“คุณน่าจะวางมีดลงก่อน ก็เห็นอยู่ว่าผมไม่มีอะไรจะสู้” ราฟาแอลพูดด้วยเสียงทอดถอนใจอย่างน่าหมั่นไส้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันเล่ห์กะเท่นี้ของเขาเป็นอย่างดี
“ฉันมองไม่เห็นเลยว่าไอ้ปืนที่คุณกำอยู่มันจะใช้เป็นอาวุธไม่ได้ตรงไหน คนอย่างคุณคงจะไม่พูดโกหกแค่ตอนที่ปากไม่ขยับเท่านั้นล่ะมั้ง”
“ผมออกจะพูดจริงทำจริง” ราฟาแอลตอบ และเอี้ยวตัวหลบมีดไปทางด้านซ้าย ก่อนจะต้องถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าว คมมีดเลยได้แค่เฉี่ยวปลายผมของเขาไป
“เหรอ งั้นคุณก็โยนปืนนั่นทิ้งไปก่อนสิ” แคลร์ว่า คราวนี้หนุ่มผมบลอนด์ยิ้มแหย่ๆ ทั้งๆ ที่ยังหลบคมมีดวุ่นอยู่นั่นแหละ เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจกว่าเดิม
“คุณจะให้ผมโยนปืนทิ้งทั้งๆ ที่มีดคุณเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาแบบนี้ ผมคงใจไม่ด้านพอหรอกนะ”
“ฉันจะทิ้งมีด ถ้าคุณทิ้งปืน” หญิงสาวกล่าว นัยน์ตาสีเขียวไหววูบ มีดปลายแหลมยังคงจ้วงแทงมาอย่างดุดัน เขาควรจะเชื่อคำพูดของเจ้าหล่อนหรือเปล่านะ?
“โอเค ผมยอม!!” ราฟาแอลโพล่งออกมา ก่อนเสียงกระบอกโลหะหนักอึ้งจะร่วงลงสู่พื้นแล้วกระเด็นออกไป แคลร์ชะงักมีด หล่อนชายตามองปืนพกสั้นสีดำที่แน่นิ่งอยู่บนพื้น ก่อนจะหันมายิ้มกับราฟาแอล
“ไม่อยากเชื่อว่าคุณจะยอมง่ายๆ แบบนี้” หล่อนพูด แต่กลับจ้วงแทงมีดเข้าใส่อีก ราฟาแอลร้องเสียงหลง
“ไหนคุณว่าจะทิ้งมีดไง!!” เขาว่าพลางก้มตัวหลบมีดอย่างฉิวเฉียด ได้ยินเสียงพูดประชด
“คนโกหกอย่างคุณ มันสมควรจะพูดความจริงด้วยไหมล่ะ?”
“ผมเคยไปโกหกคุณตอนไหน?!” หนุ่มผมสีบลอนด์คราง เขาเพิ่งเห็นประกายสีเงินพุ่งผ่านหน้าไป ดูเหมือนจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายมีอารมณ์ขุ่นเคืองมากขึ้น
“ทุกเวลานั่นแหละ คุณมันไอ้จอมตอแหล”
ถึงตอนนี้รัสเลอร์ชักรู้สึกตะหงิดๆ ขึ้นมาว่าระหว่างสองคนนี่อาจจะมีอะไรมากกว่าการที่มาเป็นศัตรูกันเพราะงานก็ได้ ดูเหมือนราฟาแอลจะเคยไปก่อเรื่องอะไรไว้กับเธอคนนี้
“อา...ถ้าคุณหมายถึงเรื่องที่ปารีสวันนั้นล่ะก็ ผมไม่ได้ตั้งใจหรอก” หนุ่มผมสีบลอนด์ว่า และนึกอยากยกมือขึ้นเกาศีรษะ แต่ถ้าทำแบบนั้นหน้าอกเขาคงกลายเป็นแท่นเสียบมีดไปก่อนแน่ๆ ได้ยินเสียงแคลร์ดังขึ้นอย่างขุ่นเคือง
“ไม่ได้ตั้งใจ? คุณไปจูบกับผู้หญิงอื่นตอนที่ไปเดทกับฉัน แค่เดินออกไปซื้อน้ำแค่นั้นถึงกับต้องจูบคนขายเลยเหรอ คุณมันไอ้บ้าผู้หญิง!!”
