กระต่ายยักษ์กับจักรวาลอันอบอุ่น♥
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ตัวละครที่คุณรักที่สุดในเรื่อง

ตุลย์
ปอนด์
เลือกไม่ถูกว่าชอบใครมากกว่ากัน เหมามันทั้งสองเลยละกัน

ผู้เขียน หัวข้อ: กระต่ายยักษ์กับจักรวาลอันอบอุ่น♥  (อ่าน 979236 ครั้ง)

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
ด่าตุลย์ทำไม? สะใจอย่างบอกไม่ถูก ปอนด์อ่ะเหมืนคนคิดไม่เป็น

บางทีเรื่องนี้จะทำให้ได้สำนึก

ขอให้กลับมารักกันไวๆนะ  :L2:

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
อุตส่าห์รักกันแล้วแท้ ๆ ต้องมาผิดใจกันอีก

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew2:  ไม่นึกว่าตุลย์จะเป็นฝ่ายหนีหน้าแบบนี้อะ
ติดต่อไมไ่ด้คืออะไร ไม่ต้องการคำอธิบายจากคนรักเหรอ มันปวดใจกันทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เหรอ

ไม่คิดว่าจะปล่อยให้คาใจแบบนี้ได้เลย นอกจากตุลย์จะมีแผนการอยู่แล้วรวมทั้งดอกกุหลาบนี่ด้วย

ออฟไลน์ tulakom5644

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
อย่าโหดร้ายกับคนอ่านเลยนะค้าาาาาาา  กลับมาคืนดีกันเร็วๆ นะตุลย์ กะ ปอนด์  :hao5:

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
เกิดอะไรขึ้นอ่ะ เจ็บปวดไปกับปอนด์

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
มาต่อก้ยังอึดอัดเหมือนเดิม
แต่ปอนก้ควรโดนบ้างอะนะ ทำตุลย์ไว้เยอะ 55555

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ sapphire winnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เหยยยยยยยยยย งานดราม่าต้องมาาาาาาา
เดี๋ยวก็ดีๆ ลุ้นๆๆๆๆๆ โถปอนด์ T.,T

ออฟไลน์ MoMoRin

  • I am Fujoshi! (・∀≦)ゞ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
เอิ้อวววววววววววว ยังไงกันอีกล่ะเนี่ย  :mew2:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
ตอนที่ 57   (คิดชื่อตอนไม่ออกน่ะ ช่วยคิดให้ด้วย 55+)

   -ปอนด์-

   พนันกันไหม? 100 เอาบาทเดียวว่าไอ้ตุลย์ทำไปเพราะอยากประชด เพราะมันรู้น่ะสิว่าผมต้องเดือดแน่ถ้ามันเกิดหันไปจี๋จ๋ากับยัยแจ๋มนั่น (ความโมโหทำให้ผมเปลี่ยนชื่อเธออีกแล้ว) แน่นอนว่าผมต้องเดือดจริงๆนั่นแหละ ก็รู้อยู่หรอกว่าผิด แต่ทำไมถึงไม่ยอมฟังผมอธิบายก่อน ทำไมมันต้องลากมือที่สามเข้ามาให้วุ่นวายด้วย คิดแล้วมันก็น่าโมโห

   แล้วทีนี้ผมควรทำยังไงดีล่ะ จะง้อทั้งๆ ที่ตัวเองก็ฉุนเนี่ยนะ เข้าท่าตายเลย ผมว่าแค่อ้าปากจะคุยคงทะเลาะกันหนักกว่าเดิมอีกล่ะไม่ว่า ดังนั้นผมจึงเมินภาพที่คนใต้คณะจับตามองอย่างสนใจนั่นแล้วรีบหนีขึ้นตึกเรียนไปโดยไว เอาเป็นว่าขอดูสถานการณ์ไปอีกสักวันสองวันแล้วกันค่อยว่ากันใหม่ คอยดูซิว่ามันจะมาไม้ไหน


   เออ!! ให้มันได้อย่างนี้สิ เรื่องที่ไอ้ตุลย์หิ้วกุหลาบ 99 ดอกมาให้ยัยแจ๊มป์นี่ดังเป็นพลุแตก  เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็รู้กันอยู่มันปกติแล้วมันไม่จีบผู้หญิง แล้วอยู่ดีๆ ผีเข้าขึ้นมาแบบนี้เลยกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวไปแล้ว (ที่จริงกุหลาบช่อปานกลางมันจะถึง99ดอกได้ที่ไหน ข่าวลือนี่มันไปไวและมั่วจริงๆ)

   ผมนึกถึงสมัยที่เรียนปีหนึ่งใหม่ๆ ขึ้นมาเลย ขนาดว่าผมไม่สนใจเรื่องชาวบ้านเท่าไร แต่วีรกรรมของมันนี่เข้าหูผมเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ แต่หลังๆ มาไม่ค่อยมีแล้วคงเพราะมันทำท่าเหมือนไม่สนใจชาวบ้านชาวเมืองเขา ประกอบกับปากอันจัดว่าหมาและหน้าตาบอกบุญไม่รับจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้นั่น เลยไม่ค่อยมีคนกล้ายุ่ง แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างกะหน้ามือเป็นหลังมือ

   สถานการณ์ล่าสุดในสองวันต่อมา ตุลย์ยังคงไม่อยู่บ้าน... และไม่รับสายผมเหมือนเดิม มีเพิ่มเติมขึ้นมาอีกคือมีข่าวซุบซิบกันว่า
 ตุลย์ชอบยัยแจ๊มป์ (และจีบผู้หญิงเป็น)

ไอ้ตุลย์กำลังอกหักเพราะยัยแจ๊มป์ไม่เล่นด้วย (ข้อนี้ผมล่ะตกใจ เมื่อก่อนเห็นชีออกตามตื๊อมันจะตาย แต่ทำไมคราวนี้ไม่ตอบตกลง)
ผลที่ตามมาคือ

   -เพราะสองข้อแรกเลยทำให้มันได้รับคะแนนสงสาร+คะแนนนิยมเพิ่มจากสาวๆ อีกมากมาย
   -เพราะสามข้อข้างบนทำให้เวลามันไปไหนทำอะไรกลายเป็นที่สนใจ อือฮาเหมือนมีดารามาเรียนที่ม.
   

   สรุปเหตุการณ์ตอนนี้  ผมเจอมันที่คณะทุกวันเลย แต่ผมไม่กล้าเข้าไปคุย เพราะเวลาจะเข้าไปหาทีไรมันจะมีคนอยู่รอบๆ เยอะแยะทุกที (ซึ่งคนรอบข้างจะตั้งใจสาระแนเรื่องมันทุกเรื่องแม้แต่เรื่องเล็กเช่นว่ามันจะปวดหนักปวดเบาวันละกี่ครั้ง) แล้วคุณลองจินตนาการสิว่าถ้าผมเดินดุ่มๆ เข้าไปหามัน แล้วถ้ามันทำเป็นไม่รู้จักผม หรือไล่ผมไปไกลๆ ท่ามกลางผู้คนมากมายขึ้นมาแล้วผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ หน้าแหกหมอไม่รับเย็บแน่ๆ ครับ ขอทำใจแป๊บ

   แต่ถึงกระนั้น.. เนื่องด้วยว่ามันไม่รับโทรศัพท์และไม่อยู่บ้าน... ผมไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากหาโอกาสคุยกับมันที่มหาวิทยาลัย ผมตัดสินใจลองโทรหามันอีกครั้งตอนมื้อกลางวันของวันพุธ ระหว่างที่มันกำลังยัด...เอ๊ย กินข้าวอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใต้คณะพร้อมๆ กับเพื่อนฝูงของมัน ที่จริงผมไม่คิดว่ามันจะรับสายหรอกเพราะมันไม่รับสายมาหลายวันแล้ว แต่แค่อยากรู้ปฏิกิริยาตอนเห็นชื่อผมในโทรศัพท์บ้างเท่านั้นเอง

   แต่เหลือเชื่อครับที่คราวนี้มันเกิดรับสายขึ้นมา...

   “ว่าไง” เสียงของมันที่รู้สึกเหมือนไม่ได้ยินมาหลายต่อหลายวันทำให้ผมใจเต้นแรง... เนื่องด้วยไม่คิดว่ามันจะรับสาย ผมนึกอะไรจะพูดไม่ออก ความเงียบทำให้มันทำเสียงไม่พอใจกลับมาว่า

   “ถ้าไม่พูดอะไร จะวางแล้วนะ”

   “เดี๋ยวก่อน....ตุลย์.....กูมีเรื่องจะพูดด้วย...”

   “กูอยู่ใต้คณะ ให้เวลา5นาที รีบมานะ กำลังจะอิ่ม....”

   
   สองนาที...หลังวางสาย... ผมมาถึงโต๊ะมันพอดี โชคยังดีที่ผมยืนอยู่ไม่ไกลนัก...
   มันเหลือบตามองผมอย่างประหลาดใจ คงไม่คิดว่าจะมาไวขนาดนั้น....

   “นั่งดิ ยืนค้ำหัวทำไมล่ะ” กวนตีนนะ... ผมว่า แต่ก็ยังดีกว่าหนีหน้าไปอย่างที่ผ่านมาอยู่ดี
   ผมนั่งลงตรงข้ามกับมันมีหันไปส่งรอยยิ้มให้คนอื่นๆ ที่ทำท่าจะลุกขึ้นพอดี

   “จะรีบไปไหนกันล่ะ อีกตั้งนานกว่าจะบ่ายโมง” ตุลย์เอ่ยถามเดฟที่ขยับตัวลุกขึ้น

   “กูจะไปห้องน้ำ” เสียงเดฟบอก

   “เออ กูก็ปวดพอดี งั้นกูไปด้วย” ทีนี้มันลุกขึ้น

   “เฮ้ย....ไม่ได้ มึงอยู่นี่ก่อนดิวะ” เดฟร้องแล้วหันมาดันไหล่ให้มันนั่งลง ส่วนผมก็หน้าเสีย เพิ่งจะได้เผชิญหน้ากันแป๊บเดียวก็จะหนีอีกแล้วหรือไง

   มันนั่งลงแม้หน้าบอกว่าไม่เต็มใจ ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ เริ่มลุกขึ้นเพื่อปล่อยให้มันคุยกับผม แล้วมันก็หันมาหาอย่างเสียไม่ได้

   “ว่าไง... มีอะไรจะพูดเหรอ?” เสียงมันยังตึงๆ อยู่เลยผมรู้สึกได้

   “มึง...หายไปไหนมาตั้งหลายวัน”

   “กลับบ้าน”

   “แล้วทำไมกูโทรไปไม่รับสายวะ”

   “ไม่อยากรับ ไม่อยากคุย” ตรงเกินไปหรือเปล่าเนี่ย.... คำตอบกวนซะจนไม่อยากคุยต่อเลยตอนนี้

   “ธุระมีแค่นี้ใช่ไหม?” คำถามของมันทำเอาผมใจแป้ว เพราะที่ผ่านมาผมว่าตุลย์เป็นคนที่งอนง่าย แต่ก็หายเร็วพอสมควร นั่นเป็นวิสัยของผู้ชายปกติที่มักงอนง้อแฟนตัวเองเมื่อยามแรกรัก แต่หากเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งผู้ชายจะเป็นฝ่ายเฉยชาจนอีกฝ่ายต้องง้อเสียเอง

   “ไปคุยกันที่อื่นดีไหม” ผมทำเสียงอ่อน เพราะตรงนี้นี่จุดรวมคนมากจนผมรู้สึกไม่อยากคุยเรื่องส่วนตัวในที่แบบนี้

   “พูดเลย ตรงนี้แหละ... ใครอยากเสือกก็ปล่อยให้เสือกไป” 

   ทำไมไม่รู้รู้สึกกลัวมันจัง ด้วยอารมณ์ขนาดนี้ถ้าตัวเองพูดอะไรไม่ถูกใจมันขึ้นมาแม้แต่คำเดียวมันต้องอาละวาดแน่เลย

“......หรือถ้าหน้าบางมากก็ไม่ต้องคุยก็ได้” โธ่..... อีกแล้วเหรอ

คราวนี้ผมรีบไถตูดขยับไปยังม้านั่งข้างๆ โดยไว แล้วคว้าแขนมันก่อนที่มันจะทันได้ลุกขึ้น






“กู....เฮ่อ” มันหันมามองผมนิ่ง สายตานี่คมกริบเหมือนใบมีด

“กู... กูขอโทษ” คงไม่มีคำไหนควรพูดมากไปกว่านี้แล้วล่ะ

“เรื่องอะไร”

“ก็ทุกเรื่องแหละ”

“เรื่องอะไรบ้างล่ะ พูดสิ กูจะได้รู้ว่าควรยกโทษให้กับเรื่องไหนบ้าง”

ซื้ดดดดดด คือมันกำลังจะบอกเป็นนัยว่ามันโกรธอยู่หลายเรื่องเลยใช่ไหมเนี่ย

“คือ... เรื่องวันลอยกระทง มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด  คือไอ้น้องคนนั้นน่ะมันไปชอบไอ้โต้ง แต่ไอ้โต้งมันไม่ชอบน้องแล้วมันก็อยากให้น้องเค้าตัดใจได้ไวๆ มันก็เลยโกหกไปว่ากำลังคบกับกูอยู่....”

