ่งได้เห็นภาพวาดด้านข้างที่คุณ juon วาดมาให้ชมด้วยแล้ว .. ถึงกับหลงรักเลยทีเดียว  :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 06-01-2012 13:09:49
 :L2: น่ารักมากครับ

 :pig4: มากๆนะครับที่เอามาลงให้ได้อ่าน ชอบคุณลุง จัง อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: John Doe ที่ 17-01-2012 01:52:11
สนุกมากๆๆๆๆๆ เลย อ่านรวดเดียวจบเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: zetsubo ที่ 22-01-2012 00:10:12
น่ารักอะ เรื่องนี้ 555 อ่านต่อแรกแล้วยังเฉย ๆ ^^" พอซักพัก โดนความน่ารักของนพกลบหมด 5555

อ่านแล้วยิ้มไป บางตอนอยากลงไปชักดิ้นชักงอ 555 น่ารักกก >\\<
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Chocorun ที่ 22-01-2012 13:53:50
อ่านช่วงแรกๆ แล้วนึกภาพไม่ออกว่าอายุต่างกันขนาดนี้จะลงเอยกันได้ยังไง
แต่พออ่านไปเรื่อยๆ แล้ว เนื้อเรื่อง กับลักษณะนิสัยของตัวละครทำให้คล้อยตามได้ไม่ยากเลย
เป็นอีกเรื่องที่น่ารักมากจริงๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: chatori ที่ 25-01-2012 12:09:14
หว้าาา จบเสียแล้ว สนุกมากมาย
ยาวจุใจมาก ชอบการดำเนินเรื่อง ละเอียดจริงๆ
คุณไพน่ารักอ่ะ มีแอบโก๊ะนิดๆ รักคนแก่เลย
คุณนพก็น่ารัก อบอุ่น ชอบเวลาโดนเปรียบเหมือนแมวเหมียว อิอิ
ขอบคุณนะคะ จะตามไปอ่านผลงานเรื่องอื่นๆด้วย
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Atroce ที่ 25-01-2012 19:48:55
อ่านรวดเดียวจบ สนุกดี :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 29-01-2012 10:31:20
นพรัตน์น่ารักมากเลย อ่านแล้วติดงอมแงม
แบบว่าลุงแกนี่แก่จริงๆ รุ่นน้องพ่อเราไม่กี่ปีเองนะ แต่เจ้านพอ่ะรุ่นๆเดียวกันกะเรา
จิ้นแล้วฮากระจาย แต่ลุงแกยังน่ารักไง :o8:
ขอบคุณนะคะ ตามไปอ่านคนแก่กะเด็กน้อยอีกเรื่องก่อน :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 29-01-2012 13:09:00
เรื่องนี้มันน่ารักจิงๆ :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: amito ที่ 08-02-2012 13:35:32
คุณไพฑูรย์ ไม่ชอบให้คนเรียกชื่อหน้างั้นเราขอเรียกชื่อหลังก้อแล้วกัน คุณทูน ทูนหัวจ๋า ไม่น่าเชื่อว่าจะเอาตัวรอดมาได้ถึงสี่สิบกว่าๆแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะคุณไพฑูรย์โชคดีที่มีคนดีๆช่วยดูแลอยู่รอบกาย เช่น คุณพงษ์ คุณภัทร เลยให้รอดตัวมาได้จนป่านนี้

หนุ่มน้อยนพรัตน์ จุดแรกเลยต้องขอนับถือในความพยายามและความมุ่งมั่น เจ้าเปี๊ยกนี่เล่นแผนรักซึมลึก  ค่อยๆแฝงกายแทรกซึมเข้าไปในชีวิต "ลุง" จนลุงแกขาดเจ้าเปี๊ยกไม่ได้ การที่นพเห็นความน่ารักของคุณไพฑูรย์ในจุดที่คนอื่นไม่เห็นนี่ต้องเรียกว่าเป็นเนื้อคู่กันอย่างแท้จริง

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ เราว่าคุณ Juon แต่งแนวนี้ได้น่ารักดีนะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองของคุณ Juon ที่เราตามอ่าน (เรื่องแรกนกยูงแดง) ไว้จะตามไปเก็บเรื่องอื่นๆด้วยนะคะ 
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 19-02-2012 02:31:13
 :m3: :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: azure™ ที่ 20-02-2012 10:06:07
รักเรื่องนี้มากๆเลยครับ อ่านแล้วยิ้มมาตลอดเรื่องเลย นพนี้น่ารักจริงๆ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม P1]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 11-03-2012 11:13:44
้เปิดจองรวมเล่มแล้วนะคะ รายละเอียดอยู่ในหน้า1ค่ะ