รัสเลอร์นั่งอ้าปากค้าง เขาพอจะเดาได้หรอกว่าสองคนนี่น่าจะเคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อน จริงอยู่ เขาเคยเห็นราฟาแอลจีบผู้หญิงทีละสามคน แต่ไอ้การไปจูบผู้หญิงอื่นตอนที่ไปเดทกับผู้หญิงอีกคนนี่ มันดูแย่มากมายจริงๆ
“ผมแค่จูบทักทาย ทำไมคุณถึงได้ฝังใจนัก ผมก็ขอโทษคุณแล้วไง”
“เหรอ!? งั้นไอ้ที่คุณบอกเด็กเสิร์ฟที่ร้านว่าคืนนี้เจอกัน แล้วคุณก็หายไปทั้งคืน มันหมายความว่ายังไงน่ะ?”
“โธ่... ก็วันนั้นคุณไม่สบายไม่ใช่เหรอ ผมก็เฝ้าคุณจนคุณหลับ คุณจะเอาอะไรกับผมนักหนา” ราฟาแอลคราง มาถึงจุดนี้ รัสเลอร์เริ่มมีความคิดว่าบางทีก็สมควรแล้วที่คนอย่างราฟาแอลจะโดนดีเสียบ้าง ติดแต่ตอนนี้เจ้าหมอนี่ดันเป็นเพื่อนร่วมงานของเขาด้วยนี่สิ
“ราฟี่ ตกลงคุณจะเอายังไงกับเธอ นี่ไม่ใช่เวลามาแก้ตัวเรื่องอดีตนะ” รัสเลอร์กรอกเสียงลงไป ได้ยินเสียงอืมๆ ตอบกลับมาอย่างรำคาญ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวรู้แล้ว หรือว่าไม่พอใจที่โดนขัดจังหวะการแก้ตัวกันแน่
“เอาล่ะ ผมไม่แก้ตัวก็ได้ แต่ยังไงผมก็ชอบคุณจริงๆ นะ จนถึงตอนนี้ก็ยังชอบ”
ได้ยินเสียงหญิงสาวแค่นหัวเราะ “อย่ามาโกหก แน่จริงคุณเลิกกับแม่สาวผมแดงของคุณแล้วมาอยู่กับฉันสิ”
ราฟาแอลคิดว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากที่เขาสามารถหลบมีดไปด้วยแถมพูดแก้ตัวไปด้วยได้แบบนี้ สงสัยจะเพราะถูกเจ้ารูฟัสซ้อมไล่จ้วงมาเป็นเวลาหลายปีแน่ๆ แต่ว่ามันจะหลบแบบนี้ไปได้อีกสักกี่น้ำกันล่ะ ในเมื่อทางนั้นยิ่งจับจังหวะการหลบของเขาได้แม่นขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนจะเริ่มมีเลือดซึมออกมาตามแนวใบหน้าที่โดนมีดเฉี่ยวแล้วเหมือนกัน
“ผมเลิกกับคลาวเดียก็ได้”
เหมือนได้ยินเสียงทั้งแคลร์ทั้งรัสเลอร์อุทานพร้อมกัน ราฟาแอลรีบพูดต่อ “ถ้าคุณไม่เชื่อล่ะก็ ลองมองตาผมสิ”
จังหวะนั้นเองที่แคลร์จะงักมีดไปแวบหนึ่ง หล่อนเห็นดวงตาสีเขียวน้ำทะเลของราฟาแอล และเพียงเสี้ยววินาทีจากนั้น ปากกระบอกปืนไม่ทราบชนิดก็แนบเบาๆ อยู่ตรงหน้าผากของหล่อน
“ฉันไม่น่าเชื่อคนโกหกอย่างคุณเลยจริงๆ ” แคลร์กล่าว ขณะที่ราฟาแอลหัวเราะขืนๆ เขากระชับปืนออโตแมติกอีกกระบอกที่ดึงออกมาจากซองพกซ่อนด้านหลังให้แน่นขึ้น