“อือ... มึงแต่งเรื่องพอใช้ได้ แต่วิธีเล่ายังไม่ค่อยดีนะ ฟังแล้วง่วงๆ มึงน่าจะใส่รายละเอียดอย่างเช่น น้องมันเกิดไปเห็นตอนมึงกะไอ้เหี้ยนั่นเอากันอยู่ มันเลยเข้าใจผิดอะไรอย่างงั้น” มันทำเสียงเนือยๆ แต่ประโยคที่พูดนี่แรงจนผมพูดไม่ออก

“กูกับมันเป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆ ไม่มีอะไรในกอไผ่เลยนะเว้ย....”

“มึงจะบอกกูว่า มึงกับมันไม่มีเหี้ยอะไรทั้งนั้น แล้วเด็กนั่นเข้าใจผิดไปเองเหรอ เออน่าเชื่อถือ ถ้างั้นมึงบอกกูหน่อยได้ไหมว่า วันนั้นรู้ทั้งรู้ว่ากูรอมึงกินข้าว มึงยังจะไปหามันทำไม”

ผมจะบอกมันดีไหมว่าผมทำคลิปนั่นหลุด....ผมแค่อยากได้คืนไวๆ ผมว่าบอกหรือไม่บอกก็คงไม่ต่างกันมั้ง

“.................”

“แล้วต่อให้มึงกะมันไม่มีอะไรเลย แต่ตอนมันโกหก มึงก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธสักคำนึงเลยหรือไง”

ผมบอกไม่ได้ใช่ไหมว่าตอนนั้นผมพูดอะไรไม่ได้...เพราะโดนคลิปนั่นอุดปากอยู่...

“เงียบทำไมล่ะ....”

“กูเสียใจ”

“มึงมีแค่นั้นใช่ไหมที่จะพูด อาทิตย์นึงที่ผ่านมามึงพูดได้แค่มึงเสียใจใช่ไหม?!!!” มันยืนขึ้นสองมือตบโต๊ะหินอ่อน แล้วตะคอกซะดังจนคนหันมาดูกันหมด ผมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้.... เมื่อสิ่งที่คิดไว้ถูกต้องว่าแล้วว่ามันต้องเป็นอย่างนี้

   “เบาๆ ดิวะ... จะแหกปากทำไม” ผมปรามพร้อมหันไปมองรอบข้างแบบอับอายคนอื่นเค้า ทีนี้มันเลยชิงลุกขึ้นเดินหนีไปซะอย่างนั้น
   ผมอยากชี้แจงให้ทุกท่านทราบว่า นี่ไม่ละครภารตะที่จะมาร้องเพลงวิ่งไล่กัน แต่ตอนนี้ผมสาวเท้าจนเหนื่อยกว่าจะเดินตามไอ้ตุลย์ทันเมื่อมันเดินลิ่วออกจากคณะและเดาว่ามันโดดวิชาคาบบ่ายเพราะมันหยุดฝีเท้าลงที่เคเอชอาร์ของมัน

   “เดี๋ยวสิวะ คุยกันก่อน” ผมคว้าแขนมันไว้แล้วกุมด้วยสองมือ ส่งสายตาอ้อนวอนอีกครั้ง...

   มันยอมหันมามอง... มองด้วยสายตาที่บอกว่ามันโคตรๆ เสียใจ

   “กูจะไม่พูดคำว่าอุตส่าห์ แต่มึงรู้ดีแก่ใจว่ากูพยายามมากแค่ไหนเพื่อจะได้คบกับมึง  กูพยายามทำความเข้าใจว่าเรื่องของเรามันไม่จะเป็นต้องบอกคนอื่น แต่ถ้ากูยังต้องรอตั้งปีนึงให้มึงพร้อม... มึงกล้าดียังไงให้คนอื่นมาใช้คำนั้นได้!!!”

ตายห่า... ทำไมมันช่างคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพรรค์นั้นได้ ไอ้ที่กระซวกไส้เปิดซิงผมทั้งๆ ที่ยังไม่ได้คบไม่เอามานับบ้างหรือไง...

   “แล้วมึงจะให้กูทำยังไงล่ะ”

   “กูบอกวิธีที่ง่ายที่สุดตอนนี้ให้นะ ลากคอไอ้คนที่มันแอบอ้างเอาตำแหน่งที่เป็นของกูไปใช้มาให้กูกระทืบสักทีสองที บางทีกูอาจจะรู้สึกดีขึ้นก็ได้”

   “มึงมีเหตุผลหน่อยสิวะ”

   “ก็ไม่มีมาตั้งนานแล้วนี่ เพิ่งรู้หรือไง”

   “ตุลย์ ถ้ามึงคันตีนมากอยากเตะใครสักคนนะ มึงจะเตะกูก็ได้”

   “อย่าเรียกร้องให้กูทำเลย ถ้ากูทำขึ้นมาจริง ไม่รู้มึงจะต้องไปนอนโรงพยาบาลสักกี่วัน”

   “แล้วมึงจะหายโกรธไหมล่ะ?”

   “ไม่รู้ เพราะกูจะไม่ทำ ....” ถือว่าเป็นโชคดีหรือเปล่าที่มันตัดสินใจอย่างนั้น.... “เรื่องเดียวหรือไงที่จะขอโทษ”

   จริงสิ...ไม่ได้โกรธเรื่องเดียวสินะ... ถ้างั้นอีกเรื่องก็คงจะเป็นเรื่องเคลียร์

   “กูเสียใจแต่ ก็แค่เพื่อนกอดเพื่อนอ่ะ...”

   “เหรอ เมื่อก่อนมึงบอกมันเป็นสุดที่รักมึง”

   “แต่ตอนนี้กูไม่ได้คิดอะไรแล้วนะ”

   “อือ...ไม่คิดไม่ผิด.... งั้นมึงจะบอกว่าการที่มึงไปกอดคนอื่นง่ายๆ แบบนั้นไม่ใช่เรื่องผิดใช่ไหม ทั้งๆ ที่กูเคยเตือนมึงไปแล้วตั้งกี่ครั้งไม่ให้ทำแบบนั้น หรือการหาเศษหาเลยเล็กน้อยมันเป็นเรื่องปกติของผู้ชายเค้าทำกันอยู่แล้วกูจะได้ทำบ้าง ดีเหมือนกัน กูจะได้ไม่ต้องขอโทษเรื่องแจ๊มป์ เพราะกูก็ไม่ได้คิดอะไรกับเค้าเหมือนกัน แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้ามึงยังทำตัวแบบเดิมอยู่อีก ต่อไปอาจจะไม่จบแค่ดอกกุหลาบก็ได้ แล้วมึงก็ไม่มีสิทธิ์จะมาโวยวายด้วย”

   เยี่ยม!! จบท้ายด้วยการขู่ นั่นหมายความว่า ถ้ามันยังไม่หายเคืองเรื่องทั้งหมด หรือถ้าผมยังทำตัวนอกลู่นอกทางอยู่อีก ไอ้ตุลย์คงหันไปซบอกชะนีแน่นอน    

   เครียด.... คุยกันก็เหมือนไม่ได้คุย เหมือนถูกผู้พิพากษาเรียกตัวจำเลยไปรับทราบขอกล่าวหาอย่างไรอย่างนั้น และไม่รู้เลยว่าจะให้แก้ปัญหายังไง ถ้าแค่ขอโทษแล้วไม่หายจะให้ทำอะไรอีกล่ะถึงจะพอใจ หรือตอนนี้ทำได้แค่รอเวลา รอให้มันแก้แค้นให้สาสมแล้วอะไรจะดีขึ้นหรือเปล่า...



   ใครก็ได้ช่วยบอกทีเถอะ ว่าผมควรทำยังไงต่อไปดี....  :z3:



TBC.

คิดว่าจบตอนหน้าแต่ไม่รับปากนะว่าจะยืดอีกไหม :mew2:

 แล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะกี่วันแต่จะพยายามมาไวๆ ละกัน :mew1:

++++++++++++

ตอนนี้เหมือนจะดราม่าแต่รู้สึกว่า ชอบตุลย์ตอนหึง 55+

คือโกรธนะ แต่ถ้าทำร้ายร่างกายแล้วหายได้ปอนด์มันคงน่วม ตุลย์ก็เลยพยายามเลี่ยงที่จะไม่ทำ
เวลาโกรธกันงอนกัน แล้วแก้ปัญหาด้วยการลากไปชำเราแก้แค้นแล้วก็ดีกัน ถ้าเป็นคู่อื่น... อาจจะดีมั้ง (อีพี่โต้ง-น้องฐาก็อีหรอปนั้นประจำ)

แต่บางทีมันใช้กับปอนด์ไม่ค่อยได้ ก็ปอนด์ แม่ม เพลย์บอย เจ้าชู้จะตายไป...
แล้วต่อไปมันก็วนลูปกลับไปที่เดิมซ้ำๆๆๆๆๆ

แต่มาคราวนี้ ตุลย์คงรู้สึกว่า น้อยใจจนทนไม่ไหวแล้ว คืออยากปฏิวัติเลย อยากให้ปอนด์ รู้สึกบ้างว่าตัวเองมีค่าในสายตาคนอื่นนะ คือจริงๆ มีแต่คนชอบ แต่ตุลย์ไม่เคยมองคนอื่นเลย แต่ปอนด์น่ะเหมือนได้ของดีมากแต่ไม่เคยทะนุถนอมเลย
ตอนนี้ปอนด์ควรจะรู้ตัวได้แล้วว่า ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง ก็จะเสียตุลย์ไปแล้วนะ

ปล. ไม่ด่าตุลย์นะ ทำเพราะรักแหละล้วนๆ 55+

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ถ้าอย่างนี้ ปอนด์ต้องอ้อนตุลย์ให้มากขึ้นซินะ
แต่ที่แน่ ๆ ถ้ายอมบอกว่ารักตุลย์ และขอคบตุลย์เป็นแฟ้น
ตุลย์อาจจะหายโกรธก็ได้นะ เพราะที่โกรธเพราะมีคนเอาคำว่าแฟนไปใช้นี่นา