ตั้งแต่วันที่11 มีนาคม - 20พฤษภาคม 2555นี้ค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม P1]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: wolfram ที่ 13-03-2012 20:34:48
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
สนุกมากๆเลยค่ะ!!
แต่ละตอนนี่ยาวมาก...เราชอบ!!  :กอด1:

พออ่านจบแล้วเรารู้สึกชอบคุณน้อยที่สุดเลยอ่ะ
คิดว่านพโชคดีมากๆที่ได้เจอกับครูทั้งสองและกับ ลุง!! 55+

ตอนนี้เรารอเรื่องของมิคาเอลอยู่!! >.<
สู้ๆนะคะ!! :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม P1]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 15-04-2012 21:45:25
ดันนะคะ

อัพปกเล่ม2แล้วค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม P1]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 03-05-2012 18:07:57
ขออนุญาตดันอีกทีค่ะ

เหลืออีกไม่ถึง20วันจะปิดจองแล้วนะคะ

อาจจะมีท่านเข้าใจว่า รอซื้อตอนออกแล้วที่ร้านก็ได้ (ซึ่งจริงๆ กรณีนี้เราก็ไม่ขัดข้องค่ะ)

เพียงแต่ ไม่ว่าจะซื้อร้าน หรือรอรีปริ๊นหลังจากรอบนี้

จะไม่มีของแถมพิเศษแถมให้แล้วนะคะ

ซึ่งก็ได้แก่ book let โดจินของคุณไพฯกับตานพค่ะ

เพราะฉะนั้น แจ้งไว้เพื่อให้ทราบ ณ ที่นี้นะคะ^^
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม P1]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 13-05-2012 14:56:05
อยากได้เเบบพระเอกซักคน

เป็นคนที่น่ารักมาก  :-[

ขอบคุณค่ะ  :pig4:

หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม P1]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 17-05-2012 22:49:57
ขอบคุณครับ อ่านจบแล้ว
หัวข้อ: Re: [เปิดจองรวมเล่ม P1]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: aekie ที่ 18-05-2012 22:53:56
ขอบคุณนะครับ เรื่องนี้น่ารักมากครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 29-05-2012 11:34:56
เรื่องแนวนี้ไม่ค่อยเห็น อายุห่างกันมากกกกกก
แต่น่าร้ากดี :man1:
คุณไพรฑรูย์จริงๆแล้วเป็นคนตลกแล้วก็น่ารักนะ
นพก็น่ารักจะไปจีบเค้าก็ทำท่าเขินอายอยู่ได้ 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 03-06-2012 10:09:11
ซึ้งกับความรักของภัทร ภัทรรักไพฑูรย์มาก ๆ เลยนะนั่น ครูต้าร์คอยสอนคอยห่วงนพตลอดเลย ตอนที่ครูต้าร์ตัดสินใจก็คงรู้สึกเศร้าไม่ต่างจากนพหรอก ครูพิสุทธิ์ไม่่ค่อยพูด แต่ใช้สายตาจับจ้องตลอด ภาพแทนความรัก ครูพิสุทธิ์คงรักนพมาก เพราะเขียนภาพแทบทุกครั้งที่พบเจอเลยนี่นะ ไพฑูรย์คงจะอดคิดมากไม่ได้ นพก็เข้าหารวดเร็วไม่มีย่อท้อเลยนะนั่น
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: yumsonteen ที่ 05-06-2012 15:28:02
  o13สุดยอด ชอบมากครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: @Iriz ที่ 06-06-2012 13:45:35
เข้ามาบอกว่าได้หนังสือแล้วนะคะ รวดเร็วมาก นึกว่าจะมาถึงพรุ่งนี้ซะอีก
มาถึงเปิดอ่านการ์ตูนแถมก่อนเลย เจ้าแมวน้อยน่ารักมากกก แต่แอบขำคุณไพฑูรย์เล็กน้อยตอนหยิบแว่นมาใส่ บ่งบอกถึงอายุมากก  :laugh:
ขอบคุณคุณ juon มากเลยนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: juon ที่ 07-06-2012 10:03:40
^ แว่นตาเป็นจุดโมเอะของคุณไพฑูรย์ในสายตาเราค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 07-06-2012 18:07:52
ยิ่งอ่านก็ยิ่งยิ้ม ยิ่งอ่านก็ยิ่งหวาน ยิ่งอ่านก็ยิ่งมีความสุข
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดี ที่อ่านแล้วมีความสุขไปกับทุกตัวละคร
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-06-2012 15:14:20
ได้รับหนังสือแล้วค่ะท่ามกลางบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน เรียบร้อยสวยงามมาก ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: crazythe ที่ 10-07-2012 18:31:29
เพิ่งได้มีโอกาศอ่านจนจบค่ะ  นพรัตน์น่ารักมากเลยค่ะ  :-[