“ผมเองก็ไม่คิดว่าคุณจะเชื่อผมนักหรอก” เขากล่าว และรู้สึกถึงคมมีดที่จ่ออยู่ที่คอ มันเย็นสะท้านไปถึงกระดูกเลยทีเดียว คราวนี้อีกฝ่ายแค่นหัวเราะบ้าง ราฟาแอลยิ้ม และทำเรื่องที่ไม่ควรจะทำในสถานการณ์แบบนั้น ด้วยการลดปืนลงเสียเฉยๆ หญิงสาวที่มีนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเบิ่งนัยน์ตากลมโตของหล่อนด้วยความสนเท่ห์ ได้ยินเสียงชายหนุ่มถอนหายใจยาว
“จะทำอะไรก็ทำเถอะ” เขาว่า และยืนเฉยๆ ไม่ทำอะไรอีก ปล่อยให้คมมีดค่อยๆบาดเข้าในในผิวหนังทีละน้อย อีกฝ่ายร้องถามเสียงแปลก “บ้าน่ะ! นี่คุณมีแผนอะไรอีก”
“ผมไม่มี” ราฟาแอลตอบ รู้สึกว่าปลายมีดนั่นสั่น มันจะทะลุเข้าคอหอยไปก่อนที่เขาจะพูดจบหรือเปล่า
“คุณก็รู้ว่าผมชอบผู้หญิง ยิ่งผู้หญิงสวยแบบคุณ ผมยิ่งชอบ คุณคิดว่าผมจะกล้ายิงคนที่ผมชอบหรือ แค่เอาปืนจ่อหน้าผากคุณไม่กี่วิ ผมก็ไม่อยากจะทนทำอีกแล้ว”
แคลร์มองหน้าเขา นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสั่นไหวพอๆ กับมือที่ถือมีด หล่อนรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะต้องโกหก ตลอดเวลาที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยที่ฟลอร่าเพิ่งรับหล่อนเข้ามาเป็นลูกศิษย์ใหม่ๆ ผู้ชายที่ชื่อราฟาแอลคนนี้ไม่เคยรักเดียวใจเดียวสักครั้ง พอเผลอก็หันไปมีคนอื่นทันที หล่อนไม่เข้าใจว่าทนคบกับเขาได้ไงถึงสิบเดือน อย่างไรก็ตามที่แย่ที่สุดคือจู่ๆ ราฟาแอลก็จากหล่อนไปโดยไม่บอกไม่กล่าว ทิ้งให้หล่อนมารู้ทีหลังว่าเขากลับไปฮังการีและซื้อบ้านหลังใหม่ให้กับแฟนสาวที่ชื่อว่าคลาวเดีย นั่นทำให้หล่อนโกรธเคืองเป็นอย่างมาก และสาบานว่าจะไม่หลงเชื่ออะไรผู้ชายคนนี้อีก
“โกหก! คุณมันโกหกได้หน้าด้านๆ จริงๆ ”
หนุ่มผมบลอนด์ถอนหายใจอีกรอบ ไม่รู้ว่าจนใจที่แผนใช้ไม่ได้ผลหรือว่าอ่อนใจที่จะหาคำแก้ตัวกันแน่
“ผมอาจจะโกหกก็ได้ แต่เรื่องหนึ่งที่ผมไม่เคยโกหก ผมชอบผู้หญิง เพราะฉะนั้นผมคงจะตายเพราะผู้หญิง”
“คุณได้ตายสมใจแน่!!” แคลร์แค่นเสียง รัสเลอร์นึกหวั่นใจว่าราฟาแอลจะเกิดคิดงี่เง่าขึ้นมาจริงๆ
“เฮ้ ราฟี่ อย่าทำบ้า ๆ น่า นายจะมาให้หล่อนฆ่าแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ”
“ก็คงจะใช่” ราฟาแอลพึมพำ เขามองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่มองมาด้วยอารมณ์ที่ทั้งขุ่นเคือง โกรธแค้น และอะไรอย่างอื่นที่เขาเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว
“ให้ตายสิ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังชอบคุณอยู่เลย”
“ผู้ชายสารเลว...”