ออฟไลน์ ppoi

  • When nothing goes right... GO LEFT.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 720
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-12
ไม่นะ ก็อยากด่าอยู่ดีอ่ะค่ะ 555

ถามว่าให้ปอนด์รู้สึกว่าถ้าจะเสียตุลล์ไป ในทางกลับกันถ้าตุลล์จะเสียปอนด์ไป เพราะการประชดของตัวเองมั่งล่ะ

แล้วเรื่องโต้งเนี่ย ไม่ใช่เพราะคลิปเห้ๆ ที่ตุลล์อยากเก็บไว้หรอ จะว่าเป็นครั้งแรกที่ระลึกหรืออะไรก็ตาม แต่ประทับใจกะคลิปที่กึ่งบังคับได้...กะคนที่รักหรอคะ ถึงเก็บไว้อ่ะ

แล้วนี่ยังไปให้ดอกไม้ให้เป็นข่าวดังไปอีก

ไม่รู้นะ คือเป็นเรื่องของคนสองคน ต้องลากคนอื่นมาเกี่ยว?? คือไม่พูดไม่สนคือโอเคนะ แต่ลากคนอื่นมาด้วยไม่โอนะ

แล้วถ้าชะนีเอาจริง แล้วถ้ามีปัญหาทีหลังกะชะนี คือฮีก็เอาไปให้นางจริงป่ะ ต่อให้เตรียมกันไว้ก่อน (ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้)

พวกท้าเลิก ท้าประชดนะ ระวังเจอของจริงนะ ได้ประชดยาวไม่เลิกสะใจไปเลย

คิดว่า ตอนที่ปอนด์ทำให้ตุลล์เสียใจอ่ะ มันช่วยไม่ได้ป่ะ คนมันยังไม่ได้ชอบ แล้วเป็นรุกต้องมายอมอ่ะ คือต่างนะ ระหว่างทำไปไม่ได้ตั้งใจเพราะยังไม่ได้รัก กะรักนะ แต่จงใจทำให้เจ็บให้จำ ถ้าอยากให้คนที่รักเจ็บซะบ้าง ก็อย่าเรียกว่าคนที่รักเลย...

//จุดต่าง ปอนด์งี่เง่าก็มาก แย่มาก็เยอะ แต่ไม่เคยตั้งใจทำร้าย (หลังจากรักแล้ว) แต่ตุลล์ทำด้วยความตั้งใจ ไม่ว่าจะน้อยใจ หรือสั่งสอน หรืออะไรก็ตาม แต่ตั้งใจให้ปอนด์เจ็บอยู่ดี... (เชื่อว่าตัวปอนด์เองยังไม่คิดเยอะเท่าเราอ่ะ 555)

ขอโทษนะ ที่เม้นท์แรกๆ ก็มาว่าพระเอกเลย 5555 ทั้งๆที่เพิ่งบอกว่าอย่าด่าตุลล์

ก็เค้าอินอ่ะ  :o8:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-02-2015 00:01:51 โดย ppoi »

ออฟไลน์ yuuri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
มันคือการสั่งสอนอ่ะนะ ปอนด์จะได้ทำอะไรคิดถึงตุลย์บ้าง
เห็นตุลย์ง้อปอนด์มาตลอดลองง้อบ้างก็ดี
ขอโทษอย่างเดียว ไม่อธิบายให้เคลียร์ก็ยังไม่พ้นผิดหรอก
เรื่องของยาสระผมก็ยังไม่ชัดเจน
มันก็น่าน้อยใจอยู่นะ

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
สะใจอย่างบอกไม่ถูก คือแบบปอนด์งี่เง่ามานาน

ตุลย์อาจจะดูเอาแต่ใจแต่แฟร์มากในทุกๆเรื่อง

ในขณะที่ปอนด์ก็ยังคงเห็นแก่ตัว มองแต่มุมตัวเอง

เข้าใจนะว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่การจะรักกันมันต้องใส่ใจกันมากกว่านี้

สิ่งเลวร้ายที่สุดคือการโกหก ซึ่งไม่น่าให้อภัย

ใครสงสารปอนด์นักหนาขอให้ได้เจอคนแบบนี้นะ

แล้วรักเค้าให้มากๆ แล้วโดนแบบเนี๊ยะ แล้วจะได้เข้าใจ!

ปกติไม่ค่อยชอบดราม่าเลย แต่อยากอ่านดราม่าให้ดัดนิสัยเสียๆของปอนด์หนักๆ

ตอนนี้ตั้งชื่อตอนว่า... แค่เธอพูดความจริง

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
= = สงสัยตอนหน้าปอนด์ต้องมาขอตุลยืเป็นแฟน แล้วยื่นดอกกุหลาบ 99 ดอกท่ามกลางประชาชีเลยมั้ง ฮีถึงจะยอม

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
นางงอนน่ารักนะเราว่าอ่ะ
เพิ่งเคยเห็นกระต่ายงอน​ 55555

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เอาใจช่วยปอนด์นะ. อย่าเพิ่งถอดใจ
บอกไปเลยไม่ว่าเรื่องอะไร

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
ไม่ชอบวิธีกดดันแบบนี้เลย ประชดกันโดยลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวแบบตั้งใจอะ แหม่ ถ้ายัยนั่นเล่นด้วยขึ้นมาล่ะเป็นเรื่องไม่รู้จักจบ ตุลย์ก็มีเหตุสมควรให้โกรธ แต่โกรธแล้วต้องทำงี้เลยเร้ออ ไม่พูดไม่คุยอะไรเลย ก็ไม่รู้สินะ ก็แล้วแต่ปอนด์อะ จะง้อต่อหรือเลิกง้อ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ชอบเขาไง พอชอบเขาแล้วก็คงต้องง้อสินะ ปอนด์เอ๊ย สู้ ๆ สารภาพไปตรงๆเลยว่าเป็นชู้กะโต้ง เอ๊ย ไม่ใช่

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ inpurplethief

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
อ่านตอนนี้แล้วค่อยโล่งใจ มีความหวังขึ้นนะ
ตุลย์พูดชัดเจนแล้ว
ปอน์ดจงทบทวนสิ่งที่ตุลย์บอกให้เข้าใจ
แล้วหาทางแก้ไขด่วน
น่าจะมีทางออกที่ดีนะ รักกันก็แสนจะยาก จะเลิกกันง่ายๆได้ยังไงนะ สู้ๆ


ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
น่าเสียดาย  อยากรู้ว่าถ้าปอนด์ไม่ง้อขึ้นมาจะเป็นไง   การทำแบบนี้ของตุลย์ ใช้ไม่ได้ในชีวิตจริง เพราะเดิมพันสูงเกินไป 1. ถ้าปอนด์ไม่ง้อ ต้องเลิกมั้ย
2. ถ้าปอนด์ไม่ง้อ แล้วตุลย์หายโกรธเอง ปอนด์จะทำอย่างเดิมอีกมั้ย

โชคดีที่นี่เป็นแค่นิยาย ซึ่งยังไงก็แฮปปี้ ตามแต่ปลายปากกาจะลากไป

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
แหม ได้ทีเอาใหญ่เลยนะตุลย์
ไม่รู้สิ คู่รักแต่ละคู่ก็มีวิธีงอนวิธีง้อต่าง ๆ กันไป
ถ้ายังรักยังแคร์กัน ไม่ทิฐิมากนักก็คงมีใครยอมก่อนเองแหละ

ออฟไลน์ waiman

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ตุลย์งอนยาวเลย่ีนี้ปอนด์เอ้ยยยยยยจะง้ออย่างไรละตัวเธอ ร้องไห้หน้าคณะโชว์และสารภาพทุกสิ่ง555

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
*แต่งนิยายมาราธอนมากกกกกกกกกกกก ตอนนี้เป็นตอนที่ยาวสุดๆ
เพราะ คนอ่านใจร้ายไม่ยอมให้ตัดตอนลง 555+
แล้วก็อยากให้จบไวๆ เลยพยายามขืนๆ แต่งต่อไปยันตอนนี้ 
ตีสองแล้วววววว  ขอลงก่อนเลย อาจจะเจอคำผิดเยอะหน่อย ถ้าใจร้อนอาจจะอ่านก่อนแล้วแก้ให้นิด้วยก็ได้
ถ้าไม่รีบ เดี๋ยวมาดูคำผิดให้พรุ่งนี้ 55+




ตอนที่ 58 ความคิดถึงฆ่าคนได้

   -ตุลย์-

   -พฤหัสที่แล้ว-

   ผมนั่งอยู่หน้าทีวี... กำลังเล่นเกมเพลย์คลายเครียด เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้ทำให้ผมกดหยุดเกมแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่ตัวสูงไล่เลี่ยนั่นกอดอกมองผมอย่างระอา

   “จะอยู่นี่อีกนานไหม?” เสียงเจ้าของบ้านดังขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก
   “อะไร... แค่เพื่อนมาเที่ยวบ้าน มึงจะใจดำขับไสไล่ส่งกูไปถึงไหน...”

   “ทำแบบนี้ไม่สมกับเป็นมึง” ไอ้เดฟบอก ทำให้ผมเลิกคิ้วสงสัย
   “ยังไง”

   “ตุลย์ที่กูรู้จักไม่เคยหนี... ปกติมันจะกล้าเผชิญหน้า แต่นี่...”

   “กูไม่ได้หนี แค่กำลังตั้งหลัก กำลังทบทวนตัวเองว่ากูกำลังทำอะไรอยู่ กี่ครั้งกี่หนที่เจ็บจนทนไม่ไหวแต่ทุกครั้ง กูยกโทษให้มันได้แค่ได้เจอหน้า ได้ฟังเสียง มันยังไม่ทันจะได้ง้อกูเลยด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้ถ้ากูยอมง่ายๆ อีก แล้วมันต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนอ่ะ... ”

   “แล้วมึงไม่อยากฟังคำอธิบายเหรอ ที่จริงมันก็แค่คำพูดของใครก็ไม่รู้ เชื่อได้สักกี่เปอร์เซนต์ แทนที่มึงจะถามจะคุยให้รู้เรื่อง กลับหลบหน้าแบบนี้แล้วเมื่อไรจะดีกัน ป่านนี้ปอนด์มันคงกระวนวายใจที่มึงหายหัวไป”

   “หึ...เป็นงั้นก็ดีสิ แต่กูว่าอาจจะไม่... ดีไม่ดีมันอาจจะดีใจก็ได้ที่ไม่ได้เจอหน้ากูก็ได้”

   “เฮ้อ....” มันถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม ทั้งที่ผมต่างหากที่ควรเครียดกว่ามัน...

   “ถ้ารำคาญขนาดนั้น พรุ่งนี้กูจะกลับบ้าน”

   “ดี เผื่อปอนด์มันจะแวะไปหา...”

   “กูหมายถึงบ้านที่กรุงเทพนะ”

   คราวนี้ผมได้ยินเสียงถอนหายใจซ้ำอีก...





   
   วันศุกร์ ผมไปที่โรงยิม... คงเพราะเอาแต่เล่นเกมจนเบื่อเลยอยากหันมาออกกำลังกายแทนบ้าง ผมบังเอิญเจอแจ๊มป์ที่นี่ รู้สึกแปลกใจที่ผู้หญิงคนนั้นมาเล่นบาส... ดูเป็นกีฬาที่ไม่ค่อยเข้ากับคนบอบบางอย่างนั้นเท่าไร

   เนื่องด้วยผมไม่รู้จักใครในชมรมจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปหาเธอตรงข้างสนาม...

