จะลงต่อให้เลยนะคะ เพราะเป็นเนื้อหาเดิม แต่จะแบ่งเป็นช่วงๆให้ค่ะ
ตอนที่สอง
ผมตื่นมาตอนเช้าอีกวัน เรียกว่าหลับลึกหลับยาวบนโต๊ะตัวเล็กมีโจ๊กชามหนึ่งวางไว้ ใส่หมูใส่ไข่สุกไม่ผัก ผมยิ้มกับชามโจ๊กก่อนจะรีบกินจะได้ไปทรหดกับการรับน้องต่อ อย่างน้อยก็ได้กำลังใจเป็นโจ๊กชามใหญ่ล่ะนะ วันนี้ก็เป็นอีกวันอันสุดแสนทรหดอดทนรับน้องยังโหดเหมือนเดิมทั้งสั่งบูมร้องเพลง วิ่งหาของ หรือ อะไรมากมายที่เหนื่อยสายตัวแทบขาด มิน่าแผนกโยธาแม่งมีแต่ผู้ชาย ตอนเดินผ่านไอ้พวกช่างยนตร์นี่โคตรสบายนั่งในร่มร้องเพลง ทีพวกผมนี่เสียงแหบเสียงแห้ง ยืนกลางแดดตะโกนแหกปากกลิ้งไปกับพื้นร้อนๆ
“พวกมึงร้องให้ดังสิวะ มีปัญญาแค่นี้หรือไง กูบอกให้ร้องดังๆ วันที่ปีสามมาดูมึงอยากให้พี่เค้าอายใช่มั้ย” เสียงตะคอกของไอ้พี่กู้และพี่ว๊ากทั้งหลายด่ามาเป็นระยะๆ คอกูจะแหบตายอยู่แล้วครับพี่ หูหนวกไม่ได้ยินกันหรอวะสุดท้ายผมเริ่มเซ็ง ค่อยๆเอนตัวลง ล้มลงไปเลย หลับตา
“เฮ้ยไฟไหม้เป็นลม”
“เฮ้ยไอ้ไหม้ๆ”
“ไหม้ๆ เฮ้ยๆ แบกน้องไปห้องพยาบาล” ผมรู้สึกว่าโดนคนสองสามคนแบกไปที่ซักที่ แม้จะรู้สึกแปลกๆแต่ผมร้อนแล้วนี่หว่า ด้วยน้ำหนักที่สัมพันธ์กับความสูง 180 ของผมคงสร้างความลำบากให้ชาวบ้านอยู่เหมือนกัน
“ไหม้ .. ” เสียงคนคุ้นเคยดังขึ้นข้างๆ ผมค่อยๆลืมตาก่อนจะยิ้มกว้างๆเอาใจคนน้ำตาคลอ
“ร้องไห้ทำไมปกติออกจะดุ”
“มึงไม่เป็นไรใช่มั้ย” มือเรียวจับหน้าผมไปมา น้ำตาคลอหน่วยค่อยๆไหลลงมา
“โอ๋ๆไม่ร้อง ไม่เอาๆ ไม่ได้เป็นอะไร วืดนิดหน่อย” ผมคว้าแขนอีกคนดึงมานอนข้างๆกัน ว้า รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ทำให้ร้องไห้แฮะ
“คราวหลังไม่ไหวก็บอกกูนะ ฮึก ..” เสียงสะอื้นพร้อมความแฉะที่ไหล่ทำผมรู้สึกผิดหนักกว่าเก่า แต่ก็ดีใจที่มันเป็นห่วง
“อืม ไม่ร้องๆ ถ้าพี่กู้ยังไม่เลิกงอแงผมไม่สบายใจนะเนี่ย”
“ก็ กูกลัวมึงเป็นอะไรขึ้นมา” ร่างของคนที่นอนเกยอกผมกอดผมแน่นๆ เอาหัวถูไถกับอกผม จากอารมณ์ซึ้งมันจะมีอารมณ์อื่นเข้ามาแทนนี่สิ
“หงอยเป็นแมวเชียว ปกติดุอย่างกับหมา”
“ก็มันตามหน้าที่ กูอยากตะคอกตายล่ะเสียงแหบเสียงแห้ง”
“ผมเห็นพี่มันส์มากเลยนะน่ะ”
“ร้อนชิบหาย กูนึกว่าอยู่กลางซาฮาร่า แต่ทำไงได้กูไม่อยากให้พวกไอ้โตมากระทืบพวกมึงนี่หว่า”