หญิงสาวกล่าว แต่กลับมีน้ำใสๆ เอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่งามนั้น หล่อนตะโกนใส่อีกฝ่าย
“ทำไมคุณถึงกล้าพูดแบบนี้ได้อีก คุณมันไร้ยางอายหรือไง ทำไมคุณถึงไม่ด่าฉัน พูดมาสิว่าฉันไม่ดีตรงไหน ทำไมคุณถึงไม่ยิงฉัน ทำไมคุณอำมหิตแบบนี้!!”
“ผมไม่ได้ตั้งใจ...” ราฟาแอลกล่าว เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยนทั้งๆ ที่ยังโดนมีดจ่อคออยู่ สัมผัสที่แตะลงบนพวงแก้มขาวนั้นช่างถนุถนอมราวกับกลัวว่าจะไปทำให้เจ็บหรืออะไรแบบนั้น เสียงมีดหล่นลงบนพื้น เกือบจะพร้อมกันกับที่มือทั้งสองข้างของหญิงสาวยกขึ้นมาจับข้อมือของชายหนุ่มไว้ หล่อนพูดเสียงเครือ “คุณมันชั่วช้าสารเลวที่สุดเลย”
ราฟาแอลคลี่ยิ้มบางๆ ไล้นิ้วมือลงบนพวงแก้มนิ่มเบาๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงต่ำ แตะริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากอวบอิ่มที่สั่นสะท้านด้วยความสะเทือนใจ ค่อยๆ แนบลงไปและรุกไล่อย่างอ่อนโยน แคลร์น้ำตาไหลพราก แม้จะรู้และถูกทำให้เจ็บช้ำขนาดไหน แต่ความอ่อนโยนแบบนี้ ความอ่อนโยนที่หล่อนเคยได้รับจากเขา ยามที่รู้สึกถึงมันก็ยากที่จะทำใจปฏิเสธว่านี่ไม่ใช่ความจริง
ความอ่อนโยนที่หากไม่มีจิตใจก็คงทำไม่ได้
วงแขนน้อยโอบรัดร่างแข็งแกร่งนั้นเอาไว้ ก่อนที่ลำคอเรียวระหงจะส่งเสียงครางอย่างลืมตัว ไม่ว่าจะกี่ปีผู้ชายคนนี้ก็ยังคงน่าหลงใหลเสมอ และยังคงน่าคั่งแค้นเสมอ
“ราฟี่..” หล่อนเรียกชื่อเขาเสียงค่อย หลังจากอีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกไปแล้ว ราฟาแอลปาดน้ำตาออกจากแก้มของหล่อน มองดูดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ช้อนมองขึ้นมาอย่างขอความเมตตา
“ทำไมคุณถึงทิ้งฉันไปอยู่กับแม่สาวผมแดงคนนั้น?”
ราฟาแอลยิ้มให้หล่อนด้วยความเอ็นดู แต่ก็แฝงความอ่อนอกอ่อนใจ “คุณโมโหผมตอนไปจูบกับผู้หญิงคนอื่น มีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น? แต่สำหรับคลาวเดีย หล่อนไม่เคยโกรธผม ไม่เคยเลย...”
แคลร์อ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายพูดเรื่องจริง “บ้าน่า.. หล่อนทนเข้าไปได้ยังไง หล่อนไม่ได้ชอบคุณจริงๆ ?”