   “มาได้ไงคะ?” เธอหันมาถามเมื่อหันมาเจอผมพอดี ส่วนมือกำลังเดาะบอลกับพื้น

   “แวะมาหาอะไรเรียกเหงื่อหน่อย”

   เธอพยักหน้าแล้วจับลูกบอลในมือแล้วส่งให้ ผมจึงเดาะบอลสองสามทีก่อนจะชู้ตไกลจนลงห่วง

   “แล้วปอนด์ไม่มาด้วยเหรอคะ?” เธอเอ่ยถามและผมก็หันไปมองอย่างแปลกใจ

   “.........”

   “เห็นปกติไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด”

   “วันนี้มาคนเดียว.....”

   “ทะเลาะกันเหรอคะ...” คราวนี้ผมหันไปขมวดคิ้วใส่ “ฉันมองออกว่าคุณเหมือนคนอกหัก.... อาจจะดูไม่น่าเชื่อกับคนที่ปกติไม่สนใจใครอย่างคุณ แต่... ถ้าอีกฝ่ายเป็นปอนด์ก็คงเป็นไปได้ รายนั้นนอกจากความรู้สึกช้าแล้วยังปากหนัก ถ้าไม่เอาคีมมาง้างก็คง...”

   “พูดเหมือนรู้จักมันดีเลย” คราวนี้เธอกลับหัวเราะ

   “เมื่อก่อนฉันเคยชอบปอนด์อยู่พักนึง ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าเค้าชอบผู้ชาย เล่นเอาฉันเสียเซลฟ์ไปเลยแหละ ตอนหลังก็มารู้สึกแบบเดิมอีกตอนมาเจอคุณ เฮ้อ..... ต่อไปถ้าผู้ชายหันมาชอบกันเองซะหมด ผู้หญิงคงไม่มีที่ยืน”

   “ไม่หรอก ถึงยังไงผมเชื่อว่าผู้ชายมากกว่า 70 เปอเซนต์ก็ยังชอบผู้หญิงอยู่ดี”

   “ฟังแล้วรู้สึกดี๊ดี เจ็ดสิบในร้อย....” เธอพูดด้วยน้ำเสียงประชดนิดๆ “อืม... ถ้าจะเล่นบาสไปหยิบเอาในห้องเก็บอุปกรณ์เลยค่ะ ฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่า” เธอบอกลา...แล้วยิ้มให้

   “เดี๋ยว....”

   “คะ?”

   “เทอมนี้เธอมีเรียนเส็คเดียวกับมันไหม?”

   “ปอนด์เหรอ...... มีค่ะ ทำไมเหรอ?......”





   วันจันทร์

    แจ๊มป์ดูแปลกใจเมื่อเห็นดอกไม้ช่อนั้น... แต่เมื่อผมเหลือบตาไปมองใครอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ไกลนักก็ทำให้เธอเดาเรื่องออกอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ไอ้ตัวดีลุกขึ้นเดินออกไป เธอก็หยิบดอกไม้ส่งคืนให้ทันที

   “ขอบคุณค่ะ แต่ฉันไม่รับดีกว่า....”

   ผมรู้สึกผิดหวังที่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ คงเพราะแจมป์รู้ว่าผมทำไปเพราะประชดเธอเลยไม่รับดอกไม้จนคนอื่นเข้าใจว่าผมอกหัก ส่วนไอ้ดื้อก็หน้าบางเกินกว่าจะออกมาโวยวาย ถ้ามันพูดอะไรสักหน่อย แสดงออกว่าหึง หรืออาละวาดบ้างก็คงดี แต่ก็ไม่เลย มันแค่เดินหลบออกไปเงียบๆ และหายตัวไป ทุกอย่างเลยยืดมาอีกสองวัน

วันพุธมันโทรมาตอนผมกำลังทานข้าวที่คณะพอดี ความจริงผมกะจะปล่อยให้มันกังวลใจต่อไปอีก แต่เพราะเพื่อนๆ แนะนำว่าให้รีบคุยกันซะก่อนที่อีกฝ่ายจะถอดใจเลิกง้อ ซึ่งตอนนั้นผมเห็นด้วย ปกติแล้วต่อให้มันผิดมันก็ไม่ง้อผมบ่อยนัก แต่นี่เป็นกรณีพิเศษ ผมเลยได้ใจที่ถือไพ่เหนือกว่า...

    บอกตามตรง ไม่ใช่เรื่องดีหรอกที่จะต้องมาโกรธกันนานๆ แต่ลองมาฟังมันพูดแล้วจะรู้ว่าทำไมผมถึงยังไม่หายโกรธ ผมโกรธตรงที่มันเลือกที่จะเงียบแทนที่จะอธิบายเหตุผล และแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยคำว่า ขอโทษและเสียใจ
แทนที่มันจะสนใจว่าผมกำลังอารมณ์เสียถึงขีดสุดมันกลับแคร์คนรอบข้างมากกว่า... ถ้าคนอื่นรู้ว่ามันเป็นแฟนกับผมนี่มันจะตายหรือยังไง!

    ท้ายสุด มันออกตัวปกป้องคนอื่น...แล้วไหนจะเรื่อง......
   

   -ปอนด์-

   ผมโบกมือลาจุ๊บจิ๊บใต้คณะวิศวกรรมศาสตร์ตอนบ่ายสาม แต่ยังไม่ทันได้เดินไปที่รถก็เจอโต้งมารออยู่ก่อนแล้ว

   “มาทำไม?”  ผมถามด้วยเสียงขุ่นๆ เมื่อนึกถึงผลของการกระทำของมันแล้วก็ไม่ใคร่อยากจะพูดดีๆ ด้วยเท่าไรนัก

   “แวะมาดู ว่ายังสบายดีอยู่ไหม... ได้ข่าวว่าตุลย์มันหันไปจีบสาวแทนแล้วนี่” คำถามนั้นแทงใจดำดังจึ้กจนได้แต่ยิ้มขื่น

   “ถ้ามึงจะมาสมน้ำหน้า กลับไปเถอะ.....” ผมบอกอย่างไม่พอใจนักแล้วเดินเลี่ยงจะเดินไปที่รถ

   “มากับกู...” โต้งพูดแล้วจับแขนผมดึงให้ตามไป ผมมองมือตัวเองที่โดนบีบแน่นอย่างโมโหตัวเองที่สะบัดเท่าไรก็ไม่ออก
   สามนาทีต่อมาผมอยู่ในรถ พร้อมกับระบบออโต้ล็อคทำงาน

   “จะพากูไปไหน”

   “กินข้าวกัน”

   “ไม่หิว....”

   “กินเถอะ มึงไม่กินข้าวไม่ได้หรอก ไม่งั้นจะเอาแรงที่ไหนไปง้อ”

   “โต้ง มึงเลิกยุ่งกับกูได้ป่าววะ แค่นี้กูก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงแล้ว อย่ามาทำให้เรื่องมันแย่ยิ่งกว่าเดิมได้ไหม?”

   “กินข้าวก่อนแล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากัน” ผมพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อคนรอบข้างมีแต่พวกนิสัยเอาแต่ใจชอบบังคับเต็มไปหมด

    “แล้วนี่มึงได้นอนบ้างไหม” ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงจนอ่อนลง “ ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า ระวังจะตายก่อนได้คืนดีกัน”  ผมพูดไม่ออก เมื่อมันช่างรู้ใจว่าผมหลับไม่สนิทมาหลายคืนแล้ว....

   

   กินไม่ลง.... ได้แต่เอาช้อนเขี่ยข้าวไปมา...

   “กินซะ... หมดจานกูจะช่วยคิดแผนดีๆ ให้ รับรองได้ผล”

   “กูจะเชื่อใจมึงได้แค่ไหน ใครจะรู้ตอนนี้มึงคงดีใจจนอยากกระโดดโลดเต้นที่กูทะเลาะกับมัน...” ผมกล่าวหา นึกไม่ไว้ใจคนเจ้าเล่ห์อย่างมันเท่าไรนัก

   “บอกตรงๆ ทีแรกก็ดีใจ แต่เห็นมึงสภาพนี้ จะดีใจก็รู้สึกผิด ถ้าชอบมึงแล้วทำให้ลำบากใจ เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมก็ได้ แค่บอกมาคำเดียว... มึงรักมันจริงๆ ใช่ไหม???”

   

     หลังจากอาหารมื้อเช้าตอนบ่ายสามกว่าๆ โต้งมาส่งผมที่ห้องพร้อมกับยานอนหลับ ผมรับไว้แล้วก็นึกสมเพชตัวเอง ที่ต้องพึ่งพาของพรรค์นั้น

   “ไหนสัญญา” ผมถามเมื่อมันทำท่าจะกลับ

   “สัญญาอะไร?”

   “ถ้ากูกินข้าวหมด มึงจะช่วยคิดวิธีง้อให้”

   “อ๋อ...ความจำดีจริง วิธีการง่ายๆ เลยนะ อยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร” มันตอบหน้าตาเฉย

   “นี่มึงหลอกกูเหรอ...” ผมรีบโวยวาย

   “กูพูดจริงนะ ไม่ได้มีแต่มันหรอกที่มีทางไป ลองถ้ามึงไม่มีมัน ยังมีคนรอเสียบอีกเยอะ”

   “ไหนบอกจะเป็นเพื่อนแล้วไง...”

    “ถ้าไม่ชอบกูจะคบกับเคลียร์ก็ได้นะ แรกๆ กูอาจจะนอยด์บ้างแต่สักพักก็คงชินไปเอง อย่างน้อยเคลียร์มันไม่ค่อยงี่เง่า” ผมส่ายหน้า

   “กูสารภาพกับเคลียร์ไปแล้วเมื่อวันลอยกระทง”

   “สารภาพอะไร”

   “กูบอกว่าเมื่อก่อนกูเคยชอบเขา แต่กูป๊อดเองไม่ยอมบอก ส่วนตอนนี้กูชอบคนอื่นแล้ว... แล้วพอกูอกหักกูจะลากเขามาเลียแผลใจให้มันก็ยังไงๆอยู่ใช่ไหม?”

   มันรับฟังทำหน้าคิด ... แล้วก็ไม่พูดอะไร

   “เฮ้อ... มึงกลับไปเถอะ เดี๋ยวกูหาทางเอง...ขอบใจสำหรับยานะ....” ผมบอกแล้วเตรียมหมุนตัวขึ้นห้อง..

   “เดี๋ยวปอนด์”

   “อะไรอีกวะ”

   “มึงเป็นนักร้องไม่ใช่เหรอ?”

   “ใช่น่ะสิ...”

   “งั้นมึงคิดวิธีง้อยากๆ ไปทำไม แค่ร้องเพลงแทนใจสักเพลงกูว่าแค่นั้นก็โอแล้วแหละ เพราะถ้ามันรักมึงจริงๆ ต่อให้มึงไม่ง้อ เดี๋ยวมันก็มาง้อมึงเอง มันก็ไม่กล้าเลิกหรอก นี่ถ้ามันรู้ว่ามึงมากะกูนะ ป่านนี้เครียดหัวระเบิดไปแล้ว”

   “ไม่รู้จะดีกว่านะ ไม่งั้นระเบิดจะมาลงบ้านกูมากกว่า”  ผมพูดติดตลก..แต่ในสมอง ผมหวังว่ามันจะไม่รู้.... เรื่องที่ผมมากินข้าวกับโต้ง... ไม่งั้นคงเป็นเรื่องใหญ่อีกแน่

    พอเข้าห้องผมก็เปิดคอม ค้นหาเพลงจากอินเตอร์เน็ต ได้ทั้งเพลง เนื้อร้องและคอร์ดกีตาร์...