“ใครครับ”
“ไอ้พี่ว๊ากปีสาม วันรวมรุ่นแม่งจะหาเรื่องกระทืบรุ่นน้องเป็นการรับน้องไง กูเลยต้องเข้มหน่อย”
“นอนพักสักครู่กับผมแล้วกันนะ พี่เครียดมากไปแล้ว” ผมลุกขึ้นเดินไปล็อคประตูห้องพยาบาล เดินไปปิดม่าน เหลือแต่ห้องที่สลัวๆกับ ผมและพี่กู้ที่นอนอยู่บนเตียง
“ป่วยอยู่ยังทำซ่านะ .. อื้อออ” ผมขึ้นคร่อมคนตัวเล็กประกบจูบลงไปบนปากบาง ที่เจ้าของยกแขนขึ้นโอบคอผมข้างหนึ้งอีกข้างก็ไล้ไปตามแก้มผม แล้วล้วงเข้าไปในเสื้อลูบไปทั้งหน้าท้องซิกแพค เลิกเสื้อผมขึ้นเอานิ้วบี้หัวนมผมแรงๆ
“ซี้ดดด … ซนนะครับ” ผมดึงเสื้อช็อปของพี่กู้ออกตามติดๆไปด้วยเสื้อสีขาวด้านใน ผมดันหลังพี่กู้ให้แอ่นตัวขึ้นแล้วก้มลงใช้ลิ้นเลียหยอกเย้าหัวนมสีชมพูที่เริ่มแข็งขัน
“อ้ะ .. มะ ไหม้ ..”
“สีสวยเชียว เห็นแล้วอยากดูดทุกวัน”
“ทะลึ่ง อ้ะ อ้า” ผมเลื่อนมือลงไปใต้กางเกงยีนต์กดย้ำผ่านเนื้อผ้าบางชั้นในที่กั้นระหว่างมือผมกับแก่นกายที่เริ่มแข็ง กดย้ำแรงๆบีบขยี้เบาๆในส่วนยอด ความชุ่มช้ำที่ชื้นผ่านเนื้อผ้าจนถึงมือผม
“เยิ้มแล้วนะครับ” พี่กู้เงยหน้าหอบแรงๆ ผมอดไม่ได้ที่จะจูบลงไปบนหากสีสดนั่น ผมลูบไล้ไปตามแผ่นหลังและสะโพกของเขาแล้วดึงรั้งกางเกงยีนต์ออก เรียวขาขาวนวลนุ่มนิ่มเผยออกมาให้เห็น แต่คนๆนี้ก็ขี้อายเหลือเกินพยายามเอื้อมมือไปหยิบกางมาบังเรียวขา ผมรีบโยนกางเกงลงไปข้างเตียง พี่กู้ส่งสายตาตัดพ้อมาให้ผม เวลาอื่นผมคงรู้สึกผิด แต่เวลานี้ ขอผมเถอะนะครับที่รัก ผมรวบข้อมือบางไว้ในมือเดียว พี่กู้ตัวเล็กมากครับไม่ค่อยจะมีแรงเอาซะเลย ผมเลื่อนขอขึ้นทับขาพี่กู้ เอาล่ะติดบ่วงผมแล้วล่ะนะ ซอกคอขาวๆนั่นกลายเป็นจุดแรกที่ผมลงไปลิ้มลอง กลิ่นสบู่จางๆที่ผมซื้อ กลิ่นแชมพูบนผมนุ่มๆที่ผมซื้อ ทำให้พี่กู้หอมและน่ากินเป็นที่สุด ผมจัดการกับตัวเองทันที ใช้นิ้วเกี่ยวชั้นในของคนด้านล่างแก่นกายที่แข็งขันของเราชูชันเสียดสีกันไปมา
“ซี้ดดดด ขอผมเข้าไปเลยได้มั้ย”
“ถะ .. ถามอะไร” พี่กู้เอียงหน้าหนีผมอายๆ ก็เล่นหน้าแดงขนาดนี้ไม่อายก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว ผมชันเข่าของพี่กู้ขึ้นแต่ผมก็ทนไม่ไหวเมื่อเห็นช่องทางสีสดนั่น ผมขยับกระแทกแรงๆลงไปทันที
“โอ้ยยยยย ไหม้ ทะ ทำอะไร เจ็บ โอ้ย” น้ำตาของคนข้างล่างไหลพรากออกมาทันที
“ผมขอโทษนะพี่แต่ผมไม่ไหวแล้ว” มือของผมเริ่มรูดทำงานกับแก่นกายพี่กู้ทันที ซักพักช่องทางด้านหลังก็เริ่มผ่อนคลายลง ผมเริ่มจังหวะของตัวเองอีกครั้ง ส่วนตัวไม่ใช่คนหยาบกระด้างนะครับ แต่กับพี่กู้นี่อยากกระแทกแรงๆทุกทีสิ ดังนั้นแต่ละครั้งที่กระแทกลงไปผมจึงจัดเต็มไม่ยั้ง กระแทกกระทั้น ออกจนสุดเข้าจนสุด เตียงพยาบาลสั่นไหวรุนแรงดึง คึกคึกคึก เสียงครางดังลั่นของพี่กู้เป็นตัวปลุกอารมณ์ของผมให้ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก มือผมรัวเร็วตามจังหวะกระแทกกระทั้นจนเราสองคนปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน ผมล้มตัวลงนอนข้างๆคนตัวเล็กดึงเขาขึ้นมานอนเกยบนอก เสียงหอบเบาๆของพี่กู้ ทำผมอดยิ้มไม่ได้
“เฮ้ยไอ้ไหม้ พวกกูมาเยี่ยมแล้วววว” เสียงดังจากด้านนอกห้องพยาบาลขัดเวลาของเราจริงๆ พี่กู้รีบลุกขึ้นจากเตียงแต่ก็ทรุดลงลงกับพื้นข้างเตียงนั่นแหละ ทั้งคราบสีขุ่นไหลลงมาตามขาขาวๆที่เลอะพื้นเป็นที่เรียบร้อย บนเตียงนี่ก็อีก เรียกได้ว่าทุกสถานการณ์เป็นใจให้ชาวบ้านรู้ว่าทำอะไรกัน แต่หน้าพี่กู้ที่ดูเหมือนจะเครียดจัดทำให้ผมต้องรีบหาเสื้อผ้ามาให้พี่กู้ใส่ ที่แม้จะเดินไม่ไหวก็รีบปีนหน้าต่างห้องพยาบาลลงไป ดีที่อยู่ชั้น 1 ไม่งั้นตาย คราบบนเตียงผมจัดการโดยการกระตุกออกซับคราบที่เปื้อนตามพื้นโยนลงไปบนถังขยะทันที จัดการใส่เสื้อผ้า แกล้งงัวเงียไปเปิดประตูห้อง สามเกลอ เจ ฟี เอ็ม ก็พุ่งเข้ามากอดผมทันที
“กูนึกว่ามึงจะตายแล้วนะเนี่ย” ขอบคุณที่แช่งกูนะฟี
“ไอ้สัสบอกบางชิบหายตัวอย่างกับควายเสือกเป็นลม” เอ่อ แค่อารมณ์อยากกดเมียว่ะอาร์ม
“พี่กู้แม่งก็หายไปเลย มาเฝ้ามึงเปล่าวะ” ไอ้เอ็มมองซ้ายมองขวาไปมา
“เปล่าๆ” เขาไม่ได้มาเฝ้า แต่มาให้กูเอาต่างหาก ผมแอบยิ้มกับคำตอบของตัวเองในใจ มึงอย่าหวังจะได้เชยชมเมียกูเลยเพื่อน
“ป่ะๆพวกกูไปส่งบ้าน มึงไม่สบายอยู่เร็วๆ อย่าโอ้เอ้” พวกมันลากผมกลับไปด้วย ผมเหลือบมองไปที่หลังหน้าต่างที่มีคนสำคัญของผมนั่งหลบอยู่ และยิ่งเดินไม่ไหวแบบนั้นผมทิ้งเขาไปไม่ได้หรอก
“ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวแม่กูมารับ กูโทรไปบอกแล้ว”
“อ้าวมึงอยู่หอไม่ใช่หรอ” สัสเจเสือกมาความจำดีเหิ้ยไรตอนนี้วะ