เรื่องนี้ทำเราหลงคุณลุงไปเลย :man1:

ไว้ว่างๆ จะตามมาอ่านผลงานเรื่องอื่นอีกนะค่ะ

 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 25-07-2012 15:06:38
เรื่องสนุกและน่ารักมากค่ะ
นพค่อยๆปีนขึ้นไปหาคุณไพทีละสเต็ป
 :pig4:
บวกๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: marionatte ที่ 26-07-2012 00:18:46
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ
ช่วงนี้นิยมคนมีอายุมากกว่า?
จะติดตามเรื่องอื่นๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 26-07-2012 22:38:49
เพิ่งมาเจอเรื่องนี้ และอ่านได้นิดเดียว แต่อยากได้หนังสือ จะสั่งได้ไหมหนอ ?

อยากได้ อยากได้  :z3:

คุณ Juon มีเหลือ? เขาจะเอา  :serius2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ISee ที่ 11-12-2012 13:36:43
น่ารักอ่ะ ไม่ผิดหวังกับนักเขียนคนนี้เลย
ติดตามทุกเรื่องของคุณ juon เลยค่ะ
ชอบทุกเรื่อง
ขอบคุณนะคะ ที่เขียนนิยายสนุกๆ ให้อ่าน
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 11-12-2012 21:31:26
ชอบจริง ๆ นะที่นายเอกอายุมาก ๆ นี่....
น่ารักสุด ๆ เลย..คนอะไรทั้งดุทั้งสวย..555...
แต่สงสารคุณภัทรมาก ๆ เลยนะ....น่าจะหาคู่ให้
เอาแบบแมน ๆ ถึงจะเข้ากันได้กะพี่ภัทร์..อิอิ... o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 13-12-2012 12:53:47
เหมือนนานมาแล้ว ที่อ่านค้างไว้ยังไม่จบ ฮ่า า
เพราะรู้สึกเรื่องคุ้นๆเหมือนเคยอ่าน วันนี้มาตามเก็บจนจบสักที
ไอ้เปี๊ยกพระเอกของเราน่ารักเกินไปแหละ
ชอบที่นพเขินๆ มาจีบเขาแล้วยังมาเขินใส่เขาอีก น่ารักไปๆ
ยิ่งมาอ่านบันทึกของนพ ยิ่งรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่ารักมากก
งุ้งงิ้งมากก 555555 ดีใจด้วยที่พิชิตใจคุณไพฑูรย์สำเร็จ
ต่างคนต่างมีอดีตทั้งกันนั้น แต่ปัจจุบันของทั้งสองคนสำคัญที่สุด
แฮปปี้ๆสุดๆ :-[ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 15-12-2012 14:23:12
จบล่ะ

สนุกมากเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: InLuSt ที่ 18-12-2012 12:20:18
หลงรักงานเขียนของคุณ juon แล้วล่ะ ><
ชอบคุณไพฑูรย์ และเริ่มหมั่นไส้คุณนพตั้งแต่อ่านบันทึกนี่แหละ (ชีวิตรักโชกโชนนะแกหน่ะ อย่ามาแอ๊บ อย่ามาซึน งอนแล้วเลย) 555+
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Thep503 ที่ 19-12-2012 22:45:06
ขอบคุณครับ สนุกดีครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 21-12-2012 00:39:11
เข้ามาอ่านจนจบ
แล้วมาเจอคอมเม้นท์ของตัวเองอยู่ ณ ตอนนั้น
อ้าว เราอ่านจบไปรอบหนึ่งแล้วเหรอ ทำไมจำไม่ได้
ก็เลยอ่านซะละเอียด
ยืนยันตามเม้นท์เดิม ชอบคุณไพ
เป็นมนุษย์ที่แปลก และน่ารักแบบคาดไม่ถึง
ต้องไปตามอ่านเรื่องอื่นๆ ของคนเขียนแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 03-01-2013 02:10:59
สนุกดีค่ะ
ชอบคุณไพฑูลย์ที่สุด :give2:
คนอะไรก็ไม่รู้น่ารักมากๆเลย :-[
ดูแข็งนอกอ่อนใน
ชักจะเหมือนพี่ภัทรเข้าไปทุกทีและเรา :try2:
จะรอเรื่องต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: chiji ที่ 08-01-2013 19:58:32
นพนี่คล้ายน้องเพชรเลยนะ เวลาพูดถึงคนที่รัก :o8:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 17-04-2013 02:10:22
 :hao7: อ้ากกกก สนุกมากกกกก อ่านแล้วหยุดไม่ได้ รู้ตัวอีกทีตีสองแล้วววว
 