พอลองซ้อมร้องไปได้พักนึงจนจำเนื้อได้ ก็ค่อยสบายใจ จึงอาบน้ำนอน....

    แต่แม้จะผ่านไประยะหนึ่ง ก็ยังนอนไม่หลับจนต้องลุกจึ้นมากินยาที่โต้งให้

    ผมกลืนยาลงคอแล้วนึกขำกับคำถามของโต้งเมื่อตอนบ่าย

   “มึงรักมันจริงๆ ใช่ไหม??”

    ผมแค่นยิ้ม.....

   ถ้าไม่รักแล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ....
    ก็ถ้าความคิดถึงฆ่าคนได้ ผมก็คงตายไปแล้ว....


    ผมปิดไฟแล้วห่มผ้ารอให้ยาออกฤทธิ์พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูคลิปที่มันส่งมาให้
    ผมหลับไปทั้งน้ำตากับเสียงจากวีดีโอที่วนซ้ำๆ

    รักมึงนะ......
    รักมึงนะ......
    รักมึงนะ......
    รักมึงนะ......



   อืมกูเองก็..........รักมึง...เหมือนกัน




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
59- รักมาราธอน

-ตุลย์-

   ผมกำหมัดแน่นอย่างโมโหเดือดดาลหลังภาพบาดตาปรากฏชัด นี่ถ้าไม่เปลี่ยนใจย้อนกลับมาเข้าเรียนอีกครั้งคงไม่เห็น... ว่ามันไม่ได้ใส่ใจผมเลยสักนิดเดียว...

   ทำไมล่ะ....ทำไมกัน ยิ่งผมเหวี่ยงมากเท่าไร มันก็ยังคงดื้อ... มันคิดอะไรอยู่ตอนขึ้นรถคนอื่นกลับบ้านหน้าตาเฉย หรือมันคิดจะท้าทายว่า ผมจะกล้าทำอย่างที่ขู่จริงๆ หรือเปล่า... เวลาที่ผ่านมาไม่ได้บอกมันเลยหรือไงว่าผมพูดอะไรแล้วจะไม่แค่ขู่ ผมพูดแล้วต้องทำเสมอ...

   นาทีต่อมาผมต่อสายหาพี่ต้องเพื่อถามว่าวันนี้มันจะไปที่ร้านหรือเปล่า และได้คำตอบว่า มันหยุด แต่จะมาวันพรุ่งนี้ ผมจึงจองโต๊ะล่วงหน้า หลังจากนั้นผมโทรหาแจ๊มป์เพื่อชวนเธอไปกินข้าว

   “ถ้าจำไม่ผิด ริมทางนี่มันร้านที่ปอนด์ทำงานไม่ใช่เหรอคะ?” ผมเพิ่งรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมากทีเดียว...

   “ใช่...”

   “งั้นฉันไม่ไปดีกว่า ฉันอาจจะสนุกที่ได้จิกกัดเขาบ้าง แต่ถ้าทำแบบนี้ฉันจะโดนเกลียดไปเลย”

   “วันก่อนพี่ที่ชมรมบาสชวนผมลงแข่งกีฬามหาวิทยาลัยด้วย แต่ผมตอบไปว่าไม่อยาก”

    “แล้วไงคะ?”

   “แต่ถ้าเธอยอมช่วย ผมจะไปก็ได้นะ”

    “คุณจะลงแข่งหรือเปล่าไม่เกี่ยวกับฉันเลย”

    “แล้วเธอไม่อยากให้ชมรมได้หน้าปีนี้เหรอ ได้ข่าวว่าชมรมบาสไม่ติดอันดับมาอะไรมาสองปีแล้วนี่” ผมต่อรองเพราะเชื่อฝีมือการเล่นบาสของตัวเอง และผมเพิ่งทราบว่าแจมป์เองก็เป็นหนึ่งในกรรมการชมรมด้วย

   “คุณมันคนใจร้ายจริงๆ” ผมนึกขำกับคำต่อว่าของเธอ ถึงจะโกรธแค่ไหนก็ด่าไม่ได้แรงๆ ไม่เหมือนผู้ชายด่ากัน

   “ใช่ ผมเป็นอย่างนั้นแหละ....สรุปว่าตกลงใช่ไหม?”

   “ค่ะ พรุ่งนี้กี่โมงคะ?”


   วันพฤหัส.... ผม ผองเพื่อน รวมถึงแจมป์มาถึงที่ร้านตั้งแต่หัวค่ำ แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของพ่อนักร้องตัวดีเลยสักนิด

    “กูว่าเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ” เสียงเดฟบอกอย่างกังวลอยู่ข้างๆ จนผมต้องหันไปหา “ถึงมึงจะโกรธก็ไม่ควรทำแบบนี้ แค่ขู่ก็ไม่เท่าไร ถ้ามันเห็นมึงพาแจ๊มป์มานี่ด้วย ปอนด์ก็ปอนด์เถอะวะ งานนี้กูว่ามีวีน ดีไม่ดีมีพลิกด้วย จากที่มึงเป็นต่อ จะแพ้น็อคไม่รู้ตัว”

   “อย่ามาขู่ แล้วทีมันล่ะ? มันเคยแคร์กูไหม มันเห็นหัวกูหรือเปล่าตอนมันไปเจ๊าะแจ๊ะกับคนอื่น”

   “มันอยู่ที่เจตนา กูว่ามันไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่มึง... ตุลย์.... งอนได้นะ แต่งอนให้พอดี มัวแต่ประชดกันไปประชดกันมา เดี๋ยวได้เลิกกันจริง ถ้ามันง้อก็ไม่เท่าไร แต่ถ้ามันโกรธจริงขึ้นมา กูว่าคนที่เสียใจก็ไม่ใช่ใครหรอกนอกจากมึง”

   เดฟพยายามเตือนสติ แต่หัวสมองผมมันไม่คิดจะรับฟังเลย




   ผ่านไปพักใหญ่จนอาหารมาเสิร์ฟเต็มโต๊ะแต่มันก็ยังไม่มา....

   “ดูเหมือนปอนด์จะยังไม่มานะคะ งั้น ฉันขอตัวไปห้องน้ำแป๊บนะคะ” แจ๊มป์หันมาบอกและผมพยักหน้าอย่างขอไปที ตอนนี้รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาที่เห็นมันมาสายกว่าปกติ จนทนไม่ไหวจนเรียกพี่ต้องมาถาม

   “พี่ต้อง...ทำไมผมไม่เห็น...”

   “ปอนด์ใช่ไหม? พอดีมันไม่สบายน่ะ ทีแรกจะขอลาป่วย แต่พี่บอกว่าตุลย์มา มันเลยบอกว่าเดี๋ยวมันจะมา”

   “ป่วย?...มันเป็นอะไรครับ”

   “ก็คงไข้หวัดธรรมดานี่แหละ เสียงไม่ค่อยดีเท่าไร”

   ผมทำหน้าเป็นกังวลเมื่อทราบว่า มันฝืนสังขารมาทำงานเพราะรู้ว่าผมด้วยวันนี้

   “ขอโทษเถอะ ตุลย์ทะเลาะกับปอนด์หรือไง”

   “ทำไมพี่ต้องถามอย่างนั้นล่ะครับ”

   “ถ้าไม่ทะเลาะกัน ตุลย์น่าจะเป็นคนแรกๆ ที่รู้ว่าปอนด์ไม่สบายไม่ใช่เหรอ ในเมื่อคบกันอยู่?”
   จริงสินะ... ความจริงผมก็สังเกตอยู่หรอกว่าตอนที่เจอมันซูบๆ หน้าตาไม่ผ่องใส แต่เพราะอารมณ์โกรธก็เลยไม่ได้ไถ่ถามสักคำว่ามันสบายดีหรือเป็นอะไรไปหรือเปล่า...”

   “พี่ต้อง... พี่โทรบอกมันทีได้ไหมครับว่าวันนี้ให้พักเถอะ ไม่ต้องมาแล้ว ผมกำลังจะกลับพอดี”

   “สงสัยไม่ทันแล้วมั้ง นี่ก็ผ่านไปพักนึงแล้ว ปอนด์มันคงใกล้ถึงแล้วล่ะ”

   พี่ต้องเดินออกไปพร้อมกับความคิดต่างๆ ในสมองของผมกำลังตีกัน ทั้งไม่แน่ใจว่าตัวเองทำถูกไหมที่พาแจมป์มาด้วยบวกกับความเป็นห่วงที่รู้ว่าปล่อยให้คนป่วยขับรถมาทำงานเอง...

   “ตุลย์” ไม่ทันสรุปทุกอย่างได้ไอ้เดฟก็เรียกพร้อมสะกิดให้ผมเงยหน้าขึ้นมองเวทีที่ตอนนี้มีร่างของคนที่นึกถึงแบกกีตาร์ตัวโปรดของมันขึ้นไปนั่งประจำที่

   “สวัสดีครับ....สำหรับวันนี้ผมต้องขอออกตัวก่อนว่าเสียงอาจจะไม่ดีเหมือนเดิมก็ได้ เพราะผมไม่ค่อยสบาย” มันถอนใจยาว... ผมว่ามันทรมานกับการพูดเพราะตอนนี้มันเป็นหวัดใบหน้าที่เคยขาวของมันซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

    “ใจจริงทีแรกก็จะกะว่าขอโดดงานสักวัน (หัวเราะ) แต่หลายวันมานี่ผมเป็นโรคนอนไม่หลับ (ยิ้ม) นอนไม่หลับเพราะความคิดถึง ..... ผมเคยคิดนะ...ว่าความคิดถึงไม่อาจจะฆ่าใครได้  แต่ถ้าผมยังนอนไม่หลับต่อเนื่องแบบนี้ไปนานๆ ก็คงตายสักวันแน่ๆ เพราะงั้นผมก็เลยต้องมาวันนี้ เพื่อร้องเพลงนี้ให้กับคนที่ทำให้ผมคิดถึงฟัง และ.... ถ้าเขาคิดถึงผมใจบ้างสักนิดนึง เค้าก็คงจะยกโทษกับความผิดที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจของผมนะครับ” ถือเป็นบทพูดที่ยาวเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่วันแรกที่ผมฟังมันร้องเพลงเลยก็ว่าได้

   มันถอนใจเหมือนคนเหนื่อยๆ แต่ลงท้ายแล้วมันก็ยังฝืนที่จะยกกีตาร์ขึ้นแล้วเริ่มอินโทรเพลงช้าๆ ที่ผมไม่เคยคุ้น และเชื่อว่าไม่เคยฟังเพลงนี้มาก่อน


https://www.youtube.com/watch?v=k43AYD0Mpc8
ฟังเพลงต้นฉบับนะคะ


   #เฮ้อ
   ดวงดาวจะสวยเท่าไร ไม่สวยเท่าดวงตาเธอ คงทำได้แค่นั่งเหม่อ เมื่อไม่มีเธอให้มอง
    ใครเดินเคียงคู่กันไป เห็นแล้วจิตใจร่ำร้อง ไม่น่าทำให้เธองอน อยากจะพูดว่าฉันขอโทษ

    *โทรเข้าไปอยากฟังเสียงเธอ ได้เจอแค่เสียงรอสาย ฉันได้เพียงทอดถอนใจผู้เดียว เฮ้อ!