“ผมเชื่อว่าหล่อนชอบผม และเข้าใจผมพอๆ กับที่ชอบผม นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมจึงไปอยู่กับหล่อน”
ความเงียบบังเกิดขึ้นชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนที่เสียงฉาดจะดังขึ้น เมื่อราฟาแอลถูกตบจนเซถอยหลังไปหน่อยหนึ่ง บนใบหน้าบังเกิดรอยฝ่ามือสีแดงปื้นใหญ่ ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ตั้งตัวดี มือขาวผ่องก็พุ่งตรงเข้ามาและกระชากคอเสื้อเขาขึ้น ก่อนที่ริมฝีปากอวบจะประกบแน่นเข้ามา ราฟาแอลส่งเสียงแปลกๆ ในคอ และกอดร่างอ้อนแอ้นนั้นเข้าไว้กับตัว
“ให้ตายสิ คุณนี่ดุเดือดเลือดร้อนไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ” หนุ่มเจ้าพึมพำ ยกมือขึ้นลูบแก้มซ้ายที่เป็นปื้นแดง อย่างน้อยถูกตบก็น่าจะดีกว่าโดนมีดจ้วง ได้ยินเจ้าหล่อนแค่นเสียงดังเฮอะ
“คนอย่างคุณมันสมควรโดนเสียบ้าง”
แคลร์มองดูใบหน้าคมที่หล่อนเพิ่งประเคนฝ่ามือใส่ ก่อนจะถอนหายใจเฮือก และยกมือขึ้นหยิกแก้มอีกข้างของเขาเบาๆ
“นี่ถือเป็นโชคดีของคุณ หรือว่าความซวยของฉันกันแน่นะ ท่าทางงานนี้ฉันคงจะต้องถอนตัว”
ถ้าแก้มของราฟาแอลยืดได้เหมือนยาง มันคงต้องดีดใส่หน้าเขาอย่างแรงตอนที่หล่อนปล่อยมือแน่ ชายหนุ่มแน่ใจว่าอีกฝ่ายยังคงขุ่นเคืองเขาอยู่ไม่น้อยทีเดียว แคลร์ใช้เท้าเขี่ยมีดและเตะมันขึ้นมาก่อนจะคว้าเอาไว้อย่างชำนาญ ก่อนจะปล่อยมันเลื่อนหลุดเข้าไปในแขนเสื้อซึ่งราฟาแอลเพิ่งสังเกตเห็นว่ายังมีมีดแบบนั้นอีกสองเล่มอยู่ภายใต้แขนเสื้อสีขาวนั้น เขากลืนน้ำลายเฮือก ขณะที่หญิงสาวยักไหล่
“คุณอยากได้เป็นที่ระลึกสักเล่มไหมล่ะ?”
“ถ้าหากคุณไม่ปักมันลงบนตัวผมแทนที่จะยื่นให้ผมก็ยินดีนะ” ราฟาแอลกล่าว อีกฝ่ายแค่นยิ้ม ก่อนที่ในมือจะปรากฏมีดอีกเล่มหนึ่งซึ่งสั้นกว่าเล่มที่เธอใช้ไล่แทงเขา ราฟาแอลจำต้องกลืนน้ำลายอีกรอบ ถ้าเรื่องชักมีดแล้ว ดูท่าเธอคนนี้จะทำได้เร็วกว่ารูฟัสเสียอีก
“โอเค ฉันจะไม่ปักลงบนตัวคุณก็ได้” หล่อนว่า และสบัดข้อมือ มีดสีเงินนั้นพุ่งตรงไปยังบริเวณพื้นที่ปืนของเขาตกอยู่ ปักลงไปบนโกร่งปืนและฝังเข้าไปในพื้นที่สร้างจากพีวีซีสังเคราะห์ที่คงจะแข็งน้อยกว่าหินแกรนิตไม่มาก ราฟาแอลฝืนยิ้มให้หล่อน
“ขอบใจ”
“ไม่เป็นไร” แคลร์ตอบ และตบแก้มอีกข้างหนึ่งของชายหนุ่มเบาๆ ก่อนจะเดินผ่านออกไปที่ประตู
“หวังว่างานของฉันคราวหน้าคงจะไม่ต้องเจอคุณอีก อ้อ...เพื่อนคู่หูตาสองสีของคุณน่ะ ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่ถ้าคุณติดต่อเขาได้ บอกให้เขารีบๆ หน่อยก็ดี ฉันคงจะเดินอ้อยอิ่งอยู่แถวนี้ไม่นานนักหรอก” หล่อนว่าและเปิดประตูจากไป ราฟาแอลถอนหายใจเฮือก ดึงตัวเก็บข้อมูลที่กระพริบไฟสัญญาณอยู่ได้สักพักออกมา เดินไปถอนมีดออกและเก็บปืนขึ้น เขาสอดมีดเล่มนั้นเอาไว้ตรงช่องข้างรองเท้า ก่อนจะกรอกเสียงหารัสเลอร์