สนุกมากๆ อ่านแล้วอบอุ่นสุดๆเลยค่ะ o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 17-04-2013 08:15:41
เพิ่งมาอ่าน เนื้อเรื่องน่ารักมากค่ะ

ว่าจะอ่านให้จบก่อน แล้วจะรอเก็บตังค์ซื้อน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 15-06-2013 18:49:57
น่ารักกันทุกคน
คุณนพความเพียรเป็นเลิศมาก -> ตื้อเท่านั้นที่ครองโลกขอจริง
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 09-10-2013 14:13:47
สนุกมากเลย
ตอนแรกไม่ชอบเคะแก่นะ แต่พออ่านเรือ่ง บ่วงเล่ แล้ว  คนแก่ก้อน่ารักนะเออ
แล้วอารมณ์ที่นายเอกยิ่งคิดว่าตัวเองแก่แบบ คุณพนิต คุณไพฑูรย์เนี่ย มันยิ่งน่าร้าากกก เข้าไปใหญ่เลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pp_song ที่ 14-10-2013 13:21:23
สนุกมากๆเลย อ่านแล้วหยุดไม่ได้

อ่านไปยิ้มไป
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 18-10-2013 20:50:03
นพกับคุณไพน่ารักมาก

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: tpaibull ที่ 05-11-2013 18:33:57
ขอยืนยันความน่ารักของคุณนพอีกคนครับ เนื้อเรื่องน่าติดตาม อ่านแล้วต้องยิ้มให้กับความใสซื่อของคุณนพ อยากมีหนังสือเก็บไว้สักชุด จะมีรีปริ้นท์ไหมครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 06-11-2013 14:26:52
 :hao3:
ตอนคุณไพฑูรย์เล่าเรื่อง ยังไม่รู้สึกว่าแกน่ารักขนาดไหน อะไร ยังไง?
แต่พอมาอ่านช่วงทอล์กของสองหนุ่มที่ตามจีบนี่...
รู้ เขาใจ ความรู้สึกของพวกเขาเลยว่า ...อืมมมมมมม เขาน่ารักมากจริงๆนั่นแหละ!
ตอนแรกก็แอบหลอนคุณภัทร์นะ แต่พออ่านทอล์กของแกทำให้แอบสงสารแกหน่อยๆ และชอบใจขึ้นมาทันทีเลยอ่ะ
ตามจีบเป็น 20 กว่าปี ดูเขารักมากจริงๆ เรียกว่า รักประทับใจ ได้มั้ยนะ?
ส่วนคุณนพ, เราก็ตามเชียร์พี่แกตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้วน้าาา
คนอะไรไม่รู้ ไปจีบเขาแต่ดันเขินซะเอง ให้ความรู้สึกเหมือนลูกแมวตาอ้อนมากจริงๆ ชอบอ่ะ ชอบ ชอบ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 13-11-2013 21:38:25
 :L2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 17-11-2013 11:32:22
ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีๆ
ปกติเราชอบอ่านพระเอกเถื่อนๆถ่อยๆ
พอมาเรื่องนี้คุณนพของเราเป็นอีกสไตล์ไปเลย
ทำให้รู้ว่าพระเอกแบบนี้เค้าก็ชอบน๊าาาาาา ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 12-01-2014 16:08:45
เพิ่งตามมา...  ว่าจะไม่โพสอะไรแล้ว... แต่มันค้างๆ อยากให้มีสักตอนที่นพได้ไปเยี่ยมครูพิสุทธิ์บ้าง... ไม่ก็แบบแว้บๆไปเจอครูต้าแบบบังเอิญมั่ง...  ยังไงก็รักแรกนี่นะ.... รู้สึกชอบครูต้ามากๆ ไม่มีตอนของครูต้าบ้างเหรอครับ....  ปล.สงสารครูน้อย....  จริงๆอยากให้แต่งถึงตอนสุดท้ายของครูน้อยด้วย  คงดราม่าบีบหัวใจมั่กๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: BizcuitO ที่ 27-01-2014 23:54:18
อ่านแล้วแบบ นพช่างเป็นคนที่โชคดีที่ได้เรียนรู้กับความรักจากคนทั้งสามคนนั้น แต่ก็สมกับความพยายามและการเรียนรู้ของนพ