    **ทำไงเธอถึงจะยอมคืนดี ง้อเสียจนมันเหนื่อยใจเต็มที สำนึกแล้วว่าทำตัวไม่ดี อยากขอเธออภัย
    ให้ฉันแก้ตัวอีกที เพิ่งรู้ว่าไม่มีเธอกุมมือ ความเหงามันคืออย่างนี้ ใจเพ้อรำพันคิดถึงเธอ

    ดีกันเถอะสงสารหัวใจฉันที

   เพลงจบท่อนฮุคแล้วตอนที่แจมป์กลับมานั่งยังที่นั่งของตัวเองข้างๆ ผม คงเพราะผมฟังเพลงเพลินจนลืมไปเลยว่าเธอมาด้วย แล้วก็รู้สึกหวั่นใจเล็กน้อยจึงรีบหันไปหาคนบนเวทีว่ามีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง ผลปรากฏว่า....

   ใจอ่อนสักนิดได้โปรด ช่วยหายโกรธเคืองได้ไหม เฝ้าอธิฐานเบื้องบนช่วยดลใจเธอให้เปลี่ยน
ไม่อาจลืมหน้าเธอลง เรื่องราวยังคงหมุนเวียน ยังไงก็ได้ขอเพียง แต่เธอคืนมาเหมือนเก่า


    มันยังร้องเพลงต่อไปอีก หากแต่จับน้ำเสียงที่สั่นขึ้นได้ชัด เสียงสะอื้นเพียงเล็กน้อยที่แทรกระหว่างเนื้อเพลงทำให้ผมใจหาย และยิ่งทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นบางสิ่งที่ไหลกลิ้งลงมาจากดวงตาคู่นั้น....
   
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



   -ปอนด์-

   คงเพราะเมื่อวานหลับไปทั้งๆ ที่ร้องไห้ ตื่นมาเลยไม่สบาย    สภาพร่างกายไม่พร้อม เสียงไม่พร้อม...แต่ไม่อยากทนรออีกแล้ว... ไม่อยากให้เรื่องมันยืดเยื้อต่อไปแม้แต่วันเดียวถึงได้มา...
   แต่...ถ้าผมรู้สักนิดว่า มาแล้วจะต้องมาพบกับภาพแบบไหน ไม่มาซะดีกว่า....


   *โทรเข้าไปอยากฟังเสียงเธอ ได้เจอแค่เสียงรอสาย ฉันได้เพียงทอดถอนใจผู้เดียว เฮ้อ!


    ไม่เคยร้องเพลงครั้งไหนทรมานเท่านี้... เสียงแหบแห้งขาดหายในบางท่อนจนรู้สึกล้มเหลว... แต่ก็ยังร้องต่อไปทั้งที่คัดจมูกจนหายใจไม่ออก อุณหภูมิร่างกายที่พุ่งสูงจนอึดอัด ศีรษะปวดหนึบร้าวลามมาที่เบ้าตา และอาจจะเป็นเพราะพิษไข้ทำให้น้ำตาไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว


   **ทำไงเธอถึงจะยอมคืนดี ง้อเสียจนมันเหนื่อยใจเต็มที สำนึกแล้วว่าทำตัวไม่ดี อยากขอเธออภัย
ให้ฉันแก้ตัวอีกที เพิ่งรู้ว่าไม่มีเธอกุมมือ ความเหงามันคืออย่างนี้ ใจเพ้อรำพันคิดถึงเธอ

    ใช่!! ที่ร้องไห้แบบนี้เป็นเพราะพิษไข้เท่านั้น  เป็นเพราะอาการปวดหัวรุนแรงจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ไม่ได้เกิดเพราะ เห็นมันอยู่กับคนอื่น ไม่ใช่เลย.... ไม่ใช่เลยสักนิดเดียว
    
   ดีกันเถอะ สงสารหัวใจฉันที
   
   ผมกลั้นใจร้องประโยคสุดท้ายด้วยน้ำตานองหน้าด้วยความสงสารตัวเอง และตอนนี้ผมไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้วสำหรับการร้องซ้ำอย่างที่ควรจะเป็น จึงหยิบกีตาร์แล้วลุกขึ้นเดินลงจากเวทีเล็กๆ นั่น

   ผมก้าวลงบันไดเตี้ยๆ ข้างเวทีอย่างทุลักทุเลแต่ก็ยังฝืนไม่รับความช่วยเหลือจากร่างใหญ่ที่เคยคุ้นซึ่งตอนนี้ยืนขวางบันไดจนเกะกะ

   “หลีกไป...” ผมบอกด้วยเสียงแผ่วเบาหากแต่หนักแน่น พยายามผลักแขนแกร่งที่อ้าออกเหมือนจะประคองผมออกห่างอย่างรังเกียจ

   “อย่าดื้อสิ แทบจะเดินไม่ไหวอยู่แล้วยังจะอวดเก่ง...”

   ผมเหยียดยิ้ม กำมือแน่นกับถ้อยคำที่เอ่ยอยู่ข้างกาย ยังรั้นที่จะเดินต่อไปโดยไม่ยอมแหงนเงยขึ้นมองหน้า

    ไม่อยากเห็นหน้าไม่อยากฟังเสียง ไม่อยากรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว...

   “มึงจะหนีไปไหน... เมื่อกี้ยังบอกคิดถึงกูมากจนนอนไม่หลับอยู่เลย พอกูมาหา ทำไมต้องเดินหนีด้วยล่ะ?”

   “ถ้ากูรู้ว่ามึงจะพาเค้ามาด้วย กูจะไม่พูดแบบนั้นให้เสียน้ำลาย กูจะไม่ง้องอนมึงให้เสียเวลาด้วย ถ้ามึงมีความสุขมากที่ได้เห็นตอนกูอ่อนแอ ได้เห็นตอนกูร้องไห้... ก็ดูเอาไว้นะ เพราะนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่มึงจะได้เห็น แล้วต่อจากวันนี้ถ้ามึงอยากมีใคร ก็เชิญมีไปเลย..กูจะก็ไม่ห้าม เพราะมึงจะได้ไปไกลๆ กู  ส่วนกูจะได้กลับไปมีชีวิตอย่างเดิม ไม่ต้องมาทำอะไรบ้าๆ เหมือนตัวตลกแบบนี้” ผมเงยหน้าขึ้นบอกมันทั้งน้ำตา ในหัวใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวดน้อยใจและผิดหวัง ไม่คิดว่ามันจะใจร้ายได้ขนาดนี้

   “มันง่ายอย่างงั้นเลยเหรอวะ” มันจ้องหน้าผม...ด้วยแววตาของคนที่ทำลังเสียใจไม่แพ้กัน แล้วถามกลับมา “ที่ผ่านมาไม่ว่ามึงจะงี่เง่าเอาแต่ใจ จะทำให้กูเจ็บตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ไม่มีสักครั้งที่กูจะยอมแพ้ จะยอมปล่อยมึงไปง่ายๆ แต่พอกูทำบ้าง แค่อยากให้มึงหันมาสนใจกูบ้างเนี่ย มึงจะตัดขาดกับกูง่ายดายขนาดนั้นเลยเหรอไง”

   “มึงต้องการอย่างนี้เองนะ มึงบังคับให้กูทำแบบนี้เอง...มึงเป็นคนพาเค้ามาเอง” ผมแผดเสียงจนแสบคอ

   “กูเคยบอกแล้วนี่ กูไม่ได้คิดอะไรกับเค้า... กูแค่อยากประชดมึง... ทำไมวะ มีผู้หญิงมาชอบกูตั้งมากมาย แต่กูไม่เคยมองคนอื่นหรือรักคนอื่นได้เท่านี้ กูมีแต่มึง รักแต่มึงคนเดียว  รักที่สุด แต่มึง.. มึง..กลับไม่เคยแคร์ ไม่เห็นค่าความความสำคัญของกูเลย...” คราวนี้ไม่ใช่แค่ผมที่ร้องไห้ แม้แต่ตุลย์ก็ยังสะอื้นนิดๆ แม้จะไม่มีน้ำตาสักหยด แต่เสียงพูดมันทำให้เข้าใจไปอย่างนั้น

   ผมรู้สึกกดดัน อัดอั้นกับถ้อยคำตัดพ้อที่ใส่ร้ายผมอย่างต่อเนื่องจนอดไม่ได้ที่จะต้องเถียง...

   “ทำไมมึงจะไม่สำคัญกับกู  ต่อให้กูจะเจ้าชู้แค่ไหน  แต่กูไม่เคยนอกกายนอกใจ หรือตั้งใจเอาคนอื่นมาประชด  ต่อให้กูมีทางเลือกที่จะคบกับคนอื่นได้  แต่สุดท้ายกูก็เลือกมึง ยอมให้มึงเป็นผัวแค่คนเดียว กูไม่เคยยอมใครเท่านี้  แล้วมึง...... มึงยังจะเรียกร้องอะไรจากกูอีกล่ะ?!”

     เหนื่อย...แทบขาดใจกว่าจะพูดออกไปจนจบประโยค  พยายามป้อนลมหายใจให้ตัวเองที่ทรมานจากทั้งอาการไข้และการร้องไห้หนักหน่วง ปาดน้ำตาทิ้ง ขณะจ้องหน้าที่ยืนมึนงง แล้วสายตาก็เหลือบเห็นว่าตรงนี้ไม่ได้มีแค่เรา  แต่มันอยู่ห่างออกจากเวทีไม่ไกลนัก ดังนั้นคนที่ได้ยินคำพูดของผมก็ไม่ได้มีแค่มัน แต่อาจจะรวมถึงอีกหลายสิบชีวิตในร้านด้วย

   ฉิบหายแล้ว!!

   นี่กูพูดอะไรออกไป

   ตะโกนประโยคประจานตัวเองกลางร้านเนี่ยนะ


   ไม่ไหวแล้ว อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไว้ที่ไหน.... สำนึกได้ว่าต้องหนี...

   แต่....ตัวการตรงหน้ามันมือไวกว่าหลายขุม ก่อนที่ผมจะทันพาตัวเองออกจากพื้นที่นั้น ไอ้เวรนั่นมันก็ดึงแขนผมกระชากทีตัวปลิวเข้าไปหา ก่อนจะประกบปากจูบอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว

   ผมเบิกตากว้างเพราะความตกใจกับกลีบปากที่ลดวูบลงมาสัมผัสริมฝีปากตัวเองอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง ลำคอถูกกดรั้งให้อยู่นิ่งรับแรงรุกเร้าจนไม่สามารถขยับหนีไปไหน หัวสมองที่ถกเถียงกันเรื่องความเหมาะสมของสถานที่เริ่มเลอะเลือนจนขาวโล่ง กีตาร์ตัวโปรดที่ถือไว้ถูกละทิ้งจนหลุดมือไป เหลือเพียงดวงตาที่หลับพริ้มลงและปล่อยทุกอย่างให้ผ่านไป


   บอกทีเถอะชีวิตนี้มีเรื่องน่าอายไหนจะหนักหนาเท่านี้อีกไหม?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-02-2015 21:56:42 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
ผ่านการเกลาแล้ว ต่างจากเดิมอยู่นะคะ
ขออภัยด้วย ปรับปรุงซะนานเลย


   หลังรสจูบหนักๆ ของมัน....ผมก็สิ้นสภาพนิสิต (นักศึกษา) และเพราะพิษรักเอ๊ย ไม่ใช่... พิษไข้รุมเร้าจนทำให้ไม่มีแรงยืน ถ้าไม่มีแขนของมันประคองไว้ก็คงลงไปกองเรียบร้อย

   “พากูออกไปที...” ผมกระซิบเสียงแผ่วอยู่กับอกของมัน 

   “ไปไหน” มันถามกลับมา

   “ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่” ผมส่งเสียงอ้อนอย่างหมดแรงแล้วหลับตานิ่งทิ้งตัวอยู่กับอ้อมแขนแข็งแรงนั่น

   มันไม่เอ่ยถามอีก ทำเพียงช้อนร่างผมลอยขึ้นเหมือนอุ้มเจ้าหญิงก่อนจะพาผมเดินออกไป
   ผมแกล้งหลับ หลับตาให้คนคิดว่าเป็นลมไปเพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าคนอื่นให้ต้องอายยิ่งกว่าเดิม..
   ระหว่างนั้นผมได้ยินเสียงคน มีคำถามลอยวนว่าผมเป็นยังไงบ้าง รวมถึงเสียงผู้หญิงคนนั้นที่บอกว่าเธอมียาดม

   “คงเป็นลมไปเพราะไข้สูงมาก ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกูพาไปพักเอง เดฟ....ฝากไปส่งเธอทีนะ”

   แม้ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาแต่ผมรู้ว่ามันหมายถึงใคร ผมควรรู้สึกยอกแสยงใจบ้างที่เห็นมันแสดงความห่วงใยใครคนอื่น แต่เมื่อนึกถึงอ้อมแขนของมันที่โอบอุ้มผมไว้ตอนนี้ ผมก็ควรดีใจมากกว่าน้อยใจ...
   