“ติดต่อเจ้ารูฟัส บอกมันว่าให้เร่งมือหน่อย”
-------------------------------------
รูฟัสถึงกับยกมือขึ้นเกาศีรษะ หลังจากฟังรัสเลอร์เล่าเรื่อง เขาส่งเสียงงึมงำในลำคอราวกับกำลังสาปแช่งเพื่อนร่วมงานผมสีบลอนด์ของเขาอยู่ ดูเหมือนรูฟัสจะไม่อยู่ในสถานการที่สะดวกพอจะพูดอะไรได้มากนัก เขากำลังเดินตามหลัง ลู่ชาง ผ่านห้องทรงห้าเหลี่ยมที่เปิดเชื่อมเข้าหากันเป็นทางเดินยาว เพื่อไปยังห้องที่ใช้เก็บ เทพเจ้า
หลังจากเดินผ่านไปห้าห้องซึ่งแต่ละห้องแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยยกเว้นตัวเลขที่ถูกสลักเอาไว้ด้านบนประตู ที่มีทั้งA1 B6 N12 นี่คงเป็นห้องชุดที่ฟ่งเคยอธิบายให้เขาฟัง ห้องกลไกที่เป็นเหมือนสลักตู้เซฟ พนักงานกลุ่มหนึ่งกำลังเข็นรถเข็นเหล็กที่มีกล่องโลหะสีเงินขนาดราวๆ หนึ่งฟุตครึ่งคูณสองฟุตออกมา หนึ่งในคนที่เดินนำขบวนเอ่ยทักนักวิจัยเฒ่าอย่างแปลกใจ
“ศาสตราจารย์ลู่ คุณลงมาที่นี่ทำไม?”
“ผมลงมาดูเทพเจ้าของผม” เขาตอบ ชายคนดังกล่าวมองเขา ก่อนจะเลยมายังรูฟัสด้วยสายตาฉงนสนเท่ห์
“ด้านหลังคุณ....”
“ศาสตราจารย์โคบายาชอฟ คุณอาจจะไม่ค่อยคุ้นหน้าเขา ปกติเขาค่อนข้างจะเก็บตัว” ลู่ชางตอบเหมือนกับพูดเรื่องจริง ชายคนดังกล่าวมองหน้ารูฟัสอยู่พักหนึ่ง หนุ่มตาสองสีจึงตัดสินใจพูดอะไรบางอย่าง
“Кто он? “ เขาหันไปเอ่ยกับชายชรา ลู่ชางยิ้มออกมา วินาทีนั้นรูฟัสรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก แต่ก็แค่ครู่หนึ่ง เมื่อลู่ชางเอ่ยตอบเขาอย่างรู้จังหวะ
“เขาเป็นคนดูแลที่นี่ ส่วนนี้ คุณที่เก็บตัวคงไม่เคยเห็นเขาหรอก” กล่าวจบก็หันไปคุยกับชายคนดังกล่าวอีกครั้ง
“ขอโทษเถอะพ่อหนุ่ม ศาสตราจารย์โคบายาชอฟค่อนข้างจะไม่ถนัดพูดภาษาอังกฤษ ถ้าเธอไม่รังเกียจให้ฉันเป็นล่ามให้ก็ได้”
คนถูกถามสั่นศีรษะทันที ก่อนจะพูดตอบ “ไม่เป็นไร คุณจะลงไปก็รีบๆ เถอะ อีกสิบห้านาทีคุณทวีศักดิ์จะเปลี่ยนรหัสใหม่ ผมไม่แน่ใจว่าคุณจะออกมาได้สะดวกหลังจากช่วงเวลานั้น”
“ขอบใจ พ่อหนุ่ม” ลู่ชางเอ่ยพร้อมหัวเราะหึๆ ในลำคอ พารูฟัสเดินตรงเข้าไปตามห้องทรงสี่เหลี่ยมหน้าแคบที่ต่อเชื่อมกันอยู่
-------------------------------------
“ท่าทางเจ้ารูฟัสคงจะไม่ค่อยสะดวกจะพูดเท่าไหร่ ไม่งั้นคงด่าฉันยับไปแล้ว” ราฟาแอลพึมพำขณะเดินออกมาจากห้องข้อมูล รัสเลอร์ถือโอกาสเอ่ยถามข้อสงสัยทันที
“ผู้หญิงที่ชื่อแคลร์นี่เป็นใคร?”