แต่ไม่รู้ยังไง แรกๆก็กรี๊ด ลั้นลากับ นพคุณไพ แต่พอมาอ่านไดอารี่ช่วงเวลาของครูพิสุทธิ์ก็แบบ ... คุณไพคือใคร ....ชอบคู่เน้ ครูพิสุทธิ์นพ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 05-02-2014 21:36:21
น่ารักจังเลย ชอบทั้งลุงทั้งนพ มีเสน่ห์ทั้งคู่เลย  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 13-02-2014 20:21:27
บันไดถึงจะแคบ จะสูง จะชัน แต่ถ้ายืนเบียดกันหน่อย จับมือกันไว้ ก็อบอุ่นดีนะ  :กอด1:
ขอบคุณสำหรับเรื่องคะ  เจ้าเปี๊ยกน่าเอ็นดู ส่วนลุงไพก็น่ารัก  :m3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: lukYRKM ที่ 17-02-2014 14:33:38
ชอบมากเลยคะ อ่านแล้วมีความสุข รู้สึกเรื่อยๆเบาๆดี ไม่ดราม่าเยอะ ไม่แฮปปี้จนน่าอิจฉา ฮ่าๆๆๆๆๆ
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับนิยายดีๆคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 22-02-2014 00:41:46
คุณไพฑูรย์น่ารักมากเลยค่ะ นักเขียนทำเราประทับใจกับคาแลคเตอร์นายเอกอีกแล้วว ไม่เคยต้องอ่อนแอหรืองี่เง่าเหมือนเรื่องอื่นเลย ชอบจังเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: inkan ที่ 02-03-2014 23:51:47
บอกได้คำเดียวว่า อบอุ่นมากเลย ตัวละครแต่ละตัวเราสามารถสัมผ้สได้เลย เหมือนมีชีวิตจริง เป็นกำลังใจให้จร้า ชอบมากมากเลย  ^///////^ ขอบคุณที่แต่งนิยายเรื่องนี้มาจร้าขอบคุณจริงๆ TOT
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 28-05-2014 10:15:16
เรื่องน่ารักมาก   นพน่ารักสุด ชอบแบบนี้จริง
เรื่องนี้แบบ มุ้งมิ้งดีจัง อ่านเพลินๆอ่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 05-06-2014 15:34:08
อ๊ากกกกกกกกกก ปลื้มฟู้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
5555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 20-06-2014 19:26:53
เรื่องนี้น่ารักสุดๆ ><~~~~~~~~
โอยยยยยยยย นพน่ารักมากกกกกกก
คุณไพฑูรย์ก็น่ารักนะ 55555555  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: beamintron ที่ 06-07-2014 03:24:19
รักเรื่องนี้จัง ><
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 07-07-2014 02:42:25
กลับมาอ่านอีกครั้ง รักเรื่องนี้จัง ^___^
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: llmup ที่ 05-06-2015 11:35:40
 :katai2-1: ปรบมือเลยค่ะ ชอบการเขียนแบบนี้จัง มองเห็นภาพ ใช้ภาษาถูก อิอิ
พี่ไพก็นะน่ารักซะขนาดนี้ แอบน่ารักตลอดน้องไม่หลงไงไหว
เป็นเรื่องแรกสำหรับเราที่นายเอกอายุห่างกับพระเอกมากกกกก
แต่พออ่านมันไม่ติดขัดอะไรเลยค่ะ เหมือนทั้ง2คนสามารถเรียนรู้ไปด้วยกันได้
ค่อยๆเดินไปด้วยกันทีละขั้น แต่มั่นคง
อีก 10 20 30 นองนพต้องดูแลพี่ไฟดีๆนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: thelittlemaster ที่ 16-06-2015 17:13:47
สนุกมากเลยค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 18-06-2015 21:19:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 15-07-2015 00:02:14
 :m1:  :m3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: มะปรางเปรี้ยว ที่ 01-08-2015 00:59:46
ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ  :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_dr ที่ 25-09-2015 21:24:58
นี่เคยอ่านเรื่องพี่นิตกับโจก่อนจะมาอ่านเรื่องนี้ บอกเลยว่าโจที่ดูเอื่อยเฉื่อยยังดูมีพัฒนาการกว่านพนี่เลย
โฮ้ยยย คิดจะเคลมรุ่นใหญ่ใจต้องถึงนะพ่อหนุ่ม 5555555
ใจจริงๆอยากให้นพรุกๆถึงเนื้อถึงตัวเหมือนที่โจทำกับพี่นิต แต่คิดๆอีกที คุณไพคงไม่เป็นแบบพี่นิต นอกจากจะไม่หวั่นไหวไปกับสัมผัสแล้วยังอาจจะถีบนพกระเด็นอีกด้วย55555555
แต่บรรยากาศของ2เรื่อวนี้ก็มีกลิ่นอายคล้ายๆกันนิดนึงนะ อารมณ์เมะตัวน้อย(?)เป็นฝ่ายหลงรักก่อน แต่วิธีการที่จะได้หัวใจคนแก่ /โดนตบ มานี่คงไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน คุณไพน่าจะใจร้ายกว่าพี่นิดเย้ออ555555 ท่าทางจะไม่ได้กินง่ายๆซะแล้ว สู้ๆนะนพ ✌
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 10-01-2016 09:22:00
อ่านจบแล้วค่ะ
ชอบบันทึกของนพรัตน์มาก อ่านแล้วรู้สึกว่าตานี่น่ารักสุดๆ เป็นผู้ชายที่ไม่ใช่ไม่แมนนะ แต่มุ้งมิ้งอ่ะ 5555555555
โดยเฉพาะตอนปั๊ปปี้เลิฟของนางกับครูต้า ครูต้าน่ารักกกกกกก

พอถึงตอนเจอคุณไพฑูรย์ เราว่าแกตลกดีนะ ตลกหน้าตายอ่ะ ฮาาาาาาาาาาา
พอมาอ่านในมุมมองของนพ รู้สึกได้ถึงความเพ้อเจ้อสุดๆ บ่งบอกว่าหลงคุณไพฑูรย์แค่ไหน 5555555555

เป็นเรื่องที่น่ารักจริงๆ ค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: makone ที่ 10-01-2016 09:58:35
ชอบมากๆ เลยค่ะเนื้อเรื่องน่ารักดี ไม่ค่อยมีมาม่าด้วย ชอบนพรัตน์มากๆ เลยเวลาที่เขียนบันทึกดูน่ารักมุ้งมิ้งมากๆ แต่เศร้านิดนึงต้องครูพิสุทธิ์นะเราว่าน่าสงสารนพอะ แต่หากตอนนั้นนพสมหวังคงไม่ได้มาเจอกับคุณไพฑูรย์แน่ๆ
 :pig4:  :pig4: ขอบคุณที่เขียนนิยายน่ารักๆ อย่งงี้ให้อ่านนะคะ  :mew1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: kawaiineko ที่ 12-03-2016 00:57:50
มีคนบอกว่าเรื่องนี้สนุก....ขอลองอ่านสักหน่อย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 08-05-2016 14:43:28
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 23-05-2016 13:28:56
น่ารักมากเลยค่ะ จะบอกว่า ทั้งเรื่อง
เราดันอินกับรุ่นพี่(ลืมชื่อค่ะ ขอโทษ ;_;)ที่จีบน้องไพมา20ปีสุด อ่านเสร็จแล้วต้องพักไปร้องไห้ก่อน
นับถือใจพี่เขามากจริงๆ มันทั้งเหงาทั้งเศร้า แต่ก็มีความสุขที่ได้รัก
เป็นตัวละครที่อยากอวยพรให้มีความสุขมากจริงๆค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Maylita ที่ 02-08-2016 12:11:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

จบแล้วเสียใจจังที่เจอเรื่องนี้ช้าไป
สารภาพเลยว่าพึ่งเคยอ่านแนวเคะอายุเยอะกว่าเป็นเรื่องแรก
5555 แอบคิดว่าเฮ้ยมันจะเข้าหรอวะ อ่านๆไปมันใช่ซะงั้น
แบบเจ้าแมวน้อยกับลุงหน้าโหด แอทแทคเข้าหัวใจจังๆ

เราชอบควาน่ารัก ความขี้เขินของเจ้านพและชอบความเป็นผู้ใหญ่ของน้องไพ
คือความจริงเคะส่วนใหญ่จะมีนิสัยอย่างหนึ่งแบบต่อให้ซึนแค่ไหน ณ.จุดจุดหนึ่งจะมึความงี่เง่า
อารมณ์มโนระดับหนึ่งเวลาเข้าใจผิด 555 เรื่องนี้มาเหนือเมฆน้องไพหักดิบชิงเป็นลมซะงั้น
เรางี้แอบขำระดับสิบ เอาเป็นว่าเรื่องนี้เปิดมุมมองให้เรามองหาเนื้อดูเด็กว่าสักยี่สิบปีทันทีเลย

ปล.เรื่องนี้เป็นเรื่องเเรกที่แอบปลื้มตัวประกอบ หลงรักพี่ภัทร์ คนจริงรักมั่นยี่สิบปีไม่เสื่อมคลายมากกว่าเจ้านพอีกค่ะ

 :o8: :o8: :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: schneesturm_fubuki ที่ 26-08-2016 15:59:14
คุณไพฑูรย์ซึนมาก นพรัตน์ก็น่ารักเกิ้นนนน บุคลิกของสองคนนี้น่าจะสลับกันนะ ชื่อด้วยเคะชื่อแม๊นแมน555