   ตอนที่อยู่ในรถเราไม่ได้คุยกันอีก ต่างฝ่ายคงต่างพยายามทบทวนเรื่องต่างๆ ให้ตกผลึก

   ส่วนตัวผมคงไม่คาดหวังอะไรว่าการอุทิศความน่าอายของตัวเองเป็นเครื่องสังเวยจะทำให้ตุลย์ใจอ่อนบ้างไหม สภาพร่างกายและสภาพจิตใจที่อ่อนแอของผมตอนนี้ไม่อำนวยให้คิดอะไรมากนัก แต่อย่างน้อย.... การที่เราต่างพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมามันคงช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นบ้าง

    เมื่อถึงห้อง มันวางผมลงที่เตียงก่อนจะหาผ้ามาเพื่อเช็ดตัวให้ ผมทำอะไรไม่ถูกเลยที่เห็นมันทำแบบนั้น ใจหนึ่งก็อยากจะขัดขืนไม่อยากให้มันแตะต้อง แต่เดี๋ยวก็จะทะเลาะกันต่อด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก จึงพยายามหลับหูหลับตาไม่รับรู้อะไร แม้ว่าหัวใจตัวเองจะเต้นดังขึ้นจนกลัวมันทะลุอกมาทุกนาที

     คืนนั้น....หลังจากมันจัดการเก็บผ้าเรียบร้อยมันก็กลับมาอีกครั้ง กลับมานอนอยู่ข้างๆ กัน
   ด้วยความอ่อนเพลียผมจึงไม่ได้ขับไล่มันให้กลับไป

    ไม่มีคำพูดใดในคืนนั้น ไม่มีเสียงทะเลาะหรือถ้อยคำตัดพ้อ มีเพียงความเงียบและร่างของผมที่กอดเกยควานหาไออุ่นที่โหยหามานานหลายวัน และผมหลับสนิทได้อีกครั้ง....


    ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ... บนเตียงนั้นว่างเปล่าและเย็นเฉียบ มันไม่อยู่แล้ว

    คงไปนานแล้วมั้ง และอาจจะไม่มาอีก... ผมยิ้มเศร้า เมื่อคิดอย่างนั้น

บางทีมันอาจจะไม่พอใจที่ผมเอ่ยปากตัดขาดมันเมื่อวานนี้ ทั้งๆที่ผมพูดไปทั้งหมดด้วยอารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจก็เท่านั้น ผมก็รู้ตัวดีอยู่ว่าที่พูดออกไปว่าทุกอย่างจะดี แต่ความเป็นจริง มันก็ไม่ได้ง่ายถึงขนาดนั้น แค่นึกถึงตอนที่ไม่มีมันขึ้นมาทีไร ก็เหงาใจ...และคิดถึงจนทนไม่ไหว และผมยังไม่รู้ว่าต้องอยู่กับความคิดถึงแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนถึงจะตัดใจได้จริงๆ

    แอ๊ด....

    ผมแทบสะดุ้งเมื่อประตูห้องเปิดออกและร่างสูงใหญ่เดินเข้าห้องมาพร้อมถุงใสในมือ

   บอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกอย่างไรตอนนั้น มันเหมือนคนกำลังจะจมน้ำตายแล้วมีคนยื่นชูชีพมาให้แล้วลากเข้าฝั่ง...

   “ตื่นแล้วเหรอ?” คำถามมันเรียบง่ายไม่บอกอารมณ์

   “......” ผมเงียบไม่ตอบแล้วก้มหน้าลงเพื่อซ่อนความหวั่นไหว

   “กินโจ๊กกัน...” มันบอกแล้วเดินไปหาชามมาใส่โจ๊กให้



    เรานั่งกินโจ๊กนั่นเงียบๆ

    “ดูเหมือนไข้จะลดแล้วนะ...” ผมพยักหน้าน้อยๆ

    “กินยานี่ซะ...แล้ววันนี้ก็หยุดเรียนเถอะ” ผมรับยานั่นมาอย่างว่าง่าย

   “กูซื้อข้าวต้มเซเว่นมาแช่ไว้ให้แล้วนะ คงกินได้อีกหลายมื้อ กินข้าวกินยาให้ครบตามเวลาล่ะ จะได้หายไวๆ”
   มันสั่งเสีย และเมื่อผมไม่ตอบอะไรมันก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ประตูห้อง

   “ตุลย์.....” มันหันมามอง...   “มึง..จะไปไหน...”

   “กลับบ้าน” มันตอบง่ายๆ ใจผมนึกอยากถามว่าแล้วมันจะมาอีกไหม...แต่เมื่อนึกถึงคำพูดที่บอกให้ผมกินข้าวกินยาให้ครบก็แปลว่ามันคงไม่กลับมาอีก คำถามนั่นจึงถูกกลืนหายไปอีกครั้ง

   “จะไม่มาที่นี่อีกแล้วใช่ไหม เรื่องของเรามันจะจบลงแค่นี้ใช่ไหม” มองผมนิ่ง ไม่ตอบ... “อือ กูเข้าใจ ยังไงก็ขอบใจนะสำหรับทุกอย่าง...มึงไปเถอะ กูอยู่ได้....” ผมบอกพยายามฝืนยิ้มแม้จะฝืดฝืนและนึกอยากร้องไห้ออกมา

    แต่แล้วก็ได้ยินเสียงถอนใจเฮือกใหญ่

   “จะบ้าหรือไง บอกตอนไหนว่าจะยอมให้ไป บอกตอนไหนว่าอยากเลิก กูบอกตอนไหนว่าไม่รักมึงแล้ว ถ้ากูไม่ได้พูดแบบนั้นก็อย่าคิดไปเองดิวะ...” มันโวยวายออกแนวบังคับ

"ก็มึงบอกจะไป...."

"กลับไปอาบน้ำอาบท่าไปเรียนบ้างน่ะสิ"

   “แล้วมึงหายโกรธกูหรือยังล่ะ....”

   “ยัง” คำสั้นๆ ที่ทำให้ธารใสซึ่งอั้นไว้คราวแรกกลายเป็นปริ่ม..

   “อย่าร้องไห้ เดี๋ยวก็ไข้กลับอีก” มันห้ามเสียงดุ “เอาน่า กูแค่ล้อเล่น หายแล้วก็ได้ แต่แค่อยากให้ง้อกว่านี้อีกสักหน่อย เพราะจริงๆ กูยังไม่ได้คำอธิบายที่ฟังขึ้นเลยนะ นอกจากเพลงเพราะๆ กับเรื่องที่มึงบอกว่า มึงเป็นเมียกูคนเดียว...”

   “กูทำดีที่สุดได้แค่นี้แหละ..” แค่นั้นก็อับอายขายหน้าจนอยากมุดดินหนีแล้ว

   “ดีมันก็ดี แต่ยังไม่ที่สุด” 

    “ต้องให้ร้องไห้หน้าคณะหรือไงถึงจะหาย...”

   “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้”

    “แล้วมึงจะให้กูทำยังไงอีกวะ...แล้วทีมึงล่ะยังพา....”

   “ก็ไม่ได้สนใจเค้า.... สาบานก็ได้นะ ขอให้....”

   “ไม่ต้องเลย เผื่อฟ้าร้องตอนกูอยู่ใกล้ๆ ไม่อยากเสี่ยงด้วย...”

   “รู้ได้ยังไงว่าจะสาบานอย่างนั้น...”

   “ไม่รู้ดิ เดาเอา ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบสาบานอะไรซ้ำซาก”

   “ถ้ากูโกหกขอให้...มึงไม่รัก....”

   “มันน่ากลัวตรงไหนน่ะ”

   “มึงไม่รู้หรือไง......”

“รู้ว่า........” มาอีกแล้วเหรอ การตอบคำถามด้วยคำถาม....

“ถ้ามึงไม่รักกู กูก็รู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็นแล้ว ไม่น่ากลัวได้ยังไง....”

   พอฟังคำพูดแบบนั้นแล้วผมก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ซ่อนยิ้มไว้ในหน้า....
พูดขนาดนี้แล้ว ถึงบอกว่ายังงอนอยู่ผมก็ไม่ง้อแล้วล่ะครับ หึหึ
   แม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาจะมีช่วงที่เลวร้ายกับเหตุการณ์บีบคั้นต่างๆ เกิดขึ้น แต่เมื่อมีมันอยู่ใกล้ ได้ยินมุกแป้กเลี่ยนๆ ที่ไม่เข้ากับหน้ามันแบบนี้ มันก็แทบจะทำให้ลืมวันเวลาเหล่านั้นไปจนหมด...


   
   ด้วยความถึก บึกบึน... ทานข้าวเป็นเวลา ทานยาครบ นอนหลับสนิท ทำให้ผมหายไข้อย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่ได้ไปร้องเพลงที่ริมทางอย่างเดิมแล้ว เพราะทนความอับอายที่เกิดที่ร้านไม่ไหว เลยขอพี่ต้องพักยาวไปแบบไม่มีกำหนด

   ตุลย์กลับไปบ้านแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากทำรายงานที่ค้างไว้ให้เสร็จไปแต่เนิ่นๆ ซึ่งผมไม่ได้คัดค้านขอร้องให้มันอยู่ เพราะรู้ว่าที่จริงมันเป็นคนขยันเรียนมากทีเดียว

   นอกจากนี้มันยังดูยุ่งๆ เพราะต้องแบ่งเวลาไปซ้อมบาสที่โรงยิมเพื่อแข่งกีฬามหาวิทยาลัยอีก ซึ่งผมไม่ได้ถามว่าอยู่ดีๆ ทำไมมันถึงตัดสินใจไป ทีแรกผมก็ไม่ได้อยากไปดูเท่าไร แต่เพราะไม่ต้องไปร้องเพลงแล้วก็เลยว่างจัด ถึงได้แวะไปดู แล้วก็รู้ว่ายัยแจ๊มป์ก็ดันอยู่ชมรมบาสนี้ด้วย

   ทีแรกก็นึกตะขิดตะขวงใจบ้างจนต้องแวะไปเฝ้าทุกๆ วัน แต่พอนานๆ เข้าก็รู้สึกว่าตุลย์ก็ยังเป็นตุลย์ที่ยังไม่สนใจใครเหมือนเดิม มันอาจจะอัธยาศัยดีกับแจ๊มป์บ้างแต่ถึงอย่างไร....ผมก็รู้สึกได้ว่ามันไม่มากเท่าที่มีให้ผม พักหลังผมจึงสบายใจขึ้นเยอะ

   หรือแม้แต่ตุลย์เอง...ถึงมันจะเคยบอกว่ายังไม่หายโกรธแต่มันก็ไม่พูดไม่ถามถึงเรื่องที่โกรธเคืองกันในตอนนั้นแล้ว และเมื่อมันไม่ถามผมจึงทำเป็นลืมๆ ไปบ้างหมือนกัน





   ในที่สุดก็ผ่านมิดเทอมไปจนได้.... การมีตุลย์เป็นแฟนทำให้การติวหนังสือดูดุเดือดเลือดพล่านกว่าปกติจนน่าใจหาย จนผมขอร้องให้มันปล่อยผมไปตามทางเถิด มันมีบ่นบ้างแต่ก็ยอมให้แยกตัวไปติวหนังสือเองเพราะบางวิชาเราก็เรียนไม่เหมือนกัน


   หลังสอบอันเคร่งเครียดผมนอนหลับเป็นตายไปเป็นวันๆ ส่วนตุลย์ก็เงียบหายไปอย่างไร้ตัวตน จากที่เริ่มสอบจนสอบเสร็จผมไม่ได้เจอมันมาประมาณอาทิตย์นึงได้แล้วมั้ง

   ที่จริงผมไม่ได้อยากไปหามันหรอก แต่ไม่เจอกันนาน โทรศัพท์ก็ไม่ได้คุย เลยนึกเป็นห่วงว่ามันจะตายคาบ้านหรือเปล่า จึงตกลงใจแวะไปหาเสียหน่อย แต่ที่ไหนได้ พอไปถึงก็เจอมันกำลังนั่งเล่นเกมเพลย์ชิลชิล ช่างเสียเวลาห่วงใย...