“แม่กูมาหากูพอดีไง เนี่ยเดี๋ยวก็มาแล้วพวกมึงกลับไปก่อนเลย”
“เออๆ พรุ่งนี้เจอกันเว่ย ไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนนะ พวกกูเป็นห่วง”
“อืมๆ ขอบใจมากมึง” ผมโบกมือลาเพื่อนๆที่เดินออกจากตัวอาคารไป ขาผมก้าวยาวๆไปที่หน้าต่างทันที พี่กู้ตัวน้อยนั่งทรุดลงพิงกำแพง ตากลมโตมองผมเคืองๆ
“นึกว่าจะทิ้งกูแล้วไง พอได้กูแล้วก็ทิ้งกู” มีการสะบัดหน้างอนตุ้บป่องๆซะด้วย เดี๋ยวนี้พัฒนา
“จะทิ้งได้ยังไงครับ หัวใจผมนอนนิ่งแนบสนิทอยู่แทบเท้าคนตรงนี้นี่ ป่ะกลับหอเราดีกันดีกว่า” ผมช้อนตัวพี่กู้ชื่อโหดแต่บอบบางไว้ในอ้อมแขนเดินออกมาจากตึก แต่เมียผมคนนี้เขาขี้อายครับ รีบซุกหน้าลงกับอกผมไม่ใครเห็น สองแขนก็ยกขึ้นโอบคอผมแน่น
“อายหรอครับ”
“ก็เป็นใครใครก็อาย หรือมึงไม่อาย”
“ไม่อาย คนอื่นจะได้รู้ว่าเมียผมน่ารัก”
“ไอ้บ้า” เสียงบ่นกระปอดกระแปดดังงุมงัมแผ่วเบา พี่กู้น่ารักใช่มั้ยล่ะ ตลอดทางที่จะถึงประตูโรงเรียนผมเดินยิ้มร่าสบตาสายตาสงสัยของชาวบ้านทุกคน ให้มันรู้กันไปว่ามีเจ้าของแล้วโว้ย แต่คนเรานี่ก็แปลกแค่คนอุ้มเมียจะมองอะไรนักหนาวะ ผมเดินมาเรื่อยๆจนถึงหน้าหอของตัวเองที่อยู่ถัดจากโรงเรียนไปสองซอย จัดการล้างเนื้อล้างตัวให้ภรรเมียสุดที่รัก แล้วเราก็หลับไปพร้อมกันเหมือนเดิม ..
Ver. M
ผมวิ่งย้อนกลับมาที่ตึกเดิม โธ่เว่ยไม่น่าลืมชีทที่รุ่นพี่ฝากมาให้ไอ้ไหม้เลย เสียเวลาย้อนกลับมาชิบหาย ผมวิ่งด้วยความรวดเร็วไปที่หน้าตึก แต่เท้ากับต้องชะงักลงทันที ไอ้ไหม้ที่ปกติจะนิ่งๆ กว่าเพื่อนในกลุ่มกำลังเดินออกมาจากตึก ผมรีบหันหลบอยู่หลังต้นไม้ทันที
ไม่จริง .. ไอ้ไหม้กับพี่กู้ .. ออกมาจากห้องพยาบาล .. ไอ้ไหม้ไม่ใช่หรอที่ไม่สบาย แต่ทำไมต้องอุ้มพี่กู้ ..
“ก็เป็นใครใครก็อาย หรือมึงไม่อาย” เสียงของพี่กู้ที่ปกติจะแข็ง กระด้าง ห้าวๆตลอด กับอ่อนลงเหมือนจะตัดพ้อไอ้ไหม้
“ไม่อาย คนอื่นจะได้รู้ว่าเมียผมน่ารัก” เสียงของไอ้ไหม้ที่อ่อนลงก็ว่าน่าแปลกแล้ว แต่คำว่าเมียที่หลุดออกมาทำผมตัวชาสนิท คนสองคนนี้ไม่ได้แค่เพิ่งรู้จักกัน แต่สนิทสนมกันถึงกระทั่งสามารถใช้คำว่า ‘เมีย’ แล้วทำไมต้องปิดบังกันด้วย ผมเป็นตัวตลกหรือไง ถึงจะอ้างด้วยเหตุผลว่ากลัวพี่กู้อาย แต่กับเพื่อน ทำไมทำแบบนี้ ยิ่งผมประกาศตรงๆว่าจะจีบพี่กู้ นี่ไม่แอบไปขำกันสองคนแล้วหรอ ผมเดินตามหลังพวกเขาสองคนอยู่ห่างๆ จนกระทั่งมาถึงหอของไอ้ไหม้ หึ โกหกทั้งเพ บอกว่าแม่จะมารับแม่มึงชื่อกู้ภัยหรือไงแม่ลูกกันเขาไม่อุ้มกันแบบนี้หรอกโว้ย มือผมกำชีทที่จะเอามาให้มันแน่น อารมณ์โกรธพุ่งขึ้นมาอย่างน่าแปลกใจ ไม่ได้โกรธที่พี่กู้กับไอ้ไหม้เป็นแฟนกันเพราะไม่ได้ชอบพี่กู้ขนาดนั้นแต่ความรู้สึกเสียหน้าเหมือนโดนตบหน้าจนชาไปทั้งแถบต่างหากที่ทำผมแค้นอยู่ข้างใน
วันนี้พี่กู้ไข้ขึ้นสูงสงสัยผมจะหนักไปหน่อย ผมตื่นแต่เช้าไปซื้อโจ๊กด้านล่างตึกมาป้อนคนป่วย ที่ตาปรือปรอย หน้าขาวๆแดงระเรื่อด้วยพิษไข้ แถมยังงอแงไม่ยอมให้เช็ดตัวอีกต่างหาก จนต้องใช้กำลังไปเล็กน้อยจับรวบข้อมือไว้แน่นๆ เช็ดไปตามเนื้อตามตัว ยอมรับว่าแอบภูมิใจเล็กๆที่เห็นรอยสีแดงแสดงความเป็นเจ้าของตามตัวของพี่กู้ ยิ่งตอนจับชันเข่าเช็ดช่องทางด้านหลังคนตัวเล็กก็อายแสนอาย เอียงหน้าหนีทันที หน้าแดงก่ำก็ยิ่งแดงเข้าไปอีก ถ้าไม่ติดว่าไม่สบายอยู่นะ เสร็จผมไปแล้วนะครับที่รัก ปิดท้ายการดูแลคนป่วยด้วยการหอมหน้าผากฟอดใหญ่ ผมก็เดินออกมาจากหอไปสู่โรงเรียนอาชีวะเดิมๆ กับการแหกปากร้องเพลงเดิมๆ วันนี้มันไม่น่าสนใจที่พี่ว๊ากกลายเป็นคนอื่น ไม่ใช่คนหน้าหวานๆของผม วันนี้ไอ้เอ็มมันแปลกๆไป มันมองผมแบบห่างเหิน บางทีก็ไม่พอใจ มันเป็นอะไรของมันวะ
“เฮ้ย ไหม้มึงไปทำไรไอ้เอ็มวะ แม่งเคืองมึงสัสอ่ะ”
“กูยังไม่รู้เลย กูก็ งงๆเนี่ย”
“เออๆลองคุยกันดู อย่าค้างคานะมึงเดี๋ยวมันจะนาน” ไอ้เจกับไอ้ฟีตบบ่าให้กำลังใจผม ตอนพักหลังกินข้าวที่บรรยากาศมาคุสุดตีนผมก็เดินไปขอเคลียกับไอ้เอ็ม เราเดินกันมาถึงหลังโรงเรียนโดยมีไอ้ฟีกับไอ้เจเดินตามมาห่างๆ พอถึงบริเวณลับตาคนมันก็หันมาผลักไหล่ผมแรงๆ
“มึงมีไรเหิ้ยไร”
“กูอยากเคลียกับมึง”
“กูไม่มีอะไรจะพูด”
“เฮ้ย ไอ้เหิ้ยมึงเป็นไรวะ มีไรไม่คุยตรงๆ”
“มึงนั่นแหล่ะ ที่ไม่คุยตรงๆไอ้สัสไหม้ มึงอย่ามาพูดดีเลย” มันชี้หน้าผม สายตาโกรธเกรี้ยวไม่พอใจ จนผม งง
“เฮ้ยไอ้เอ็มมึงใจเย็นๆดิ๊ เพื่อนกันนะเว่ย” ไอ้ฟีรับมาคั่นระหว่างผมสองคน
“ไอ้เหิ้ยมึงมีไรก็พูดไปเลย โตๆกันแล้ว” ไอ้เจอีกคนก็รีบพูดไกล่เกลี่ย
“เมื่อวานมึงจำได้มั้ยว่าไอ้ไหม้บอกมันจะกลับกับแม่” ผมนิ่งไปทันทีที่มันพูดเรื่องนี้ หรือว่า ..