“แฟนเก่าฉัน อืม...เออ หล่อนเป็นลูกศิษย์เพื่อนฉันอีกที”
“นายไม่ละเว้นกระทั้งลูกศิษย์เพื่อนเชียวรึ?” หนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มถามด้วยน้ำเสียงตำหนิ ราฟาแอลพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “ลูกศิษย์ฟลอร่า ไม่ใช่ลูกศิษย์ฉันเสียหน่อย แล้วเธอก็ถูกสเป๊กฉัน”
“ฉันว่านายนี่โคตรจะหน้าด้านเลยล่ะ ราฟี่” รัสเลอร์ว่า และรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ ราฟาแอลหัวเราะชอบใจ
“อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ โอ้...ตายห่ะ!!” หนุ่มผมสีบลอนด์อุทานขึ้นเบาๆ ก่อนจะกรอกเสียงเร็วปรื๋อ
“ท่าทางแม่แคลร์สุดที่รักของฉันจะไม่ค่อยได้เดินอ้อยอิ่งเท่าไหร่ รัสเลอร์เตรียมพร้อมเอาไว้เลยนะ ทางนี้รู้แล้วล่ะว่ามีคนแปลกปลอมเข้ามา” พูดจบก็กวาดสายตามองชายฉกรรจ์ในชุดสีขาวรัดกุมราวห้าหกคนเดินตรงเข้ามาพร้อมปืนพกสั้นขนาดเก้ามม. ที่หันปากกระบอกปืนมายังเขาอย่างพร้อมเพรียง
“Freez and put it down!” หนึ่งในนั้นที่ยืนอยู่แถวหน้าออกคำสั่ง ราฟาแอลเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ก่อนจะมองวัตถุสีเงินในมือขวาของเขา
“You mean this?” เขาว่า และพยักหน้าเออออกับตัวเอง ท่ามกลางกระบอกปืนหกกระบอกที่ยังเล็งอยู่
“Well…..I really love to give it to you, guys!” พูดจบก็โยนวัตถุสีเงินที่ว่าขึ้นบนอากาศ เสี้ยววินาทีที่สายตาทุกคู่กำลังมองไปยังวัตถุสิ่งนั้นอย่างงุนงง ในมือของราฟาแอลก็ปรากฏปืนออโตแมติกสีดำที่เคยโยนทิ้งไปก่อนหน้านี้ ด้วยความช่วยเหลือของเครื่องเก็บเสียง มีเพียงเสียงแหวกอากาศพดังปิ๋ว ก่อนที่ลูกตะกั่วจะเจาะทะลวงเข้ากลางวัตถุสีเงินนั้นอย่างแม่นยำ กลุ่มวันสีขาวขนาดมหึมาพวยพุ่งออกมา ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ สร้างความโกลาหลให้เกิดขึ้น ก่อนจะได้ยินเสียงสั่งการ
“นี่เป็นระเบิดควัน ตามมันไป อย่าให้มันหนีไปได้!!”
ราฟาแอลไม่ค่อยจะเข้าใจภาษาไทยนัก แต่เขาแน่ใจว่าคนพวกนั้นคงไม่พูดว่าปล่อยไปแน่ๆ ดังนั้น ท่ามกลางกลุ่มวันที่ฟุ้งตลบ แทนที่เขาจะวิ่งหนีไปตามทางเดินที่อยู่ติดกัน ชายหนุ่มเลือกที่จะกระโดดลงไปยังระเบียงที่อยู่เยื้องไปอีกข้าง และวิ่งตรงไปยังทางเดินระเบียงที่ทอดตัววกวนตามสภาพผนังตึกและเลี้ยวหลบระเบียงอื่นๆ ที่พาดตัดเข้ามา เสียงออกคำสั่งยังคงดังต่อเนื่อง
“สกัดมันเอาไว้ อย่าให้มันขึ้นไปที่ห้องใหญ่!!”