   “อ้าว....กำลังคิดถึงพอดี...” 

“คิดถึงแล้วไม่มาหาแต่นั่งเล่นเกมเนี่ยเนอะ”  ผมค่อนแคะแล้วนั่งลงกับพื้นเว้นระยะห่างนิดหน่อยเผื่อถูกจู่โจมกะทันหัน

   “มาเล่นเกมกันไหม?” มันชวน

   “เกมอะไรล่ะ?”

   “.............ป่ะ เล่นเป็นไหม?” มันเอ่ยชื่อเกมฟุตบอลยอดฮิตขึ้นมา

   “พอได้อยู่”

   “มาพนันกัน ถ้าใครชนะ จะขออะไรอีกฝ่ายก็ได้ข้อนึง....”

   “โกงว่ะ มึงเล่นทุกวันจะแพ้ง่ายๆ ได้ยังไง”

   “งั้นต่อให้ 5 ลูก..ถ้าเสมอกัน ถือว่ากูแพ้ แต่ถ้าชนะแต้มต่างเท่าไรก็จะขอได้เพิ่มขึ้นอีก...เอาเปล่า มึงได้เปรียบเห็นๆ” ผมทำท่าคิด ตั้ง5ลูก จะว่าไปก็เยอะเหมือนกันล่ะนะ...

   “ก็ได้”


   
    ผลการแข่งหลังจากผมเล่นอย่างสุดฝีมือ สกอร์อยู่ที่ 1:8

    คิดว่าคงเดากันถูกว่าใครได้ 1ใครได้ 8 เฮ้อ.... หลังหักแต้มต่อไป 5 ก็ยังเหลือแต้มต่างอยู่อีก 2
   คิดแล้วก็อนาถตัวเองครับ เสียเปรียบมันทั้งขึ้นทั้งล่อง

   “คำขอข้อแรก... ขอให้มึงตอบคำถามที่กูจะถามต่อไปนี้.... โดยห้ามโกหกแม้แต่คำเดียวถ้ามึงโกหกขอให้ตายด้าน”

    มันเลิกเล่นเกมเพลย์ แต่หันมาเล่นงานผมแทนแล้วตอนนี้

   “แล้วทำไมต้องแช่งด้วยวะเนี่ย” ผมบ่นออดแอด

   “ก็อยากฟังแต่ความจริงไง.....ตกลงป่าว”

   “เออ ถามอะไรก็ถามมาดิ”

   เงียบไปนานจนผมเพลีย....

   “มึงเลิกชอบมันยังวะ ยาสระผมนั่นน่ะ” คำถามแรกมานี่ก็โหดเลยนะ

   “อยู่ดีๆ ทำไมถามล่ะ”

   “ที่จริงก็อยากถามตั้งนานแล้ว แต่ไม่รู้มึงจะตอบเปล่า ว่าไงล่ะ ตอบมาสิ”

   “ชอบมึงมากกว่าแล้วกัน....” มันเงียบ.... เมื่อเจอคำตอบเอาใจไป

   “แล้วโต้งอะไรนั่นล่ะ มึงคิดอะไรกับมันป่าว...”

   “มันเป็นเพื่อนที่ดีนะ ดีมากเลยแหละ”

   “ยังมีอะไรปิดกูอีกไหม? เรื่องที่กูไม่รู้....”

   “เรื่องบางอย่างไม่ต้องรู้จะดีกว่าไหมล่ะ อย่างมึงเองก็ต้องมีบ้าง เรื่องที่ไม่อยากบอกกูเพราะกลัวกูคิดมากใช่ป่ะวะ?” ทีนี้ทมันทำท่าคิด เหมือนจะเห็นด้วย

   “หมดยังขี้เกียจตอบแล้ว...”

   “รักกูป่ะ....” คือเหี้ยสุดละคำถามนี้....

   “อย่าถามอะไรที่รู้อยู่แล้วดิวะ...”

   “กูไม่แน่ใจว่ากูรู้นี่หว่า...ตอบมาเลย....ห้ามโกหกด้วยนะ แล้วก็ห้ามตอบแบบอ้อมๆ ด้วย”

   ผมถอนใจยาวแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตอนที่ตอบ

   “รัก”  :hao4: เหมือนถูกขืนใจเลยพับผ่าสิ

   “มากป่ะ....” ได้ทีเอาใหญ่เลยนะมึง!

“..............................” :mew2:

   “ตอบดิ....วอก”

   “มาก....” ฮือ ไอ้เลวววววว  :z3:

   “ก็เท่านั้น” แล้วมันก็หัวเราะ ไอ้โรคจิตตตตตตตตตเอ๊ยยยย  :z6:

“ก็แค่บอกว่ารักจะไปยากตรงไหน ทำหน้าเหมือนพูดแล้วจะตายไปได้ พูดให้ฟังบ่อยๆ หน่อยไม่ได้หรือไงนะ”

   “คำบางคำอ่ะนะ นานๆพูดที ฟังแล้วก็รู้สึกดีและมีค่า แต่ถ้าพูดบ่อยๆ ฟังแล้วก็เบื่อเปล่าๆ....”

   “ถ้าเป็นมึงพูด กี่ครั้งๆ กูก็ไม่มีวันเบื่อ...”

   “มึงยังไม่เบื่อเพราะกูไม่ได้พูดบ่อยๆไง” ผมเถียง

   “แสดงว่ากูพูดๆ บ่อยแล้วมึงจะเบื่อรึไง ขนาดกูยังไม่เบื่อที่จะพูดเลย แล้วมึงมีสิทธิ์อะไรมาเบื่อที่จะฟังวะ....?”
   ผมทำหน้าเอือมระอา ส่ายหน้ากับเสียงดุๆ นั่น

   “อย่าบอกนะว่ามึงเบื่อจริงอ่ะ” ดุแล้วก็ถามกลับอีก วุ่นวายจริงๆ ไอ้กระต่ายบ้าเอ๊ย.....

   “ทำไม? ถ้ากูบอกเบื่อ มึงจะเลิกพูดหรือไง....” ผมหันไปถามกวนๆ

    “ไม่หรอก มึงเบื่อก็เรื่องของมึงสิ กูอยากพูดแล้วมึงจะทำไม”
   เฮ้อ.......ถ้าสุดท้ายแล้วจะเอาแต่ตัวเองแบบนั้น ก็ไม่รู้ว่ามันจะถามทำซากอะไรเหมือนกันนะครับ


    “ถึงมึงเบื่อกูก็จะพูด........รักมึงนะ”




   ผมเองก็คงไม่ต่างจากมันหรอกมั้ง

   คำว่ารักจากปากมัน

   ให้ฟังซ้ำๆซากๆ บ่อยมากแค่ไหน...แต่ถึงยังไง ก็ไม่มีวันเบื่อ


    Fin……………………………………………………………………………………






























แถม.....

   ไม่นานหลังจากนั้น.... ผมรู้สึกถึงเท้ากระต่ายที่เปะป่ายไปทั่วร่างผม

   “เดี๋ยวดิ.....ถามคำถามจบแล้วเหรอ?”

   “จบแล้ว.....”

   “งั้นถอยไปเลย...กูจะกลับแล้ว...” พยายามแงะงัดมือปล่หมึกนั่นออก

   “ไปไหนวะ... ยังไม่หายคิดถึงเลย” มันส่งเสียงอ้อน...

   “เรื่องของมึง ไม่เกี่ยวกะกูเลย...”

   “เฮ้ย!! มึงแพ้พนันนะ เพราะงั้นกูยังขออะไรจากมึงได้อีกข้อ”

   “ฮะ? จะขออะไรอีก”

มันส่งสายตาหวังดีประสงค์รักมาให้อีกครั้งก่อนจะคลุกวงในกอดรัดกันให้ตายคาอก..แล้วเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้ขนลุกขึ้นมาอีก...

   “ขอกินหน่อย.......นะขนมปังคนดี......”

ซวยแล้ว...คือคำขอข้อนี้เชี่ยกว่าข้อแรกพันเท่าเลย

 :o12:   

   แต่...ผมก็ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากทำใจว่าวันนี้คงไม่มีทางรอดพ้นจากการเป็นอาหารกระต่ายแน่แล้ว.....

   เฮ้อ...............................


เบื่อมัน

   เบื่อมัน

เบื่อมัน

เบื่อมัน

เบื่อมัน

เบื่อมัน


   และที่เบื่อมากกว่าตัวมันก็คือตัวผมเอง....

ทำไมไม่เคยเอาชนะความเอาแต่ใจของกระต่ายหื่นเซ็กส์จัดตัวนี้ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวเลยนะ !!  :ling3:
   



    End.


   +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




จริงๆ มีปมที่ถูกตัดออกด้วยนะ เพราะกลัวมาม่าลากยาวกว่านี้เลยพักเก็บไว้ แต่ถ้าคนอ่านไม่รู้ตัวก็แสดงว่าไม่เป็นไร 55+

*ถ้าใครนึกครึ้มไปอ่านซ้ำแล้วเจอปมที่คิดว่าคนเขียนลืมก็บอกได้นะคะ แต่คิดว่าไม่มีแล้วแหละ (แต่ช่วงที่นิย้อนไปแก้คำผิดทั้งเรื่อง ถ้าเจอเองแล้วจะตามเก็บให้นะ)

***ตอนจบเหมือนจะรวบรัดเพราะชอบฉากนี้ แต่คิดว่าไม่จบห้วนอะไรเพราะมีตอนพิเศษให้อ่านอยู่อีก

****แต่....ตอนพิเศษรอไปก่อนนะอย่างเร็วก็สามวัน อย่างช้าก็ครึ่งเดือน

***** รวมเล่ม....ติดต่อสนพ.อยู่ค่ะ คิวย้าวยาววววววว ใครอยากได้สองหนุ่มไปเก็บ คงต้องรอกันนานหน่อย แต่รับรองว่า ต้องออกมาสวยแน่เลย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2015 10:19:41 โดย ๛ナーリバス๛ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด