รักด้วย.. ‘รอยตีน’
(เม่น – จ๋าย)
“ไอ้อ่อนอย่าอยู่เลยมึง” เสียงตะโกนลั่นทำให้ผมหันไปแต่แล้วก็โดนนันยางเบอร์ 46 ของใครสักคนกระโดดยันอกจนล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมๆกับรองเท้าหลากหลายยี่ห้อที่เริ่มทำการประทับตราลงบนตัวผม ทั้งๆที่พยายามสุดชีวิตในการกลิ้งหลบแต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไร ผมเลยเลือกที่จะนอนออมแรงให้พวกมันกระทืบให้พอเพราะยังไงก็ยังดีกว่าดิ้นให้หมดแรงแต่ไม่มีอะไรดีขึ้น จวบจนกระทั่งผมมองเห็นบุหรี่ราคาถูกมวนหนึ่งโถงโยนทิ้งลงบนพื้นอย่างแรงพร้อมกับรองเท้าผ้าใบเก่าๆที่บดขยี้จนมันแบนติดกับพื้นก่อนเจ้าของรองเท้าจะยกสปาต้าขึ้นพาดบ่า เดินลากเท้าไปเข้ามา ณ จุดที่มีการรุมกระทืบผมกันอยู่ ในแววตากลมโตของเขาฉายความไม่พอใจออกมาชัดเจน ปากบางเหยียดแสยะเยาะหยันเต็มที่ จากนั้นก็เริ่มกวัดแกว่งสปาต้าใส่ไอ้พวก ‘หมาหมู่’ ที่กำลังหมู่บนตัวผม จนสุดท้ายบรรดาฝูงหมาประทับบาทาก็รีบเผ่นแน้บหายไปคนละทิศคนละทาง
“สัสเอ้ย อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีกนะพวกมึง ไม่งั้นกระทืบติดตีนกูอีกรอบแน่ ไสหัวไปซะ !” ร่างโปร่งบางของผู้ชายหน้าตาสไตล์เกาหลีใสกิ๊งแต่ระดับความเถื่อนดูจะสวนทางกับใบหน้าอย่างสิ้นเชิง มือเรียวถือสปาต้าชี้ไปทางคนกลุ่มหนึ่งที่วิ่งหัวซุกหัวซุน ก่อนสายตาเอาเรื่องจะหันมาทางผมที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยบาทาหลายเบอร์หลายยี่ห้อ
“มึงก็เหมือนกัน เป็นห่าไรไม่ตอบโต้มันไปมั่ง”
“ก็ … ทะ .. ทำแล้ว แต่ .. สู้ไม่ไหว” ผมตอบเป็นหมาหอบแดกเลยแฮะ
“เลยเป็นอนุสาวรีย์รอยตีนอยู่นี่ไงสัส” ร่างโปร่งนั่งยองๆลงข้างผมยื่นมือมาให้
“ลุกได้แล้ว ..”
“ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“เปล่า กูสมเพช” แป่วเลยครับ ผมก็รีบๆลุกเดินตามร่างบางที่ตัวเล็กกว่าผมเกือบห้าเซ็น ผมชื่อ จ๋าย ครับ เรียนแพทย์อยู่ ส่วนคนตรงหน้าผมนี่ชื่อ เม่น หรือ เฮียเม่น เด็กเถื่อนประจำสถาปัตย์ แก๊งพวกมันนี่ยิ่งใหญ่คุมมหาลัย ยิ่งมหาลัยผมยิ่งอุดมไปด้วยเถื่อนกับเถื่อน ดีหน่อยที่คณะแพทย์ส่วนใหญ่เรียนประจำโรงบาลประจำจังหวัด พวกเราเลยรอดพ้นจากอำนาจมืดของพวกมันมาได้ มหาลัยผมนี่ก็แปลกมีคณะแพทย์ดูดีอยู่คณะเดียว นอกนั้นก็มีวิศวะ สถาปัตย์ ที่เป็นเถื่อนตัวเอ้ อำนาจมืด และแน่นอนว่า เฮียเม่น หรือ น้องเม่น รุ่นน้องผมปีนึงนี่แหละ ที่คุมอำนาจมืดอยู่
“ไอ้หมอมึงจะเดินช้าอีกนานมั้ยสัส ไวๆ กูรีบ หิวข้าว”
“ครับๆๆ น้องเม่น”
“น้องเม่นเหิ้ยไร” มันบ่นเจือรำคาญแต่ผมแอบเห็นมันหน้าแดงนะเออ ถ้าจะเอ่ยถึงเหตุผลที่ผมมารู้จักมักจี่ไอ้เฮียเม่นคนนี้ได้ คงเพราะบังเอิญมันมีกิจกรรมกีฬามหาลัยที่ผมดันโดนจับฉลากโคจรไปอยู่สีเดียวกับพวกมันเกือบทั้งแก๊ง แต่พอพวกมันรู้ว่าผมเป็นหมอมันก็บอก
‘ ปล่อยมันไปเหอะ เป็นหมอไว้รักษาฟรีเวลาพวกเรามีเรื่อง ’ ผมก็เลยกลายเป็นแพทย์ประจำเฮียเม่นแอนด์เดอะแก๊งนับตั้งแต่นั้นมา ทำให้ผมเป็นที่หมั่นไส้ของบันดาอริศัตรู โดนกระทืบ ลอบกระทืบ หรือ จงใจกระทืบอยู่ร่ำไป แรกๆก็กลัวเกือบจิตตกแต่ไปๆมาก็เริ่มชินจนเริ่มแยกแยะยี่ห้อรองเท้าและคุณภาพความหนักของบาทาใครต่อใครได้แล้วเหมือนกัน
“เดินไวๆดิ ห่านี่ยืดยาดว่ะ” แล้วมันก็เอื้อมมือมาจับมือผมจูงเดินไปด้วยกัน เฮียเม่นของทุกคน แต่น้องเม่นของผม มันมีมุมน่ารักนะครับ หน้าแดงๆเถือกๆแบบนี้ อยากจะภูมิใจว่ามีผมคนเดียวที่ได้เห็น
จวบจนน้องเม่นผู้น่ารักของผมคนเดียว เน้นอีกครั้ง ของผมคนเดียว ! จูงมือผมมาถึงใต้อาคารสถาปัตย์ที่มีผู้ชายมากหน้าหลายตาถือไม้หน้าสามบ้างก็อ่านการ์ตูน บ้างก็คุยโทรศัพท์ บ้างก็หลับ และบ้างก็เล่นไพ่
“โห ไอ้หมอมึงไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ เดี๋ยวนี้เปรี้ยวนะเนี่ย”
“เออๆ ทำตัวแมนอวดเฮียเม่นหรอว้า” เสียงเป่าปากโห่ฮาของบันดาลูกสมนุกและผองเพื่อน ทำผมยิ้มรับชื่นมื่นแต่ไอ้เฮียเม่นดันอายหนักกว่านั้น
“สัสเงียบปากไปเลยไป เดี๋ยวพ่อเลาะฟันทิ้งเลยสาส”
“เฮียเม่นเราเขินโว้ย ตั้งแต่เป็นเมียไอ้หมอนี่มีการ ปั๊ดตานา”
ใช่แล้วครับ เฮียเม่น หรือน้องเม่นจอมดุนี่แหละเมียผม ไม่คิดล่ะสิว่ามันจะกลายมาเป็นเมียผมได้
“พัฒนาพ่อแม่มึงหรอไอ้สัส หุบปากเน่าๆของมึงได้ละ เตรียมยกพวกไปตีกับไอ้โยธามายุ่งกับไอ้หมอของกูได้ไง”
“มีคำว่าของกูด้วยอ่ะ วิดวิ้ววววววววว”
“ไอ้สาสสสสสสสสสสสสสสส” แล้วเฮียเม่นภรรยาสุดที่รักของผมก็ไปไล่กระทืบไอ้พวกนั้นเรียงตัว ผมก็ได้แต่ยืนยิ้มขำๆ
จริงๆความรักของผมกับมันเริ่มต้นที่ผมโดนกระทืบหลายต่อหลายครั้งนี่แหละ แต่ก็ได้มันมาช่วยอยู่ร่ำไป แต่เวลามีแผลทีไรผมก็ไม่กล้ากลับบ้านสภาพเยินขนาดนี้ เม่นมันก็เลยพาผมไปนอนหอมัน ก็นอนห้องมันแหละครับเตียงใหญ่ๆนอนกันสองคน แต่ไอ้เฮียเม่นสุดโหดตอนนอนกลายเป็นน้องเม่นสุดยั่วซะงั้น ทั้งซุก ทั้งกอด ทั้งงัวเงีย และชุดนอนน้องเขาก็ยั่วผมชิบหาย กางเกงขาสั้นที่สั้นสัสๆ ตัวเดียว ผมเลยสปาร์ค ซี้ดซ้าดทนไม่ไหวในวันหนึ่งเลยจับกดไป ไอ้เม่นมันจริงๆแรงไม่ค่อยมีหรอกครับ แต่เวลาจับมีดจับไม้หน้าสามมันดันเก่ง เพราะเรียนฟันดาบมา มันก็เลยเสร็จเรียบร้อยเป็นเมียผม ตื่นเช้ามาก็ดันโวยวายเลยจับกดอีกรอบแม่งเลย บอกแล้วแรงมันน้อย ผมก็เลยได้เฮียเม่นมาเป็นเมียสมใจหลังจากจับมันกดสามวันสามคืนติดต่อกัน ไม่ได้ไปเรียนทั้งคู่ จนผมขู่ว่าถ้าไม่ยอมมาเป็นเมียผมจะไม่ยอมให้เห็นเดือนเห็นตะวันขลุกกันอยู่แบบนี้แหละ มันเลยต้องยอม แล้วก็ไข้ขึ้นไปโดยปริยายวิชาแพทย์ของผมเลยได้ใช้รักษามันคนแรกนี่แหละ ตอนป่วยก็ช่างยั่วสายตาปรอยปรือๆ ปากแดงระเรื่อทำผมเกือบสติแตก ถ้าไม่ติดว่าป่วยนะคงมีต่อกันอีกยาวหลายยกพิชิตสถิติโลกลงกินเนสบุคเป็นแน่แท้ แรกๆมันก็งอนๆผมก็ตามง้อตั้งนานโดนเตะ โดนต่อย โดนกระทืบมั่งก็ต้องยอมครับเพราะสิ่งที่ได้มาก็คุ้มค่า เวลามันเขินก็สุดแสนจะน่ารักน่าฟัด แต่เวลาดุนี่จากเม่นมันกลายเป็นหมาทุกที คำหยาบยิ่งกว่าสารานุกรมหยาบคายกระจุยกระจายจนผมฟังแล้วหูชา เพื่อนในกลุ่มเด็กในแก๊งก็ล้อมันมาตลอด ส่วนผมก็ยิ้มรับหน้าบานเป็นจานเดียวเทียมตัวลอยละลิ่วไปโคจรรอบโลกได้เลยนะนั่น แต่ก็ไม่วายเจอมันตวัดสายตาเคืองใส่ๆ
“มึงจะยิ้มทำไมที่กูโดนล้อเนี่ย สะใจมากใช่มะ” ไอ้เม่นมองผมเคืองๆ เอาสปาร์ต้าในมือชี้หน้าผม เมื่อก่อนก็มีเสียวๆครับ แต่มันก็แค่ขู่ทุกที
“มีขู่ผัวด้วยโว้ย ระวังไอ้หมอไปมีใหม่นะมึงไม่หัดหวานมั่ง”
“ลองดูดิ กูแทงแม่งทั้งคู่”
“ก๊ากก เฮียเม่นหวงผัวด้วยโว้ยยยย”
“ไอ้สาสพวกมึงอย่าอยู่เลยยยยยยยยยยย” ก็เป็นอีกวันที่ครื้นเครงแม้ผมจะเต็มไปด้วยรอยตีนตามตัวก็ตาม