ขอบคุณสำหรับนิยาย Feel good เรื่องนี้นะคะ เราพึ่งอ่านผลงานของคุณเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ถูกใจบรรยากาศของเรื่องจังค่ะ

พระเอกน่ารัก อ่านแล้วอบอุ่นดี   :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 06-11-2016 19:18:10
+1!!!!! พึ่งมาได้อ่านเรื่องนี้เองค่ะ สนุกมาก ชอบน้องนพ น่ารัก คุณไพฑูรย์ก็น่ารัก คือซึนดีเหลือเกิน 55555 แต่อ่านๆไปแล้วนึกอิมเมจคุณไพฑูรย์ไม่ออก คือแก่แต่หล่อเนี้ยบ บางทีก็น่ารัก ฮือออ มันตีกันในหัว 55555 แต่ของน้องนพนี่โกลเด้นตัวใหญ่ๆลอยเข้าหัวมาเลยค่ะ 55555
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 22-02-2017 11:01:24
สนุกมาก

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Republic_ ที่ 06-04-2017 13:30:01
 :-[ :impress2: :man1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-04-2017 21:07:31
เรื่องน่ารักมากๆเลย
อึ้งทึ่งกะความรักจองนพมากเลย
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 14-04-2017 15:35:18
น่ารักมากๆค่ะ
อ่านแล้วไม่เบื่อเลย
มีความมุ้งมิ้งๆ
ชอบมากๆ ค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Kio ที่ 07-05-2017 22:50:40
กี้ด จบแล้ว ยาวนานมาก ไม่น่าพลาดเรื่องนี้เล้ย

ชอบส่วนบันทึกของเจ้านพสุดๆ กว่าจะมาเป็นแมวนพปัจจุบันผ่านอะไรมาเยอะแยะมากกกก

แถมมีรักทุกรูปแบบเลยจนมาเจอคุณไพฑูรย์คนงาม

เอ็นดูเจ้าแมวนพ รักคุณไพฑูรย์ คนแก่อะไรทำไมแซ่บแบบเนี้ย

ขอบคุณมากนะค้า รักคนเขียน :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 09-08-2017 08:48:44
 :กอด1:ยาวมากกกก แต่ก็สนุกมากกกกก