“เออแล้วไงวะ แค่เรื่องนี้มึงงอนที่มันไม่กลับกับพวกเราหรือไง”
“ไม่ใช่ มึงรู้มั้ยว่ามันโกหก มันไม่ได้กลับกับแม่ มันกลับกับพี่กู้ แค่นั้นไม่พอมันออกมาจากห้องพยาบาลในสภาพที่พี่กู้เดินไม่ไหวจนมันต้องอุ้มกันออกมา มึงจะให้กูคิดว่ามันกับพี่กู้ไปทำอะไรกันในห้องพยาบาลนอกจากเรื่องอย่างว่า” ผมเงียบไปทันที ไอ้ฟีกับไอ้เจหันหน้ามามองผม แต่ผมกลับหลบตาพวกมัน
“แต่ .. ก็ไอ้ไหม้มันอาจจะเป็นแฟนกับพี่กู้อยู่แล้วไง มึงใจเย็นดิเอ็ม”
“กูเคยพูดไว้แล้วใช่มั้ยว่ากูชอบพี่กู้ แล้วตอนนั้นทำไมมันไม่พูดว่ามันกับพี่กู้เป็นอะไรกัน ! มันจะให้กูหวังทำไม”
“ไอ้ไหม้ มึงทำเพื่ออะไรวะ” ไอ้ฟีถามผม สายตามันตัดพ้อเต็มที่
“กูว่ามึงมีเหตุผลนะ ไหนว่ามา .. ”
“พวกมึงคิดว่ากูไม่อยากพูดหรอ กูอยากจะตายห่าแล้ว เมียกูกูก็หวง แต่กูพูดไม่ได้มึงเข้าใจมั้ย เพราะพี่กู้ขอไว้ พี่กู้บอกอย่าบอกใคร พี่กู้เค้าอาย มึงเข้าใจปะ ว่าพี่กู้เค้าอายที่คบกับกู เค้าอายที่จะคบกับผู้ชาย เค้ารับสายตาคนอื่นไม่ได้ เค้าขอให้กูแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก เค้าขอให้กูทำเหมือนว่าเราเป็นคนอื่น พวกมึงคิดว่ากูชอบสภาพแบบนี้หรือไงล่ะ” หลังจากที่ผมได้ระบายบ้างคราวนี้พวกมันเป็นฝ่ายเงียบ แต่ไอ้เอ็มกลับจ้องผมตาวาว
“มึงคิดว่าพวกกูเป็นใคร ทำไมจะบอกเพื่อนไม่ได้ มึงเห็นพวกกูปากหมาชอบโพนทะนาหรอวะไอ้สัส มึงรู้มั้ยว่ากูรู้สึกเหมือนเป็นตัวตลกที่ให้มึงหลอก ขนาดกูบอกว่าชอบเมียมึงมึงยังไม่คิดจะบอกกูสักครั้ง กูโง่มากใช่มั้ย”
“ไอ้สัสก็กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างงี้ ไอ้เหิ้ยเอ้ยมึงจะเอาไงวะ”
“กูขอต่อยมึงล้างอายหน่อยเหอะ” ไอ้เอ็มกระโจนเข้ามาฟาดหมัดใส่ผมแรงๆ มีหรือจะยอม ผมก็ซัดกลับ พวกเราสองคนนัวเนียกันไปมา ไอ้ฟีกับไอ้เจก็ไม่ห้าม
“ต่อยกันให้ตายไปเลยพวกมึง เสร็จแล้วกลับมาดีกันด้วย ไอ้สัส ทำตัวเป็นเด็กงอนกันไปได้” เราฟาดหมัดใส่กันไปได้ซักพักจนเหนื่อย ผมกับมันล้มตัวลงนั่งจ้องหน้ากัน ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น นี่แหละเพื่อน ยังไงก็เป็นเพื่อน
“ลุกได้แล้วพวกมึง เคลียกันแล้วก็ไปรับน้องต่อ”
“เอออย่าช้า น่ะไม่ลุกอีก”
“กูลุกไม่ไหว” ผมบอกมันเพลียๆ
“กูด้วย”
“เฮ้อ ไอ้พวกเหิ้ยเอ้ย” ไอ้ฟีเดินขึ้นมาฉุดผมขึ้น กับไอ้เจที่เดินไปฉุดไอ้เอ็ม สุดท้ายผมกับไอ้เอ็มกันหันมากอดคอกัน เราสี่คนก็เดินกอดคอกันไปจนถึงแผนกโยธาอีกครั้ง แม้สภาพจะยับเยินแต่ก็สบายใจสุดๆ นี่แหละสุดยอดของคำว่าเพื่อนล่ะ