---------------------------------------------
ฟังจากเสียงเอะอะเอ็ดตะโรที่ดังเข้ามา รัสเลอร์ก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับราฟาแอลกันแน่ เขาแน่ใจว่าเจ้าหมอนั่นสามารถเอาตัวรอดได้ทุกอย่างถ้าคู่ต่อสู้เป็นผู้ชาย ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ผู้หญิงที่ชื่อแคลร์คนนั้นอาจจะบอกแค่เรื่องของราฟาแอล เธออาจจะรู้ว่ารูฟัสมาด้วย แต่คงไม่รู้ว่าราฟาแอลมีเพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่ง อย่างไรก็ดีการไม่ประมาทถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการทำงานแบบนี้ ดังนั้นรัสเลอร์จึงต้องเช็คความเคลื่อนไหวของทุกจุดจากกล้องวงจรปิด และการดักฟังสัญญาณสื่อสารอื่นๆ ภายในห้อง เขาพบว่ายังไม่มีการสั่งการกระจายไปในวงกว้าง ผู้สั่งการคงตั้งใจจะเก็บราฟาแอลให้เร็วที่สุดและเงียบที่สุด ซึ่งยังคงเป็นผลดีต่อการทำงานของเขา แต่ถึงอย่างนั้นกลับมีจุดหนึ่งที่ทำให้รัสเลอร์ถึงกับเกือบจะครางออกมา
ฟ่งเพิ่งคุยกับกลุ่มคนบางกลุ่มที่ไม่ใช่ทั้งพวกทวีศักดิ์และพนักงาน ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มแขกที่มาร่วมงานนี้ เขาคลาดสายตาจากการจับตามองฟ่งไปพักใหญ่ เพื่อจัดการเรื่องให้ราฟาแอลและรูฟัส ตอนนี้เขาพบว่าหนุ่มสวมแว่นคนนี้ลึกลับมากกว่าที่เขาคาดเอาไว้ ฟ่งคุยอะไรกับคนพวกนั้น และวางแผนอะไรไว้กันแน่ รัสเลอร์ทั้งอยากรู้และไม่อยากรับรู้ เขาภาวนาว่าไม่ว่าฟ่งจะวางแผนอะไร ขอให้แผนนั้นล้มเหลว ทำให้หนุ่มสวมแว่นถอนตัวออกไปจากงานนี้ก่อนที่ทุกอย่างจะดำเนินไปถึงจุดที่ไม่อาจจะหยุดยั้งอะไรได้อีก จู่ๆ รัสเลอร์ก็นึกถึงสปีคโฟนที่ทวีศักดิ์ใช้ติดต่อสื่อสารกับฟ่ง เขาอาจจะติดต่อกับฟ่งได้จากหนทางนั้น แต่มันจะเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ในเมื่อเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าฟ่งอยู่ฝ่ายไหนกันแน่ รัสเลอร์โคลงศีรษะไปมาอีกครั้ง เขาควรจะทำอะไรในสถานการณ์แบบนี้
--------------------------------------------
ฟ่งคิดไม่ถึงว่าเขาจะได้มาเจอเว่ยเฟิงปิงในสถานที่และสถานการแบบนี้ และยิ่งไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาบอกพวกเฟิงปิงไปนั่นสมควรหรือเปล่า อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคิดถึงสิ่งที่ทำลงไปแล้วให้ยุ่งยากใจ พวกเฟิงปิงออกไปงานประชุมแล้ว และตอนนี้ก็ไม่มีใครจับตาดูเขา ดูเหมือนวรุตจะวุ่นอยู่กับการต้อนรับแขกเหรื่อ และอิทธิเดชเองก็คงดูแลวรุตอยู่ เป็นโอกาสดีที่สุดที่เขาจะหลบออกไปทำตามแผนที่เขาวางเอาไว้
รูฟัส....
--------------------------------------------
**ตอนนี้มีประโยคอู้หู อ้าหาของอีตาราฟาแอลด้วยล่ะค่ะ ฮ่าๆๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะพูด (และคิด)ออกมาได้นะเนี่ยยย
ราฟี่นี่เป็นตัวละครชายแท้ที่มีความหลังหลายอย่างกับรูฟัสซะจริงๆ อันที่จริงแล้วสองคนนี้สนิทกันม๊ากมากนะคะเนี่ยยย (มีตอนพิเศษที่ว่าด้วยการเจอกันครั้งแรกของสองคนนี้ด้วยล่ะ)