 :mew1: :mew1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 24-03-2018 19:56:06
มองข้ามเรื่องนี้มาหลายปีเลยค่ะ มีคนแนะนำมาเลยได้ลองเข้ามาอ่าน สนุกมากๆ เลยค่ะ ชอบคุณไพฑูรย์มากๆเลย แล้วก็นพอีก เป็นตัวละครที่เป็นเด็กดีมากๆ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 24-03-2018 20:50:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: vy0Cik ที่ 27-03-2018 09:13:24
เป็นเรื่องที่น่ารักมากเลยค่ะ คุณไพน่ารักมาเลยถึงแม้จะดุไปหน่อย ส่วยเจ้านพก็น่าเอ็นดูมากเลย ตัวละครอีก2คนที่ขอบคือพี่นัทกับพี่ภัทร เจ้านนัทนี่ปากหมาและกวนตีนใด้ใจพี่จริงๆ ชอบๆ  ส่วนพี่ภัทรชอบเขาเป็นคนดีมาก ชอบความรักที่เขามีให้กับน้องไพ ขอให้พี่ภัทรเจอคนที่ดีกับตัวเองบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Naamtaan22 ที่ 18-04-2018 19:19:47
สวัสดีค่ะตามมาจากที่นักอ่านท่านอื่นแนะนำมาค่ะ แล้วก็ติดหนึบเลยค่ะ สนุกมากๆเลยค่ะชอบมากเลยโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบตัวละครที่มีอายุหน่อยประมาณว่าอยู่ในวัยทำงานกันแล้วน่ะค่ะแล้วยิ่งเรื่องนี้เคะอายุมากกว่ายิ่งชอบมากไปใหญ่เลยนิยมให้เด็กจับผู้ใหญ่กินค่ะ คุณไพฑูรย์นิสัยน่ารักมากเห็นแมนมากๆด้วยอ่านไปขำไปคุณคนเขียน เขียนได้สนุกจริงๆค่ะนึกภาพออกง่ายมากบทจะให้ขำก็หัวเราะหนักมากบทจะหวานก็เขินไปด้วยบทจะซึ้งก็ทำให้น้ำตาซึมได้ง่ายๆเลย ส่วนเจ้าเหมียวนพรัตน์ก็น่ารักน่าหยิกเป็นเมะทีหน้าแดงตลอดเวลาเลยอ่านที่คุณเปรียบเทียบว่าแดงเป็นแตงโมผ่าซีกบ้างล่ะหน้าแดงแล้วยิ้มกระมิดกระเมี้ยนบ้างล่ะทีไรขำหนักมาทุกทีเลยค่ะ  ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆแบบนี้นะคะแล้วจะติดตามไปอ่านผลงานเรื่องอื่นๆแน่นอนค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 26-04-2018 18:11:01
มีคนแนะนำเรื่องนี้มาให้ พึ่งอาบจบเลยค่ะ ชอบคาแรคคุณไพฑูรย์มากกกกกกกกกกกก คุณไพดูเป็นผู้ใหญ่ทั้งนิสัยทั้งอายุเลยค่ะ(ฮา) ชอบที่น้องนพเขินตอนไปรุกจีบเขาด้วย5555 ไม่น่ามองข้ามเรื่องนี้เลยตอนแรก ไว้จะแวะเวียนมาอ่านบ่อยๆนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 29-04-2018 00:52:46
 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 08-06-2018 13:51:48
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: BaZkon ที่ 10-07-2018 10:15:07
สนุกมากๆค่ะ พี่ไพน่าร้ากกกกก
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 29-07-2018 11:29:33
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: ชอบๆๆ เรียลดีมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 31-07-2018 23:21:48
สนุกมากเลยค่ะ
นพน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 19-01-2019 20:25:35
พี่ไพถึงจะดูดุแต่แกก็น่ารักน้าาา ไม่งั้นเด็กไม่หลงขนานี้หรอก อิอิ
ขอบคุณมากค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: .B.F.I.R.S.T. ที่ 18-02-2019 08:48:37
สนุกมากๆเลยค่ะะ  :mew1: o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 02-07-2019 15:53:34
 :katai2-1: :katai2-1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำหูู้ปาโก๋ ที่ 24-10-2020 21:55:55
ดีจัง รักต่างวัย  :hao3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: toomild ที่ 26-02-2021 23:37:58
มาอ่านเรื่องนี้ซ้ำรอบที่ล้าน ชอบคุณไพฑูรย์ที่สุด ดาเบสนิยายในใจเลยค่ะ แง้ :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: SeventeenCarat ที่ 22-06-2022 13:47:39
เรื่องนี้เนื้อเรื่องดีมากๆ ภาษาที่ใช้ก็ดี คำผิดก็แทบจะไม่มี

เป็นนิยายที่แบบละมุนละไมจริงๆ

แล้วคือมันได้ฟีลชีวิตจริงตรงที่ทุกคนรอบตัวพระเอกนายเอกไม่ได้เป็นเกย์กันหมด

ป.ล. อ่านจบแล้วอยากได้น้องนพมาเป็นของตัวเองจัง

 :o8: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องเบาๆ]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น : จบ P22 6/07/2554(รุ่นพ่อ?vsรุ่นลูก?)
เริ่มหัวข้อโดย: Sunset and Eeyore ที่ 22-03-2023 21:58:13
เป็นเรื่องที่น่ารักมากค่ะ ชอบพี่ภัทรมากที่สุด คืออาจจะหื่น อาจจะห้าม อาจจะฮา แต่เป็นคนจริงจังจริงใจมาก และซื่อตรงกับความรู้สึกสุดๆจริงๆ
นพโชคดีที่ได้ถูกหล่อเลี้ยงมาด้วยความรักที่สวยงามตั้งแต่ครั้งแรก
แอบรู้สึกว่าคราวครูพิสุทธิ์มันไม่ใช่ความรักแบบคู่รัก เหมือนว่านพมีความสงสารและเห็นใจครู ส่วนครูก็เอ็นดูนพที่เข้ามาในชีวิต มันเลยไม่ได้ดูว่าออกแนวคู่รักสักเท่าไหร่
ส่วนครูต้า คิดว่าครูก็น่าจะถูกใจนพอยู่บ้างแต่ก็โตแล้วและมีกรอบที่ต้องเดินอยู่ เลยไม่ถึงกับเป็นความรัก ส่วนนพเองน่าจะเป็นความรักครั้งแรกที่เจือไปกับความหลงด้วย แต่ก็ยังดีที่จบกันไปด้วยดี
คุณไพฑูรย์เย็นชามาก ปากแข็งมาก ทั้งกับตัวเองและคนอื่น เป็นน้ำแข็งน่ะถูกแล้ว

สรุปทั้งเรื่องคือชอบพี่ภัทรสุด

ชอบที่เปรียบเทียบเรื่องขั้นบันไดค่ะ กินใจมาก แอบซึ้ง
ขอบคุณนะคะ